คเณศจตุรถี (Ganesha Caturthi )
เรียบเรียง โดย "ศรีหริทาส"
(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fimage.ohozaa.com%2Fi%2F32f%2Fs1vWOz.JPG&hash=cb6a66b6a2544307b40d187764098537b1c10e97) (http://image.ohozaa.com/view2/xNS50hceemkljgyf)
พระพิฆเนศวร์ทรงเป็นที่เคารพสักการะทั้งในประเทศอินเดียและประเทศต่างๆ ทั่วโลก ในประเทศอินเดีย แคว้นที่เคารพพระพิฆเนศวร์เป็นพิเศษ คือแคว้นมหาราษฏร์ ซึ่งครอบคลุมเมืองมุมไบ และเมืองใกล้เคียงอื่นๆ ดังจะเห็นได้จากจำนวนเทวสถานขององค์พระพิฆเนศวร์จำนวนมากมายในดินแดนแถบนั้น และเทศกาลที่ถือว่าเป็นเทศกาลที่สำคัญที่สุด คือ คเณศจตุรถี พิธีคเณศจตุรถี หรือ วินายกจตุรถี( Vinayaka caturthi ) หรือ คเณโศตสวะ( Ganeshotsava ) คือพิธีสักการะพระคเณศ โดยถือว่าเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองการประสูติของพระองค์ จตุรถี แปลว่า ลำดับที่ 4 ซึ่งหมายถึงวันขึ้น 4 ค่ำ(ศุกลปักษะ จตุรถี)ในเดือนภัทรบท( Bhadrapad )ตามปฏิทินฮินดู ซึ่งอยู่ในช่วงราวๆกลางเดือนสิงหาคม และกันยายนของทุกปี ในพิธีนี้จะมีการปั้นเทวรูปพระคเณศขึ้นจากวัสดุธรรมชาติเช่นดินเหนียว หรือวัสดุอื่นๆ ซึ่งมีตั้งแต่ขนาดเล็กไม่กี่นิ้วไปจนถึงขนาดใหญ่เท่าตึกสองหรือสามชั้น จากนั้นจะสร้าง มณฑป( Mandapa ) ขึ้น เพื่อประดิษฐานเทวรูปดังกล่าว รูปแบบของมณฑปขึ้นอยู่กับความพึงพอใจและงบประมาณของเจ้าภาพเป็นสำคัญ ในเทศกาลคเณศจตุรถีบางแห่งมีการประกวดมณฑปและองค์เทวรูปทั้งในเรื่องความคิดสร้างสรรค์และความสวยงาม แม้แต่องค์เทวรูปที่สร้างขึ้นในเทศกาลก็ไม่ได้ถูกกำหนดรูปแบบที่ตายตัวไว้ เราจึงเห็นการสร้างเทวรูปพระคเณศในรูปแบบแปลกๆ เช่น พระคเณศในรูปแบบฮีโร่ในภาพยนตร์ซึ่งจะเห็นๆได้ เฉพาะในเทศกาลนี้เท่านั้น เมื่อการเตรียมการต่างๆพร้อมแล้ว จะมีการอัญเชิญเทวรูปพระคเณศขึ้นประดิษฐานในมณฑป และเชิญพราหมณ์มาทำพิธี ปราณประติษฐา หรือการทำให้เทวรูปนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา จากนั้นจะทำการบูชา 16 ขั้นตอนตามหลักศาสนาที่เรียกว่า โษทโศปจาร(อุปจาระทั้ง 16) เช่นการสรงด้วยนม ด้วยน้ำผึ้ง การบูชาด้วย ดอกไม้ และเครื่องบูชาต่างๆ ตามด้วยสวดมนตร์ที่เรียกว่า คเณศาถรวศีรษะ หรือ คเณศ อุปนิษัท ในคัมภีร์พระเวท และทำการบูชาด้วยประทีป หรือการอารตี เป็นขั้นตอนสุดท้าย นอกจากนี้ชาวฮินดูที่มีศรัทธาจะถือพรตอดอาหารหรือทานแต่มังสวิรัติ ในช่วงเทศกาลจตุรถีอีกด้วย
การประดิษฐานพระคเณศจะเริ่มประดิษฐานไว้ตั้งแต่วันขึ้น 4 ค่ำ(ศุกล จตุรถี)ไปจนถึงวัน อนันตะ จตุรทศี หรือวันขึ้น 14 ค่ำ เป็นเวลาทั้งสิ้น 10 วัน ในทุกๆวันจะมีการชุมนุมกันสวดมนตร์ และทำพิธีอารตีในเวลาค่ำ เมื่อถึงวันที่ 11 ที่เรียกว่า พิธีวิสรชัน หรือการส่งเทพเจ้ากลับเทวโลก ในวันนั้น จะมีพิธีการบูชาด้วยอุปจาระทั้ง 16 ขั้นตอน อีกรอบหนึ่ง และจะจัดขบวนแห่ เทวรูปไปตามท้องถนน พร้อมด้วยการบรรเลงดนตรีและการเต้นรำอย่างสนุกสนาน โดยจะมีการร้องตะโกนถวายพระพรแด่พระคเณศ เช่น คณปติ บ๊าปป้า โมรยา ! (พระบิดาคเณศจงเจริญ) มงคล มูรติ โมรยา ! (พระผู้มีรูปมงคลจงเจริญ)ในภาษามาราฐี เป็นต้น และมีการสาดผงสินทูรหรือ ผงอพีระ สีแดง เพื่อเป็นสิริมงคล ไปยังผู้เข้าร่วมพิธีทุกคน การแห่เทวรูปจะแห่ไปที่ทะเล หรือที่แหล่งน้ำที่อยู่ใกล้ เมื่อถึงชายฝั่งจะมีการทำพิธีอารตีอีกรอบหนึ่ง และ นำเทวรูปนั้นไปลอยลงในทะเลหรือแม่น้ำ เท่ากับ ได้ส่งพระคเณศกลับยัง เทวโลก นอกจากนี้ชาวอินเดียยังเชื่อว่าการที่เทวรูปนั้นสลายสู่สภาวะเดิม เป็นการแสดงสภาวะของธรรมชาติ และถือว่าทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ต่อการเพาะปลูก เพราะแม่น้ำและดินจะได้รับพรจากองค์เทวรูปที่ได้ผ่านพิธีกรรมไปแล้วด้วย
ในเชิงประวัติศาสตร์ แต่เดิมเทศกาลคเณศจตุรถีมิได้เป็นเทศกาลที่แพร่หลายระดับรัฐ แต่ในปี ค.ศ. 1893 ท่านพาล คงคาธร ดิลก นักเคลื่อนไหวทางสังคมและนักปฏิรูปสังคมอินเดีย ได้ปรับปรุงพิธีนี้และยกระดับให้เป็นพิธีของรัฐด้วยเห็นว่า พระคเณศนั้นทรงเป็น เทพเจ้าของทุกๆคน ซึ่งไม่ว่าคนในวรรณะไหนก็สามารถบูชาและเข้าถึงพระองค์ได้ การจัดเทศกาลนี้ก็ถือเป็นการลดช่องว่างระหว่างชนชั้นไปในตัว โดยเฉพาะชนชั้นพราหมณ์และพวกไม่ใช่พราหมณ์ นอกจากนี้ยังเป็นการแสดงการต่อต้านจักรวรรดินิยมอังกฤษที่ออกกฎไม่ให้มีการชุมนุมกันตามท้องถนน โดยอาศัยการแห่พระคเณศออกมาในวันสุดท้ายของเทศกาล
พิธีคเณศจตุรถีจึงเป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคีความร่วมมือร่วมใจที่ต้องอาศัยกำลังของบุคคลในชุมชน ทั้งในส่วนของการจัดเตรียมองค์เทวรูป การสร้างประรำพิธี การจัดพิธีการบูชาและการแห่แหนในวันสุดท้าย นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสในการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมอินเดียไปสู่ชาวโลก ชาวอินเดียจึงมีความภาคภูมิใจในเทศกาลนี้มากและนับว่าเป็นเทศกาลที่ชาวต่างชาติรู้จักกันมากที่สุด
ทางทีมงานเว็บมาสเตอร์ และสมาขิก www.HinduMeeting.com (http://www.hindumeeting.com) ต้องขอขอบพระคุณพี่หริทาส เป็นอย่างสูง ที่ได้กรุณาอนุญาตให้เผยแพร่บทความที่มีสาระประโยชน์นี้ ในเว็บ HinduMeeting (http://www.hindumeeting.com) ของพวกเราครับ