Loader

เรื่องเล่าต่างแดน...ที่ทำให้คุณขนหัวลุก

Started by วินสุ, February 08, 2010, 11:58:54

Previous topic - Next topic

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

แล้วที่เราได้มาคืออะไรกันแน่...ของขวัญจากต่างแดน หรือผู้ร่วมทางกลับมาด้วย
เป็นข้อมูลข่าวคราวที่กำลังโด่งดังในอินเดีย เตือนภัยสำหรับเพื่อนๆพี่ๆที่กำลังหาของจากอินเดีย เพราะเราเอองก็ได้เห็นที่ ย่านอินเดีย ในประเทศเรา เมื่อเรามีโอกาสได้ไปอินเดีย เป็นเรื่องเล่า บอกต่อกันมาว่า แทบจะเป็นเรื่องจริงที่หน้าคิด
ด้วยเรื่องที่ว่า พระพุทธรูป และ องค์เทพต่างๆ ที่เราบูชากัน ที่เราได้เห็นก็ที่เป็น “ ดินปั้น ” แล้วเอามาลงสีให้สวยงาม ปานว่าแทบจะดุไม่ออกว่า ก่อนที่จะมาเป็นองค์พระ วัตถุดิบที่นำมาทำ นั้นมาจากที่ไหน ล้วนเป็นคำถามที่เราแทบไม่ได้สนใจ แต่ก็เป็นเรื่องที่หน้าคิดมากๆ ที่จะเอามาเล่าให้ฟังกัน

แม่น้ำสายใหญ่ หรือสายเล็กสายน้อย ก็เป็นศูนย์วัฒนธรรมแห่งพิธีกรรม ไม่ว่าจะเป็น ไว้ใช้อาบ หรือประกอบพิธีเผ่าศพ นั้นแหละทำให้หน้าคิดมากๆ เพราะ ซากศพที่ลอยน้ำ หรือเน่าเปลื่อยจมลงใต้แม่น้ำ ไม่ว่าจะเป็น ซากคน หรือซากสัตย์ ก็เป็นแหล่งทรัพยากรอย่างดี ที่ได้นำมาเป็นวัตถุใหญ่ในการปั้นพระ   บางองค์ที่เราบูชาดูให้ดีๆ หากว่าล้างสีออก อาจจะมีเศษเสื้อผ้าของผู้ที่เสียชีวิตติดมาด้วย นั้นก็เป็นของแถมจากอินเดีย ดีนะที่ไม่มีกระดูกหรือเศษเนื้อติดมาด้วย….( แต่ด้วยความคิดเราเอง ก็คิดว่า คงมีเช่นกัน ขนาดว่าเศษผ้ายังติดมา แล้ว ที่เหลือหละไปอยู่ไหน )


และบางแหล่ง หากอยู่ไกลแม่น้ำลำคลอง เราก็อาจจะได้พบเศษประติกูลทับถมกัน แล้วเอามาย้อมแมวขายให้เรา นี่ก็เป็นเรื่องที่ เพื่อนๆที่อินเดียเล่าให้ฟังกัน

เคยได้มีโอกาสไปเดินหาของที่ ย่านอินเดียในกรุงเทพ บริเวณ พาหุรัด เห็นแล้วเต็มไปหมด สัสันสวยงาม แต่ ที่มาไม่มีใครรู้ใครทราบ จนได้มีโอกาส ได้ทราบข้อความบางอย่าง ก็ฉุดความคิดให้ได้คิดเหมือนกัน

หากไปอินเดียก็ดูพวกที่เป็นหิน เป็นโลหะ คะปลอดภัยมากกว่า

วินสุ...เรื่องเล่าต่างแดน


หน้าพิสูจน์ความจริง..แต่ว่าเราเองต้องขอตัว เพราะเกินความสามารถจริงๆ

หากมีข่าวอะไร ที่พอหยิบยกมาบอกกันได้ ก็จำนำมาเล่าสู่กันฟัง


เห็นแล้ว ทำให้ปลงสังขาร มนุษย์อย่างเรา หนีความตายไปไม่พ้น เมื่อยังมีชิวิตอยู่ ควรทำแต่ความดีกันและรักกันเข้าไว้นะคะ เพื่อน ๆ พี่ๆ HM ทุกท่าน

ถือเป็นทรรศนะคติที่ต่าง แต่ภาพชวนขนลุกมากมายครับ ถ้าใครได้เจอ ได้พบ ได้เห็น
และก็เป็นความจริงอีกที่ภาพดังกล่าจะทำให้คนกลัว

แต่อย่าลืมว่าพระเป็นเจ้า คือ ทุกอณูเนื้อในร่างกายและวิญญาณ ทุกอณูของโลก ทุกอณูของธรรมชาติ
คนที่ตายหรือเสียชีวิต ถูกนำมาเผา หรือ ลอยในแม่น้ำคงคา ด้วยกุศโลบายคือถูกส่งกลับขึ้นไปยังดินแดนแห่งพระเป็นเจ้า

ดิน ก็คือ ดิน แม้จะเป็นดินที่ใด ก็คือดิน ผมมั่นใจว่าดินทุกที่แน่นอนว่ายอมมีเศษซากสิ่งมีชีวิตอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น
แม้กระทั่งดินในบ้านเราก็ตามที ผมอยากให้มองข้ามว่าตรงนี้มากกว่า
แม้จะนำซากศพนำมาปั้นเป็นเทวรูป แล้วเทวรูปที่เราบูชาอยู่นี้คืออะไร
ตกลงเราบูชาซากศพในรูปแบบเทพเจ้า หรือจิตของเราบูชาเทพเจ้ากันแน่ ??? ผมคิดว่าเพื่อนทุกคนรู้คำตอบอยู่ในใจ คือ เราบูชาเทพเจ้า

คนอินเดียแต่ดั้งแต่เดิม สร้างศิวลึงค์บูชาจากดินหรือโคลนจากแม่น้ำคงคา
แต่เค้ากลับไม่มองว่าศิวลึงค์นั้นสร้างมาจากซากศพที่ลอยตุ๊บป่องๆ อยู่กลางแม่น้ำ
เพราะจุดประสงค์หลักคือเค้าบูชาศิวลึงค์

ต่างอะไรกับหินที่นำมาเจียรไนกลายเป็นเพชร
ต่างอะไรกับกระดูกที่นำมาบูชาเป็นพระธาตุ หรือ พระบรมสารีริกธาตุ

ให้ระลึกไว้เสมอครับ ว่าอะไรคือ " แก่นแท้ " แห่งการบูชา
ตรงนี้ต่างหากที่สำคัญ

ปล. เพื่อนท่านใดเห็นกระทู้นี้แล้วจะเลิกบูชาเทวรูปที่ปั้นมาจากดินที่แม่น้ำคงคาประเทศอินเดีย กรุณา PM มาบอกนะครับ ผมขอทุกองค์เลย แหะๆ

พิมมี่เองก็อยากจะแชร์ประสบการณ์คะ

พิมมี่เองได้มีโอกาสได้อาบน้ำชำระร่างกายในแม่น้ำคงคา ที่เมืองพาราณสีมาแล้วคะ

พิมมี่ได้นั่งเรือข้ามมาอาบฝั่งตรงข้าม กับฝั่งสวรรค์ หรือที่เราเรียกกันว่า ฝั่งนรก

ขณะที่พิมมี่ลงไปอาบอยู่นั้น ปรากฏก็ได้มี ศพลอยมา เป็นศพเด้กคะ อายุประมาณสิบขวบกว่าๆ สภาพอืดแล้วคะ

แต่พิมมี่เองก็ไม่ไดกลัวอะไร แถมยังได้ดื่มน้ำในแม่น้ำคงคา อีกตะหาก  หลายคนอาจจะมองว่า พิมมี่ ทานอะไรลงไปที่เจือปนมากับน้ำรึป่าว

พิมมี่ไม่ทราบหรอกคะ ว่าจะมีอะไรปนมาด้วยหรือไม่ แต่สิ่งที่พิมมี่ทราบคือว่า รสชาติของน้ำในแม่น้ำคงคานี้ ก็เหมือนน้ำเปล่าจืดๆคะ

ไม่มีรสชาติ หรือเหม็นซากศพเลยคะ อีกอย่าง มันทำให้พิมมี่ปลงคะ แม้แต่เด็ก คนแก่ ชรา หนุ่มสาว ก็หนีไม่พ้น ความตายคะ

แต่ที่พิมมี่กล้าอาบ กล้าดื่ม เพราะพิมมี่เชื่อว่าเป็นน้ำอันศักดิ์สิทธิ์คะ บวกกับตอนนั้นศรัทธาแรงกล้าด้วยจริงๆ อิอิ

พิมมี่ยังได้ตักน้ำจากแม่น้ำคงคามาเก็บไว้ที่บ้าน เพื่อไว้ทำบูชาต่างๆ แล้วก็เก็บก้อนดินจากม่น้คงคามาเป็นที่ระลึกคะ

พิมมี่เชื่อคะว่าดินหรือน้ำเหล่านี้ อาจจะต้องสัมผัส ศพหรืออะไรหลายๆอย่างมาแล้วคะ แต่พิมมี่เชื่อว่า เราบูชาพระเป็นเจ้า พลังของพระเป็นเจ้า

จะชำระสิ่งที่ไม่ดีเองคะ  และพิมมี่เอง และทุกท่านเอง อีกหน่อย ก็ต้องเป็นเหมือนพวกเค้าทั้งหลาย เราจะต้องกลัวทำไมคะ ในเมื่อความตายเป็นเพื่อน

ของเรา อยู่กับเราทุกเมื่อ ชะนั้น จงอย่างรังเกลียดหรือกลัวความตายคะ แต่จงกลัว่า วันนี่คุณทำดีน้อยเกินไปรึป่าว พิมมี่เองก็เห็นด้วยกับพี่กาลิทัสคะ

ถ้าท่านไหนประสงค์ที่จะทิ้งมูลติอันมีค่าที่ทำมาจากดินในแม่น้ำคงคาหละก็ พิมมี่ยินดีขอรับมาบูชาต่อคะ ขอบคุณคะ

[HIGHLIGHT=#ffc000]หากมีศรัทธาแล้วไซร้ ก็ควรทำให้ถูกต้องตามจารีตประเพณี  เพื่อศรัทธาที่มีนั้นจะได้มีค่า และหาข้อติเตียนไม่ได้[/HIGHLIGHT]

เคยเห็นเขาเผ่าศพริมแม่น้ำจากนั้นก็โกยลงแม่น้ำไปเลยทั้งๆที่ศพยังไหม้ไม่หมดไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่เผาให้หมดก่อนแล้วค่อยโกยลง หรือ เป็นเพราะศพเยอะมากเพราะแถวนั้นมีโรงแรมสำหรับคนที่รู้ตัวว่าจะตายเขาจะมาพักจนกว่าตัวเองจะจากโลกนี้ไป
วงการมายา ไม่ใช่สนามเด็กเล่น แต่เป็นสมรภูมิรบ และ การผูกสัมพันธ์ไมตรี ทั้งจริงและจอมปลอม

มายา ความหมายของมันช่างลึบลับเหลือเกิน

วงการมายาไม่ใช่ของเล่นทั่วไป เข้าแล้วออกยาก ระวังเอาไว้

นักวิทยาศาสตร์น้อย

ขอเสนอว่า


1  น้ำในเเม่น้ำคงคาปลอดภัยหรือไม่  ในเมื่อมีซากศพ    มีเชื้อโรคอันตรายหรือเปล่า   

ตอบ   น้ำในเเม่น้ำคงคา  มี  PH  ความเป็นเบส (ด่าง)  ที่สูงมากเเม้ว่าจะมีรสจืด  นั่นหมายถึงว่า  ค่าความเป็นด่างในเเม่น้ำคงคา   

นั้นสามารถฆ่าเชื้อได้  ปลอดภัย  ดื่มได้


2  ดิน  ที่มีซากศพ

ตอบ   ดินเกิดจากการผุพังของหิน  ที่เกิดจากปัจจัยทางธรรมชาติ  น้ำ  อากาศ  ร้อน  เย็น ทำให้ผุกร่อน  ซึ่งเเรกเป็นสีขาวเรียก  เคโอลิน

ส่วนดิน  ที่เราเห็นเป็นสีต่างๆ  เกิดจากการผสม  ด้วยสนิมเหล็กในอากาศ  สายเเร่เเละอื่นๆ  สิ่งที่ทำให้ดินเกิดความเหนียวคือ  อินทรีย์สาร  ซากพืช

ซากสัตว์ทั้งหลาย  ที่ตาย  ผุพังทับผมกัน   เสือจึงฟันธง  เเละยืนยันว่า  ดินตรงไหน  ไม่ใช่สีขาวเหมือนเเป้งทาหน้า  ดินตรงนั้นมีซากพืชซากสัตว์

ปน  ทับทมเเทรกซึมอย่างเเน่นอน  ทว่าสสารทุกอย่างไม่หายไปไหน  หากเราคิดดีดี  เราจะเรียกรถที่เราคับว่าขับเคลื่อนผีสิงก็ได้  เพราะน้ำมันที่เรา

ใช้อยู่   อุตส่าหกรรมปิโตเลียม  ล้วนเเล้วเกิดจากซากสัตว์ทั้งนั้น  ทุกสรรพสิ่งหมุนเวียน  ไม่หายไปไหนเเต่เเค่เปลี่ยนสภาพกันไปเเค่นั้นเองคะ

...

เห็นด้วยกับพี่  กาลิทัสนะคะ  ว่าถ้าใครเลิกบูชา  พี่กาลิทัสจะบูชาเอง   



ขออ้างอิงตามหลักความจริงทางวิทยาศาสตร์  คงไม่ว่ากันนะคะ   
เสียหายไม่ว่า  แต่เสียหน้าไม่ได้

Quote from: กาลิทัส on February 08, 2010, 13:54:05


ปล. เพื่อนท่านใดเห็นกระทู้นี้แล้วจะเลิกบูชาเทวรูปที่ปั้นมาจากดินที่แม่น้ำคงคาประเทศอินเดีย กรุณา PM มาบอกนะครับ ผมขอทุกองค์เลย แหะๆ

แหม ถือโอกาสหาของฟรีเลยนะพี่ยันส์ เหอเหอ
วงการมายา ไม่ใช่สนามเด็กเล่น แต่เป็นสมรภูมิรบ และ การผูกสัมพันธ์ไมตรี ทั้งจริงและจอมปลอม

มายา ความหมายของมันช่างลึบลับเหลือเกิน

วงการมายาไม่ใช่ของเล่นทั่วไป เข้าแล้วออกยาก ระวังเอาไว้

ใช่คับ ดินก็เกิดจากซากต่างๆนี้เอง มันก็ไม่น่าจะมีอะไรนี้คับ (แต่รูปดูแล้วหยองแปลกๆ)

ขอบคุณครับ
สำหรับข้อมูลและทัศนคติ
อีกด้านนึง ที่นำมาแบ่งปันกันนะครับ
เป็นอีกแง่คิดและมุมมองนึง
ที่จะพิสูจน์ถึงความศรัทธาของผู้บูชาอีกทางนึง
Yes, I  Love  HM...       

ได้ดูกระทู้นี้ครั้งแรกเมื่อช่วงบ่าย

อยากบอกว่ากำลังทานขนมจีนน้ำพริกไปด้วย 

อื้ม......สำลักเส้นขนมจีนแทบพุ่งออกจมูก

แต่ก็ถือว่าเป็นภาพที่ให้อนุสติที่ดี ทำให้เห็นว่าสิ่งทุกอย่างมีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ไม่จีรัง

เป็นเรื่องของผู้ที่บูชาต้องคิดพิจารณาตามไปให้เห็นถึงสภาวะที่แท้สิ่งของสิ่งต่างๆ

ขอบคุณท่านเจ้าของกระทู้ด้วยนะครับที่นำเรื่องราว และภาพมาให้ได้ร่วมเรียนรู้กันครับ
WELCOME TO HINDUMEETING

เรียน สมาชิกเก่าและสมาชิกใหม่ของเว็บ HinduMeeting
ขอความกรุณาทุกท่านศึกษากฎ กติกา มารยาทของเว็บด้วยนะครับ

http://www.hindumeeting.com/forum/index.php?topic=1423.0


[/SIZE][/FONT]
องค์ที่เราบูชาดูให้ดีๆ หากว่าล้างสีออก อาจจะมีเศษเสื้อผ้าของผู้ที่เสียชีวิตติดมาด้วย นั้นก็เป็นของแถมจากอินเดีย ดีนะที่ไม่มีกระดูกหรือเศษเนื้อติดมาด้วย….( แต่ด้วยความคิดเราเอง ก็คิดว่า คงมีเช่นกัน ขนาดว่าเศษผ้ายังติดมา แล้ว ที่เหลือหละไปอยู่ไหน )



ขอกล่าวว่าไม่ใช่เศษผ้าเเน่นอน  เพราะการเผาในอุตสาหกรรมดินเผานั้น  เอาที่อุณหภูมิที่สูงพอสมควร

เเม้เเต่อินทรียสารเเละน้ำจะหายไปในขณเผาหมดดังนั้นจะเห็นได้ว่าเนื้อดินที่หลังจากเผาเเล้วจะเป็น  สีขาวเทา  ขาวครีม

นั้นหมายถึงโครงสร้างของดินได้เปลี่ยนไป  อุณหภูมิการเผา  หากต่ำกว่า  600  องศาเซลเซียส  นานๆไป  จะดูซึมน้ำ  เกิดรอยดำ

ที่เรียกว่าราเกิดขึ้นที่สี  นั่นหมายถึงจะไม่ทนทาน  การเผาในเครื่องปั้นดินเผา  จะทำให้ดินนั้นเเข็งเเรงเนื่องจากน้ำ  อินทรีย์สาร  มลทิน

หายไป  เเละทรายเปลี่ยนโครงสร้างที่เกิดจากการหลอมละลายยึดเกาะกัน   


ดังนั้น   หากคิดดูดีดี  เเม้เเต่ทรายที่มีในดิน  ยังหลอมละลาย    เสื้อผ้า  จะไปเหลืออะไร  มันก็ต้องหายไปในขณะเผา   

หากเทียบว่าศพที่โยนลอยน้ำ   เเม้เเต่กระดูก  เเคลเซียม  ก็จะหลอมไป  ณ  ตอนนั้นคงไม่เห็นกระดูกเป็นชิ้นอย่างเเน่นอน

ส่วนเสื้อผ้า  ถ้าไม่ใช่ผ้าที่นวัตกรรมนาโนเทคโนโลยี  ที่ทนไฟพอกับไฟเบอร์กลาส  คิดว่าไม่มีโอกาศเล็ดลอดให้เห็นเป็นเศษผ้า  เป็นชิ้นๆ   

อย่างเเน่นอน
เสียหายไม่ว่า  แต่เสียหน้าไม่ได้

   จริงๆตอนไปทัวร์สังเวชนียสถานอิชั้นก็ได้มีโอกาสแวะไปแม่น้ำคงคาเหมือนกันคะ   ช่วงนั้นก็นั่งเรือล่องแม่น้ำไป


  นั่งไปได้สักพักก็มี  เศษซากแขนลอยโผล่ขึ้นมาคะ  ตอนแรกอิชั้นก็รู้สึกรับไม่ได้  สั่นไปทั้งตัว  กลัวมาก


  โชคดีที่พระอาจารย์ที่นำทัวร์เราไป  ท่านเลยถือโอกาสสอนหลักธรรมเรื่องมรณานุสติตรงนั้นเลย


   ความตายเป็นของธรรมดาของสัตว์และมนุษย์ที่เกิดมา   เมื่อมีความเกิดมาได้แล้ว  ก็ต้องตายในที่สุดเหมือนกัน


   พระคุณเจ้าท่านเลยนำพวกเราแผ่เมตตาไปให้ดวงวิญญาณทั้งหลายที่อยู่บริเวณนั้นด้วยคะ


ได้ความรู้ทั้งชีวิต จิตวิญญาณ และวิทยาศาสตร์ คนเรามันก็มีแค่นี้ ทำไมเราไม่ทำดีต่อกันเยอะๆ นะคะ
[HIGHLIGHT=#d7e3bc]ปีใหม่ไทย ...ยินดีที่[/HIGHLIGHT][HIGHLIGHT=#d7e3bc] HM ทำให้ "รู้จักที่ บุคคล ที่ควรให้และรับอย่างสมดุล" @ให้เกียรติเพื่อนสมาชิกที่จิตผ่องใสบริสุทธิ์เสมอกัน @ให้เกียรติ webmasters ที่หลายท่านมองข้ามความเหน็ดเหนื่อย และการไม่ปริปากร้องขอสิ่งใดแม้เกียรติแห่งตนนอกจาก "ความสงบ" ตาม "หลักสากลของกติกาแห่งบอร์ด" และ@ HM พื้นที่เล็กๆ ให้ฝึก "สำรวมกาย วาจา ใจ ในวงแคบแต่ยิ่งใหญ่" การเกิดขึ้นของสิ่งใด นอกจาก "ความซาบซึ้งแต่ไร้ตรรกะ" และ "ขัดกับจุดยืนข้างต้น" คงไม่ได้ทำให้ "การหยุดแล้วมอง HM ที่ดูอบอุ่นแต่ไม่มั่นคง" เป็นหนทางปลีกวิเวก คุณูปการของ HM ด้านอื่น บ้าน/แหล่งระบาย/แสดงอำนาจ/ความรู้แท้ แล้วบังเกิดให้ "ซาบซึ้ง..แต่ไร้ตรรกะ" ที่น่าเคารพ "การปฏิเสธที่จะโต้แย้งใดๆ" คงเป็นหนทางเดียวที่จะรักษาจุดยืน และ "ให้" เกียรติแก่ HM ที่ไม่สามารถประกาศตนได้ว่า กินอิ่ม นอนหลับ เราคือผู้มอบวิญญาณแก่องค์เทพ/องค์เทพอยู่กับ HM เยี่ยงการร้องขอ/เรียกร้องอย่างปุถุชนทั่วไป   ที่กล่าวมาอาจ "เข้าไม่ถึง"...คำว่า "ให้" จึงยังไม่มีในมโนสำนึก แต่จะแย่เข้าไปอีกหาก "ซาบซึ้ง/แปลความหมายผิด" ก็คงต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ เป็นเรื่องปัจเจกจริงๆ คนเราปรับเปลี่ยนยาก..... เห้อออ แค่คำว่า "ให้" ด้วยความเคารพ [/HIGHLIGHT]

เหอๆ

ได้ความรู้หลายเรื่องเรยคับ

ว่าแต่

พี่คิวอ่าคับ

ค่อยๆกินก้อได้

เหอๆ

หยอกเล่นคับพี่

^^
คุณความดี....มิได้ขึ้นอยู่กับสายตาใคร

เกิดขึ้นย่อมมีดับไปเป็นธรรมดาดั่งพุทธองค์ทรงตรัส

โลกา....สมัสตา...สุขีโน...ภวันตุ... (3จบ)
     อาชัตโตมา...      ซัดกามายา....
ทัมมัสโชมา...           โจทิกามายา...
      มฤตโยมา...            อัมฤทธิ ทัม กามายา...
โอม  ศานติ  ศานติ  ศานติ  ฮี...
แผ่เมตตาให้พวกเขาไปครับ
วงการมายา ไม่ใช่สนามเด็กเล่น แต่เป็นสมรภูมิรบ และ การผูกสัมพันธ์ไมตรี ทั้งจริงและจอมปลอม

มายา ความหมายของมันช่างลึบลับเหลือเกิน

วงการมายาไม่ใช่ของเล่นทั่วไป เข้าแล้วออกยาก ระวังเอาไว้

เป็นเรื่องธรรมชาติครับ ของ ศาสนิกชน ชาวฮินดูในประเทศอินเดีย การเผา การลอยเป็นเรื่องปกติทุก ๆ วันอยู่แล้ว เข้าไม่ได้คิดว่าจะติดหรือไม่ติดซากอะไรมาทั้งนั้นเพราะนั่นคือธรรมชาติ ที่จะหวนกลับคืนสู่พระเจ้าอีกครั้ง และ เพราะทุกอย่างเป็นสัจธรรม ครับ

น้อง เสือ เริศ ทีเดว เป็นหน้าเป็นตา ของเจ๊ เอ๊ย ของพี่ อีก แร้ว 555+


ข้อมูลเป๊ะ มาก เป็นเรื่องเป็น ราว ดีจริงๆ 55+

น่ากลัวจังค่ะ

เห็นภาพแล้ว  รู้สึกยังไงไม่รู้อ่ะ

แต่ก้อขอบคุณทั้งข้อมูล และแนวความคิดของทุกคนด้วยนะคะ

[HIGHLIGHT=#92d050]เมตตามหานิยม อยู่ที่...คุณธรรม[/HIGHLIGHT]

หน้ากลัวจังครับ แต่ได้ความรู้มากมายอ่ะคร้าบบบบ

เหอะๆ แต่กระทู้นี้เปิดตอนกินข้าวก็ไม่ไหวเหมือนกันอ่ะครับพี่คิว 555+


ดูจากรูปที่นำเสนอนะคะ  จะสังเกตุได้ว่า  ดินที่ได้จากเเม่น้ำคงคา  ลักษณะ  ของสี  ในรูปสีเทา -  ดำ  เมื่อเผาเเล้ว  จากการสำรวจเทวะรูปดินเผา 

ที่มาจากอินเดีย  กับ  คุณจิ้งจอกพันหน้า  พบว่า  เทวะรูปดังกล่าว  เนื้อดินเป็นสีขาว  เนื้อละเอียด  เเละจากรูปที่นำเสนอในกระทู้  สังเกตว่า

เทวะรูปซ้ำๆ  ซึ่งเเน่นอนว่าทำการขึ้นรูปด้วย  วิธีการหล่อ  ทำพิมพ์


วิธีการหล่อ


ดินที่ใช้  จะต้องเป็นน้ำดิน  (slip)  จนเป็นน้ำโคลน  เเล้วผ่านการกรองด้วยตะเเกรง 

เพราะ  หากมีสิ่งเจอปน  ขนาดใหญ่ติดมาเช่น  เม็ดทรายขนาดใหญ่  หิน  เศษไม้  ทั้งที่เผาไหม  เเละเผาไม่ไหม้

หากไม่กรองออก  ลายละเอียดของงานจะหายไป  ซึ่งทราบดีว่าเทวรูปไม่ได้เผาเคลือบ  ที่จะสามารถซ่อมเเซมได้ด้วยการเผาอีกครั้งหนึ่ง

หรืออาจเเหว่งหายไปในขณะเผา  ทำให้โครงสร้างของการรับน้ำหนักเปลี่ยนไปเกิดการบิดเบี้ยว 


ขอยืนยันว่า  เทวะรูปดินเผา  ที่กล่าวถึงนั้นขึ้นรูปด้วยวิธีการหล่อ  ซึ่งน้ำดินผ่านการกรองมาเเล้ว

ดังนั้นหากติดชิ้นผ้าเศษ  มลทินต่างๆ  ควรอยู่ที่ตะเเกรง  มิใช่อยู่ในเทวะรูป  เเละเทวะรูป  ถ้าคุณสงสัย

เสือขอยืนยันว่า  เสือได้  ใช้ลิ้นเลีย  ใต้ฐานเทวะรูปเเล้ว  เเละพบว่า  มีการดูดซึมน้ำเพียงเล็กน้อย 

ซึ่งสันนิษฐาน   จากการทดสอบว่า  เผาในอุณหภูมิที่สูง  พอสมควร  เเม้ว่า  การที่น้ำในเเหล่งนั้น  จะมีสภาพความเป็น  เบส  ที่สูง

ซึ่ง  เบส  มีผลต่อการลดอุณหภูมิในการเผา  ซึ่งจะอยู่ใน  ช่วง  อุณหภูมิประมาณ  790  เเต่ไม่ถึง  1150  เพราะนอกจากดูสี 

เลีย  เพื่อดูการซึมน้ำ  ยังลองใช้  เล็บขูดใต้ฐาน  ปรากฎว่า   ไม่ร่อนหลุด

สนิทกันกับเจ้าของร้านเลยขอทดสอบเพื่อชี้เเจงให้เจ้าของร้านสบายใจ  เมื่อทราบถึงข่าวเรื่องเศษผ้า  ชิ้นเนื้อ


ขอรับรองด้วยประสปการณ์จากประสปการณ์ทำงาน  ศูนย์วิจัย



เสียหายไม่ว่า  แต่เสียหน้าไม่ได้

Quote from: เสือร้องไห้ on February 17, 2010, 00:28:03
ดูจากรูปที่นำเสนอนะคะ  จะสังเกตุได้ว่า  ดินที่ได้จากเเม่น้ำคงคา  ลักษณะ  ของสี  ในรูปสีเทา -  ดำ  เมื่อเผาเเล้ว  จากการสำรวจเทวะรูปดินเผา 

ที่มาจากอินเดีย  กับ  คุณจิ้งจอกพันหน้า  พบว่า  เทวะรูปดังกล่าว  เนื้อดินเป็นสีขาว  เนื้อละเอียด  เเละจากรูปที่นำเสนอในกระทู้  สังเกตว่า

เทวะรูปซ้ำๆ  ซึ่งเเน่นอนว่าทำการขึ้นรูปด้วย  วิธีการหล่อ  ทำพิมพ์


วิธีการหล่อ


ดินที่ใช้  จะต้องเป็นน้ำดิน  (slip)  จนเป็นน้ำโคลน  เเล้วผ่านการกรองด้วยตะเเกรง 

เพราะ  หากมีสิ่งเจอปน  ขนาดใหญ่ติดมาเช่น  เม็ดทรายขนาดใหญ่  หิน  เศษไม้  ทั้งที่เผาไหม  เเละเผาไม่ไหม้

หากไม่กรองออก  ลายละเอียดของงานจะหายไป  ซึ่งทราบดีว่าเทวรูปไม่ได้เผาเคลือบ  ที่จะสามารถซ่อมเเซมได้ด้วยการเผาอีกครั้งหนึ่ง

หรืออาจเเหว่งหายไปในขณะเผา  ทำให้โครงสร้างของการรับน้ำหนักเปลี่ยนไปเกิดการบิดเบี้ยว 


ขอยืนยันว่า  เทวะรูปดินเผา  ที่กล่าวถึงนั้นขึ้นรูปด้วยวิธีการหล่อ  ซึ่งน้ำดินผ่านการกรองมาเเล้ว

ดังนั้นหากติดชิ้นผ้าเศษ  มลทินต่างๆ  ควรอยู่ที่ตะเเกรง  มิใช่อยู่ในเทวะรูป  เเละเทวะรูป  ถ้าคุณสงสัย

เสือขอยืนยันว่า  เสือได้  ใช้ลิ้นเลีย  ใต้ฐานเทวะรูปเเล้ว  เเละพบว่า  มีการดูดซึมน้ำเพียงเล็กน้อย 

ซึ่งสันนิษฐาน   จากการทดสอบว่า  เผาในอุณหภูมิที่สูง  พอสมควร  เเม้ว่า  การที่น้ำในเเหล่งนั้น  จะมีสภาพความเป็น  เบส  ที่สูง

ซึ่ง  เบส  มีผลต่อการลดอุณหภูมิในการเผา  ซึ่งจะอยู่ใน  ช่วง  อุณหภูมิประมาณ  790  เเต่ไม่ถึง  1150  เพราะนอกจากดูสี 

เลีย  เพื่อดูการซึมน้ำ  ยังลองใช้  เล็บขูดใต้ฐาน  ปรากฎว่า   ไม่ร่อนหลุด

สนิทกันกับเจ้าของร้านเลยขอทดสอบเพื่อชี้เเจงให้เจ้าของร้านสบายใจ  เมื่อทราบถึงข่าวเรื่องเศษผ้า  ชิ้นเนื้อ


ขอรับรองด้วยประสปการณ์จากประสปการณ์ทำงาน  ศูนย์วิจัย





ข้อมูลเค้าแน่นจริงๆ นี่แหล่ะผู้เชียวชาญมาเอง หุหุหุหุ

ชื่นชมคุณเสือฯ ที่นำข้อมูลอีกด้านหนึ่งในเชิงเทคนิคมาอธิบายได้เข้าใจกัน
WELCOME TO HINDUMEETING

เรียน สมาชิกเก่าและสมาชิกใหม่ของเว็บ HinduMeeting
ขอความกรุณาทุกท่านศึกษากฎ กติกา มารยาทของเว็บด้วยนะครับ

http://www.hindumeeting.com/forum/index.php?topic=1423.0


คริ คริ แจ่มเลยค่ะ น้องเสือ นี่แหละ วิทยาศาสตร์เป็นสิ่งพิสูจน์ได้เสมอ 555 ขอบคุณที่เป็นห่วงพี่นะคะ พี่เข้มแข็งเสมอจ้า (แหม ผ่านร้อนผ่านหนาวมา 30 กว่าฝน) 5555