Loader

ขอถามความเห็นหน่อยคะ ช่วยเเนะนำหน่อยนะคะ

Started by เสือร้องไห้, January 18, 2010, 21:58:44

Previous topic - Next topic

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

คือเสือสวดมนต์เเล้วเสือหลับน่ะค่ะ  มันง่วงทุกทีเลย  สวดได้นิดนึงหลับเเล้วตื่นมาสวดต่อ555
ซึ่งเป็นการสวดมนต์ที่น่าเบื่อมากมายเลย  สำหรับเสือ 
หลังมา  เสือเลย  กราบพระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์  กราบนมัสกาล  เทวะที่เสือเคารพ

เเละกราบเสร็จ  เสือ  ถือพิณ  เล่นพิณพร้อมกับสวดไปด้วยเลย  โดยที่มือไม่ได้พนมอยู่  ท่อนเว้นวรรค  เสือได้เล่นสเกล  โซโล
เเบบตามใจฉัน เเต่ล่ะวันไม่ซ้ำเเบบ  เพื่อความไม่จำเจ  ปรากฎว่า  เสือสวดมนต์เเละเล่นโดยที่หลับตานึกถึง  สิ่งที่เป็นที่พึ่ง
เสือมีความสุขเหลือหลาย เสือนึกถึง  ที่เสือเรียนมาว่า  ครั้นเมื่อเจ้าชายสิทธัตถะออกบวชได้ใช้วิธีทรมาณตน  เเล้วพระองค์ก็ได้พบว่า 
สายพิณที่ตึงจนเกินไป  สายจะขาด หากหย่อนเกินไปก็หาความไพเราะไม่ได้   ทุกครั้งที่เสือ  หลับตาเล่นดนตรี  เเละสวดไปด้วย
เสือรู้สึกเป็นสุข  สงบมาก  เเม้เสือจะอยู่คนเดียว เสือยังเเอบคิด  ว่าหากเทวดา  ผีสางนางไม้ได้ยิน  จะเป็นสุขเมื่อฟังบทสวด
คำสรรเสริญพระพุทธองค์  เเต่เสือก็ลังเลใจ  ว่าสิ่งที่เสือทำ  จะได้บุญ  หรือ  จะได้บาปกันเเน่

คำถาม 
1.  เสือสวดมนต์เช่น  นะโม 3  จบ  พาหุง  มงคลจักรวาล  เเละอีกหลายบท  ที่เเล้วเเต่อารมณ์ของเสือ  เสือสวดบูชาพระ  เสือเล่นพิณ
ใส่ทำนองไปด้วยได้หรือไม่  (เสือรู้เเต่บูชาเทพใส่  ดนตรีได้เเต่บูชาพระนี่ซิ  เสือจึงอยากถาม)

2.  ถ้าเสือสวดเเล้วใส่ดนตรีไปด้วย  เทวดา  ผีสางเจ้ากรรมนายเวรจะมาอนุโมธนาบุญให้เสือไหมเเละเสือทำอย่างนี้จะได้บุญได้บาปกันเเน่
....เเต่เสือเป็นสุขมาก  เเละรู้สึกดี  รู้สึกสงบ  เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเจอ  ในขณะหลับตา  ฟังเสียงพิณเเละบทสวด  ใช้ประสาทหูเเละมือ 
เเละข้อดีคือ  เสือไม่ต้องสวดโดยดูหนังสือ  สวดทั้งปีทั้งชาติ  เพราะไม่ค่อยจำ

เเนะนำเสือน้อยตัวนี้หน่อยนะคะ 
ชาติหน้าฉันใดขอให้เกิดมาเสียงไพเราะ  เวปมาสเตอร์จะได้ไม่ต้องคิดว่า  โอ้ลาเเล้ว 
เสียหายไม่ว่า  แต่เสียหน้าไม่ได้

ความจริง การสวดมนต์ เป็นอุบายในการเจริญสติอย่างหนึ่ง
เนื่องจากคนส่วนมาก มักสวดๆ ไป ก็แว๊บ ไปคิดนั่น คิดนี่้
ปากก็สวดนะ.. แต่ใจแว๊บไปแล้ว บ่อยๆ ... เรียกว่า "สวดด้วยกระดูกสันหลัง"
เมื่อรู้ตัวบ่อยขึ้นว่าเผลอ ก็แสดงว่า มีสติดีขึ้นเรื่อยๆ

บางท่านก็แก้วิธีสวดด้วยกระดูกสันหลัง ด้วยการหาบทยากๆ มาสวด
จะได้ตั้งใจจดจ่อ มีสมาธิ และรู้ตัว อยู่กับการสวดมนต์นั้น
เป็นวิธีฝึกสติ อย่างหนึ่งน่ะครับ

มนต์บางบท ก็สามารถสวดใส่ทำนองได้เช่นกัน
จะแปลกอะไร หากคุณเสือจะโซโล่กีตาร์ หนเล่นพิณ ไป สวดมนต์ไป
หากวิธีนี้ มันทำให้คุณเสือไม่ง่วง มีสติ ไม่พลั้งเผลอ
ดีดผิดคีย์ สวดผิดคำ คอร์ดมั่วไปมา ไม่รู้อันไหนก่อน-หลัง

ที่สำคัญ เวลาสวด และดีดพิณ นั้น.. ก็ต้องมีสติ
รู้ว่า กำลังทำอะไรอยู่ รู้กลางๆ เป็นคนดู...สติ คือ รู้ตาม ไม่ใช่รู้่ก่อน จ้อง หรือ ดักไว้

หากทำได้อย่างนี้ คือ มีสติที่เป็น "สัมมาสติ" แล้วล่ะก็
จะตีลังกา ทำกายกรรม ยิมนาสติก โซโล่ฮาร์ดร๊อค ก็สวดไปเถอะครับ...

ผมเคยได้ยินว่า ในสมัยพุทธกาล มีผู้บรรลุธรรม ด้วยพิจารณาความไม่เท่ากัน
ของเสียงดนตรี จนบรรลุเป็นพระอริยบุคคลมาแล้ว..
คือ ท่านไม่ได้ตั้งใจจดจ่อ ว่า ต้องจ้องความไม่เท่ากัน แต่เขาดูด้วยใจเป็นกลางๆ ว่า..

เสียงที่ได้ยิน น้ำหนักที่ลงไป มันไม่เท่ากัน
(ท่านคงเป็นศิลปินไม่น้อย ถึงมีใจแนบแน่นกับเสียงดนตรีมาก)
เมืื่อเห็นไตรลักษณ์ในเสียงที่ตนรัก ชอบ ผูกพัน แนบแน่น..ก็คลายความยิดมั่นถือมั่นทั้งปวง
ถอดถอนความยิดถือในกาย ในใจ ออกเสียได้ ด้วยเหตุจากการ "รู้จักฟังเสียง" อย่างถูกวิธี นั้นเอง
แสดงว่า ท่านผู้นี้ มีสมาธิ และปัญญากล้า มาก...

บางท่าน พิจารณาความเปื้อนของผ้าเช็ดหน้าสีขาว แล้วเห็นไตรลักษณ์ ประจักษ์แก่ใจ
ก็ส่งผลให้บรรลุคุณธรรมชั้นสูงได้เช่นกัน
ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ แม้แต่ปัญญาจะจำแค่บทอิติปิโส ท่อนเดียว ยังทำไม่ได้

มันก็แล้วแต่จริตของคนน่ะครับ ว่า ใครถูกกับอะไร ใครทำอะไรแล้วสติเกิดบ่อย

คุณเสือจะดีดพิณ ก็ทำไปเถิด หากอยากบูชาพระรัตนตรัย และเทพพรหม ด้วยความจริงใจ
แต่ให้ทำด้วยมีสติ เป็นกลางๆ สักวัน อาจเห็นไตรลักษณ์ขึ้นในใจ จากเสียงพิณที่ดีดก็เป็นได้


ระวังแค่ อย่าดีดๆ ไป ร้องๆ ไป จะเผลอไปร้อง "ออกลายมาเล้ย ออกลายให้เห็น"...ก็ละกานน....
เพราะหากเป็นเช่นนั้น "นรก" รออยู่รำไร เพราะเป็นโมหะครอบงำ อย่างเมามัน... เกิดขาดใจตายตอนนั้น ไม่ไปดีแน่.. หรือหากสะสมความ "เพลิดเพลิน" เช่นนั้นบ่อยๆ ก็คือสะสมอกุศลบ่อยๆ

ตอนจะตาย มันก็จะมารวมกันเป็นอารมณ์ หรือนิมิต นำเกิด ตาม "โมหะ" ที่สะสมไว้ นั่นเอง

เอ๊  ไม่รู้สินะ  ขอตอบอย่างผู้ไม่รู้แจ้ง จะผิดไหมเนี่ย แต่พี่ว่าคุณโอมก็พูดถูกอยู่นะ

การที่เราใช้ดนตรีมาช่วยในการสวดมนต์ ก็ดีนะ เพราะสติเราจะยึดกับคอร์ดและคีย์

และถ้าคีย์ผิด บทสวดก็ผิดตาม อืม ก็เป็นไอเดียที่ดีนะ  เพราะทุกวันนี้ บทสวดมนต์

แทบจะทุกบทได้นำมาเรียบเรียงร้องสวดพร้อมดนตรีลงแผ่นขาย พี่ว่าก็คงไม่ผิด

หรอกนะน้องเสือ(ห้ามร้องไห้นะ)  แล้วจริง ๆ โดยปกติน่ะ เทพเทวาน่ะ ท่านโปรดอยู่

แล้วในส่วนของสวดมนต์ พี่ว่าท่านจะต้องอนุโมทนาบุญแน่ ๆ เลยนะ อีกอย่างนะ

ความรู้สึกพี่บอกว่า การสวดแบบสักแต่ว่าสวดหรือบ่นพร่ำ แต่สติไม่ได้อยู่กับบทสวด

ผลก็คงไม่เกิดหรอกเพราะว่าจิตไม่ได้น้อมนำศรัทธาในบทที่สวดเลย จิงๆ ทุกบทสวด

มีความหมายในตัวอยู่แล้ว อย่างเช่น พาหุงมหากา ก็เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

โดยตรง อย่างคาถาหัวใจเศรษฐี ที่เรารู้จักกันดีอยู่แล้ว พี่ว่านะ ถ้าเราไม่รู้คำแปลไม่รู้ความ

หมายที่แท้จริง ของบทสวด ก็อาจจะไม่ส่งผลหรือส่งผลแต่ในระยะเวลาที่นานมาก

ปล.  ความเห็นส่วนตัวค่ะ 
สุ จิ ปุ ลิ  ขาด สักข้อ ก็ไม่ครบการเป็นปราชญ์

ปราชญ์ที่ดีต้องเป็นผู้ฟังมากกว่า พูด พูดในสิ่งที่สมควรพูด

ผู้ที่ฉลาดแท้จริง ฟัง มากกว่าพูด เพราะถ้าเรารู้ไม่จริง หรือไม่หมดก็จงอย่าพูด

เพราะเมื่อเปิดปากออกมา เมื่อนั้นได้แสดงความโง่ออกมาโดยไม่รู้ตัว

คนเก่งจริง ต้องเรียนรู้เสมอว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือตัวเรายังมีคนที่เก่งกว่า จงถ่อมตนเสมอ จงเป็นผู้ให้เสมอ


เห็นด้วยกับคุณ Oam และคุณเทวาเหนือเกล้านะคะ และอนุโมทนาบุญกับคุณเสือด้วย
ในหลายๆวัฒนธรรมและความเชื่อ ดนตรีถือเป็นสื่อศักดิ์สิทธิ์สำหรับติดต่อกับทวยเทพนะคะ
ในเมื่อคุณเสือเปี่ยมไปด้วยศรัทธา เชื่อมั่น และแน่นอนว่ามีฝีมือ การแสดงออกดังที่คุณเสือเล่าไว้ย่อมไม่มีอะไรต้องกังขา
เป็นกิริยาบุญที่ทำให้ใจผู้ทำเป็นสุข แม้ผู้ได้ยินข่าวก็อิ่มเอมใจไปด้วย

อนุโมทนาบุญนะคะ
   ขอพาหาพลรามอันงามขาว    ดังจันทร์คราวเริ่มแรกอุทัยไข
ทรงกำลังสามารถฉกาจไกร       ดังว่าได้ดื่มซึ่งอาสวรส
เต็มด้วยอวตารแห่งปัทมา        ลักษมีกันยาสุภาสด
น่าใคร่ราววสันต์อันงามงด       จงคุ้มท่านทั้งหมดในที่นี้


(คัดจากเทวีวาสวทัตตา ของภาสะ แปลโดย ท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา มาลากุล)

กุศโลบายของการสวดมนต์นะครับ ก็คือการได้มาซึ่งสมาธิ

การที่จิตเราจดจ่อกับบทสวดมนต์แบบตัวต่อตัว รู้สติอยู่ตลอดเวลา ขณะที่เราสวดครับ

ไม่ใช่สวดแบบนกแก้วนกขุนทอง อันนั้นไม่ถูกต้องครับ

เช่นกัน ถ้าคุณสวดมนต์ใส่ทำนอง แล้วจิตจดจ่อกับคอร์ดกีต้าร์ แบบ คอร์ดต่อคอร์ด หรือนึกภาวนามนต์แบบคำต่อคำ

มันก็ไม่ผิดกุศโลบายนะครับ แต่ถ้ามือก็เล่นไปเรื่อยๆ แบบมั่วๆ ปากก็ท่องไปแบบนกแก้วนกขุนทอง มันก็ไม่ได้อะไรอยู่ดี

แต่ผมอยากให้สำรวมด้วยนะครับ เราเล่นต่อหน้าพระพักต์ หรือ หน้าหิ้งพระน่ะครับ

ฝากไว้แค่นี้ครับผม

การสวดมน์ เป็นไปเพื่อเทวานุสติ ต้องระลึกถึงท่านทุกขณะจิตครับ

สำรวมค่ะ  เเต่สวดปราณีตเรื่องการเปล่งเสียง  ไม่จดจ่อกับคอร์ดเท่าไรค่ะ  เพราะไล่สเกล  ระดับเสียง  เเละเสียงสวด  ก็เสียงสูงต่ำห่างกันไม่มากเท่าไรค่ะ  ไม่ต้องกลัวน่ะคะเสือไม่ได้เล่นคอร์ดร๊อคสักหน่อย  หวานๆนุ่มนวลคะ  เเบบว่า  อยากสงบนะคะ  นึกถึงผู้ฟังที่มองไม่เห็น555

อันนี้ต้องถามคุณ  KALIKA  นะคะ  ว่าเพราะไหม  ทดสอบให้เธอฟังเเล้วคะ
เสียหายไม่ว่า  แต่เสียหน้าไม่ได้

ได้ฟังบทเพลงที่คุณเสือร้องไห้ ได้ร้องและสวดเพื่อบูชาพระแม่แล้วขอบอกว่าเป็นบทที่เพราะมากและรู้ว่าคนสวดตั้งใจ และกลั่นออกมาจากใจจริงๆ ค่ะ
ตอนได้ฟังขนลุก ตัวชาไปตลอดจนจบเลย...

และที่ถามว่าจะใส่เสียงดนตรีในขณะที่สวดมนตร์นั้น ขอเสนอว่า  ใส่ก็ดี ไม่ใส่ก็ดีขึ้นอยู่ที่ตัวเราจ๊ะ ว่าเราตั้งใจหรือปล่าว แต่ก็แล้วแต่ละบุคคลนะ

เพราะเดี๋ยวนี้บทสวดมนตร์เค้าใ่ส่ทำนองลงไปก็เพราะดีไปอีกแบบ เพราะเคยฟังเพลงสวดมนตร์ที่คุณชินกร  ไกรลาศ 

ได้ร้องไว้เพราะมากค่ะ  และไม่บาปหรอกจ๊ะ เพราะสิ่งที่เราไป เราตั้งใจทำเพื่อเทพเทวดา และเจ้ากรรมนายเวร พวกท่านก็จะร่วมอนุโมทนา

และอวยชัยให้พรอยู่แล้วล่ะ
Om Maha Mata Durga Devi
ขอพระแม่เจ้าผู้ทรงมหิทธานุภาพ พระแม่เจ้าผู้ทรงมีชัยเหนือกาลเวลา ประทานพรให้ลูกและเพื่อนมนุษย์ทุกคนบนโลกนี้ด้วยเถิด

ยอดเยี่ยม มาก คุง น้อง ชักอยากฟัง มั่ง ซะแระ