Loader

ภาพและประวัติ(ย่อ)พระไภราวะทุกปาง หรือ ที่ชาวเนปาลคุ้นเคยกันในชื่อ Bhairab

Started by เทวาเหนือเกล้า, October 10, 2009, 02:23:49

Previous topic - Next topic

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

พระไภราวะ นั้น ในพื้นที่ของประเทศเนปาล บางครั้งเรียกกันว่า Bhairo หรือ ไภโร หรือ Bhairon หรือ ไภรณ
พระไภราวะนั้นเป็นปางอวตารขององค์มหาเทพศิวะ เพื่อแสดงพลังอำนาจของการทำลายล้าง ทั้งสองภาค ไม่ว่า
จะเป็นพระ กาลไภราวะ หรือ พระเศวตไภราวะ หรือแม้แต่ Akaash Bhairab ล้วนแต่เป็นปางอวตารของ
องค์พระศิวะทั้งสิ้น ชาวเนปาลเชื่อกันว่าพระไภราวะนั้นหากจะสวดถึงก็จะเป็นการสวดเพื่อทำลายศัตรูหรือสิ่งเลวร้าย
และปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายให้พ้นไป








พระไภราวะ Bhairab  or Bhairava

ส่วนในเรื่องของประวัติพระไภราพนั้นเราทุกคนคงเคยได้ยินตำนานพระพรหมเสียเศียรที่ 5 ดังนี้

ตำนาน พิพากษาคดีกลโกงของพระพรหม

เหตุเกิดเมื่อพระวิษณุเทพบรรทมสินธุ์ เพื่อเข้าสมาธิตามคำบัญชาของพระศิวะในการสร้างโลกและได้บังเกิดดอกบัวผุดขึ้นที่สะดือ
พอดอกบัวบานก็มีพระพรหมอยู่ในนั้น เมื่อเทพทั้งสององค์เจอกันก็ต่างเข้าใจกันผิดต่างแย่งชิงความเป็นใหญ่ด้วยคิดว่าตนนั้นหรือ
คือพระผู้สร้าง ทั้งเถียงทั้งรบพุ่งกันจนร้อนไปถึงองค์พระสดาศิวะต้องแปลงร่างให้เป็นเสาไฟต้นใหญ่ ทั้งสององค์ก็ได้กังขาว่าเสา
ไฟนี้มีที่มาอย่างไรกัน จนในที่สุดก็ตกลงกันได้ว่าจะหาจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของเสาไฟนี้ให้จงได้ ฝ่ายองค์วิษณุเทพก็ได้แปลง
กายพระองค์เป็น หมูป่า ไปขุดที่โคนรากเสา ส่วนพระพรหมก็แปลงเป็น นก บินไปหาจุดสิ้นสุดของเสาไฟนี้

ปรากฎว่าทั้งสององค์ต่างสุดความสามารถที่จะค้นให้พบ แต่บังเอิญที่ว่าพระพรหมนั้นได้ไปพบกับดอกไม้สวรรค์ที่เรียกว่า ดอกเกตุกี
ที่ร่วงหล่นลงมาจากสวรรค์เพื่อบูชาองค์พระศิวะลึงค์ และพระพรหมก็ได้ร่วมมือกับดอกเกตุกี โกหกพระวิษณุว่า ค้นพบจุดสิ้นสุดแห่ง
เสาไฟต้นนี้แล้วโดยอ้างเอาดอกเกตุกี มาเป็นองค์พยาน   

จนเมื่อองค์พระสดาศิวะได้คืนร่างเป็น 5 เศียร 10 กร พร้อมศาสตรวุธครบครัน ทั้งยังโกรธกริ้วเหลือกำลังก็ได้ทรงสร้างพระมหากาลไภรวะ
ขึ้นจากตาที่สาม ของพระองค์  พร้อมกับบัญชาให้พระมหากาลไภรวะนั้นไปตัดศรีษะของพระพรหมเสีย  (แต่แรกเกิดนั้นพระพรหมมี 5 เศียร)
พระมหากาลไภรวะก็ตรงเข้าไปจิกดึงปอยผมของเศียรที่ 5 ของพระพรหมหลุดออกมาได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังสาปให้พระพรหมนั้น
ไม่มีเทวสถานอันศักดิ์สิทธิ์เป็นขององค์เอง และไม่มีพิธีกรรมทางศาสนาของตัวเองด้วย และอนุญาตเพียงให้อยู่นอกโบสถ์
ส่วนดอกเกตุกีโทษฐานที่สมคบกับพระพรหมก็ให้เนรเทศจากสวรรค์และห้ามนำดอกไม้ชนิดนี้มาบูชาอีกต่อไป
พระวิษณุกรรมทรงยอมรับความผิดในพระองค์เองต่อองค์พระสดาศิวะ จนพระสดาศิวะพอพระทัยและยกให้พระวิษณุนั้นเสมอซึ่งพระองค์
และวันนั้นเองก็เป็นวันถือกำเนิด ศิวะราตรี

ส่วนอีกตำนานหนึ่ง ก็มีดังนี้ค่ะ

พระแม่สตี ชายาแห่งองค์พระศิวะ เป็นราชธิดาของพระเจ้าทักษะประชาบดี (Daksha) ในตอนนั้นได้เลือกที่จะแต่งงานกับองค์พระศิวะ
แต่พระทักษ ไม่เห็นด้วยกับธิดาของพระองค์เพราะ พระทักษ นั้นเห็นพระศิวะเป็นฤษีเจ้าแห่งภูติผี ทั้งยังเกี่ยวข้องกับสัตว์และมีชีวิตที่อัตคัต
ในที่สุดพระทักษประชาบดีก็ได้จัดพิธีบวงสรวงซึ่งได้เชิญทวยเทพทุกพระองค์รวมถึงคนธรรพ์ วิทยาธร นาค ฯลฯ แต่ไม่เชิญองค์พระศิวะ
และพระนางสตี   

พระนางสตีได้มาถึงที่มณฑลพิธี ในขณะเดียวกันกับที่พระทักษประชาบดีกำลังกล่าวดูถูกดูหมิ่นองค์พระศิวะ

เมื่อพระนางสตีได้ยินเช่นนั้นแล้วก็ทรงกระโดดเข้ากองไฟที่บวงสรวง เมื่อองค์พระศิวะทราบเรื่องก็ได้ไปทำลายพิธีบวงสรวงพร้อมยังได้
สร้างพระวีรภัทร พระมหากาลไภรวะ ขึ้นและฆ่าพระทักษะประชาบดีโดยการตัดหัวของเขา

องค์พระศิวะได้แบกศพของพระนางสตีร่ำไห้ และได้ใช้จักรศักดิ์สิทธิ์แห่งพระวิษณุเทพตัดร่างของพระนางสตีออกเป็น 51 ชิ้น ร่วงหล่นไปใน
แผ่นดินอินเดียและได้เกิดเป็นเทวาลัย ที่เป็นปางดุร้ายน่ากลัว


พระ Akaas Phairab  อากาศไภราพ



เทวรูปองค์นี้ตั้งอยู่ในเทวาลัยนิกายตันตระ ซึ่งตั้งอยู่บนชั้นสามในถนนสายหลักของตลาด
พวกเขาเรียกว่า พระอินทร์ (Indra) ซึ่งจะถูกนำออกมาปรากฏองค์ภายนอกในช่วงระหว่าง
พิธีขอฝน หรือ ช่วงงานประเพณี อินทร-จันทรา ซึ่งเป็นเทศกาลของพระอินทร์ เจ้าแห่งฤดูฝน
(ตามความเชื่อของชาวเนปาล)


พระ เศวตไภราพ หรือ Sweto Bhairab หรือ Seto Bhairab






เป็นหนึ่งในเทวาลัยที่น่าทิ่งที่สุดในเมืองกาฐมาฑุ ประเทศเนปาล

สร้างขึ้นอย่างมั่นคงแข็งแรงแม้จะได้เป็นที่ปรากฎในเพียงปีหนึ่งๆ 2 - 3 ครั้ง
หน้ากากทองแห่งพระเศวตไภราพ Seto Phairab ในจตุรัสเดอร์บาร์

ในปี 1769 โดยคำสั่งแห่งกษัตริย์ รานา บาฮาเดอร์ ชาร์ แห่งอิหร่าน
น่าเจ็บปวดยิ่งที่เป็นผู้ที่นำการทำลายโบสถ์เทวาลัยต่างๆมากกว่าที่จะสร้าง
โดยได้เปิดเผยวัตถุประสงค์ว่า ต้องการปกป้องพระราชวังเดิมโดยการ
ปกปิดสิ่งที่นำไปในทางชั่วร้าย

โดยปกติแล้วหน้ากากนั้นด้านหลังเป็นไม้แกะสลัก แต่ในระหว่างช่วง
เวลาของเทศกาล อินทรา-จันทรา และทั้งยังเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับ
เทศกาลของเทพธิดาแห่งชีวิต  Living Goddess ซึ่งจะเปิดให้สาธารณะ
ชนเข้าชม มงกุฎทองแห่งพญานาคและหัวกะโหลกและแก้วรัตนากรซึ่ง
ครึ่งหนึ่งได้ถูกปิดซ่อนไว้ด้วยดอกไม้และกระดาษที่ประดับไว้

รอยยิ้มอันชวนตกตะลึงบนหน้ากากทองนั้นถูกลงสีด้วย สีดำ สีแดงและสีขาว
วิจิตรการตาด้วยทั้งยังน่าขนลุกขนพองในตัวเช่นกัน
แต่ในท่ามกลางของฟันสีขาวนั้นจะเห็นผู้กระหายการที่ถูกบูชายัญ
และดวงตาที่โกรธกริ้วที่จะมองทะลุหัวใจที่ชั่วร้าย


Kal - Bhairab  พระกาลไภราพ



เทวรูปขององค์ไภยราพ ในจตุรัสเดอบาร์, กาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล
นั้นแสดงให้เห็นถึงปางที่ดุร้ายที่สุดขององค์พระศิวะมหาเทพ
เทวรูปหินสวมพวงมาลัยกะโหลกศรีษะ มี 6 กร และยืนบนศพของอสูร
และถูกค้นพบทางตอนเหนือของเมือง
ภาพสิงโต ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ได้ถูกเพิ่มเติมในภายหลัง

และความเชื่อที่ว่า หากกล่าวคำเท็จต่อหน้าองค์พระกาลาไภยราพนั้น
จะต้องถึงแก่ความตายและความขัดแย้งต่างๆที่ผ่านมาจะต้องจบลงที่นี่


ข้อมูลที่มา

Atom blog /Nepal Myth.


**** ข้อมูลที่ได้มาเป็นการแปลจากภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง

       หากมีข้อความใดที่ตกหล่นไป หรือสำนวนการแปลไม่ถูกต้อง  ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ ด้วยค่ะ  ******
สุ จิ ปุ ลิ  ขาด สักข้อ ก็ไม่ครบการเป็นปราชญ์

ปราชญ์ที่ดีต้องเป็นผู้ฟังมากกว่า พูด พูดในสิ่งที่สมควรพูด

ผู้ที่ฉลาดแท้จริง ฟัง มากกว่าพูด เพราะถ้าเรารู้ไม่จริง หรือไม่หมดก็จงอย่าพูด

เพราะเมื่อเปิดปากออกมา เมื่อนั้นได้แสดงความโง่ออกมาโดยไม่รู้ตัว

คนเก่งจริง ต้องเรียนรู้เสมอว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือตัวเรายังมีคนที่เก่งกว่า จงถ่อมตนเสมอ จงเป็นผู้ให้เสมอ


ขอบคุณมากค่ะ คุณเทวาเหนือเกล้า ชอบรูปแรกมากค่ะ

เป็นสถานที่ที่สวยมากค่ะ
[HIGHLIGHT=#92d050]เมตตามหานิยม อยู่ที่...คุณธรรม[/HIGHLIGHT]
























[HIGHLIGHT=#ccc1d9]
นำรูป พระไบราวา (ไภราวา / ไภราบ) ในศิลปะ และ รูปแบบ อื่น ของท่านมาฝากค่ะ
[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffffff]
ภควาน จักรวาลชนนี
[/HIGHLIGHT]

เพราะ..สังคม ประเมิณค่า ที่จนรวย คนจึงสร้าง..เปลือกสวย ไว้สวมใส่

หากสังคม..วัดค่า ที่ภายใน  คนจะสร้าง..จิตใจ ที่ '' ใฝ่ดี''






ต้องขอบคุณคุณ SCARED AVATAR ที่มาช่วยกันค่ะ

ขอเทพทรงอวยพร
สุ จิ ปุ ลิ  ขาด สักข้อ ก็ไม่ครบการเป็นปราชญ์

ปราชญ์ที่ดีต้องเป็นผู้ฟังมากกว่า พูด พูดในสิ่งที่สมควรพูด

ผู้ที่ฉลาดแท้จริง ฟัง มากกว่าพูด เพราะถ้าเรารู้ไม่จริง หรือไม่หมดก็จงอย่าพูด

เพราะเมื่อเปิดปากออกมา เมื่อนั้นได้แสดงความโง่ออกมาโดยไม่รู้ตัว

คนเก่งจริง ต้องเรียนรู้เสมอว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือตัวเรายังมีคนที่เก่งกว่า จงถ่อมตนเสมอ จงเป็นผู้ให้เสมอ


[HIGHLIGHT=#ffff00]อิอิ  เราคอเดียวกันค่ะ ศรัทธา เหมือนกัน อิอิ[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffffff]
ภควาน จักรวาลชนนี
[/HIGHLIGHT]

เพราะ..สังคม ประเมิณค่า ที่จนรวย คนจึงสร้าง..เปลือกสวย ไว้สวมใส่

หากสังคม..วัดค่า ที่ภายใน  คนจะสร้าง..จิตใจ ที่ '' ใฝ่ดี''





ขอเพิ่มเติมหน่อยนะคะ ไม่ว่ากันน๊าส์

ตรง ตำนานพิพากษา พระพรหมา

ยังมีอีกตำนานนึง ที่ว่าพระศิวะต้องการทดสอบพระผู้สร้างและพระผู้รักษา โดย การแปลงพระวรกายเป็นมหาศึวลึงค์ที่สูงใหญ่

และ พระวิษณุก็แปลงเป็น พระวราหะ ขุดลงไปเพื่อหาฐานขององค์ศิวลึงค์(การเริ่มต้น) พระพรหมแปลงเป็นหงส์บินขึ้นไปเพื่อหายอดองค์ศิวลึงค์(จุดสิ้นสุด)

แต่ทั้งสองพระองค์ก็ไม่สามารถหาจุดเริ้มต้นและจุดสิ้นสุดได้ แต่พระพรหมได้เจอดอกเกตุอันร่วงมาจากยอดของศึวลึงค์และจึงให้โกหกว่าพระองค์ได้มาถึงยอดองค์ศึวลึงค์แล้ว ทันใดนั้นองค์พระศิวะ ก็ได้แหวกออกมาจากศิวลึงค์อันใหญ่โตแล้วจึงบอกพระผู้สร้างและพระผู้รักษาให้หยุดการค้นหาได้แล้วพร้อมตรัสว่า

เป็นดั่งสัจธรรมมีเกิดย่อมมีตาย ท่านทั้งสองก็ได้เห็นแล้ว เราไม่มีการเริ่มต้น(การเกิด)และ เราไม่มีการสิ้นสุด (การตาย) เราคือพระอนันตะ(ผู้ไม่มีวันตาย)

พวกท่านก็เช่นกัน แต่สำหรับองค์พรหมา โทษฐาณที่ท่านไม่ซื่อสัตย์ องค์พรหม เราขอสาปท่านไม่ให้มีเทวสถานเป็นของตนเอง


ค่ะนี่คือปางหนึ่งของพระศิวะ ชื่อว่า พระลินโกตาบาลาหรือ พระลินโกตาบาวัร ปางสอนสัจธรรม

ต้องการสักการะพระองค์ ที่วัดแขกก็มีค่ะ ที่หอศึวลึงค์ส่วนด้านหลังค่ะ หากสังเกตใกล้ๆ จะมีหมูป่าและหงษ์อยู่นะคะ




****สำหรับ พระสดาศิวะ เป็นปาง ที่สร้าง พระมหิษาสุรมรรทินี






และพระมหาสดาศิวะก็เช่นเดียวกัน
[HIGHLIGHT=#ffffff]
ภควาน จักรวาลชนนี
[/HIGHLIGHT]

เพราะ..สังคม ประเมิณค่า ที่จนรวย คนจึงสร้าง..เปลือกสวย ไว้สวมใส่

หากสังคม..วัดค่า ที่ภายใน  คนจะสร้าง..จิตใจ ที่ '' ใฝ่ดี''





รูปไม่ขึ้นเลยค่ะ

แต่ก็ขอบคุณนะคะสำหรับข้อมูล  และก็จะแวะเข้ามาดูอีกทีค่ะ
[HIGHLIGHT=#92d050]เมตตามหานิยม อยู่ที่...คุณธรรม[/HIGHLIGHT]

ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ ยินดีที่ได้รับความรู้เพิ่มค่ะ 

สาธุค่ะ



สุ จิ ปุ ลิ  ขาด สักข้อ ก็ไม่ครบการเป็นปราชญ์

ปราชญ์ที่ดีต้องเป็นผู้ฟังมากกว่า พูด พูดในสิ่งที่สมควรพูด

ผู้ที่ฉลาดแท้จริง ฟัง มากกว่าพูด เพราะถ้าเรารู้ไม่จริง หรือไม่หมดก็จงอย่าพูด

เพราะเมื่อเปิดปากออกมา เมื่อนั้นได้แสดงความโง่ออกมาโดยไม่รู้ตัว

คนเก่งจริง ต้องเรียนรู้เสมอว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือตัวเรายังมีคนที่เก่งกว่า จงถ่อมตนเสมอ จงเป็นผู้ให้เสมอ


ขออนุญาตนำภาพ Lingodbhavamurti ที่คุณ sacred avatar กล่าวถึง มาช่วยเสริมด้วยคนครับ  
.
.
.
เครดิตภาพจาก
http://derek.bloggang.com/
.
.
.
เครดิตภาพจาก http://sharebook.ru
.
.
.
.
เครดิตภาพจาก www.britannica.com


WELCOME TO HINDUMEETING

เรียน สมาชิกเก่าและสมาชิกใหม่ของเว็บ HinduMeeting
ขอความกรุณาทุกท่านศึกษากฎ กติกา มารยาทของเว็บด้วยนะครับ

http://www.hindumeeting.com/forum/index.php?topic=1423.0



สาธุ สาธุ สาธุ ขอบารมีแห่งองค์เสด็จพ่อศิวะมหาเทพ โปรดทรงคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายและบันดาลให้ท่านสมาชิกทุกๆท่าน ประสพความสำเร็จในทุกๆด้าน ขอนมัสการด้วยก้นบึ้งของหัวใจ และเคารพพระองค์อย่างหาที่สุดมิได้ โอม นมัสศิวายะ

ผมทึ่งในคุนพี่เทวาเหนือเกล้ามากเลยอะคับ

ขอบคุนมากนะคับ

Quote from: melloncollie on October 13, 2009, 16:50:14
ผมทึ่งในคุนพี่เทวาเหนือเกล้ามากเลยอะคับ

ขอบคุนมากนะคับ

ขอสนับสนุนด้วยคนค่ะ

แถมยังแปลจากภาษาอังกฤษด้วยตัวเองด้วย  เยี่ยมจริงๆ ค่ะ
[HIGHLIGHT=#92d050]เมตตามหานิยม อยู่ที่...คุณธรรม[/HIGHLIGHT]

พ่อศิวะทรงกริ้ว ..... มีเพียงแค่ตำนานของพระนางสตี และ พระพรหมใช่ไหมค่ะ ???
[HIGHLIGHT=#ffffff]พึงระลึกไว้เสมอว่า [/HIGHLIGHT]' ความบังเอิญ" มันไม่มีในโลก เพราะทุกอย่างล้วนถูกกำหนดแล้ว ด้วย "พรหมลิขิต" :
Credit ",,Cz Holic

รู้สึกจะทรงพิโรธอีกครั้งตอนสังหารพระกามเทพที่ไปรบกวนพระทัยพระองค์ขณะกำลังนั่งบำเพ็ญตบะ เพื่อให้ออกจากตบะ เพื่อให้มาพบรักกับพระแม่ปารวตรี เพื่อให้อภิเสกกัน และได้บุตรแห่งทั้งสองพระองค์ คือ พระขันทกุมาร เพื่อปราบอสูรครับ

อยู่ในตำนานก่อนกำเนิดพระแม่ใช่ไหมค่ะพี่กาลิทัศ จนทำให้กามเทพไหม้เปนจุล ไม่มีร่างเนื้อ (ใช่ไหมหว๋า ?)
[HIGHLIGHT=#ffffff]พึงระลึกไว้เสมอว่า [/HIGHLIGHT]' ความบังเอิญ" มันไม่มีในโลก เพราะทุกอย่างล้วนถูกกำหนดแล้ว ด้วย "พรหมลิขิต" :
Credit ",,Cz Holic


พระศิวะท่านสังหารพระกามเทพ โดยใช้ตาที่3เผาร่างท่านครับ
พระกามเทพท่านเลยมีแต่จิต ไม่มีรูปร่างอะครับ

และในตำนาน พระศิวะท่านพิโรธหลายครั้ง ปางดุก็มีหลายปาง
ปางวีรภัทรก็ดุเหมือนกัน อวตารเพื่อมาทำลายพิธีของพระทักษะ ภายหลังก็ตัดเศียรพระทักษะ แล้วเศียรบังเอิญตกลงกองไฟ

ปางตัดเศียรพระพรหม ก็มีชื่อเรียกอีกปางนึง คือ ปางพรหมศีรัจเฉท ปางนี้ต้องทำเป็นเรื่องราวนะ มีรูปพระพรหมข้างๆ กำลังตัดเศัยรพระพรหม

ถ้าเป็นปางโดดๆ มีพระศิวะองค์เดียว มีลักษณะเปลือยกาย มีหัวคนหรือถ้วยกปาละในมือ มีสุนัข องค์นี้คือพระไภรพ

อะโห..ขอขอบคุณความรู้มากๆนะคัรบ..ส่วนตัวผมคิดว่าท่านเป็นเทพที่เท่มากครับ..ไม่รู้ซิ