Loader

พระแม่กายตรี? พระแม่สุรัสวดี? ยังไง?

Started by Believe in God, December 16, 2009, 12:14:00

Previous topic - Next topic

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

จากกระทู้หนึ่งของคุณถุงแป้ง  "มาดูรูปของพระแม่สุรัสวดี..."

มีโพสต์ของคุณ Sacred avatar ตอบว่า  "กายตรี คือ สรัสวดี โดยแก่นแท้"

คือยังไงเหรอคะ?  คือพระองค์เป็นพระแม่องค์เดียวกัน?

ขอความกรุณาผู้รู้ตอบผู้ไม่รู้ให้หายสงสัยด้วยเถอะค่ะ

อันนี้ผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน รบกวนคุณมีนด้วยครับ

เพราะเท่าที่ผมทราบ พระแม่กายตรี เป็นเทพเจ้าที่ไม่ขึ้นกับเทพเจ้าพระองค์ใด จนได้ชื่อว่า สาวิตา
และเป็นพระมารดาแห่งพระเวทย์ทั้งปวง

ค่ะ อย่างเช่น ที่ คุณ กาลิทัส พูด ก็ถูก


แต่ บางถิ่นฐานในอินเดีย ก็บูชา พระกายตรี ( พระแม่อุมา พระทุรคา  พระกาลี  พระลักษมี  พระสุรัสวตี)

   บางถิ่นฐานในอินเดีย ก็บูชา พระกายตรี ( พระแม่อุมา พระลักษมี  พระสุรัสวตี พระคงคา พระบูวเดวี)

   บางถิ่นฐานในอินเดีย ก็บูชา พระกายตรี ( พระแม่อุมา พระลักษมี  พระสุรัสวตี )


+++++ เนื่องด้วย มีหลายตำนาน มากมาย  เหมือน เทพ อีกหลายพระองค์ที่มีเทวกำเนิด มากมาย หลายตำนาน แต่ เราก็จะยอมรับ ในเทวกำเนิดที่ดูศักดิ์สิทธิ์ และ ยิ่งใหญ่ ตามความน่าจะเป็นมากที่สุด ค่ะ

*บางตำนาน มีความเกี่ยวข้องกับคำสาป ของ พระสรัสวตี ซึ่ง ตอนนั้น พระนางกายตรี มิได้ต้องคำสาป เนื่องด้วย พระองค์ทรงเห็นว่า พระกายตรี คือผู้บริสุทธิ์ พระสุรัสวตี ยัง ให้พร ให้ไปเกิดดั่ง เทพ  และ ให้ เหล่ามนุษย์ ได้สวด กายตรีมนตรา มนตร์ แห่ง พระสุรัสวตี ก็ถูกถ่ายทอดสู่ พระกายตรี และ พระองค์ทรงตรัสกับพระกายตรีว่า เธอ เปรียบเหมือน เรา เรา เปรียบเสมือน เธอ ( เรื่องคำสาปนี้ มัน เนื้อหายาวค่ะ แต่ เรา แค่ ท่อน ที่ พูดถึง พระกายตรี )


ตามความคิด ดิฉัน ชอบใช้หลัก ตรรกะ ค่ะ เพราะ ประวัติ เทพเจ้า บางที ชอบใช้หลัก ลัทธิ ไหน เป็นใหญ่ ก็ จะนำเทพพระองค์นั้น เป็น องค์หลักทันที


ดิฉันเชื่อว่า พระสรัสวดี คือ มารดาแห่งพระเวท ปรีชาญาณ ศิลปวิทยาการความรู้ทั้งมวล เทวีผู้ขจัดความไม่รู้

          พระกายตรี คือ เทวี แห่งเวท เทวีแห่งความสัจจริง

พระแม่กายาตรี มี 3 พระนาม อันได้แก่

พระแม่กายาตรี เป็น พระแม่แห่งญาณวิเศษ

พระแม่สาวิตรี เป็น พระแม่แห่งชีวิตและความสัตย์จริงทั้งปวง

พระแม่สุรัสวตี เป็น พระแม่แห่งคำสุนทรพจน์

กายาตรีมันตรา คัมภีร์พระเวทหนึ่งในคัมภีร์ที่เก่าแก่ พระแม่กายาตรีเป็นมหาเทวีแห่งพระเวทซึ่งเป็นผู้ช่วยเหลือมนุษย์ทุกคนที่ทำการสวด

***** บางที มี การ เอ่ย นามแห่ง พระกายตรี ว่า องค์ มาเตสาวิตรี


ดิฉัน จึงเชื่อ ความน่าจะเป็น และ จึง มีคำนี้ไงค่ะ โพสต์ของคุณ Sacred avatar ตอบว่า  "กายตรี คือ สรัสวดี โดยแก่นแท้"





[HIGHLIGHT=#ff0000]หมายเหตุ

เราไม่สามารถบังคับให้ใครเชื่อในตำนานใดตำนาน นึง ได้ แต่ เรา สามารถ ใช้ หลัก ความคิด ตัวเอง ในการตัดสินใจ ที่จะเชื่อค่ะ
[/HIGHLIGHT]


[HIGHLIGHT=#ffffff]
ภควาน จักรวาลชนนี
[/HIGHLIGHT]

เพราะ..สังคม ประเมิณค่า ที่จนรวย คนจึงสร้าง..เปลือกสวย ไว้สวมใส่

หากสังคม..วัดค่า ที่ภายใน  คนจะสร้าง..จิตใจ ที่ '' ใฝ่ดี''





อ.เคยเล่าให้ฟังว่า ครั้งนึงบนสวรรค์มีงาน พระพรหมรอพระแม่สรัสวดีนานมากกกกกกกกกกก สงสัยแม่ทรงเครื่องมากไปหน่อย แต่พิธีขาดชายาพระพรหมไม่ได้ พระพรหมท่านปรึกษากับเทพองค์อื่น ตอนนั้นมีพราหมณ์ทำพิธีบนสวรรค์ และพระวิษณุเลยจัดการเป็นธุระจัดหาสาวที่คิดว่า"ใช่"ที่สุดขึ้นมาบนสวรรค์ แล้วไปเจอนางโคปีสวยมากกกกก พานางขึ้นสวรรค์ และพระพรหมเห็นนาง และเห็นชอบ เลยเอาหญิงคนนี้เป็นชายาพระพรหมแทนพระแม่สุรัสวดี จนพระแม่สุรัสวดีโกรธมาก เพราะเป็นการหมิ่นเกียรตินางที่เป็นมารดาแห่งพระเวท พระพรหมไม่ให้เกียรตินาง เลยสาปพระพรหมว่าให้มีเทศกาลปีละครั้งเท่านั้น(เป็นการกาลอูฐ ในแคว้นราชสถาน และมีงานบูชาพระพรหมในงาน แคว้นอื่นไม่มี) พวกพราหมณ์ที่ทำพิธี พระแม่ไล่ให้ไปอยู่บนโลก ทำพิธีแลกเงินเป็นอาชีพ พระวิษณุโดนหางเลขเพราะไปจัดหานางโคปีมาร่วมงาน เลยสาปให้ลงไปเกิดเป็นเด็กเลี้ยงวัว(ที่มาของพระกฤษณะ)จีบสาวเลี้ยงวัวในหมู่บ้านคนเลี้ยงวัวที่เมืองโคกุล ส่วนหญิงผู้นั้น พระแม่ไม่ได้โกรธนาง พระพรหมให้ไปทำความเคารพพระแม่ จนพระแม่หายโกรธ พระแม่เลยอนุญาตให้หญิงเลี้ยงวัวคนนี้เป็นชายาพระพรหมอีกองค์.........เรื่องนี้ไม่แพร่หลายหน่ะ และคิดว่าแต่งในสมัยหลังมากๆ

ขอบคุณคุณกาลิทัส  คุณมีน  แล้วก็คุณปลาวาฬค่ะ  ที่ร่วมกันตอบให้หายสงสัย
เทวะตำนานนี่ซับซ้อนจังค่ะ

คุณมีนคะ  ภาพที่โพสต์ไว้ภาพสุดท้ายคือพระแม่กายตรีรึเปล่าคะ?  ขออนุญาตเซฟเก็บไว้นะคะ

คุณปลาวาฬคะ  ที่คุณปลาวาฬเล่าใช่เรื่องเดียวกันกับตำนานคำสาปของพระสรัสวดีที่คุณมีนพูดถึงรึเปล่าคะ?
เพราะฉะนั้นนางโคปีที่ได้รับเลือก  ก็คือคนเดียวกันกับที่พระสรัสวดีให้พรถูกไหมคะ?

แล้วก็ขอรบกวนเพิ่มอีกนึดค่ะ  กายาตรีมนตรา
ขอบทสวดพร้อมคำแปลได้ไหมคะ?  จะได้เอามาคิดเป็นตรรกะเหมือนที่คุณมีนว่าน่ะค่ะ

ขอบพระคุณล่วงหน้าเลยนะคะ  ^_____^

นางราธา เป็นหญิงเลี้ยงวัว คือนางโคปี
และนางราธา นางโคปีนางอื่นๆ ไม่ใช่เมียครับ ถ้าพูดภาษาปัจจุบันคือเป็น"แฟน"พระกฤษณะเฉยๆครับ

Quote from: plawan22 on December 16, 2009, 16:23:48
อ.เคยเล่าให้ฟังว่า ครั้งนึงบนสวรรค์มีงาน พระพรหมรอพระแม่สรัสวดีนานมากกกกกกกกกกก สงสัยแม่ทรงเครื่องมากไปหน่อย แต่พิธีขาดชายาพระพรหมไม่ได้ พระพรหมท่านปรึกษากับเทพองค์อื่น ตอนนั้นมีพราหมณ์ทำพิธีบนสวรรค์ และพระวิษณุเลยจัดการเป็นธุระจัดหาสาวที่คิดว่า"ใช่"ที่สุดขึ้นมาบนสวรรค์ แล้วไปเจอนางโคปีสวยมากกกกก พานางขึ้นสวรรค์ และพระพรหมเห็นนาง และเห็นชอบ เลยเอาหญิงคนนี้เป็นชายาพระพรหมแทนพระแม่สุรัสวดี จนพระแม่สุรัสวดีโกรธมาก เพราะเป็นการหมิ่นเกียรตินางที่เป็นมารดาแห่งพระเวท พระพรหมไม่ให้เกียรตินาง เลยสาปพระพรหมว่าให้มีเทศกาลปีละครั้งเท่านั้น(เป็นการกาลอูฐ ในแคว้นราชสถาน และมีงานบูชาพระพรหมในงาน แคว้นอื่นไม่มี) พวกพราหมณ์ที่ทำพิธี พระแม่ไล่ให้ไปอยู่บนโลก ทำพิธีแลกเงินเป็นอาชีพ พระวิษณุโดนหางเลขเพราะไปจัดหานางโคปีมาร่วมงาน เลยสาปให้ลงไปเกิดเป็นเด็กเลี้ยงวัว(ที่มาของพระกฤษณะ)จีบสาวเลี้ยงวัวในหมู่บ้านคนเลี้ยงวัวที่เมืองโคกุล ส่วนหญิงผู้นั้น พระแม่ไม่ได้โกรธนาง พระพรหมให้ไปทำความเคารพพระแม่ จนพระแม่หายโกรธ พระแม่เลยอนุญาตให้หญิงเลี้ยงวัวคนนี้เป็นชายาพระพรหมอีกองค์.........เรื่องนี้ไม่แพร่หลายหน่ะ และคิดว่าแต่งในสมัยหลังมากๆ

มะช่ายยยย...ค่ะ  จากที่คุณปลาวาฬเล่าน่ะค่ะ  เรื่องข้างบนเนี่ย
นางโคปีสวยมากกกก...เนี่ย  ใช่คนเดียวกะที่พระสรัสวดีสาปอ๊ะป่าวคะ

นางโคปีสวยมากกกกเนี่ย คือนางคายตรีไง

นางโคปีคนนั้นคือนางคายตรี

เพราะพระวิษณุเป็นธุระจัดหา แล้วเจอนางโคปีนางนึงสวยหยาดฟ้ามาดิน เลยพาขึ้นสวรรค์ และนำไปถวายพระพรหม จนพระแม่ทราบ เลยทรงพระกริ้ว แล้วก็...ชั้นจะสาปปปป ผลคือ

1.พระพรหมมีเทศกาลปีละครั้ง
2.พระวิษณุลงไปเกิดเป็นคนเลี้ยงวัว และคิดว่าการที่ได้รับกับสาวเลี้ยงวัว และได้เกี้ยวพาราสีกับพวกเธอ ผมคิดว่าเป็นผลพวงจากคำสาป หุหุ
3.พวกพราหมณ์ที่ทำพิธีให้ ถูกสาปให้ใช้ชีวิตบนโลก รับจ้างทำพิธีกรรมในงานต่างๆ

ก็ตอนแรกคุณปลาวาฬตอบว่านางราธานี่
ก็สงสัยนี่นา


คายทรีมันตระ (กายตรีมนตรา) นั้นเป็นมนต์บทหนึ่งที่ถือว่าสำคัญมาก

เดิมนั้นเป็นมนตราที่ใช้บูชา สุริยเทพ ในภาคของจิตใจที่มีพระนามว่า "สวิตฤ"

ซึ่งถ้าสังเกตให้ดีในบทมนต์คายตรีนั้นจะกล่าวถึงพระนามของสุริยเทพพระองค์นี้ไว้


गायत्रीमन्त्र กายะทรีมัรทระ หรือ คายตรีมนตรา
ॐ भू र्भुवः स्वः । โอมฺ บูรบุวะฮ สฺวะฮ
तत् सवितुर्वरेण्यं । ทัท สะวิทุรวะเรณฺยัมฺ
भर्गो देवस्य धीमहि । บฺรโก เดวัสยะ ดีมะฮิ
धियो यो नः प्रचोदयात् ॥ ดิโย โยนะฮ พระโชดะยาทฺ

โอม = พยางค์อันศักดิ์สิทธิ์, ความเป็นอมตะ, พรหมัน, ปรมาตมัน
บูร = โลก, พื้นดิน, มนุษย์, โลกวัตถุ, ภูมโลก
สฺวะฮ = อากาศ, ชั้นบรรยากาศ, ดวงดาว, อวกาศ, จักรวาลวัตถุ
ทัท = นั้น, ดังนั้น, เช่นนั้น (ใช้นำหน้าเพื่อบ่งชี้)
สะวิทุร = อิศวร, ผู้สร้างโลก, ผู้กระตุ้น, ผู้ก่อให้เกิดความจรรโลงใจ, ผู้ขัดเกลา, พลังอันเจิดจรัสของพระอาทิตย์, พระนามหนึ่งของสุริยเทพองค์ปัจจุบัน คือ พระสวิตฤ (สาวิตรี)
วะเรณฺยัม = อันเป็นที่น่าปรารถนา, ดีเลิศ, งดงาม, ทางเลือกที่ดีที่สุด, สมควรแก่การบูชาบรวงสรวงกราบไหว้

บฺรโก = ความเบิกบาน, ความสว่างไสว, ความงดงาม, ชื่อเสียง, ความรุ่งเรือง, การทำลายซึ่งอวิชชา, การล้างบาป
เดวัสยะ = นามหนึ่งของพระสวิตฤ หมายถึง ผู้ปลุกให้ตื่นจากหลับใหล, ผู้เตือนให้รู้, พระผู้เป็นเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์และเป็นทิพย์, โชติช่วง, เปล่งปลั่ง, เป็นประกายสุกสว่าง
ดีมะฮิ = การนำมาซึ่งความสำเร็จ, การนำไปสู่ปัญญาในการแก้ไขปัญหา, การเรียนรู้, การรับรู้, การพิจารณาไตร่ตรองแล้ว, การเข้าถึงซึ่งฌาน
Dheemahi = We meditate

ดิโย โยนะฮ = ปัญญาอันหลักแหลมเหนือโลกวัตถุ, การทำสมาธิสวดมนตร์บูชาด้วยความภักดีของเรา, การแตกฉานทางปัญญา
พระโชดะยาทฺ = การชี้ทางสว่างให้มุ่งไป, แรงกระตุ้น, แรงบันดาลใจ, ความเคลื่อนไหว, ความมุ่งมั่น, การก่อให้เกิดแรงจูงใจ, อาการเหมือนเด็กที่ไม่เคยอยู่ไม่นิ่ง

แปลโดยรวมว่า
"โอม ด้วยพลังแห่ง พื้นปฐพี ห้วงนภากาศ แลสวรรค์อันเป็นทิพย์
ข้าแด่ พระสุริยเทพผู้มีพระนามว่า "พระสวิตฤเจ้า" ผู้ปลุกเหล่ามวลชีวิตให้ตื่นขึ้นจากการหลับใหล
พระองค์ผู้ประเสริฐ ผู้ทรงนำมาซึ่งความเจิดจรัสสว่างไสว
ข้าพระเจ้าขอสวดมนตร์สรรเสริญพระองค์ด้วยความภักดีทั้งกายและใจ
ขอพระองค์ทรงโปรดประทานแรงกระตุ้นแห่งชีวิต ดุจดั่งดวงประทีปแห่งปัญญาอันสร้างสรรค์
ทรงโปรดเมตตาชี้นำทางสว่างในการแก้ไขปัญหาต่างๆ แก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญ"

คายตรี นั้นจะหมายถึง บทสวด 3 ช่วงเวลา ซึ่งในสมัยโบราณจะนิยมสวดในช่วงเวลาดังนี้

1. ช่วงเช้ามืดในขณะที่แสงอุษาจับท้องฟ้า หรือ ขณะที่พระอัศวินแฝดเคลื่อนราชรถนำพระอุษาและสุริยเทพโผล่พ้นท้องฟ้าในรุ่งอรุณ หรือ เมื่อพระอาทิตย์เคลื่อนเข้าเรือนที่ 1 ในจักรราศี (เรือนลัคนา)
โดยจะทำการบูชาพระสุริยเทพในองค์แรก (สุริยเทพมี 8 - 12 องค์ที่ถูกกล่าวไว้ในฤคเวท
ในที่นี้จะหมายถึง สุริยเทพไววัสวัต (Vivasvat - वैवस्वत - ผู้แผ่รัศมี) เป็นสุริยเทพผู้ขับไล่ความมืดมน ความน่าสะพรึงกลัว จึงมีอีกนามหนึ่งว่า ภาสกร คือ ผู้ทำให้เกิดแสงสว่าง

2. ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์อยู่ตรงกลางศีรษะ หรือ พระอาทิตย์สถินในเรือนที่ 3 (เรือนสหัชชะ) ของจักรราศี หรือ พระอาทิตย์อยู่ในส่วนที่ 4 จากทั้งหมด 7 ส่วนของท้องฟ้าเวลากลางวัน
จะบูชาพระมิตรา (Mitra - मित्रा) สุริยเทพแห่งข้อความสัญญาต่างๆ โดยมีหูหนึ่งพัน และดวงตานับหมื่นดวง มีแสงเจิดจรัสมาก พระมิตรานั้นเป็นหนึ่งในจำนวนสุริยเทพทั้งหลาย ซึ่งทำหน้าที่ประสานสามัคคีในหมู่ชน เป็นผู้ผยุงสวรรค์และโลกมนุษย์ เป็นสุริยเทพแห่งเวลากลางวัน


3. ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน หรือ ช่วงอสูรสายันณ์ หรือ พระอาทิตย์สถิตอยู่ในเรือนที่ 7 (ปัตนิ) ของจักรราศี
จะบูชาพระปุษัณ (pushan – पुष्ण) สุริยเทพในรูปคนศีรษะล้าน แก่ชรา ไม่มีฟัน ดังนั้นของที่จะนำมาถวายแด่พระปุษัณจึงเป็นข้าวที่ต้มจนเละ เป็นสุริยเทพผู้ขับต้อนเหล่าสรรพสัตว์ให้กลับที่พักเพื่อพักผ่อนในยามเย็น

แต่ต่อมาในยุคมหากาพย์ การจะตีความถึงสภาวะของแสงสว่างภายในจิตใจให้ออกมาเป็นรูปเป็นร่างนั้นกระทำได้ยาก
จึงได้ถูกปรับเปลี่ยนมาใช้เป็นบทมนต์บูชาเทพที่ตนนั้นนับถือให้เป็นพระเจ้าสูงสุดองค์ใดก็ได้แทน
แล้วต่อมาอีกได้เกิดความคิดในรูป "บุคคลาธิฐาน" ให้ปรากฏออกมาในรูปของพระเทวีองค์ใหม่ซึ่งมี 5 เศียร
โดยแต่ละเศียรจะมาจาก พระปารวตี, พระลักษมี, พระสรัสวตี, พระปฤถวี (พระภูมิเทวี หรือ พระธรณี) และ พระคงคา
ซึ่ง 2 องค์หลังนี้บางท่านก็ให้ความหมายว่าเป็นพระพักตร์ของพระแม่ทุรคากับพระแม่กาลี
ซึ่งเรื่องนี้ก็แล้วแต่ทรรศนะความเชื่อส่วนบุคคล

แต่ถ้าจะถือตามความหมายในบทมนต์เดิมแล้ว จะสื่อถึงพระสวิตฤ ซึ่งเป็นสุริยเทพในแง่นามธรรม
เพราะจะเปรียบพระสุริยเทพพระองค์นี้เป็นดั่งแสงสว่างของพระอาทิตย์ที่ปรากฏอยู่ภายในจิตใจของคนเรา
พระองค์จะแผ่รัศมีความสว่างแห่งปัญญา เพื่อขับไล่ความมืดมิตแห่งอวิชชา นั่นเอง

ฉะนั้นอย่าไปยึดติดกับรูปลักษณ์ของพระผู้เป็นเจ้าที่เป็นมายา (สุคุณพรหมัน) หรือ ปฏิมาให้มากนัก
พระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริงนั้นทรงไร้ซึ่งรูปลักษณ์ ไร้เพศ โดยในฤคเวทจะกล่าวถึงพระองค์ในรูป "นิรคุณพรหมัน"
ซึ่งเป็นพรหมันอันไม่ปรากฏรูปลักษณ์ อันหมายถึง ภาวะของการไร้ซึ่งคุณ แต่กลับแฝงไว้ด้วยคุโณปการอันมากมายมหาศาล

ขอให้เราเข้าใจเพียงแต่ว่า พระเจ้าที่แท้จริงแล้วนั้นคือความสงบสันติภายในจิตใจของเราก็พอ
[HIGHLIGHT=#ffff00]
[HIGHLIGHT=#ffff00]อันจิตมนุษย์นั้นชอบวิ่งออกไปแสวงหาพระเจ้าจากวัตถุภายนอก[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]จนลืมย้อนมองดูพระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริง อันสถิตอยู่ในใจเรา[/HIGHLIGHT]
[/COLOR][/HIGHLIGHT][/FONT]

ขอบคุณคุณกาลปุตราทีให้คำตอบในอีกแนวทางหนึ่ง  ซึ่งละเอียดราวกับเข้าคลาสฉะนั้น
เป็นมนต์ที่มีคำแปลแบบละเอียดมากค่ะ  จนทำให้เข้าใจเป็นภาษาไทยได้โดยง่าย

+ 1 ความรู้ค่ะ ขอบคุณมากมาย
[HIGHLIGHT=#ffffff]พึงระลึกไว้เสมอว่า [/HIGHLIGHT]' ความบังเอิญ" มันไม่มีในโลก เพราะทุกอย่างล้วนถูกกำหนดแล้ว ด้วย "พรหมลิขิต" :
Credit ",,Cz Holic

ไขความให้กระจ่างแจ้ง เรยคร้าฟ สำหรับทุกข้อมูลขอบพระคุณมาก คร้าฟ


เพราะเมื่อก่อนนี้ บูชา เพราะมีคนบอกต้องบูชา องค์นั้นองค์นี้ โดยที่ไม่รุ้ที่มาที่ไปความหมายและจุดมุ่งหมาย กลายเป็นบูชาตามกระแส แต่เดี๋ยวนี้ มี


ข้อมูลจากทุกๆ ท่าน ทำให้ไม่หลงทางเข้ารกเข้าพงไปไกล ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงอีกครั้งคร้าฟ ........

เขาบอกว่าอย่างนั้นคับหลังที่พระนางสาปเทพกันแล้วจึงฉุดนางกายาตรีแล้วตรัสว่า นับแต่บัดนี้กายาตรีเธอคือฉันฉันคือเธอเธอจะได้รับการปูชาจากชาว
บ้านสามัญชน ส่วนเราจะได้รับการบูชาจากนักบวชแทน และเธอจะเป็นหนึ่งในศักติด้วย และจะเป็นพระแม่แห่งพระเวทคาถาทั้งปวง
(ที่มา เทวาลัยพระแม่ปัญจมุขขี เพชรบุรี)

Quote from: durgakali on March 25, 2010, 12:24:24
เขาบอกว่าอย่างนั้นคับหลังที่พระนางสาปเทพกันแล้วจึงฉุดนางกายาตรีแล้วตรัสว่า นับแต่บัดนี้กายาตรีเธอคือฉันฉันคือเธอเธอจะได้รับการปูชาจากชาว
บ้านสามัญชน ส่วนเราจะได้รับการบูชาจากนักบวชแทน และเธอจะเป็นหนึ่งในศักติด้วย และจะเป็นพระแม่แห่งพระเวทคาถาทั้งปวง
(ที่มา เทวาลัยพระแม่ปัญจมุขขี เพชรบุรี)


โอ้ว ... เยอะจริงๆคร้าฟ (ความรุ้ )   ขอบพระคุณมากคร้าฟผ้ม สำหรับการแบ่งปันข้อมุลความรุ้

อิอิเอาคลิปพระแม่โยคีจามนได(กาลี)นาฎราชมาคับเพลงเพราะมากฟังจนร้องได้และ

http://www.youtube.com/v/KY46oACgLm0

[HIGHLIGHT=#7030a0]นิไม่ใช่พระแม่จามุนไดอย่างที่คุณว่านะครับ[/HIGHLIGHT]
พระผู้เป็นเจ้าสูงสุดซึ่งมีอยุ่เพียงพระองค์เดียว  เป็นผู้ซึ่งมีพระเนตรและพระพักตร์มากมายรอบทิศทาง  มีพระกรและพระบาทอยู่โดยรอบทิศ  ด้วยพระผู้เป็นเจ้าสูงสุดพระองค์เดียวนี้ทรงมีสภาวะแผ่ครอบคลุมไปทั่วสกลจักรวาล   
เศวตาศวตรอุปนิษัท

อิอิล้อเล่นอะคับอืมม์

ดูเล่นฮาฮา


***ผมขออนุญาตลบคลิป youtube ชื่อ  "[ซับนรก]ฮิตเลอร์ยืมตังค์ทักษิณ" ออกนะครับ : แก้ไขโดย อักษรชนนี***

ขออนุญาตนำลิงค์คลิปyoutubeที่คุณdurgakali นำมาลงล่าสุดออกไปนะครับ

เพราะเห็นว่าไม่เกี่ยวข้องกับเพลงหรือภาพของพระเป็นเจ้าในศาสนาฮินดูแต่อย่างใด

และขอความร่วมมือกรุณาอย่านำคลิปประเภทนี้มาลงอีกนะครับ  (เพราะผมตามลบคลิปนี้ที่คุณนำมาโพสใน HM มาสองครั้งแล้ว)

แต่ถ้าเป็นคลิปเพลงหรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาบอร์ด (ฮินดู) ก็สามารถนำมาลงได้ครับไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้

อักษรชนนี
๒๙ มี.ค. ๕๓
WELCOME TO HINDUMEETING

เรียน สมาชิกเก่าและสมาชิกใหม่ของเว็บ HinduMeeting
ขอความกรุณาทุกท่านศึกษากฎ กติกา มารยาทของเว็บด้วยนะครับ

http://www.hindumeeting.com/forum/index.php?topic=1423.0

สวัสดีค่ะ ดิฉันอ่านกระทู้แล้วรู้สึกว่าก็น่าสนใจดี
แต่สำหรับดิฉัน จะเป็นพระแม่สรัสวตีหรือพระแม่คายตรีก็ไม่ต่างกันหรอกค่ะ ตำนานก็เป็นเพียงเรื่องราวที่คนแต่ละครรับรู้ ซึ่งมันก็ไม่เหมือนกัน
ดิฉันแค่อยากจะบอกในฐานะผู้ที่น้อมมโนอยู่แทบพระบาทของพระแม่พรหมี หรือสรัสวตี หรือคายตรี หรือวีณาปาณี หรือธรรมปาณี ว่าภาวะที่คุณกำลังแจกแจงท่านอยู่นั้น
ที่จริงท่านก็คือทุกอย่างที่คุณกล่าวมานั่นแหละค่ะ

แต่ว่าเรื่องราวของพระแม่คายตรก็น่าสนใจดี การนับถือขึ้นอยู่กับศรัทธากับสิ่งที่เราประจักษ์ค่ะ

ยินดีที่ได้อ่านกระทู้ค่ะ และ คุณกาลปุตรา
ไม่ทราบว่าใช่คุณรึเปล่าที่เขียนหนึ่งสือเรื่อวยันต์แบบฮินดู
ดิฉันยินดีมากที่คุณเขียนหนังสือเล่นนี้คะ
และโดยส่วนตัวแล้ว ฉันอยากรู้จักคุณเป็นการส่วนตัวจริงๆ

(มยุรมฺ พรฺหมยาะ ภวามิ)

ผู้น้อมจิตกราบแทบพระบาทแห่งพระพรหมี - พราหมีทาสี
ความปรารถนาคือเรื่องของคนโง่ ความไม่ปรารถนาคือเรื่องของคนฉลาด แต่ข้าไม่อยากเป็นทั้งผู้โง่เขลาที่จมปลักในความงมงาย และไม่อยากเป็นผู้ฉลาดเลอเลิศในหมู่ปราศทั้งปวง ขอเป็นเพียงผู้เพียรเฝ้าสังเกตการณ์ได้หรือไม่หนอ