Loader

ท่านใดเคยสังเกตไหมว่า พระขันธกุมาร

Started by สฺวสฺติ, February 24, 2009, 16:48:31

Previous topic - Next topic

0 Members and 3 Guests are viewing this topic.

     จากองค์เทพในศาสนา ฮินดู หรือ องค์บูชา หรือในรูปภาพบูชาต่าง ๆ จะมีสัญลักษณ์ โอม กำกับซะเป็นส่วนใหญ่ และวันหนึ่งคุณกาลิทัส ก็ให้ผมได้ความรู้ ว่ายังมี โอม ภาษาทมิฬ อีกแบบหนึ่ง จนได้เห็นว่าหน้าตาเป็นเช่นไร
     และผมก็สังเกตุ ต่อไปอีกว่า จากการที่ผม สะสมรูปภาพไว้เยอะ ก็สังเกตุไปเห็น ว่า องค์พระขันธกุมาร จะมีสัญลักษณ์ โอม แบบภาษาทมิฬ เสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะเหตุใด หรือว่า แถวพื้นที่นั้น ได้รับค่าความนิยมในด้านการนับถือ องค์พระขันธกุมาร มากกว่า อื่น ครับ มีใครพอทราบไหมครับ สงสัย อิอิ
    
    ทมิฬ โอม


โอม แบบปกติ

เรียนคุณ สัตตเทวบุตรคับ
...คือเท่าที่ผมทราบมา ประมาณว่า พระขัณฑกุมารนั้น ท่านมีถิ่นกำเนิดในทางอินเดียภาคใต้คับ...จึงเป็นเทพที่ชาวอินเดียใต้ ให้การเคารพนับถือกันมาก แต่ในทางอินเดียเหนือ ส่วนใหญ่นับถือว่าเป็นองค์เดียวกับพระคเณศ หรือก็อาจจะมีบ้าง ที่นับถือพระขัณฑกุมาร แต่ก็มีน้อยมาก
...อะไรประมาณนี้คับ คือคำตอบผมอาจจะดูติงต๊องหน่อยนะคับ เพราะว่ามีคนรู้จักเขาเล่าให้ฟังแบบนี้อ่าคับ ยังงายครายรู้ช่วยเพิ่มเติมที ผมคนความรู้น้อยด้อยปัญญาคับ...

Quote from: s_untan_o on February 24, 2009, 19:34:36
เรียนคุณ สัตตเทวบุตรคับ
...คือเท่าที่ผมทราบมา ประมาณว่า พระขัณฑกุมารนั้น ท่านมีถิ่นกำเนิดในทางอินเดียภาคใต้คับ...จึงเป็นเทพที่ชาวอินเดียใต้ ให้การเคารพนับถือกันมาก แต่ในทางอินเดียเหนือ ส่วนใหญ่นับถือว่าเป็นองค์เดียวกับพระคเณศ หรือก็อาจจะมีบ้าง ที่นับถือพระขัณฑกุมาร แต่ก็มีน้อยมาก
...อะไรประมาณนี้คับ คือคำตอบผมอาจจะดูติงต๊องหน่อยนะคับ เพราะว่ามีคนรู้จักเขาเล่าให้ฟังแบบนี้อ่าคับ ยังงายครายรู้ช่วยเพิ่มเติมที ผมคนความรู้น้อยด้อยปัญญาคับ...

ขอบพระคุณครับ กับคำตอบ ก็ได้ความรู้เพิ่มมาอีกระบดับหนึ่งครับ ขอบคุณครับ
แหม๋ ถ้าเป็นไทยบ้านเรา องค์ท่าน คงแหล่ง ทองแดงนะครับ เนี่ย (อิอิ ล้อเล่นนะครับ ขำๆๆ   )

อย่างที่น้องซันบอกครับ ต้นกำเนิดของพระองค์มาจากอินเดียใต้ครับ งานเฉลิมฉลองที่เกี่ยวกับพระองค์ส่วนมาก ก็จะถูกจัดขึ้นเฉพาะทางอินเดียใต้ครับ เอาไว้ผมจะเอาประวัติท่านมาลงให้ได้อ่านกันครับผม

แต่ค่อนข้างยาวซักนิดครับ

คัดลอกมาจากเว็บ www.nangindia.com ค่ะ คุณ Loveaishwarya เขียนไว้
เห็นได้ความรู้ดีเลยเอามาฝากค่ะ

ทำไมต้องเป็นพระมุรุกัน เป็นพระพิฆเนศไม่ได้เหรอ สำหรับชาวทมิฬ

มันมีตำนานอยู่ตำนานนึงครับที่พระศิวะได้มะม่วงมาผลนึงแล้วจะแบ่งให้พระโอรสทั้งสองพระองค์แต่พระองค์อยากจะรู้ว่าใครจะฉลาดกว่ากันพระองค์จึงออกอุบายให้ลูกทั้งสองเดินทางรอบโลก ใครเดินทางรอบโลกครบ 7รอบได้ก่อนก็จะได้มะม่วงนี้ไป และพระศิวะจะจัดพิธีแต่งงานให้ด้วยดังนั้นพระมุรุกันจึงทรงนกยูง และเดินทางรอบโลกทันทีส่วนพระพิฆเนศพระองค์ทรงใช้สติปัญญาและได้กระทำการเดินวนรอบพระศิวะและพระแม่เจ้าอุมาเทวี เพราะเชื่อตามตำราเวทางคศาสตร์ที่กล่าวว่าบิดาเปรียบได้ดั่งท้องฟ้า มารดาคือมหาสมุทร(บ้างว่าบิดาคือจักรวาลมารดาคือโลก) พระศิวะเห็นในสติปัญญาของลูกชายจึงได้มอบมะม่วงให้แก่พระพิฆเนศ ทั้งยังจัดพิธี แต่งงานกับ สิทธิและฤทธิ(บ้างว่าสิทธิและพุทธิ) เมื่อพระมุรุกันกลับมาจึงโกรธมากและได้หนีจากครอบครัวตนเอง ลงไปยังดินแดนทางใต้(ทมิฬนาฑู)และได้สร้างบารมีและสั่งสอนผู้คนชาวทมิฬชาวทมิฬจึงรักและเคารพในพระมุรุกันมาก พระมุรุกันทรงสั่งสอนสานุศิษย์ของพระองค์ที่ดินแดนภาตใต้อยู่นาน ทำให้มีคนศรัทธาท่านมากขึ้นๆ
นี่แหละคนทมิฬถึงรักท่านนักหนา

Thai Pusam วันประสูติพระขันธ์กุมาร
พระมุรุกันทรงมีหลายปางหลายพระนามและหลายตำนานเรื่องเล่าด้วย ตำนานที่ผมเล่านี้เป็นความเชื่อของชาวทมิฬนะครับ

พระศิวะทรงเป็นผู้สร้างพระมุรุกันขึ้นด้วยการลืมเนตรที่สามของพระองค์เกิดเป็นเด็กหนุ่มรูปงาม 6 คนด้วยกันและพระศิวะทรงได้มอบให้นางดาวลูกไก่เป็นคนเลี้ยงดูที่นักษัตริย์โลกเพราะมีอสูรร้ายตนนึงถูกสาปว่าจะไม่มีใครฆ่ามันได้นอกจากลูกของพระศิวะเท่านั้นมันจึงฆ่าเด็กชายทุกคนที่เกิดขึ้น พระเป็นเจ้าก็ไม่สามารถทำอะไรมันได้พอพ้นเวลาพระมุรุกันโตขึ้นเป็นหนุ่มพระศิวะและพระแม่อุมาเทวีก็ไปรับพระมุรุกันมาเลี้ยงดูที่เขาไกรลาศพระแม่อุมาเทวีทรงใช้พลังแห่งพระนางกอดรัดเด็กทั้ง 6คนให้กลายเป็นคนเดียวต่อมาพระมุรุกันก็ได้ทรงฆ่าอสูรตนนั้นตายด้วยหอก(Vel)ที่ได้รับมาจากพระแม่อุมาเทวี
อสูรร้ายตนนี้ได้แยกเป็นสองส่วน คือนกยูง และไก่ สุดท้ายได้เป็นบริวารของพระมุรุกัน

พระอินทร์จึงคิดตอบแทนพระคุณของพระมุรุกัน จึงมอบลูกสาวคนนึงให้นามว่าเทวเสนาหรือเทวยานี ให้แต่งงานกับพระมุรุกัน มีงานฉลองอย่างใหญ่โตต่อมาพระมุรุกันก็ได้รับชายามาอีก 1 คนเป็นเจ้าหญิงทมิฬ นามว่า Valliวัลลี โดยพระองค์แปลงกายลงไปเป็นโยคีหนุ่มหล่อแล้วสร้างมายาให้เป็นช้างใหญ่วิ่งไล่นางวัลลีพอนางวัลลีเห็นช้างใหญ่ก็ได้วิ่งหนีและเข้าสู่อ้อมกอดของพระมุรุกันในที่สุดพระมุรุกันก็ได้กลายร่างจากโยคีเป็นพระมุรุกันเมื่อนางวัลลีเห็นพระมุรุกันก็หลงรัก และได้แต่งงานกันเองแบบเงียบๆ

เมื่อความเข้าหูนางเทวยานี ชายาคนแรก พระนางก็โกรธมากเมื่อพระมุรุกันพานางวัลลีมาที่วิมานก็เกิดเหตุทะเลาะตบตีแย่งพระมุรุกันระหว่างชายาทั้งสองสุดท้ายพระมุรุกันจึงออกมาห้ามและกล่าวแก่ชายาทั้งสองว่าเดิมทีทั้งสองเป็นพี่น้องกันในอดีตชาติคนโตคือเทวยานีได้สวดมนต์บูชาพระมุรุกันตลอด มีความตั้งใจมากส่วนคนเล็กไม่ค่อยตั้งใจเท่าไหร่คนโตคือเทวยานีจึงได้เกิดเป็นลูกสาวพระอินทร์และได้แต่งงานกับพระมุรุกันก่อน ส่วนคนเล็กได้เกิดเป็นวัลลีลูกสาวกษัตริย์ทมิฬจึงได้แต่งกับพระมุรุกันทีหลังชายาทั้งสองจึงปรับความเข้าใจกันได้และเลิกทะเลาะตบตีกัน

องค์ที่ยืนทางด้านซ้ายมือของพระมุรุกัน ขวามือของเรา(เวลาดูรูป)คนนั้นคือ Devayani
องค์ที่ยืนทางด้านขวามือของพระมุรุกัน ซ้ายมือของเรา (เวลาดูรูป) คนนั้นคือ Valli

แต่มีวิธีดูง่ายกว่านั้นอีก ชายาคนไหนหน้าออกเขียวๆคล้ำๆคนนั้นคือวัลลี

พระแม่วัลลีมีผิวคล้ำเพราะ เขาถือว่าพระองค์เป็นเจ้าหญิงทมิฬครับเลยมีผิวแบบนี้

อีกอย่างทำให้แยกได้ง่ายด้วยว่าคนไหนคือเทวยานีคนไหนคือวัลลีครับ



ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับ ^^

(มาตามอ่านไปเรื่อยๆ) ^^

จากที่คุณ sitara ตอบกระทู้ผมขอเพิ่มส่วนที่เป็นภาพให้ครับ ภาพชุดนี้มีที่มาจาก http://palani.org ครับ

เป็นเว็บไซด์ให้ความรู้เกี่ยวกับพระขันทกุมารครับ



ท่านนารัทมุนีนำมะม่วงมาถวายแก่พระศิวะครับ



พระศิวะทรงตรัสว่าผู้ใดเดินทางได้รอบจักรวาลก่อนผู้นั้นจะได้รับผลมะม่วงเป็นของรางวัล



พระขันทกุมารจึงรีบรุทขึ้นขี่นกยูง พาหนะประจำพระองค์เพื่อเดินทางรอบจักรวาล แต่พระเคนชกลับยืนอยู่กับที่



จากนั้นพระเคนชได้ทำการทักษิณา คือเดินรอบพระศิวะและพระแม่ปารวตี แล้วกล่าวว่าตนได้เดินทางไปรอบจักวาลแล้วเป็นที่เรียบร้อย เพราะพระศิวะเป็นพ่อแห่งจักรวาล พระแม่ก็ทรงเป็นแม่แห่งจักรวาล ดังนั้นแล้วพระองค์คือจักรวาล



เมื่อพระคเนชได้แสดงปัญญาของตนไห้พระศิวะและพระแม่ปารวตีเห็นแล้ว พระศิวะจึงได้มอบมะม่วงผลนั้นแก่พระเคนชเป็นรางวัล



เมื่อพระขันทกุมารเดินทางมาถึง จึงได้ขอประทานรางวัลแก่ตน เพราะทรงทอดพระเนตรเห็นแล้วว่า พระเคนชยังไม่ได้เดินทางแม้แต่น้อย แต่ตนไปมาแล้วรอบจักรวาล แต่ของรางวัลนั้นได้มอบให้แก่พระเคนชเสียแล้ว



ด้วยความน้อยพระทัยแต่พระศิวะและพระแม่ปารวตี พระองค์จึงได้หนีครอบตัวตนเองไปอยู่ทางใต้ (ทมิฬนาดู)



และบริเวณที่พระองค์ไปอยู่นั้นเรียกว่าเทือกเขา ปาลานี พระองค์ได้สอนสิทยานุสิทธิ์ไว้มากมาย จนได้รับการเคารพบูชามาจนถึงปัจจุบัน



จบครับ
ตำนานของพระองค์มีอีกหลายตำนาน ไว้ผมจะเอามาลงให้ครับ

อืมมมม เทวเสนา  กับ วัลลี  ไม่ใช่เหรอครับ 
[HIGHLIGHT=#000000]*****จยันตี มังคลา กาลี  ภัทรกาลี กปาลิณี*****  [/HIGHLIGHT]

หุหุ  นานๆจะมีคนกล่าวถึงท่านซะที
   บทความนี้ผมเคยแปลไว้ให้อ่านเล่นๆกันละในคลับ  ตอนนี้กำลังจะแปลเรื่อง กาวาดี กับที่มาของเขาปาลานี  ยังไง  แลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้นะครับ
  เพื่อนๆรออ่านกันแน่ๆเลย   อดใจรอนะครับ 
[HIGHLIGHT=#000000]*****จยันตี มังคลา กาลี  ภัทรกาลี กปาลิณี*****  [/HIGHLIGHT]

ขอบคุณค่ะ  สำหรับเรื่องราวของพระขันธะกุมาร



แต่ยอมรับตามความรู้สึกนะคะ

ว่าท่านรูปงามมาก
[HIGHLIGHT=#92d050]เมตตามหานิยม อยู่ที่...คุณธรรม[/HIGHLIGHT]