Loader

จุด ตึงเสียว ระหว่าง หน้าผาก เกี่ยว อะไร กับ สายเทพ ป่าว คับ

Started by Den Thaiman, February 14, 2010, 02:04:05

Previous topic - Next topic

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.


อืม...ไม่จำเป็นต้องใส่ใจมากก็ได้ครับ
มันเป็นจักกระจุดหนึ่ง
ลองไปศึกษาเรื่่องจักระ 7 ฐานดูก็แล้วกัน
เหมือนเป็นจุดรับพลังงานได้จุดหนึ่งน่ะครับ
หากมีพลังงานเข้ามากระทบ มันก็รู้สึกอย่างนั้น
ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องเป็นสายเทพเท่านั้น

หากเคยฝึกพวกพลังจักรวาล หรือจักระเทือกๆ นี้มาก่อน
ก็อาจจะฝึกได้ง่ายขึ้น น่ะครับ...

ควรใส่ใจเรื่องการปฏิบัติสมาธิ มีสติ มีสัมปชัญญะ
เพื่อความสงบกาย สงบใจ จะดีกว่าใส่ใจเรื่องพวกนี้
หากเขาจะมีทางดำเนิน ก็คงจะได้ทราบเองแหละครับ

ของพวกนี้ เป็นผลพลอยได้จากการที่ได้เคยปฏิบัติมาก่อน
ถ้าปฏิบัติฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ก็อาจมีประโยชน์ได้
แต่ไม่ควรยึดติดในศาสตร์ที่ไม่ทำให้พ้นทุกข์อย่างแท้จริงครับ

ขอบคุณ พี่โอม มากๆ เลย คับ

ได้ความรุ้ เพิ่มขึ้น และ กระจ่าง ครับ

แต่ไม่ควรยึดติดในศาสตร์ที่ไม่ทำให้พ้นทุกข์อย่างแท้จริงครับ


ประโยคนี้เห็นด้วยกับคุณOam อย่างยิ่ง   การฝึกสมาธิ หรือ โยคะ ไม่ว่าจะศาสตร์ไหนๆ

หรือแม้แต่กรรมฐานในทางพุทธ  เมื่อไปถึงจุดๆนึงแล้ว  คนส่วนใหญ่มักจะหลงใหลได้ปลื้ม

ติดอยู่กับญาณวิเศษต่างๆที่ได้มา  เหมือนที่ในทางพุทธ เรียกว่าอภิญญาญาณ

......  จนส่วนใหญ่ลืมเป้าหมายหลัก  เป้าหมายสำคัญ  แก่นแท้แห่งความหลุดพ้นไปคะ


ขอบคุณทั้งพี่โอม  และ พี่กิ๊ฟซี่นะคะ


..

[HIGHLIGHT=#92d050]เมตตามหานิยม อยู่ที่...คุณธรรม[/HIGHLIGHT]


ก็ตอบเท่าที่พอทราบน่ะครับ..
ท่านอื่นที่อาจมีประสบการณ์และมีความรู้มากกว่าผม มีมากมายครับ

แต่ที่ผมเป็นห่วงคือ หากน้องเป็นพุทธศาสนิกชน หรือ ฮินดู ก็ตาม
หากมีประสบการณ์ดังกล่าว แล้วคิดว่าเป็น connection ทางสายเทพ
แล้วมีคนมาชวนไปรับขันธ์ อะไรเทือกนี้ ก็ขอให้ใช้วิจารณญาณให้หนักๆ หน่อย

หากเราเป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ไม่ว่าเทพเจ้าเหล่าใด
ก็คุ้มครองรักษา และหาทางสื่อสารกับเราเอง ถ้าเรามีคุณสมบัติถึง
เช่น ปฏิบัติสมาธิ จนจิตสงบ นิ่ง เป็นกลาง ในระดับหนึ่งแล้ว
หากโอปปาติกะ ต้องการติดต่อ ก็อาจทำได้ครับ ไม่เห็นต้องรับขันธ์อะไร
หากติดต่อไม่ได้ ท่านก็มีหน้าที่คุ้มครองเรานั่นแหละ
อาศัยเพียงเราศรัทธาที่มั่นคง มีสมาธิที่ดี ทำบุญ ปฏิบัติธรรม
แล้วถวายกุศลให้เทพพรหม เทวา ที่คุ้มครองเรา ก็พอแล้วครับ
ไม่จำเป็น แม้จะต้องไปรู้นามของท่านด้วยซ้ำไป

ผมไม่ได้บอกว่าการรับขันธ์ หรือการเป็นร่างทรง ไม่ดี
ถ้าถูกกำหนดมา ก็อาจเป็นด้วยชะตา มันจำเป็น ก็คือต้องทำ
แต่หากไม่จำเป็น ก็ไม่ใช่สิ่งที่ต้องไปทำครับ
เพราะไม่ใช่ทั้งวิถีของทั้งพุทธ และฮินดู..
หากเป็นศาสนิกชนที่ดี ก็พึงพิจรณาให้รอบคอบก่อนนะครับ


อย่าศรัทธาหูเบา หรือหลงเชื่ออะไรง่ายๆ โดยขาดการไตร่ตรองนะครับ
เราควรเป็นตัวของเราเอง พระรัตนตรับ หรือพระเป็นเจ้า คือหลักของเรา 
ต่อให้สวดมนต์ไม่เป็นซักคำ แต่ถ้าเครพ บูชาท่านด้วย "จิตที่บริสุทธิ์"
ท่านย่อมรับทราบแน่นอนครับ..อย่าได้กังวล

สำหรับจุดตึงๆ นั้น เป็นอาการปกติ เมื่อเกิดสัมผัสกับพลังงานครับ
เป็นไปนานๆ ก็อาจหายไปเอง และเกิดขึ้นเป็นระยๆ ...
แต่หากอยากฝึกจักระ ก็อาจลองหาหนังสือมาศึกษาก่อน
แล้วถ้าอยากฝึกจริงๆ ลองปฏิบัติเองดูก่อน อาจสำเร็จก็ได้
แต่ถ้าไม่แน่ใจก็ควรหาครูอาจารย์ที่มีความรู้จริง เป็นผู้ฝึกให้นะครับ
ผมก็เห็นมีเปิดสอนอยู่ครับ

บางคนฝึกพลังจักรวาล (จักระ 7ฐาน) แล้วหมุนจักรได้
ก็พอใช้รักษาตนเอง และผู้อื่นได้บ้าง ตามศักยภาพ น่ะครับ
แต่ก็พึงทราบไว้ว่า มันเป็น "วิชา" อย่างหนึ่ง ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์
มันไม่ใช่ "วิชชา" ที่หมายถึง ความรู้อันนำไปสู่ความหลุดพ้น
ตามแนวทางของพุทธศาสนา
หรือแม้แต่ฮินดู..ก็อย่างที่คุณกิฟซี่ ได้บอกไว้แล้วน่ะครับ

พลังพวกนี้ มีทั้งพลังร้อน และพลังเย็น
ไม่ใช่ว่าทุกคนจะถูก หรือเข้ากันได้กับพลังงานเหล่านั้นเหมือนกัน
พลังงานบางอย่าง เหมาะสมกับบุคคลหนึ่ง
แต่อาจไม่เหมาะสม กับอีกบุคคลหนึ่งก็เป็นได้

บางคนฝึกได้ เอาไปใช้ได้ก็มี
บางคนฝึกได้ แต่เอาไปใช้ไม่ได้ก็มี
หรือบางคนฝึกได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่คิดว่าตัวเองทำได้ ก็มี
มันเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคลจริงๆ ครับ

น้องต้องรอบคอบนะครับ
เราคือเรา ท่านคือท่าน
แผ่เมตตาให้ตนเอง ให้ผู้รักษาตัวเรา แล้วท่านจะรักษาเราครับ
ส่วนท่านจะเป็นใคร ไม่ต้องใส่ใจครับ
ของอย่างนี้ ผลัดเปลี่ยน หมุนเวียนกันได้ เป็นวาระ ตามหน้าที่ครับ

แม้แต่จิตของคน ดังพระพุทธวจนะ ที่ว่า..
มนุษย์ ที่เป็นคน
มนุษย์ ที่เป็นเทพ
มนุษย์ ที่เป็นเดียรัจฉาจ
มนุษย์ ที่เป็นเปรต
มนุษย์ ที่เป็นอสูรกาย
เป็นต้น...

มันก็ขึ้นอยู่กับสภาพจิตของเรานั่นแหละครับ
เพียงแต่ร่างกายของเรา ไม่ได้เปลี่ยนไปตามเท่านั้นเอง

เพื่อความปลอดภัยด้วยประการทั้งปวง...พึงยึดคติ
"ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" เป็นอันดับแรก นะครับ
อย่า "ศรัทธาโดยประมาท เมตตาโดยขาดสติ" นะครับ
เพราะมันจะนำภัยมาสู่ตน

ขนาดของใช้อุปโภค บริโภคยัง มีคำเตือนเลยว่า..
"โปรดอ่านคำเตือนบนฉลากก่อนใช้ทุกครั้ง"
แล้วชีวิตของเรา จะไม่รอบคอบได้อย่างไร!!!

 

     นี่ความเห็นส่วนตัวนะค่ะ   การฝึกในสายนี้โอกาสหลงเข้ารกเข้าพงมีเยอะ

  ดังนั้นคุณจึงจำเป็นต้องหาคุรุหรือครูบาอาจารย์ที่ดี  พอจะแนะนำได้  ไม่ว่าจะเป็นการฝึกในสายพุทธ หรือ สายอื่นๆก็เถอะ

เพราะการฝึกจิต ฝึกสมาธิประเภทนี้ตลอดจนความฝันทั้งหลาย   สามารถเจือปนไปด้วยอุปทานล้วนๆคะ

บางสำนัก  เค้าจะสอนถึงวิธีการดูจิตเลย  ว่ายังเต็มไปด้วยอุปทานหรือเปล่า

    แต่นี่ความเห็นส่วนตัวนะค่ะ  ฝึกสมาธิแบบจิตแน่วแน่  ถ้าฝึกๆดี  โอกาสหลงน้อยกว่าคิด เพ้อฝัน หรือนิมิตรกันไปเองเยอะแยะ


ขอบคุณพี่โอม มาเลย ครับ พี่ให้ ข้อมูล ที่ รายละเอียด

ส่วนตัว ผม ขอ เดินทาง ตามแนวพุทธ กับ ศรัทธาแห่งเทพ เป็นแรงบันดาลใจ ในการ ปะติบัดและ ทำความดีต่อไป คับ
ไหว้พระ ดว้ยใจบริสุด โดย ไม่เกี่ยวกับ การทรงเจ้าคับ
ขอบคุณ ครับ