ป้าได้อ่านบทความนี้แล้วรู้สึกดี เลยอยากเอามาฝากพี่น้องหมู่เฮาจ้า
ความศักดิ์สิทธิ์ที่เหนือสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ข้อความที่ผู้เขียนจั่วหัวเอาไว้ อาจทำให้ท่านผู้อ่านหลายท่านขมวดคิ้ว
มีด้วยหรือความศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เหนือสิ่งศักดิ์สิทธิ์
คำตอบก็คือ มีจริง ความศักดิ์สิทธิ์นั้นคือ กรรม ที่เกิดจากการกระทำของตัวเราเองนั่นแหละ ดังจะได้เห็นจากคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่เคยได้รู้ได้ฟังมา ท่านจะเน้นลูกศิษย์ลูกหาให้รู้จักพึ่งพาตัวเองด้วยการประพฤติปฏิบัติตนให้อยู่ในกรอบแห่งคุณงามความดี ไม่ล่วงละเมิดศีลอันถือเป็นความปกติของมนุษย์ที่มีชีวิตจิตใจประเสริฐกว่าสัตว์โลกอื่น ๆ
ในอดีตจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าจะมีเหล่าคณาจารย์ผู้เรืองเวทวิทยาคม ได้สร้างวัตถุมงคลอันวิเศษเอาไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ใช้ปกป้องและกันภัยจำนวนไม่น้อย หากผู้ทรงภูมิเหล่านั้นก็มักจะย้ำเตือนอยู่เสมอ
จงหมั่นสร้างบุญ รักษาศีล รักษาใจ อยู่ในไตรสรณคมน์อย่างมั่นคงอย่างไม่ประมาท
ครั้งหนึ่งในอดีต ผู้เขียนเคยกราบนมัสการเรียนถามครูบาอาจารย์สายพระกรรมฐานทางภาคอีสานรูปหนึ่งด้วยความใคร่รู้ เพราะครั้งนั้นยังอยู่ในวัยรุ่นวัยเรียนที่ปรารถนาหาวัตถุมงคลมาป้องกันตัวตามประสาคนเกเรอยู่บ้าง
พระของหลวงปู่ป้องกันภัยได้จริงหรือครับ
คำถามตามประสาซื่อ ซึ่งท่านตอบแบบยิ้ม ๆ
ได้อยู่
จำว่ารับแจกวัตถุมงคลจากมือหลวงปู่ด้วยความยินดีปรีดา และคิดในใจว่า จากนี้ไป ตัวเองจะหนังเหนียวเที่ยวไปไหน ๆ ด้วยความปลอดภัย แต่หลวงปู่ก็กล่าวแบบยิ้มเหมือนรู้ใจ
แต่ว่าพระของหลวงปู่ป้องกันภัยจากผลกรรมไม่ได้เด้อ!
วันวานเหมือนเข้าใจ แต่เพราะวัยน้อยนิดจึงคาค้างในจิตอยู่บ้าง จะเอ่ยถามก็เกรงใจ ก็เลยนิ่งเงียบ จนมาวันหนึ่งได้อ่านประวัติของเกจิอาจารย์ในหนังสือเกี่ยวกับพระเครื่องเป็นเรื่องราวของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์
ว่ากันว่า วัตถุมงคลของท่านนั้นป้องกันภัยจากอาวุธชะงัดนัก จนเป็นที่เลื่องลือไปทุกสารทิศ
วันหนึ่งเกิดมีคนถูกยิงตายไม่ไกลจากวัดหนองโพนัก คนตายมีเหรียญของหลวงพ่อเดิมห้อยคออยู่ ผู้คนจึงเรียนถามท่าน
ทำไมห้อยเหรียญหลวงพ่อจึงถูกยิงตาย
ว่ากันว่า หลวงพ่อเดิมท่านเดินมาดูศพด้วยตัวท่านเอง พอมาถึงท่านยืนดูและพิจารณาอยู่ชั่วครู่ขณะก่อนสั่งให้ชาวบ้านยกศพชายดังกล่าวขยับออกห่างจากจุดที่เกิดเหตุเพียงแค่สองวา พร้อมกับบอกให้ชาวบ้านชักปืนออกมายิงศพอีกครั้ง ผลปรากฏว่ากระสุนด้านทุกนัด
อะไรก็กั้นกรรมไม่ได้ กรรมของมันต้องตายตรงนั้น ตรงนั้นคือที่ตายของมัน คือประโยคยืนยันของหลวงพ่อเดิมวัดหนองโพ ผู้เรืองเวท
นั่นคือคำกล่าวที่ว่า กรรม มีอำนาจเหนือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวง
ถึงตรงนี้ผู้เขียนไม่แปลกใจอะไรเลย จะให้แปลกอย่างไรล่ะครับ ก็ในเมื่ออาจารย์ผู้สร้างเครื่องรางและวัตถุมงคลเหล่านั้นท่านยังมิอาจพ้นภัยจากมรณกรรมได้ ผู้นำมาใช้จะรอดตายได้อย่างไร
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ครูบาอาจารย์บางท่านก็กล่าวไว้ว่า วัตถุมงคลบางอย่างบางชนิดที่ผู้ทรงฤทธิ์ทรงอภิญญาท่านกำหนดจิตไว้ สามารถป้องกันภัยร้ายให้ได้ แต่มักจะเกิดกับผู้มีศีลธรรม หรือคนที่มีเคราะห์กรรมเบาบาง ในทำนองผ่อนหนักให้เป็นเบาเสียเป็นส่วนมาก
เกจิอาจารย์อีกองค์หนึ่งที่ผู้เขียนรู้จัก คือหลวงปู่ดู่วัดสะแก จ.อยุธยา ซึ่งในปัจจุบันท่านได้มรณภาพไปแล้ว ท่านเป็นครูบาอาจารย์อีกองค์หนึ่งที่อนุญาตให้ลูกศิษย์ช่วยจัดสร้างวัตถุมงคลและท่านอธิษฐานจิตให้จนโด่งดังไปทั่วในหมู่ผู้นิยมเครื่องรางของขลัง
แม้ท่านจะรับรองในความศักดิ์สิทธิ์ของพระเครื่อง หรือวัตถุมงคลที่ท่านยกไว้เหนือกว่านั้นคือ การปฏิบัติ ดังจะได้เห็นจากคำกล่าวของท่านที่ว่า
เอาของจริงดีกว่า พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สรณัง คัจฉามิ นี่แหละของแท้
ประโยคของหลวงปู่คือคำยืนยันชัดเจนว่าการเข้าถึงไตรสรณคมน์คือการปลอดภัยในชีวิตและจิตวิญญาณ แม้หมดลมหายใจคือต้องตายก็ตายในจิตที่มีพระรัตนตรัยเป็นอารมณ์ นั่นหมายถึงจะมีสุคติภูมิเป็นที่หมายในภายหน้า
ฉะนั้นแม้หลายต่อหลายคนจะแขวนพระ ห้อยเครื่องรางของขลังเต็มตัวที่ผู้ทรงคุณวิเศษอธิษฐานจิตไว้ให้ ก็ใช่จะอยู่รอดปลอดภัย อยู่ดีมีสุขดังใจหมายได้ตลอดเวลา เพราะอย่างไร
ความศักดิ์สิทธิ์ที่เหนือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวงคือ กรรม!
และท้ายสุดคือ พระสติ พระปัญญา ที่ตนได้ฝึกฝนศึกษามาแล้วในสมาธิ อันเป็นปัญญาภายในเท่านั้นจะช่วยให้ผู้ปฏิบัติ รู้เท่าทัน พร้อมเผชิญปัญหาทั้งปวงในชีวิตอย่างไม่ทุกข์ใจ
นั่นคือแก่นแห่งพุทธศาสนาที่ใช้ขจัด ใช้ป้องกันภัยให้กับชีวิตอย่างแท้จริง!ทุกคนก็ต้องมีวิบากกรรมของตัวเอง และมิอาจหนีพ้นวิบากกรรมที่ตนได้สร้างไว้ในอดีตชาติ ปัจจุบันชาติ
สาธุ สาธุ สาธุ เห็นจริงดั่งบทความในข้างต้นทุกประการครับ
และก็ทำให้ระลึกได้ว่า สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านก็ทรงมีพุทธวัจนะตรัสเกี่ยวกับเรื่องกรรมนี้เอาไว้เช่นกัน ดังนี้
"ดูก่อนภิกษุทั้งหลายเพราะอาศัยอำนาจประโยชน์อะไรเล่า สตรี บุรุษ คฤหัสถ์ หรือบรรพชิต จึงควรพิจารณาเนือง ๆ ว่า เรามีกรรมเป็นของตน เป็นผู้รับผลแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย เราทำกรรมอันใดไว้ ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม เราจักเป็นผู้รับผลแห่งกรรมนั้น. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ทุจจริตทางกาย วาจา ใจ ของสัตว์ทั้งหลายมีอยู่ เมื่อพิจารณาฐานะนั้นเนือง ๆ ก็จะละทุจจริตได้สิ้นเชิง หรือทุจจริตนั้น จะลดน้อยลงไปเพราะอาศัยอำนาจประโยชน์นี้แล จึงควรพิจารณาเนือง ๆ ว่า เรามีกรรมเป็นของตน เป็นผู้รับผลแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย เราทำกรรมอันใดไว้ ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม เราจักเป็นผู้รับผลแห่งกรรมนั้น." (จากพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔ อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต)
ขอบพระคุณที่นำบทความดีๆอันเป็นประโยชน์มาฝากครับ
อนุโมทนา สาธุ ค่ะ
เห็นด้วยกับกระทู้นี้ค่ะ
ขอบคุณค่ะ "คนเราจะยิ่งใหญ่มาจากไหน ก็ใหญ่ไม่เกินกรรมของตน"
อนุโทนาสาธุ ด้วยคนครับ "กรรมเป็นของเราจะหยุดได้ด้วยตัวเรา"
ขอบคุณในความกรุณาชี้ทางสว่างเช่นเคยค่ะ
สาธุ อ่านแล้วดีมากมาย อย่าลืมนะคะ ทำสิ่งใด ย่อมได้รับสิ่งนั้นตอบแทน ไม่ช้าก็เร็ว "เวรกรรม ติดจรวด"