ชุมชนคนรัก...ฮินดู (HINDUMEETING)

Hindu สนทนา => ชุมชนคนรัก...ฮินดู => Topic started by: ลองภูมิ on February 08, 2009, 20:29:21

Title: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ลองภูมิ on February 08, 2009, 20:29:21
ขอเกริ่นก่อนนะครับ ว่าบทที่คัดลอกมานี้เป็นการคัดลอกจากตำราของทางพราหมณ์ชาวอินเดีย ฉนั้น สำนวนอาจจะแปลกๆไปบ้าง ผมจะพยายามไม่แก้ไขหรือดัดแปลงถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เพื่อจะได้อ่านตามเนื้อหาตามต้นฉบับ ของอินเดียครับ

บทที่หนึ่งจะเป็นเรื่องราวต่อจากการถือกำเนิดที่พระทัตตะเตรยะทรงได้ถือกำเนิดแล้วนะครับ อาจจะลัดคั้นตอนไปบ้าง ซึ่งจะนำตอนกำเนิดมาลงให้อ่านในภายหลัง ซึ่งบทนี้จะมีตอนปราบอสูร และการอวตารของพระทัตตเตรยะที่มีมากถึง 16 ตอนครับ จะค่อยๆเอามาให้ได้อ่านกันครับ 

ส่วนท่านใดจะคัดลอกไปลงลิงค์ของตนเองก็ขอเครดิตด้วยนะครับ
Title: Re: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ลองภูมิ on February 08, 2009, 20:30:12
ฤษีอัตริ (Atri)และนางพราหมณี อันสุยะ (Anasuya) มีความยินดีต่อการได้บุตร 3 องค์ อันมีพระพรหม พระผู้สร้าง ได้กลายมาเป็นพระโสม (Soma) เทพเจ้าเจ้าประทานเทพเหนือพระจันทร์ ,พระศิวะ ต่อมาทรงเป็นฤษีทรุวาส (Durvaasa) ทรงเป็นหนึ่งในเทพเจ้าเหนือนักพรตที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย , พระวิษณุเทพ ต่อมาได้ทรงเป็น พระทัตตะเตรยะ , พระผู้ถือกำเนิดเป็นพระโอรสแห่งฤษีอัตริ

พระโสมทรงได้รับพรอันยิ่งใหญ่จากพระบิดามารดา และทรงมีอำนาจเหนือพระจันทร์ ทรงประทับอยู่ ณ ที่นั้น โดยทรงเป็นประธานเทพเหนือพระจันทร์

ฤษีทรุวาส(ฤษีผู้สาปแช่งเทวดา) ทรงได้รับพรและคำสั่งจากพระบิดามารดา โดยทรงเสด็จไปสู่ยังเขาหิมาลัย เพื่อการดำเนินกิจกรรมกรรมฐานติดต่อกันเป็นเวลายาวนาน ทรงท่องเที่ยวดูแลทุกข์สุขให้พรต่อมนุษย์ชาติ และต่อเทวะทั้งหลายทั่วจักรวาล

ฤษีทัตตะเตยะ หรือพระวิษณุทัตตะ ทรงยังประทับอยู่กับพระบิดาพระมารดาของพระองค์เป็นเวลาช่วงหนึ่ง ทรงอวตาลมาในรูปแห่ง 3 พระองค์ ด้วยทรงมี 3 พระเศียรแห่งพระพรหม พระวิษณุเทพ พระศิวะเทพ โดยทรงมีร่างกายเดียวกันและ 6 พระกร ที่ทรงถืออาวุธของแห่งเทวะทั้งสามพระองค์ พระทัตตะเตรยะ ทรงได้ปรากฏพระองค์เองขึ้นเพื่อ สั่งสอนและให้พรต่อเทวะทั้งหลายและต่อเหล่ามนุษย์ชาติด้วย
Title: Re: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ลองภูมิ on February 08, 2009, 20:33:05

พระองค์ทรงประทับอยู่ในดวงจิตอย่างมั่นคง ทรงปรากฏพระองค์ในความนึกฝันแห่งสภาวะของพระองค์ทั้งหลาย ทรงให้การช่วยเหลือต่อเทวะทั้งหลาย ช่วยส่งเสริมดวงจิตวิญญาณทั้งหลายและทรงทำลายล้างความอยุติธรรมให้หมดสิ้นไป พระฤษีสัทคุรุ ทัตตะเตรยะทรงโปรดเมตตาต่อจักรวาลทั้งหมด

บรรดาสาวกสานุศิษย์ของพระองค์ต่างพากันพึ่งพาบารมีของพระองค์ ด้วยว่าพระองค์ทรงปราถนาที่จะทรงทดสอบความจริงใจซื่อสัตย์และความเข้าใจซึ้งที่ดีต่อพระองค์ของพวกเขา ดังนั้น ครั้งหนึ่งในตอนรุ่งเช้า ทุกผู้ทุกคนต่างตกตะลึงด้วยว่าพระองค์ทรงดำลงสู่ทะเลสาปแห่งหนึ่ง และทรงอยู่ใต้น้ำเป็นเวลายาวนาน โดยทรงเข้ามาสมาธิอย่างลึกน้ำในน้ำ คนทั้งหลายต่างตกใจอย่างมาก พระองค์ทรงพยายามหลีกเลี่ยงต่อฝูงชน แต่ว่ายังมีคนมากมายมายืนดูรอบทะเลสาปเอาไว้โดยการสวดมนตร์บูชาต่อพระองค์อย่างรวดเร็วและพร้อมเพรียงกันสวดมนตร์ ฝูงชนต่างยืนดูรอบทะเลสาปนั้นอยู่ โดยรอคอยที่จะให้ฤษีทัตตะเตรยะทรงโผล่ขึ้นมาจากน้ำ ในที่สุด พระวิษณุทัตตะเตรยะ ทรงโผล่ขึ้นมาพร้อมด้วยพระชายา ของพระองค์เอง นั้นก็คือพระแม่มหาลักษมี (พระชายาของพระวิษณุมหาเทพ) พระแม่ทรงเสด็จมาในรูปร่างแห่งหญิงสาวธรรมดาทั่วไป พระองค์ทรงจูงพระหัตต์พระแม่ในมือข้างหนึ่ง อีกพระหัตต์ข้างหนึ่งทรงถือหม้อน้ำที่เต็มไปด้วยเหล้าผลไม้ พระองค์ทรงโผล่ขึ้นมาจากก้นทะเลสาป ตามปกติทั่วไป ครั้งนี้จะเป็นการกระทำที่มากกว่าการจะลองใจเหล่าบริวาลของพระองค์ แต่ทว่าเรื่องในครั้งนี้ พระบริวาลของพระองค์ได้ทราบเรื่องเป็นอย่างดีว่าพระองค์คือผู้ใด ดั่งนั้นยิ่งเป็นการเพิ่มพูนความเคารพบูชาต่อพระองค์ให้มากยิ่งขึ้นเป็นพันๆเท่า เรื่องต่างๆยังมีอีกมากที่พระองค์ทรงได้ทดสอบพวกสานุศิษย์เป็นการอ้างอิงถึงพระธรรมดั่ง เช่น "ทัตตะ-ลีลา" (DATTA-LEELA) หรือการแสดงแห่งสวรรค์แห่งท่านฤษีทัตตะเตรยะ และคนทั้งหลายต่างได้กล่าวคำสรรเสริญพระองค์ดังนี้

Title: Re: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ลองภูมิ on February 08, 2009, 20:34:01
" ข้าแต่พระทัตตะเตรยะ พระอาจารย์แห่งจักรวาล ด้วยพระเมตตาแห่งพระองค์ พวกเราได้รับทราบว่าพระองค์ทรงเป็นเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ และก็รับทราบว่าผู้หญิงผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเสียพระแม่ลักษมี ด้วยว่าพระองค์นั้นก็คือพระวิษณุเทพนั่นเอง"

"ดั่งเช่นอากาศเดียวกันซึ่งสัมผัสเปลวแห่งพระเพลิง ณ แท่นบูชาไฟเช่นเดียวกัน สัมผัสพระเพลิงในการเผาศพ ซึ่งทำลายร่างกายให้เป็นเถ้าถ่านและดั่งเช่นอากาศซึ่งสัมผัสนักพรตผู้หนึ่ง สัมผัสความบาปของคนเคราะห์ร้าย เช่นเดียวกับการยังคงสัมผัสด้วยเสมอโดยคุณลักษณะของพวกเขา ในทำนองเดียวกัน ข้าแต่ท่านคุรุเทพ พระองค์ยังคงไม่เป็นผลโดยบาปและกรรม สำหรับพระองค์ทรงเป็นความสำนึกที่บริสุทธิ์ สำคัญไม่ใช่อื่นใดนอกจากพระลีลา(การกระทำ) พระองค์ทรงปฏิบัติอยู่เป็นประจำเสมอมา"
Title: Re: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ลองภูมิ on February 08, 2009, 20:34:59
"การมีจิตใจอันต่ำช้า ซึ่งพวกมนุษย์เป็นอยู่กันในโลกนี้ พวกเราพยายามที่จะต้องไปเกี่ยวพันด้วย พระองค์ด้วยปรัชญาและความรู้ทางศาสนาที่จะเกิดผลต่อเราในโลกนี้ มันเหมือนดั่งคนโง่ที่พยายามมัดสิงห์โตด้วยด้านป่านเส้นเล็กๆ ด้วยพระเมตตาแห่งพระองค์ พวกเราได้รับทราบว่าพระองค์คือผู้ใดและดังนั้น ข้าแต่เทวะ ขอทรงอย่าพยายามที่จะหลอกลวงพระเราด้วยธรรมะแห่งน้ำเหล้าและผู้หญิงเลย พวกเราทราบดีว่าน้ำอมฤตแห่งความเลวร้ายที่แสดงออกมาเป็นน้ำเหล้า และพระแม่มหาลักษมีที่ทรงแปลงเป็นหญิงสาวนี้ ข้าแต่พระมหาสมุทรแห่งความเมตตา ขอทรงปกป้องคุ้มครองพวกเราด้วย ทรงประทานความรู้อันบริสุทธิ์และการเคารพบูชาอย่างมั่นคงที่มีต่อพระบาทดอกบัวของพระองค์"
Title: Re: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ลองภูมิ on February 08, 2009, 20:35:39
ด้วยการกล่าวคำสรรเสริญต่างๆจากเหล่าสาวกทั้งหลายดังนี้ พระทัตตะเตรยะทรงปรากฏคืนร่างที่แท้จริงในรูปของพระวิษณุเทพ ส่วนหญิงที่เสด็จมาด้วยก็คืนร่างไม่ใช่ใครอื่น นอกจากเสียพระแม่มหาลักษมีเทพธิดาแห่งทรัพย์สมบัตินั่นเอง และเหล้าที่ทรงถือขึ้นมานั้นก็กลายเป็นน้ำอมฤตแห่งอมตะยิ่งใหญ่


เมื่อทั้งหมดได้เปลี่ยนเป็นสิ่งดีขึ้นเช่นนั้น พระทัตตะเตรยะ ทรงได้ประกอบกิจกรรมต่างๆที่เป็นบททดสอบผู้เคารพบูชาพระองค์ว่ามีความมั่นคงเพียงใด ไม่เป็นไรอย่างไรก็ตามที่พระองค์ทรงได้ทดสอบสานุศิษย์ พวกเขาทั้งหลายผู้มีความจริงใจได้ตระหนักในพระองค์ ไม่เคยเกิดความคลุมเครือสับสนแต่อย่างใดและเขาทั้งหลาย ก็ได้รับพรแห่งความสุขอันสูงสุดจากพระองค์


ภายหลังที่ทรงให้พรต่างๆแก่เหล่าบริวาลของพระองค์แล้วพระทัตตะทรงหายพระองค์จากที่แห่งนั้นไปและปรากฏพระองค์ต่อพระพักตร์แห่งพระแม่อันสุยะ เป็นเวลาอันยาวนาน พระมารดาอันสุยะที่ไม่ได้พบเห็นพระโอรส นางทรงพิศดูราวกับจะกลืนด้วยการบูชาต่อพระองค์ หลังจาก 2-3 ชั่วโมงต่อมา พระทัตตะทรงตรัสว่า " โอ้..พระมารดาแห่งสวรรค์ การอวตารของข้าพเจ้าก็เพื่อผู้กราบไหว้บูชาข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่สามารถพำนักอยู่กับท่านเป็นเวลานานได้ และจำเป็นต้องขอลา ไปยังเทือกเขาสหะยทริ(SAHAYADRI) ขอจงโปรดให้พรแก่ข้าพเจ้าด้วย "
Title: Re: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ลองภูมิ on February 08, 2009, 20:36:54
เมื่อได้รับข่าวนี้ เหมือนหนึ่งโดนฟ้าผ่าลงกลางใจของพระนางผู้เป็นมารดา ที่จะต้องจำพรากจากโอรสอันเป็นเวลายาวนาน แม้ว่าจะเป็นเพียงบุตรธรรมคนหนึ่ง ที่จะต้องพรากจากกันนั้น มันยากลำบากต่อผู้เป็นมารดา มันยากยิ่งที่จะต้องจากกันต่อนางอันสุยะ ถึงแม้ว่านางจะตระหนักใจ ฐานะเป็นมารดา ที่จะต้องจากบุตรผู้เป้นเทพเจ้า นางจึงมีคำพูดขึ้นว่า


"ลูกทัตตะ แม่รู้ดีว่าเจ้าเป็นเทพแห่งโยคะ แม่รู้ว่าผู้หญิงใหญ่ทั้งหลายนั้นเป็นสาวกของลูก แต่อย่าลืมว่า สำหรับแม่นั้น ลูกเป็นลูกชายที่รักยิ่งของแม่ ลูกเป็นที่คาดหมายเพื่อคอยดูแลรับใช้แม่ในยามชราภาพ ถ้าลูกตั้งใจที่จะเดินทางไปจากแม่แล้ว ดังนั้นของจงคืนร่างนี้ซึ่งแม่ได้มอบให้แก่ลุกเอาไว้" เมื่อกล่าวดังนี้แล้ว นางก็สะอื้นร่ำไห้ออกมา


ในทันทีทันใด พระทัตตะเตรยะ ก็ทรงปรากฏร่างของพระองค์ในรูปเดิมและยืนปรากฏองค์อยู่ตรงพักตร์ของนางและตรัสว่า " นี้คือร่างกายที่นางมอบให้แก่ข้าพเจ้า "

เหมือนดั่งเช่นชายธรรมดาที่ได้ถอดเสื้อผ้าออกเรียบร้อย พระทัตตะเตรยะ ได้ถอดร่างของพระองค์ออก นางอันสุยะได้เห็นดังนี้ด้วยพระเนตรของนาง พระทัตตะทรงแสดงปาฏิหารย์อีกครั้ง

ด้วยการกล่าวคำอย่างสบายๆต่อพระมารดาว่า

"พระมารดา พระแม่ พระองค์ไม่ได้เป็นร่างกายของตนเอง หรือมีดวงจิต หรือมีอาตมันเป็นของตนเอง พระองค์ทรงเป็นพระองค์เองเท่านั้น "

อีกชั่วอึดใจหนึ่ง พระทัตตะเตรยะ ทรงได้ตรัสคำเหล่านี้ออกมา นางพราหมณีผู้มีความเชี่ยงชาญในโรคอย่างแท้จริงได้ ทั้งกาย วาจา และใจ บัดนี้ด้วยความร่าเริงยิ่งใหญ่ นางจึงทูลว่า ..

"ข้าแต่พระสัทคุรุทัตตะ พระองค์นั้นทรงเป็นพระอาจารย์แห่งจักรวาล ทรงอวตารเพื่อทรงช่วยเหลือให้มนุษย์ชาติพบแสงสว่าง พระองค์ทรงเป็นทั้งพระบิดาและมารดาแห่งจักรวาล พระองค์ไม่มีวันเกิดหรือวันดับสูญ พระองค์ทรงเป็นพระผู้มีสำนึกอันบริสุทธิ์ พระองค์ทรงเปิดเผยองค์ในวันนี้ ต่อข้าพเจ้าก็ด้วยพระเมตตากรุณาของพระองค์ ขอให้พระองค์เป็นอิสระจากการเป็นบุตรของข้าพเจ้า และของทรงเสด็จไปสู่ยังเทือกเขา สหะยหริ และทำตามพระประสงค์ของพระองค์เถิด ของทรงโปรดได้ปรากฏองค์ต่อข้าพเจ้าตลอดไป จนกระทั้งข้าพเจ้าจะไม่อาจอยู่ในพระมายาเหล่านั้น "

" ตะตัสตุ(TATASTU) ขอให้เป็นไปตามที่ท่านต้องการ " พระตันตะเตรยะทรงตรัสให้พร และได้หายองค์ไปจากที่นั้นทันที
Title: Re: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ลองภูมิ on February 08, 2009, 20:38:27

โดยพระองค์ทรงไปสู่ยังเทือกเขา สหะยทริ ทรงเข้าอยู่ในถ้ำอันยิ่งใหญ่แห่งหนึ่ง และทรงเริ่มต้นประกอบสมาธิ โดยทำสมาธิถึงพระองค์เอง เป็นเวลายาวนาน ทรงได้เสด็จไปทั่ว 14 โลกทั้งหมด อันพรของพระคุรุนั้นละเอียดเร้นลับมาก เปลี่ยนจากหัวใจและดวงวิญญาณของปวงชนซึ่งทำลายล้างความโง่เขลาเบาปัญญาของพวกเขาให้หมดสิ้นไป

พระองค์ทรงเปลี่ยนรูปร่างบ่อยๆครั้ง ตามฤดูต่างๆ ครั้งหนึ่งพระองค์ทรงประทับนั่ง ทำสมาธิสำรวมอย่างสงบนิ่ง ในรูปร่างแห่งนักพรต ในเวลานั้น พระองค์ทรงอยู่ในรูปร่างที่ใหญ่กว่าธรรมดา ดูน่าสพึงกลัว แต่ถ้าอยู่ในเวลาอื่นๆ พระองค์จะแปลงรูปเป็นพระกุมารน้อยนั่งเล่นอยู่ ไม่เป็นปัญหาใดเลย ที่พระองค์ทรงแสดงเช่นนี้ ภายในพระองค์ยังคงเป็นเทพเจ้า ผู้ประทานแสงสว่างแห่งความสัตย์ อย่างไรก็ตามก็ทรงสามารถทำลายก้อนเมฆให้หายไปจากท้องฟ้า เพื่อให้แสงสว่างของพระอาทิตย์ได้ส่งลงมา ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงชั่วขณะก็ตาม

มันอาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาอื่น ภายหลังพระพรหมพระผู้สร้างทรงได้สร้างจักวาลขึ้นมา และสร้างสิ่งมีชีวิตทั้งหมด พระโอรสที่เกิดจากดวงจิตของพระองค์ทั้งหลาย อธิ เช่น ฤษีสนัก (SANAKA) ฤษีสนันทัน (SANANDANA) และองค์อื่นๆต่างก็ได้เข้าสู่ในห้วงสมาธิกรรมฐานอย่างลึกซึ้ง พระพรหมทรงปรารถที่ทรงให้โลกได้ดำเนินอยู่ต่อไป ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงทรงสร้างด้วยความโง่เขลา ด้วยความหลง ความติดพันธุ์อย่างลึกซึ้ง ความมืดมิด ความหลงลืมตน ความดีและความซื่อแห่งโลก ตามแนวทางปฏิบัตินี้ พระพรหม พระองค์เองทรงปรกคลุมล้อมด้วยความโง่เขลา พระองค์ทรงลืมมนตร์ คายะตรี (GAYATRI MAANTRA) และพระเวททั้งหลาย

Title: Re: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ลองภูมิ on February 08, 2009, 20:40:26
เพื่อการแก้ไขความโง่เขลานี้ พระองค์ทรงเสด็จไปยังเทือกเขา สหยะทริและ ณ ที่นี้ทรงทำสมาธิถึงพระแม่เรนุกาเทวี ( RENUKAADEVI) เมื่อพระแม่ทรงปรากฏพระองค์ขึ้น พระพรหมจึงทูลถามพระแม่ว่า พระองค์ทรงตกอยู่ภายใต้มายาแห่งการสร้าง

พระแม่ทรงตรัสบอกพระพรหมว่า พระวิษณุเทพ เทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่พระผู้ทรงรักษาเอาพระเวททั้งหลายในกาลโบราณนั้น บันนี้ทรงอวตารมาในรูปแห่งพระทัตตะเตรยะ ด้วยมีพระศิวะ และพรพรหมทรงรวมโดยรอบพระทัตตเตรยะ ปัญหาของท่านจะหมดสิ้นไปได้

ด้วยคำแนะนำทั้งหลายของพระแม่นี้ พระพรหมจึงทำสมาธิถึงพระตันตะเตรยะ ต่อมาพระทันตะทรงปรากฏต่อพระพักตร์พระพรหมด้วยอำนาจศักดิ์อันฆะเทวี (ANAGHADEVI)

พระทันตะเตรยะทรงหัวเราะพระพรหมด้วยเสียงอันลึกลับ "โอม" ซึ่งเป็นพื้นฐานแห่งมนตร์ทั้งหลาย และบังเกิดเป็นพระเวททั้งหลายกลายคืนออกมาจากคำว่า "โอม" ด้วยพรอันยิ่งใหญ๋ของพระทัตตะเตรยะ พระพรหมทรงเป็นอิสระภาพจากความหลงผิดโง่เขลา และต่อมาเหล่าพระเวททั้งหลายก็ได้กลับเข้ามาเป็นของพระพรหมตามเดิม พระพรหมทรงแสดงคาราวะต่อพระทัตตะครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่จะเสด็จคืนสู่ยังพรหมโลกของพระองค์


จบภาค1

ต่อไป เป็นภาคปราบอสูร ยัมภะ
Title: Re: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: สฺวสฺติ on February 08, 2009, 21:01:06
รออ่านครับ....  (https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.hindumeeting.com%2Fforum%2Frichedit%2Fsmileys%2FHappy%2F18.gif&hash=ccc2d557d56c298a441ecd98f9c84a0f2a81b90c) 
Title: Re: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: Purple_Tulip on February 08, 2009, 22:09:49
ข้อมูลแน่นมากค่ะ ขอบพระคุณอีกครั้งนะคะ
Title: Re: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: กาลิทัส on February 09, 2009, 10:16:22
ขอบคุณที่เอามาลงที่นี่คร๊าบพี่ตี๋ (https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.hindumeeting.com%2Fforum%2Frichedit%2Fsmileys%2FWord_Positive%2F7.gif&hash=ac8876dbe0b4d3faeb09b5f52ad6ce8e5d6b435a) 

ผมก็ไปอ่านในเว็บเจ้าที่เหมือนกันครับหัวข้อนี้
Title: Re: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: white rose. on February 09, 2009, 22:15:12
แวะมาอ่านหาความรู้เพิ่มเติมค่ะ....ขอบคุณค่ะ...
Title: Re: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: อักษรชนนี on February 09, 2009, 23:36:03
รอติดตามตอนต่อไปนะครับพี่ สู้ๆ
Title: Re: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ramadas on February 12, 2009, 17:02:09
ขอบคุณครับสำหรับความรู้ดีดี ครับ อ้อ...รบกวนเรียนถามเพิ่มเติมด้วยครับว่าองค์ที่หน้าเซ็นทรัลเวิลด์นั่นนะ ไม่ใช่พระตรีมูรติหรือครับ  เพราะได้รับทราบจากคนในเซ็นทรัลเวิลด์ว่า เมื่อคราวตอนจะย้ายศาลเดิมจากบริเวณตรงข้ามศาลพระพรหมมาตรงที่ปัจจุบันนี้น่ะ ทางเซ็นทรัลเวิลด์ได้เชิญพระราชครูวามเทพมุนีมาประกอบพิธีโดยระบุว่าเป็นการย้ายองค์พระตรีมูรติ แต่ทางพระราชครูวามฯ ท่านว่าองค์นี้เป็นพระมหาสะดาศิวะเจ้า ไม่ใช่พระตรีฯ และท่านจะทำพิธีให้ต่อเมื่อได้มีการขนานพระนามให้ถูกต้องก่อน แต่ทางผู้จัดไม่สามารถดำเนินการได้ทัน เพราะได้ทำหนังสือกราบทูลสมเด็จพระพี่นางฯ มาทรงเป็นประธานในพิธี ซึ่งได้กำหนดวันเวลาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และถ้าจะต้องเปลี่ยนเเปลงการขนามพระนามใหม่ ก็จะต้องทำเรื่องเสนอมาใหม่ทั้งหมดรวมถึงต้องกำหนดฤกษ์ยามใหม่ทั้งหมดซึ่งเป็นที่ยุ่งยากมาก  จนสุดท้ายทางผู้จัดจึงต้องไปจัดหาผู้ประกอบพิธีรายอื่นมาแทนพระราชครูวาม ฯ อะครับ   
ท่านใดพอเคยได้ยินเรื่องนี้บ้างหรือป่าวครับ ผมว่าน่าสนใจดีครับ
Title: Re: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ลองภูมิ on February 12, 2009, 17:32:46
(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.hindumeeting.com%2Fforum%2Frichedit%2Fsmileys%2FYahooIM%2F33.gif&hash=da3813018f352a79241e3d574d9a13d7fa577ea3)  อื้ม แบบนี้ต้องไปสืบค้น คนที่อัญเชิญมาครั้งแรกเลยว่า เชิญองค์เทพองค์ใดลงมาสถิตย์ ณ เทวรูปองค์นี้ แบบนี้ต้องถามคนในครับ ใครรู้จักคนในบ้างหาข้อมูลก้ดีเหมือนกัน จะได้ชัดเจนไปเลยว่าเป็นองค์ตรีมูรติหรือเปล่า เหมือนอย่างท้าวมหาพรหมที่อยู่แยกเอราวัณ ก็หาสงสัยแล้วว่าไม่ใช่พระพรหมธาดา แต่เป็นพรหมคนละองค์ ว่ากันว่าเชิญญาณของสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวลงสถิตย์ เขาว่าอย่างนั้นข้อมูลถูกต้องมั๊ยครับ (https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.hindumeeting.com%2Fforum%2Frichedit%2Fsmileys%2FYahooIM%2F45.gif&hash=390cd64d23ab1350c34b28c7b1951a0bf1951858) 
Title: Re: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: สฺวสฺติ on February 12, 2009, 21:14:47
จากที่ผมเคยคุยกับลูกบุญธรรมของ ท่านอาจารย์ สุชาติ รัตนสุข มาแล้วนั้น ถ้าจำไม่ผิดนะครับ
ขอเท้าความเดิมว่า พระตรีมูรติ ใครเป็นผู้สร้าง อันนี้ผมก็จำไม่ได้ นะครับ เพราะพี่เขาไมได้กล่าวไว้ตรง แคคุยคุยกันว่า
คุณพ่อ ได้จัดสร้างพระพิฆเนศตรงแยกห้วยขวางไว้ ก่อนมานานแล้ว เพื่อให้ผู้คนได้กราบไว้ และเป็นเรื่อง บริเวณ พื้นที่แถวห้วยขวาง และเป็นเรื่องราวของพี่เขา ก็เลยต้องสร้างพระพิฆเนศไว้
และก็ได้ย้ายปู่ฤษีปราบมาร จากบ้านท่านอาจารย์สุชาติมาไว้ ที่เทวสถานพระพิฆเนศ ตรงห้วยขวางไว้ด้วยเสียเลย เพราะท่านบอกว่าบ้านเมืองร้อน ต้องการให้บุคคลทั่วไปได้มากราบไว้
และคุยไปคุยมา ท่านก็ถามว่า เคยไปไหว้ตรงเวิร์ดเทรดไหม ตรงนั้นท่านพ่อเป็นคนสร้างไว้เช่นกัน และถามอีกว่า รู้จักโรงแรม โซลทวินทางเวอร์ไหม ตรงนั้นท่านพ่อก็เป็นคนสร้างเช่นกัน (ผมบอกว่า ผมเคยทำงานอยู่แถวนั้นครับ)

และเดิมทีตรงนั้น ผมก็จำได้ว่า เคยมีพระพิฆเนศมาตั้งไว้ก่อนหน้าแรก แต่ไง๋กายเป็นพระตรีไปได้ ท่านก็บอกว่า พระพิฆเนศองค์ที่หนูเคยเห็น ก็ย้ายมาที่เวิร์ดเทรดนั้นแหละ แล้วเอาพระตรีไปแทนที่ไว้

ซึ่งจากข้อมูลและศิลปการทำพระตรี และข้อมูลที่ได้มาหลาย อย่าง ผมก็เลยคิดว่า พระตรีองค์ที่เวิร์ดเทรด น่าจะเป็นท่านอาจารย์สุชาติ รัตนสุขเช่นกันครับ (ไอ้ผมก็ลืมถามพี่เขาว่า ตรงที่เวิร์ดอีกองค์ใครเป็นคนสร้าง และมีชื่อว่าอะไร เพราะท่านก็ไม่ได้พูดถึง หรืออาจจะไม่ใช่ท่านอาจารย์สร้างก็เป็นได้ ยังไง เด๋วผมได้เข้าไปหาท่าน ผมจะสอบถามให้อีกทีนะครับ)
Title: Re: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ลองภูมิ on February 20, 2009, 19:09:12
ข้อมูลกำลังอัพไปเรื่อยๆครับ น้องกระบี้น้อย แต่ตอนนี้เบรกไว้ก่อนเนื่องจากติดงานครับ มะค่อยมีเวลาได้เข้ามาเลย (https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.hindumeeting.com%2Fforum%2Frichedit%2Fsmileys%2FYahooIM%2F43.gif&hash=a45efe472a87a3dd6a0124e5a2fb22f15c129151) 
Title: Re: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: หริทาส on March 04, 2009, 19:32:00
เรื่องพระตรีที่เวิร์ลเทรด ผมได้เคยนำลงไว้ในบอร์ดเก่าแล้วนะครับ

ก่อนอื่นคงต้องทำความเข้าใจเรื่องตรีมูรติก่อนนะครับ
ตรีมูรตินั้นแปลว่า สามรูป ซึ่งมิใช่ชื่อของเทพเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งเป็นพิเศษ แต่เป็นทฤษฎ๊การแบ่งหน้าที่ ของเทพเจ้าสูงสุด(อีศวรหรือสคุณพรหมัน)ซึ่งในปรัชญาอินเดีย ถือว่า พระเจ้าสูงสุดนั้น ได้ปรากฏออกมาในสามลักษณธ เพื่อกระทำหน้าที่ สามอย่าง คือ สรรค์สร้าง รักษา และทำลาย คือ พระพรหม พระวิษณุ และพระศิวะ และพระศิวะ ตามลำดับ
ตรีมูรติ จึงไม่จำเป็นต้องทำเป็นรูปเคารพ แบบสามองค์รวมกัน แต่จะแยกเป็นสามองค์เลยก็ได้ หรือในบางครั้ง ก็มีคการ เอารูปเคารพทั้งสามองค์มารวมเป้นองค์เดียวซึ่งปรากฏในหลายลักษณะ เช่นในอินเดียที่มีสามพระเศียร หรือพระศิวเอกบาทในไศวนิกาย ในศิวลึงค์บางรูปแบบ หรือหากศึกษารูปเคารพในศิลปะเขมร จะพบว่ามีการทำรูปเคารพสามองค์ โดยมีเทพเจ้าที่เคารพตามนิกายอยู่ตรงกลาง เช่นพระศิวะ และมีเทพเจ้าเล็กๆสององค์งอกออกมาจากด้านข้าง เป็นต้น

นอกจากนี้ ในบางท้องถิ่น ยังมีการถือว่า คุรุในสมัยโบราณบางท่านเป้นพระตรีมูรติ เช่น ท่านคุรุทัตตเตรยะ ซึ่งเดิมเป็นเทวตำนานที่แพร่หลายเฉพาะในแคว้นมหาราษฏร์เท่านั้น ให้กลายมาเป้ยองค์อวตารของพระตรีมูรติ และมีการโฆษณาอย่างแพร่หลาย เช่นในสื่อโทรทัศน์หรือสิ่งพิมพ์  ในนิกายสมารตะก็จะถือว่าพระคุรุทัตตาเตรยะ เป็นผู้สืบทอดคำสอนในสายอไทฺวตะเวทานตะ และ เป็นผู้รจนาคัมภีร์อวฑูตคีตาด้วย เรื่องราวของพระคุรุทัตตเตรยะ ปรากฏในเรื่อง คุรุจริต ครับ

ส่วนเรื่องพระตรีมูรติที่เวิลเทรดอย่างนี้ครับ
ผมก็ได้ยินมา อย่างที่ได้เล่าไว้อ่ะครับเรื่องที่ท่านพระราชครูวามท่านปฏิเสธในการทำพิธ๊ (ซึ่งเป็นสิ่งที่เหล่าพราหมณ์ในราชสำนักถือปฏิบัติว่าจะไม่ทำพิธีที่ผิดแบบแผน และ เทพเจ้าไม่ถูกต้อง)


และถ้าเราพิจารณาจากปฏิมาณวิทยา ของรูปเคารพที่เราเรียกกันว่าพระตรีมูรติที่เวิร์ลเทรดนะครับ
จะเห็นได้ว่า เป็นเทวรูปที่มี 5 พระเศียร และที่พระนลาฏจะปรากฏพระเนตรที่สาม ซึงถ้าประมวลจากลักษณะดังกล่าวจะพบว่า
เป็นพระ ปัญจมุขีศิวะ หรือพระ สทาศิวะ ครับ
ในคัมภีร์และบทสรรเสริญต่างๆ จะมีการบรรยายไว้เสมอว่า พระศิวะ ทรงมีห้าพระเศียร(ปัญจวักตระ) ซึ่งเป้นลักษณะเฉพาะของพระศิวะ รวมทั้งการมีพระเนตรที่พระนลาฏนั้น นอกจากพระศิวะ แล้ว ก็มักจะปรากฏในเทพเจ้าที่เกี่ยวข้องกับพระศิวะ และพระแม่ศักติในลัทธิตันตระเท่านั้นครับ
และหากเราศึกษารูปเคารพในศาสนาพราหมณ์ฮินดูในเขมร เราจะพบเทวรูปในลักษณะนี้อยู่ครับ ดังตัวอย่าง เช่น ที่ปรากฏในวัดภู จำปาสัก ซึ่งเป็นรูปพระตรีมูรติที่มีสามองค์แยกจากกันครับ

เท่าที่ทราบข้อมูลมาอีก คือรูปพระสทาศิวะ(ที่เรียกกันว่าพระตรีมูรติ)นี้ แต่เดิมเป้นรูปเคารพอยู่ที่วังเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้างเวิร์ลเทรดในปัจจุบันครับ แต่ได้มีการสร้างขึ้นใหม่ครับ แต่ไหงกลายเป็นพระตรีไปไม่รู้ เพราะใครก็ไม่ทราบ


โดยสรุปที่เวิลล์เทรดคือ พระสทาศิวะ หรือพระศิวปัญจมุขีครับ จะเป็นพระตรีมูรติก็ต้องมีรูปพระวิษณุและพระพรหมด้วยครับถึงจะเรียกว่าพระตรีมูรติได้

นอกจากนี้ ผมได้รับฟังมาจากท่านพระครูญาณสยมภูว์(พราหมณ์ขจร นาคเวทิน)ว่า เมอื่ตอนพระเจ้าอยู่หัวท่านเสด็จงานงานเสาชิงช้า กรุงเทพมหานคร ได้ถวายเทวรูปพระตรีมูรติ(แบบของเวิลล์เทรด) พระองค์ท่านทอดพระเนตรแล้วตรัสว่า "นี่พระตรีมูรติหรือ" คือพระองค์ท่านทรงทราบว่า ที่จริงแล้วพระตรีมูรติเป็นอย่างไรที่ถูกต้อง เพราะทางคณะพราหมณ์ได้เคยถวายเทวรูปพระทัตตาเตรยะ ทองคำ นานมาแล้ว ครับ เล่ากันว่า ผู้บริหารกรุงเทพทำหน้าเลิ่กลั่กกันใหญ่ครับ
Title: Re: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: หริทาส on March 04, 2009, 19:38:20
ส่วนเรื่อง การให้พระเรื่องความรักนี่ ก็ไม่ทราบว่าใครเป็นคนประดิษฐ์คิดขึ้น เพราะว่า ไม่ว่าจะเป็น พระตรีมูรติ หรือพระสทาศิวเอง ก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรเกี่ยวกับความรักเรยครับ ท่านพระราชครูวามเอง ก็เคยปรารภไว้ในหนังสือพิมพ์หนึ่งว่า นี่เป้นความเข้าใจที่ผิดครับ

สงสัยเพราะสมัยก่อน เค้าทาผนังศาลท่านสีแดง ก็เรยต้องเอาอะไรแดงๆบูชาอ่ะครับ แล้วสีแดงมันก็สีดอกกุหลาบ ดอกกุหลาบมันก็ความรักนี่(ได้ข่าวว่าเป็นวัฒนธรรมฝรั่ง ดอกกุหลาบแทนความรัก 5555)ก็เลยท่านไปเกี่ยวกับความรักไปเรย  (https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.hindumeeting.com%2Fforum%2Frichedit%2Fsmileys%2FYahooIM%2F53.gif&hash=b70016b7e50716a83d796047f425482c26a1fa5d)  เหอเหอ
Title: Re: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: กาลิทัส on March 05, 2009, 10:59:02
ขอบคุณพี่หริทาสอีกครั้งครับ

ที่นำกลับมาเล่าให้ได้ทราบกันอีกครั้งคร๊าบบบ (https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.hindumeeting.com%2Fforum%2Frichedit%2Fsmileys%2Fhm%2Fb007.gif&hash=64a4db2c9d110fd48aa0efe6a6ffac66854d5c75) 
Title: Re: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: joni_buddhist on March 10, 2009, 02:37:57
Quote from: สัตตเทวบุตร on February 12, 2009, 21:14:47
จากที่ผมเคยคุยกับลูกบุญธรรมของ ท่านอาจารย์ สุชาติ รัตนสุข มาแล้วนั้น ถ้าจำไม่ผิดนะครับ
ขอเท้าความเดิมว่า พระตรีมูรติ ใครเป็นผู้สร้าง อันนี้ผมก็จำไม่ได้ นะครับ เพราะพี่เขาไมได้กล่าวไว้ตรง แคคุยคุยกันว่า
คุณพ่อ ได้จัดสร้างพระพิฆเนศตรงแยกห้วยขวางไว้ ก่อนมานานแล้ว เพื่อให้ผู้คนได้กราบไว้ และเป็นเรื่อง บริเวณ พื้นที่แถวห้วยขวาง และเป็นเรื่องราวของพี่เขา ก็เลยต้องสร้างพระพิฆเนศไว้
และก็ได้ย้ายปู่ฤษีปราบมาร จากบ้านท่านอาจารย์สุชาติมาไว้ ที่เทวสถานพระพิฆเนศ ตรงห้วยขวางไว้ด้วยเสียเลย เพราะท่านบอกว่าบ้านเมืองร้อน ต้องการให้บุคคลทั่วไปได้มากราบไว้
และคุยไปคุยมา ท่านก็ถามว่า เคยไปไหว้ตรงเวิร์ดเทรดไหม ตรงนั้นท่านพ่อเป็นคนสร้างไว้เช่นกัน และถามอีกว่า รู้จักโรงแรม โซลทวินทางเวอร์ไหม ตรงนั้นท่านพ่อก็เป็นคนสร้างเช่นกัน (ผมบอกว่า ผมเคยทำงานอยู่แถวนั้นครับ)

และเดิมทีตรงนั้น ผมก็จำได้ว่า เคยมีพระพิฆเนศมาตั้งไว้ก่อนหน้าแรก แต่ไง๋กายเป็นพระตรีไปได้ ท่านก็บอกว่า พระพิฆเนศองค์ที่หนูเคยเห็น ก็ย้ายมาที่เวิร์ดเทรดนั้นแหละ แล้วเอาพระตรีไปแทนที่ไว้

ซึ่งจากข้อมูลและศิลปการทำพระตรี และข้อมูลที่ได้มาหลาย อย่าง ผมก็เลยคิดว่า พระตรีองค์ที่เวิร์ดเทรด น่าจะเป็นท่านอาจารย์สุชาติ รัตนสุขเช่นกันครับ (ไอ้ผมก็ลืมถามพี่เขาว่า ตรงที่เวิร์ดอีกองค์ใครเป็นคนสร้าง และมีชื่อว่าอะไร เพราะท่านก็ไม่ได้พูดถึง หรืออาจจะไม่ใช่ท่านอาจารย์สร้างก็เป็นได้ ยังไง เด๋วผมได้เข้าไปหาท่าน ผมจะสอบถามให้อีกทีนะครับ)

ครับเรื่องนี้ผมเคยเรียนถามท่านพระครูวามที่โบสถ์พราหมณ์ท่านว่าเป็นองค์มเหศวรสดาศิวะแน่นอนครับไม่ใช้คุรุปัทมยุกา(พระมหาเทวฤาษีทัตตาเตรยะ) เพราะท่านว่าพระเศียรข้างบนจะเป็นพระเศียรพระศิวะแน่นอน ที่ท่านไม่ไปทำพิธีให้เพราะไม่อยากให้ประชาชนเข้าใจเทววิทยาผิดๆๆแล้วเอากระแสมาทำให้ห้างดังท่านขอเพียงให้ขนานพระนามใหม่ คือองค์พระมเศวรสดาศิวะ แต่ทางผู้บริหารเห็นว่าพระตรีจะขายเนมได้จึงไม่ยอมเปลี่ยน ท่านพระครูวามจึงไม่ไปทำพิธีบวงสรวงให้และท่านเซ็นทรัลก็ได้ใช้เจ้าพิธีคนเดิมคืออาจารย์สุชาติครับ
Title: Re: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: Fluorine on March 15, 2009, 01:18:49
ขอบคุณนะครับ

ถ้าอย่างนั้น สมมติผมไปไหว้เทวรูปพระศิวปัญจมุขีที่ CTW ผมก็ควรจะสวดมนต์ เป็นบทสรรเสริญพระศิวะ ไม่ใช่บทที่ติดไว้บริเวณศาล อย่างนั้นใช่มั้ยครับ ^_^
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ลองภูมิ on April 19, 2009, 22:38:27
ตำนานแห่งพระทัตตะเตรยะ(ตอนทำลายล้างอสูร ยัมภะ) (http://www.chaotee.net/board/viewtopic.php?t=452&start=0&postdays=0&postorder=asc&highlight=)





อสูร ยัมภะ (JAMBHA) ผู้เป็นปีศาจที่อวดหยิ่งทรนงตน

....... ได้บังเกิดมีอสูรร้ายตนหนึ่งมีนามว่า อสูร ยังภะ อสูรตนนี้มีกองทัพมหึมา ได้ยกทัพมาก่อกวนพวกเทพและมีชัยชนะต่อพวกเทพ ได้เข้ายึดครองสวรรค์ บรรดาเทวะและนางอัปสร ต่างพากันเดือดร้อน ต้องหลบหนีออกจากแคว้นสวรรค์ ต่างแต่กระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง และก่อให้เกิดความสับสนอลม่านไปทั่วโลกทั้งหมด


พระอินทร์ผู้เป็นกษัตริย์แห่งเทวะและนางอัปสรทั้งหลาย จึงปรึกษาหารือกับพระอาจารย์ เทพฤษี พฤหัสบดี (BRIHASPATA) เพื่อที่จะช่วยเหลือพวกเทพให้คืนตำแหน่งดังเดิม ฤษีพฤหัสบดี ทรงได้พิจารณาอยู่ชั่วขณะ จึงให้คำแนะนำต่อพระอินทร์ว่า ให้ไปขอความช่วยเหลือจาก พระสัทคุรุ ทัตตะเตรยะ โดยกล่าวว่า...

"ขอจงรีบเสด็จไปเฝ้าเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ด้วยความนอบน้อมเคารพบูชา และปรนิบัติรับใช้พระองค์ด้วยจิตใจที่ไร้มายา ข้าขอรับประกันว่า พระทัตตะเตรยะ จะนำชัยชนะกลับมาสู่พวกเทพและบังลังค์ของพระองค์ก็จะอยู่เหมือนเดิม"





ด้วยคำแนะนำแห่งพระอาจารย์ พระอินทร์จึงได้ออกเดินทางไปสู่ยังเทือกเขา สหยะหริ ทันที แต่ก่อนจากไป พระอาจารย์ ฤษีพฤหัสบดี ได้ทูลเตือนพระองค์ไว้ว่า "ข้าแต่พระอินทร์ , พระทัตตะเตรยะนั้นยากมากที่จะเข้าใจได้และเข้าถึงพระองค์ได้ , พระองค์ทรงแปลงได้หลายรูปร่างและทำความสับสนต่อสาวกของพระองค์ตลอดมา พระองค์ทรงมีเรื่องทดสอบต่างๆนาๆ ขอจงระมัดระวังให้จงดี ไม่มีอะไรที่พระองค์ทรงได้กระทำลงไป ขอให้รับทราบไว้ว่าพระองค์ทรงเป็นเพียงรูปร่างแห่งความสัตย์จริงและด้วยพระองค์ทรงมั่นคงตลอดกาลบริสุทธิ์ดั่งพระเพลิง ขอจงโชคดีเถิด"






ด้วยการจดจำทุกคำของพระอาจารย์ พระอินทร์ได้ไปถึงยังเทือกเขา สหยะทริ , พระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นความสัตย์ทั้งหลายตามที่พระอาจารย์ได้กราบทูลไว้ พระองค์ทรงเห็นพระทัตตะเตรยะ กำลังสนุกสำราญต่อการชมดนตรีแห่งสวรรค์ บรรดานางอัปสรแห่งสวรรค์ที่สวยงามที่มีฝีเท้าเต้นรำประมาณ 1,000 คู่ อยู่ใต้เบื้องบาทของพระองค์ นางเทพธิดาบางนางเปลือยเปล่าล่อนจ้อน กำลังเทเหล้าผลไม้ลงในถ้วยเหล้าของพระองค์ และพระอินทร์ทรงทอดพระเนตรเห็นพระทัตตระเตรยะ กำลังดื่มเหล้าผลไม้และทรงเล่นรักอยู่กับเหล่านางอัปสรทั้งหลายนี้

" มันเป็นเรื่องที่ดีซึ่งพระอาจารย์ได้ให้คำแนะนำข้าเอาไว้ก่อน มิฉะนั้นแล้วข้าอาจจะหมิ่นประมาทพระทัตตะเตรยะก็ได้ ซึ่งจะเป็นผลให้พระองค์ทรงพิโรธ อย่ากระนั้นเลย ขอให้จิตใจของข้าอย่าได้หลงเข้าใจผิด ในการแทรกแซงอยู่ทั่วไปและความบริสุทธิ์ของพระองค์" ด้วยความคิดเช่นนี้ พระอินทร์จึงทรงได้เข้าร่วมกับพวกเขาในการรับใช้พระทัตตระเตรยะด้วยการถวายอาหารและสุรา

ในขณะเดียวกัน พระทัตตะเตรยะทรงทอดพระเนตรที่พระพักตร์ของพระอินทร์ เพื่อที่จะทรงทดสอบพระอินทร์ แต่ว่าพระอินทร์ทรงยืนให้ทดสอบและด้วยความเคารพไม่สะดุ้งสะเทือนแต่อย่างใด คอยรับใช้พระทัตตะเตรยะต่อไป

ด้วยทรงโปรดต่อผู้เคารพบูชาของพระองค์ พระทัตตะเตรยะทรงเริ่มหัวเราะต่อพระอินทร์และทรงตรัสแบบขำขันว่า "พระอินทร์ ท่านมีความสามารถอย่างไร หวังว่าจะเอาคนเมาเหล้าไปช่วยท่านในการทำลายล้างปีศาจร้ายแห่งความอวดหยิ่งหรือ? ท่านไม่เห็นหรือว่าอ่อนแอของข้าในการกินเหล้ายาและนารีหรือ? 5555555









พระอินทร์ทรงทูลตอบว่า " ข้าแต่เทพเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าทราบถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ด้วยว่าพระองค์คือ พระตรีมูรติ (TRIMURTI) เป็นภาคอวตาร ของ 3 โลก แห่งศาสนา บรรดาเหล่านางงามทั้งหลายนี้บังเกิดจากพลังอำนาจแห่งดวงจิตของพระองค์ อันเป็นน้ำอมฤตแห่งมนตรา อาหารที่ทรงรับประทานนั้นก็คือความสัตย์แห่งดวงวิญญาณพระองค์ทรงเป็น พระชคัฑคุรุ (JAGADGURU) พระอาจารย์แห่งโลก พระองค์ทรงเป็นที่รวมร่างแห่งความฉลาดทั้งหมด พระองค์คือแสงสว่างนำทาง พระองค์ทรงเสด็จมาโปรดมนุษย์ชาติทั้งปวง ขอทรงได้โปรดช่วยเหลือข้าพเจ้าด้วยเถิด โดยทรงนำบังลังค์ของข้าพเจ้ากลับคืนมาจากพวกอสูรร้ายและทรงทำลายล้างปีศาจแห่งความอวดหยิ่งทรนงตนด้วยเถิด"

พระทัตตะเตรยะ ทรงรับสั่งว่า "ถ้าหากว่าเจ้ามั่นใจในตัวข้าเช่นนี้ อย่างแน่นอนข้าจะนำชัยชนะมาให้ ขอให้ไปเรียกปีศาจร้ายให้มา ณ ที่นี้มาเจอกับข้า ขอให้ข้าได้เห็นมันว่าจะสามารถทำอะไรได้" พระอินทร์ทรงน้อมรับบัญชาและแสดงความเคารพต่อพระคุรุ และทรงเสด็จไปเชิญพวกปีศาจให้ออกมาต่อสู้อย่างกล้าหาญในเทือกเขา สหยะทริ

เมื่อปีศาจได้มา โดยมีดวงตาแดงกล่ำอย่างโกรธแค้น พระทัตตะเตรยะทรงได้แสดงอภินิหารขึ้นมาอย่างหนึ่ง

พระทัตตะเตรยะทรงแปลงร่างใหญ่โตมากที่มีพักตร์น่าเกียดน่ากลัว พระองค์ทรงสร้างอำนาจ ศักติ(SHAKTI) เรียกว่า อันฆะเทวี (ANAGHA DEVI) ทรงแปลงร่างอันล่อลวงขึ้นมา











ในขณะนั้น ปีศาจร้ายพร้อมด้วยบริวาร ได้มาถึงเทือกเขา สยะทริ พวกปีศาจทั้งหลายต่างตกตะลึงหลงด้วยความงามแห่งอำนาจ ( อันฆะเทวี) และลืมเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับการต่อสู้ในสนามรบ พวกปีศาจร้ายทั้งหมดได้วิ่งติดตามนางและไม่ยอมมองหน้าคนที่มีหน้าตาน่าเกียดที่นิ่งอยู่ข้างนางงามนี้เลย พวกปีศาจไม่รู้ว่าเป็นมายาของพระทัตตะเตรยะที่ให้บังเกิดขึ้นเช่นนั้น พวกปีศาจได้ร้องเรียกพระแม่อันฆะเทวีในเสลี่ยงทองคำ ต่างคนต่างทะเลาะต่อสู้กันเพื่อให้ได้สิทธิพิเศษที่จะได้นางมา เช่นเดียวกัน พวกปีศาจทั้งหลายได้จากที่แห่งนั้นไป พระทัตตะเตรยะ ทรงหัวเราะด้วยเสียงอันดังและทรงตรัสต่อพวกเทพว่า " โอ่ พระอินทร์และประชากรแห่งสวรรค์ ขออย่าได้วิตกต่อไปเลย พวกท่านจะได้รับอาณาจักรของพวกท่านกลับคืนมาในเวลาไม่ช้านี้ "

เมื่อได้ทราบข่าวนี้ เทวะทั้งหลายต่างดีอกดีใจร่าเริงเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังแปลกใจว่า ทำอย่างไรพวกเขาจะได้รับชัยชนะและได้รับอำนาจอาณาจักรของพวกเขากลับคืนมา

พระทัตตะเตรยะทรงกล่าวและเทศน์สั่งสอนพวกเทวะเกี่ยวกับพระวินัยการกระทำแห่งพระแม่แห่งทรัพย์สมบัติ ( พระแม่ลักษมี)

พระทัตตะเตรยะทรงได้ตรัสว่า " โอ่ เทวะแห่งสวรรค์ ถ้าพระแม่ลักษมี ทรงประทับอยู่กับผู้ใดแล้วนับว่าผู้นั้นจะมีความผาสุขเหมือนได้อยู่ในพระราชวัง ถ้าพระนางทรงประทับอยู่กับเขา ดังนั้นความอุดมสมบูรณ์ด้วยธัญญาหาร และทองคำจะบังเกิดขึ้น พระนางทรงเป็นความงดงามบนปาก ดั่งนั้นทุกสิ่งทุกอย่างของการชิมรสอาหาร ความอัศจรรย์แห่งเสนห์แห่งปากและความเชี่ยวชาญในการแต่งกลอน บทความจะบังเกิดขึ้น ทั้งหมดนี้จะเป็นปรากฏที่ดีมีคุณประโยชน์ แต่ว่า......ถ้าหากพระนางได้ทรงประทับอยู่เหนือเกล้าของผู้ใดแล้ว การทำลายล้างจะบังเกิดขึ้น พวกท่านได้เห็นแล้วมิใช่หรือว่า พระนางทรงประทับนั่งบนศีรษะของพวกปีศาจในแคร่ของพวกเขาอย่างไร ?













โดยการทำลายล้างปีศาจ พระนางจะไม่เสด็จไปปรากฏองค์ต่อพวกปีศาจ บัดนี้เป็นเวลาที่ดีต่อพวกเทวะแล้ว เทวะทั้งหลาย ขอให้เตรียมตัวและอาวุธให้พร้อม ที่จะไปต่อสู้กับเหล่าปีศาจเพื่อช่วงชิงเอาอำนาจกลับคืนมาจากปีศาจได้แล้ว ขอให้พรแห่งความสำเร็จจงบังเกิดแก่เทวะและจงมีชัยชนะต่อพวกปีศาจโดยง่ายเถิด

ตามที่พระทัตตะเตรยะ ทรงสั่งสอนด้วยคำดำรัสนี้ พวกปีศาจยังคงทะเลาะต่อสู้กันเอง เพื่อแย่งชิงนางงามนี้มาเป็นของตน

เมื่อเทวะทั้งหลายได้ยกทัพมาถึงในเวลาเดียวกัน ด้วยพรวิเศษของพระทัตตะเตรยะ พวกเทพเทวะจึงได้รับชัยชนะต่ออสูรได้อย่างง่ายดาย พระแม่แห่งทรัพย์สมบัติทรงแสดงความยิ่งใหญ่ของพระนางให้พวกเทพได้เห็น เรื่องนี้จึงเป็นเหตุให้สวรรค์ได้กลับคืนมาสู่พระอินทร์และเทวะทั้งหลายตามเดิม เหล่าเทวะทั้งหลายได้มีการเป่าสังข์ ตีกลอง ร้องเพลงและบรรดานางฟ้านางอัปสรก็ได้ร่ายรำอยู่เหนือก้อนเมฆ และโปรยดอกไม้บนร่างของพระทัตตะเตรยะ และต่างร้องคำว่า "ทัตตะเตรยะ ภัควาน กี แย " "ขอทรงพระเจริญ"

จบ
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ลองภูมิ on April 19, 2009, 22:43:09
โปรดติดตามตอนต่อไปในเรื่องราวของพระทัตตะเตรยะ ตอน ตามพระมรกันเทยะปุราณะ แต่ขอเวลาสักพักครับ (https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.hindumeeting.com%2Fforum%2Frichedit%2Fsmileys%2FYahooIM%2F6.gif&hash=199568ddf40d5314b0a25ba75798e4f38fc5e093) 
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: สฺวสฺติ on April 20, 2009, 00:28:08
รอครับ ป๋าๆๆ รอครับ คิคิ
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: Amrit_Phakti on April 20, 2009, 00:40:05
ขอเซฟ ไปปริ๊น แปะให้คนที่สนใจได้อ่านนะครับ  ผนังบ้านว่างๆ  เอาความรู้มาแปะให้คนได้เข้าใจดีกว่า
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ลองภูมิ on April 20, 2009, 11:02:42
ครับๆ ไม่ต้องห่วงน้อง กระบี้น้อย พี่เซฟเก็บไว้แล้ว และก็  ยังมีอีกหลายบท พวกบทอวตารก็มี แต่ยังขี้เกลียดพิมพ์อะ (https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.hindumeeting.com%2Fforum%2Frichedit%2Fsmileys%2FYahooIM%2F18.gif&hash=df3694100be0cc26ae52523edb17a81c9e2b83c0)



ส่วนน้อง Amrit_Phakti เป่งไงบ้างซำบายดีปะ พี่ว่าจะแวะไปเยี่ยมที่บ้านก็ไม่ได้ไปซักกะที ผ่านก็บ่อยนะ แต่ก็พลาดจนได้ เดี๋ยวเดือนหน้าอาจจะได้ผ่านอีก คราวนี้จะไม่พลาดเลย จะให้ดูไพ่ให้พี่หน่อยว่าตอนนี้ชะตากรรมเป็นไง อิอิ


มีอยู่คนเดียวจริงๆที่เรียกเราป๋า แหม่ ถ้าเป็นผู้หญิงจะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี้เป็นผู้ชาย ฟังดูจักกะจี้ยังไงก็ไม่รู้ .........ท่านนะท่าน  ทำไปได้ (https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.hindumeeting.com%2Fforum%2Frichedit%2Fsmileys%2FYahooIM%2F21.gif&hash=ef310ef431cce4c3f88cc6013ea4ca0cedc287b9) 
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: กาลิทัส on April 20, 2009, 11:38:40
(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.hindumeeting.com%2Fforum%2Frichedit%2Fsmileys%2Fhm%2Fb025.gif&hash=1deb165474108d9bf2b46ac4737ca3328eb405cf)  ขอบคุณครับพี่ตี๋

ผมขออนุญาติ back up ข้อมูลส่วนนี้ไว้ด้วยคนนะครับ

ขอบคุณครับ เป็นประโยชน์มากจริงๆ
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: Amrit_Phakti on April 20, 2009, 23:32:23
อิอิ  อยู่ใกล้แค่นี้ไม่ได้เจอะซะทีนะพี่  อิอิอิ   ว่างๆแวะมาทักทายกันได้นะครับ  เปิดหลัง6โมงเย็นเป็นต้นไปน่ะครับ   แพ้แสงอ่ะ  อิอิ  ร้อนๆอยู่ไม่ได้  โอ๊ยยยยยยย  อิอิอิ   กลางคืน  สบายย  เย็น  ชอบบบบ  อิอิ   
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: anucha komfu on April 24, 2009, 10:57:22
พระตรีมูรติเกิดจากสาเหตุใด
(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.hindumeeting.com%2Fforum%2Frichedit%2Fcliparts%2F7.gif&hash=1e1e6312a00bca7400d1b39be48ba147a63f798b)
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: Amrit_Phakti on April 25, 2009, 00:22:22
สาเหตุใดใคร่รู้เหมือนกัน   แต่ส่วนตัวแล้ว  ผมมองว่า  คนเรา  มักแบ่งแยกเทวะ  องค์นั้น  มิใช่องค์นี้   หากตรีมูรติ  ได้บอกกล่าวให้เราได้ทราบแล้ว  ว่าทั้ง3 รวมเป็น1  และ1 นั้น คือทั้ง3   ไม่ควรแบ่งแยกท่าน  เพราะทั้ง3  ล้วนคือ 1
    ฟังดูอาจจะงง   แต่ผมเชื่อว่ามีคนเข้าใจในสิ่งที่ผมบอก  อนุโมทนานะครับ
   หุหุ  งง งง งง  งงกันรึปล่าว  อย่างงเลย  เข้าใกล้ท่านอีกนิด  เปิดจิตรับอีกหน่อย  ค่อยๆก้าวเดินตามรอยที่ท่านชี้ไว้  แล้วเราจะสบายเองล่ะครับ
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: OPOR :) on May 30, 2009, 16:39:43
ได้ความรูเพิ่มเติม :)
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)กำเนิดพระทัตตะเตรยะ
Post by: matakee on May 31, 2009, 11:23:12
ในตำนานที่เกี่ยวข้องกับ เทพทัตตาเตรยะ อันเป็นอวตารของมหาวิษณุ (พระนารายณ์) พระอิศวร  พระพรหม ซึ่ง มีฤาษี อัตริ เป็นบิดา และนาง อนุสูยา เป็นมารดา มีดังนี้...
ขณะที่ฤาษีนามว่า อณิมาณฺฑวฺย (อะ-นิ-มาน-ดับ-วยะ) นั่งสมาธิอยู่ โจรกลุ่มหนึ่งได้หนี เจ้าหน้าที่ผ่านมาทางนั้น ตำรวจหลวงที่ติดตามโจร ได้สอบถามถึงโจรกับฤาษี ฤาษีอยู่ในสมาธิจึงไม่ยอมปริปากใดๆ ตำรวจหลวงเข้าใจว่าฤาษีนั่นเองเป็นโจร จึงจับมัดมือมัดเท้านำไปเฝ้าพระราชา พระราชาทรงตัดสินใจประหารชีวิตฤาษี โดยใช้วิธีเสียบด้วยตรีศูล เจ้าหน้าที่ได้ทำตามนั้น และนำฤาษีที่ถูกเสียบ แต่ยังไม่ตายไปปักไว้บนยอดเขา
ในระหว่างนั้น นางศีลวตี ซึ่งเป็นภรรยาที่ ซื่อสัตย์ต่อสามีอย่างยิ่ง เดินทางผ่านมาทางนั้นโดยให้สามีชื่อ อุครศรวัส (อุค-คระ-ศระ-วัส) ขี่คอ เพื่อไปยังบ้านของหญิงแพศยา ขณะที่ฝนตกทำให้ ทางเดินลำบาก อุครศรวัสได้ด่าทอฤาษีหาว่าเป็นตัวการทำให้ฝนตก ฤาษีโกรธจึงสาปให้ศีรษะของอุครศรวัสแตกเป็นเจ็ดเสี่ยงเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น ศีลวตีได้ยินคำสาป นางมีความซื่อสัตย์ต่อสามีมาก จึงตั้งจิตอธิษฐานไม่ให้พระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งคำอธิษฐานก็ได้ผล เมื่อพระอาทิตย์ไม่ขึ้น ทำให้เดือดร้อนไปทั่วจักรวาลรวมถึงเทวดา จึงพากันไปเฝ้าพระพรหม แต่พระพรหมช่วยอะไรไม่ได้ จึงพากันไปเฝ้าพระศิวะ พระศิวะก็ช่วยไม่ได้ จึงพากันไปเฝ้าพระมหาวิษณุ จากนั้น พระตรีมูรติ (พระพรหม พระศิวะ และพระวิษณุ) จึงพากันไปหานางอนุสูยา เพื่อให้ นางขอร้องศีลวตีถอนคำอธิษฐาน นางก็ยอมตามที่ขอ และเทพตรีมูรติได้ให้คำมั่นสัญญาว่า อุครศรวัสจะไม่ตาย
เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นตามปกติ เทพตรีมูรติมีความยินดีจึงให้นางอนุสู ยาขอพร นางจึงขอพรให้เทพทั้งสามมาเกิดเป็นลูกของนาง เทพตรีมูรติจึงให้ พรตามที่ขอ พระวิษณุจึงเกิดจากนางเป็นพระทัตตาเตรยะ พระศิวะเป็น ทุรวาสัส และพระพรหมเป็นพระจันทร์ พระทัตตาเตรยะ บำเพ็ญตบะตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และได้เป็นฤาษีทัตตาเตรยะ
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: Kimnei on September 09, 2009, 05:15:36
ขอบคุณมากค่ะ
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ลองภูมิ on September 15, 2009, 23:55:13
ชักห่างไปนาน เดี๋ยวต้องหาเวลามาลงให้อ่านต่อซะแล้ว (https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.hindumeeting.com%2Fforum%2Frichedit%2Fsmileys%2FYahooIM%2F45.gif&hash=390cd64d23ab1350c34b28c7b1951a0bf1951858) 
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: อักษรชนนี on September 16, 2009, 01:36:43
มาปูเสื่อรออ่านต่อแล้วนะคร๊าบบบพี่ลองภูมิ

(อิอิอิ แอบกดดันให้นำมาลงต่อไวๆ (https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.hindumeeting.com%2Fforum%2Frichedit%2Fsmileys%2FYahooIM%2F19.gif&hash=06acf30279d98710577a13322d946b9956a17c12)  )
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: กาลิทัส on September 16, 2009, 07:48:10
(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.hindumeeting.com%2Fforum%2Frichedit%2Fsmileys%2Fhm%2Fb003.gif&hash=4562914c183beac5ee0b9f38f8d749a03c1a3896)   ผมก็รอว่าเมื่อไหร่พี่จะโผล่ซักที

มัวแต่เข้าป่าปฎิบัติกรรมฐานรึไงหว่า นึกว่าลืมน้องๆ ซะแล้ว

(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.hindumeeting.com%2Fforum%2Frichedit%2Fsmileys%2Fhm%2Fb016.gif&hash=6ee1bbc662f77a02d9b38d60ae50bd6661a375cb)  ลงให้เร็วด้วย อ่านแล้วเหมือนคนอารมณ์ค้าง หุๆๆ
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: Kimnei on September 22, 2009, 13:15:29
ฮ่าฮ่า เวลาตอบกระทู้มีตัวการ์ตูนแสดงอารมณ์ด้วยนี้ มันน่ารักจิงๆ
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: พิษประจิม on November 13, 2009, 10:22:59
พระทัตตาเตรยะ กับ ตรีมูรติ คนละเรื่องเดียวกัน

พระตรีมูรติ คือ สภาวะของพระผู้เป็นเจ้า3อย่าง ถ้าอธิบายให้เข้าใจ คือ เทพ3องค์ พระพรหม พระวิษณุ พระศิวะ และท่านไม่ได้รวมร่าง และพระทัตตาเตรยะท่านไม่ได้มีพระนามว่าตรีมูรติ
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: asathai on November 21, 2009, 14:57:56
ใช่องค์นี้หรื่อเปล่าครับ รบกวน สอบถามผู้รู้ด้วยครับ

(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.upchill.com%2Fdirect%2Fb0e0539c77b077979e63aa5decd5b63e.jpg&hash=dfc7f394f2adb8746020d39f637c965991f77df5) (http://www.upchill.com/image.php?id=b0e0539c77b077979e63aa5decd5b63e)

(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.upchill.com%2Fdirect%2Fb5d5aa37a6cb71ae3422cac3978baeb1.jpg&hash=56e037977f9a0dcb217062abb58469860e1dcd03) (http://www.upchill.com/image.php?id=b5d5aa37a6cb71ae3422cac3978baeb1)
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: พิษประจิม on November 24, 2009, 09:50:02
http://www.youtube.com/v/nhu_HvkxuJc&feature=related

http://www.youtube.com/v/iG-TIqO0NBY
http://www.youtube.com/v/1kCe_IGHh6c
http://www.youtube.com/v/EDReUtA-paQ
จากละครเรื่อง พระศิวะ
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: พิษประจิม on November 25, 2009, 06:54:57
ฤๅษีทุรวาส ปรากฎเรื่องตั้งแต่อวตารของพระวิษณุปางที่2คือ"กูรมาวตาร" พระอินทร์ถูกฤๅษีทุรวาสสาปให้ต่อไปเทวดารบแพ้อสูร เลยต้องทำพิธีกวนน้ำอมฤต 

แล้วเรื่องฤๅษีทุรวาสมียาวถึง"กฤษณาวตาร"
นางกุนตีดูแลฤๅษีทุรวาสอย่างดี ท่านเลยให้พรว่าถ้าอยากมีลูกกับเทพองค์ไหนสามารถเชิญมาได้......ฤๅษีตนนี้มีอายุยืน มาถึงปางที่6-7ก็ไม่แปลกอะไร

แต่คิดว่าฤๅษีทุรวาสที่เป็นฤๅษีปากจัด ไม่ได้เกิดจากนางอนะสูยาแน่ๆ เพราะเรื่องนางอนะสูยาปรากฎตั้งแต่พระปรศุราม(ปางที่6)และต่อมาถึงปางที่7

ฤๅษีสมัยก่อนชื่อเหมือนๆกันก็มี ฤๅษีเคาตมะ(โคตมะ) ฤๅษีนารท(ในชาดก) ฤๅษีภารทวาชะ  ฯลฯ

ฤๅษี"ทุรวาส"ที่เกิดจากนางอนะสูยา อาจไม่ใช่องค์ที่ปากจัดๆอย่างที่ปรากฎในตำนานกวนเกษียรสมุทร และเรื่องศกุนตลา.......รึเปล่า???
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: กาลิทัส on November 25, 2009, 10:24:34
ขอตอบท่านเจ้าของกระทู้ก่อนครับ ภาพที่นำมาให้ชม

เป็นภาพของพระตรีมูรติ ถูกต้องแล้วครับ ผมคิดว่าผู้สร้างคงนำแบบ หรือสร้างแบบจากองค์จริงที่เซ็นทรัลเวิลด์ครับ

ส่วนว่านางอนสูยา เป็นใคร คำตอบก็คือเป็นมารดาแห่งพระตรีมูรติครับแต่ว่า

เท่าที่ผมผูกเรื่องราว ถ้านางอนสูยา เป็นผู้ให้กำเนิดเทพทั้งสาม พระนามแห่ง 3 เทพที่กำเนิดจากนางอนสูยาคือ

วิษณุ นามว่า ทัตตะ
ศิวะ นามว่า ทุรวาสะ
พรหม นามว่า โสมะ

คราวนี้จะพูดถึงแต่เฉพาะนางอนสูยาก็คงไม่ได้ครับ เพราะถูกกล่าวถึงจริงๆ อย่างที่คุณ plawan22 กล่าวครับ คือเริ่มตั้งแต่ภาคปรศุราม (ปางที่ 6) ไปจนถึง รามาวตาร (ปางที่ 8) ครับ แต่ถ้านับกันถึงฤาษีอัตริแล้วฤาษีตนนี้เป็นหนึ่งใน สัปตฤษี ซึ่งถือกำเนิดจากพระพรหม เป็นฤาษียุคแรกๆ มีอยู่ทั้งหมด 7 ตนครับ และตามกำเนิด ฤาษีทุรวาสะ เป็นบุตรแห่งฤาษีอัตริ และฤาษีอัตริมีบุตรเพียงสามองค์ที่ถือกำเนิดจากนางอนสูยาครับ

ดังนั้นผมสรุปตรงนี้ครับว่า ทุรวาสะ หรือ ฤาษีทุรวาส เป็นบุตรที่เกิดจากฤาษีอัตริ และนางอนสูยาครับ

อ้างอิง :

http://en.wikipedia.org/wiki/Atri (http://en.wikipedia.org/wiki/Atri)


Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: กาลิทัส on November 25, 2009, 16:51:02
แต่ผมคิดว่าใช่นะครับ เพราะว่าฤาษีทุรวาสที่เกิดแต่นางอนสูยา ตามประวัตินั้น เป็นองค์เดียวกับองค์ที่สาปพระอินทร์ แล้วก็ไม่ยอมใคร คือองค์นี้แหละครับ แหะๆๆ

อ้างอิง :

http://images.google.co.th/imgres?imgurl=http://archives.chennaionline.com/columns/LifeHistory/images/Durvasa-01.jpg&imgrefurl=http://archives.chennaionline.com/columns/LifeHistory/history29.asp&usg=__Fy3y_Fg8UfokuVr9OM6FWFl8nL4=&h=200&w=150&sz=9&hl=th&start=4&um=1&tbnid=P6JzPCCatgTbAM:&tbnh=104&tbnw=78&prev=/images%3Fq%3DDurvasa%26hl%3Dth%26sa%3DN%26um%3D1 (http://images.google.co.th/imgres?imgurl=http://archives.chennaionline.com/columns/LifeHistory/images/Durvasa-01.jpg&imgrefurl=http://archives.chennaionline.com/columns/LifeHistory/history29.asp&usg=__Fy3y_Fg8UfokuVr9OM6FWFl8nL4=&h=200&w=150&sz=9&hl=th&start=4&um=1&tbnid=P6JzPCCatgTbAM:&tbnh=104&tbnw=78&prev=/images%3Fq%3DDurvasa%26hl%3Dth%26sa%3DN%26um%3D1)
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: พิษประจิม on November 25, 2009, 17:48:45
Quote from: กาลิทัส on November 25, 2009, 16:51:02
แต่ผมคิดว่าใช่นะครับ เพราะว่าฤาษีทุรวาสที่เกิดแต่นางอนสูยา ตามประวัตินั้น เป็นองค์เดียวกับองค์ที่สาปพระอินทร์ แล้วก็ไม่ยอมใคร คือองค์นี้แหละครับ แหะๆๆ

อ้างอิง :

http://images.google.co.th/imgres?imgurl=http://archives.chennaionline.com/columns/LifeHistory/images/Durvasa-01.jpg&imgrefurl=http://archives.chennaionline.com/columns/LifeHistory/history29.asp&usg=__Fy3y_Fg8UfokuVr9OM6FWFl8nL4=&h=200&w=150&sz=9&hl=th&start=4&um=1&tbnid=P6JzPCCatgTbAM:&tbnh=104&tbnw=78&prev=/images%3Fq%3DDurvasa%26hl%3Dth%26sa%3DN%26um%3D1 (http://images.google.co.th/imgres?imgurl=http://archives.chennaionline.com/columns/LifeHistory/images/Durvasa-01.jpg&imgrefurl=http://archives.chennaionline.com/columns/LifeHistory/history29.asp&usg=__Fy3y_Fg8UfokuVr9OM6FWFl8nL4=&h=200&w=150&sz=9&hl=th&start=4&um=1&tbnid=P6JzPCCatgTbAM:&tbnh=104&tbnw=78&prev=/images%3Fq%3DDurvasa%26hl%3Dth%26sa%3DN%26um%3D1)

......

ปางที่8คือกฤษณาวตารครับ(ในเรื่องมหาภารตะ มีอ้างถึงพระราม-นางสีดา) รามาวตารคือปางที่7 เพราะในรามายณะ พระรามเคยพบปรศุราม(ปรศุราม แกอยู่มาถึงปางที่8)

งั้นฤๅษีทุรวาสคืออวตารพระศิวะ ที่ในช่วงอวตารปางที่6หรือปางปรศุราม???
เพราะอรชุนองค์ที่ปรศุรามฆ่าตาย เรียนกับฤๅษี"ทัตตเตรยะ"
ในลิลิตนารายณ์สิบปาง ปางที่6บรรยายว่า
....แถลงเรื่องประวัติ แห่งกษัตริย์ทรงยศ ปรากฎนามอรชุน สุนทรราชฦๅชัย จอมไหหัยชนบท โอรสกฤตะวีรยะ พระจึงมีฉายา การตะวีรยะ คราเมื่อพระยังเยาว์ เอาใจใส่พากเพียร  เรียนศิลปวิทยา ณ อาศรมสำนัก ที่พักพระมุนี มีนามทัตตะไตรย ผู้บุตร์ไท้อัตรี...

แล้วฤๅษีอัตริและนางอนะสูยา ปรากฏในรามายณะ
ในลิลิตฯบรรยายว่า
....ชวนเทวีสีดา อีกอนุชาคู่ใจ ไปเสียจากกุฎี จรลีดั้นดง ตรงไปยังกุฏิ แห่งอัตริมหา พราหมณ์ประชาบดี ไหว้โยคีองค์ขลัง ทั้งอนะสูยา ผู้โสภามหิษี มุนีและชายา เปรมปรีดาไม่น้อย กล่าวถ้อยคำสั่งสอน อีกอวยพรศรีสวัสดิ์ สามกษัตริย์ลาจร เข้าดงดอนเดินไป.....

.......

ฤๅษีทุรวาสที่ด่าเก่งๆหรือขี้โมโห มีตั้งแต่ปางที่2 และปรากฎในเรื่องศกุนตลา และปรากฎในเรื่องมหาภารตะในช่วงอวตารปางที่7

แต่ฤๅษีอัตริกับนางอนะสูยา ปรากฎตั้งแต่เรื่องปรศุราม ท้าวอรชุนฝึกวิชากับฤๅษีทัตตะไตรย และพระรามพระลักษมณ์นางสีดาเคยพบฤๅษีอัตริและนางอนะสูยา

...

ถ้าฤๅษีทุรวาสที่เป๋นอวตารพระศิวะองค์เดียวกับที่แช่งพระอินทร์จริงๆ แสดงว่าเรื่องนางอนะสูยาให้กำเนิดบุตรชาย3คน1ในนั้นชื่อทุรวาส ต้องเป็นเหตุการณ์ก่อนอวตารปางที่8จะเกิดขึ้น
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: กาลิทัส on November 26, 2009, 08:55:20
คิดว่าเกิดก่อนครับ เพราะจริงๆ แล้ว ฤาษีทุรวาสนั้นเกิดก่อนการกวนเกษียรสมุทรเสียอีกครับ

ใน พรหมนันทะปุราณะ ก็ระบุเอาไว้ครับ ว่าก่อนที่นางอนสูยาจะให้กำเนิดบุตรทั้งสามนั้น พระศิวะทรงพิโรธพระพรหม(ตรงนี้ไม่ชัวร์ว่าพระอะไร) อยู่ครับ

จนกระทั่งพระแม่ปารวตีทรงเข้ามาอธิบายสิ่งต่างๆ ให้พระองค์ผ่อนลง และด้วยแรงแห่งความพิโรธนั้นเองครับ ที่ทำให้กำเนิดทุรวาสะ ครับ ดังนั้น ฤาษีทุรวาสที่เป็นอวตานหนึ่งของพระศิวะ จึงได้ชื่อว่า เป็นผู้มีไม่ทนทานต่อสิ่งใด และ โกรธง่ายครับ เนื่องจากเกิดจากแรงโทสะแห่งศิวะมหาเทพครับ และด้วยความโกรธ จึงชอบสาป ((แหะๆๆ))

ส่วนสกุลตรานั้น เรื่องราวนี้ถูกแต่งขึ้นโดยท่าน กาลิทาส ครับ ((จริงๆท่านชื่อเดียวกะ USermane ผมนี่แหละ ภาษาอังกฤษเขียนว่า kalitas ถ้าออกเสียงจริงๆ ก็คือ กาลิทาสะ แต่เอาแบบทันสมัย เลยกลายเป็น กาลิทัส อิๆๆ))

ลองอ่านดูในนี้นะครับ

http://en.wikipedia.org/wiki/Durvasa (http://en.wikipedia.org/wiki/Durvasa)

ค่อนข้างละเอียดครับ เกี่ยวกับกำเนิดของทุรวาส และอื่นๆ ครับ รวมไปถึงเรื่องนางสกุนตลาด้วยครับ

จริงๆ แล้วปุราณะต่างๆ มันเชื่อมกันไปหมด จับแยกเป็นปุราณะไม่ได้ครับ ไม่ง้านมันปะติดปะต่อยากมากมาย

เกี่ยวกับช่วงเวลาที่ซ้ำซ้อน

แค่เรื่องทุรวาสเรื่องเดียวรู้สึกจะมีสี่หรือห้าปุราณะครับที่ต้องเอามาเชื่อมกัน ลองอ่านปัทมาปุราณะ แล้วมาอ่านวิษณุปุราณะ ยังมึนๆ เหมือนกันครับ
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: พิษประจิม on November 26, 2009, 11:05:33
ผมมะได้ลบหลู่นะครับ

แต่ผมเคยศึกษาข้อมูลเทพหรือฤๅษีต่างๆในปุราณะต่างๆ แล้วลองเทียบเหตุการณ์ เทียบกาลเวลา ผมจับต้นชนปลายไม่ถูกจริงๆ

แต่ผมงงที่ว่า เรื่องนางอนะสูยากับบุตร3คน เป็นเหตุการณ์ช่วงไหน อวตารพระวิษณุปางที่เท่าไร????
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: กาลิทัส on November 26, 2009, 13:06:14
เอาอย่างงี้ครับ

จริงๆ เลยชื่อของพระอนสูยา นี่ถ้าเอาตามปุราณะจริงๆ จะเห็นว่าจะปรากฎนามนี้ครั้งแรกตั้งแต่พระวิษณุในภาคของ "กูรมาวตาร" คือภาคที่พระองค์อวตานมาเป็นเต่าครับ ระบุเพียงแค่ว่าเป็นคู่ครองของอัตริฤาษี เพียงแต่ว่าปุราณะไม่ได้เอ่ยครับว่า ว่าตรีมูรตินั้นเกิดขึ้นมาช่วงไหนครับ แต่ถ้าเอากันจริงๆ ฤาษีทุรวาสต้องเกิดก่อนการกวนเกษียรสมุทรครับ
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: หริทาส on December 11, 2009, 20:49:28
อันนี้ผมเสริมในมิติทางประวัติศาสตร์ อีกอย่างแล้วกันนะครับ

คือเรื่องพระทัตตะ หรือพระทัตตาเตรยะ นั้น ที่จริงแล้วนักวิชาการสันนิษฐานว่า
เป็นคติที่มีเฉพาะถิ่นเท่านั้นนะครับ โดยแตกแขนงอ้างมาจากปุราณะบางเล่ม แล้วมาขยายความต่อ หรือในทางกลับกัน คือเอาตำนานท้องถิ่นเข้าไปผนวกกับปุราณะ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติในอินเดียครับ

ซึ่งมีการสันนิษฐานกันว่า พระทัตตาเตรยะ เป็นบุคคลที่อาจมีอยู่จริง และเป็นนักบวชสำคัญในนิกาย อไทฺวตเวทาตะของท่านศังกราจารย์
ที่มาเผยแพร่ลัทธินี้ในแคว้นมหาราษฏร์ ซึ้งสันนิษฐานว่า ท่านอาจเป็นนักบวชนามว่า ท่านสวามี นรสิงห สรัสวตี เชื่อกันว่าท่านเป็นผู้รจนาคัมภีร์
"อวธูตคีตา " เป็นคัมภีร์ปรัชญาลึกซึ่ง แสดงทัศนะแบบอไทฺวตเวทานตะอย่างชัดเจน

เรื่องราวของพระทัตตะ หรือท่านสวามี นรสิงห สรัสวตี ปรากฏในคัมภีร์พื้นบ้านชื่อ คุรุจริต แปลว่า เรื่องราวของคุรุหรือหมายถึงท่านคุรุทัตตาเตรยะครับ
ในเวลาต่อมาได้มีการสืบลำดับวงศ์ทางศาสนาที่เรียกว่า คุรุปรัมปรา และมีการตั้ง ปีฐ หรือตำแหน่ง หรือสำนักทางศาสนาขึ้น เรียกว่า ทัตตะปีฐ สืบต่อๆกันลงมา ศิษยานุศิษย์รุ่นหลังได้ถือว่าท่านเป็นพระเป็นเจ้าทั้งสามพระองค์อวตารสอนสั่งลัทธิอไทฺวตะให้เข้มแข็งขึ้นอีก
ดังนั้นคนในแคว้นมหาราษฏร์ จึงถือว่าท่านทัตตะ ดำรงอยู่ในสองสถานะ คือ พระตรีมูรติที่อวตารมาในรูปเดียวกัน และเป็น คุรุที่สำคัญครับ

แต่คตินี้ยังไม่เป็นที่แพร่หลายเท่าไหร่ในอินเดียและนอกอินเดีย

จึงมีความพยายามที่จะโปรโมทท่านคุรุทัตตะ ผ่านสื่อต่างๆ เช่นภาพยนตร์ ดังที่เข้ามาฉายในเมืองไทย มีการอ้างอิงถึงปุราณะต่างๆ และการสร้างวัดใหม่ๆของท่าน ผมยังเคยเห็นโบสถ์ท่านที่ใหม่ๆจำนวนมากมายในแคว้นมหาราษฏร์ครับ

ต้องไม่ลืมนะครับว่า ปุราณะในอินเดีย ไม่ได้เขียนจบในวันเดียว ต่างเขียนกันมาเรื่อยๆ เติมสีใส่เนยกันไป ขัดกันเองบ้าง ทำเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่างบ้าง กรณีเรื่องของพระทัตตะ เป็นตัวอย่างที่ดีของการแสดงให้เห็นว่า มีการต่อเติมเสริมความปุราณะให้เข้ากับเรื่องราวของชาวบ้าน หรือเอาส่วนเ็ล็กๆในปุราณะมาช่วยให้นิทานชาวบ้านน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น

ตรีมูรติตามทฤษฎีของศาสนาฮินดู คือ พระเป็นเจ้าหนึ่งเดียว(อีศวร หรือ สคุณพรหมัน) ปรากฏออกมาทำหน้าที่ในสามลักษณะ คือ สฤษฏิ์ ธำรง และประลัย ได้แก่พระเป็นเจ้าทั้งสามองค์คือ พระพรหมา วิษณุ มเหศวรศิวะ นั่นเอง โดยไม่ต้องเอามารวมกันเป็นองค์เดียว
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ลองภูมิ on January 13, 2010, 13:05:59
[HIGHLIGHT=#f4f4f4]เล่าเรื่องพระทัตตะเตรยะต่อ ค้างตั้งแต่ปีที่แล้ว ต่อไปเป็นตอน  [/HIGHLIGHT]


[HIGHLIGHT=#f4f4f4]ตามพระมรกันเทยะปุราณะ[/HIGHLIGHT]



เรื่องมีอยู่ว่า ณ แคว้น ปรติสสถาน ยังมีพราหมณ์ผู้หนึ่งพระนามว่า พราหมณ์เกาศิก เขาเป็นโรคเรื้อนเกี่ยวเนื่องจากกรรมเก่าของเขา นางสุมติ ผู้เป็นสาวกพรหมจารินของเขา นางได้ปฏิบัติรับใช้สามีเหมือนดั่งเทพเจ้าตามขนบประเพณี นางรับใช้ต่อสามีทุกอย่าง เท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อทำให้สามีมีความสุขและพอใจ ด้วยการอาบน้ำชำระร่างกายสามีอย่างไม่รังเกียจต่อโรคเรื้อน ล้างเท้าสามี สวมใส่เสื้อผ้าและป้อนอาหารต่อสามี นางได้ทำความสะอาดบาดแผลและล้างร่างกายสามีทุกวันด้วยความเคารพสูงสุด นางได้บีบนวดแขนขาของสามีและพูดจาด้วยความเคารพและสงสาร นางได้สวดมนตร์เพื่อให้สามีของนางได้หายจากโรคร้ายนี้เสมอ

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่านางจะปรนนิบัติรับใช้ต่อสามีด้วยความเคารพบูชาอย่างยิ่งใหญ่ สามีของนางก็ยังโกรธ และใช้ถ้อยคำอันหยาบคายด่าว่าภรรยาเสมอและเป็นประจำ แต่กระนั้น นางผู้เป็นภรรยาซึ่งเคารพสามีดั่งเทพเจ้าและไม่เคยโต้ตอบหรือรังเกียจชังสามี ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม

ในราตรีหนึ่ง พราหมณ์สามีผู้ป่วยไข้ได้มีคำสั่งให้ภรรยาของเขานำตัวเขาไปยังครอบครัวของหญิงงามเมืองนางหนึ่ง เมื่อเห็นว่าสามีของนางเจ็บป่วย แต่ด้วยความรัก นางสุมติ นางผู้เกิดในตระกูลผู้ดีสูงส่ง ได้ร้องไห้อยู่สักครู่ใหญ่ ต่อมานางได้ตัดสินใจช่วยให้สามีของนางสมความมุ่งหมายและนำพราหมณ์เกาศิก แบกขึ้นหลังของนาง ออกเดินทางในราตรีที่มืดมิด ทั้งที่ฝนตกฟ้าผ่าอย่างหนัก แต่ก็ไม่ได้ทำให้นางย่อท้อแต่อย่างใด ขณะที่นางแบกพราหมณ์เกาศิกเดินผ่าน อาศมแห่ง ฤษี มันทวะ ขณะนั้นฤษีมันทวะกำลังทำสมาธิอย่างลึกซึ้ง ความมืดทำให้เท้าของสามีไปแตะถูกท่านฤษีโดยไม่รู้ตัว  แต่ใจนางขณะนั้นได้แต่คิดว่า เราคงถูกโจรป่าดักปล้นเป็นแน่แท้

ฝ่ายฤษีที่นั่งบำเพ็ญพรตก็เกิดความโกรธขึ้น ด้วยว่าถูกลบหลู่ ในขณะที่กำลังบำเพ็ญตบะ ก็ได้ร้องสาปแช่งออกไปว่า “ใครบังอาจใช้เท้าแตะข้า มันผู้นั้น ต้องตายในตอนรุ่งอรุณ”

เมื่อนางได้ยินคำสาปแช่งของท่านฤษี ก็ตกใจเป็นอย่างมาก ด้วยใจว่ารักและเคารพสามีดั่งเทพเจ้าตลอดชีวิตของนาง นางจึงได้ยกแขนขึ้นแล้วชี้ไปที่บนท้องฟ้า แล้วประกาศว่า “ถ้าการได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นจะทำให้สามีของข้าตาย ก็ขอให้พระอาทิตย์อย่าได้บังเกิดแสงพระอาทิตย์อีกต่อไปเลย “นางได้พูดครั้งแล้วครั้งเล่า “พระอาทิตย์จะไม่ขึ้นมาอีก”

ด้วยความรักและศรัทธาต่อสามีสูงสุดของนางสุมติ ร้อนไปถึงพระบิดาพระพรหม พระองค์จึงมีรับสั่งให้เหล่าเทวะทั้งหลายได้เข้ามาฟัง เพื่อรับสั่งว่า จงไปหานางอันสุยะ นางผู้เป็นภรรยาฤษีอัตริ พระมารดาแห่งทัตตะเตรยะ  นางผู้เปี่ยมไปด้วยความเมตตา นางจะเชื่อใจในนางภรรยาผู้ซื่อสัตย์แห่งพราหมณ์เกาศิก และนางจะช่วยให้โลกได้รับความผาสุกจากแสงอาทิตย์

ด้วยคำบัญชาของพระพรหม เหล่าเทวะทั้งหลายได้เดินทางมายังอาศมของนางอันสุยะ นางผู้เป็นพราหมณ์อันบริสุทธิ์ และได้แจ้งข่าวของการมา เมื่อนางได้ฟังแล้วพิจารณา นางได้กล่าวว่า “โอ่ เทวะทั้งหลาย นางผู้เป็นภรรยาผู้เทิดทูนสามีดั่งเทพเจ้าของตน นางทำไปด้วยเพราะรัก ข้าจะไปช่วยนางให้หลุดพ้นจากคำสาปนี้เอง”

นางพราหมณ์อันสุยะได้ออกเดินทางเพื่อไปหาพรมหมณ์เกาศิกและนางภรรยาผู้ซื่อสัตย์ของเขา

ครั้งมาถึง นางสุมติได้ต้อนรับนางพราหมณ์ด้วยความปิติยินดีในการเยือนของนางในครั้งนี้ และถวายผลไม้ ดอกไม้ต่อนางพราหมณี

นางพรมหมณีอันสุยะได้กล่าวขึ้นว่า “โอ่ นางผู้มีจิตใจดีงามซื่อสัตย์ คนทั้งหลายได้รับผลบุญจากการที่ได้ประกอบพิธีกรรมบวงสรวงต่างๆ การอุทิศให้ทาน การทำสมาธิกรรมฐาน ครั้งหนึ่งแห่งบุญทั้งหลายนี้ ได้ตกไปสู่ยังผู้หญิงซึ่งได้เชื่อฟังคำสั่งสอนของสามีของพวกนาง ไม่มีสิ่งใดที่แตกต่างจากการรักษาซึ่งวินัย หรือพิธีกรรมบูชาไฟ การอุทิศทานอาหารในงานพิธีศพต่อบรรพบุรุษ สำหรับผู้หญิงทั้งหลาย โอ่นางผู้มีจิตใจงดงาม ความซื่อสัตย์และการเชื่อฟังคำสั่งสามีของนาง นำมาซึ่งความยิ่งใหญ่แห่งพรของเทพเจ้า”

เมื่อนางพราหมณีพูดจบ นางผู้เป็นภรรยาของพราหมณ์เกาศิกได้ตอบว่า

“ข้าแต่พระมารดาอันสุยะ พระองค์ได้เพิ่มพูนความสัตย์ซื่อและความบริสุทธิ์ของข้าพเจ้าให้มากขึ้น พระนางนำพรอันยิ่งใหญ่มาสู่ยังข้าพเจ้าและสามี โดยการแสดงธรรมศาสนาของพระองค์ ขอให้โปรดช่วยเหลือข้า ว่าข้าจะทำอย่างไรต่อไปดี”

นางอันสุยะได้กล่าวว่า “โอ่ นางผู้มีชื่อเสียง พระพรหม และเทวะทั้งหลาย กำลังวิตกกังวลด้วยการขาดพระอาทิตย์และแสงสว่างของพระองค์เอง เทวะทั้งหลาย ต้องการให้มีการเป็นไปอย่างเดิม แห่งกลางวันและกลางคืน พิธีกรรมบูชาและการกระทำที่ดี จะต้องดำเนินต่อไปดังเดิม เทวะทั้งหลายขอร้องต่อนางเพื่อให้เป็นไปตามธรรมชาติแห่งกลางวันและกลางคืนดั่งที่เคยเป็นก่อนที่นางจะได้กล่าวคำทั้งหลายออกมา”

“โอ่ นางพราหมณี ตามคำที่ท่านได้กล่าว พระอาทิตย์ไม่สามารถทำหน้าที่ได้ ด้วยเหตุนี้ การขาดกลางวัน จึงไม่มีการประกอบพิธีบวงสรวงทางศาสนาทั้งหมดขึ้น ดังนั้น บรรดาบรรพบุรุษและพวกเทวะทั้งหลายจะไม่ได้รับความเจริญรุ่งเรื่องสิ่งใดเลย เพราะว่าปวงชนทั้งหลายไม่ได้ประกอบพิธีสวดมนต์และประกอบพิธีทานของพวกเขาต่อเทพเจ้า เว้นแต่การกระทำในระหว่างเทวะและมนุษย์ชาติจะจัดตั้งใหม่ โลกจะสูญสิ้นอันเกิดจากสาเหตุความแห้งแล้ง ดังนั้น นางผู้ยิ่งใหญ่ ขอนางได้ช่วยเหลือโลกนี้ ขออนุญาตให้โลกนี้ได้รับแสงสว่างดั่งเดิมด้วยเถิด”

นางภรรยาพราหมณ์เกาศิกได้ตอบว่า “แล้วสามีของข้าพเจ้าเล่าจะเป็นอย่างไร คำสาปของท่านฤษี มันทวะยะจะฆ่าเขาในทันที ที่พระอาทิตย์ขึ้น”

นางพราหมณีอันสุยะได้กล่าวว่า”อย่าปล่อยให้ดวงจิตต้องหม่นหมองเป็นทุกข์เลย โอ่นางผู้เจริญแล้ว ข้าจะมอบผลบุญและสวดมนต์ต่างๆเพื่อนำชีวิตของนางให้กลับมา ข้าให้คำสาบานในนามของเทพเจ้า ขอได้โปรดคืนพระอาทิตย์กลับมาด้วย”

“ตัตตะสุต TATASTU “ขอให้เป็นตามที่ขอมา” นางภริยาพรมหณ์เกาศิกให้พร

นางทั้งสองได้เรียกพระอาทิตย์ ด้วยการสวดมนต์ เพื่อให้รับหน้าที่เป็นผู้นำแห่งสุริยคติ เมื่อพระอาทิตย์ได้เริ่มจับขอบฟ้าขึ้นช้าๆทางเขาพระสุเมรุ พราหมณ์เกาศิกได้ขาดใจลง นางสุมติผู้เป็นภรรยาได้ร้องไห้อย่างหนัก

นางพราหมณีอันสุยะได้ปลอบโยนนางสุมติว่า นางได้เก็บรักษาดวงวิญญาณของสามีแล้ว แล้วนางพราหมณีอันสุยะก็เริ่มประกอบพีธีกรรมทันที นางพรหมณีอันสุยะได้สวดมนต์ของนางและพรมน้ำมนต์ทางศาสนาลงที่ใบหน้าของพรหมณ์เกาศิก โดยพูดว่า ขอให้พรหมณ์ผู้นี้เป็นอิสระจากความเจ็บป่วยด้วยเถิด

ด้วยอำนาจของนางพรหมณีอันสุยะ พรหมณ์เกาศิกได้ฟื้นคืนร่างขึ้นมาใหม่ เขามีความสงบเสงี่ยม ใบหน้าเปลี่ยนเป็นคนหนุ่ม โรคร้ายที่เป็นอยู่ก็หายไปหมดสิ้น ความสุขของนางผู้เป็นภรรยาของพรหมณ์เกาศิกได้กลับคืนมาอีกครั้ง

ในเวลาต่อมา พระพรหม พระวิษณุเทพ พระศิวะเทพ และเหล่าเทวะทั้งหลายได้เสด็จลงมาสู่นางพรหมณีอันสุยะ และมีรับสั่งว่า

“โอ่ นางผู้มีจิตใจเมตตา นางได้นำเอาดวงวิญญาณของพรหมณ์เกาศิก ให้กลับฟื้นคืนมีชีวิตและทำให้นางผู้เป็นภรรยาของเขามีความสุขได้อยู่ร่วมกับสามีดั่งเดิม นางทำให้ระบบสุริยะจักรวาลกลับสู่ปกติให้ชีวิตต่อมนุษย์โลก นางได้รักษาซึ่งอาณาจักรโบราณทั้งหมดเอาไว้ ดั้งนั้นด้วยผลบุญนี้ขอให้นางปรารถนาอยากจะได้อะไร พวกเราจะประทานพรให้นั้นให้ต่อนางอันสุยะ”

นางพรหมณีอันสุยะได้กราบทูลขอว่า “ข้าแต่เทวะทั้ง3 โลก พระพรหม พระวิษณุ พระศิวะ ถ้าพระองค์ทรงโปรดด้วยหม่อมฉัน ที่จะทรงประทานพรอันยิ่งใหญ่ให้แล้ว ก็ขอให้พระพรหม พระวิษณุ พระศิวะ เทวะทั้ง 3 พระองค์จึงถือกำเนิดมาเป็นพระโอรสของหม่อมฉันและสามีอัตริ ได้รับการเคารพบูชาอย่างสูงสุด โดยการที่ได้รับใช้ปรณนิบัติพระองค์ทั้ง 3 ที่ทรงถือกำเนิดเป็นพระราชโอรสของเราทั้งสองด้วยเถิด”

เทพเจ้าทั้ง 3 พระองค์ ทรงได้รับคำขอนี้และทรงให้พรแก่นางโดยตรัสขึ้นว่า “ ตัตสตุ ขอให้พรนี้แก่นาง

จงเป็นตามนั้นเถิด”    ....................


จบอีกตอนหนึ่งแล้ว  ต่อไปจะไปยังเรื่องราวของภาคอวตวร แห่งพระสัทคุรุ ทัตตะเตรยะ ซึ่งมีทั้งหมด 16 ภาคอวตาร  .....
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: อักษรชนนี on January 13, 2010, 13:19:37
ขอบคุณที่นำเรื่องมาลงต่อนะคร๊าบบบ  รอมานานแล้วเหมือนกัน อิอิอิ
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ลองภูมิ on January 13, 2010, 18:27:39
ภาคอวตาร แห่งพระสัทคุรุ ทัตตะเตรยะ

INCARNATION OF SADGURU DATTATREYA

จากความสัตย์จริงที่ไม่มีวันรู้จบหรือเทวะ ,พลังอำนาจเสียงแห่งพระองค์ “โอม” และแสงสว่างแห่งความรู้ความฉลาดที่ปรากฏขึ้น อำนาจแห่งการสร้างแห่งพระองค์ ที่เรียกว่า พระมายา ( MAYA) สร้างการไร้รูปร่าง ไร้พระนาม เพื่อการให้กำเนิดพระนามและรูปร่างที่จะเห็นและเข้าใจได้ ดังนั้น อันความสัตย์ที่ทรงแบ่งภาคมาเป็นพระพรหม       (พระผู้สร้าง) พระวิษณุเทพ (พระผู้อนุรักษ์) และพระศิวะ (พระผู้ทำลายล้าง) คำว่า “โอม” “”หมายถึง พระวิษณุ   ,  “” หมายถึงพระพรหม  , “” คือพระศิวะเทพ อันความสัตย์ที่ไร้รูปร่างได้แปลงภาคเป็นเทวะทั้งสามพระองค์ สามหัวข้อแห่งพระพลังการสร้าง อันมี 3 ลักษณ์ ห้อมล้อมทั้ง 3 พระองค์  3 พระลักษณะ  มีชื่อเรียกกันว่า
1.    พระสัตตะวะ (SATTVA ) เที่ยงตรง ,พระวิษณุเทพ
2.    พระราชัส  (RAJAS) ความโลภ โกรธ หลง ,พระพรหม
3.    พระตัมส์ (TAMAS) การอยู่ นิ่งเฉย , พระศิวะ
สาระที่สำคัญก็คือ เทพเจ้าที่ทรงเป็นพระองค์เดียว ทรงมีซึ่งความสัตย์ ทรงเป็นธรรมชาติแห่งความมั่นคงที่แท้จริง , ความรู้ความฉลาด , ความเมตตา ที่แท้จริงด้วยพระนามและรูปร่าง ความสัตย์ที่ทรงได้ปรากฏใน 3 รูปลักษณะ

ภาคอวตารครั้งแรกของพระองค์ก็คือ พระโยคีราช (YOGIRRAJA)

เพื่อการสร้างโลกให้ดำเนินและปรากฏอยู่นานเท่านาน พระพรหมทรงสร้างพระโอรสขึ้นมา 7 พระองค์จากดวงจิตของพระองค์ (MANASA-PUTRAS) ในระหว่างพระราชโอรสทั้งหมด ท่านฤษีอัตริ (ATRI) ซึ่งพระองค์ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่สอง ท่านฤษีได้สมรสกับนาง อันสุยะ (ANSUYA) ซึ่งเป็นพระราชธิดาของพระฤษีกรรทัม (KARDAMA) เพื่อที่จะทรงให้กำเนิดพระราชบุตรแห่งสวรรค์ขึ้นมา  ,   ท่านฤษีอัตริ พร้อมด้วยภรรยาจึงได้ประกอบพิธีบวงสรวงขึ้น ณ เทือกเขา ริกษะ (RISKSHA) ซึ่งอยู่ในภูเขาหิมาลัย ด้วยการกระทำสมาธิอย่างยาวนาน จนเป็นที่พอพระทัยของเทพเจ้า เทพเจ้าจึงทรง อวตารลงมาเป็นบุตรบุญธรรมของฤษีอัตริ ในพระนามว่า พระราชโยคี (กษัตริย์แห่งโยคี) ซึ่งนับได้ว่าทรงเป็นภาคอวตารครั้งแรกแห่งเทพเจ้าของทั้งสามพระองค์ โดยทรงมีรูปลักษณ์งามและบริสุทธิ์เหมือนดั่งผลึกแก้วใส   
(พยายามนึกภาพเอานะครับตามจินตนาการ) จบการอวตารครั้งแรก ต่อไปจะพบกับการอวตารครั้งที่ สอง

ภาคอวตารที่ 2 ของพระทัตตะเตรยะ ซึ่งรู้จักกันในนามพระนามว่า “พระอัตริ-วรัท”
เรื่องราวมีอยู่ว่า หลังจากพระฤษีอัตริได้ทำสมาธิอยู่นานหลายสิบปี ในภาคอวตารครั้งแรกของเทพเจ้าเป็นพระราชโยคี  ความร้อนที่เผาไหม้เกรียม ได้ปรากฏออกมาจากศรีษะของท่านฤษีอัตริ เนื่องจากพลังแห่งการประกอบสมาธิกรรมฐาน จึงทำให้เกิดควันร้อนแผ่กระจายไปทั่วโลกทั้งหลาย  ด้วยเหตุแห่งนี้ เหล่าเทวะแห่งสวรรค์ จึงได้ไปขอความช่วยเหลือจาก เทพเจ้าทั้ง 3 พระองค์ คือพระพรหม พระวิษณุเทพ พระศิวะเทพ
เมื่อเทพเจ้าทั้งสามจึงทรงเสด็จไปปรกฏตาหน้าท่านฤษีอัตริ และให้พรแก่ฤษี โดยทรงแสดงความรู้แห่ง 3 ใน 1 แห่งเทวะทั้งสามของศาสนา ฤษีอัตริได้กราบไหว้บูชาพระองค์ พระองค์จึงทรงสมมุติรูปร่างอันอัศจรรย์ บังเกิดรวมกันเป็นหนึ่งองค์ โดยมีรูปร่างเดียวกัน และมี 3 เศียร 6 กร พระกรของพระองค์ทรงถือลูกประคำ ที่พระหัตถ์ขวาล่าง ทางด้านพระหัตถ์ซ้ายล่าง ทรงถือหม้อน้ำ กมันทลุ (KAMANDARU) ส่วนพระหัตถ์กลางขวา ทรงถือ บัณเฑาะ (DAMARU) ทางด้านพระหัตถ์กลางซ้ายทรงถือ ตรีศูล ในพระหัตถ์ขวามือบนทรงถือ จักรสุทรศัน  (SUNDARSHANA CHAKRA) และทรงยังถือตะบอง หอยสังข์ (ปัญจชัญ PANCHASANYA) เพื่อทรงจะได้ปกป้องแด่เหล่าบริวาลผู้นับถือทั้งหลาย เพื่อไว้ทำลายล้างความชั่วร้ายและความโง่เขลาเบาปัญญา

ในการอวตารมาครั้งนี้  “อัตริ- วรัท”แห่งพระทัตตะเตรยะ ได้กล่าวถึงการมาและให้พรแก่ท่านฤษีอัตริให้พบความสุข  ท่านฤษีอัตริและภรรยา ได้กราบบูชาต่อพระทัตตะเตรยะ แล้วฤษีอัตริได้กล่าวเสมือนดังกับพระบุตรของท่านเอง

เทพอวตารทรงยินดีและทรงได้แปลงองค์อีกครั้ง เป็นพระกุมารน้อย ในลักษณะเปลือยกายแห่งความสัตย์    ( เรื่องนี้เกิดขึ้นในวันศุกร์ และวันนั้น ดวงดาว มฤคเศรษะ (MRIGASHEERSHA) ได้ขึ้นเป็นประธานอยู่บนท้องฟ้า ในวันนั้นเป็นวันข้างแรมแห่งเดือนการติก (KARTIKA) 

ยังไม่จบนะครับ ตอนต่อไปจะเป็นภาคที่ 3 แห่งองค์พระทัตตะเตรยะ
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ลองภูมิ on January 15, 2010, 16:23:55
พระทัตตะเตรยะ ( DATTATREYA)
ท่านอัตริ ได้ถวายการกราบไหว้บูชาต่อ พระอัตริ-วรัท เพื่อให้พระองค์ทรงโปรด พร้อมด้วยภรรยาของท่าน เพื่อที่จะได้รับพระโอรสที่มีรูปร่างสง่างามเหมือนกับพระองค์ พระอัตริ-วรัท ทรงให้คำมั่นสัญญาต่อท่านฤษีอัตริว่า จะไม่มีผู้ใดเหมือนพระองค์ได้อีกต่อไปแล้ว พระองค์ทรงอวตารลงมาด้วยพระองค์เองมาเป็นพระราชโอราชของพวกเขา เมื่อทรงมีรับสั่งดังนี้ พระองค์ทรงแสดงปาฏิหาริย์ โดยแปลงองค์เป็นทารกน้อยในร่างเปลือยเปล่า ( พระทิคัมพร ) พระกุมารทรงมีแสงสุกสว่างเป็นรัศมีดั่งแสงไพริน ทรงมีพระพักตร์กลมโตดั่งพระจันทร์ เต็มดวง มี 4 พระกร ภาคอวตารนี้ทรงแปลงเป็นพระทัตตะเตรยะที่แท้จริง นับว่าเป็นภาคอวตารที่ 3 แห่งเทวะทั้ง 3 พระองค์ เรื่องนี้กำเนิดเกิดขึ้นในข้างแรม เมื่อดวงดาวพระเคราะห์มฤคเศรษะมีอำนาจสุกสว่างตรงกับวันศุกร์ ในช่วงเวลาพระอาทิตย์ขึ้น และยังเป็นการเกี่ยวโยงไปตามคำขอของท่านฤษีทุรวาส ( DURVAASA) ซึ่งขอให้เทพเจ้าทั้ง 3 พระองค์อวตารมาในรูปร่างเดียวกัน  ซึ่งกาลหนึ่ง พระรุทร (RUDRA) เป็นส่วนหนึ่งแห่งพระศิวะ , พระจันทร์ ( CHANDRA) ภาคหนึ่งแห่งพระพรหม และพระทันตะ(DATTA) ภาคหนึ่งแห่งพระวิษณุเทพ
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ลองภูมิ on January 15, 2010, 16:26:40
กาลาคนิศมัน (KAALAAGNI SHAMANA)
ภาคอวตารที่ 4 แห่งพระทัตตะเตรยะ ก็คือ พระ “กาลาคนิ ศมัน” เทพเจ้าทรงได้อวตารอีกครั้งในระหว่างเดือน มารกศีรษะ (MARGASHEERSHA) เดือน ธันวาคม ในวันเพ็ญ ตรงกับวันพุธ เมื่อดาวพระเคราะห์ โรหินี (ROHINI) สุกสว่างแจ่มใส เมื่อท่านฤษีอัตริแลเห็นปรากฏการณ์แห่งรัศมีความสัตย์ ที่กำเนิดพระทัตตะเตรยะ ท่านฤษีอัตริมีความต้องการที่จะได้รับพระองค์ไว้เป็นพระราชโอรสของท่าน ด้วยเหตุนี้ ท่านฤษีอัตริจึงได้เริ่มประกอบสมาธิสำรวมขึ้น ด้วยการก่อกองเพลิงเพื่อบูชา   กองเพลิงแห่งโยคะได้พุ่งพวยออกมาจากมวยผมของศีรษะของท่านฤษีอัตริ และทำให้เกิดไฟเผาไหม้ไปทั่วโลก เมื่อเกิดเหตุเช่นนี้ พระทัตตะเตรยะจึงได้อวตารลงมาเป็น พระกาลานิศมัน (พระผู้ทำลายเปลวไฟให้เยือกเย็น)
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ลองภูมิ on January 15, 2010, 18:58:42
โยคี-ญาณ วัลลัภ (YOGI-JANA-VALLABHA)
อวตารภาคที่ 5 เพื่อให้เกิดความสงบสุขร่มเย็นต่อเปลวไฟแห่งโยคะแห่งโยคะกรรมฐานไม่ใช่ของท่านฤษีอัตริเพียงผู้เดียว แต่รวมถึงเหล่าฤษี นักพรต ดาบสทั้งหลายผู้เกี่ยวข้องที่ผูกพันต่อพระองค์ และต่อโลกทั้งหลายด้วยการทำสมาธิกรรมฐานสวดมนต์ถวายพระองค์ ด้วยว่าพระองค์นั้นทรงโปรดด้วยการสวดมนต์บูชาของพวกเขาทั้งหลาย เทพเจ้าได้ทรงปรากฏองค์เป็นโยคีหนุ่มรูปงาม มีพระนามว่า พระ”โยคี-ญาณ-วัลลัภ” และทรงได้ประทานความผาสุกที่ยิ่งใหญ่ต่อฤษีและเหล่าเทพทั้งหลาย
พระองค์ทรงเสด็จมาในลักษณะท่าทางที่แตกต่างกัน พระองค์จะทรงอยู่กลางเบื้องลึกแห่งกรรมฐาน ในขณะเดียวกันพระองค์จะทรงให้คำแนะนำพวกสาวกและบริวารถึงพระวินัยคำสั่งสอนที่จะได้เข้าถึงความสำเร็จความสำนึกแห่งตนเองที่แท้จริง ในช่วงเวลาอื่น พระองค์จะเป็นผู้มอบคำดำรัสที่เกี่ยวกับหลักปรัชญาแห่งความสัตย์จริงที่สูงสุด พระองค์ทรงสั่งสอนเกี่ยวกับระยะเวลาแห่งโลกนี้ ซึ่งเปรียบเหมือนป่าทึบอันกว้างใหญ่ อันความรู้สึกอลหม่านของพวกเขานั้น เหมือนกับความสับสนแห่งถนนอันคับแคบของป่านั่นเอง คนเห็นแก่ตัวจะต้องผูกมัดติดอยู่กับสิ่งของ เปรียบได้เหมือนราชสีห์ซึ่งจำเป็นต้องรักษาชีวิตให้รอดในป่าใหญ่  ความโกรธเหมือนดั่งอสรพิษและความหลงใหลเหมือนการติดหล่ม ซึ่งผู้คนผู้เห็นแก่ตนตกอยู่ การที่จะให้หลุดพ้นจากป่าทึบนี้ เขาจะต้องรู้จักการกราบไหว้บูชาเทพเจ้าอย่างแท้จริงโดยมีคุรุและพระธรรมเป็นผู้ให้คำสอน
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: เทวาเหนือเกล้า on January 16, 2010, 10:11:34
สาธุค่ะ พี่ตี๋ หลังจากรอมา สามปี สี่ชาติ หายอารมณ์ค้างนิดนึง มาต่ออีกนะคะ  จะรออ่านอีกค่ะ
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: จิ้งจอกพันหน้า on February 23, 2010, 12:51:21
Quote from: แต่ก็มิได้นำพา on November 26, 2009, 11:05:33
ผมมะได้ลบหลู่นะครับ

แต่ผมเคยศึกษาข้อมูลเทพหรือฤๅษีต่างๆในปุราณะต่างๆ แล้วลองเทียบเหตุการณ์ เทียบกาลเวลา ผมจับต้นชนปลายไม่ถูกจริงๆ

แต่ผมงงที่ว่า เรื่องนางอนะสูยากับบุตร3คน เป็นเหตุการณ์ช่วงไหน อวตารพระวิษณุปางที่เท่าไร????

อื่ม เห็นด้วยคร้าฟ เห็นด้วย งง ไปหมด  สงสัยต้องให้ คนรู้มาช่วยตอบ 555+
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ลองภูมิ on April 01, 2010, 00:00:18
พระ ลีลา วิศวัมภร ( LEELA VISHVAMBHAARA)
ในระหว่างเดือน ปุษยะ ( PUSHAYA สิงหาคม ) ในช่วงวันเพ็ญ ศุทธะ ( SHUDDHA) ตรงกับวันพุธ ในตอนเช้าตรู่   พระทัตตะเตรยะ ทรงแบ่งภาคมาอีกพระองค์หนึ่ง ขึ้นอยู่กับรัศมีแห่งพระองค์ บรรดาสาวกบริบาลเป็นจำนวนมากพากันมาเข้าเฝ้าหมอบการบอยู่รอบพระองค์ พระทัตตะเตรยะในภาค อวธูต ( AVADHUTA ) ปรารถนาที่จะทรงอยู่เพียงลำพังเพียงพระองค์เดียวและอยู่ห่างไกลจากเหล่าสาวกทั้งหมด ดังนั้นเพื่อทดสอบถึงความเป็นจริงใจต่อการตั้งหมั่นเคารพบูชาของสาวก พระองค์ทรงได้กระโจนลงในทะเลสาบที่อยู่ข้างๆหายองค์จากไป ภายหลังพวกสาวกต่างเฝ้ารอคอยการเสด็จกลับมาแห่งเทพเจ้า สาวกบางคนต่างอดทนรอคอยไม่ไหวต้องหนีจากริมฝั่งทะเลสาบนี้กลับคืนสู่ยังชีวิตแห่งโลกตามเดิม แต่ก็มีบางคนที่ตั้งมั่นรอคอยการเสด็จกลับของเทพเจ้าด้วยความอดทนรอยคอยอยู่นานหลายปี เพื่อจะทอสอบพวกที่อยู่ต่อไปอีก พระทัตตะเตรยะ ทรงพยายามทำให้พวกเขาทั้งหลายนี้เกิดความสับสน โดยทรงใช้พระมายาของพระองค์ เนรมิตหญิงงามนางหนึ่งขึ้นมาในรูปร่างเปลือยล่อนจ้อน ขึ้นมาจากทะเลสาบ โดยพระองค์ได้เสด็จขึ้นมาพร้อมด้วยกัน ทรงดำเนินเคียงคู่กับหญิงงามนางนี้ พวกบริวาลสาวกต่างจ้องมองดูอย่างไม่กระพริบตา พระองค์ทรงนำนางมายังต้นไม้ใหญ่ และให้นางนั่งตักของพระองค์ สาวกที่แท้จริงไม่หลงในพระมายานี้  ไม่หลงต่อการกระทำครั้งนี้ ต่างเข้าใจดีถึงพระมายาของเทพเจ้าแห่งจักรวาล

มหามายา พระแม่แห่งจักรวาล ทรงแปลงร่างของหญิงสาวนางนี้ ความสัตย์และพลังอำนาจทั้งสองนี้คือสิ่งเปลือยเปล่า วิญญาณ จะได้รับซึ่งความว่างเปล่าเท่านั้นโดยได้รับผลแห่งตันหา ความหวาดกลัวและความโกรธ ภาคอวตารนี้เองของพระทัตตเตรยะ แสดงถึงความเป็นเทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่และพลังอำนาจของพระองค์ที่เรียกว่า พระลีลา ในภาคนี้จึงรู้จักกันคือ พระลีลา วิศวัมภร       ( LEELA ) เป็นภาคอวตารที่ 6 แห่งพระองค์
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ลองภูมิ on April 01, 2010, 00:06:09
สิทธะราช ( SIDDHARAJA )
พระนามแห่งภาคอวตารที่ ของพระทัตตะเตรยะ ที่รู้จักกันดีอีกพระนามคือ พระสิทธะราช ( กษัตริย์แห่งพวกสิทธะหรือที่แปลว่า สิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์ ) เรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลา มาฆมัส ศุทธะ ( MAAGHAMASH SUHDDHA ) วันเพ็ญเดือนกุมภาพันธ์ ตรงกับวันพฤหัสบดี ภาคอวตารนี้เป็นภาคที่น่าสนใจมาก เมื่อพระทัตตะเตรยะ ทรงแปลงภาคมาในรูปแห่งพวก สิทธะ ที่ยิ่งใหญ่ เพื่อทรงทดสอบพวกโยคีที่เทือกเขาหิมาลัย และเพื่อที่จะนำเหล่าฤษีทั้งหลายให้หวนกลับคืนสู่เส้นทางที่ถูกต้อง โดนทรงท่องเที่ยวอยู่ในเทือกเขาหิมาลัยนี้ พระองค์ทรงได้เข้ารวมพวกสิทธะ  ทรงประกอบพิธีกรรม-โยคะ ณ พัทรกศรัม ( BADARIKASHRAMA ) อันเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนา ในเทอกเขาหิมาลัย พระทัตตะ ทรงประทับนั่งอยู่ในระหว่างพวกสิทธะ และ ณ ที่นี้ทรงได้ตรัสสนทนากับพวกสิทธะมีใจความว่า



พวกสิทธะ ได้ทูลถามว่า  " พระองค์ทรงเป็นผู้ใด? "
พระทัตตะ ตรัสว่า    " ข้าก็เป็นตัวข้าเองที่หาผู้ใดเปรียบเทียบไม่ได้  "
สิทธะ               " แล้วพระอาศมของพระองค์คืออะไรอยู่ที่ไหนเล่า? "
พระทัตตะ          " ข้าไม่จำเป็นต้องมีอาศรม ข้าอยู่เพียงลำพังองค์เดียว "
สิทธะ               " งั้นก็ดี ลักษณะท่าทีและกิริยาของท่านคืออะไรกัน? "
พระทัตตะ          " ข้านั้นอยู่เหนือโยคะและกริยาทั้งหมด "
สิทธะ                " โอ่...  ดังนั้นแล้ว ใครกันเล่าที่ทรงเป็นพระอาจารย์ของท่าน? "
พระทัตตะ           " ข้านั้นเป็นบรมของครูทั้งหมด "
สิทธะ          " พระองค์ทรงยึดถือ มุทรา MUDRA ท่าแสดงแห่งโยคะ อะไรอยู่? "
พระทัตตะ        " นิรัญญัน มุทระ  ( NIRANJANA MUDRA ) ( ไม่แสดงคุณสมบัติ ) "
สิทธะ                " แล้วท่านทรงเห็นว่ามันเป็นอะไรกันเล่า ? "
พระทัตตะ            " ข้าเห็นตัวข้าเองอยู่ทุกหนแห่ง  "
สิทธะ             "  แล้วเป้าหมายของท่านนั้นคือสิ่งใดกันเล่า?  "
พระทัตตะ             " เป้าหมายของข้าก็คือการได้เห็นตัวเองที่ยิ่งใหญ่ นำทางโดยไม่มีการพึ่งพาสมาธิกรรมฐาน " (สิ่งนี้คือการนำทางที่แท้จริง)
สิทธะ             " วิถีทางของท่านนั้นเล่าคืออะไรกัน? "
พระทัตตะ         " วิถีทางของข้าก็คือ การไม่เปิดเผยตนต่อผู้อื่น "



เมื่อการโต้เถียงนี้เกิดขึ้น บรรดาเทวะแห่งสวรรค์ทั้งหลายที่ได้ท่องเที่ยวเหาะผ่านมาทางนี้ ได้หล่นลงสู่พื้นโลกต่อเบื้องพระบาทแห่งพระทัตตะเตรยะ โดยที่ไม่รู้ถึงอำนาจที่อยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่างของเทพเจ้า ที่ทำให้สิ่งมีชีวิตหลงเข้าใจผิด พวกโยคีทั้งหลายต่างพากันคิดว่า มันเกิดขึ้นเนื่องจากพลังอำนาจแห่งพวกตนนั้นเอง ด้วยเหตุนี้ พระทัตตะเตรยะ จึงทรงได้ท้าทายพวกฤษีทั้งหลายให้เข้ามาแข่งขัน โดยส่งสิ่งที่มีชีวิตแห่งสวรรค์มาเพื่อทำการทดสอบซึ่งพลังอำนาจของพวกเขา

และในที่สุดก็ไม่สามารถที่จะได้รับชัยชนะได้  พระทัตตะเตรยะจึงได้แสดงพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์ โดยการเอ่ยคำเพียง 2-3 คำเท่านั้น ......"ขอทรงพระเจริญ"..... เพียงเท่านี้ บรรดาสิ่งที่มีชีวิตทั้งหลายก็ฟื้นพลังและมีอำนาจและกลับไปอยู่สวรรค์ตามเดิม  เหล่าสิทธะทั้งหลายได้เห็นดังนั้น ก็ได้ก้มกราบพระบาทของพระองค์และทูลขอให้พระทัตตเตรยะ ทรงรับพวกตนไว้เป็นบริวาลสาวกของพระองค์  พระทัตตเตรยะจึงทรงรับพวกสิทธะเป็นบริวาลสาวกของพระองค์

Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ลองภูมิ on April 01, 2010, 00:22:52
ญาณสาคร ( JNANA – SAGARA )
ภาคอวตารที่ 8 ของพระทัตตะเตรยะ   พระญาณ-สาคร หรือพระมหาสมุทรแห่งความฉลาด ด้วยลักษณะนี้แห่งเทพเจ้า ทรงได้แสดงปาฏิหาริย์ ขึ้นในระหว่างข้างขึ้น 10 ค่ำ ในเดือนผาลคุณ ในช่วงเวลาที่ดวงดาวปุนระวะสุ (PUNARVASU) ในยามรุ่งอรุณ ด้วยรูปร่างที่ทรงแสดงให้ปรากฏในลักษณะที่แตกต่างกัน บุคคลธรรมดาจะไม่สามารถแปลความหมายที่แท้จริงแห่งอวตารนี้ได้ นี้ก็คือเหตุผลที่ว่าการที่พระองค์ทรงแสดงปาฏิหาริย์ต่อคนทั้งหลายในรูปร่างที่เข้าใจได้อย่างแท้จริง พระองค์ทรงปรากฏองค์ในรูปมหาสมุทรแห่งความฉลาดและทรงแสดงความรู้ที่แท้จริงของพระองค์เอง
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ลองภูมิ on April 01, 2010, 00:27:22
วิศวันภร อวะธุตะ ( VISHVAMBHARA AVADHUTA )

เรื่องนี้เกิดขึ้นในวันพฤหัสบดี เมื่อดาวจิตร ขึ้นในวันเพ็ญแห่งเดือน จิตร (CHAITRA) ในภาคอวตารที่ 9 คือพระ วิศวันภร อวะธุตะ ในภาคอวตารนี้ พระองค์ทรงแสดงความเร้นลับของรากแห่งคำว่า "ธรัม" (DRAAM) ต่อบริวาลสาวกของพระองค์ พวกสิทธะและทรงสั่งสอนพวกเขาทั้งหลายเกี่ยวกับสาระสำคัญอันเป็นรากฐานของพระองค์ ในการไร้รูปและไร้พระนาม พระองค์ทรงแสดงพระองค์เองเพื่อสั่งสอนความลับแห่งการทำสมาธิ และพระอำนาจฤทธิแห่งมนตร์ของพระองค์ โดยทรงให้คำย่อความเกี่ยวกับมนตร์ " โอม ทรัม, โอม คุรุ ทัตตายะ นะมะหะ ( OM DRAAM , OM GURU DATTAAYA NAMAHA ) ต่อเหล่าบริวาลทั้งหลาย แล้วพระองค์ทรงให้พรแห่งความสุขต่อบริวาลและทรงหายร่างไป
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: จิ้งจอกพันหน้า on April 01, 2010, 07:51:12
โอ...........  นี่ไง  มาแล้วคร้าฟ เรื่องที่รอคอย...ขอบพระคุณมากคร้าฟ

Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ลองภูมิ on April 03, 2010, 23:52:58
มายามุกตะ อะวะธุตะ ( MAYAMUKTA AVADHUTA)


ภาคอวตารที่ 10 เกิดขึ้นในระหว่างเดือน วิศาขา (VAISHAKAA) ในวันขึ้น 14 ค่ำ ตรงกับวันพุธ เมื่อดวงดาว สวาติ ขึ้น พระทัตตะเตรยะ ทรงแบ่งภาคเป็นนักพรต พิขาจาร(ขอทาน)  ทาถูองค์ด้วยขี้เถ้าจากเชิงตะกอน พระองค์ทรงเสด็จมาในรูปมนุษย์ธรรมดามี 2 พระกร ทรงถือตะบองในมือขวา และทรงถือหม้อขอทานในมือซ้าย โดยมีสุนัขสีดำตัวหนึ่งติดตามไปด้วย
                ทรงเสด็จไปยังอาศมของนักพรตท่านหนึ่งมีนามว่า พราหมณ์ ศีละ (SHEELA) และทรงนั่งประทับตรงหน้านักพรตโดยมีใบไม้เป็นจานภาชนะไว้ใส่อาหาร ในวันนั้น พราหมณ์ศีละ กำลังประกอบพิธีกรรมบูชาต่อบรรพบุรุษของเขา เขาได้เชื้อเชิญเหล่านักพรตที่มีตำแหน่งสูงๆมาเป็นจำนวนมากมาย และพร้อมที่จะให้การต้อนรับเลี้ยงอาหาร แต่ในงานนี้เหล่านักพรตทั้งหลายต้องตะลึงเมื่อเห็นว่าคนที่จะได้รับการต้อนรับนั้นเป็นขอทานตำต้อยมานั่งร่วมอาหารที่จัดไว้สำหรับนักพรตที่เชิญมา และได้มีการกล่าวว่าติเตียนว่า "ใครก็ตามผู้ไม่มีความรู้ดีในพระเวททั้งหลายแล้ว ไม่มีสิทธิที่จะเข้ามาวงนั่งอยู่ ณ ที่นี้ได้

          พระทัตตะเตรยะ(ในร่างขอทาน) ทรงหัวเราะและมีรับสั่งถาม สุนัขของพระองค์ ให้ท่องสวดพระเวททั้งหลายออกมา มันได้ปฏิบัติตามทุกประการ เหล่านักพรตต่างตกใจเป็นอย่างมาก และเข้าในทันทีว่าเป็นพระมายาของเทพเจ้า จึงต่างพากันก้มลงกราบพระบาทของพระองค์ เรื่องนี้เป็นการแสดงให้รู้ถึงพระมายาในลักษณะอวตารเป็น "พระมายามุกตะ อะวะธุตะ "
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ลองภูมิ on April 04, 2010, 00:01:03
พระมายายุกตะ อะวะธุตะ (MAYAYUKTA AVADHUTA)

ในวันข้างขึ้น 13 ค่ำแห่งเดือน ชเยศถะ (JYESHTHA) ภาคอวตารที่ 11 ของพระทัตตะเตรยะ ได้ถือกำเนิดขึ้น พระคุรุทรงได้เดินทางเข้าไปสู่ใจกลางป่าใหญ่ เหล่านักบวช ทุศีล และนักพรตที่มาพร้อมพระ
อาจารย์ของเตรยะ เขา ได้แสดงความเคารพต่อ พระทัตตะเตรยะ , ในครั้งนี้ทรงอวตารลงมาในรูปของงูเห่า และต่อมาทรงแปลงองค์เป็นเสือและสัตว์ร้ายในรูปแบบต่างๆเพื่อทดสอบความตั้งมั่นแน่วแน่ของเหล่านักพรต โดยเหล่านักพรตทั้งหลายต่างยืนอยู่อย่างสงบรับการทดสอบด้วยความเคารพ
              จนในที่สุด พระองค์ทรงทดสอบเป็นครั้งสุดท้าย โดยที่พระองค์ทรงได้แปลงเป็นชายหนุ่มรูปงามและทรงสร้างหญิงสาวสวยรูปหนึ่งอยู่ตรงหน้า และให้นางผู้นี้มานั่งบนตักของพระองค์ เพื่อเพิ่มความสับสนให้เกิดขึ้นแก่พวกนักพรตอีก ทั้งสององค์ได้เริ่มรับประทานอาหารและดื่มสุรา แสดงบทรักให้เหล่านักพรตได้เห็น ยิ่งเพิ่มความสับสนให้เกิดขึ้น นักพรตทั้งหลายส่วนใหญ่เดินหนีจากที่นั้น แต่มีอยู่ไม่กี่คนที่ยังคงเฝ้าเคารพด้วยความตั้งมั่นและด้วยเข้าใจใน พระโยคะมายานี้ของพระทัตตะเตรยะนั่นเอง
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ลองภูมิ on April 04, 2010, 00:02:01
อาทิ คุรุ ( AADIGURU)

ภาคอวตารที่ 12 คือ ภาคพระอาทิ- คุรุ การอวตารครั้งนี้เกิดในวันเพ็ญ เดือน อาศาทะ (AASHAADA) ในครั้งก่อน ได้เกิดสงคารมต่อสู้รบกันระหว่างเทพกับอสูร ซึ่งในครั้งนี้พวกเทพได้เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ดั้งนั้นพวกเทพโดยการนำของพระอินทร์ (อีกแล้วครับท่าน) ได้มาขอความช่วยเหลือต่อพระทัตตเตรยะ เป็นเหตุให้พระองค์จึงทรงแบ่งภาคมาในรูปแห่งพระ อาทิคุรุ   เป็นภาคแรกที่เริ่มในรูปแห่งการปกป้องคุ้มครอง พระองค์ทรงเป็นพระผู้นำพวกเทพและทรงให้พร เทพทั้งหลายให้ได้รับชัยชนะ
ในภาคอวตารนี้ พระอาทิคุรุ พระองค์ทรงได้สั่งสอน ปรัชญาที่สุงสุดต่อกษัตริย์อัลรกะ ~(ALARKA) ซึ่งเป็นพระผู้เป็นพระโอรสของพระนาง มทาลัส (MADAALASA) เกี่ยวกับแผนพิจารณาพระคัมภีร์ มรกันเทยะ ปุราณ (MARANDEYA PURANA)ในวันเพ็ญเดือนอาศาท (อยู่ในระหว่างเดือน กรกฎาคม- สิงหาคม) ซึ่งพระคัมภีร์นี้รู้จักกันดีในนามว่า พระคุรุปุราณะ ทั่วโลกทั้งหมด, บรรดาสานุศิษย์ได้เคารพบูชาต่อพระคุรุในวันนั้นและพระอาจารย์จะรับศิษย์ใหม่ในวันนี้เช่นกัน
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ลองภูมิ on April 04, 2010, 00:02:54
ศิวะรูป (SIVARUPA)

ภาคอวตารที่ 13 แห่งพระทัตตเตรยะ ก็คือพระศิวะรูป พระองค์ทรงแบ่งภาคที่ไม่มีวรรณะ ในรูปร่างที่ไม่สะสวยและทรงอวตารประทับอยู่ใต้ต้นไม้ที่มีผลเป็นเมล็ด ในวันจันทร์ ขึ้น 8 ค่ำ เดือน ศราวัน (SHRAAVANA) ในกาลครั้งนั้น มีพรมหมณ์ท่านหนึ่งมีนามว่า บิงคล (PINGALA) ได้ทูลถามพระองค์ว่า "พระองค์ทรงอยู่ในเพศพรตและอาศรมเช่นใด?" พระศิวะรูปทรงตรัสตอบว่า "ตามปกติทั่วไป อาศรมทั้งหลายมีอยู่ 4 ชนิด   

1. อยู่อย่างคนเดียว   
2. อยู่รวมเป็นครอบครัว
3. อยู่อย่างสันโดษและ
4.อยู่อย่างนักพรต .............แต่ว่าข้านั้นอยู่เหนือขึ้นไปอีกคืออยู่ในอาศรมที่ 5
"อาศรมที่ 5 คืออะไรกันเล่า?
"บุคคลผู้ที่ไม่ผูกติดกับเวลา ไม่ผูกติดกับผู้คนและไม่ติดพันธ์กับของทั้งหมดโดยปราศจากศัตรูแล้ว เขาผู้นั้นถือว่าอยู่ในจำพวกอาศรมที่ 5
เมื่อทรงตรัสเช่นนั้นแล้ว พระศิวะรูป ทัตตะเตรยะ ทรงประทานพรต่างๆต่อพราหมณ์บิงคล ด้วย
ทรงให้แสงสว่างและทรงหายร่างจากไป
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ลองภูมิ on April 04, 2010, 00:03:34
เทวะ เทวศวร (DEVA DEVESHVARA)

ภาคอวตารที่ 14 คือ พระเทวะ เทเวศวร เรื่องนี้เกิดขึ้นในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน ภาทรบัท(BHAADRAPADA) ในภาคอวตารนี้ พระพรหม พระผู้สร้าง ทรงเสด็จเข้าเฝ้าพระทัตตะเตรยะ และทูลถามพระองค์ขอทรงให้พรในการสร้างโลกทั้งหมดด้วยแสงสว่างแห่งเทพเจ้าจนกระทั้งดวงวิญญาณทั้งหลาย ไม่อาจได้รับความทุกข์จากการเวียนว่ายตายเกิด ภาคอวตารครั้งนี้ ทรงเสด็จมาเพื่อทรงสั่งสอนพระอาจารย์ทั้งหลายให้ได้รับซึ่งแสงสว่าง พระทัตตะเตรยะทรงให้สัญญาต่อพระพรหมว่า พระองค์ทรงจะให้แสงสว่างต่อดวงวิญญาณทั้งหลาย
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ลองภูมิ on April 04, 2010, 00:04:19
พระ อะวะธุตะ ทัตตะ ทิคัมพร (AVADHUTA DATTA DIGAMBARA)

ภาคอวตารที่ 15 เกิดขึ้นในวันเพ็ญ เดือน อัศวิช (ASHVIJA) ภาคอวตารนี้มีนามว่า พระอะวะธุตะ ทัตตะ ทิคัมพร เรื่องนี้เกิดขึ้นในระหว่างพิจารณาพระคัมภีร์ ภัควะตัม ( BHAGAVATAM ) ซึ่งเป็นการถกกันระหว่าง พระกฤษณะและพระอุทธวะ

พระกฤษณะทรงอธิบายว่า  กษัตริย์ ยะทู (YADU) ทรงได้พบกับพระอวะธุตะ ทัตตะทิคัมพร และพระองค์ทรงสั่งสอนกษัตริย์ยะทูอันเกี่ยวกับพระคุรุ 24 องค์พระองค์ อันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับภาคอวตารของพระทัตตะเตรยะ ที่ทรงเสด็จไปประทานพรยิ่งใหญ่แก่ นักบวช ประหลัท(PRAHALADA) เกี่ยวกับเนื่องกับความรู้แห่งความสัตย์
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ลองภูมิ on April 04, 2010, 00:05:14
พระ กมล โลจนะ (KAMALA LOCHANA)


ภาคอวตารที่ 16 (ภาคสุดท้ายแล้วครับ) ของพระทัตตเตรยะ เกิดขึ้นในวันขึ้น 12 ค่ำเมื่อดวงดาวพระเคราะห์ เรวะติ (REVATI) สุกสว่างในวันพุธตอนใกล้รุ้งเช้า เพราะสายรัศมีแห่งพระเนตร ดอกบัวของพระองค์ พระองค์จึงทรงได้รับสมญานามว่า พระกมลโลจนะ ภาคนี้เป็นภาคเต็มแห่งสวรรค์ อันเป็นที่รวมแห่งความผาสุก เต็มไปด้วยความสัตย์ ในภาคนี้พระองค์ทรงพรรณนาถึงความเร้นลับแห่งพระธรรมต่อสาวกทั้งหลาย ด้วยพระพลังอำนาจแห่งเทพเจ้าที่ให้การสนับสนุนส่งเสริมค้ำจุนต่อคนทั้งหลาย ต่อครอบครัว และต่อจักรวาลด้วยความรู้ทั้งหมดที่เรียกว่า พระธรรม การยึดมั่นในพระธรรมและสิ่งที่เหลืออยู่ทั้งหมด ซึ่งเป็นสิ่งดีงามจะบังเกิดต่อตัวท่าน นี้คือสาระสำคัญแห่งการสั่งสอน ในภาคอวตารที่ 16 นี้ของพระทัตตะเตรยะ
            พระทัตตะเตรยะ ทรงประกาศว่า   "ดังเช่นข้าได้มอบหมายให้ตัวข้าเองและได้กลายมาเป็นพระกุมารแห่งฤษี อัตริ กับนางอันสุยะ ในทำนองเดียวกัน ข้าได้ให้ตัวข้าต่อผู้เครารพบูชาทั้งหมดนี้ ผู้ใดมอบตัวเองในการบูชาต่อข้า ในคำอย่างอื่นๆต่อคนทั้งหลายนั้น ผู้ที่ได้กลายเป็นบุตรของข้า ข้าก็จะกลายเป็นบุตรของเขาเช่นกัน "

               เรื่องนี้ได้พิสูจน์ความเป็นจริงหลายประการ สำหรับผู้ที่เคารพบูชาที่จริงใจ พระทัตตะเตรยะจะทรงปรากฏองค์ให้ความช่วยเหลือ เพื่อให้พบกับความสุขสันติ ที่ควรจดจำเอาไว้มี 16 อวตาร และน้อมถวายความเคารพต่อพระองค์ในทุกๆวัน ด้วยมนตร์ 16 ข้อ ดังนี้


1.    โอมฺ ทรัม โยคิราชายะ นะมะหะ

2.    โอมฺ ทรัม อัตริวรทายะ นะมะหะ

3.    โอมฺ ทรัม ทตาเตรยายะ นะมะหะ

4.    โอมฺ ทรัม กาลาคนิศัมนายะ นะมะหะ

5.    โอมฺ ทรัม โยคิชัน วัลลภายะ นะมะหะ

6.    โอมฺ ทรัม ลีละ วิศวัมภรายะ นะมะหะ

7.    โอมฺ ทรัม สิทธะ-ระชายะ นะมะหะ


8.    โอมฺ ทรัม ญาณ-สาครายะ นะมะหะ

9.    โอมฺ ทรัม วิศวัมภร อะวะธุตายะ นะมะหะ

10.  โอมฺ ทรัม มายา-มุกตาวธุตายะ นะมะหะ

11.   โอมฺ ทรัม มายา-ยุกตาวธุตายะ นะมะหะ

12.   โอมฺ ทรัม อาทิครุเว นะมะหะ

13.   โอมฺ ทรัม ศิวะ-รูปายะ นะมะหะ

14.   โอมฺ ทรัม เทวะ เทเวศวรายะ นะมะหะ

15.   โอมฺ ทรัม ทิคัมภรา-อธุตายะ นะมะหะ

16.   โอมฺ ทรัม กมล โลกนายะ นะมะหะ

Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: จิ้งจอกพันหน้า on April 04, 2010, 13:59:18
ขอบพระคุณมากคร้าฟสำหรับ ข้อมูลความรุ้ แน่นตึ้ก เรย เดว ค่อยๆ อ่าน นะคร้าฟ
เป็นกำลังใจให้ตลอดทุกเช้าค่ำคร้าฟผ้ม ......
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: paranee on April 14, 2010, 15:07:23
ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: จิ้งจอกพันหน้า on April 22, 2010, 07:42:20
Quote from: ลองภูมิ on September 15, 2009, 23:55:13
ชักห่างไปนาน เดี๋ยวต้องหาเวลามาลงให้อ่านต่อซะแล้ว (https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.hindumeeting.com%2Fforum%2Frichedit%2Fsmileys%2FYahooIM%2F45.gif&hash=390cd64d23ab1350c34b28c7b1951a0bf1951858) 


พี่ครับผมมานั่งคอย นะครับผม ขอบคุณครับผม
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ศรีมหามารตี on April 22, 2010, 09:18:46
รอด้วยคนคะ  .. อิอิ

(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.upchill.com%2Fdirect%2F5cefa0b32a1768e612d9b84eaa9f20ae.jpg&hash=85c52cfd464f892ba61de6157f4d4f4acf5a5c5c) (http://www.upchill.com/image.php?id=5cefa0b32a1768e612d9b84eaa9f20ae)


(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.upchill.com%2Fdirect%2F8b4069a7c3597f338ca0a84130c707b4.jpg&hash=2d7f4c222ce29a5f5f740fcf2cd09fcacec66449) (http://www.upchill.com/image.php?id=8b4069a7c3597f338ca0a84130c707b4)


(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.upchill.com%2Fdirect%2Fba10498d862963f24b7af5f9d43a8d34.jpg&hash=124fb593e2f138c78053bbaca100f747dc1cb8de) (http://www.upchill.com/image.php?id=ba10498d862963f24b7af5f9d43a8d34)


(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.upchill.com%2Fdirect%2Ff454be8cfd3a18e24e357237796a9bfa.jpg&hash=c407799dce9af8319d64a28cb0b43d2e27d2f42d) (http://www.upchill.com/image.php?id=f454be8cfd3a18e24e357237796a9bfa)


(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2F%5Burl%3Dhttp%3A%2F%2Fwww.upchill.com%2Fdirect%2Ff454be8cfd3a18e24e357237796a9bfa.jpg&hash=4f8f9b950f5652bd4e3069d258186d537a22ac53) (http://www.upchill.com/image.php?id=f454be8cfd3a18e24e357237796a9bfa)http://www.upchill.com/direct/f454be8cfd3a18e24e357237796a9bfa.jpg[/img][/url[/URL]]

(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.upchill.com%2Fdirect%2F8d2105505e7f7798f922f3b4c4a4e984.jpg&hash=0a099a7aabda132d312b22c056529951551efce7) (http://www.upchill.com/image.php?id=8d2105505e7f7798f922f3b4c4a4e984)
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ศรีมหามารตี on April 22, 2010, 10:00:37
(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.upchill.com%2Fdirect%2Fdb6aa13339e267375e821abebffa4851.jpg&hash=99fa14906b3355e04b39d9db7b883a4f06a70f44) (http://www.upchill.com/image.php?id=db6aa13339e267375e821abebffa4851)


(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.upchill.com%2Fdirect%2F56960ca6bcb1bba89e892e10135be3ce.jpg&hash=095f9952a023127308d44f57438fcb55631c3e61) (http://www.upchill.com/image.php?id=56960ca6bcb1bba89e892e10135be3ce)

(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.upchill.com%2Fdirect%2Fba2619b22c740cb8c9b083a683e15ebb.jpg&hash=c84532df574a858737927cb2779e30a218af3140) (http://www.upchill.com/image.php?id=ba2619b22c740cb8c9b083a683e15ebb)

(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.upchill.com%2Fdirect%2F9ade69d8abefa74e98eff9f744e40f8b.jpg&hash=6c5d48096fa5b446faea4c6972293b299e2dbd71) (http://www.upchill.com/image.php?id=9ade69d8abefa74e98eff9f744e40f8b)

(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.upchill.com%2Fdirect%2F559ccea9a268de713f249d7d9ccf9a35.jpg&hash=579a3483d4679b047f6ccac2169851b905e2a525) (http://www.upchill.com/image.php?id=559ccea9a268de713f249d7d9ccf9a35)


(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.upchill.com%2Fdirect%2F5793db8bebf7cc867ee9d31ddd79c85e.jpg&hash=d24092c6455706c5bffec357afed9abf546a4043) (http://www.upchill.com/image.php?id=5793db8bebf7cc867ee9d31ddd79c85e)


(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.upchill.com%2Fdirect%2F30f2e8e608cebdbea236b202af05f9cd.jpg&hash=a4d176c85a0593185ca0ac77db7530b99689d0ab) (http://www.upchill.com/image.php?id=30f2e8e608cebdbea236b202af05f9cd)

(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.upchill.com%2Fdirect%2Fd000afd90e938f882c9866519fab8d5b.jpg&hash=2f0136d9a0b70dd9d4d4887ef5e19cff068abd8f) (http://www.upchill.com/image.php?id=d000afd90e938f882c9866519fab8d5b)


(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.upchill.com%2Fdirect%2F9be002a229a09209928cf195ad5b9519.jpg&hash=5b19719319d527b250409e6350b019dff3fa48eb) (http://www.upchill.com/image.php?id=9be002a229a09209928cf195ad5b9519)



Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ศรีมหามารตี on April 22, 2010, 12:55:10
อิชั้นขออนุญาติ  นำภาพองค์อวตารขององค์คุรุทัตเตรย่า 16 องค์มาเสริมให้พี่ตี๋ ลองภูมินะค่ะ  แต่รูปอาจไม่ค่อยชัด

ท่านอื่นจะได้ดูภาพประกอบไปด้วย  ไล่ตามลำดับเลยนะค่ะ


(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.nityavataradattakshetram.com%2Fimages%2F16-avataras01.jpg&hash=f58a47655f0cbfdcc99e0df9b663cc2a5398260a)

Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ศรีมหามารตี on April 22, 2010, 13:03:18
(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.nityavataradattakshetram.com%2Fimages%2F16-avataras02.jpg&hash=cc5a8b718ef06741105908d7405aefa225156738)   
















(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.nityavataradattakshetram.com%2Fimages%2F16-avataras03.jpg&hash=0e7a10423c5fa491c8c6240cbcddd6aacd650e18)   
















(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.nityavataradattakshetram.com%2Fimages%2F16-avataras04.jpg&hash=5dd128c8dd0b9f62e58e26137f9d4083978126a3)



















(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.nityavataradattakshetram.com%2Fimages%2F16-avataras05.jpg&hash=50d51c249f16aaf525f90a4cb5aa89e43d15bab5)

















(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.nityavataradattakshetram.com%2Fimages%2F16-avataras06.jpg&hash=0463822748748aeb5d73fc8287227830e9d0fa85)
















(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.nityavataradattakshetram.com%2Fimages%2F16-avataras07.jpg&hash=00a93bde479816f3b2dd79ceb4e6941f58b4128d)















(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.nityavataradattakshetram.com%2Fimages%2F16-avataras08.jpg&hash=4a7acc658159a9b251d79ed51e1cc68e7cf1ef5a)




















(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.nityavataradattakshetram.com%2Fimages%2F16-avataras09.jpg&hash=c51dce9b1dcaba95a666eed8b06445ae65c1569a)



















(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.nityavataradattakshetram.com%2Fimages%2F16-avataras10.jpg&hash=bf313284e3a6ff1ce4a888b1cc7654335ad0640f)




















(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.nityavataradattakshetram.com%2Fimages%2F16-avataras11.jpg&hash=47536f79c5977af1c45761b98a3271166657d4ae)
















(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.nityavataradattakshetram.com%2Fimages%2F16-avataras12.jpg&hash=67f489609f58897fd5239c5f883d59bd407d32f7)

















(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.nityavataradattakshetram.com%2Fimages%2F16-avataras13.jpg&hash=fc817e0544656da506798e6c8c3a2fb8d8037934)















(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.nityavataradattakshetram.com%2Fimages%2F16-avataras14.jpg&hash=d95ca8fcfdeaf55627b38e21be756ebd9cc036ab)
















(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.nityavataradattakshetram.com%2Fimages%2F16-avataras15.jpg&hash=ce6ec1fa5f73b5fbe12ced78f567eb711d5e3d99)



















(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.nityavataradattakshetram.com%2Fimages%2F16-avataras16.jpg&hash=f7b487d1e73b5b46081ceef4cf16a63c70718dd4)






















Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ฟ้าใส on June 14, 2010, 21:48:55
อ้าวว.....

ฟ้าเพิ่งจะไปขอท่านเรื่องความรักมา อย่างงี้ก็แห้วอ่ะดิ ....เห้อ มีใครช่วยให้คำแนะนำได้บ้างมั้ยคะ ว่ามีเทพองค์ใดที่พอจะให้พรในเรื่องของความรัก ความสมหวังได้บ้าง อ่านแล้วอย่าเพิ่งคิดว่ามันเรื่องไร้สาระนะคะ เพราะฟ้ามีความเชื่อว่าถ้าดวงชะตาเราดี อยู่ในศิลธรรม เราสามารถที่จะช่วยให้คนที่เป็นคู่เรานั้นดีขึ้นด้วยได้เช่นกัน
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: ลองภูมิ on June 23, 2010, 09:20:47
Quote from: ฟ้าใส on June 14, 2010, 21:48:55
อ้าวว.....

ฟ้าเพิ่งจะไปขอท่านเรื่องความรักมา อย่างงี้ก็แห้วอ่ะดิ ....เห้อ มีใครช่วยให้คำแนะนำได้บ้างมั้ยคะ ว่ามีเทพองค์ใดที่พอจะให้พรในเรื่องของความรัก ความสมหวังได้บ้าง อ่านแล้วอย่าเพิ่งคิดว่ามันเรื่องไร้สาระนะคะ เพราะฟ้ามีความเชื่อว่าถ้าดวงชะตาเราดี อยู่ในศิลธรรม เราสามารถที่จะช่วยให้คนที่เป็นคู่เรานั้นดีขึ้นด้วยได้เช่นกัน


ความรัก เป็นเหมือนพรหมลิขิต ถึงเวลาก็มีมาถ้ามีกรรมสัมพันธ์ และก็จะจากเมือถึงเวลาอันสมควร มิต้องไปขอร้อง ขอพรจากผู้ใดหรอก รู้ว่าเหงา ใครก็เป็นทั้งโลก อยากไขว้คว้า หารักที่สมหวัง แต่จะมีกี่รายที่เป็นเช่นนั้น สุดท้ายก็จากกันแบบไม่เหลือเยื้อใย มีรักก็มีทุกข์ มีพบก็มีจาก แต่ผู้คนก็ยังวิ่งหาความรักกันมากมาย ......อนิจจัง หนอ
Title: ตอบ: พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)
Post by: sompope on June 28, 2010, 16:33:22
(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fi814.photobucket.com%2Falbums%2Fzz68%2Fsompope%2FDSC03496.jpg&hash=c6173ccf8a350c09b82814fb8c7b5e421350c153)
ภาพจากโรงหล่อ