Loader

ใบกะเพรา

Started by balloon101, August 15, 2010, 18:51:07

Previous topic - Next topic

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

พอดีผมอยากทราบว่าใบกะเพราเราถวายแก่เทพทุกพระองค์ได้ไหมคับ


และถวายท่านเพื่ออะไรคับ
[HIGHLIGHT=#ff0000]โอม  สุมุขายะ  นะมะฮา[/HIGHLIGHT]

ที่เคยเห็นส่วนใหญ่จะมาถวายพระนารายณ์กันนะค่ะ

อย่างเวลาไปวัดเทพในน้ำมนต์ให้ดื่มหลังอารตีก็มีใบกะเพรา

จะถวายอะไรให้พระนารายณ์เค้าก็จะฉีกใบกะเพราไว้บนของถวาย

ที่ถวายท่านเพราะท่านโปรดค่ะ สืบเนื่องมาจากเรื่องของพระนางตุลสี..

รอคนมาเิพิ่มเติมและกันค่ะ...ดิฉันยิ่งพิมพ์ยิ่งรวน เ๋ด๋วพาลจะงงใหญ่

อยากรู้เหมือนกันคับ รอผู้รู้มาตอบ
<a href="http://www.up2disk.com/thumb.php?c=1136721"><img src="http://www.up2disk.com/uploads/1136721.gif" width="200" height="150" /></a>

เอ่อ คุณน้องขา คุณพี่ว่า กระเพราถือเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ชนิดหนึ่งค่ะ จากตำนานเก่าๆ (จำไม่ค่อยได้แล้ว) ปกติพี่ก็จะเอากระเพราแดงมาถวายพระแม่ลักษมีเช่นกัน พี่ว่าอาจจะเหมือนที่เราถวายใบมะตูมต่อพระศิวะ หรือถวายใบสะเดาแก่พระแม่นะคะ

Quote from: balloon101 on August 15, 2010, 18:51:07
พอดีผมอยากทราบว่าใบกะเพราเราถวายแก่เทพทุกพระองค์ได้ไหมคับ


และถวายท่านเพื่ออะไรคับ


ใบกระเพรา หรือใบตุลสี ใช้บูชาพระวิษณุ หรืออวตารของพระวิษณุเป็นหลักครับ
หรือพระศิวะก็สามารถบูชาได้

เว้นแต่พระคเณศ(ห้ามถวาย) และพระเทวีบางองค์ครับ


เนื่องจากชาวฮินดูถือว่าพระตุลสีเทวี เป็นที่รักยิ่งของพระวิษณุครับ

August 27, 2010, 23:18:02 #5 Last Edit: August 27, 2010, 23:20:52 by คริสตังไทย
พระนารายณ์ใช้ใบกะเพราบูชา พระคเณศใช้ใบมะม่วง เจ้าแม่กาลีใช้ดอกไม้ที่มีสีแดง อืมครับ ขอบคุณครับผม ^^ ได้ความรู้เพิ่มขึ้น ..

เคยเห็นเพื่อนที่นับถือเทพฮินดู  เอาใบกะเพราไปบูชาพระนารายณ์ ก็สงสัยเหมือนกันครับแต่ไม่ได้ถาม เพิ่งรู้คำตอบวันนี้เอง ..
ข้าแต่พระเป็นเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้เที่ยงแท้ หากปราศจากพระองค์แล้ว ข้าพเจ้าก็ไร้ค่า ..

หนุมานชอบยอดใบกะเพราครับ ^^

จะใบอะไรก็ใส่ๆไปเถอะครับ
ใบอะไรที่คิดว่าดีก็ใส่ไป
ขืนไปเชื่อมากๆ ต่อไปคงไม่กล้ากินผัดกะเพรากันแน่ๆ

ขออนุญาติถามนะครับ.........
Quote from: หริทาส on August 27, 2010, 22:36:44
Quote from: balloon101 on August 15, 2010, 18:51:07
พอดีผมอยากทราบว่าใบกะเพราเราถวายแก่เทพทุกพระองค์ได้ไหมคับ


และถวายท่านเพื่ออะไรคับ


ใบกระเพรา หรือใบตุลสี ใช้บูชาพระวิษณุ หรืออวตารของพระวิษณุเป็นหลักครับ
หรือพระศิวะก็สามารถบูชาได้

เว้นแต่พระคเณศ(ห้ามถวาย) และพระเทวีบางองค์ครับ


เนื่องจากชาวฮินดูถือว่าพระตุลสีเทวี เป็นที่รักยิ่งของพระวิษณุครับ

เพราเหตุใดจึงถวายใบกระเพราแด่องค์พระคเณศไม่ได้หล่ะครับ

แต่ในกระทู้นี้กลับบอกว่าถวายได้หล่ะครับ แถมยังเป็นหนึ่งในใบไม้มงคล

ที่ถวายพระองค์ในวัน คเณศจตุรถีด้วยอ่าครับ

รบกวนตอบด้วยครับ


 
ขออนุญาตเพิ่มเติมเรื่องการกินใบกระเพรา  หรือการกินผัดกระเพราของคุณ Chai สักนิดนะค่ะ เนื่องจากว่าส่วนตัวแล้วอิชั้นมีความเห็นต่างไปนิดหน่อย  ตามเท่าที่ได้ศึกษามา  เพราะก็เห็นว่าคนอินเดียเขาก็ทานใบกระเพรากันเยอะแยะไป<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:office:office" /><o:p></o:p>
<o:p> </o:p>
ปกติก็เห็นเหล่าฮินดูชนให้ความสำคัญกับต้นกระเพรามิใช่น้อย  ด้วยล้วนแล้วแต่ก็มีเหตุผลแตกต่างกันออกไป  กล่าวคือ นอกจากจะมีการนับถือบูชาเป็นสิ่งศักดิ์สิทธ์แล้วยังถูกให้ความสำคัญในฐานะพืชสมุนไพรที่สำคัญของแดนภารตะอีกด้วย
<o:p> </o:p>
ซึ่งก็แน่นอนว่ามีตำราการใช้สมุนไพร อาทิเช่นใบสะเดา หรือต้นกระเพรามีปรากฏอยู่ในอายุรเวทของอินเดีย
<o:p> </o:p>
ในทีนี้ขอหยิบยกพืชสมุนไพรที่โดดเด่นและสำคัญในวัฒนธรรมฮินดูมาสองอย่าง เริ่มต้นที่สะเดาเลยละกันนะค่ะ
<o:p> </o:p>
สะเดานี่ถ้าจำไม่ผิดมีความเกี่ยวข้องกับพระมารีอัมมันโดยเฉพาะ  โดยคำว่า มารี ในภาษาทมิฬนั้นพ้องเสียงกับคำที่แปลว่าฝีดาษ หรือไข้ทรพิษ โรคติดต่อร้ายแรงในสมัยก่อน   ผู้บูชาด้วยใบสะเดาซึ่งถือเป็นยา  จักได้รับการคุ้มครองให้ห่างจากโรคร้ายนี้

ซึ่งในเมืองไทยเรานั้นก็มีวัดแขกสีลมซึ่งแต่เดิมนั้นประดิษฐานมูรติพระมารีอัมมันใต้ต้นสะเดากลางไร่อ้อยย่านหัวลำโพงมาก่อน
<o:p> </o:p>
ในพิธีสนธยาของชาวฮินดูก็มีความเกี่ยวข้องกับสมุนไพรทั้งสองประเภทนี้คะ ทั้งสะเดาและกระเพรา
<o:p> </o:p>
พิธีสนธยาเป็นพิธีชำระให้บริสุทธิ์ด้วยน้ำอีกวิธีหนึ่ง  ในการนี้มีการอาบน้ำวันละสามครั้งในแม่น้ำคงคาอันศักสิทธิ์  เริ่มต้นด้วยการสวดมนต์สดุดีแม่น้ำคงคาว่า เป็นแม่น้ำที่ศักดิ์สิทธิ์ สามารถล้างบาปและทำให้พ้นความชั่วได้ ระหว่างนี้ก็ระลึกนึกถึงแม่น้ำทั้งสองในอินเดียเสร็จแล้วลงอาบน้ำ  และทำจิตใจให้แน่วแน่ว่าได้ลงอาบน้ำในแม่น้ำคงคาแล้ว
<o:p> </o:p>
ต่อไปก็วักน้ำใส่มือสามครั้ง  หันหน้าไปทางพระอาทิตย์  เสร็จแล้วขึ้นจากน้ำ แต่งตัว แล้วหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ระหว่างนี้กรอกน้ำใส่หม้อทองเหลือง  แล้วตั้งไว้ตรงหน้า
<o:p> </o:p>
ถัดมาใช้ขี้เถ้าจากขี้วัวหรือไม้หอมถูหน้าผาก เอาขี้เถ้าแต้มเป็นดิลก แล้วสวมดอกไม้หรือลูกประคำคอ ระลึกถึงพระวิษณุ แล้วดื่มน้ำสามอึก
<o:p> </o:p>
ต่อมารินน้ำในหม้อลงดินสามครั้ง เป็นการแสดงความนอบน้อมต่อพระอาทิตย์ เสร็จแล้วรินน้ำลงดิน กรวดน้ำให้พระพรหม วิษณุ ศิวะ อินทร์ อัคนี ยม วรุณ วายุและกุเวร


ต่อไปลุกขึ้นเปล่งนามพระสุริยเทพเป็นการสักการะ  แล้วก็เข้าสมาธิระลึกนึกถึงพระวิษณุ สวดมนต์สรรเสริญพระวิษณุและเทวดาองค์อื่นๆ  ต่อมาสวดมนต์สรรเสริญพระอาทิตย์อีกครั้งหนึ่ง
<o:p> </o:p>
เสร็จแล้วหมุนรอบตัวเองสิบสองครั้ง หรือยี่สิบแปดครั้ง เป็นการบูชาพระอาทิตย์
<o:p> </o:p>

ถัดมาเดินไปยังต้นสะเดาหันหน้าไปทางทิศตะวันออก  แล้วสวดมนต์สรรเสริญพระตรีมูรติที่ต้นกระเพรา กล่าวคือ สวดว่ารากกระเพราได้แก่พระพรหม ลำต้นได้แก่พระศิวะ และกิ่งก้านได้แก่พระวิษณุ ทีนี้ทำทักษิณาวรรตรอบต้นกระเพราเจ็ดครั้ง สิบสี่ครั้ง ยี่สิบเอ็ดครั้ง ยี่สิบแปดครั้ง หรือสามสิบห้าครั้งตามศรัทธาแล้วร่ายเวทขอขมาบาปในโลกนี้ แล้วขอสวรรค์ในโลกหน้าเป็นอันเสร็จพิธี
<o:p> </o:p>
ตามวัฒนธรรมของชาวทมิฬนี้ต้นสะเดาถูกสถาปณาขึ้นเป็นเทวีอีกองค์นามว่า พระแม่วิเปเล่ คล้ายกับเทวีตุลศีหรือพระแม่วริณดาที่อยู่กับต้นกระเพราคะ




http://www.youtube.com/v/56dzeKZXGXM&feature=related


<o:p> </o:p>



โดยปกติแล้วชาวอินเดียจะใช้กิ่งของต้นสะเดาถูฟันทุกๆเช้า ฟันของเขาจึงสะอาดอยู่เสมอโดยไม่ต้องใช้แปรงและยาสีฟัน  ต้นสะเดาใช้ทำยารักษาไข้ได้  เปลือกของมันก็ใช้รักษาไข้ทรพิษด้วย  ในการรักษาคนเจ็บไข้ได้ป่วย พวกฮินดูเอากิ่งสะเดาแขวนไว้ที่ชายคาบ้าน และแขวนไว้รอบๆตัวคนไข้  สำหรับบ้านหญิงที่มีครรภ์หรือออกลูก  ก็เอากิ่งสะเดาแขวนที่ชายคาเพื่อไล่ผี  เวลาไปไหนถ้ากลัวผีก็เอาใบสะเดาไปคุ้มตัวด้วย  ทั้งนี้เชื่อกันว่าถ้าผู้ใดนอนใต้ต้นสะเดาจะหายจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆคะ








มาถึงต้นกระเพรากันบ้างนะค่ะ   ต้นกระเพราปกติเขาก็มีสรรพคุณในการรักษาโรคที่เกี่ยวกับท้องไส้อยู่แล้ว
<o:p> </o:p>
อ้างอิงตามธรรมเนียมฮินดูเช่นเคยว่าหลังจากตื่นนอนพวกที่เคร่งในศาสนาจะไปทำทักษิณาวรรครอบๆต้นกระเพรา ซึ่งปลูกไว้หน้าบ้าน  ระหว่างนี้ก็จะร่ายพระเวทไปด้วย  กระทั่งแสงเงินแสงทองขึ้น หมายถึงแสงอาทิตย์นะค่ะ
<o:p> </o:p>
เวลาพราหมณ์ท่านใดที่กำลังจะสิ้นใจจะถอนต้นกระเพราไปวางไว้ที่แท่นบูชา  เมื่อทำพิธีบุชาต้นกระเพราแล้ว ก็จะเด็ดรากหน่อยหนึ่งไปวางที่ปากของผู้ตาย  แล้วเอาใบของมันวางไว้ที่หน้า ตา หูและ หน้าอก 
<o:p> </o:p>
ต่อมาก็ใช้กิ่งกระเพราจุ่มน้ำพรมไปทั่วกายของผู้ที่กำลังจะสิ้นใจ แล้วก็ท่องว่า ตุลศีๆๆ
<o:p> </o:p>
ชาวฮินดูบางส่วนจะนิยมปลงอาบัติกับต้นกระเพรา  กล่าวคือถ้าผู้ใดแตะต้องต้นกระเพรา  บาปต่างๆที่ทำไว้ก็จะหายหมด  ถ้าผู้ใดป่วยแล้วไหว้ต้นกระเพรา  ความป่วยของเขาก็จะหาย คนที่รดน้ำต้นกระเพราย่อมได้บุญมาก  คือสามารถพ้นจากวิบากกรมไปได้







<o:p> </o:p>
จากปุราณะกล่าวว่าถ้าผู้ใดใช้กิ่งกะเพราบูชาพระหริแล้ว จะได้กุศลยิ่งกว่าบูชาพระองค์ด้วยวัวหนึ่งพันตัวเสียอีกคะ
<o:p> </o:p>
ทั้งนี้ยังเชื่อกันอีกว่าถ้าผู้ใดมีกิ่งกระเพราติดตัวไว้  หากตกทุกข์ได้ยาก มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจอะไร ต้นกระเพราก็จะบรรเทาผลร้ายลงได้  พวกฮินดูจึงนิยมปลูกกระเพราไว้ทุกๆบ้าน



ซึ่งจะปลูกมันบนกองทรายย่อมๆเรียกว่า พฤทาวน หรือปลูกบนยอดเสาสี่เหลี่ยม สูงจากพื้นดินประมาณหนึ่งเมตร  หลังอาหารพวกฮินดูมักกินใบกระเพราหนึ่งถึงสองใบเพื่อช่วยย่อยอาหาร  และหลังจากอาบน้ำเย็นแล้วก็กินใบกระเพราป้องกันหวัดและไข้
<o:p> </o:p>
จากข้อมูลที่อิชั้นชี้แจ้งมาทั้งหมดนี้คงจะทำให้คุณชัยคลายความสงสัยได้กับคำพูดที่ว่าเลิกกินผัดกระเพรานะค่ะ
<o:p> </o:p>
เพราะอิชั้นก็เห็นว่าฮินดูชนนิยมทานใบกระเพรา แม้แต่พิธีสันธยาอารตีที่โบสถ์เทพมณเทียร หลังเสร็จพิธีแล้วจะมีพิธีมอบของเทวประสาทให้ ก็จะให้ดื่มน้ำมนต์ศักสิทธิ์ซึ่งก็มีใบกระเพราลอยอยู่ด้วยอะคะ<o:p></o:p>
<o:p> </o:p>
ฝากทิ้งท้ายไว้อีกนิดไหนๆก็ไหนๆแล้ว  เดี่ยวคุณจะหาว่าเหล่าฮินดูชนไร้สาระไหว้อะไรก็ไม่รู้  ไหว้ไปได้ต้นไม้
ก้อนหิน  ถ้าเราจะหันกลับมามองพิธีกรรมเหล่านี้ในแง่ของมานุษยวิทยา หรือคติชนวิทยาแล้วอิชั้นว่าพิธีหรือความเชื่อพวกนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งคะ
<o:p> </o:p>
จะเห็นได้ว่าฮินดูชนให้ความเคราพนับถือสิ่งต่างๆบนโลกใบนี้ที่ให้ทั้งคุณและให้ประโยชน์กับพวกเขา  ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ หรือพืชสมุนไพรตามที่อิชั้นได้กล่าวมาในข้างต้นนะค่ะ ทั้งยังมีการนับถือพระโคซึ่งก็คงพูดอย่างไม่ต้องสงสัยว่าแม่โคมีประโยชน์อย่างไรกับประเทศอินเดียตั้งแต่อดีตเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
<o:p> </o:p>
หรือแม้แต่ผืนแผ่นดินนี้ที่ให้กำเนิดพวกเราเหล่ามนุษยชาติ  ฮินดูชนก็ยังสำนึกในบุญคุณแล้วแล้วแสดงความกตัญญูคะ เรื่องนี้คุณก็น่าจะทราบดี  <o:p></o:p>
<o:p> </o:p>
อยากให้คุณเปิดใจให้กว้างสักนิด  มองทุกอย่างในแง่บวก อิชั้นเชื่อแน่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีนัยดีๆแอบแฝงอยู่ในตัวมันเองคะ  แล้วยิ่งโดยเฉพาะกับสิ่งที่มองไม่เห็นพิสูจน์ไม่ได้  แน่นอนว่าไม่มีใครรู้ถึงความลี้ลับของสกลจักรวาลและโลกใบนี้    อย่าลืมนะค่ะ เปิดใจให้กว้าง ศึกษาให้ท่องแท้ แล้วลดละเลิกพฤติกรรมก้าวร้าว ทิษฐิ อวดดีถือดี  แค่เท่านี้อิชั้นว่าคุณจะเข้าไปนั่งอยู่ในใจใครหลายๆคนได้แน่เชียวคะ<o:p></o:p>







ขอขอบพระคุณ  คุณศรีมหามารตี
ที่กรุณามอบความรู้เพื่อเพิ่มพูลปัญญาให้กับผู้ไม่รู้
และให้กับเพื่อนๆสมาชิกอีกหลายๆท่านที่ไม่ทราบ
ซึ่งหนึ่งในนั้น  คือ  ผมด้วย  อิ อิ 
 

พฤษภกาสรอีกกุญชรอันปลดปลง
   โททนต์เสน่คงสำคัญหมายในกายมี
นรชาติวางวายมลายสิ้นทั้งอินทรีย์   สถิตทั่วแต่ชั่วดีประดับไว้ในโลกา

แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์      มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด   ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน

หลายคนคงสงสัยว่า ชาวอินเดียส่วนใหญ่ที่นับถือศาสนาฮินดู ทำไมจึงปลูกกะเพราไว้ที่หน้าบ้าน และประดับประดาอย่างสวยงาม และมีพิธีกรรมหลายๆอย่างที่ต้องใช้กะเพรามาประกอบในพิธี รวมถึงเทพที่สำคัญอย่างพระนารายณ์ ก็ต้องใช้ใบกะเพราในการประกอบพิธี เรามารู้จักกะเพรากันให้ดีกว่านี้ดีกว่านะครับ

   ในตำนานของการกำเนิดกะเพราหรือตุลสี (บ้างก็เรียก ตุลชี ตุลซี่) นั้นมีหลายทางที่กล่าวไว้ แต่ที่จะกล่าวไว้คือตำนานที่เริ่มจากพระศิวะโฮเลนาทร ทรงลงโทษอินทราเทพ ที่ไปรบกวนการบำเพ็ญภาวนาของพระองค์ จนพระเนตรที่สามเปิดขึ้น เกิดไฟเผาผลาญโลกอย่างดุเดือด เมื่อพระพิโรธสงบลง จึงได้เกิดกุมารน้อย บนทะเลของซินดูราชบิดาพระแม่ลักษมี (คิดว่าเป็นทะเลเกษียณสมุทร) พระแม่จึงได้น้องชายเป็นกุมารที่เกิดบนกองเพลิง เมื่อพระพรหมได้เข้ามาในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กุมารน้อยได้แสดงความจองหองกับพระพรหม พระพรหมจึงได้มอบกุมารนี้ให้ซินดูราชดูและ พร้อมกับขนานนามว่า ยาลันดรา พร้อมกันนั้นยังมีกุมารีคนหนึ่งนามว่า บรินดา มีความรักศรัทธาในองค์พระวิษณุนารายณ์มาก ภาวนาด้วยการขานพระนามตลอดเวลา เพื่อให้ได้สามีที่ดี จนเมื่อนางเจริญวัยขึ้นจึงได้พบกับ ยาลันดรา ผู้มีความสง่างาม และมีพลังอำนาจ ยาลันดราหลงรักบรินดาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น จึงได้ตกลงใจสมรสกัน และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

จนวันหนึ่ง ราหู มารผู้ชั่วช้าได้ปรากฏกายพร้อมกับฤษีผู้จองหอง พวกเขาได้กล่าวกับยาลันดราถึงเรื่องต่างๆ ระหว่างเทวดากับเหล่ามาร เพื่อชี้ให้เห็นข้อคดโกงของเทวดา ยาลันดราเป้ฯผู้รักพวกพ้องจึงได้ประกาศสงครามระหว่างเทวดากับ อสูร แต่บรินดาได้เข้ามาห้ามไว้ แต่ด้วยความรักในสามีจึงไม่สามารถพูดอะไรได้มาก จึงได้แต่ภาวนาให้สามีปลอดภัย ยาลันดราบุกตีอินทราโลก และได้จับตัวอินทรานีมาทรมาณให้ได้รับความอับอาย บรินดาทนเห็นสตรีถูกกลั่นแกล้งไม่ได้จึงได้เข้าไปห้ามปรามสามี จึงถูกยาลันดราทำร้าย นารัทมุนีที่เป็นทุกข์ร้อนในเรื่องนี้อยู่แล้วจึงเข้าไปบอกกับพระแม่ลักษมี ให้มาห้ามน้องชายจากความชั่วร้าย แต่ยาลันดราไม่ฟัง เพราะราหูกล่าวถึงพระวิษณุในทางที่ไม่ดี ยาลันดราจึงประกาศสงครามกับวิษณุโลกอีกครั้ง

      ในขณะที่จะออกรบ บรินดาได้เข้ามาเจิมหน้าผากให้กับยาลันดราพร้อมทั้งกล่าวขอพรให้พระวิษณุคุ้มครอง ยาลันดราไม่พอใจจึงตัดลิ้นของบรินดา ห้ามไม่ให้กล่าวบูชาพระวิษณุอีก แต่ด้วยบารมีของบรินดา ทำให้นางได้ลิ้นคืนและได้สวดขอพรให้ยาลันดราปลอดภัยกลับมา เมื่อยาลันดราชนะวิษณุโลกได้แล้วก็หลงมัวเมาในกามตันหา แม้กระทั้งฤษีที่ยุให้ยาลันดราก่อสงคราม เขาก็ไม่ฟัง บรินดาจึงเข้ามาตักเตือนสามี แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจ นารัทมุนี จึงได้เข้าไปขอพรให้พระศิวะช่วยเหลือ แต่พระศิวะก็ไม่ช่วยเพราะเป็นเหตุที่เกิดจากการล่วงเกินพระองค์เอง นารัทมุนีจึงคิดอุบายยุให้ยาลันดรามาชิงตัวแม่อุมาเทวีไป โดยเข้าไปพรรณนาความงามของแม่อุมาให้ยาลันดราฟัง ยาลันดราเมื่อได้ฟังก็หลงใหล จึงประกาศสงครามกับศิวะโลก พระศิวะจึงทนไม่ไหวออกประกาศสงครามกับยาลันดรา ยาลันดราเมื่อเอาชนะพระศิวะได้จึงคิดที่จะเข้าไปลวนลามพระแม่อุมา แต่พระแม่ได้ใช้พระเนตรเผายาลันดรา แต่ไม่สำเร็จเพราะมีบารมีของบรินดาคุ้มครองอยู่  เหล่าเทวดาจึงช่วยกันคิดหาอุบายที่จะทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของสัจจะแห่งบรินดา ที่ซื่อตรงในสามี พระวิษณุจึงจำแลงกายเป็นยาลันดรา เข้าไปหาบรินดา บรินดาเมื่อเห็นสามีก็มีความดีใจมาก พระวิษณุในร่างยาลันดราจึงลอบมีสัมพันธ์กับบรินดา

      ในขณะที่ยาลันดรากำลังจะออกรบอีกครั้ง มาลาที่แสดงความซื่อตรงต่อสามีของบรินดาที่มองให้ยาลันดรามานั้นเกิดเหี่ยวเฉาขึ้นมา ยาลันดราจึงรู้ว่าบรินดาคิดไม่ซื่อเสียแล้ว จึงออกรบโดยที่ไม่สนใจถึงอำนาจใดๆ ทั้งที่เขาเคยมีอำนาจของบรินดาคุ้มครอง แต่ด้วยความทะนงตนจึงคิดว่าเป็นเพราะบารมีของตนเองทั้งสิ้น พระศิวะเมื่อได้โอกาส จึงตัดหัวของยาลันดรา ด้วยอำนาจแค้นหัวของยาลันดราจึงตะโกนด่าบรินดา แล้วลอยมาที่วังของตน บรินดาเมื่อเห็นศีรษะของสามีก็ตกใจมาก เพราะที่ยืนอยู่ก็คือสามี หัวที่ลอยมาก็คือสามี บรินดาจึงถามผู้ที่มีร่างยืนอยู่ แต่ก็ไม่พูดอะไร บรินดาจึงอธิฐานให้ผู้ที่มีร่างยืนอยู่ปรากฏร่างจริง ร่างของยาลันดราจึงกลายเป็นพระวิษณุ บรินดาเสียใจมากรีบเข้าไปกอดศีรษะสามีไว้ ยาลันดราสำนึกได้แต่ก็สายไปเสียแล้วจึงได้แต่กล่าวขอโทษ ด้วยความผิดของพระวิษณุ บรินดาจึงสาปให้พระวิษณุ กลายเป็นหินทันที เมื่อพระวิษณุกลายเป็นหิน เครื่องประดับของพระแม่ลักษมีก็หายไปจากกายจนสิ้นเหลือแต่เสื้อผ้าที่เศร้าหมอง วิษณุโลกดำมืดลง โลกทั้งโลกหยุดหมุน พระแม่ลักษมีจึงรีบมาหาต้นเหตุ จนพบกับบรินดานั่งร้องไห้กอดศีรษะสามีอยู่ พร้อมกับร่างของพระวิษณุที่ได้กลายเป็นหิน เหล่าเทพก็เข้ามาขอร้องบรินดาให้คืนคำสาป แต่บรินดากลับทำให้ร้ายยิ่งขึ้น คือยิ่งสาปให้โลกแตกออก ให้ไฟผลาญโลกอีก จนเหล่าสรรพสัตว์หนีตายกันอลหม่าน

      พระแม่ลักษมีจึงได้เข้ามาขอร้องบรินดา โดยกล่าวว่า สตรีคนหนึ่งที่ขาดสามีแล้ว ก็ไม่ต่างอะไรกับผู้ที่ไม่มีลมหายใจ บรินดาได้ฟังแล้วก็รุ้สึกเศร้าใจ จึงได้ปลอบใจพี่สะใภ้ว่า ขออย่าได้ทุกข์ใจไป พี่เป็นแม่ของโลก แม่ได้ให้ทุกอย่างแก่ทุกคน แต่วันนี้แม่ของโลกต้องร้องไห้ เพราะการกระทำของลูกชั่ว แต่แม่ของโลกจะกลับไปมือเปล่าไม่ได้ เมื่อกล่าวดังนี้แล้วบรินดาจึงได้อธิฐานคืนคำสาป พระวิษณุจึงกลับเป็นปกติ เหล่าเทพจึงขอร้องให้พระศิวะคืนชีวิตให้สามีของบรินดาแต่บรินดาไม่ต้องการอีก เพราะนางได้เสียความบริสุทธิ์เสียแล้วจึงไม่ต้องการให้โลกติเตียน ที่นางต้องเป็นคนนอกใจสามี

      นางจึงอุ้มศีรษะสามีไว้ พร้อมกับอธิฐานขอพระแม่อัคคีเยาวลา ให้เผาผลาญร่างของตนพร้อมกับศีรษะสามีไป เมื่อเพลิงลุกโหม เหล่าเทวะต่างร่ำไห้กับนางจนร่างมอดไหม้ไป เหล่าเทพจึงนำผงเถ้าถ่านจากร่างกายของบรินดา ขึ้นมาทำที่ตัวเพื่อเป็นการไว้อาลัยแด่บรินดา พระวิษณุได้คุกเข่าลงกล่าวสรรเสริญบรินดาพร้อมทั้งเนรมิตนางให้กลายเป็นต้นตุลสี พร้อมกับให้พรว่า จากนี้ต่อไป นามตุลสีคือความบริสุทธิ์ตลอดกาล ตุลสีจะเป็นเครื่องบูชาที่เหล่าเทวะพอใจ พร้อมกันนี้ ยังได้เนรมิต ซาดีกรา ขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องระลึกถึงความผิดของพระวิศนุ และทุกปีเมื่อถึงวันฉลองตุลสี จะต้องมีการจัดงานแต่งงานของตุลสีและซาดีกราด้วย

credit: http://mahathep.exteen.com/20071208/entry

ขอบคุณมากสำหรับความรู้ครับผม

November 05, 2012, 13:12:45 #13 Last Edit: November 05, 2012, 13:40:20 by konpooja
โฮ บ้านผมมีต้นกระเพราอยู่ต้น  แต่ไม่เคยรู้มาก่อนเลย
ต้องไปปลูกเพิ่มแล้วหละ อิ อิ