Loader

ประวัติมารีอัมมา

Started by hindu, March 27, 2009, 11:36:23

Previous topic - Next topic

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

สวัสดีครับคุณ กาลิทัส ฟังประวัติประแม่ มีนาคชีกันมามาก แล้ว แต่ยังไม่มีใครเผยประวัติที่แท้จริงของมารีอัมมาบ้างเลยครับ ทั้ง ๆ ที่หลาย ๆ ท่านบูชาพระนางแต่ยังไม่เคยมีใครนำประวัติ เต็ม ๆมาลงเลยครับ รู้แต่เป็นเทวีแห่งไขทรพิษแค่นี้เอง อยากทราบครับ

คุณ hindu จะเอาภาคไหน ปางไหนละค่ะ
                                          บิวตี้นะค่ะ
                    [HIGHLIGHT=#ffffff]"เพราะเรามีจิตวิญญาณเดียวกัน"[/HIGHLIGHT]
                                                   

มหามารีอัมมาครับ หรือ การุมารีอัมมาครับ รบกวนด้วนครับ


  แปะโป้งไว้ซักหน่อยนะครับ ตอนนี้ requirement เยอะมาก ผมตอบไม่ทัน เด๋วผมทยอยตอบของเก่าๆ ก่อนนะครับ

March 31, 2009, 20:24:28 #5 Last Edit: April 01, 2009, 09:41:49 by �เฟิร์ส—♀คิต}
มารีอัมมันนั้นเป็นพระนามอีกพระนามหนึ่งขององค์พระแม่ศรีมหาอุมาเทวีเป็นปางที่นิยมบูชากันในอินเดียใต้ครับ กล่าวกันว่าปางมารีอัมมันนี้เป็นปางที่รวมเอาทุกปางขององค์พระแม่ศรีอุมาเทวี ไว้ในองค์เดียวกันคือองค์พระแม่มารีอัมมัน เป็นคติธรรมที่ว่า -->(ในความดีย่อมสิ่งไม่ดีอยู่ด้วยเสมอไป ไม่มีใครที่ดีพร้อมไปหมดทุกอย่าง) นั้นเป็นการบอกถึงนำพระทัยขององค์พระแม่ที่มีต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายครับ เพราะแม้ในหมู่แห่งคนประพฤติบาปทั้งหลาย พระแม่ท่านก็ยังยินดีที่จะไปโปรดเพื่อให้เขาเหล่านั้นพ้นทุกข์ครับ เพราะในความไม่ดีย่อมจะมีความดีอยู่ถึงแม้จะน้อยนิดก็ตาม ส่วนพระนามทั้ง108 ผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นพระนามเดียวกับพระแม่ศรีอุมาเทวีครับ เพราะเป็นองค์เดียวกัน ตามประวัติของปางมารีอัมมันนั้นเท่าที่รู้มานะครับคนทั้งหลายนิยมยกย่องพระองค์ว่าเป็นพระแม่แห่งการปราบไข้ทรพิษครับ เพราะพระกรุณาของพระองค์เองครับที่มีในหมู่สรรพสัตว์ทั้งหลาย แต่สำหรับผมการบูชาพระแม่ขอให้ท่านบูชาด้วยใจที่ศรัทธาและบริสุทธิ์เถอะครับ พระแม่ท่านย่อมจะแผ่พระกรุณาช่วยเหลือสานุศิษย์ ทั้งหลายในความเดีอดร้อน และในคราวที่ต้องการพระพรจากพระองค์แต่ขอให้พรที่ขอนั้นอยุ่ในศีลธรรมและไม่เกินกรรมของ สานุศิษย์เองครับ
การบูชาพระแม่ก็ น่าจะเหมือนการบูชาองค์เทพตามปกติคือถวายธูปหอมกำยานดอกไม้หอม ผลไม้ และน้ำนม น้ำบริสุทธฺ ครับ และถวายประทีป อารตี ครับ


ข้อความคัดลอกมาจากเว็บ http://www.buildboard.com
No [HIGHLIGHT=#ffffff]one [/HIGHLIGHT]is PERFECT

March 31, 2009, 21:57:24 #6 Last Edit: April 01, 2009, 08:00:45 by กาลิทัส
ดูสักนิดนะค๊ะ คัดกรองข้อมูลมาก่อนก็ดีค่ะ
[HIGHLIGHT=#000000][/HIGHLIGHT]

แก้ไขแล้วงับ
No [HIGHLIGHT=#ffffff]one [/HIGHLIGHT]is PERFECT

April 01, 2009, 08:04:18 #8 Last Edit: April 01, 2009, 08:10:31 by กาลิทัส
บางทีก่อนผมจะลงบทความอะไร ผมก็จะพิมพ์ใส่ไมโครซอฟเวิล์ดก่อน แล้วค่อยก็อปปี้ลงครับ มันก็ติดโค้ดแบบนี้เหมือนกัน แล้วค่อยมาปรับแก้จากบอร์ดทีหลัง

  บางครั้งการคัดกรองบทความก็เป็นสิ่งที่ดีครับ ผมเองก็เคยมีบทเรียนกับเรื่องนี้มาแล้ว แต่เพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่าน ก็ควรคัดกรองคำพูด ให้เหมาะสมและให้กำลังใจผู้โพสด้วยนะครับ



   รู้แล้วคับ แป็บนึงๆ

  พอดีไปอ่านเจอในเว็บพันธุ์ทิพย์ครับ เลยรีบเอามาลงก่อน เด๋วคุณ hindu ตามไปบ่นกระทู้อื่น ประวัติมารีอัมมา เห็นว่าอ้างอิงมาจากงานสารนิพนธ์ของ วรรณพรรธน์ เรืองทรัพย์ ที่หอสมุดมหาวิทยาลัยศิลปากรท่าพระครับ โพสไว้โดยคุณ อชันฏา

ตำนานคร่าวๆของนาง คือนางเป็นเมียของฤาษีองค์หนึ่งซึ่งอ้างว่าเป็นภาคหนึ่งของพระศิวะ(ดิฉันจำไม่ได้เสียเเล้วว่าชื่ออะไร) เเล้วพระนางมารีอัมมันตอนเป็น คน ชื่อ เรณุกา เธอเป็นคนมีความสามารถพิเศษโดยการปั้นหม้อดินด้วยมนตร์โดยเอาดินจากก้นเเม่น้ำขึ้นมา เเล้วตักน้ำเอามาให้สามีบูชาเทพทุกเช้า

วันหนึ่งเธอก็ไปที่เเม่น้ำตามปกติ เเต่บังเอิญเจอครธรรพ์กำลังทำอะไรกันอยู่ ด้วยความที่เธอเกิดอารมณ์ ทางเพศ ทำให้ความเป็นพรหมจรรย์ของเธอสิ้นสุดลงพร้อมด้วยอำนาจวิเศษที่ว่า เมื่อสามีฤาษีของเธอรู้ความจริง จึงสั่งให้เนรเทศนางไปจากอาศรม หลังจากนั้น ก็ถามลูกๆทั้งสี่คนว่า ใครจะยอมไปฆ่าเเม่ตัวเองได้บ้าง..

มีลูกชายชื่อปรศุรามยอมทำโดยให้เหตุผลว่า คำสั่งของบิดาย่อมสำคัญที่สุด เลยถือขวานไปบั่นคอเเม่ ซึ่งขณะนั้นเองนางเรณุกาหนีไปอยู่ในกระท่อมของหญิงจัณฑาล บังเอิญว่าตอนนั้นมืดเเล้วหญิงสองคนนั้นกอดกันด้วยความกลัว ทำให้ปรศุรามบั่นคอทั้งสองคนพร้อมๆกันเเล้วปรศุรามก็หิ้วหัวเเม่กลับมายังอาศรม บอกพ่อว่าจะขอพรสักอย่างได้ไหม ฤาษีผู้พ่อเลยอนุญาต ทีนี้ปรศุรามเลยขอชีวิตเเม่คืน

ฤาษีพ่อเลยเอาน้ำทิพย์ให้ไปพรมลงที่ต้นคอพร้อมกับต่อหัวด้วยอารามดีใจ ปรศุรามจึงรีบไปที่กระท่อมหลังนั้นเเล้วจัดการต่อหัวอย่างรีบเร่ง

เเต่ดันต่อสลับกัน..หัวเเม่ กับ ร่างจัณฑาล หัวจัณฑาล กับร่างเเม่..

กรรม..พอเรณุกากับจัณฑาลมีอันต้องเป็นไปเช่นนี้ ฤาษีผู้พ่อจึงบอกว่า



ในเมื่อร่างกายของเจ้าเป็นเช่นนนี้ ก็ไม่สมควรอยู่ในอาศรมของข้า ฉะนั้นก็ไปอยู่ข้างนอกโน่น เป็นเทพีรักษาโรคฝีดาษ ถ้าเจ้ามีหัวของเรณุกา เจ้าคือมารีอัมมา เเต่ถ้ามีหัวของจัณฑาล เจ้าจะมีชื่อว่า เอลล่าอัมมา Ellamma ทั้งสองจะเป็นเทพีประจำหมู่บ้านของชาวทมิฬนาฑุ
ที่วัดเเขกสีลม คือส่วนหนึ่งของมารีอัมมันเท่านั้น..จากการศึกษา
ในเชนไน หรือทมิฬนาฑุ มารีอัมมันมีสองเเบบ คือ หัวเป็นมนุษย์กับอสูร(เอลล่าอัมมา) เเต่เขาจะเรียกรวมกันว่า อัมมา หรือ มารี เเละอีกหลายๆชื่อ คนทมิฬถือว่าเป็นภาคหนึ่งของพระอุมาทีเดียว(ในฐานะเทพีประจำท้องถิ่น ส่วนใหญ่เป็นเทพรองในเทวาลัย หากเป็นเทพีประธานจะถือเป็นภาคหนึ่งของอุมา) เเต่ในวัดเเขกสีลมประเทศไทย ถือว่าเป็นตรีมูรติของเทพี (ในระดับเทพีประธานของวัด)

November 14, 2009, 11:55:54 #12 Last Edit: November 15, 2009, 12:14:29 by plawan22
บุตรองค์ที่ตัดหัวนางเรณุกา คือ"ปรศุราม"เป็นอวตารปางหนึ่งของพระวิษณุ และอยู่มาถึงพระกฤษณะอวตาร

ตอนที่บุตรขอพรฤๅษี บุตรขอพรให้มารดาตนเองมีความ"บริสุทธิ์"อีกครั้ง

โอ้โห...ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ

[HIGHLIGHT=#92d050]เมตตามหานิยม อยู่ที่...คุณธรรม[/HIGHLIGHT]

November 15, 2009, 12:28:41 #14 Last Edit: November 15, 2009, 12:31:11 by plawan22
อินเดียเหนือก็มีเจ้าแม่ฝีดาษนะครับ

คือ พระแม่ศีตลา
http://en.wikipedia.org/wiki/Shitala_Devi


ฤๅษี
องค์ที่สั่งให้ปรศุรามตัดเศียรมารดา ชื่อฤๅษีชมทัคนี

ผมสับสนกับประวัติเจ้าแม่เรณุกานิดนึง

ในลิลิตนารายณ์สิบปางเรื่องปรศุราม ฤๅษีไม่ได้ไล่นางออกจากอาศรม เพราะเนื้อเรื่องต่อไปถึงมีกษัตริย์องค์นึงประทับในป่า แล้วนางเรณุกามาเห็น เลยต้อนรับกษัตริย์ นางเรณุกาไปขออาหารอย่างดีจากแม่โคอสุรภี(โคกามเธณุ)เพื่อนำมาเลี้ยงกษัตริย์ จนกษัตริย์สงสัยเลยถามว่าเอาอาหารมาจากไหน นางเรณุกาตอบว่าเอามาจากแม่โคอสุรภี กษัตริย์ขอวัวตัวนี้ และวัวตัวนี้มีลูก1ตัว นางเรณุกาไม่ให้ กษัตริยืก็ต่อรองก็ลูกมันไปแทน นางบอกว่าท่านอย่าใจร้ายพรากแม่ลูก กษัตริย์โมโหมากๆ เลยเอาตัวแม่โคอสุรภีกลับไป

แล้วฤๅษีชมทัคนีกลับมา ปลอบใจนางเรณุกา แต่นางใจเย็นไม่ได้ จนลูกชายปรศุรามกลับมา ขอให้ลูกชายแก้แค้นให้แม่........แล้วเรื่องก็ยาวครับ

เล่าต่ออีกสิคะ ^^
[HIGHLIGHT=#92d050]เมตตามหานิยม อยู่ที่...คุณธรรม[/HIGHLIGHT]

เรื่องยาวครับ เห่ๆ

แต่ที่แน่ๆ ฤๅษีชมทัคนีถูกพวกลูกกษัตริย์พวกนั้นฆ่าตาย แล้วปรศุรามกลับมาเห็น แก้แค้นให้พ่อ แล้วกษัตริย์พวกนั้นตายเกลื่อน

อ่านในลิลิตนารายณ์สิบปางครับ

อ่ะนะ

ไม่เป็นไรค่ะ เด๋วก็คงมีมาเสริมเรื่อยๆ
[HIGHLIGHT=#92d050]เมตตามหานิยม อยู่ที่...คุณธรรม[/HIGHLIGHT]

ยกบทนึงจากลิลิตนารายณ์สิบปาง พระราชนิพนธ์ร.6

ดำเนินความต่อไป ตามมีในตำรา มหาภารตะ ว่าองค์พระฤษี ชมทัคนีนั่นไซร้ ได้ไปขอธิดา แห่งราชานะเรนทร์ นามประเสนชิต(ปเสนธิโกศล) บพิตร์เกาศิกพันธุ์ อันธิดานงราม มีนามเรณุกา เสร็จอาวาห์แล้วไซร้ ไปกับพระสามี เข้าสู่ที่พนา เนาอาศรมสถาน นงคราญนั้นยินดี ยังชีวีอยู่สงัด ในป่าชัฏไกลคน นิรมลเฝ้าประติบัติ พระภัศดาทรงภรต(พรต) มีโอรสรวมห้า อันว่าองค์สุดท้าย เกียรติขจายขจร มีนามกรว่าราม บ่มิคร้ามผู้ใด ฤทธิไกรวิเศษ กระเดื่องเดชไพโรจน์ เปนคนโปรดศิวะ พระเปนเจ้าประทาน ขวานเพ็ชร์เป็นอาวุธ ฤทธิรุทโรมรัน แต่นั้นมีฉายา ว่าปรศุราม แม้เปนพราหมณ์โดยชาติ ก็สามารถรณรุท ยุทธศาสตร์รู้จบ รบบ่ย่อหย่อนกำลัง ขลังคำแหงนักหนา แต่ว่าเพราะกำเนิด เกิดในภาร์ควะพันธุ์(ภารฺควะ แปลว่า เหล่ากอของ ภฤคุ หมายถึง ฤๅษี) จึงถือมั่นทางธรรม ละบาปกรรมทั้งหลาย บ่มุ่งร้ายต่อใคร ตั้งใจนิตย์บำเพ็ญ เช่นพราหมณะวิสัย คอยรับใช้กิจจา แห่งบิดามารดร ฟังคำสอนบ่คร้าน ทำการงานบ่หน่าย ต่ออันตรายมาถึง ซึ่งอาศรมนั่นไซร้ จึ่งจะใช้กำลัง ทั้งวิชารณการ เพื่อปราบพาลพิบัติ ขจัดภัยผาดแผ้ว เพื่อชนกท่านแคล้ว คลาดศัลย์ ฯ

.............

ครานั้นรามเร่าร้อน.........หฤทัย
เพราะรักมารดาแสน.......สุดรัก
แต่หากจะขัดใจ............พระพ่อ
โทษก็คงมีหนัก.............แน่นอน

บิดรคงสาปให้.........เสื่อมศรี
แล้วใช่จะช่วยชีพ.....แม่ได้
ทำตามพระมุนี..........เธอสั่ง
แล้วพระอาจจะให้......พรพลัน

คิดฉนั้นยกหัตถ์ไหว์......มารดา
ขอโทษอย่าเอาผิด.......ลูกน้อย
ลูกขอขะมาลา............โทษเถิด
จำจะทำตามถ้อย........บิตุรงค์

กราบลงแทบเท้าแล้ว.....จึ่งจับ
ขวานเพ็ชร์อันคู่กร.........ฤทธิรุท
เงื้อผงาดฟาดฉับ..........ศอแม่ ขาดแฮ
เรณุกาสิ้นสุด...............ชีพลง

ฝ่ายองค์ดาบสนั้น.....เห็นนาง
วายวอดชีวิตลง.......นั่นแล้ว
ความโกรธลดลงพลาง...ชมบุตร์
เออนี่สิลูกแก้ว.........ลูกขวัญ

อันเจ้าทำสิ่งสุด......แสนยาก
เพราะกตัญญูจึ่ง......รับใช้
พรใดลูกออกปาก....ขดบัด นี้ฤๅ
พ่อจะประสาทให้.....ดั่งถวิล

ยินดีที่สุดแล้ว.........เจ้าราม
กราบบาทบิดาทูล....ท่านไซร้
ข้าขอพระพรสาม......ประเสริฐ
จงโปรดประสาทให้...สิทธิ์สม

ประถมขอให้พระ.....มารดา
คืนชีพเพื่อบำเรอ.....พระบาท
และลืมว่าชีวา.........ได้ดับ
อีกปลอดปวงบาปขาด...ทั้งผอง

ที่สองขอให้พี่.......สี่องค์
กลับจริตดีดัง........เก่าไซร้
ที่สามโปรดข้ายง...ยุทธ์อย่า พ่ายเลย
อายุยืนอยู่ไว้.........เกียรติพราหมณ์

พรสามปิตุร์ให้.......ดังประสงค์
เรณุกาก็พลัน.........กลับฟื้น
อีกพี่สี่กลับคง........คืนสวัสดิ์
ยอเกียรติกนิษฐครื้น...ครั่นครับ

แต่นั้นอยู่พรั่งพร้อม.......เกษมศรี
ไปอีกหลายฉนำ(ฉนำ แปลว่า ปี)...สร่างเศร้า
จนเหตุเกิดอีกที........ดังเรื่อง
ที่จะแถลงเค้า..........ต่อไป

ต่อมาถึง

ครั้งเมื่อไท้ฤษีชมทัคนีกลับมาเห็นพฤกษาโค่นล้ม แม่โคนมโรทร้องกึกก้องหาลูกน้อยอีกเมียคอยอยู่หน้าบรรณศาลานั้นเล่าเธอจึ่งเข้าไปถามนงรามเล่าเหตุการณ์ขอให้ท่านแก้แค้นแทนตัวนางจงได้ แต่เธอไซร้กลับว่า เรณุกาทรามสวาท ความพยาบาทก่อเวร เปนเครื่องทำเวรต่อ ก่อความเดือดร้อนใจ ไร้ประโยชน์อย่าเลย เจ้าเอยนิ่งเสียเถิด คนเราเกิดมาแล้ว บ่มิแคล้วความทุกข์ ขุกเข็ญในโลกนี้ ให้ดีจงทำจิต คิดสละเถิดนา หาความสุขไปพลาง ทางสมาธิถนัด มุ่งอมรรตยะสุข นิรทุกข์โลกน่า ฟังภัสดาเธอสอน บังอรก็จำใจ ระงับไว้คราหนึ่ง แต่โกรธรึงเร้าใจ บ่มิได้เหือดหาย โฉมฉายจึ่งนั่งรอ พอได้พบเจ้าราม จึ่งเล่าความให้ฟัง เจ้ารามคั่งแค้นใจ ราวกับไฟเริงราน จับขวานอีกธนู อาวุธคู่กรไซร้ ไหว้มารดาลาจร ตามภูธรอรชุน ง่านงุ่นคิดพยาบาท ไหหัยราชนั่นไซร้ ขอพบเถิดจักได้ เห็นกัน ฯ...............

ว่าแต่เสร็จกิจแล้ว...คงชนม์ อยู่แล
บ่มิกลับไวกูณฐ์.....ดั่งกี้
มีเรื่องต่ออยู่ปน.....ปางเจ็ด
ดังจะกล่าวเรื่องนี้....ต่อไป อีกนา ฯ