Loader

ขอคำแนะนำว่าเป็นองค์อะไร ขอร้องหล่ะคร้าบช่วยบอกด้วย

Started by น้อมบูชาพระแม่ทุรคา, January 22, 2010, 21:57:48

Previous topic - Next topic

0 Members and 4 Guests are viewing this topic.

ขอความกรุณาทุกท่านช่วยชี้ทางสว่างให้ผมด้วย

ถ้าหากว่ารู้ว่าเป็นองค์อะไรช่วยบอกปางมาด้วยนะคร้าบ

ขอบพระคุณเป็นอย่างสูง



Quote from: Yosapon on January 22, 2010, 22:04:31
โทดครับลืผมเด็กใหม่ใส่รูปไงอ่า

ลองเข้าไปศึกษาวิธีการลงภาพได้ที่กระทู้นี้เลยครับ http://www.hindumeeting.com/forum/index.php?topic=842.0
WELCOME TO HINDUMEETING

เรียน สมาชิกเก่าและสมาชิกใหม่ของเว็บ HinduMeeting
ขอความกรุณาทุกท่านศึกษากฎ กติกา มารยาทของเว็บด้วยนะครับ

http://www.hindumeeting.com/forum/index.php?topic=1423.0


เท่าที่ดูจากลักษณะ น่าจะเป็นพระแม่มารีอัมมันนะครับ ^_^
WELCOME TO HINDUMEETING

เรียน สมาชิกเก่าและสมาชิกใหม่ของเว็บ HinduMeeting
ขอความกรุณาทุกท่านศึกษากฎ กติกา มารยาทของเว็บด้วยนะครับ

http://www.hindumeeting.com/forum/index.php?topic=1423.0

พระแม่มารีอัมมันครับ  ไม่ใช่พระแม่อุมาแน่นอนครับผม

นอกจากจะไม่ใช่พระอุมาแล้ว
พระมารีอัมมันกับพระแม่กาลีก็เป้นคลละองค์กันด้วย
ข้าแต่พระวาคีศวรีเจ้า พระมารดาแห่งพระเวทย์ พระมารดาแห่งศฤงคาร พระมารดาแห่งขุนเขา 
ในนามของ พระปารวตี  ลักษมี  สรัสวตี  สาวิตรี  คายตรี พระองค์คือปรมาตมัน 
พระผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งพระพรหม วิษณุ รุทระ
ด้วยพระกรุณาแห่งพระองค์ จักทำให้โลกที่มืดด้วยอวิทยาสว่างขึ้นโดยพุทธิปัญญา

โอม ตัต สัต

นำภาพพระแม่มารีอัมมันมาลองเทียบกันกับเทวรูปของคุณเจ้าของกระทู้ให้ดูด้วยคร๊าบบบ
.
WELCOME TO HINDUMEETING

เรียน สมาชิกเก่าและสมาชิกใหม่ของเว็บ HinduMeeting
ขอความกรุณาทุกท่านศึกษากฎ กติกา มารยาทของเว็บด้วยนะครับ

http://www.hindumeeting.com/forum/index.php?topic=1423.0

พระแม่มารีอัมมันแน่ๆคับ เพราะที่บ้านผมก็มีลักษณะแบบนี้ เทพอาวุธเหมือนกับเลย(แต่เทวรูปผมไม่อลังการแบบนี้คับ  )

พระแม่อุมากับพระแม่มารีอัมมันคนละองค์หรอครับ
อยากทราบ


ใช่คัฟ
เป็นคนละองค์กัน
พระมารีอัมมันตามประวัติแล้ว
เป็นเทพพื้นเมืองของใต้อะคัฟ
รายละเอียดที่ละเอียดกว่านี้
รอให้ผู้รู้มาตอบดีกว่าคัฟ
ข้าแต่พระวาคีศวรีเจ้า พระมารดาแห่งพระเวทย์ พระมารดาแห่งศฤงคาร พระมารดาแห่งขุนเขา 
ในนามของ พระปารวตี  ลักษมี  สรัสวตี  สาวิตรี  คายตรี พระองค์คือปรมาตมัน 
พระผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งพระพรหม วิษณุ รุทระ
ด้วยพระกรุณาแห่งพระองค์ จักทำให้โลกที่มืดด้วยอวิทยาสว่างขึ้นโดยพุทธิปัญญา

โอม ตัต สัต

Quote from: nai 3 on January 29, 2010, 21:50:59
นอกจากจะไม่ใช่พระอุมาแล้ว
พระมารีอัมมันกับพระแม่กาลีก็เป้นคลละองค์กันด้วย
เนื่องจากวิธีการบูชา และ ทิพยภาวะ ของทั้งสองพระองค์ ไม่ค่อยมีความแตกต่างกันเท่าไรนัก จะแตกต่างก็แต่เทวรูป ดังนั้นวิธีการบูชาพระแม่มารีอัมมันจึงคล้ายคลึงกับพระแม่กาลีมาก(พิธีแบบอินเดียใต้นะครับ)พระแม่มารีอัมมันโปรดสีแดงเช่นเดียวกับพระแม่กาลี ส่วนมากเทวรูปของพระองค์มักมีเขี้ยวอยู่ หรือมักแสดงความดุดัน พระองค์เป็นเทพที่รักษาโรคระบาดครับ ถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะรักษาไข้ทรพิษ หรือไม่ก็อีสุกอีสัย(สังเกตได้จากหนังแขกอินเดียใต่ที่มักใช้ใบสะเดาในการรักษา ส่วนคนเป็นก็จะมีตุ่มขึ้นเต็มตัว) ซึ่งเป็นที่นับถือของชาวทมิฬ และวัดแขกสีลมนั้นก็เป็นวัดของพระองค์ครับ ลองสังเกตจากชื่อภาษาอังกฤษจะเขียนว่า sri mahamariamman temple นอกจากนี้การถวายเครื่องสังเวยยังสามารถถวายของคาวได้ด้วย แต่จะต้องประดิษฐานพระแม่มารีอัมมันให้ห้างจากหิ้ง อื่นๆพอสมควรครับ

อัมมัน แปลว่า แม่...
มารีอัมมัน ตามตำนาน เป็นเทพีประจำท้องถิ่้น ทางอินเดียใต้
ที่อินเดียใต้ แต่ละท้องที่ ก็จะมี "อัมมัน" ของหมู่บ้าน หรือท้องถิ่้น
คอนเซ็ปต์คล้ายๆ กับ "เทพนารี ประจำท้องที่" ก็เรียก "อัมมัน" หรือ "เจ้าแม่" นั่นแหละครับ

ทีนี้ รูปลักษณ์ของอัมมัน ปกติ ก็สร้างเพียงเศียร ตั้งอยู่บนจากดิน
จะอัมมันของท้องที่ไหน ก็สร้างเหมือนๆ กันหมด
แต่ข้างใน องค์ใดจะสถิตย์ ก็คงเป็นเรื่องของแต่ละท้องที่
คล้ายๆ กับพระภูมิบ้านเราน่ะครับ หน้าตาก็เป็น "พระภูมิ" เหมือนกันหมด
หรือจะกล่าวได้อีกอย่างว่า "อัมมัน" ในที่ต่างๆ ของอินเดียใต้
ก็คือ "เทวี เจ้าที่ ประจำท้องถิ่้น" นั่นเอง ครับ

อัมมัน ประจำท้องถิ่น นั้น มักมีคุณด้านการรักษาโรค
หรือการป้องกันโรคระบาด นำความอุดมสมบูรณ์ มาให้ เป็นต้น
แต่หากไม่บูชาดีๆ ก็อาจเกิดโรคระบาด หรือความฝืดเคือง ได้เช่นกัน


ทีนี้ คนอินเดียใต้ เมื่อเข้ามาอยู่ในประเทศไทย
ก็สร้างศาล บูชา "อัมมัน" ของตนเองขึ้น...เป็นกำเนิดวัดพระศรีมหามารีอัมมัน (วัดแขกสีลม)
จากเพิงศาลเล็กๆ จนกระทั่งพัฒนามาเป็นวัดแขก..อย่างที่เห็นในปัจจุบัน

ในเืมื่อ "อัมมัน" ของวัดแขกสีลม มีพระคเณศ และพระขันธกุมาร อยู่เคียงข้าง
อัมมัน หรือ "เจ้าแม่" ของวัดนี้ จึงเท่ากับว่าเป็น "พระศรีมหาอุมาเทวี" นั่นเอง

ทีนี้ บางคนบอกว่า อัมมันของวัดแขกสีลม มี "เขี้ยว" ด้วย
จึงเข้าใจว่า น่าจะเป็น พระศรีมหากาลี หรือ "กาลีอัมมัน"
(อันนี้ ต้องถามผู้รู้ครับ เพราะผมไม่เคยเห็นองค์จริงๆ ข้างใน
ใครมีรูปเทวรูปด้านในของวัดแขก ก็ช่วยเอามาลงด้วยนะครับ)

ถ้าหากเราไปประเทศมาเลเซีย จะเห็นว่า
ร้านขายเทวรูปที่นั่นมีเทวรูปศักติ ที่เรียก "อัมมัน" เต็มไปหมด...
องค์ไหน ก็เรียก "อัมมัน" แยะองค์มาก..
ก็ไม่แน่ใจเช่นกันว่า หมายถึง เป็นสายของศักติ ตระกูล "อัมมัน"
หรือเขาเรียกศักติ/เทพนารี ว่า "อัมมัน" ไปด้วยกันทั้งหมด กันแน่

ด้วยกำเนิดของ "มารีอัมมัน" กับ "ศรีมหาอุมาเทวี" แท้จริงไม่เกี่ยวข้องกัน
จำได้ว่า มีคนโพสเรื่อง กำเนิดของ มารีอัมมัน (เทพีรักษาโรคฝีดาษ) ไว้แล้ว จะไม่เล่าซ้ำ
(ผมจะกระทู้ไม่ได้ ใครจำกระทู้ได้ ช่วยโพสลิงค์ ให้ทีนะครับ)
แต่ด้วยความเชื่อ กับคำศัพท์ ที่ใช้เรียก จึงผสมกัน..
ทำให้คนไทยทั่วไป เข้าใจว่า ศรีมหาอุมาเทวี (ที่วัดแขกสีลม)
และ ศรีมหามารีอัมมัน เป็นองค์เดียวกัน จะว่าใช่ ก็ใช่ จะว่า ไม่ใช่ ก็ไม่ใช่ ครับ

ดังนั้น หากจะดูว่า "อัมมัน" หรือ "เจ้าแม่" องค์ใด คือ พระศรีมหาอุมาเทวี
ก็คงต้องดูบริวาร และองค์ประกอบอื่นๆ ด้วยครับ
ไม่ใช่ว่าไปอินเดีย จะไปบอกเขาว่า อยากบูชา พระศรีมหาอุมาเทวี แล้วไปชี้รูป "อัมมัน"
แขกก็อาจจะบอกว่า รูปนั้น ไม่ใช่ ศรีมหาอุมา...
ด้วยอัมมัน ของท้องที่นั้น ไม่ใช่ศรีมหาอุมา นั่นเอง

เอาล่ะ.. ทีนี้ รูปที่เจ้าของกระทู้นำมาลง
เมื่อเทียบกับรูปของศรีมหามารีอัมมันแล้ว ค่อนข้างใกล้เคียง
คงจะเป็นก๊อบงานอินเดีย ที่ทำในไทย น่ะครับ..
เพื่อความสบายใจ...
"อัมมัน" องค์นี้ จะเชิญพระญาณใด ก็คงแล้วแต่ใจเจ้าของ
แต่เมื่อดูตามรูปลักษณ์แล้ว..ก็คงจะเป็น ศักติ ในสายของพระศรีมหาอุมาเทวี นั่นเองครับ
จะบูชาให้เป็น พระแม่อุมา ก็ได้ครับ...

เอ๊ะ
คุ้นๆแหะประโยคแบบนี้
เหมือนเห็นที่ไหนสักที่
ข้าแต่พระวาคีศวรีเจ้า พระมารดาแห่งพระเวทย์ พระมารดาแห่งศฤงคาร พระมารดาแห่งขุนเขา 
ในนามของ พระปารวตี  ลักษมี  สรัสวตี  สาวิตรี  คายตรี พระองค์คือปรมาตมัน 
พระผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งพระพรหม วิษณุ รุทระ
ด้วยพระกรุณาแห่งพระองค์ จักทำให้โลกที่มืดด้วยอวิทยาสว่างขึ้นโดยพุทธิปัญญา

โอม ตัต สัต

 


    ใช่ของคุณมีนที่ไปตอบไว้ในเวปๆ  หนึ่งปะค่ะ   แล้วคุณ oam ยกมาอธิบายอีกที   อิอิ


น่าจะเคยผ่านตามาจากเวปเดียวกันนะครับท่าน nai 3 เพราะผมเองก็คุ้นเหมือนกัน คริๆ

[HIGHLIGHT=#d7e3bc][HIGHLIGHT=#ffff00][HIGHLIGHT=#e36c09][HIGHLIGHT=#92d050][HIGHLIGHT=#ffc000]ชีวิตนี้ขอสู้เพื่อเทวดา  [/HIGHLIGHT][/HIGHLIGHT][HIGHLIGHT=#92d050][HIGHLIGHT=#ffc000]สุดแล้ว[/HIGHLIGHT][HIGHLIGHT=#ffc000]แต่สวรรค์จะบัญชา[/HIGHLIGHT][/HIGHLIGHT][/HIGHLIGHT][/HIGHLIGHT][/HIGHLIGHT]

แต่ผมว่าที่ตั่งมุรติของพระเคณษกับพระมุรุกัน
ไว้สองข้างน่าจะเป็นการพยายามให้เป็นพระอุมามากกว่า
แล้วที่บอกว่า
พระมารีอัมมันจะเป็นพระอุมาก็ไม่ใช่จะไม่เป็นก็ไม่ใช่
ยังงัยอะคัฟ
งง
แล้วพระกาลีมีเขี้ยวด้วยหลอ
ที่จิงๆผมได้ยินจากผู้รู้มาว่าพระแม่กาลีไม่มีเขี้ยวนะ
เป็นการเติมในสมัยหลัง

อ่อขอถามพี่เจ้าขององค์พระด้วยนะคัฟว่าตอนที่ได้มานั้น
พี่สถาปนาให้เป็นองค์ไหน
เพราะผมก็ยังกังขาอยุ๋ด้วยว่าเทวรูปเป็นลักษณะของอีกองค์แต่บูชาให้เป็นอีกองค์
อย่างนี้ถูกต้องหรือไม่
ข้อกังขานี้คงต้องให้ผู้ที่รุ้มากกว่าผมมาตอบหละคัฟ
ข้าแต่พระวาคีศวรีเจ้า พระมารดาแห่งพระเวทย์ พระมารดาแห่งศฤงคาร พระมารดาแห่งขุนเขา 
ในนามของ พระปารวตี  ลักษมี  สรัสวตี  สาวิตรี  คายตรี พระองค์คือปรมาตมัน 
พระผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งพระพรหม วิษณุ รุทระ
ด้วยพระกรุณาแห่งพระองค์ จักทำให้โลกที่มืดด้วยอวิทยาสว่างขึ้นโดยพุทธิปัญญา

โอม ตัต สัต

         จริงๆ    น่าจะอธิบายให้ชัดกว่านี้นิดนึงนะค่ะ   เพราะ งง  จริงๆ  ที่บอกว่ามูรติมารีอัมมันที่สีลม  ขนาบข้างด้วยพระกาเนสและ

พระกรรติเก   แค่นี้มันเลยหมายความว่าเป็นอุมา ปาราวตี งั้นเหรอค่ะ



      มันยังไม่ค่อยเคลีย   รบกวนมาตอบด้วย เพื่อเป็นวิทยาทาน   ต่อไปคะ


      เพราะถ้าไปถามพรามหมณ์ในสายทมิฬที่บูชามารีอัมมันจริงๆ  มาแต่ครั้งโบราณ   จะเห็นว่าท่านตอบไปอีกอย่าง


     เหมือนชั้นไหว้ของชั้นมานาน  และชั้นก็ไม่สนด้วยว่าใครจะจับพระเจ้าชั้นไปรวมกับใคร


    หรือแม้แต่มันตราที่ใช้  ก็ยังเป็นของดั้งเดิม  ตามแบบแผนเดิมทุกอย่าง    ไม่อิงและไม่ขึ้นกับคติใหม่ที่เพิ่งมาเกิดขึ้นกับอินเดีย


   ในยุคที่กลายมาเป็นฮินดูแล้ว


 


      ยังไงก็ขอพรจากพระศักติอัมมัน  คุ้มครองทุกคนในกระทู้นี้  ที่เพียรพยายามเสาะแสวงหาวิธีจะเข้าถึงพระนางในแบบที่ถูกต้องนะค่ะ


ใช่ครับ..
ผมยกตามที่คุณมีนได้เคยอธิบายเอาไว้
แต่ผมไม่ได้แจกแจงรายละเอียด เท่ากับคุณมีน
เพราะเห็นว่า กระทู้นี้ ไม่ใ่ช่เรื่องนี้โดยตรง
ครั้นจะลิงค์ไป ก็เกรงจะเกิดความวุ่นวาย
เพราะเวปดังกล่าว ไม่ได้เปิดเป็นสาธารณะเท่ากับฮินดู มีทติ้ง

จะว่า อัมมัน ของทมิฬ เป็นพระเทวีโดยเอกเทศ
ไม่ใช่ภาคปางของใคร ก็อาจเป็นได้ครับ..
ทั้งนี้ เนื่องจากในอินเดีย มีลัทธินิกาย อยู่หลายพันนิกาย
เฉพาะนิกายศักติ ก็มีแทบนับไม่ถ้วนแล้ว
ภาค ปาง และรูปลักษณ์ ต่างๆ ที่ทำขึ้นมาบูชานั้น
ก็มีมาก.. ปรกณ์ หรือเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับมูรติ นั้นๆ
ก็ต่างๆ กันไป

ดังนั้น หากมีท่านผู้ใด ทราบประวัติของมารีอัมมัน ทีั่ต่างไปจากนี้
และต่างไปจากที่เคยโพส ในฐานะเทวีรักษาโรคฝีดาษแล้วล่ะก็
ขอความกรุณา โพสเป็นวิทยาทานด้วยครับ...

พระเทวีอัมมัน ที่วัดแขกสีลม ผมไม่ได้บอกว่าเป็น "ปรวตี" นะครับ
(คำว่า "ปรวตี" ในความหมายของผม หมายถึง "ศิวะกามมี่" ครับ)
เพราะเทวลักษ์ ไม่ใช่ "ศิวะกามมี่" (หรือ ภาษาไทย เรียกว่า "ศิวะกามสุทรีย์"
ซึ่งก็คือ รูปลักษณ์ของศิวะศักติ ที่ปรากฏในเวลาที่ "เคีัยงคู่" กับพระศิวะ)...

แต่เนื่องด้วย
พระเทวีอัมมัน ที่วัดแขกสีลม ขนาบด้วยมหาบุตร
อันจัดเป็นองค์ประกอบหลัก ที่สำคัญ มีเทวรูปชัดเจน ทั้งสององค์
ดังนั้น ตรงกลาง ก็ควรเป็น "พระมารดา"
เนื่องจากวัดแขกสีลม เป็นวัดในนิกายศักติ
พระมารดาของมหาบุตรคเณศวร และสกันทะ จึงเป็น "พระศรีมหาอุมาเทวี"
หรือท่านใด จะเข้าใจเป็นอย่างอื่น ว่า เทวรูปตรงกลาง "ไม่ใช่" พระศรีมหาอุมา"
ด้วยมีตรรกอย่างอื่น ก็ขอให้นำเสนอเถอะครับ..

อย่างสมัยสุโขทัย ไม่มีการบูชาอุมา ที่ชื่อ "ปรวตี"
แต่บูชาพระเทวี ที่เป็นพระมเหสีของพระอิศวร โดยใช้ชื่อว่า "พระศรีอุมาเทวี"
สมัยนั้นก็ไม่มีกาลี แต่มีทุรคา (แต่ก็ปรากฏไม่มาก)

ดังนั้น เรื่อง "ชื่อ" อย่าสับสนเลยนะครับ

ชื่อกลาง (Common Name) ของศิวะศักติ ที่คนไทย รู้จักกันโดยทั่วไป..
คือ รู้จักในนาม "ศรีมหาอุมาเทวี"จะแบ่งเป็นภาคอะไร ก็แล้วแต่ ครับ..
แต่บางตำรา ก็เรียกศิวะศักติ ว่า "ปรวตี" เป็นการระบุอย่างชัดเจน
ว่า.."ปรวตี = อุมาเทวี" (ในส่วนของชื่อเรียก)
และภาคปางต่างๆ ที่ปรากฏภายหลัง เช่น ทุรคา กาลี จึงแปลง หรือแตกออก
จาก (การบำเพ็ญบารมี ในครวนั้นๆ ของ..)พระปรวตี หรือมหาอุมาเทวี นั่นเอง

แค่คำว่า "อุมา" ที่แปลว่า "ผู้หญิง" นั้น ก็มีที่มาแตกต่างกันไป ตามปรกณ์ต่างๆ

บางความเชื่อก็ว่า คำว่า "ศรีมหาอุมาเทวี" เป็นชื่อ "ตำแหน่ง"
ที่ค้างเอาไว้ ไม่เคยปรากฏมีเทพนารี พระองค์ใดในจักรวาล ได้รับตำแหน่งนี้
จวบจนพระศรีมหาปรวตี ทรงบำเพ็ญเพียร อย่างยิ่งยวด
ประกอบกับทรงได้รับการสนับสนุน และประทานพร จากเทพพรหม ทุกพระองค์
จึงทรงประสบความสำเร็จ ถึงที่สุดแห่งการบำเพ็ญ
เข้าถึงที่สุดแห่งปรมาตมัน ตามแนวทางของศาสนาฮินดู
จากนั้น จึงทรงได้รับการสถาปนา ขึ้นรับตำแหน่ง "ศรีมหาอุมาเทวี"
พระเทวีแห่งตรีโลก พระเทวีแห่งจักรวาล
เคีัยงคู่ ตำแหน่งพระบิดา แห่งจักรวาล
ซึ่งก็คือ พระมหาสดาศิวะเป็นเจ้า นั่นเอง...

เช่นนี้ ก็เป็นความเชื่อหนึ่ง ครับ..จะผิด จะถูก ไม่มีใครบอกได้
ปรกณ์ หรือเรื่องราว ไม่ได้มีไว้ให้เชื่อ...
แต่มีไว้ให้วิเคราะห์ ถึงที่มาของเรื่องราว และความเชื่อ ในยุคสมัยนั้น
มันจะสื่อถึงวิถีชีวิต และความคิด ของผู้สร้างปกรณ์ นั้นๆ ครับ

ที่ผมเลือกเสนอแนวคิด ตามที่คุณมีนเคยได้นำเสนอไว้
ก็ด้วยคุณมีน มีหลักฐาน และแหล่งอ้างอิง ชัดเจน
และเข้ากับบริบท พัฒนาการทางความเชื่อ ที่มีปรากฏอยู่จริงในปัจจุบัน ครับ

นอกจากนั้น หากท่านใด ได้รับความรู้จากพราหมณ์สายตรงที่บูชามหาเทวีมารีอัมมัน
ก็ขอให้นำความรู้นั้น มาโพสไว้ ให้พวกเราได้อ่านกันด้วยนะครับ
แต่ก็ขอให้บอกด้วยว่า พราหมณ์ท่านนั้น นับถือลัทธินิกายใด
อยู่ในถิ่้นใดในอินเดีย เพื่อจะได้ระบุชัดเจน ว่าเป็นความเชื่อของลัทธิ นิกายใด
เพราะหากได้ต้นเรื่อง จากสายตรง โบราณจริง ก็จะดีมากๆ ครับ

เท่าที่ผมทราบ สมัยที่วัดแขกสีลม ยังเป็นศาลพระแม่มารีอัมมันเล็กๆ นั้น
ไม่แน่ใจ ว่าเขาได้สถาปนาเทวรูปองค์นี้ ให้เป็นพระศรีมหาอุมาเทวี หรือไม่
คงต้องไปสัมภาษณ์พราหมณ์ เจ้าอาวาสวัดแขกสีลมแ้ล้วล่ะครับ
ว่าแท้จริง มีที่มาอย่างไร...
แต่ด้วยกาลเวลาผ่านไป องค์ประกอบต่างๆ ชัดเจนขึ้น
ปัจจุบัน จึงนับถือเทวรูปประธาน ในวัดศักตินิกาย วัดนี้ ว่าเป็น พระศรีมหาอุมาเทวี
และไม่ได้บอกว่า คือ พระปรวตี/บรรพตี (เทวรูปพระปรวตี หรือ ศิวะกามมี่ ก็มีให้บูชาต่างหาก)

ที่ผมบอกว่า จะว่าใช่ ก็ใช่ ไม่ใช่ ก็ไม่ใช่ หมายความว่า
เทวรูป อัมมัน ในอินเดีย ไม่ได้หมายถึงพระศรีมหาอุมาเทวี องค์เดียว เสมอไป
หากมีบริบท เหมาะจะเป็นพระศรีมหาอุมาเทวี และได้รับการสถาปนาให้เป็นพระศรีอุมา
ก็เป็นองค์ศรีอุมาเทวี นั่นแหละครับ
แต่หากเป็นอัมมัน ประจำท้องถิ่น ก็ต้องดูอีกที ว่า ใช่หรือไม่ เขานับถือในฐานะที่เป็นองค์อะไร

อย่างที่ผมเคยโพสไว้..
เทวลักษณ์ ถือเป็น มายา
พระเป็นเจ้า คือ พลังงาน
ปรากฏรูปอย่างใด อย่าไปยึดติดครับ
เราผูกพันกับปางไหน บูชารูปลักษณ์ใด แล้วสบายใจ ก็บูชา
ไม่ได้หมายความว่า บูชาปางนี้แล้ว ปางอื่นจะสงเคราะห์เราไม่ได้

ทางวิทยาศาสตร์ พลังงานแต่ละอย่าง ก็มีหน้าที่เป็นของตนเอง
เช่นเดียวกับเทพเจ้า แต่ละภาค/ปาง ก็มีหน้าที่เป็นของตนเอง
หากนอกเหนืออำนาจหน้าที่ ท่านก็ไม่ก้าวก่ายกัน
หรือหากจำเป็น ต้องสงเคราะห์ผู้ใด ด้วยความเหมาะสมอย่างไร
ท่านก็พิจารณากันเองได้ครับ.. อย่ากังวลเลย
มิเช่นนั้น จะต้องหามาบูชาทุกลักษณะ เป็นร้อยเป็นพัน...คงไม่ไหวนะครับ

ผมเคยได้ยินมาว่าเหตุที่ตั่งชื่อวัดว่า พระศรีมหาอุมาเทวี นั้นก็เพราะคนไทยไม่รุ้จักกับพระมารีอัมมันจึงเอาพระนามของพระอุมามาตั่ง
เพื่อที่จะได้เป็นที่คุ้นหู
แล้วเรื่องการตั่งมุรติจำเป็นด้วยหลอว่าพระเคณษกบัพระมุรุกันตั่งไว้ข้างพระมารีอัมมันจะต้องสื่อถึงว่าลูกต้องอยุ่ใกล้แม่
เหมือนรูปที่บูชาพระอัยยัปปาก็มีพระเคณษตั่งข้างๆอย่างงี้เค้าม่เข้าใจหลอคัฟว่าพระสวามีอัยยัปปาเป็นเครือญาติของพระเคณษ
น่าจะลองคิดนะคัฟว่าเป็นเพื่อความนิยมฤป่าว
อย่าลืมซิว่าพระคณปติเป็นที่นับถือทั่วทั่งโลกและพระมุรุกันก็เป็นที่นับถือในทางใต้
อีกอย่างเรื่องตำแหน่งอธิบดีแห่งจักวาล
เราจะมายึดติดไม่ได้ว่าองค์ไหนเป็นองค์ไหน
เพราะทางไวษณพก็ยกย่องพระวิษณุอย่างล้นเหลือ
ส่วนเรื่องฐานะการเป็นพระมารดาแห่งจักวาล
เราจะบอกว่าพระอุมา ปารวตี ฤว่าทุรคาเป็นมารดาแห่งจักวาลองค์เดียวก็หาไม่
ถ้างั้นองค์ที่เกิดก่อนสุดคือพระวาจาเทวีไม่ได้รับตำแหน่งเป็นมหาเทวีแห่งจักวาลเพราะท่านเกิดจากพระโอษฐ์แห่งพระบรมบิดาโดยตรง
ข้าแต่พระวาคีศวรีเจ้า พระมารดาแห่งพระเวทย์ พระมารดาแห่งศฤงคาร พระมารดาแห่งขุนเขา 
ในนามของ พระปารวตี  ลักษมี  สรัสวตี  สาวิตรี  คายตรี พระองค์คือปรมาตมัน 
พระผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งพระพรหม วิษณุ รุทระ
ด้วยพระกรุณาแห่งพระองค์ จักทำให้โลกที่มืดด้วยอวิทยาสว่างขึ้นโดยพุทธิปัญญา

โอม ตัต สัต

   ขอบพระคุณ  คุณ oam  และท่านอื่นๆ  ที่มาช่วยชี้ความกระจ่างคะ    แต่ดิชั้นอยากจะช่วยอีกแรงนึง   คือเมื่อหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา


   ดิชั้นมีโอกาสได้บันทึกเสียงบทสัมภาษณ์ของท่าน  Paramahamsa  Nithyananda ไว้  เมื่อครั้งท่านมาอธิบายวิชาเทววิทยา

ตะวันออก   กับเทวปรัชญาไว้   ตอนนี้กำลังแกะจากเสียงออกมาเป็นข้อความ  ยังไงจะให้เครดิสท่านไว้ด้วย


   อยากให้รอแปบบนะค่ะ  ต้องใช้เวลา  เดี่ยวอาจเอาไฟล์เสียงมาโพสด้วย  ท่านให้ความเห็นในเรื่องของพระศักติอัมมัน


ท่านเป็นพรามหมณ์ที่เป็นทมิฬโดยชาติกำเนิด  แม้ว่าตอนนี้จะบวชอยู่ในลัทธิไศวะก็เถอะ



   อีกอย่างลูกศิษย์ท่านก็อยู่ในลัทธิศักติ    เราจะได้มาเห็นกันว่า   พราหมณ์ที่ได้รับการสั่งสอนแบบสายนิกายโบราณ


  จะมีความเห็นอย่างไร   กับพัฒนาการทางศาสนาฮินดูยุคใหม่  บวกกับทฤษฎีในเรื่องอวตาร


รอฟัง และรออ่าน เสียถอดเทป จากคุณ giftzy_69 อยู่ครับ
คา่ดว่าจะเป็นประโยชน์มาก สำหรับการไขความกระจ่างในเรื่องนี้
ต้องขอขอบคุณไว้ล่วงหน้าครับ

หากประเด็นนี้ เคยเป็นที่ถกเถียงกันมานาน
ก็ขอให้กระทู้นี้ ไขความกระจ่าง ได้อย่างชัดเจน
จนสามารถคลายความกังขาในประเด็นนี้ได้ในที่สุด ครับ

สำหรับเรื่องการตั้งเทวรูป ผมก็ได้บอกเอาไว้แล้วว่า..
หากท่านใด ทราบ "ตรรก" อื่น ก็ขอให้ยกตัวอย่าง พร้อมคำอธิบาย ด้วยครับ
ก็ต้องขอขอบคุณ คุณ Nai 3 ที่ได้ยกตัวอย่างมาให้ด้วยครับ

สำหรับเรื่องพระเทวีแห่งจักรวาล นั้น..
ผมได้บอกเอาไว้แล้วว่า "บางความเชื่อ"
ดังนั้น สิ่งที่นำเสนอไว้ จึงจัดอยู่ในฐานะ "ตัวอย่างความเชื่อหนึ่ง"
ผมไม่ได้บอกว่า พระศรีมหาอุมาเทวี
เป็นพระเทวีแห่งจักรวาล เพียงพระองค์เดียว แต่อย่างใดเลย
กรุณาอย่าเข้าใจผิด และอย่าคิดว่า ผมเข้าข้างลัทธินิกายใดเป็นพิเศษนะครับ

สำหรับตัวผมเอง ผมเพิ่งเข้ามาบอร์ดนี้ได้ไม่นาน
อะไรที่พอจะแชร์กันได้ ก็แชร์กัน
ไม่เคยบอกเลยว่า สิ่งที่ผมนำเสนอ ต้องถูกต้องที่สุด เสมอ...

อีกประการหนึ่ง ผมไม่เคยใช้ภาษาประชดประชัน
เสียดสี ดูหมิ่นใคร ในบอร์ดนี้... ไม่เคยคิดกล่าวร้ายใคร
ดังนั้น สิ่งที่ผมคาดหวัง คือ มิตรภาพ และภาษาสุภาพ
รวมถึงการชี้แจง ที่เป็นกลาง อย่างกลัยาณมิตร ครับ
อย่างน้อย ก็กับการตอบความคิดเห็นของผม
เพราะผมไม่เคยคิดจะเอาชนะคะคานใครครับ...

ไม่มีใครรู้ทุกอย่างในโลก..
ไม่มีใครทำถูกทุกอย่าง...
โดยเฉพาะอย่างยิ่้ง ไม่มีใคร "ตัดสิน" ได้ว่า
ความเชื่อใด ถูก หรือ ผิด ด้วยข้อมูลที่ตนคิดว่าถูก...เท่านั้น

หากในบริบทของสังคมไทย มหามารีอัมมัน เป็นอย่างหนึ่ง
แล้วที่อื่นไม่ได้เป็นเหมือนเมืองไทย
ผมก็เห็นว่า เป็นสิ่งที่สามารถ "อธิบายได้" ครับ
"บริบท" เป็นตัวแปรที่ทำให้ความคิด ความเชื่อ ทัศนคติ อันเดียวกัน
เปลี่ยนแปลงไป เมื่ออยู่ในวัฒนธรรมที่แตกต่าง ครับ

รากเดิมของพระเทวี "ศรีมหามารีอัมมัน" เป็นอย่างไร
และนำมาเกี่ยวโยงกับพระศรีมาหอุมาเทวี ได้อย่างไร
ปัจจุบัน คนไทย เข้าวัดแขก แล้วเข้าใจว่า ไปสักการะ "พระแม่อุมา"
เป็นอย่างนั้นใช่ หรือไม่ อย่างไร
หากไม่ใช่ แล้ว..เราควรเชื่อ เช่นนั้น ต่อไปอีกหรือไม่ เพราะอะไร

คงได้ัรับคำตอบ และข้อมูลเพิ่มเติม จากทัศนะอื่น ในไม่ช้านี้ครับ

กระทู้นี้อัดความรู้ไว้แน่นเลยครับรอฟังของคุณ gifzy_69 อยู่เหมือนกันครับ
ตามทัศนคติของผม ผมคิดว่าเป็นพระแม่มารีอัมมันครับ เพราะเทวรูปมีความเหมาะสมที่เป็นพระแม่มารีอัมมันกว่าพระอุมาครับ
ซึ่งผมได้รับคำแนะนำจาก อาจาร์ยกิติ มาครับว่า ถ้าเทวาภิเษกพระอุมาน่าจะใช้เทวรูปพระแม่ซันโตชิครับเพราะเทวรูปของพระแม่ซันโตชิมีความเหมือนพระแม่อุมามากกว่าเทวรูปของมารีอัมมันครับ

ที่สิงคโปร์ วัดศรีวีรมกาลีอัมมัน ஸ்ரீ வீரமாகாளியம்மன்

ก็ไม่ได้เป็นรูปพระแม่ยืน แลบลิ้น แต่เป็นปางสาวงาม มี8แขน คล้ายๆพระแม่ทุรคา


กาลีอัมมันที่สิงคโปร์ คล้ายๆแบบนี้แหละคับ


พระแม่สันโตษี


ที่วัดพระแม่มารีอัมมันอีกแห่ง ข้างๆมีพระแม่ลักษมี พระแม่สุรัสวดี องค์กลางก็คือพระแม่ปารวตีด้วยสิครับ???

...

บางที ที่วัดพระแม่มารีอัมมันที่สีลม พระพิฆเนศ พระขันทกุมาร อาจไม่ได้อยู่ในฐานะเครื่องญาติ ไม่ได้ไหว้เพราะเป็นลูกพระแม่มารีอัมมัน

และประวัติพระแม่มารีอัมมันเก่าที่สุด ปรากฏแทรกในตำนานปรศุราม อวตารพีะวิษณุปางที่6
เรื่องเมียฤษีชมทัคนี เมียชื่อเรณุกา เกิดความกำหนัดทำให้ศีลเสื่อม สั่งให้ปรศุรามลูกชายตนตัดหัวแม่(ก่อนหน้านี้แกสั่งให้พี่ชายอื่นๆของปรศุรามตัด แต่ไม่กล้า ฤษีแกสาปให้เปนบ้า) แล้วแม่หนีไปบ้านนางจัณฑาลนางนึง กอดด้วยความกลัว ปรศุรามเลยตัดคอทั้งแม่ตัวเองและนางเรณุกา

ฤษีชมทัคนีอนุญาตให้ให้ลูกชายพร ลูกขอให้พี่ชายตัวเองมีสติกลับคืน และขอให้แม่ตนเองมีชีวิต และมีความบริสุทธิ์เหมือนเดิม(ที่ไม่บริสุทธิ์ เพราะเห็นคนธรรพ์ผัวเมียจีบกัน เลยอิจฉา เกิดอารมณ์ไง)
แต่คุณลูกที่ตัดหัวดีใจมาก เลยต่อหัวไม่ทันดู หัวสลับร่างกัน

ฤๅษีชมทัคนีบอกให้พวกนางอยู่ที่อื่น ร่างและหัวจัณฑาลอยู่อาศรมไม่ได้ เด๋วเสื่อม

ในอินเดียใต้มีรูปเคารพพระแม่เรณุกา หรือ เยลลัมมา
มีแต่หัวครับ(ทมิฬนาฑูไม่ได้นับถือ แต่แคว้นอื่นนับถือ)

ทางทมิฬ ก็มีพระแม่มารีอัมมัน(8แขน) และพระแม่การุมารีอัมมัน(องค์ที่มีหัวข้างหน้า มี4แขน) บูชาทั้งหัวและร่างครับ

และก็ไม่มีตำนานไหนที่บอกว่าพระแม่มารีอัมมัน มีบุตรชายชื่อคเณศ และขันทกุมาร

และไม่ทราบว่าวัดพระแม่มารีอัมมันที่อื่นๆเขาตั้งศาลพระคเณศและศาลพระขันทกุมารด้วยรึเปล่า

แต่ที่แน่ๆ ความเชื่อคนทมิฬ ไม่ได้เชื่อว่าพระแม่มารีอัมมันมีลูกชาย2คน และไม่ได้เชื่อว่าเป็นมเหสีของมหาเทพ
เขาเชื่อแค่ว่าเป็นเทพรักษาโรคฝีดาษ.......เรื่องมีแค่นั้นครับ

พระแม่ปารวตี เป็นชื่อจริงๆของท่าน แปลว่า เกิดจากปรรวัต(บรรพต) หมายถึง เกิดจากภูเขา หมายถึง เป็นลูกท้าวหิมวัต มีอีกชื่อคือ ไหมวตี(ไห-มะ) ไม่มีประวัติว่าท่านอวตารไปเป็นพระมารีอัมมัน หรืออวตารมาเป็นพระแม่เรณุกา

ถ้าพระแม่ทุรคา พระแม่กาลี พระแม่สันโตษี พระแม่พหุจระ พระแม่มีนากษี พอมีตำนานเกี่ยวกับพระแม่ปารวต ว่าลงมาเกิดหรือไม่ก็อวตารลงมาปราบอสูร

ส่วนพระแม่มารีอัมมัน ไม่มีหลักฐานหรือเรื่องราวพื้นบ้านมารองรับ ว่าเป็นมเหสีของมหาเทพ หรือบอกว่านางมีบุตร2คน หรือพระแม่มารีอัมมันมีพี่สาวคือพระแม่คงคา

ผมยืนยันว่า พระแม่มารีคนละองค์กับปารวตี ทุรคา กาลี แน่นอนครับ

และผมเดาเล่นๆ ที่มีแนวคิดว่าพระแม่มารีคือภาคหนึ่งของพระแม่ปารวตี เป็นความคิดของคนอินเดียเหนือบางกลุ่ม

เป็นกระทู้ที่ได้ความรู้ และ เป็นกระทู้ที่ดี อีกกระทู้นึง เพราะ ได้เหงแนวคิดหลายมุมมองไม่ว่า คุณ giftzy_69  คุณ Oam  คุณ nai 3  และ คุณ ตรีศังกุ เพราะ ทำให้ให้ถึงแนวคิดของแต่ละคนอย่างแน่ชัด ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี

แต่ ที่คุณ ตรีสังกุ (ขออ้างอิง นะค่ะ ที่พูดว่า ) ไม่มีตำนานไหนที่บอกว่าพระแม่มารีอัมมัน มีบุตรชายชื่อคเณศ และขันทกุมาร

จริงค่ะ และ ก็ตอบได้เลยว่า ใครคิดว่า พระมารีอัมมัน เป็น ญาติ หรือ เป็นมารดา ของ 2 พระองค์นี้ คือ ผิด ค่ะ แต่เท่าที่อ่านในนี้ ไม่มีใครอ้างถึงนะค่ะ แต่ ใช้คำว่าประมานว่ามูรติ ที่อยู่ 2 ฝั่ง เท่านั้น เหมือนที่คุงตรีสังกุยกตัวอย่างนำรูปมาให้ดู นั้น ที่จริง ทางด้านศิลปะ เรียกว่า สถาปัตยกรรม ที่เป็น ส่วนประกอบ ของ สถานที่นั้นๆและ เจตนาคนสร้างขึ้นมาส่วนใหญ่ ก็ใช้คติ และ ความเชื่อส่วนตนทั้งนั้น ในการนับถือ



จริงๆแล้ว วัดแขกสีลม มีชื่อในภาษาทมิฬว่า "ติรูมารียัมมันโกยิล" (โกยิล - เทวสถาน) พระประธานก็ คือ พระมารีอัมมัน แต่เพื่อให้เกิดความเข้าใจแก่คนไทย หรือการยึดตาม มติของคณาจารย์ และ เจตนาของ คณาจารย์ จึงได้เรียกว่า พระแม่มารีอัมมัน ว่า พระศรีมหาอุมาเทวี ( ถ้าจิงๆแล้วคำตอบ ก็รู้อยู่กันว่า คือ พระมารีอัมมัน แต่ถึงจะเป็นใคร ถ้าใจศรัทธา ทุกพระนามคือ ความศักดิ์สิทธิ์ ขอแค่วาง ในเรื่อง ลัทธินิกาย วางทฤษฎี บางอย่างเราจะเห็นว่า ล้วนแล้ว แต่ คือ ศรัทธา ของผู้คนทั้งนั้น ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ที่มนุษย์สร้างมา เพื่อเป็น แหล่งยึดเหนี่ยว หรือ เหตุผล ที่เราไม่สามารถตอบได้ในจุดประสงค์ของแต่ละคน ค่ะ )


แม้ว่า เมื่อก่อนวัดพระศรีมหาอุมาเทวี จะเป็นเพียงศาลเล็กๆ เข้าทำนอง ครามเทวตา แต่ ปัจจุบันได้กลายเป็นวัด่ในนิกายศักติแล้วค่ะิ


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


มารี อาจจะแปลได้ว่า ศักติ หรือ พลัง   อัมมัน แปลว่า แม่

มารีอัมมัน จึงมีความหมายรวมว่า แม่พลังของชนชาวหมู่บ้าน

มารีอัมมัน ในอินเดียใต้ถูกบูชาเป็นพระเทวีของหมู่บ้าน ที่ค่อยส่งผลต่าง ๆ ต่อหมู่บ้าน พลังของมารีอัมมันเป็นอยู่ในลักษณะที่ค่อนข้างไปในทางลบมากกว่า เพราะถ้า คนในหมู่บ้านไม่บูชาให้พระแม่พอใจ โรคร้ายต่างๆจะปรากฏสนองคนที่อยู่ในหมู่บ้าน

ชาวอินเดียใต้จะบูชาพระแมมารีอัมมัน่มาก เพราะ พระมารีอัมมันไม่ได้ เป็นพระแม่ประจำของใคร


มารีอัมมันเป็นพลังงานของโลก ที่มาในสักษณะของ โรคระบาดต่าง ๆ เชื้อโรค ไข้ทรพิษ อีสุกอีใส และ อีกมากใน สังคม อินเดีย

บทบาทของพระแม่มารีอัมมันอยู่ในลักษณะของความไม่แน่นอน ท่านจะช่วยรักษา ความเจ็บปวด และ อาการป่วยด้วยโรค มาปกป้องคนในหมู่บ้าน จากโรคร้าย  เมื่อชาวบ้านป่วย นั้นหมายถึงถูกผีทำร้าย และ ระบาดไปทั่ว มารีอัมมันจะป่วยตามด้วย และ ป่วยมากที่สุดถึงที่สุด เพราะ ท่านต้อง รับความเจ็บป่วยทั้งหลายใว้กับ ตนเอง แต่ เมื่อถึงคราวที่พระแม่โกรธกริ้ว ภูติผีปีศาจทั้งหลาย ก็จะหายไป ความเชื่อแบบมารีอัมมันเป็นในลักษณะให้คนในหมู่บ้านได้รู้จักรักษา ธรรมชาติหรือสิ่งแวด ล้อม พระแม่ คือ การบูชาตามท้องถิ่นของหมู่บ้าน นั่นเอง




หมายเหตุ อยากฝากว่า คนสมัยนี้ น้อมบูชาท่านมากเพราะ เหตุผลหลายๆอย่างของแต่ละบุคคล ซึ่งไม่อาจทราบได้ โดยเฉพาะ การบูชา เทพทางตอนใต้ จนทำให้เกิดการดูถูกและดูหมิ่น เทพเจ้าอีกหลายพระองค์ในแนวทางที่ผิด เพราะ แค่ความชื่นชอบ คนสมัยมีบูชาตามค่านิยม การบูชาตามแบบไหนไม่ผิด แต่ ก็ไม่สมควรดูถูกดูหมื่น การบูชา ของคนอื่น ที่อาจทำมาจากใจไม่ต่างกัน  แม้กับคนบางคนในสมัยนี้ และได้เจอมากับตัวในวาจาที่หยาบว่า พระแม่ลักษมี เป็นแค่เศษเสี้ยวศักติ ไม่มีทางเทียบเท่าพระมารีอัมมัน คำนี้ พอได้ยิน รู้สึกเวทนาคนพูดในใจ กับความคิดที่แย่มาก ซึ่งปัจจุบันนี้ คนนับถือ เทพมีมากเพื่อใช้ เหตุผลหลายๆอย่างและดูถูกศรัทธาคนอื่น แท้ที่จริง มารีอัมมัน ใน คัมภีร์ปุราณะทั้งหลายจะเรียกว่า มริกะ พลังงานของมารีอัมมันสำแดงในลักษณะที่มาอย่างอาฆาตแค้น และ ไม่พอใจง่ายๆ ยากที่จะลบเลือนไปได้ มารีอัมมันไม่ได้เป็นพระแม่แห่งสันติสุข ไม่เหมือนพระจักรวาลชนนี อีกหลายพระองค์ เช่น พระแม่อุมา พระลักษมี พระสุรัสวดี ที่ได้ชื่อ ว่า ศักติ โดยสมบูรณ์
[HIGHLIGHT=#ffffff]
ภควาน จักรวาลชนนี
[/HIGHLIGHT]

เพราะ..สังคม ประเมิณค่า ที่จนรวย คนจึงสร้าง..เปลือกสวย ไว้สวมใส่

หากสังคม..วัดค่า ที่ภายใน  คนจะสร้าง..จิตใจ ที่ '' ใฝ่ดี''





ฤๅษีตนนั้นคือฤๅษีชมทัคนี และเป็น1ในฤษี7ตน และมีเหล่ากอคือฤๅษีภฤคุ

คัฟขอบคุณนะคัฟสำหรับความรุ้ดีๆ
บอร์ดแห่งนี้ผมถือว่าเป็นบ้านของเรา
พวกเราเสมอกันฉันญาติและมิตร
พวกเรามาเจอกันที่ก็เพื่อนำความรุ้มาแลกเปลี่ยนซึ้งกันและกัน
ตามข้อมูลที่ผมกล่าวไปไม่ได้เพื่อทำลายระบบความคิดหรือดูถูกความรุ้ของใคร
แต่ที่ผมบอกไปนั้นก็เพื่อให้เป็นวิทยาทานให้กับคนไม่รุ้
โดยที่ผมไม่ได้มีเจตนายกตนว่าเหนือกว่า
เพราะคงมีคนในบอร์ดอยุ่ไม่น้อยที่รู้มากกว่าผม
ที่บ้านหลังนี้ผมเชื่อว่าทุกคนต่างรักกันเสมอพี่น้อง
คงไม่มีใครจ้องจะหาความเป็นอริกับใครหลอกคัฟ
ข้าแต่พระวาคีศวรีเจ้า พระมารดาแห่งพระเวทย์ พระมารดาแห่งศฤงคาร พระมารดาแห่งขุนเขา 
ในนามของ พระปารวตี  ลักษมี  สรัสวตี  สาวิตรี  คายตรี พระองค์คือปรมาตมัน 
พระผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งพระพรหม วิษณุ รุทระ
ด้วยพระกรุณาแห่งพระองค์ จักทำให้โลกที่มืดด้วยอวิทยาสว่างขึ้นโดยพุทธิปัญญา

โอม ตัต สัต

ขอขอบคุณที่ทุกท่านให้ข้อมูลแต่

ถ้าผมจะอัญเชิญญาณพระแม่อุมาลงมาได้หรือไม่

ขอบคุณครับ

สามารถเชิญได้ครับ แต่ผมว่าไม่เหมาะ น่าจะใช้เป็นเทวรูป พระแม่ทุรคา หรือ พระแม่ปารวตีมากกว่า (พระแม่ซันโตชิก็ใช้ได้ครับตามที่บอก)แต่ถ้าคุณไม่อยากจัดหาเทวรูปใหม่ก็ไม่เป็นไร เพราะบางที่เขาก็ทำแบบนี้ แต่ผมว่าก็ไมเหมาะอยู่ดี (ถ้าไม่เอาให้ผมก็ได้คับ ฮิฮิ ล้อเล่นคับ)

ถ้าจะเสกเป็นพระอุมาคงไม่มีทางแน่นอนครับ ผมจะขอยืนยัน นั่งยัน  นอนยัน ตีลังกายัน กระโดดยัน 555555555555
เพราะลักษณะของเจ้าแม่มารีอัมมันนั้นชัดเจนอยู่แล้วไม่มีทางที่จะเสกให้เป็นพระอุมาได้หรอกครับ   

ด้วยความเห็นสวนตัวผมเห็นด้วยกับคุณธิตินะครับ

นี่ตาคุณบาส สามารถเสกให้เป็นพระอุมาได้ด้วยหรอ

Quote from: thiti on January 31, 2010, 21:07:44
นี่ตาคุณบาส สามารถเสกให้เป็นพระอุมาได้ด้วยหรอ

ตามที่ผมทราบก็ไม่ได้หรอกคับ

แล้วกรณีนี้จะทำยังไงอะคัฟ
ผู้บูชาต้องการบูชาพระอุมาแต่มูรติที่มีอยุ่ม่ใช่มูรติของพระอุมา
ถ้าจะหามูรติใหม่ก็โอเค
แต่มูรติที่มีอยุ่หละคัฟจะทำอย่างไร
ข้าแต่พระวาคีศวรีเจ้า พระมารดาแห่งพระเวทย์ พระมารดาแห่งศฤงคาร พระมารดาแห่งขุนเขา 
ในนามของ พระปารวตี  ลักษมี  สรัสวตี  สาวิตรี  คายตรี พระองค์คือปรมาตมัน 
พระผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งพระพรหม วิษณุ รุทระ
ด้วยพระกรุณาแห่งพระองค์ จักทำให้โลกที่มืดด้วยอวิทยาสว่างขึ้นโดยพุทธิปัญญา

โอม ตัต สัต