Loader

ขอข้อมูล

Started by Prachya Nitutorn, January 25, 2011, 18:08:15

Previous topic - Next topic

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

[HIGHLIGHT=#ffff00]คือผมขอข้อมูลเมืองมาดูไรและวัดพระแม่มีนาคชีด้วยนะครับ เพราะผมจะได้ทำรายงานไปส่งครูนะครับ  ไงก็ช่วยด้วยนะครับ[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00][/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]โอม ศักติ ปารา ศักติ[/HIGHLIGHT]

ขออนุญาติเข้ามาตอบตามความรู้ที่พอจะมีอยู่บ้างนิดๆหน่อยๆนะค่ะ เรียนตามตรงว่าเรามิใช่ผู้สันทัดกรณีทางอินเดียภาคใต้จริงๆ  ดังนั้นถ้ามีอะไรผิดพลาดก็ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่แห่งนี้ด้วย

เมืองมาดูไรหรือมธุไร மதுரை นับเป็นเทวาลัยที่โด่งดังและมีชื่อเสียงมากๆคะ เชื่อว่าหลายๆท่านในบอร์ดแห่งนี้ไม่มีท่านไหนที่ไม่รู้จักเป็นแน่   ยิ่งโดยเฉพาะกับพระแม่มีนัคชี่หรือพระแม่มีนักษีด้วยแล้ว

ชื่อเสียงที่ว่านี้มิได้มีจำกัดเฉพาะอยู่แค่ในเมืองไทย  แต่ดังไกลไปถึงระดับโลก ฮ่าๆ

  ดังไม่ดังก็ได้รับการขนานนามว่าเป็นเอเธนส์แห่งบูรพาทิศไปแล้ว   ( Athens of the East )

  เหตุเพราะเมืองนี้มีมานานกว่าสองพันปีแล้วคะ   บวกกับมีหลักฐานว่าครั้งหนึ่งในอดีตนั้นได้มีการติดต่อกับกรีกและโรมันด้วย

เมืองมาดูไรห่างจากนครเชนไนไปทางตะวันตกเฉียงใต้ และนับเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของทมิฬนาฑู



































เดี๋ยวมาต่อเด้อคะ ...
   


  เพื่อมิให้เสียเวลา ก็ขอเข้าเรื่องเทพปกรณัมที่ว่าด้วยตำนานของเมืองนี้กันเลยคะ

  เรื่องเริ่มต้นด้วยว่ามีชาวนาผู้หนึ่งนามว่า ''ธันนันชวา''เดินผ่านป่าแห่งหนึ่ง  ก็ได้พบเห็นว่าพระอินทร์กำลังสักการะสวยัมภูลึงค์ใต้ต้นกระทุ่ม

จึงนำความไปกราบทูลกูราเสการา กษัตริย์แห่งราชวงศ์ปาณฑยะ  พระองค์จึงมีรับสั่งให้ถางป่าเพื่อสร้างเทวาลัยขึ้น  โดยมีสวยัมภูลึงค์ เ
เป็นประธาน

จากนั้นจึงเกิดบ้านเมืองรายล้อมจนกลายเป็นศาสนธานี  พระศิวะเห็นดั่งนั้นจึงเสด็จมาประทานน้ำอมฤตอันหอมหวานจากมวยผม

เมืองนี้จึงได้ชื่อว่า '' มธุไร ''  อันมีความหมายว่าน้ำอมฤตหรือน้ำหวาน  ก็คล้ายๆกับมธุรสอะนะค่ะ

แต่ในทางคัมภีร์ของพุทธศาสนาภาษาบาลี เช่น มหาวงศ์หรือพงศาวดารลังกาเรียกเมืองนี้ว่า '' มธุรา ''


  ในทางประวัติศาสตร์แล้ว  มธุไรจัดเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีการอยู่อาศัยสืบเนื่องกว่าสองพันปี  มีหลักฐานปรากฎทั้งในบันทึกของกรีกและทมิฬว่าเป็นศูนย์กลางการค้าแห่งหนึ่ง

  กำ.. เดี๋ยวมาต่อนะค่ะ  พอดีมีธุระด่วน อิอิ


[HIGHLIGHT=#ffff00]ขอบคุฯที่ให้ความรู้มากๆครับ ขอให้รวยๆนะครับ ^^[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]โอม ศักติ ปารา ศักติ[/HIGHLIGHT]


รูปที่สองและสามของคุณมาตาศรีมารีอัมมันนี้เป็นภาพมาจากวัดเอกัมพเรศวร  ที่เมืองกาญจีปุรัมนิค่ะ   

ตามตำนานเล่าว่าพระนางปาราวตีเสด็จลงมาบูชาศิวลึงค์ (ปฤถวีลึงค์ - ลึงค์ที่สร้างขึ้นด้วยมูลดิน ) ใต้ต้นมะม่วงแห่งนี้  แล้วต่อมาจึงสร้างเทวาลัยครอบในบริเวณนั้น
















นี่น่ะหรอต้นมะม่วงที่อยู่กันศิวลึงค์ ต้นลำดับที่เท่าไหร่แล้วเนี่ย พึ่งเคยเห็นของจริง-*-

วัดมีนาคชีตอนไม่ได้ซ่อมเละมากมาย พอซ่อมแล้วสวยมากเลย

 
ต้นมะม่วงต้นเดิมตามตำนานที่มีอายุหลายพันปีเพิ่งแห้งตายไปเมื่อไม่นานมานี้

กล่าวกันว่าแต่เดิมต้นมะม่วงต้นนี้มีอยู่สี่กิ่งด้วยกันคะ แต่ละกิ่งก็จะให้ผลและรสชาติที่แตกต่างกันออกไป

ดังนั้นต้นมะม่วงในภาพที่อิชั้นนำมานี้ก็จึงเป็นต้นทดแทนที่ปลูกขึ้นมาแทนของเดิม

ทั้งนี้ก็เป็นความเชื่อของชาวทมิฬที่ว่าสตรีใดที่แต่งงานแล้วยังมิมีบุตรหรือผู้ที่ตั้งครรภ์แล้วแต่ก็ปราถนาอยากจะมีบุตร ก็จะมาขอพรกับที่นี้

เพื่อให้ได้มาซึ่งบุตร ดั่งที่หวังไว้ และมีความปลอดภัยในตอนที่จะให้กำเนิดทารกคะ


http://www.youtube.com/v/b00-ml7ZHdo&feature=player_embedded

เพลงบูชาพระศรีมหามีนาคชี(มีภาพบางส่วนเป็นของวัดมีนาคชี)