Loader

พระแม่มีนากษี??? ศิลปะขอม

Started by พิษประจิม, December 09, 2009, 17:07:07

Previous topic - Next topic

0 Members and 2 Guests are viewing this topic.

ที่ปราสาทศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ เป็นโบราณสถานของไศวนิกาย และพบรูปนางอัปสรา คล้ายพระแม่มีนากษีที่คนอินเดียใต้นับถือ


องค์ที่ปราสาทศีขรภูมิ


พระแม่มีนากษี

.....

ผมคิดเล่นๆ ศิลปะเขมรตั้งแต่สมัยพนมดา ได้รับอิทธิพลอินเดียใต้เยอะมาก

เห็นภาพนางอัปสรภาพด้านบน แล้วก็นึกถึงไพ่ยิปซีใบนี้

เหมือน พระมีนากษีจริงๆด้วยนะครับ


เท่าที่เคยอ่านพบ การกำเนิดของอัปสรา หรือ อัปสร ทั้งหลายเกิดเมื่อครั้งกวนเกษียรสมุทรทั้งหมด 35 ล้านตน

และก็ถูกระบุว่านางอัปสรานั้นเกิดมาอย่างไร้ซึ่งหัวใจ และไม่มีรักในชายใด

แต่พระแม่มีนาคชีรักมั่นคงต่อพระสุนทเรศวรา ดังนั้นผมคิดว่าน่าจะเป็นคนละองค์กัน ((คิดเฉยๆ นะครับไม่แน่ใจเหมือนกัน))

ปล. แต่ตามภาพเหมือนจริงๆครับ แหะๆๆๆๆ

Quote from: กาลิทัส on December 10, 2009, 08:18:23
เท่าที่เคยอ่านพบ การกำเนิดของอัปสรา หรือ อัปสร ทั้งหลายเกิดเมื่อครั้งกวนเกษียรสมุทรทั้งหมด 35 ล้านตน

และก็ถูกระบุว่านางอัปสรานั้นเกิดมาอย่างไร้ซึ่งหัวใจ และไม่มีรักในชายใด

แต่พระแม่มีนาคชีรักมั่นคงต่อพระสุนทเรศวรา ดังนั้นผมคิดว่าน่าจะเป็นคนละองค์กัน ((คิดเฉยๆ นะครับไม่แน่ใจเหมือนกัน))

ปล. แต่ตามภาพเหมือนจริงๆครับ แหะๆๆๆๆ
^
^
นางไร้หัวใจ???

แต่ทำไมตอนที่อรชุนไปหาพระอินทร์บนสวรรค์ นางอัปสราชื่ออุรวศีทำไมไปจีบอรชุน แต่ไม่เล่นด้วย นางเลยสาปให้เปนกะเทย

แสดงว่านางมีความรัก???

คนยังมีข้อยกเว้น อัปสราก็คงต้องมีบ้างหล่ะ


จริงๆ แล้วนางอัปสรก็มีสิทธิสตรีเหมือนกันครับ ก็คงมีรักโลภโกรธหลง เหมือนกันนี่แหละ แต่ด้วยภาวะหน้าที่ เลยทำให้จำใจต้องไม่มีความรัก

เพราะนางอัปสรเป็นชายะของเทวดาหลายองค์เหมือนกันครับ แต่ไม่มีใครรับนางเป็นชายาจริงๆ ซักที ส่วนใหญ๋ก็ใช้งานนาง เหมือนที่เรียกว่านางบำเรอน่ะครับลงไปโลกมนุษย์ทำลายตบะฤาษีบ้าง อะไรบ้าง เพราะเห็นว่านางเป็นของสาธารนะ ((ได้แล้วทิ้งปล่อยลอยเท้งเต้งอยู่อย่างนั้น)) เพราะนางกำเนิดจากการกวนเกษียรสมุทรแต่ไม่มีใครรับนางไม่ว่าจะเป็นอสูรหรือเทวดาก็ตามทีครับ

ตามหนังสือเลยบัญญัติมั้งครับว่านางไม่มีหัวใจ

ปล. อรชุนเห็นนางอุรวศีเป็นแค่แม่ เลยโดนสาปให้เป็นกระเทย แต่ตัวนางก็พอใจในอรชุนอยู่ดีจริงๆ 555+

การที่มีนางอัปสร และมีนกแก้วเกาะอยู่ไม่จำเป็น ต้องเป็นจะต้องเป็น มีนาคชี เสมอไป

อาจจะเป็น นางอัลดาล นางราทา นางกามัคชาลิตตา นางแกมบอลลู นางมาตันกี นางโจกูลัมบา และอื่นๆอีกมากมายที่สร้างในรูปลักษณ์และยิ่งเป็นไปไม่ได้ และนางอัปสรศิลปะขอม ไม่ใช่กษัตย์เพราะ ดูจากเครื่องยศแล้วไม่ใช่ครับเป็นแนงอัปสร




*** นางอุรวาศีเป็นหัวหน้าเหล่านางอัปสร จึงมีความคิดอ่านที่พิเศษมากกว่านางใด***

ใช่ค่ะ น่าสนใจมาก สงสัยแบบคุณ plawan22 มาตั้งนานแล้วว่าใช่พระมินากษีหรือเปล่า
ตอยที่ไปเที่ยวชม อาจารย์สุริยวุฒิ สุขสวัสดิ์ อธิบายว่า อาจจะใช่ และอาจจะไม่ใช่

อาจจะใช่เพราะมีนกแก้วเกาะที่พระพาหาแบบเดียวกับเทวรูปพระมินากษีจริง แต่สังเกตให้ดีจะเห็นว่านกที่เกาะนั้น เกาะที่เครือเถาว์บ้าง เกาะที่ดอกไม้ที่นางอัปสร (?) ถือบ้าง และมีเพียงตัวเดียวค่ะ รูปสลักนี้มีเพียงสองรูปตรงซุ้มประตูทางเข้าปราสาทประธาน ซึ่งสองรูปไม่เหมือนกันนะคะ รูปหนึ่งนกแก้วเกาะที่ลายเครือเถาว์ อีกรูปเกาะที่ดอกไม้ที่นางอัปสรถือ สำหรับรูปหลังนี้สังเกตให้ดีด้านซ้ายของรุปมีสัตว์ (อาจเป็นกระรอก) เกาะที่ลายเครือเถาว์ด้วยค่ะ

ปราสาทศรีขรภูมิ อำเภอศีขรภูมิ (ทำไมต้องเขียนไม่เหมือนกันด้วยเนอะ) สร้างสมัยบาปวนผสมนครวัดค่ะ ประมาณรัชกาลพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ซึ่งศาสนาพราหมณ์ฮินดูสมัยนี้เรื้อจากอินเดียใต้มาค่อนข้างนานแล้ว ดังจะเห็นได้ว่าเหล่าเทวรูปพระเป็นเจ้าต่างๆเริ่มคลี่คลายจนมีรูปลักษณ์แบบขอมเอง และมีเยอะมากที่อินเดียใต้ไม่มี ดังนั้นลัทธิบูชาเทวีประจำถิ่น เช่น พระมินากษี อาจจะยังมาไม่ถึง รูปนี้จึงอาจจะเป็นรูปนางอัปสรแต่บังเอิญช่างแกะนกใส่ไปด้วยเลยดูคล้ายพระเทวีพระองค์นั้น ก็เป็นได้

แต่สิ่งที่งามอลังการของปราสาทแห่งนี้คือทับหลังซึ่งอยู่เหนือบานประตูของอัปสรสองนางนี้ขึ้นไปค่ะ เป็นรูปพระศิวะนาฏราช 10 กร ซึ่งปรกติจะเป็ฯลายบนหน้าบัน แต่ที่นี่อยู่ที่ทับหลังเลย และพี่พิเศษคือ ด้านล่างถัดจากพระศิวะนาฏราชลงมา สลักเป็นรูปทวยเทพทรงดนตรีประกอบการฟ้อนรับ มี พระนารายณ์ พระอุมา พระพรหมและพระคเณศ มีเทวดาฟ้อนรำตามเสด็จพระมหาเทพ และรูปฤษีนมัสการด้วย สวยสุดๆค่ะ

ส่วนนางอัปสร เคยอ่านงานของอาจารย์กรุณา กุศลาศัย เล่าว่า นางอัปสรนี้เป็นชื่อกลางๆใช้เรียกนางฟ้าค่ะ เหมือนเรียกพนักงานรับใช้บนเครื่องบินว่าแอร์โฮสเตส อะไรประมาณนี้ นางอัปสรหลายสิบล้านนางเกิดมาคราวกวนเกษียรสมุทร เปนของกลางของสวรรค์ แต่ก็มีนางอัปสรหรือนางฟ้าพวกหนึ่งที่มีเจ้าของ เช่น นางอุรวศี นางเมนกา ฯ ซึ่งนิทานหลายเรื่องเล่าว่าเป็นบาทบริจาริกาของพระอินทร์ ลองอ่านเรื่องภารตนิยายของอาจารย์กรุณานะคะ สนุกมาก

กิรดังข้าพเจ้าได้สดับมาเช่นนี้แล

ปล.ชอบอ่านกระทู้คุณ plawan22 มากเลยค่ะ นับถืออย่างสูง

แต่ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่า
   ขอพาหาพลรามอันงามขาว    ดังจันทร์คราวเริ่มแรกอุทัยไข
ทรงกำลังสามารถฉกาจไกร       ดังว่าได้ดื่มซึ่งอาสวรส
เต็มด้วยอวตารแห่งปัทมา        ลักษมีกันยาสุภาสด
น่าใคร่ราววสันต์อันงามงด       จงคุ้มท่านทั้งหมดในที่นี้


(คัดจากเทวีวาสวทัตตา ของภาสะ แปลโดย ท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา มาลากุล)

อุ๊ยตาย ขอประทานโทษอย่างสูงยิ่ง ไม่รู้ว่าความเห็นของดิฉันข้างบน ประโยค "แต่ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่า" มันมาได้ไงอ่ะค่ะ
อาจเป็ฯเพราะพิมพ์งานใน word ไปด้วย สลับหน้าไปสลับหน้ามา เลยมาโผล่ตรงนี้
ขอประทานโทษทุกท่าน
และขอประทานโทษคุณ plawan22 อย่างสูงยิ่ง ไม่ได้เจตนาจะลบหลู่เลยค่ะ หากไม่ชอบใจจะให้แก้ตัวอย่างไรก็ยอม
ขอประทานโทษอีกล้านๆๆๆๆๆครั้ง

   ขอพาหาพลรามอันงามขาว    ดังจันทร์คราวเริ่มแรกอุทัยไข
ทรงกำลังสามารถฉกาจไกร       ดังว่าได้ดื่มซึ่งอาสวรส
เต็มด้วยอวตารแห่งปัทมา        ลักษมีกันยาสุภาสด
น่าใคร่ราววสันต์อันงามงด       จงคุ้มท่านทั้งหมดในที่นี้


(คัดจากเทวีวาสวทัตตา ของภาสะ แปลโดย ท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา มาลากุล)

Quote from: SIRAWEE on December 12, 2009, 16:25:37
(ทำไมต้องเขียนไม่เหมือนกันด้วยเนอะ) สร้างสมัยบาปวนผสมนครวัดค่ะ ประมาณรัชกาลพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ซึ่งศาสนาพราหมณ์ฮินดูสมัยนี้เรื้อจากอินเดียใต้มาค่อนข้างนานแล้ว ดังจะเห็นได้ว่าเหล่าเทวรูปพระเป็นเจ้าต่างๆเริ่มคลี่คลายจนมีรูปลักษณ์แบบขอมเอง และมีเยอะมากที่อินเดียใต้ไม่มี ดังนั้นลัทธิบูชาเทวีประจำถิ่น เช่น พระมินากษี อาจจะยังมาไม่ถึง รูปนี้จึงอาจจะเป็นรูปนางอัปสรแต่บังเอิญช่างแกะนกใส่ไปด้วยเลยดูคล้ายพระเทวีพระองค์นั้น ก็เป็นได้

มาจากคำว่า ศิขร หรือ ศีขร+ภูมิ

ศีขร แปลว่า ยอด ภูเขา

ใช่แล้วค่ะ แต่โด่งหมายถึง
เมื่อคราวที่ไปนั้นหลายปีมาแล้ว ยังพากันแปลกใจที่ชื่อปราสาทกับชื่ออำเภอ ซึ่งเขียนไว้ที่หน้าทางเข้าปราสาท เขียนไม่เหมือนกัน ปลัดอำเภอไปกับเราด้วยก็เล่าว่าเป็นมานานแล้ว เพราะคนทั่วไปคุ้นคำว่า ศรี มากกว่า ศี


ชื่อปราสาท ศรีขรภูมิ
แต่อยู่ที่อำเภอ ศีขรภูมิ

จึงเขียนไม่เหมือนกัน

แต่รู้สึกว่าเมื่อไม่นานมานี้จะแก้ทั้งสองชื่อตรงกันว่า ศีขรภูมิ ตามนามที่พบในจารึกแล้วค่ะ
   ขอพาหาพลรามอันงามขาว    ดังจันทร์คราวเริ่มแรกอุทัยไข
ทรงกำลังสามารถฉกาจไกร       ดังว่าได้ดื่มซึ่งอาสวรส
เต็มด้วยอวตารแห่งปัทมา        ลักษมีกันยาสุภาสด
น่าใคร่ราววสันต์อันงามงด       จงคุ้มท่านทั้งหมดในที่นี้


(คัดจากเทวีวาสวทัตตา ของภาสะ แปลโดย ท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา มาลากุล)

คำว่า ศรีสะเกษ มาจาก ศรีศิขเรศวร หมายถึง พระศิวะ ตั้งชื่อแบบคติเทวราชาครับ

ศรีสะเกษ มาที่มาจากที่เจ้าหญิงขอมองค์หนึ่งมาสระผมที่เมืองนี้ จึงขนานนามเมื่องนี้ว่า ศรีสะเกษ

ศรี = หญิงงาม
สะ = อาจจะหมายถึงคำว่าสระผม
เกษ = ผม

แปลรวมกันก็คือ หญิงสระผมอ่ะคับ

อ่านมาจากหนังสือเล่มหนึ่ง นานและคับ ได้ประมาณนี้อ่ะ
                     
                    Jai Maa Adhi Shakti
                     जय माँ आधी शक्ति

Quote from: Vasudeva on December 10, 2009, 12:57:57
การที่มีนางอัปสร และมีนกแก้วเกาะอยู่ไม่จำเป็น ต้องเป็นจะต้องเป็น มีนาคชี เสมอไป

อาจจะเป็น นางอัลดาล นางราทา นางกามัคชาลิตตา นางแกมบอลลู นางมาตันกี นางโจกูลัมบา และอื่นๆอีกมากมายที่สร้างในรูปลักษณ์และยิ่งเป็นไปไม่ได้ และนางอัปสรศิลปะขอม ไม่ใช่กษัตย์เพราะ ดูจากเครื่องยศแล้วไม่ใช่ครับเป็นแนงอัปสร




*** นางอุรวาศีเป็นหัวหน้าเหล่านางอัปสร จึงมีความคิดอ่านที่พิเศษมากกว่านางใด***
Quote from: กาลิทัส on December 10, 2009, 09:28:00
คนยังมีข้อยกเว้น อัปสราก็คงต้องมีบ้างหล่ะ


จริงๆ แล้วนางอัปสรก็มีสิทธิสตรีเหมือนกันครับ ก็คงมีรักโลภโกรธหลง เหมือนกันนี่แหละ แต่ด้วยภาวะหน้าที่ เลยทำให้จำใจต้องไม่มีความรัก

เพราะนางอัปสรเป็นชายะของเทวดาหลายองค์เหมือนกันครับ แต่ไม่มีใครรับนางเป็นชายาจริงๆ ซักที ส่วนใหญ๋ก็ใช้งานนาง เหมือนที่เรียกว่านางบำเรอน่ะครับลงไปโลกมนุษย์ทำลายตบะฤาษีบ้าง อะไรบ้าง เพราะเห็นว่านางเป็นของสาธารนะ ((ได้แล้วทิ้งปล่อยลอยเท้งเต้งอยู่อย่างนั้น)) เพราะนางกำเนิดจากการกวนเกษียรสมุทรแต่ไม่มีใครรับนางไม่ว่าจะเป็นอสูรหรือเทวดาก็ตามทีครับ

ตามหนังสือเลยบัญญัติมั้งครับว่านางไม่มีหัวใจ

ปล. อรชุนเห็นนางอุรวศีเป็นแค่แม่ เลยโดนสาปให้เป็นกระเทย แต่ตัวนางก็พอใจในอรชุนอยู่ดีจริงๆ 555+

นางอุรวศีมะใช่นางอัปสรที่เกิดมาพร้อมกับนางอัปสรอื่นๆตอนกวนเกษียรสมุทรนะคับ 

นางอุรวศีเกิดขึ้นมาตอนที่พระอินทร์ส่งนางอัปสรรัมภากับเมนกา ไปทำลายตบะของพระฤาษี นระ กับ นารายณ์ สองฝาแฝด

แต่พระฤาษีทั้งสองไม่ได้สนใจ และคิดจะสั่งสอนพระอินทร์ด้วย พระฤาษีนารายณ์แฝดผู้พี่จึงลูบที่ต้นขาของตน ก็เปิดเป็นนางอัปสรขึ้นมา

มีชื่อว่า อุรวศี แปลว่า นางผู้เกิดจากต้นขา นั่นเอง เมื่อนางรัมภากับเมนกาพ่ายแพ้ในการร่ายรำแข่งกับนางอุรวศี ฤาษีนารายณ์จึง

ให้นางอุรวศีไปถวายตัวกับพระอินทร์เป็นหัวหน้านางอัปสรอยู่บนสวรรค์นับแต่นั้น

<iframe width="425" height="349" src="http://www.youtube.com/embed/4UqEp3CBzd0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

คลิปกำเนิด นางอุรวศี คับ 
                     
                    Jai Maa Adhi Shakti
                     जय माँ आधी शक्ति

แก้ไขวีดิโอไม่ขึ้นคับ
http://www.youtube.com/v/4UqEp3CBzd0

คลิปกำเนิด นางอุรวศี คับ
                     
                    Jai Maa Adhi Shakti
                     जय माँ आधी शक्ति