Loader

ใครมีรูป พระแม่กาลีตาลา อัพให้ชมหน่อยครับ

Started by RoamRun, May 21, 2010, 03:49:57

Previous topic - Next topic

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

อยากทราบประวัติ ที่มาและการบูชาด้วยครับ


รบกวนนะครับ


Thanks: ��纽ҡ�ٻ check domain


ใช่ พระแม่กาลีตาลา หรือเปล่าครับ

ถ้าใช่รบกวนขอประวัติ และวิธีบูชาหน่อยนะครับ

ถ้าไม่ใช่ รบกวน ขอข้อมูล หน่อยนะครับ

ประวัติอิชั้นแน่ไม่ทราบ รู้แต่วิธีบูชาอย่างไรให้ขอพรได้ผลจิง ได้มั้ยคะ




[HIGHLIGHT=#7030a0]พระแม่ตารากาลี  เป็นหนึ่งในทศมหาวิทยาทั่งสิบ  อันเป็นปางสำคัญของพระแม่กาลีทั่ง10ปาง[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#7030a0]ในพระหัถต์ทรงถือกรรไกรครับ   ส่วนข้อมูลเพิ่มเติมคงต้องรอท่านผู้รู้[/HIGHLIGHT]
พระผู้เป็นเจ้าสูงสุดซึ่งมีอยุ่เพียงพระองค์เดียว  เป็นผู้ซึ่งมีพระเนตรและพระพักตร์มากมายรอบทิศทาง  มีพระกรและพระบาทอยู่โดยรอบทิศ  ด้วยพระผู้เป็นเจ้าสูงสุดพระองค์เดียวนี้ทรงมีสภาวะแผ่ครอบคลุมไปทั่วสกลจักรวาล   
เศวตาศวตรอุปนิษัท

   ขออนุญาติตอบนะค่ะ    บังเอิญเฝ้ามองกระทู้นี้มานานพอสมควร    แต่ต้องเรียนก่อนว่าจะตอบตามสมควร   นั่นคือหมายความว่าเท่าที่อิชั้นพอจะทราบอะนะค่ะ   ผิดถูกอย่างไรก็ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย   รวมถึงถ้ากูรูท่านใดจะเสริม   เพิ่มเติม  หรือจะแย้งตรงส่วนไหนก็ตามสบายคะ

    ก็อย่างที่หลายๆท่านทราบดี  ว่าพระเทวีองค์นี้เป็นหนึ่งในทศมหาวิทยา  สำหรับเทพปกรณัมของพระตาร้าก็ต้องท้าวความไปถึงเมื่อครั้งกวนเกษียรสมุทรคะ   สืบเนื่องมาจากในช่วงเวลาที่กำลังกวนเกษียรสมุทรอยู่นั่น   ต้องใช้เวลาค่อนข้างนานพอสมควร  จึงทำให้พญานาคที่ต้องคายพิษทุกๆเจ็ดวันไม่สามารถทำการคายพิษออกมาได้


    จึงต้องคายพิษออกมาในช่วงระหว่างทำพิธี   เลยทำให้พิษนาคนั้นฟุ้งกระจายออกมา   ครั้นพระนารายณ์จะเสด็จไปช่วยไว้ก็มิอาจทรงทำได้ เนื่องจากว่าตอนนั้นท่านกำลังแปลงเป็นเต่าอยู่    เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนั้นพระศิวะท่านทรงเห็นท่าไม่ดีเลยเข้าไปช่วยจัดการดื่มพิษนาค  ซึ่งเป็นเหตุให้พระศอของพระองค์กลายเป็นสีดำนับตั้งแต่นั้นมา

      หลังจากนั้นผลของพิษนาคที่พระศิวะได้ทรงดื่มไปนั้นเริ่มสำแดงฤทธิ์ออกมาคะ   กล่าวคือ..ทำให้พระศิวะทรงเป็นลมแล้วล้มลงหมดสติไป   ทันใดนั้นเองพระแม่ตาร้าก็ปรากฏกายขึ้น  แล้วทรงประคองพระศิวะนอนบนตัก


พระแม่ท่านทรงให้นมแก่พระศิวะ   หมายความว่าให้ดูดจากยอดพระถัน ( หัวนม )อะนะค่ะ    ดังที่จะได้เห็นตามภาพด้านล่างนี้   ผลปรากฏว่าน้ำนมของพระตาร้าทำให้พิษนาคที่อยู่ในร่างกายพระศิวะนั้นค่อยๆหมดไป   แล้วท่านก็ทรงฟื้นขึ้น

คนฮินดูก็เชื่อกันว่าพระตาร้าท่านทรงเป็นปางหนึ่งของพระกาลีคะ

   เสริมนะค่ะ...ตามที่ผู้ศึกษาเทววิทยาในส่วนของปกรณัมปรัมปรา ( Mythology )   ได้วิเคราะห์รวมถึงกรั่นกรองคติ หรือนัยความเชื่อที่แอบแฝงไว้ในเทพนิยายเรื่องนี้คือให้เราลองหวนกลับไปดูตอนที่พระกาลีท่านทรงปราบอสูรมธูได้สำเร็จในช่วงแรก   ผลจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้พระแม่ท่านทรงดีพระทัยที่ทรงเอาชนะอสูรได้ ถึงกับเต้นรำอย่างรุนแรง  หมายจะยกพระบาทกระทืบโลก   แต่ในที่สุดก็ได้องค์พระศิวะของเราไปช่วยไว้ได้ทันคะ

   เหตุเพราะพระศิวะท่านพอจะนึกได้ว่าพระแม่ยังทรงเคราพพระองค์อยู่   จึงทรงลงไปนอนบนพื้นโลกเพื่อรองรับพระบาทของพระแม่จนกว่าพระแม่เต้นรำจนพอพระทัย   และเมื่อพระแม่ทรงเห็นว่าพระศิวะมานอนทอดกายรองรับการเต้นรำพระแม่ก็ทรงแลบพระชิวหา หรือลิ้นออกมาด้วยความละอายแก่ใจ    พร้อมกับขอโทษต่อพระสวามี  เรื่องนี่นับเป็นคุณธรรมที่โดดเด่นของพระนางที่ยังมีความเคราพต่อพระศิวะผู้เป็นพระสวามียิ่งนัก

      ย้อนกลับมาดูในส่วนของตำนานว่าด้วยเรื่องกำเนิดของพระตาร้าตามที่อิชั้นได้กล่าวไปในตอนต้น   เมื่อพระศิวะทรงตกอยู่ในความทุกข์ยาก  ตกอยู่ในห้วงเวลาคับขัน   ก็ได้พระแม่ผู้เป็นศักติเข้าไปช่วยไว้ได้เสมอมา

     มิหนำซ้ำพระนางยังทรงแสดงสัญชาติญาณในความเป็นผู้หญิง  หรือในความเป็นแม่คอยมาให้นมและเลี้ยงดูปรนนิบัติพระศิวะเมื่อครั้งที่ท่านทรงตกอยู่ในช่วงอันตราย   ทรงไม่ทอดทิ้งกัน   จะว่าไปแล้วก็สามารถเปรียบได้กับหลักปรัชญาแห่งการมีสรรพสิ่งเป็นของคู่กัน  (  Daulism ) ในโลกนี้

   อีกทั้งยังเป็นเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ที่จะแสดงให้สาวกหรือผู้มีความศรัทธาในพระกาลีได้รู้ว่า   แม่ยังไงก็คือแม่  จะดุแค่ไหนดุอย่างไรก็เป็นแม่   พร้อมที่จะทรงหยิบยื่นพระหัตถ์ให้ความช่วยเหลือเราเสมอเมื่อลูกมีทุกข์


   ทั้งนี้ขอหยิบยกโศลกของเสถียรโกเศศ นาคะประทีป  ที่กล่าวถึงความกรุณาของพระแม่กาลีไว้นะค่ะ ว่า ...

....  แท้จริงแล้วข้าพเจ้าไม่เห็นพระองค์  แต่ข้าพเจ้าไม่ใช่เด็กที่หลงแม่  ข้าพเจ้ายังคงร้องว่าแม่จ๋าอยู่  ข้าแต่พระแม่เจ้า  ความทุกข์พิบัติที่ข้าพเจ้าได้ประสบและคงประสบอยู่ข้าพเจ้าย่อมรู้ว่าเกิดจากพระกรุณาของพระองค์เป็นเที่ยง

   สุดท้ายนี้อยากจะฝากอะไรไว้สักนิด  ในส่วนของการศึกษาเทพปกรณัมของเทพทุกๆพระองค์และของหลายๆศาสนาด้วยนะค่ะ  ว่าเราควรใช้ปัญญาไตร่ตรอง    พินิจพิเคราะห์ และไม่ควรมองข้ามเทพปกรณัม  หรือเทพนิยายไป   ส่วนใหญ่เรื่องเล่าตำนานเหล่านี้ก็แฝงไปด้วยองค์ความรู้โบราณที่พวกเค้าเหล่านั้นต้องการจะถ่ายทอด ผ่านตำนานเหล่านี้  ว่าไปแล้วเรื่องทุกเรื่องก็ล้วนแต่แฝงไว้ด้วยนัย  หรือข้อคิดดีๆไว้เสมอคะ


     อีกแง่นึงเลยคือเทพปกรณัมคือแหล่งบันทึกข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับมนุษยชาติที่ทำให้เราตระหนักคุณค่าของการเรียนรู้  จากประสบการณ์เพื่อแก้ปัญหานานาประการ  ซึ่งเราควรใส่ใจ ไม่ตั้งข้อรังเกียจ   ก็จะได้อะไรที่มากกว่าการอ่านเพื่อความสนุกเพลิดเพลิน  หรือเอาแต่เชื่องมงายไปแต่ถ่ายเดียว


อิชั้นทิ้งรูปและคลิปตาร้าอารตีที่วัดพระแม่ไว้ด้วยคะ  ถ้าสนใจยังไงก็ลองคลิกเข้าไปชมได้
.... ขอพรจากพระกาลี ตาร้า  คุ้มครองท่านเจ้าของกระทู้และเพื่อนๆทุกคนในบอร์ดนะค่ะ




ติดตามคุณศรีมหามารตีมาหลายกะทู้แล้ว
แต่ละกะทู้ ชัดแจ้ง ตรงประเด็น ขอชื่นชมค่ะ
และที่สุดของที่สุดก็คือ........
.......แต่ละรูปที่นำมาให้ชมกัน สวยๆสุดยอดทั้งนั้นค่ะ
ต้องยกให้เป็น บุคคลที่มีรูปเทพเทวา สวยงาม+เยอะที่สุด
หลายๆรูปที่ยังไม่เคยเห็น ก็ได้เห็นเพราะความกรุณาของ
คุณศรีมหามารตี กราบขอบพระคุณมากๆค่ะ



แถมรูปสาวกเอกของพระแม่ตาร้าไว้ด้วยละกันคะ  เดี๋ยวว่างๆอิชั้นจะเอาประวัติท่านมาลงถ้าคุณสนใจจริงๆ ...

ส่วนเรื่องมันตราบูชาพระแม่ตาร้าอิชั้นขอบายนะค่ะ 555  เพราะพบว่าส่วนใหญ่เป็นตันตริกมนต์  คงต้องรอผู้สันทัดกรณีจริงๆ







Quote from: Purple_Tulip on May 29, 2010, 02:25:38
ติดตามคุณศรีมหามารตีมาหลายกะทู้แล้ว
แต่ละกะทู้ ชัดแจ้ง ตรงประเด็น ขอชื่นชมค่ะ
และที่สุดของที่สุดก็คือ........
.......แต่ละรูปที่นำมาให้ชมกัน สวยๆสุดยอดทั้งนั้นค่ะ
ต้องยกให้เป็น บุคคลที่มีรูปเทพเทวา สวยงาม+เยอะที่สุด
หลายๆรูปที่ยังไม่เคยเห็น ก็ได้เห็นเพราะความกรุณาของ
คุณศรีมหามารตี กราบขอบพระคุณมากๆค่ะ


เห็นด้วยอย่างแรงครับผม

ขอเสริมเรื่องการบูชานิดนึงนะคะ ในอินเดียสมัยโบราณ การบูชาพระนางนอกจาก ขนม นม เนย แล้ว ยังต้องใช้เลือดสัตว์ เลืดมนุษย์ รวมถึงกระทั่งเลือดตัวเองแล้ว (ตันตระ) ถ้าจะให้เป็นที่พอพระทัยจะต้องมีการเสพสังวาส (บางแห่งก็กระทำการเสพสังวาสหมู่) แต่ถ้าจะทำให้เป็นที่ถูกพระทัยมาก ๆ นั้น จะต้องเป็นบุคคลในครอบครัว เช่น พี่กับน้อง ร่วมเสพสังวาสถวายพระนาง จะทำให้เป็นที่พอพระทัยมากที่สุด ว่ากันว่าทูลขอสิ่งใดก็จะสมประสงค์ทุกประการ (ในปัจจุบันเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายในเรื่องแรก และผิดศีลธรรมในเรื่องที่สอง รัฐบาลอินเดียจึงสั่งห้ามทั้งสองเรื่อง) ส่วนสิ่งที่ผู้บูชาจะปฏิเสธสิ่งหนึ่งที่ได้รับจากการบูชาพระนางคือ ความเป็นมหานิยม ความเป็นมหาเสน่ห์ ดูได้จากเทวปฏิมาของพระองค์ (ศิลปะฑิเบตในปางที่ทรงยืน) ซึ่งท่านทรงฟ้อนรำกับพระศิวะผู้เป็นสวามีอย่างงดงาม (ดูข้างหน้า) แต่หากเราพลิกองค์ดูด้านหลังแล้วนั้นก็จะทราบว่าพระองค์ทรงกำลังทำอันใดอยู่ จึงเป็นที่มาของความเป็นมหาเสน่ห์ ค่ะ จะจิงเท็จประการใด หากมีกูรูผู้รู้รอบ ก็สามารถชี้แจงได้นะคะ

ขอบคุณ ทุกๆ ความคิดเห็นที่ช่วย อธิบาย ให้ ทราบถึง ที่มาที่ไป และ ปกรณัม ต่างๆนะครับ

ผมมีข้อสงัยอีกข้อ อยาก ถาม เพื่อนๆให้ช่วย ไขข้อข้องใจให้ หน่อยนะครับ

ทำไม ปางค์ บูชา ของพระองค์มัก ทำอยู่ในลักษณะ "ร่วมรัก" เสมอ ครับ

ไม่ใช่ ว่าผม เห็นว่าไม่ดีนะครับ เพียงแต่สงสัย

แล้วหาบูชา ยากมากกกกกกกกกกกกกกกก

ถ้าใครมีข้อมูล เรื่อง องค์ บูชา หรือ ที่มาของการ ทำองค์บูชาในลักษณะนี้

รบกวนแบ่งปันด้วยนะครับ


ขอบคุณมากครับทุกๆ คน