Loader

คุณสมบัติของผู้เป็นคุรุ ที่คนต้องการคุรุต้องอ่าน

Started by กาลปุตรา, December 29, 2009, 19:22:21

Previous topic - Next topic

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

เนื่องจากคุรุนั้นต้องการถ่ายทอดสัจธรรมแห่งความรู้ที่ถูกต้องในพระเวทโดยสมบูรณ์ ดังนั้นเราควรต้องรูกันก่อนว่าผู้ใดเป็นคุรุ และ ผู้ใดเป็นคุรุที่ลวงโลก ซึ่งเป็นที่น่าเสียใจเป็นอย่างมากในปัจจุบันที่ปรากฏคุรุปลอมกันเกิดขึ้นอย่างมากมาย ซึ่งมักจะกระทำดังนี้

- เก็บเงินค่าบทมนต์
- ผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับจรรยาบรรณแห่งความเป็นคุรุ
- อนุญาตให้สาวกไม่ต้องปฏิบัติสมถะและความเพียรที่พระเวทได้กำหนดไว้ เช่น หลีกเลี่ยงการพนัน, เสพยาเสพติด, การมีเพสสัมพันธ์แบบผิดๆ และ ฯลฯ
- สอนโยคะให้บริหารร่างกายแบบยิมนาสติกเท่านั้น โดยไม่มีการสอนในแบบราชโยค คือ การเชื่อมจิตของผู้ฝึกให้สัมพันธ์กับพระผู้เป้นเจ้า
- สอนว่าจุดมุ่งหมายของการปฏิบัติตนในทุกสิ่ง เพื่อให้มีความเป็นดีอยู่ดีในโลกวัตถุ
- ปฏิเสธคัมภีร์พระเวท โดยชอบประกาศว่า ข้าคือพระผู้เป็นเจ้า, ข้าเป็นดั่งองค์อวตาร, ท่านคือพระผู้เป็นเจ้า,  ท่านเป็นดั่งองค์อวตาร, ข้าคือร่างทรงแห่งพระผู้เป็นเจ้า, ข้าคือเทพเจ้า เป็นต้น

จึงจำเป็น เป็นอย่างมากที่ต้องทำความเข้าใจกับลักษณะอาการของคุรุที่เชื่อถือได้ก่อน ว่าท่านคือพระอาจารย์ทิพย์ ผู้ที่ได้รับความรู้อันบริสุทธิ์ สามารถถ่ายทอดให้เราได้ โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ ทางโลกวัตถุ

ดังนั้นคุรุที่แท้จริงจะมีบุคลิกภาพดังนี้

- เป็นผู้กล่าวแต่คำสัตย์
- ไม่ยึดติดอยู่ในความหลง แห่งโลกวัตถุ
- ไม่มีแนวโน้มหลอกลวง หรือ ต้มตุ๋นผู้อื่น ให้ศรัทธาตน
- ต้องปฏิบัติตัว ให้เป็นเยี่ยงอย่างที่ดีแก่ศิษย์
- ต้องควบคุมประสาทสัมผัสของตนได้
- เป็นเพื่อนกับทุกชีวิต ไม่รังเกลียดผู้ใด แม้ศิษย์ผู้นั้นจะเป็นบุตรของศัตรูก็ตาม
- สนใจที่จะช่วยเหลือมวลชน โดยไม่หวังผลตอบแทน
- ไม่ควรสอนให้ตน หรือ ศิษย์นั้นตีตนเสมอด้วยพระผู้เป็นเจ้า
- ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต โดยไม่บังควรแก่เหตุ
- ไม่เสพสิ่งของมึนเมา และยาเสพติด
- ไม่มีความเห็นแก่ตนเป็นที่ตั้ง
- คำสอนของคุรุ ต้องสอดคล้องกับคำสอนในพระเวท และของสาธุ (สาดุ : พระอาจารย์ในสายปรัมปรา)
- ต้องมุ่งสอนให้สาวกเล็งเห็นถึงเป้าหมายของพระเวท คือ การเข้าสู่ปรมาตมันร่วมอยู่กับพระผู้เป็นเจ้าเป็นที่ตั้ง มิใช่เน้นแต่เรื่องพิธีกรรม และไสยศาสตร์มนตรา

อ้างอิงจากเรื่องของ "ความเป็นคุรุ" จากท่าน เอ.ซี. บัคธิเวดันธะ สวะมิ พระบุพาดะ และของท่านกฤษณะ มูรติ
[HIGHLIGHT=#ffff00]
[HIGHLIGHT=#ffff00]อันจิตมนุษย์นั้นชอบวิ่งออกไปแสวงหาพระเจ้าจากวัตถุภายนอก[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]จนลืมย้อนมองดูพระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริง อันสถิตอยู่ในใจเรา[/HIGHLIGHT]
[/COLOR][/HIGHLIGHT][/FONT]

อ่านแหละ ซึ้ง เลยครับ พี่ออส
มนุษย์ กับ คน ต่างกัน อย่างไร

คนมันแปลว่า ยุ่ง ยิ่งมากคน ยิ่งมากเรื่อง

เป็นกระทู้แรกที่ถูกใจในรอบหลายๆปี โหวตให้เป็นกระทู้ดีเด่นสำหรับปีเลยครับ  

สาธุค่ะ พี่กาลปุตรา พระเจ้าคือสัตย์จริง พระเป็นเจ้าคือสิ่งสูงสุด
สุ จิ ปุ ลิ  ขาด สักข้อ ก็ไม่ครบการเป็นปราชญ์

ปราชญ์ที่ดีต้องเป็นผู้ฟังมากกว่า พูด พูดในสิ่งที่สมควรพูด

ผู้ที่ฉลาดแท้จริง ฟัง มากกว่าพูด เพราะถ้าเรารู้ไม่จริง หรือไม่หมดก็จงอย่าพูด

เพราะเมื่อเปิดปากออกมา เมื่อนั้นได้แสดงความโง่ออกมาโดยไม่รู้ตัว

คนเก่งจริง ต้องเรียนรู้เสมอว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือตัวเรายังมีคนที่เก่งกว่า จงถ่อมตนเสมอ จงเป็นผู้ให้เสมอ


เมื่ออ่านแล้วได้ข้อคิดหลายอย่างจริงๆ

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆนะครับ ชื่นชมๆ
WELCOME TO HINDUMEETING

เรียน สมาชิกเก่าและสมาชิกใหม่ของเว็บ HinduMeeting
ขอความกรุณาทุกท่านศึกษากฎ กติกา มารยาทของเว็บด้วยนะครับ

http://www.hindumeeting.com/forum/index.php?topic=1423.0

 


            พี่ออสสุดยอดมากคะ  เอิ้กๆ  หนูขอแท๊คทีม  ปกป้องศาสนาด้วยคน  ในฐานะที่ก็เป็นลูกพระเจ้าเหมือนกัน   อิอิ   




   

                เห็นด้วยอย่างมากกับคุณโอมมหาบารมีเทวาคะ อิอิ  พวกร่างทรง พวกรกโลก  อยู่ไปก็พาลแต่จะทำให้โลกร้อน


มีเยอะแยะนะ  ที่หลังๆก็มาอ้างว่า  ชั้นก็สอนให้ทำดี  แต่มันขัดกับหลักธรรมในพระเวทชัดๆ   มีอย่างที่ไหน  สอนให้ทำดี ไปทำบุญก็จริง


แต่พอทำเสร็จเธอต้องมาเสียเงินรับขันกับชั้นนะ  หรือไม่ต้องมาทำต้องมาเสริมเมตตามหาเสน่ห์กับชั้น   ไม่เคยเห็นจะมีใครสอนว่า  ให้


ทำบุญสิ   แล้วบุญจะเป็นเกราะคุ้มครองป้องกันเธอไปตลอด   บุญเป็นของแท้แน่นอน  โดยไม่ต้องพึ่งอิทธิฤทธิ์ปาฎิหารย์  หรือเหล่า

บรรดาของปลุกเสกข์ในสายดำทั้งสิ้น



          แต่ก็มีอีกจำพวกหนึ่ง   ที่อาจจะสัมผัสกับพลังขององค์เทพได้นิดๆหน่อยๆ   แล้วก็เลยเถิดกลายเป็นติดอุปทานไป

บังอาจเอาตัวเองเข้าไปเทียบกับพระเป็นเจ้า   หารู้ไม่ว่ากายทิพย์ไม่มีวันที่จะทาบกายหยาบได้แนบสนิทร้อยเปอเซ็น


แต่ก็ยังดีใจ   ที่เพื่อนๆใน hm ยังเลือกเดินทางที่ถูก  ยังมีสติ   อย่างน้อยคงเป็นกุศลผลบุญ  รวมทั้งกรรมดีในอดีตชาติ  และอาจจะเป็น


ที่ด้วยพรของพระเป็นเจ้า  คอยทรงนำทางให้เราเดินกันไปในทางที่ถูกที่ควร   ไม่ใช่ว่าหลงงมงายหรือไร้สาระกันไป



       แต่สำหรับบางคนที่อาจจะเคยเดินผิดทาง  หรือมีการตัดสินใจผิดพลาด  เช่นทำการสบประมาทหรือล่วงเกินเทพเจ้าชั้นสูง


โดยการเอาท่านมาแอบอ้างหรือลงทรง   ถ้ามีบุญ  มีวาสนา  มีสติมากพอ  รวมถึงองค์เทพทรงเมตตา  หนูเชื่อนะ  เชื่อว่าท่านคงจะยัง


ทรงให้อภัยไม่ถือโทษโกรธเรา  แม้ว่าเราจะเคยเลือกเดินทางที่ผิดๆมาก็ตามที   



            ขอพระเป็นเจ้าคุ้มครองทุกคนให้ร่วมกันเดินไปในทางที่ดี ที่ถูกต้อง  เพื่อมุ่งสู่โมกษะ  หรือ นิพพานกันต่อไปคะ





     .....  พี่ยีนส์  ห้ามเซ็นเซ่อข้อความหนูนะ  นี่ถือว่าเบาแล้ว อิอิ   น้องต้ามาร่วมขบวนกันด้วยสิจ๊ะ อิอิ  555


พอเห็นคุณ โอมมหาปารมีเทวา  กับ คุณGifzy_69  พูดถึงร่างทรง  ผมก็อดไม่ได้  ขอแจมด้วย.....

.....ล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ผ่านไปที่ศาลแห่งหนึ่ง  เห็นว่ามีงานใหญ่โต  เหมือนจะเป็นงานเทวาภิเษกอะไรซักอย่าง  ก็เลยชวนเพื่อนเข้าไปดู ปรากฎผมก็สนุกสนาน  และตื่นตาตื่นใจกว่าที่คิด  เจอผู้ชายคนหนึ่งในชุดขาว  เป็นร่างทรงพระคเนศ กับ อีก 3 คนในชุดลายเสือ  เป็นร่างทรงพระฤษี  ผู้คนต่อแถวรอเป่ากระหม่อมกันยาวเหยียด  เอาเงินใส่ซองยกพานดอกไม้ ธูป เทียนกันให้วุ่นวาย  ในใจก็คิดว่า  เค้าจะรู้ไหมนะว่าที่กราบๆ กันอยู่น่ะ ผี ทั้งนั้น... (ได้แต่คิดในใจนะครับ...พูดไม่ได้ 5555+  ขำตัวเองเหมือนกัน )

    แต่คนที่ดูตื่นเต้นสุดๆ  น่าจะเป็นเพื่อนของผม  ถามผมว่านั่นเค้าเป็นร่างทรงเทพองค์ไหน ?  ผมก็เลยกระซิบเบาตอบว่า  "น่าจะเป็นผีแถวนี้แหละ"  เพื่อนก็ทำหน้า งง  สุดชีวิต ผมก็เลยบอกว่าตอนนี้เราไปดูพระคเณศแสดงอภินิหารกันก่อนเถอะ  เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังที่หลัง (...พอเล่าให้เพื่อนฟัง  เจ้านั่นอึ้งไปเลยแล้วบอกกับผมว่า  เดชะบุญวันนั้นมันเกือบจะเข้าไปร่วมวงยกพานขอพรพระคเณศ (ปลอม)อยู่แล้ว  แต่เห็นผมพูดแปลกๆเลยไม่ทำ  5555+ )


     น่าสมเพชนะครับ  คนพวกนี้อ้างเป็นร่างบารมีพระแม่องค์นี้เพื่อสร้างบุญบ้าง  รับบัญชาจากพระคเณศให้เป็นร่างทรงเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์บ้าง 

      ที่หนักกว่า...เดี๋ยวนี้เป็นตำหนักทรงออนไลน์  มีการอัพโหลดเป็นคลิปวิดิโอขึ้น Youtube  แสดงอภินิหารผ่าน internet 4 Mb  เค้าตั้งตำหนักทรงของพระแม่องค์หนึ่ง  มีศิษยานุศิษย์มากมาย  ปากบ่นบริกรรมคาถาภาษามั่ว  พิธีกรรมก็เหมือนจะถูกต้องแต่ผิดหมด  มีปลุกเสกของทิพย์  หิ้งบูชาเห็นแล้วประหนึ่งว่าอยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้า  เทพเจ้าทุกองค์มาประชุมรวมกันวันสัมมนาโลกหรือเปล่า จัดหิ้งได้มั่วสุดๆ  บางเทศกาลมีการสรงน้ำพระหัตถ์พระแม่  ด้วยการสรงน้ำผ่านมือร่างทรงคนนั้น - -' คิดได้ไงเนี่ย  !!  ยังจะกล้าเอามาประจานตัวเองบนโลกออนไลน์อีก  เห้อ...!!  สงสารก็แต่คนที่ตกเป็นเหยื่อ

      พูดซะยาวเลย....สรุปง่ายๆก็คือ  ผมไม่ชอบร่างทรง (ส่วนตัวมากๆ  อิอิ) ไม่ชอบคนที่อ้างตัวเป็นเทพเจ้า  ไม่มีเทพชั้นสูงที่ไหนมาประทับร่างมนุษย์หรอก  มีแต่มนุษย์นั่นแหละที่สวมรอยประทับทรงเป็นเทพเจ้า  ..... จบ !!!  (555+)

      

ดิฉันก็เป็ฯอีกคนหนึ่งค่ะ ที่ไม่ชอบและไม่เคยเชื่อร่างทรงเลย ตั้งแต่ไหนแต่ไร
แต่ยอมรับนะคะว่าถ้ามีโอกาสก็ชอบดู เหมือนดูปาหี่ค่ะ สนุกดี แต่ไม่คยเข้าไปยุ่มย่ามเลย ดูแต่ตามือและใจไม่เคยต้องค่ะ
   ขอพาหาพลรามอันงามขาว    ดังจันทร์คราวเริ่มแรกอุทัยไข
ทรงกำลังสามารถฉกาจไกร       ดังว่าได้ดื่มซึ่งอาสวรส
เต็มด้วยอวตารแห่งปัทมา        ลักษมีกันยาสุภาสด
น่าใคร่ราววสันต์อันงามงด       จงคุ้มท่านทั้งหมดในที่นี้


(คัดจากเทวีวาสวทัตตา ของภาสะ แปลโดย ท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา มาลากุล)

โอโฮ่ คนเปิดตัวกันเยอะแหะ ที่ไม่ค่อยชอบด้านนี้ ผมก็เป็นอีกคนน่ะ ขอเป็นหนึ่งเสียงเล็กๆๆ ด้วยคนน่ะครับ
เจ๊ giftzy_69 นานๆโพส เล่นซะ ระบายออก มาหมดเลยน่ะ 555
มนุษย์ กับ คน ต่างกัน อย่างไร

คนมันแปลว่า ยุ่ง ยิ่งมากคน ยิ่งมากเรื่อง

555 สนับสนุนทุกความคิดเห็นจ้า กายมนุษย์หยาบมากมาย หากไม่ได้ปฎิบัติอย่างเคร่งครัดแล้วไซร้ มิคู่ควรอวดอ้างตนเป็น"ร่างทรง" อย่างแท้จริง เด๋วนี้อ่ะ "ผี" เยอะค่ะ ขอเป็นเพียง ผู้ศรัทธาดีกว่าเนอะ ขออนุญาตเสริมอีกข้อค่ะ
-ผู้เป็นคุรุ ต้องมีจิตเมตตาช่วยเหลือผู้เดือดร้อน อย่างจริงใจไม่หวังสิ่งตอบแทนเจ้าค่ะ ที่บอกเพราะว่า เด๋วนี้เห็นเยอะ อ้างตนเป็นร่างทรง แล้วรีดไถเงินจากลูกศิษย์อ่ะ
อย่าลืมนะคะ เวรกรรมมีจริง ปฎิบัติอย่างไร ได้อย่างนั้น ขอให้ทุกๆท่านไตรีตรองให้ดีก่อนจะเชื่อจ้า สาธุ  

เอาเสริมอีกนิดครับ

"ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ไม่มีการทรงเจ้าเข้าผี"
กล่าวโดย : พระราชครูวามเทพมุนี - สำนักพระราชครู / กองพระราชพิธีประจำสำนักพระราชวัง



"การรับขันธ์และการเข้าทรง คือวิชาของมาร!!"

กล่าวโดย : พราหมณ์ขจร นาคะเวทิน (พระครูญาณสยมภูว์-เทวสถานโบสถ์พราหมณ์-มูลนิธิพระพิฆเนศ)


"มนุษย์ผู้ใดบังอาจกล่าวว่า เป็นผู้เข้าทรงมหาเทพได้
ผู้นั้นไม่มีทางรอดเป็นอื่นนอกจากความวิบัติ"

กล่าวโดย : พราหมณ์ ลลิต โมหัน วยาสะ (พระครูพราหมณ์-วัดเทพมณเฑียร)


"ชาวไทยที่หลงงมงาย บังอาจเข้าทรงมหาเทพชั้นสูง
เขาเหล่านั้นจะไม่มีวันเจริญทั้งในชาตินี้และชาติต่อๆไป"

กล่าวโดย : พราหมณ์ กฤษณะ ลาลมาเดฟราช (พระครูพราหมณ์-องค์กรพราหมณ์แห่งอินเดีย)



"การทรงเจ้าของบรรดาร่างทรง
คือการกระทำไสยศาสตร์ระดับวิญญาณ-ผี-สัมภเวสี
ไม่มีทางเป็นมหาเทพ-มหาเทวีชั้นสูงได้ โปรดอย่าเข้าใจผิด"

กล่าวโดย : พราหมณ์ จุรุลาตา ราชา (พระครูประธานคณะพราหมณ์-เทวสถานชัมภูสถาน ประเทศอินเดีย)



ผู้ใดทำการทรงเจ้าใน โบสถ์พราหมณ์เสาชิงช้า ผู้นั้นจะถูกพราหมณ์ขับไล่ให้ออกจากสถานที่
ผู้ใดทำการทรงเจ้าใน วัดแขกสีลม ผู้นั้นจะถูกตำรวจหิ้วปีกออกจากวัด
ผู้ใดทำการทรงเจ้าใน วัดเทพมณเฑียร ผู้นั้นจะถูกเจ้าหน้าที่เชิญออกจากโบสถ์ทันที
ผู้ใดทำการทรงเจ้าและหลอกลวงในวัดของประเทศอินเดีย ผู้นั้นจะถูกทุบตีจนเสียชีวิต


คนมีองค์...มีจริง !! องค์เทพลงมาคุ้มครองผู้ศรัทธา
มนุษย์ทุกคนสามารถ "มีองค์" ได้เอง ถ้าหมั่นบูชาเทพ หมั่นทำบุญ หมั่นทำความดี
แต่ คนทรงเจ้า...เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์หลอกลวง!!!
มีเพียง 1% เท่านั้นที่เมตตาช่วยเหลือผู้คนจริงๆ โดยไม่มีการเรียกเก็บเงินและไม่ยุ่งเกี่ยวกับไสยศาสตร์
และใน 1% นั้นก็ไม่ใช่ร่างทรงของเทพชั้นสูง แม้เขาจะช่วยเหลือผู้คนแต่ก็เป็นเพียงการเข้าทรงวิญญาณเท่านั้น


สรุป...คนมีองค์ ไม่จำเป็นต้องเป็น ร่างทรง...
ร่างทรง อาจจะ ไม่มีองค์ เลยก็ได้ (ผู้ที่เข้าข่ายหลอกลวง)
คนมีองค์ ไม่จำเป็นต้อง รับขันธ์ เพราะการรับขันธ์ไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาฮินดูแม้แต่น้อย
ถ้ามีคนทักว่า มีองค์ ก็ให้เฉยๆไว้ อย่าหลงเชื่อ... คุณอาจจะมีองค์จริง หรือไม่มีองค์ ก็ไม่มีใครทราบ และไม่จำเป็นต้องทราบ...
อย่าไปเสียเงินค่าพิธีแม้แต่บาทเดียว เพราะถ้าเสียเงินครั้งแรกจากการรับขันธ์..คุณจะโดนของเขมรทันที...และต้องเสียไปเรื่อยๆจนหมดตัวในที่สุด!!

ขอให้กลับไปสวดมนต์ภาวนาบูชาพระอย่างเดิม ไหว้พระก็ไหว้ที่บ้าน อยากไหว้นอกบ้านก็เข้าวัดหรือเทวสถานไปเลยจะดีกว่าครับ...


วงการมายา ไม่ใช่สนามเด็กเล่น แต่เป็นสมรภูมิรบ และ การผูกสัมพันธ์ไมตรี ทั้งจริงและจอมปลอม

มายา ความหมายของมันช่างลึบลับเหลือเกิน

วงการมายาไม่ใช่ของเล่นทั่วไป เข้าแล้วออกยาก ระวังเอาไว้

อันนี้เรื่องตลกนิดๆ

ตามตำหนักทรง เราสามารถพบเห็นเรื่องทุเรศๆ ที่บิดเบือนไปจากศาสนาพุทธ-พราหมณ์ ได้มากมาย เช่น ร่างทรงพระพิฆเนศอ้วกแตกเพราะสูบบุหรี่ใบจากในขณะประทับทรง , พระแม่อุมาลงประทับลงร่างทรงที่เป็นกะเทย , พระวิษณุนารายณ์ต่อสู้กับนางตะเคียน , พ่อแก่ฤาษีประทับทรงแล้วกระโดดกอดสีกา , พระแม่ลักษมีดูดวงให้ลูกศิษย์ , พระนารายณ์อวตารสูบบุหรี่ยี่ห้อ Marlboro , พระพรหมลงมาใบ้หวยให้เลขเด็ดแก่ลูกศิษย์ , พระพุทธเจ้ามาลงประทับร่างคนหน้าเหมือนโจร , พระศิวะคุยภาษาแขกกับเจ้าแม่กวนอิม (อันนี้ฮาสุดๆ) ฯลฯ แล้วคุณทั้งหลายยังจะคิดว่าองค์เทพเจ้าต่างๆที่ลงมาประทับนั้น เป็นองค์จริงๆแน่หรือ??

หากต้องการข้อมูลเกี่ยวกับรางทรงก็ลิงค์นี้ครับ http://www.siamganesh.com/devils.html
ขอขอบคุณ www.siamganesh.com ที่ให้ความรู้ต่างๆครับ
วงการมายา ไม่ใช่สนามเด็กเล่น แต่เป็นสมรภูมิรบ และ การผูกสัมพันธ์ไมตรี ทั้งจริงและจอมปลอม

มายา ความหมายของมันช่างลึบลับเหลือเกิน

วงการมายาไม่ใช่ของเล่นทั่วไป เข้าแล้วออกยาก ระวังเอาไว้

คุณGifzy_69 และคุณ NaGa เป็นไรมากป่ะ

เห็นแล้วหมั่นเขี้ยว 555+

ก่อนอื่น ก็ขอบคุณ คุณ โอมมหาบารมีเทวา

ที่นำสาระดีๆมาให้ผู้ศรัทธาพระเป็นเจ้าได้ศึกษา

บางคนอาจจะรู้อยู่แล้วแต่ก็ไม่ใส่ใจนำไปปฎิบัติก็เยอะ

มีคนถามว่า หากตายไป จะตอบพระเป็นเจ้าที่ตนแอบอ้างว่าอย่างไร

นั่นสิ จะตอบว่าอย่างไรเล่า...ไม่กลัวบ้างเลยเหรอ

ไม่รู้ไม่ผิด แต่อยากไห้ศึกษาซักนิดว่า สิ่งที่ตนนับถือ แอบอ้างอยู่เนี๊ยะ

มีที่มาที่ไปอย่างไร ไม่ใช่มีคนทักก็มั่วไปกับเค้าโดยขาดการศึกษาที่แท้จริง

ปัจจุบัน โลกเราหมุนเร็วจนคนเราขาดที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ

และต้องการการยอมรับ แต่ใช้วิธีอื่นดีกว่ามั๊ย

ผมคนนึง ที่รักและศรัทธาองค์เทพโดยเริ่มศึกษาและเริ่มต้นมาจากตำหนักทรง

คุณไม่เอะใจกันบ้างเหรอ ว่ามันแปลกๆ

ผมเศร้าและสมเพช คนที่ยังอยู่ในวังวนผีทรงนั้นๆ

เพราะคนรอบตัวผมก็ยังวนเวียนอยู่ โดยที่ผมไม่รู้จะเริ่มตรงไหน

เริ่มยังไงไห้เค้าหลุดพ้น จะปริ๊นเอาข้อมูลไปไห้เค้าอ่าน หรือยังไงดี

เฮ้อออ...เศร้า
Yes, I  Love  HM...       

แหมเจ๊
มาคราวนี้แรงเชียว
เอิ๊กๆ
ข้าแต่พระวาคีศวรีเจ้า พระมารดาแห่งพระเวทย์ พระมารดาแห่งศฤงคาร พระมารดาแห่งขุนเขา 
ในนามของ พระปารวตี  ลักษมี  สรัสวตี  สาวิตรี  คายตรี พระองค์คือปรมาตมัน 
พระผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งพระพรหม วิษณุ รุทระ
ด้วยพระกรุณาแห่งพระองค์ จักทำให้โลกที่มืดด้วยอวิทยาสว่างขึ้นโดยพุทธิปัญญา

โอม ตัต สัต

วันนี้มีเรื่องสนุกมาเล่าให้ฟังกัน พอดีออนแคมฟ๊อคนั่งคุยกับเพื่อน อยู่ๆ ก็มีคนเข้ามาทักแล้ว แล้วก็เจอเช่นนี้ เลยก๊อปมาให้อ่าน ฮาดี แต่ยาวหน่อยนะครับ


BAS_0870695943 :
ไมเอารูปเเม่ขึ้นล่ะ

PuRuSha_RiShi :
ขี้เกียจเปิดกล้องครับ

PuRuSha_RiShi :
ทำงานอยู่ครับ

BAS_0870695943 :
นับถือเเม่ด้วยเหรอ

PuRuSha_RiShi :
อ่ะ

BAS_0870695943 :
นับถืนานยังอ่ะ

BAS_0870695943 :
ถือ

PuRuSha_RiShi :
นานแระ

BAS_0870695943 :
เหรอ

BAS_0870695943 :
มีองค์ป่าวอ่ะ


PuRuSha_RiShi :
มีแต่องคชาติคับ ... อิอิ

PuRuSha_RiShi :
องค์นะเขาไม่ลงร่างหยาบเหม็นๆ อย่างผมหรอกครับ

PuRuSha_RiShi :
พวก เปรียบตนว่าเสมอพระเป็นเจ้า มันจะเป็นบาปมาก

PuRuSha_RiShi :
ผมเลยไม่กล่ามีองค์ โดยเฉพาะ การเป็นร่างทรง

BAS_0870695943 :
ก็นายพูดจาเเบบเนี้ยก็สมควรมีเเต่องคชาติหรอก

PuRuSha_RiShi :
ทำไมอ่ะ

PuRuSha_RiShi :
หรือไม่จริง

PuRuSha_RiShi :
ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบฮินดูนะ

BAS_0870695943 :
ดูถูกผู้ปฏิบัติ

PuRuSha_RiShi :
ผู้ปฏิบัติคือผู้ปฏิบัติ

PuRuSha_RiShi :
ผมด่าร่างทรง

BAS_0870695943 :
นายยังไม่รู้อะไรอีกเยอะ

PuRuSha_RiShi :
เรื่องไร บ้างว่ามาครับ

BAS_0870695943 :
ไม่รู้จักเพราะไม่ใช้ฮินดู

PuRuSha_RiShi :
ॐ श्री गणेशाय नमः

अजं निर्विकल्पं निराहारमेकं निरानन्दमानंदमद्वैतपूर्णम् ।
परं निर्गुणं निर्विशेषं निरीहं परब्रह्मरूपं गणेशं भजेम् ॥१॥

PuRuSha_RiShi :
ให้ร่างที่คุณว่า ช่วยอ่านหน่อย

PuRuSha_RiShi :
พวกทรงพระแม่ หรือ เทพแขกอ่ะ

PuRuSha_RiShi :
อ่านได้จะยอมเชื่อครึ่งนึง

PuRuSha_RiShi :
แต่ถ้าอ่านไม่ได้ จะอ่านให้ฟัง

PuRuSha_RiShi :
แล้วอย่าว่านะ

PuRuSha_RiShi :
เพราะนี่คือ เทวนาครี หรือ ภาษาเทพของจริง

BAS_0870695943 :
เราไม่ใช้ร่างทรง

PuRuSha_RiShi :
อ่ะ

PuRuSha_RiShi :
ผมก็ไม่ได้ว่าคุณนี่

PuRuSha_RiShi :
ผมว่าพวกร่างทรง

BAS_0870695943 :
นายไม่ใช้เทพนี่

PuRuSha_RiShi :
ใช่ ไม่มีใครเป็นเทพหรอก

PuRuSha_RiShi :
เพราะ ถ้าเป็นเทพคงไม่อยู่ยนโลกแระ

PuRuSha_RiShi :
หัวใจ ของศาสนาอยู่ตรงไหน

PuRuSha_RiShi :
โดยเฉพาะ ศาสนาในตะวันออกเราอ่ะ

PuRuSha_RiShi :
ฮินดุ อยู่ที่ ปรมาตมัน

PuRuSha_RiShi :
พุทธอยู่ที่ สูญตา หรือ นิพพาน

PuRuSha_RiShi :
แล้วพวกร่างทรงสอนเป็นไม๊

BAS_0870695943 :
เเต่เมื่อถึงเวลาเทพมาโปรดเราก็น้อมรับอ่ะ

PuRuSha_RiShi :
จำไว้นะครับ

PuRuSha_RiShi :
จะเอาเทพไหน

BAS_0870695943 :
ไม่จำเปง

PuRuSha_RiShi :
เทพพุทธ พุทธองค์ก็ตรัสว่า ถ้าผู้ใดบูชาพระองค์เพราะหวังในโลกียะ อย่าบูชา


BAS_0870695943 :
ผมสอนตัวเองอยู่ตลอดเวลา

PuRuSha_RiShi :
เพราะเท่ากับไม่เห็นพุทธองค์

PuRuSha_RiShi :
ถ้าเป็นฮินดู

PuRuSha_RiShi :
เขาก็บอกว่า

PuRuSha_RiShi :
ถ้าผู้ใดไม่สอนให้ถึงจุดสูงสุดแห่งพระเวท

PuRuSha_RiShi :
ผู้ที่สอนนั้นสอนไม่ถูก และจะเป็นบาป

PuRuSha_RiShi :
พระเวทคือความรู้ ที่ขจัดตมัส รชัส

PuRuSha_RiShi :
ไม่ได้สอนให้เน้นพิธีกรรม

PuRuSha_RiShi :
ก่อนจะเชื่ออะไร ไปอ่าน กาลามสูตร 10 ก่อนนะครับ

PuRuSha_RiShi :
แน่ใจแล้วหรอ ที่เห็น ที่เชื่ออ่ะ ของจริง

PuRuSha_RiShi :
ถามใจดูดีๆ

PuRuSha_RiShi :
อย่าเชื่อเพราะรัก

PuRuSha_RiShi :
อย่าเชื่อเพราะเขาเป็นครู

PuRuSha_RiShi :
อย่าเชื่อเพราะตรึกเอา


BAS_0870695943 :
ไม่เชื่ออะไรหรอกถ้าไม่สัมผัสรู้ด้วยตัวเอง

PuRuSha_RiShi :
คนไหนอะที่คุณเชื่อ ผมพร้อมเจอเขาตลอด

BAS_0870695943 :
นายเเถวไหนอ่ะ

PuRuSha_RiShi :
ชอบนะได้สนทนาธรรม

PuRuSha_RiShi :
ปากทางลาดพร้าว

BAS_0870695943 :
ตรงไหนอ่ะ

PuRuSha_RiShi :
ปากทางลาดพร้าวจะตรงไหนอ่ะ

PuRuSha_RiShi :
มีที่เดียวอ่ะ

PuRuSha_RiShi :
ซอย 1

BAS_0870695943 :
เเต่คนที่เรานับถืออยู่นคสวรรค์


PuRuSha_RiShi :
ครับ

PuRuSha_RiShi :
เขาทรงไรอ่ะ

BAS_0870695943 :
บอกไปก็เท่านั้น

PuRuSha_RiShi :
เท่าไหนอ่ะ

BAS_0870695943 :
ในเมื่อเราคุยกันคนละภาษา

PuRuSha_RiShi :
ครับ แล้วแต่

PuRuSha_RiShi :
คณโตอีกนิด อาจคิดได้

BAS_0870695943 :
ผมคิดว่าผมคิดได้เเล้วนะ


BAS_0870695943 :
เพราะเท่าที่โตมาก็เลี้ยงดูตัวเองตลอด


BAS_0870695943 :
ถ้าคุนนับถ์อพระเเม่จิง

PuRuSha_RiShi :
การนับถือพระแม่จริง ก็ไม่ควรนำพระแม่มาหลอกลวง

PuRuSha_RiShi :
และ ลบหลู่

PuRuSha_RiShi :
ไปถามคนอินเดีย เจ้าของศาสนาเขาก่อน

BAS_0870695943 :
คุนก็ไม่น่านำภาพเเม่มาไว้ไนนี้

PuRuSha_RiShi :
ที่ไหนมีสายลม ที่ไหนมีแสง

BAS_0870695943 :
ไม่สมควร

PuRuSha_RiShi :
ที่นั่นมีพระเจ้าสถิตหมดอะคุณ


BAS_0870695943 :
เราไม่เคยเปรียบตัวเราเสมอพระเเม่

PuRuSha_RiShi :
แล้วพวกร่างอ่ะ

PuRuSha_RiShi :
เวลาทรง บอกกูเป็นพระแม่

PuRuSha_RiShi :
เปรียบไม๊

BAS_0870695943 :
เเต่เมื่อถึงเวลาของท่านเราก็ต้องปล่อยตามกาลเวลา

PuRuSha_RiShi :
ถ้าเป็นร่างพระแม่จริง

PuRuSha_RiShi :
กล้าที่จะนั่งในไฟสัก 1 ชั่วโมงไม๊

PuRuSha_RiShi :
กลับไปศึกษาพระเวทก่อนนะ

PuRuSha_RiShi :
เขาห้ามนักห้ามหนาเรื่องนี้

PuRuSha_RiShi :
พระเวทเป็นคัมภีร์สูงสุดนะ

PuRuSha_RiShi :
องค์พรหมปุรุษะเป็นผู้กำหนดมา

BAS_0870695943 :
พระเเม่ไม่เคยคิดให้ร่างปฏิบัติของท่านเจ็บหรอกคุน


PuRuSha_RiShi :
จริงหรอ

PuRuSha_RiShi :
เห็น แต่ละคน

PuRuSha_RiShi :
แล้วที่เอาเหล็กเสียบอ่ะ

PuRuSha_RiShi :
เจ็บไม๊

BAS_0870695943 :
พระเเม่ท่านจะรับความรู้สึกนั้นเมื่อประทับ

PuRuSha_RiShi :
คงไม่เจ็บเพราะพระแม่ไม่ให้เจ็บ แบบที่คุณว่ามา ถูกป่ะ

PuRuSha_RiShi :
งั้น ถ้าไปนั่งในไฟ พระแม่ย่อมไม่ให้ไหม้แน่นอน

PuRuSha_RiShi :
ทำไม ไม่นั่งอ่ะ

PuRuSha_RiShi :
มันก็ตรรกะเดียวกัน

PuRuSha_RiShi :
จะตอบว่าไง

BAS_0870695943 :
ถ้านั่งร่างก็ไหม้เเม่เปงเทพไม่สร้างบาปหรอกคุน

PuRuSha_RiShi :
อ้าว แล้วทีเสียบอ่ะ

PuRuSha_RiShi :
ร่างก็ต้องพรุนดิ

PuRuSha_RiShi :
ตกลงร่างพรุน หรือ แม่พรุน

BAS_0870695943 :
นั้นเล็กน้อย

PuRuSha_RiShi :
ตกลง ร่างเจ็บ หรือ แม่เจ็บ

PuRuSha_RiShi :
มันก็ตรรกะเดียวกันอ่ะ

BAS_0870695943 :
ไฟ กับ เหล็ก เเยกไม่ออกเหรอคุน


BAS_0870695943 :
เเม่รับความเจ็บจิงเเตเทพจะไม่ปล่อยให้ร่างเปงอะไร

PuRuSha_RiShi :
ถูกไง

PuRuSha_RiShi :
ฉะนั้น ในไฟก็เช่นกัน พระแม่ย่อมไม่ปล่อยให้สาวกเป็นไร

BAS_0870695943 :
เพราะร่างทุกร่างมีเวรกรรมที่ต้องชดใช้ต่อ

BAS_0870695943 :
ยังไม่หมดวาระ

BAS_0870695943 :
ความร้อนเเม่รับ1

BAS_0870695943 :
เเต่ถ้าสังขารของร่างไหม้

BAS_0870695943 :
ก็เสียชีวิต

PuRuSha_RiShi :
แล้ว ถามคำมันได้ประโยชน์ตรงไหน

PuRuSha_RiShi :
แสดงแบบนั้นไปเพื่ออะไร

BAS_0870695943 :
เเม่เปงเทพไม่สร้างบาปให้ตนเองหรอก

PuRuSha_RiShi :
มากระโดด โลดเต้น

PuRuSha_RiShi :
ทำให้จิตสะอาดขึ้นไม๊

BAS_0870695943 :
ฟัง

BAS_0870695943 :
เเม่ก็เหมือนคนเรานี้ล่ะ

BAS_0870695943 :
มี รัก โลภ โกรธ หลง

PuRuSha_RiShi :
คุณทราบได้ไงอ่ะ

BAS_0870695943 :
บางเวลาก็กระโดดโลดเต้นสนุกสนาน

BAS_0870695943 :
เเม่มีสวามีคือพ่อศิวะ

BAS_0870695943 :
จิงไหม

PuRuSha_RiShi :
ในเมื่อเขามีรัก โลภ โกรธ หลง ก็ย่อมเท่ากับเขาไม่เหนือเราสิ

PuRuSha_RiShi :
เพราะ กิเลส ตัณหา เหมือนกัน

PuRuSha_RiShi :
แปลกดี

BAS_0870695943 :
เอ้า

BAS_0870695943 :
ไมเปรียบเเม่อย่างนั้น

PuRuSha_RiShi :
ก็คุณบอกเองนะ

PuRuSha_RiShi :
ท่าน มีโลภ โกรธ หลง

PuRuSha_RiShi :
เพราะนั่นเท่ากับมนุษย์

BAS_0870695943 :
เเม่มีสวามีคือพ่อศิวะ

BAS_0870695943 :
จิงไหม

PuRuSha_RiShi :
ในเมื่อเขามีรัก โลภ โกรธ หลง ก็ย่อมเท่ากับเขาไม่เหนือเราสิ

PuRuSha_RiShi :
เพราะ กิเลส ตัณหา เหมือนกัน

PuRuSha_RiShi :
แปลกดี

BAS_0870695943 :
เอ้า

BAS_0870695943 :
ไมเปรียบเเม่อย่างนั้น

PuRuSha_RiShi :
ก็คุณบอกเองนะ

PuRuSha_RiShi :
ท่าน มีโลภ โกรธ หลง

PuRuSha_RiShi :
เพราะนั่นเท่ากับการเป็นมนุษย์

BAS_0870695943 :
งั้นก็ถามเเม่ดูเหอะ

BAS_0870695943 :
เมื่อยเเล้วอ่ะ

PuRuSha_RiShi :
ว่างๆ ไปคุยกะพราหมณ์ไม๊

BAS_0870695943 :
ที่ไหน

PuRuSha_RiShi :
แน่ๆ คือ ท่านปฏิบัติตนดีกว่าร่างเยอะ

PuRuSha_RiShi :
วัดเทพมณเฑียรก็ได้

BAS_0870695943 :
เหรอ

BAS_0870695943 :
ฟัง

PuRuSha_RiShi :
ผมพาไปได้

PuRuSha_RiShi :
แล้วจะรู้ จักฮินดู

BAS_0870695943 :
เเต่เคยไปงานนวราตรีวัดเเขก


PuRuSha_RiShi :
แล้วเคยคุยกะพราหมณ์ไม๊

PuRuSha_RiShi :
เรื่องการทรงอ่ะ

BAS_0870695943 :
ร่างเเม่บางคนจะลงพรามณ์ยังว่าเลย

BAS_0870695943 :
พวกพรามณ์มีสิทธิ์ไรอ่ะถ้าเเม่จะมา

BAS_0870695943 :
ร่างทรงไม่ใช้ว่านึกจะลงก็ลง

BAS_0870695943 :
เเต่เมื่อเวลาเเม่จะมาใครก็ห้ามไมได้


PuRuSha_RiShi :
ถ้าคุณเชื่อเช่นนั้น เชิญ ไปคุยกะพวกพราหมณ์ท่านไม๊

PuRuSha_RiShi :
ผม จะพาไปให้

BAS_0870695943 :
ผมไปคนเดียว

BAS_0870695943 :
คุนหลายคนจะเถียงยังไงอ่ะ

PuRuSha_RiShi :
ไม่

PuRuSha_RiShi :
ผมให้คุณคุยกับทีละท่าน

PuRuSha_RiShi :
ไม่มีการรุม

PuRuSha_RiShi :
ไปเทพมณเฑียรก่อน

PuRuSha_RiShi :
ไปคุยกะท่าน


BAS_0870695943 :
เพราะผมมีการศึกษาพอ

BAS_0870695943 :
ถึงน้อยก็ตาม

PuRuSha_RiShi :
ผมไม่อยากให้ใครมองพระผู้เป็นเจ้าผิดๆ

PuRuSha_RiShi :
ปราชญ์ทั้งหลาย ท่านก็ไม่เห้นด้วยกับเรื่องแบบที่ผมบอก

PuRuSha_RiShi :
ในเมื่อคุณมองว่าผมมีความรู้ไม่พอ

PuRuSha_RiShi :
ผมจะพาคุณไปพบผู้ปฏิบัติและมีความรู้ทางพระเวท

PuRuSha_RiShi :
แล้วสุดท้าย จะพาไปคุยกับท่านธรรมปิฏกด้วย


PuRuSha_RiShi :
"การรับขันธ์และการเข้าทรง คือวิชาของมาร!!"

กล่าวโดย
: พราหมณ์ขจร นาคะเวทิน (พระครูญาณสยมภูว์-เทวสถานโบสถ์พราหมณ์-


BAS_0870695943 :
ฟังเเต่การรับขันธ์ไม่ใช้วิชามาร


PuRuSha_RiShi :
แล้วทำไมต้องรับ

BAS_0870695943 :
การรับขันธคือการรับศีล5

PuRuSha_RiShi :
ต้องมีขันติดใบตองมาป่ะ

BAS_0870695943 :
มาปฏิบัติเเล้วภวนาอย่างเคร่งครัด

BAS_0870695943 :
คุนอาจจะเข้าใจร่างทรงผิดไปบ้างบางอย่าง

PuRuSha_RiShi :
ผมถึงถามไง

PuRuSha_RiShi :
ว่ารับขันธ์ของพวกคุณทำไรบ้าง

BAS_0870695943 :
ร่างทรงบางคนรับขันธ์จิงเเต่ปฏิบัติไม่ได้ก็วิบัติ

PuRuSha_RiShi :
ขันธ์ 5 มีไรบ้าง

BAS_0870695943 :
เเต่ร่างทรงปฏิบัติก็มี

BAS_0870695943 :
เเต่คุนอาจไม่เคยเห็น

BAS_0870695943 :
1ปาณาห้ามฆ่าสัตว์

PuRuSha_RiShi :
คุณรู้ไม๊ขันธ์ 5 คือไร

BAS_0870695943 :
2ลักขโมย


PuRuSha_RiShi :
คุณครับผิดแระ

BAS_0870695943 :
ฟังผมก่อน

PuRuSha_RiShi :
นั่นเรียกศีล 5

BAS_0870695943 :
ถูกนี้คือศีล5

BAS_0870695943 :
ก็ผมหมายถึงการรับขันคือการรับศีล5มาปฏิบัติไง


PuRuSha_RiShi :
ขันธ์ แปลว่า หมู่, กอง, ส่วน

BAS_0870695943 :
ขันะ

PuRuSha_RiShi :
ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

PuRuSha_RiShi :
ตรงนั้นเป็นธรรมชั้นสูง

BAS_0870695943 :
ใจอ่ะสงลบ้างสิ


PuRuSha_RiShi :
แต่คุณเริ่มอธิบายขันธ์ ก็ผิดแระผมเลยต้องแย้ง


PuRuSha_RiShi :
ศีลคือศีล

BAS_0870695943 :
ถูกผมไม่เถียงข้อนี้


BAS_0870695943 :
ผมกลับก่อนนะ

BAS_0870695943 :
เวลาหมด

PuRuSha_RiShi :
อ้าวจะรีบไปไหน

PuRuSha_RiShi :
จะไปเมื่อไรอ่ะ

BAS_0870695943 :
ผมไม่โกรธคุนหรอก

PuRuSha_RiShi :
จะพาคุณไปคุย

PuRuSha_RiShi :
ผมก็ไม่ได้โกรธนี่

PuRuSha_RiShi :
หนุกดี

PuRuSha_RiShi :
เจอพุทธเจ้าที่ไหน ฝากฆ่าด้วยนะ


BAS_0870695943 :
จ้า


BAS_0870695943 :
บาย
[/FON
[HIGHLIGHT=#ffff00]
[HIGHLIGHT=#ffff00]อันจิตมนุษย์นั้นชอบวิ่งออกไปแสวงหาพระเจ้าจากวัตถุภายนอก[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]จนลืมย้อนมองดูพระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริง อันสถิตอยู่ในใจเรา[/HIGHLIGHT]
[/COLOR][/HIGHLIGHT][/FONT]

ชอบ
ประโยคสุดท้ายอะ
เจอพระพุทธเจ้าที่ไหน ฝากฆ่าด้วยนะ
ข้าแต่พระวาคีศวรีเจ้า พระมารดาแห่งพระเวทย์ พระมารดาแห่งศฤงคาร พระมารดาแห่งขุนเขา 
ในนามของ พระปารวตี  ลักษมี  สรัสวตี  สาวิตรี  คายตรี พระองค์คือปรมาตมัน 
พระผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งพระพรหม วิษณุ รุทระ
ด้วยพระกรุณาแห่งพระองค์ จักทำให้โลกที่มืดด้วยอวิทยาสว่างขึ้นโดยพุทธิปัญญา

โอม ตัต สัต

เอิ๊กๆๆ พี่ออส ครับ มาอ่านแหละ อินไป ด้วยเลยแหะ
มนุษย์ กับ คน ต่างกัน อย่างไร

คนมันแปลว่า ยุ่ง ยิ่งมากคน ยิ่งมากเรื่อง

ดวงมันจะเจอเรื่องฮาๆ อะครับ นั่งปิดกล้องฟังเพลงอยู่ต้องนาน อยู่ๆ ก็มีเด็กหัวเหลือง im มาคุย กะแล้วต้องมาแนวนี้ เพราะเจอบ่อย พวกขึ้นงานถามแบบนี้อ่ะ

เลยตัดสินใจว่า "เอาก็เอาว่ะ" แก้เครียดในช่วงทำงาน พอคุยเสร็จเห็นฮา เลยเอามาให้อ่าน ดิ้นเป็นเต่าโดนเผาเลย  ... อิอิ

[HIGHLIGHT=#ffff00]
[HIGHLIGHT=#ffff00]อันจิตมนุษย์นั้นชอบวิ่งออกไปแสวงหาพระเจ้าจากวัตถุภายนอก[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]จนลืมย้อนมองดูพระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริง อันสถิตอยู่ในใจเรา[/HIGHLIGHT]
[/COLOR][/HIGHLIGHT][/FONT]

* Fluorine ปรบมือให้คุณกาลปุตราครับ

สวัสดีครับ ขออนุญาตทำความรู้จักครับ ^_^

 

        ขำมากคะ พี่ออส กาลปุตรา  เงี้ยละพวกไม่มีความคิด บัวใต้ตม อยู่ในโคลนตมยังไม่พอ เผลอๆโดนปูนไปฉาบทับซ้ำอีก


        เฮ้อออ ..... จริงๆเราก็ไม่ได้ใจร้านไส้ระกำหรือตั้งข้อรังเกียจอะไรอย่างไร้เหตุผลนะ  แต่มันก็เกินไปจริงๆ 


        ถ้าทำหรือบ้าแล้วอยู่ในขอบเขตของตัวเอง ไม่ไปยุ่งไปหลอกลวงใครก็จะไม่มีใครไปว่าอะไรคุณได้  แต่นี่อะไร บังอาจแอบอ้าง

      
        พระนามของเทพเจ้าชั้นสูง  อย่างที่บอกว่าถ้าพร้อมจะกลับตัวกลับใจ  เราก็ยินดีต้อนรับและองค์เทพก็จะทรงให้อภัย 

      
        เพราะยังไงๆเราก็ลูกพระเจ้าเหมือนกัน


 

            ก็ไม่รู้ว่าจะเหมาะสมหรือเปล่า  ถ้าจะเล่าเรื่องนี้  แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้วคะ ......


             สองสามปีก่อนตอนอยู่เมืองไทย  เคยไปอยู่ตำหนักนึง  เพื่อนเราไม่ชอบเอามากๆ  บวกกับที่ร่างนั้นก็หลอกลวง


              ชาวบ้านจนเป็นข่าวใหญ่โตด้วย  แต่ก็ยังมีพวกโง่ที่ยังหลับหูหลับตาไปนั่งพนมไหว้มันกันอยู่ งกๆ


             อย่างที่บอกไปว่าเพื่อนหนูไม่ค่อยชอบเอามากๆ  เลยลงทุนไปซื้องูมาเลยนะ คือไปติดต่อกับคนรู้จัก

      
            ซื้องูเห่าตัวน้อยๆมาจากฟาร์ม  ที่ฝึกมาแล้วนะ  แล้วรีดพิษออก  คืออย่างมากก็คือกัดแต่ไม่ร้ายแรงอะไร


            เพราะเค้าไม่มีพิษ    พอไปถึงเราก็ทดสอบความรู้ทั้งหมดในพระเวท และจากคัมภีร์หลายๆอย่างในศาสนา

       
            รวมทั้งมนตราหลายๆบทด้วย  ปรากฎอย่างที่รู้กัน ตอบห่าไรไม่ได้สักอย่าง อิอิ




            


 

เราเลยต้องใช้ไม้ตาย  เพื่อนเอางูเห่าตัวน้อยนั้นใส่ในตระกร้าไป  จริงๆหนูก็กลัวมันอยู่นะ อิอิ  แต่รู้ว่ามันไม่มีพิษแล้ว   เลยสบายใจ

ขึ้นมาหน่อย  อิอิ  แต่จริงๆก่อนหน้านั้นเราก็ทำความคุ้นเคยกับเจ้างูน้อยนั้นได้มาสักระยะแล้ว สักพัก  เพื่อนเริ่มเปิดตระกร้าให้งู

โผล่หัวออกมา  พอร่างเห็นเริ่มหน้าเสียใจไม่ดีแล้ว  ทางเราถ่ายวีดีโอไว้ด้วยคะ นี่ถ้าพูดไปจะฮามาก ร่างทรงนั้นลงองค์พระศิวะด้วย


ไม่งั้นเราไม่เอางูไปหลอกล่อหรอก อิอิ   สักพักมันเลื้อยออกมานอกตระกร้า   โหหห  เท่านั้นละแม่คุณเอ๋ยยยยยย


ร่างนั้นวิ่งเข้าไปหลบมุม  แล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไป  ไม่ต้องบอกว่าตอนนั้นพวกเรารู้สึกอย่างไร ขำกันจนปัสวะแตกปัสวะแตน 


น้ำหูน้ำตาไหล  หนูเนี่ยถ้าขำมากๆจะหายใจไม่ออก ขำจนปวดท้อง แบบว่าฮามากกก 


    แต่ร่างนี้แอบขำหลายเรื่องนะ  รู้สึกเค้าจะลงพระสรัสวตีด้วย  แต่ถือวีณาผิดข้างด้วยละ  อิอิ


   เราก็ดูๆกันไป  ดูเพื่อความบันเทิง  อย่าไปเอาอะไรมาก  พวกนี้ก็มีความผิดปกติทางจิตอย่างนึง 

และบางทีก็ไม่ได้ผีข้งผีเข้าอะไรหรอกคะ  แอดติ้งกันไปเอง  อิอิ


   



      ตามที่พี่ออสได้ยกบทสนทนากับอีกคนมาให้เราๆได้อ่านกัน  ส่วนตัวแล้วดิชั้นรู้สึกยอมไม่ได้  ที่บอกว่าพระแม่ยังมีอารมณ์ รัก

โลภ  โกรธ  หลง อยู่   ยังไงขอนำการตอบจดหมายของท่านอาจารย์กิตติ มาไว้ให้ท่านได้อ่านกัน  จะได้เข้าใจในความหมายที่แท้


จริงของการเป็นเทวะคะ



การที่ใครสักคนจะได้ชื่อว่าเป็นเทวะ เทพเจ้า หรือเทวดา ตามแต่จะเรียกกันนั้น คุณสมบัติขั้นพื้นฐานที่จะต้องมีอยู่อย่างสมบูรณ์ คือ พรหมวิหาร ๔ อันประกอบด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา คุณจะเห็นว่า คุณสมบัติทั้ง ๔ ประการนี้ ไม่มีข้อไหนบอกให้คุณใช้อำนาจบารมีส่วนตัวของคุณลงโทษ ทำให้ใครได้รับทุกขเวทนา หรือสั่งสอนผู้หนึ่งผู้ใดตามอำเภอใจ แม้คนคนนั้นจะทำในสิ่งที่เลวร้ายหรือทำให้คุณไม่พอใจอย่างใดก็ตาม สิ่งที่คุณพึงกระทำต่อผู้นั้นในฐานะที่คุณเป็นใหญ่กว่าเขา ก็คือ อุเบกขา นั่นคือคุณธรรมที่จะทำให้คุณได้เป็นเทวะ
แต่ถ้าคุณยังใช้อารมณ์ส่วนตัว อันประกอบด้วยโลภ โกรธ หลง เป็นใหญ่ ใครทำอะไรให้คุณไม่พอใจ หรือขัดกับเจตจำนง ทัศนคติ หรือจริยธรรมส่วนตัวของคุณ คุณก็ใช้อำนาจที่เหนือกว่าลงโทษเขา หรือทำร้ายรังแกให้เขาได้รับความวิบัติ มีอันเป็นไปต่างๆ นั่นคือนิสัยอสูร เป็นพฤติกรรมของพวกปีศาจ อสูร และยักษ์
ซึ่งหมายถึงว่า แม้นคุณจะมีอิทธิฤทธิ์สูงส่งสักเพียงใด คุณก็ไม่อาจเป็นเทวะได้ คุณจะเป็นได้แต่สิ่งที่เทววิทยาเรียกว่า เทพอสูร หรือเทพปีศาจ คืออสูรและปีศาจที่มีฤทธิ์เสมอชั้นเทพ ดังที่ผมได้อธิบายไปในการาตอบจดหมายของท่านอื่นๆ ก่อนหน้านี้แล้ว เพราะคุณไม่มีคุณธรรมที่จะทำให้คุณได้เป็นเทวดา คือ พรหมวิหาร ๔
ดังนั้น สำหรับคำถามของคุณที่ว่าเหตุใดสิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงไม่ลงโทษคนเหล่านี้ ก็ตอบได้ว่าเพราะท่านเป็นเทวะ ท่านย่อมปฎิบัติต่อคนเหล่านี้ด้วยพรหมวิหาร ๔ อันเป็นคุณสมบัติของท่าน การเป็นเทพเจ้านั้น มีแต่จะพอใจในการช่วยเหลือผู้คนให้อยู่ดีมีสุข ไม่มีความพอใจในการที่จะทำร้ายรังแกผู้หนึ่งผู้ใด


         ส่งท้ายนะค่ะ  องค์เทพไม่ว่าจะศาสนาใด  ทุกภูมิภาคใดของโลก  ย่อมมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคืออยากให้เราเป็นคนดี


ประพฤติปฎิบัติตัวดี   อยากให้เราเดินตามรอยพระบาทของท่าน  เพราะเหตุที่ท่านก็ทรงเป็นเช่นนั้นมาก่อนเช่นกัน 
            


 


    พี่ออส กาลปุตรา  ว่างๆขอปรึกษาเรื่องภาษาสันสกฤตหน่อยนะค่ะ  กำลังแกะมนต์อยู่หลายบทเลยตอนนี้ 


หนูความรู้ในสันสกฤตเท่าหางอึ่ง อิอิ  แถมยังโดนชายยีนส์มาข่มขู่ รีดไถ อีก  อิอิ   เรามันก็ความรู้เท่าหางอึ่ง 55


โอ้ว์ กระทู้สร้างสรรค์อีกแล้ว

ธรรมดาเดี๋ยวนี้ผมไม่ค่อยโพสในเชิงความคิดเห็นเท่าไหร่ เน้นกระทู้ที่ถามความรู้ หรือแก้ความเข้าใจผิดมากกว่า แต่กระทู้นี้ต้องขอแจม

เพราะทุกคนในบอร์ดฮินดูมีตติ้งรู้จุดยืนผมดี ตั้งแต่สัยบอร์ดเก่าแล้วว่าผมชัดเจนแค่ไหน 

บทความของผม เรื่อง มติขององค์กรศาสนาพราหมณ์ฮินดูในประเทศไทยในเรื่องเจ้าทรง คงตอบได้ดี

แต่ไม่ทราบว่าย้ายบอร์ดแล้วยังอยู่มั๊ย

เอ้าใครมีรบกวนนำมาเสริมด้วย จะขอบพระคุณมากครับ


ยินดีครับที่มีผู้ต้องการปกป้องพระศาสนาสนาตนธรรมหรือศาสนาฮินดูกันมากๆ


अजं निर्विकल्पं निराहारमेकं निरानन्दमानंदमद्वैतपूर्णम् ।
परं निर्गुणं निर्विशेषं निरीहं परब्रह्मरूपं गणेशं भजेम् ॥१॥

อ่านว่า
อชํ นิรฺวิกลฺปํ นิราหารเมกํ นิรานนฺทมานนฺทมไทฺวตปูรฺณมฺ
ปรํ นิรฺคุณํ นิรฺวิเศษํ นิรีหํ  ปรพฺรหฺมรูปํ คเณศํ ภเชมฺ

อ่านได้นะคับ แต่แปลมะได้ หุหุ

ร่างทรง เป็นวัฒนธรรมของกลุ่มคนที่นับถือเทพบนดิน อย่างเผ่าทมิฬ เทพทมิฬส่วนใหญ่เป็นเทพดินทั้งนั้น ในขณะที่เทพอารยันเป็นเทพบนฟ้า

และวัฒนธรรมการทรง พบในกลุ่มคนที่นับถือผีสางเทวดา เจ้าป่าเจ้าเขา รวมไปถึงบรรพบุรุษ เช่น ลัทธิเต๋า ขงจื๊อ ก็มีเรื่องการทรง

พม่ามีผีนาถ(นัต)30กว่าตน เป็นบุคคนในตำนาน ไม่ก็คนในประวัติศาสตร์ และมีร่างทรง ปัจจุบันในพม่าก็มีร่างทรงนัตหลายที่ครับ

Quote from: หริทาส on December 31, 2009, 07:22:16

บทความของผม เรื่อง มติขององค์กรศาสนาพราหมณ์ฮินดูในประเทศไทยในเรื่องเจ้าทรง คงตอบได้ดี

แต่ไม่ทราบว่าย้ายบอร์ดแล้วยังอยู่มั๊ย

เอ้าใครมีรบกวนนำมาเสริมด้วย จะขอบพระคุณมากครับ


ยินดีครับที่มีผู้ต้องการปกป้องพระศาสนาสนาตนธรรมหรือศาสนาฮินดูกันมากๆ




ขออนุญาตินำมาลงให้แทนก็แล้วกันนะครับพี่หริทาส พอดีผมมีเก็บไว้อยู่เหมือนกัน อิอิอิ

(เพราะคิดว่าในอนาคตจะต้องได้ใช้ประโยชน์ แล้วก็ได้ใช้จริงๆด้วยสิ....)



...............................................................

"มติขององค์กรทางศาสนาพราหมณ์ฮินดูในประเทศไทย
เกี่ยวกับเรื่องการเข้าทรง"
โดย หริทาส



เนื่องจากว่าหลายท่านสงสัยเรื่องการทรงเจ้า มันจะจริงเท็จอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทรงเจ้าที่มีการอ้างถึงเทพเจ้าต่างๆในศาสนาฮินดู ผมซึ่งได้ทำงานรับใช้องค์ศาสนาฮินดูบ้างตามวาระโอกาส และได้มีโอกาสสอบถามพูดคุยกับท่านพราหมณ์ อาจารย์ผู้รู้ต่างๆที่ได้สังกัดในองค์กรทางศาสนาฮินดูอย่างถูกต้อง จึงๆได้นำมติของท่านเหล่านี้มาเผยแพร่ให้ทราบกัน

องค์กรทางศาสนาฮินดูในประเทศไทย องค์กรหลักคือเทวสถานโบสถ์พราหมณ์ และของชาวอินเดีย ได้แก่ สมาคมฮินดูสมาช(วัดเทพมณเฑียร) สมาคมฮินดู ธรรมสภา(วัดวิษณุ) และวัดแขกสีลม รวมทั้งองค์กรอื่นๆ ที่ไม่ใช่องค์กรหลัก คืออารยสมาช


องค์กรทั้งหมดถือว่า ท่านพระราชครูวามเทพมุฯประธานพราหมณ์ฝ่ายไทยเป็นประมุขขององค์กรศาสนาฮินดูทั้งหมด
ซึ่งในเรื่องการทรงเจ้า ท่านพระราชครูวามเทพฯ ได้มีมติ ในเรื่องนี้ ซึ่งท่านปรารภไว้ในคำนำของหนังสือทางโบสถ์พราหมณ์ไว้ว่า

"..ความมั่นคง โดยไม่มีความงมงาย ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าองค์เทพเจ้าเป็นภาวะ อาจบันดาลสิ่งที่ผิดปกติ หรือเนรมิตสิ่งที่ปรารถนาโดยไม่มีการสร้างคุณงามความดีเป็นที่ประจักษ์ และยังมีการแอบอ้างกล่าวถึงองค์เทพต่างๆ ว่าตนนั้นมีภาวะอย่างนั้นอย่างนี้เทียบเท่าองค์เทพเจ้า สิ่งต่างๆเหล่านี้ไม่อยู่ในแนวทางเพื่อความหลุดพ้น พราหมณ์ผู้ประพฤติปฏิบัติและประกอบพิธีเองก็ไม่เคยกล่าวอ้างหรือแอบแฝงองค์เทพต่างๆ แต่ได้ปฏิบัติต่อองค์เทพด้วยความนอบน้อมและเกรงกลัวต่อบาป...."


ผมยังได้มีโอกาสกราบเรียนถามท่านโดยตรงถึงเรื่องนี้ ท่านกรุณาตอบกลับผมว่า การเข้าทรงนั้น ไม่มีในศาสนาของเรา ผู้ที่ประพฤตินั้น เรียกได้ว่า กระทำบาปหนัก แต่ท่านก็ไม่สามารถเอาผิดได้เพราะเป็นสิทธิทางกม.ที่จะเชื่อเว้นเสียแต่ว่าได้กระทำการหลอกลวงหรือผิดกม.ข้ออื่นๆ แต่ท่านกล่าวว่า จะต้องให้เค้าและศาสนิกชนทั่วไปรู้ว่า สิ่งที่กระทำนั้นเป็นบาป หากเขายอมที่จะบาปเราคงไปหยุดเค้าไม่ได้

ส่วนฝ่ายของอินเดียนั้น ท่านบัณฑิต ลลิต โมหัน วยาส ประธานพราหมณ์วัดเทพมณเฑียร ฮินดูสมาช ซึ่งเป็นอาจารย์ของผมกล่าวว่า การเข้าทรงไม่มีในศาสนาฮินดู เพราะเทพเจ้านั่น ไม่ได้อยู่ในฐานะเทพตามวิธีคิดแบบคนไทยเท่านั้น แต่พระองค์คือการสำแดง ของพระเจ้า ดังนั้น พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่บริบูรณ์ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องยุ่งเกี่ยวกับมนุษย์ที่เจือด้วยกิเลสมากมาย


ส่วนในทางอินเดียภาคใต้ที่มีการเข้าทรงนั้น เป็นเพราะวัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวทมิฬเอง ที่ประสมเข้ากับศาสนาฮินดู ไม่ได้มีอยู่ในคัมภีร์ทางศาสนาใดๆ และมีเฉพาะในท้องถิ่นภาคใต้ อีกอย่างหนึ่งการเข้าทรงในวัฒนธรรมอินเดียใต้นั้น ไม่ได้มีการเข้าทรงกันอย่างพร่ำเพรื่อ แต่เป็นเทศกาลเฉพาะ ซึ่งเกี่ยวเนื่องด้วยการกสิกรรมในอดีต จึงเป็นเรื่องวัฒนธรรมของท้องถิ่นโดยแท้ ไม่ใช่เรื่องที่จะอ้างเพื่อมาเรียนแบบหรือกระทำตาม


การเข้าทรงนั้นเกี่ยวข้องกับคนไทยมานานเพราะศาสนาที่เป็นส่วนประกอบในวัฒนธรรมไทยๆคือ พุทธพราหมณ์ ผี ดังนั้น เมื่อศาสนาฮินดูมีความแพร่หลาย บางคนจึงเอาการเข้าผีที่มีอยู่แล้วไปผสมจนเละเทะ และคนส่วนใหญ่กลับรับได้เพราะ เป็นสิ่งที่คุ้นเคยดี


นอกจากเรื่องเข้าทรงยังมีเรื่องอิทธิปาฏิหารย์ ภาพนิมิต เสียงแว่วๆ พูดภาษาแปลกๆอะไรต่อมิอะไรมั่วไปหมด ทำให้ศาสนาเสื่อม


ขอให้ท่านทั้งหลายยึดหลักศาสนาไว้ครับ และให้ทราบว่าพวกเข้าทรงนั้น

1.ตั้งใจหลอกลวง พวกนี้ทำเป็นขบวนการ ตั้งใจทำมาหากินจริง พวกนี้มีมาก และผิดกม.ด้วย

2.พวกที่มีความผิดปกติของจิตใจ หรืออาจเป็นโรคจิตเภท มีภาวะของโรคทางจิตและประสาท หรือภาวะจิตเภทวัยทอง มีปัญหาปมบางอย่างในชีวิต พวกนี้ ไม่ตั้งใจหลอกลวงแต่เจ็บป่วย คนบางคนที่ถูกทักว่ามีองค์แล้วหลงไหลไปก็เกิดจากอาการเหล่านี้


ดังนั้นหากมีการอ้างเจ้าทรงที่เป็นเทพเจ้าของทางศาสนาพราหมณ์ฮินดู ให้ฟันธงไปเลยครับว่า ไม่จริงทั้งสิ้น และเรื่องนี้เป็นมติขององค์กรทางศาสนาฮินดู รวมทั้งท่านประมุขของทางศาสนาด้วยครับ
ส่วนท่านที่ถูกทักให้รับขันธ์มีองค์ อย่าไปเชื่อครับ เพราะอาจถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพ ยิ่งหากท่านมีปัญหาชีวิต ก็อาจถูกชักจูงให้ง่ายขึ้น


ทั้งนี้มิใช่ว่าองค์การทางศาสนาหรือตัวผมจะไม่เชื่อว่าอิทธิปาฏิหารย์ขององค์เทพนั้นมี เพียงแต่ว่า อิทธิปาฏิหารย์ไม่ควรเน้นเป็นสาระสำคัญ และองค์เทพย่อมช่วยเหลือมนุษย์ตามวิธีทางที่เหมาะสมดีงามเอง


ขอให้ทุกท่านมีความเข้าใจเช่นนี้ครับ และขอให้ประพฤติศาสนาอย่างมีความสุขศานติ ไม่งมงายครับ


ขอเพิ่มเติมหลักข้อความเชื่ออื่นๆ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องครับ

1.มติเรื่องกรรม

ผมได้ศึกษาปรัชญาอินเดีย ทั้ง 6 ระบบ(6 ทรรศนะ)

สำนักฮินดูทุกสำนัก ทุกมติ เชื่อเรื่อง กรรมครับ

ทั้งนั้นอาจแตกต่างกับพระพุทธศาสนานิดหน่อยตรงที่ พระเป็นเจ้า(สันสกฤต - อีศวร)นั้นทรงเป็นผู้อำนวยให้กรรมดำเนินไปตามวิถีของมัน พระเป็นเจ้าเป็นฝนย่อมตกมาเพื่อให้พืชงอกงาม แต่การที่พืชจะเติบโตเป็นต้นอะไรย่อมขึ้นอยู่กับพืช มิใช่ฝน
ดังนั้น การอ้อนวอน ร้องขอ โดยไม่สร้างคุณความดีใดๆ ย่อมไม่เกิดประโยชน์ครับ เพราะมนุษย์ย่อมต้องรับผลของกรรม แต่พระกรุณาธิคุณของพระผู้เป็นเจ้า ย่อมเป็นไปตามความเหมาะสมประจวบเหมาะกับกรรมครับ

2.เป้าหมายของชีวิต

ฮินดูชนทุกสำนักนิกาย มีเป้าหมายของชีวิต อยู่ที่ การหลุดพ้น(โมกษะ หรือ วิมุกติ หรือ นิรวาณ) เช่นเดียวกับพระพุทธศาสนา การกระทำต่างๆล้วนมีเป้าหมายเพื่อการหลุดพ้นทั้งสิ้น มิใช่กระทำไปโดยความหลงงมงาย


3.การบูชา

การบูชาเทพเจ้าต่างๆนั้น เป้าหมายของการบูชามิใช่เพื่อการวิงวอน ร้องขอ หรือให้เทพเจ้าบันดาผลตอบแทนจากการบูชานั้นๆ แต่ตามหลักศาสนาฮินดู

การบูชาเป็นการแสดงออกอย่างหนึ่งของ ภักติ หรือการภักดีต่อพระเป็นเจ้า กล่าวคือ บูชาเพื่อบูชา เป็นความสุขที่ได้รับใช้บูชาเทพ มิได้หวังลาภผลใดๆ การแสดงความภักดีอย่างสุดใจนั้น เรียกว่า ประปัตติ คือการยอมตนลงเป็นทาส(ทาสยะ)ของพระผู้เป็นเจ้า อีกทั้งการบูชานั้นจะช่วยกล่อมเกลาจิตใจให้มีความอ่อนน้อม และช่วยให้เราลึกถึงพระเป็นเจ้าอยู่เสมอ(อีศวรประณิธานะ) เพื่อที่จะเป็นปัจจัยเข้าสู้ความหลุดพ้นครับ

ขอเพิ่มเติมอีก ไหนๆก็มีโอกาสเขียนแล้วครับ

4.เรื่องการออกพระนามของพระเป็นเจ้าต่างๆ

ชาติไทยเรามีวัฒนธรรมทางภาษาของตน ภาษามีลำดับขั้น และใช้เพื่อความเหมาะสมกับฐานันดรของบุคคล
  พระเป็นเจ้านั้น ตามวัฒนธรรมเรานิยมใช้ราชาศัพท์เพื่อให้เกียรติครับ ดังนั้น เมื่อจะออกพระนามพระเป็นเจ้าควรจะ

1.ใช้ "พระ" นำหน้าพระนามเสมอ เช่น พระคเณศ พระศิวะ พระนารายณ์ จึงจะเหมาะตามประเพณีไทย


2.พระเป็นเจ้าฝ่ายหญิง ตามวัฒนธรรมเรา ใช้คำว่า "พระแม่" หรือ "พระ" ก็ได้ เช่น พระแม่อุมาเทวี พระสรัสวตี ฯลฯ


3.การใช้นามบุคคล เช่น พ่อ แม่ ปู่ เช่น บางคนเรียก องค์พ่อศิวะ องค์แม่ องค์ปู่คเณศ นั้น ในวัฒนธรรมอินเดียมีเรียกบ้าง เช่น เรียก พระแม่เจ้าต่างๆ ตามท้ายด้วย คำว่า " มา" เช่น สรสฺวตีมา แปล่วา แม่สรัสวตี
เป็นต้น เป็นการรู้สึกถึงความใกล้ชิด มีความผูกพันทางจิตใจ ในแง่นี้ ไม่ผิดแต่ไม่เหมาะในวัฒนธรรมไทย เพราะหากในแง่ความรู้สึกนั้น ควรใช้เป็นการส่วนตัว ในการภาวนาหรือสวดสรรเสริญ เพราะสาวกที่อ่อนน้อมถ่อมตนย่อมมิกล้ายกตัวเองไปเป็นญาติกับพระเป็นเจ้า แต่ควรเป็น ทาส กับ นายมากกว่า(พระเจ้าไม่ได้กดขี่ แต่ศาสนิกชนถ่อมตน) และการเรียกเทพฝ่ายชาย ตามประเพณีนิยมไม่มีการใช้คำว่าพ่อ ในภาษาอินเดียเดิม จะใช้ก็แต่คำว่าแม่กับเทพฝ่ายหญิง ส่วนการใช่คำว่าปู่ กับพระคเณศนั้น เป็นเรื่องน่าขัน เพราะ เพราะในความรู้สึกของชาวอินเดีย พระคเณศเป็นพระเป็นเจ้าที่มีความอ่อนวัย สดใสอยู่เสมอ การเรียกปู่จึงเป็นการเรียกที่แปลก ควรเรียกว่าพระคเณศจะเหมาะสมกว่า

4.การใช้คำว่า "ศรี" มีบางท่านนิยมเติมคำว่าศรีหน้าพระนามเทพเจ้า เช่นศรีคเณศ(ซึ่งท่านอาจได้ยินมาจากภาพยนตร์อินเดียบางเรื่อง)

ในวัฒนธรรมอินเดีย ศรีหมายถึง

1.ความดีงาม ความมีโชค คำว่าศรี ในแบบนี้จะใช้นำหน้านามของสิ่งที่ดีงามในทางศาสนาทั่วๆไป เช่น ศรีมัทรามายณะศรีมัทภควัทคีตา ศรีมหาลักษมี ศรีมหาอุมาเทวี แปลว่า ......ผู้ทรงศรี เป็นการยกย่องให้เกียรติ์ แต่ ในภาษาฮินดีจะมีคำว่า ชี(ยี) ตามท้ายนามนั้น เช่น ศรีคเณศชี แปลว่า พระคเณศผู้ทรงศรี

2.นำหน้าชื่อบุคคลเพศชาย(โดยเฉพาะชาวฮินดู) เช่น ศรีหริทาส แปลว่านายหริทาส ศรีแวะเวียนนอกรอบ แปลว่า นายแวะเวียนนอกรอบ ศรีคำนี้จึงแปลว่านาย


ดังนั้นการเรียกว่า ศรีคเณศเฉยๆ จึงอาจแปลว่า นายคเณศ หรือ พระคเณศผู้ทรงศรีก็ได้ แต่เพื่อความเหมาะสมเป็นการยกย่องเทพเจ้า และถูกต้องตามวัฒนธรรมไทย ควรเรียกว่า พระคเณศ หรือหากชอบคำว่า ศรี ควรเรียกว่า พระศรีคเณศ จะดูเหมาะสมกว่าเรียกว่า ศรีคเณศเฉยๆ(แม้ว่าจะเรียกด้วยความเคารพก็ตาม แต่การใช้นามในภาษาไทยก็เป็นการแสดงออกถึงความเอาใจใส่และความเคารพได้อีกอย่างหนึ่ง)


บางท่านอาจเห็นว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องหยุมหยิม ใจสำคัญกว่า แต่ผมคิดว่า หากใจ และการกระทำทีมีความเอาใจใส่ ที่จะกระทำให้ถูกต้องไปด้วยกันได้ ก็จะยิ่งดีมากยิ่งขึ้นๆไป และคงไม่ใช่เรืองเกินกำลังศาสนิกชนผู้มีใจศรัทธากระมัง


จึงเรียนมาเพื่อความเข้าใจครับ
WELCOME TO HINDUMEETING

เรียน สมาชิกเก่าและสมาชิกใหม่ของเว็บ HinduMeeting
ขอความกรุณาทุกท่านศึกษากฎ กติกา มารยาทของเว็บด้วยนะครับ

http://www.hindumeeting.com/forum/index.php?topic=1423.0

ขอบคุณน้องอักษรชนนีครับ ที่ยังอุตส่าห์เก็บบทความเก่าๆของพี่ไว้

ขออนุโมทนาที่นำมาเผยแพร่อีกครั้งครับ


ส่วนที่คุณตรีศังกุ ถอดคำ

अजं निर्विकल्पं निराहारमेकं निरानन्दमानंदमद्वैतपूर्णम् ।
परं निर्गुणं निर्विशेषं निरीहं परब्रह्मरूपं गणेशं भजेम् ॥१॥

อ่านว่า
อชํ นิรฺวิกลฺปํ นิราหารเมกํ นิรานนฺทมานนฺทมไทฺวตปูรฺณมฺ
ปรํ นิรฺคุณํ นิรฺวิเศษํ นิรีหํ  ปรพฺรหฺมรูปํ คเณศํ ภเชมฺ

อันนี้สฺโตตฺร หนึ่งของพระคเณศ ผมเคยแปลความหมายไว้ในหนังสือวิมุกโตทัย

ซึ่งมีบางท่านเคยนำมาลงไว้ในบอร์ดเราแล้ว

ใครมีรบกวนนำมาลงไว้เป้นความรู้ หรือทำลิงค์ไปก็ได้ครับ

ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ

เพิ่งสังเกตว่า ที่นำมาน่าจะผิดนิดนึงนะครับ

अजं निर्विकल्पं निराहारमेकं निरानन्दमानंदमद्वैतपूर्णम् ।
परं निर्गुणं निर्विशेषं निरीहं परब्रह्मरूपं गणेशं भजेम् ॥१॥

อ่านว่า
อชํ นิรฺวิกลฺปํ นิราหารเมกํ นิรานนฺทมานนฺทมไทฺวตปูรฺณมฺ
ปรํ นิรฺคุณํ นิรฺวิเศษํ นิรีหํ  ปรพฺรหฺมรูปํ คเณศํ ภเชมฺ



ตรง निराहारमेकं  นิราหารเมกํ
ในต้นฉบับที่ผม เคยแปล ซึ่งตีพิมพ์จาก สำนักพิมพ์รามกฤษณมิชชั่น
เขียนว่า นิราการเมกํ ซึ่ง ถอดสนธิได้ว่า นิร + อาการ +เอกมฺ
แปลความหมายได้ว่า (พระคเณศ) (เป็นผู้)หนึ่งเดียว ปราศจากรูปลักษณ์(อาการ)
ซึ่งน่าจะถูกต้องกว่าครับ

เจอแล้วครับ ฉบับที่เคยแปลไว้

อชํ นิรฺวิกลฺปํ นิราการเมกํ นิรานนฺทมานนฺทมไทฺวตปูรฺณมฺ
ปรํ นิรฺคุณํ นิรฺวิเศษํ นิรีหํ  ปรพฺรหฺมรูปํ คเณศํ ภเช

แปล

พระคเณศ  ปราศจากความเปลี่ยนแปลง ปราศจากรูปลักษณ์ เป็นเอก
เหนือกว่าอานันทะสุข บรมอานันทะสุข(ความสุขอันยิ่งใหญ่ เช่นความสุขแห่งความหลุดพ้น )
เป็นความบริบูรณ์แห่งอทวิภาวะ (ทวิภาวะ-ภาวะคู่ เช่น สุข-ทุกข์ ดี-ชั่ว ฯลฯ เป็นความบริบูรณ์แห่งอทวิภาวะ แปลว่า เหนือทวิภาวะโดยสมบูรณ์)
เป็นผู้สูงสุด(ปร) ผู้ปราศจากคุณะสาม (สัตวะ รชัส ตมัส)
ปราศจากความแตกต่างๆ ปราศจากความปราถนา เราทั้งหลายของไหว้พระคเณศ ผู้เป็นรูปแห่งพรหมันอันสูงสุด (ปรพรหมัน)

ที่ผมเคยลองแปลในท่อนนี้ไว้นะครับ ลองดูแล้วกัน เห็นว่าความหมายคล้ายกันกับของท่าน คุรุ BEAR ครับ

अजं निर्विकल्पं निराहारमेकं निरानन्दमानंदमद्वैतपूर्णम् ।
परं निर्गुणं निर्विशेषं निरीहं परब्रह्मरूपं गणेशं भजेम् ॥१॥
อะจัม นิรวิคัลพัม นิราฮาระเมคัม นิรานันดะมานัมทะมะดไวทะพูรณัม
พะรัม นิรกุณัม นิรวิเซซัม นิรีฮัม พะระบระฮมะรูพัม กะเณซัม บฺะเจมฺ 1


พวกข้าพเจ้าขอสักการะพระผู้เป็นเจ้าผู้ไม่มีการกำเนิด ผู้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ผู้ไม่ปรากฏรูปลักษณ์ ผู้เป็นเอก สถิตอยู่เหนือบรมสุข พระผู้เป็นความสุขอันนิรันดร์ ผู้เป็นความบริบูรณ์แห่งอทวิภาวะ พระผู้เป็นพระเจ้าอันสูงสุด พระผู้เป็นนิรคุณพรหมัน พระผู้ปราศจากความโต้แย้งหรือแตกต่าง ผู้ปราศจากความปรารถนา พวกข้าพระเจ้าขอถวายสักการะแด่พระคเณศเจ้า ผู้ทรงเป็นพระปรพรหมันสูงสุด
[HIGHLIGHT=#ffff00]
[HIGHLIGHT=#ffff00]อันจิตมนุษย์นั้นชอบวิ่งออกไปแสวงหาพระเจ้าจากวัตถุภายนอก[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]จนลืมย้อนมองดูพระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริง อันสถิตอยู่ในใจเรา[/HIGHLIGHT]
[/COLOR][/HIGHLIGHT][/FONT]

 


          อิจฉาคนได้ภาษาสันสกฤตจังว้อยยยยย  แต่ไม่เป็นไรเรากำลังพยายาม อิอิ


 
    ทุกวันนี้ก็ยังต้องเปิดโพยกันจ้าละหวั่น   ไหนจะเรื่องการออกเสียงอีก โอ้แม่เจ้า   แต่มีปรมาจารณ์ อยู่ใน hm เยอะแยะ  คงหายห่วงไปได้เฮือกใหญ่  อิอิ   แต่ก็ต้องช่วยตัวเองเป็นหลัก   พอเหลือบเห็นตัวหนังสือที่ติดกันเป็นพืดก็ตาแทบลายแล้ว


   


ร่างทรงนี้ ถ้าเรียกเป็นภาษาทางการ คือ วิทยาธร

อิอิอิ   กระทู้นี้สนุกดีจังนะพี่ออส  เหอๆๆ  เจอะเยอะคับพวกแบบนี้ 
[HIGHLIGHT=#000000]*****จยันตี มังคลา กาลี  ภัทรกาลี กปาลิณี*****  [/HIGHLIGHT]

โอ ท่านกาลปุตราเจ้าขรา ญ. ชอบแนวคิดของท่านมากมาย แหม เทพเทวา เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่อยู่สูง ไม่สามารถอาจเอื้อมสัมผัสได้ด้วยกาย หากแต่เคารพศรัทธา ด้วยจิต บริสุทธิ์ คนมีองค์ กับ "คนทรงเจ้า" ไม่เหมือนกันนะคะ เพื่อนๆพี่ๆHM ตอบได้กินใจมากมาย
โหวตค่ะ โหวต กระทู้โดนใจที่ 1 เลย

ช่างเป็นกระทู้ที่ให้ความรู้ดีจังเลยคะ

การที่มีองค์ก็ไม่ได้แปลว่าต้องเป็นร่างทรงเสมอไป และ การเป็นร่างทรง ก็ไม่ได้แปลว่าจะต้องมีองค์ เสมอไปด้วย

ศรัทธา ไม่มีถูกหรือผิด ( จะต่างกันก็ตรงที่ใครจะพบหนทางที่ใช่สำหรับตัวเองก่อนกัน ) เพราะการปฎิบัติอย่างเดียวกันไม่ได้แปลว่าผลลัพล์ที่ออกมาจะ

เหมือนกันเสมอไป 


ยัยน้องกิฟท์ร้ายไม่ใช่เล่นนะยะหล่อนเกิดเค้าโดนกัดจริงๆ ขึ้นมาล่ะ อิอิ สะใจ

ว่าแต่ขอบพระคุณพี่กาลปุตรา พี่ศรีหริทาสค่ะ และน้องคิว อักษรชนนี

ยัยน้องกิฟท์ พี่น่ะได้บทอัฐลักษมีมา พี่ปวดหัวแล้วตอนนี้สวดไม่ได้แล้วเนี่ย ไม่รู้จะออกเสียงยังไงแล้ว มึนเจ้าค่ะ
สุ จิ ปุ ลิ  ขาด สักข้อ ก็ไม่ครบการเป็นปราชญ์

ปราชญ์ที่ดีต้องเป็นผู้ฟังมากกว่า พูด พูดในสิ่งที่สมควรพูด

ผู้ที่ฉลาดแท้จริง ฟัง มากกว่าพูด เพราะถ้าเรารู้ไม่จริง หรือไม่หมดก็จงอย่าพูด

เพราะเมื่อเปิดปากออกมา เมื่อนั้นได้แสดงความโง่ออกมาโดยไม่รู้ตัว

คนเก่งจริง ต้องเรียนรู้เสมอว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือตัวเรายังมีคนที่เก่งกว่า จงถ่อมตนเสมอ จงเป็นผู้ให้เสมอ