Loader

ชี้แจง ข้อแตกต่างระหว่างพระแม่ คายตรี กายตรี และ กายาตรี

Started by พรศักติบารมี, September 05, 2010, 13:31:53

Previous topic - Next topic

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

พรได้รู้มาใหม่ว่าพระแม่ คายตรี กายตรี กายาตรี เป็นคนละองค์กัน! คือพระแม่แต่ละองค์มีข้อแตกต่างกันดังนี้

1.พระแม่คายตรี เป็นภาคหนึ่งของพระแม่สุรัสวดี เป็นเทวีแห่งพระเวท

2.พระแม่กายตรี เป็นเทวีแห่งแสงอรุณ(สว่าง)บ้างว่าเป็นชายาพระอาทิตย์(สุริยะเทพ)

3.พระแม่กายาตรี เป็นเทวีของพระแม่5องค์มารวมกันมีดังนี้ 1.พระแม่สรัสวดี เทวีแห่ความรู้
                                                       2.พระแม่ไภรวีเทวี เทวีแห่งการกำจัดความขั่ว(อวิชชา)
                                                       3. พระแม่ธัญเทวี เป็นเทวีแห่งความเจริญงอกงาม
                                                       4. พระแม่อโนมเทวี เป็นภาคแบ่งของพระแม่คงคาเป็นเทวีแห่งน้ำมีรสหวาน
                                                       5. พระแม่ธรณี พระแม่แห่งผืนดิน
พระแม่5พระองค์นี้ได้รวมกันและอวตารลงมาเพื่อให้ความอุดมสมบูรณ์แก่โลก โดยคนที่ประกอบอาชีพนี้มักจะบูชาพระแม่องค์นี้คือ พ่อค้า ปราชญ์ ชาวนาชาวสวน ค่ะ
วิธีกำจัดม้าพยศของข้าคือครั้งแรกเอาแส้หวดมันหากมันยังไม่หมดพยศข้าก็จะเอาท่อนเหล็กทุบที่หัวมันและ   หากมันยังไม่ยอมจำนนข้าก็จักฆ่ามันเสียจะได้ไม่เปลืองหญ้าและน้ำ                  

Quote from: พรศักติบารมี on September 05, 2010, 13:31:53
พรได้รู้มาใหม่ว่าพระแม่ คายตรี กายตรี กายาตรี เป็นคนละองค์กัน! คือพระแม่แต่ละองค์มีข้อแตกต่างกันดังนี้

1.พระแม่คายตรี เป็นภาคหนึ่งของพระแม่สุรัสวดี เป็นเทวีแห่งพระเวท

2.พระแม่กายตรี เป็นเทวีแห่งแสงอรุณ(สว่าง)บ้างว่าเป็นชายาพระอาทิตย์(สุริยะเทพ)

3.พระแม่กายาตรี เป็นเทวีของพระแม่5องค์มารวมกันมีดังนี้ 1.พระแม่สรัสวดี เทวีแห่ความรู้
                                                       2.พระแม่ไภรวีเทวี เทวีแห่งการกำจัดความขั่ว(อวิชชา)
                                                       3. พระแม่ธัญเทวี เป็นเทวีแห่งความเจริญงอกงาม
                                                       4. พระแม่อโนมเทวี เป็นภาคแบ่งของพระแม่คงคาเป็นเทวีแห่งน้ำมีรสหวาน
                                                       5. พระแม่ธรณี พระแม่แห่งผืนดิน
พระแม่5พระองค์นี้ได้รวมกันและอวตารลงมาเพื่อให้ความอุดมสมบูรณ์แก่โลก โดยคนที่ประกอบอาชีพนี้มักจะบูชาพระแม่องค์นี้คือ พ่อค้า ปราชญ์ ชาวนาชาวสวน ค่ะ



เอ่อ ไม่ทราบว่าไปเอาข้อมูลนี้มาจากไหนครับ


ในศาสนาฮินดู

คายตรี (เขียนแบบนี้แบบเดียวครับ) (เทวนาครี

गायत्री
) เขียนแบบถอดสันสกฤต  "คายตฺรี"
ออกเสียงคล้าย กายะตรี กายตรี บางคนจึงคิดว่า เขียน คายตรี คนละองค์กับ กายตรี
ไม่มีพระนาม กายตรี นะครับ มีแต่การออกเสียงที่ใกล้เคียงคำว่า กายะตรี
แต่ตามรูปศัพท์คือ คายตรี ตัวค ออกเสียงคล้าย ก แต่มีเสียงก้อง หรือออกเสียงคล้าย G ในภาษาอังกฤษ

เดิมคายตรี เป็นชื่อ ฉันท์ หรือ รูปแบบ คำประพันธ์ชนิดหนึ่งในพระเวท (คายตฺรี ฉนฺทะ)
ในเวลาต่อมา มีบทสวดมนตร์ที่เรียกว่า "สาวิตรี"หรือ "คายตรี" ที่เป็นคายตรีฉันท์  และเรียกในเวลาต่อมาว่า มูลคายตรี
มนตร์นี้คือ โอมฺ ตตฺสวิตุรฺ วเรณยมฺ ภรฺโค เทวสฺย ธีมหิ ธิโย โย นะ ปฺรโจทยาตฺ
แปลว่า โอมฺ ข้าเพ่งจิตระลึกถึงแสงสว่างล้ำเลิศ ของพระสวิตฤ ขอพระองค์โปรดประทานความคิดสร้างสรรค์แก่ข้าด้วยเถิด

พระสวิตฤนี้ เป็นพระสูรยเทพพระองค์หนึ่งในสมัยพระเวท  คำวผู้ปลุก ผู้กระตุ้น พระองค์เป็นผู้ปลุกให้ตื่น ให้พลังชีวิตและสติปัญญา ความคิดสร้างสรรค์ในการดำเนินชีวิต
มนตร์บทนี้อยู่ในฤคเวท มณฑลที่ 3 สูกตะที่ 63 มันตระที่ 10

พวกพราหมณ์และทวิชาติทั้งหลาย(3 วรรณะแรก) ต้องเรียนมนตร์นี้ เพราะต้องใช้ในพิธี อุปนยนสัมสการ และใช้ภาวนา
(เวลา ภาวนาจะเติม โอมฺ ภูรฺภุวสวะ ก่อน ตตฺ..)

จากมนตร์ ได้กลายเป็นบุคคลาธิษฐาน เป็นพระเทวีองค์หนึ่ง เรียกว่า พระเทวีคายตรี

ดังนั้น ทางหนึ่งพระเทวีคายตรี จึงถูกถือว่าเป็นมารดาแห่งพระเวท เพราะ มูลคายตรีเป้นมนตร์ที่สำคัญที่สุดของทวิชาติและพราหมณ์

ดังมีโศลกในสมฤติว่า เมื่อศิษย์ได้ผ่านพิธีอุปนยนแล้ว ถือว่า ครูผู้คล้องสายยัชโญปวีต คือบิดา และพระเทวีคายตรีคือมารดา

พระเทวีคายตรีนี้ จึงเป็นทั้งพระสูรยเทพ ในทางหนึ่ง เป็นมารดาแห่งพระเวทในทางหนึ่ง เป็นสัญลักษณ์แห่งแสงสว่างและสติปัญญาในทางหนึ่ง

ในบทคายตรี ตรปณ หรือบทถวายน้ำแด่พระคายตรี พระองค์มีพระนามว่า สรัสวตีด้วย วาคเทวีด้วย สวิตาด้วย
ครูอาจารย์หลายๆท่านจึงถือว่าพระองค์ทรงเป็นทั้งพระสวัสวตี และพระวาคเทวี(วาจา)

ในเวลาต่อมาพวกพราหมณ์ได้เพิ่มเทวตำนานและเทวลักษณะ เรื่องที่ว่าพระองค์เป็นพระเทวีที่สำคัญรวมกันห้าพระองค์

แต่ไม่เคยได้ยินเรื่องที่เล่ามาเลยครับ


ขอบพระคุณอาจารย์หริทาสมากๆครับ
สำหรับความรู้ที่มอบให้ครับ
เป็นความรู้ที่มาจากผู้รู้จริงๆเลยครับ^^
 

พฤษภกาสรอีกกุญชรอันปลดปลง
   โททนต์เสน่คงสำคัญหมายในกายมี
นรชาติวางวายมลายสิ้นทั้งอินทรีย์   สถิตทั่วแต่ชั่วดีประดับไว้ในโลกา

แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์      มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด   ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน


แหมถ้ามีกดคำว่า "ถูกใจ" แบบใน Facebook จะกดให้คุณตุลสักหน่อย อิอิ อยากระบายมาตั้งแต่งานแห่พระแม่ปีที่แล้วแระ

เดี๋ยวนี้สร้างเทพขึ้นมาใหม่เยอะทั้ง กวนมา อุอิม หง่าเอาเจ้าแม่กวนอิมของพุทธศาสนาแบบมหายานมาผสมกับพระแม่ศรีมหาอุมาของศาสนาฮินดูกันยังทำกันได้เน๊าะคนเรา บางรายหนักกว่าตั้งตนเป็นเจ้าลัทธิลงทรงพระพุทธเจ้าก็เคยเจอมาแล้ว แหมทำไปได้

ที่งานแห่ของวัดแขกในคืนวิชัยทศมี ก็เจอร่างอวตารแรงๆ เช่นกัน ตั้งโต๊ะบูชาเสร็จเอาเทพเจ้าตั้งแล้วทำบันไดขึ้นไปเป็นแท่นอยู่เหนือองค์เทวรูป จากนั้นเจ้าลัทธิคนนั้นก็แผลงฤทธิ์แต่งตัวเป็นฤษีขึ้นไปนั่งทำพิธีประพรมน้ำมนต์ให้เหล่าสาวกอยู่เหนือเทวรูปเทพเจ้าอีก ทำไปได้เน๊าะคนเราไม่ดูเลยว่าควรหรือไม่ควร

อีกรายก็มาลงทรงเจ้าแม่กวนอิมบ้าง เทพจีนบ้าง พ่อปู่บ้าง แม่ย่าบ้าง สิงสาราสัตว์บ้าง ตั้งตนเป็นเจ้าลัทธิประกาศศักดากันว่าข้านี้ยิ่งใหญ่นัก ท่ามกลางงานพิธีแห่ของวัดพระศรีมหาอุมาเทวี (มารีอัมมัน) กันขนานใหญ่ ช่างไม่รู้กาลและเทศะเลย ว่างานนี้เป็นงานของใคร

เอาง่ายๆ ถ้าเป็นงานของมนุษย์เดินดินกินข้าวแกงอย่างเขาจัดงานกันขึ้น เราจะกล้าอวดดีแผลงฤทธิ์เหนือเจ้าภาพงานเขากันไหม แต่พวกร่างสัมพเวสีพวกนี้กลับกล้าที่จะกระทำ โดยไม่ให้เกียรติเจ้าภาพของงานกันเลยสักนิด จะไปแผลงฤทธิ์ก็กลับไปแผลงฤทธิ์กันที่ตำหนักของตนเถิดตนเถิด หรือตำหนักของพวกตนเถิดที่คอเดียวกันก็ย่อมได้ อย่ามาสร้างลัทธิอุบาทว์ที่ไม่รู้กาลเทศกลางงานที่เป็นมงคลเช่นนี้อีกเลยครับ

แต่ทว่า ถ้าอยากออกฤทธิ์เดชกันปีนี้ขอเชิญที่ซุ้มผมก็ได้นะครับ จะจัดเตรียมของไว้ต้อนรับให้อย่างสาสมเลยทีเดียว ทั้งมีดาบที่ลับไว้เป็นฟันเลื่อยอย่างคมกริบขาดใบมีดโกน ทั้งตุ้มหนามตะปูเข็ม และเก้าอี้เตาไฟ จะให้ลองฟันตัว ฟาดตัวแรงๆ และให้ลองนั่งเก้าอี้เตาถ่านที่ติดไฟลุกโชนกันดูร่างละสัก 15 นาที ดูสิร่างอวตารพวกนั้นจะแหลกหรือไม่ ถ้าตุดไม่ไหม้ตูดไม่พองจะกราบงามๆ สัก 3 ทีเลยปีนี้ ถ้ามาแผลงฤทธิ์ที่ซุ้มผมอีก
[HIGHLIGHT=#ffff00]
[HIGHLIGHT=#ffff00]อันจิตมนุษย์นั้นชอบวิ่งออกไปแสวงหาพระเจ้าจากวัตถุภายนอก[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]จนลืมย้อนมองดูพระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริง อันสถิตอยู่ในใจเรา[/HIGHLIGHT]
[/COLOR][/HIGHLIGHT][/FONT]

เห็นด้วยครับพี่กาลปุตตรา  ผมเห็นแล้วอุบาทว์ที่สุดนี่มันงานอะไรกัน  มันเป็นเหตุผลหนึ่งทีผมไม่อยากไปครับ

ขอบคุณในข้อมูลครับ ได้ความรู้เพิ่มขึ้น ..
ข้าแต่พระเป็นเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้เที่ยงแท้ หากปราศจากพระองค์แล้ว ข้าพเจ้าก็ไร้ค่า ..

เห็นด้วยครับพี่ กลุ่มคนเหล่านี้ออกมาหากินบนความศรัทธาไม่เกรงกลัวต่อบาป
ไม่ระอายในการกระทำ และที่สำคัญเพิ่มจำนวนขึ้นทุกปี นั่งกินเหล้าเบียร์หลัง
โต๊ะบูชาเห็นแล้วอยากถามเค้าเหมือนกันว่าคุณทำอะไรกันอยู่คุณมากันเพื่ออะไร
มองอีกมุมไม่ใช่เรื่อง ตัวเราไปเพราะเราศรัทธาพระแม่และเทพทุกๆองค์ไม่ใช่การ
ทรงเจ้าเข้าผีแจกนามบัตรสำนักทรงบ้าบอคอแตก สงสารคนที่ยังหลงกับกลุ่มคน
จอมปลอมพวกนี้  ประเพณีที่ดีงามแสดงออกถึงศรัทธากำลังเปลี่ยนไป เพราะคนเหล่านี้
ผมพยายามจะบอกกับทุกคนที่ผมรู้จักและนับถือศรัทธาในพระแม่และองค์เทพทุกๆองค์
ว่าอย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสำนักทรงเหล่านี้ เวลาไปงานแห่พระแม่ไม่อยากให้เชื่ออะไรผิดๆ
หวังว่าปีนี้คงจะได้ไปอยู่ใกล้ซุ้มที่ไม่ใช่กลุ่มคนเหล่านี้  ถ้าผมใช้คำไม่เหมาะสมผมขอโทษล่วงหน้า
เลยแล้วกันครับ ปรกติจะนั่งอ่านอย่างเดียวไม่ชอบแสดงความเห็นแต่มันอดไม่ได้จริงๆครับ

Quote from: กาลปุตรา on September 09, 2010, 13:27:53
แหมถ้ามีกดคำว่า "ถูกใจ" แบบใน Facebook จะกดให้คุณตุลสักหน่อย อิอิ อยากระบายมาตั้งแต่งานแห่พระแม่ปีที่แล้วแระ

เดี๋ยวนี้สร้างเทพขึ้นมาใหม่เยอะทั้ง กวนมา อุอิม หง่าเอาเจ้าแม่กวนอิมของพุทธศาสนาแบบมหายานมาผสมกับพระแม่ศรีมหาอุมาของศาสนาฮินดูกันยังทำกันได้เน๊าะคนเรา บางรายหนักกว่าตั้งตนเป็นเจ้าลัทธิลงทรงพระพุทธเจ้าก็เคยเจอมาแล้ว แหมทำไปได้

ที่งานแห่ของวัดแขกในคืนวิชัยทศมี ก็เจอร่างอวตารแรงๆ เช่นกัน ตั้งโต๊ะบูชาเสร็จเอาเทพเจ้าตั้งแล้วทำบันไดขึ้นไปเป็นแท่นอยู่เหนือองค์เทวรูป จากนั้นเจ้าลัทธิคนนั้นก็แผลงฤทธิ์แต่งตัวเป็นฤษีขึ้นไปนั่งทำพิธีประพรมน้ำมนต์ให้เหล่าสาวกอยู่เหนือเทวรูปเทพเจ้าอีก ทำไปได้เน๊าะคนเราไม่ดูเลยว่าควรหรือไม่ควร

อีกรายก็มาลงทรงเจ้าแม่กวนอิมบ้าง เทพจีนบ้าง พ่อปู่บ้าง แม่ย่าบ้าง สิงสาราสัตว์บ้าง ตั้งตนเป็นเจ้าลัทธิประกาศศักดากันว่าข้านี้ยิ่งใหญ่นัก ท่ามกลางงานพิธีแห่ของวัดพระศรีมหาอุมาเทวี (มารีอัมมัน) กันขนานใหญ่ ช่างไม่รู้กาลและเทศะเลย ว่างานนี้เป็นงานของใคร

เอาง่ายๆ ถ้าเป็นงานของมนุษย์เดินดินกินข้าวแกงอย่างเขาจัดงานกันขึ้น เราจะกล้าอวดดีแผลงฤทธิ์เหนือเจ้าภาพงานเขากันไหม แต่พวกร่างสัมพเวสีพวกนี้กลับกล้าที่จะกระทำ โดยไม่ให้เกียรติเจ้าภาพของงานกันเลยสักนิด จะไปแผลงฤทธิ์ก็กลับไปแผลงฤทธิ์กันที่ตำหนักของตนเถิดตนเถิด หรือตำหนักของพวกตนเถิดที่คอเดียวกันก็ย่อมได้ อย่ามาสร้างลัทธิอุบาทว์ที่ไม่รู้กาลเทศกลางงานที่เป็นมงคลเช่นนี้อีกเลยครับ

แต่ทว่า ถ้าอยากออกฤทธิ์เดชกันปีนี้ขอเชิญที่ซุ้มผมก็ได้นะครับ จะจัดเตรียมของไว้ต้อนรับให้อย่างสาสมเลยทีเดียว ทั้งมีดาบที่ลับไว้เป็นฟันเลื่อยอย่างคมกริบขาดใบมีดโกน ทั้งตุ้มหนามตะปูเข็ม และเก้าอี้เตาไฟ จะให้ลองฟันตัว ฟาดตัวแรงๆ และให้ลองนั่งเก้าอี้เตาถ่านที่ติดไฟลุกโชนกันดูร่างละสัก 15 นาที ดูสิร่างอวตารพวกนั้นจะแหลกหรือไม่ ถ้าตุดไม่ไหม้ตูดไม่พองจะกราบงามๆ สัก 3 ทีเลยปีนี้ ถ้ามาแผลงฤทธิ์ที่ซุ้มผมอีก



อ่านของอ.แหนมแล้วขำครับ 5555
อยากกดไลค์ให้ล้านครั้ง 555

อ่อ เรียนเชิญอ.แหนมมางานของเราด้วยนะครับ ถ้ามีเวลา

ขอบพระคุณความรู้จากอาจารย์หริทาสค่ะ
สุ จิ ปุ ลิ  ขาด สักข้อ ก็ไม่ครบการเป็นปราชญ์

ปราชญ์ที่ดีต้องเป็นผู้ฟังมากกว่า พูด พูดในสิ่งที่สมควรพูด

ผู้ที่ฉลาดแท้จริง ฟัง มากกว่าพูด เพราะถ้าเรารู้ไม่จริง หรือไม่หมดก็จงอย่าพูด

เพราะเมื่อเปิดปากออกมา เมื่อนั้นได้แสดงความโง่ออกมาโดยไม่รู้ตัว

คนเก่งจริง ต้องเรียนรู้เสมอว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือตัวเรายังมีคนที่เก่งกว่า จงถ่อมตนเสมอ จงเป็นผู้ให้เสมอ


Quote from: หริทาส on September 10, 2010, 18:54:23
Quote from: กาลปุตรา on September 09, 2010, 13:27:53
แหมถ้ามีกดคำว่า "ถูกใจ" แบบใน Facebook จะกดให้คุณตุลสักหน่อย อิอิ อยากระบายมาตั้งแต่งานแห่พระแม่ปีที่แล้วแระ

เดี๋ยวนี้สร้างเทพขึ้นมาใหม่เยอะทั้ง กวนมา อุอิม หง่าเอาเจ้าแม่กวนอิมของพุทธศาสนาแบบมหายานมาผสมกับพระแม่ศรีมหาอุมาของศาสนาฮินดูกันยังทำกันได้เน๊าะคนเรา บางรายหนักกว่าตั้งตนเป็นเจ้าลัทธิลงทรงพระพุทธเจ้าก็เคยเจอมาแล้ว แหมทำไปได้

ที่งานแห่ของวัดแขกในคืนวิชัยทศมี ก็เจอร่างอวตารแรงๆ เช่นกัน ตั้งโต๊ะบูชาเสร็จเอาเทพเจ้าตั้งแล้วทำบันไดขึ้นไปเป็นแท่นอยู่เหนือองค์เทวรูป จากนั้นเจ้าลัทธิคนนั้นก็แผลงฤทธิ์แต่งตัวเป็นฤษีขึ้นไปนั่งทำพิธีประพรมน้ำมนต์ให้เหล่าสาวกอยู่เหนือเทวรูปเทพเจ้าอีก ทำไปได้เน๊าะคนเราไม่ดูเลยว่าควรหรือไม่ควร

อีกรายก็มาลงทรงเจ้าแม่กวนอิมบ้าง เทพจีนบ้าง พ่อปู่บ้าง แม่ย่าบ้าง สิงสาราสัตว์บ้าง ตั้งตนเป็นเจ้าลัทธิประกาศศักดากันว่าข้านี้ยิ่งใหญ่นัก ท่ามกลางงานพิธีแห่ของวัดพระศรีมหาอุมาเทวี (มารีอัมมัน) กันขนานใหญ่ ช่างไม่รู้กาลและเทศะเลย ว่างานนี้เป็นงานของใคร

เอาง่ายๆ ถ้าเป็นงานของมนุษย์เดินดินกินข้าวแกงอย่างเขาจัดงานกันขึ้น เราจะกล้าอวดดีแผลงฤทธิ์เหนือเจ้าภาพงานเขากันไหม แต่พวกร่างสัมพเวสีพวกนี้กลับกล้าที่จะกระทำ โดยไม่ให้เกียรติเจ้าภาพของงานกันเลยสักนิด จะไปแผลงฤทธิ์ก็กลับไปแผลงฤทธิ์กันที่ตำหนักของตนเถิดตนเถิด หรือตำหนักของพวกตนเถิดที่คอเดียวกันก็ย่อมได้ อย่ามาสร้างลัทธิอุบาทว์ที่ไม่รู้กาลเทศกลางงานที่เป็นมงคลเช่นนี้อีกเลยครับ

แต่ทว่า ถ้าอยากออกฤทธิ์เดชกันปีนี้ขอเชิญที่ซุ้มผมก็ได้นะครับ จะจัดเตรียมของไว้ต้อนรับให้อย่างสาสมเลยทีเดียว ทั้งมีดาบที่ลับไว้เป็นฟันเลื่อยอย่างคมกริบขาดใบมีดโกน ทั้งตุ้มหนามตะปูเข็ม และเก้าอี้เตาไฟ จะให้ลองฟันตัว ฟาดตัวแรงๆ และให้ลองนั่งเก้าอี้เตาถ่านที่ติดไฟลุกโชนกันดูร่างละสัก 15 นาที ดูสิร่างอวตารพวกนั้นจะแหลกหรือไม่ ถ้าตุดไม่ไหม้ตูดไม่พองจะกราบงามๆ สัก 3 ทีเลยปีนี้ ถ้ามาแผลงฤทธิ์ที่ซุ้มผมอีก



อ่านของอ.แหนมแล้วขำครับ 5555
อยากกดไลค์ให้ล้านครั้ง 555

อ่อ เรียนเชิญอ.แหนมมางานของเราด้วยนะครับ ถ้ามีเวลา



ไปสถิตอยู่โต๊ะ อ.แหนม ดีกว่าแฮะปีนี้
สงสัยมีเรื่องน่าดูชมอ่ะ เหอๆๆ
หากศาสนิกชนฮินดูปฏิบัติการบูชาเทพอย่างถูกประเพณี เดินบนทางที่ถูกที่ควร
ไม่หลงมัวเมาไปกับอวิชชาทั้งหลาย
ศาสนาพราหมณ์และมหาเทพอันเป็นที่รักยิ่งของเราคงมีภาพลักษณ์ที่ดีกว่านี้

ขอชัยชนะจงมีแด่พระเป็นเจ้า
...กราบแทบพระบาทรูปดอกบัวแห่งพระองค์...สยามคเณศ
พิทักษ์ - สยามคเณศ