Loader

สิรวีย์มีเรื่องเล่า ตอน ทีปวาลีที่มูลน&

Started by อินทุศีตาลา, November 08, 2010, 13:44:39

Previous topic - Next topic

0 Members and 2 Guests are viewing this topic.

ตัดสินใจอยู่นานเหมือนกันนะคะว่า ในคืนสำคัญเช่นดิวาลี หรือออกเสียงใกล้ๆสำเนียงไทยอย่างทีปวาลีนี้ จะไปร่วมพิธีที่ไหนดี

ด้วยสองสามปีที่ผ่านมาไปวัดแขกสีลมตลอด ปีนี้จึงอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศดูบ้าง จึงตกลงใจไปรว่มพิธีที่มูลนิธิพระพิฆเณศซึ่งมีพระครูญาณสยมภูว์ เป็นประธานมูลนิธิ และเป็นผู้ประกอบพิธีบูชาเทพเจ้าในคืนนี้

หลังจากเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ออกเดินทางค่ะ มูลนิธินี้ตั้งอยู่ในตรอกโบสถ์พราหมณ์ เพียง ๑๐๐ เมตรจากถนนดินสอ

พิธีเริ่มประมาณ ๑๙.๐๐ น.ค่ะ เมื่อสิรวีย์เดินทางไปถึงที่นั่น ผู้ร่วมงานกำลังช่วยกันจุดประทีปที่หน้าประตูอยู่ ตามธรรมเนียมในคืนทีปวาลี แม้ผู้คนจะบางตามากคือเพียง ไม่ถึง ๒๐ คน ทว่าเจ้าหน้าที่มูลนิธิทุกท่านก็ให้การต้อนรับขับสู้อย่างอบอุ่น คนน้อยเช่นนี้เป็นโอกาสดียิ่งค่ะที่จะได้ทักทายโอภาปราศรัยกันได้อย่างทั่วถึงบรรยากาศจึงดูอบอุ่น เต็มไปด้วยไมตรีแบบธรรมเนียมไทยๆ และเป็นโอกาสที่จะได้มองเห็นพิธีกรรมอย่างใกล้ชิดและชัดเจน



โต๊ะบูชาในห้องโถงชั้นสองของมูลนิธิพระพิฆเณศ

   ขอพาหาพลรามอันงามขาว    ดังจันทร์คราวเริ่มแรกอุทัยไข
ทรงกำลังสามารถฉกาจไกร       ดังว่าได้ดื่มซึ่งอาสวรส
เต็มด้วยอวตารแห่งปัทมา        ลักษมีกันยาสุภาสด
น่าใคร่ราววสันต์อันงามงด       จงคุ้มท่านทั้งหมดในที่นี้


(คัดจากเทวีวาสวทัตตา ของภาสะ แปลโดย ท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา มาลากุล)



ได้เวลาฤกษ์ พระครูญาณสยมภูว์ (ขจร นาคะเวทิน) ประธานของพิธีก็จุดธูปเทียนที่หน้าโต๊ะหมู่บูชา

   ขอพาหาพลรามอันงามขาว    ดังจันทร์คราวเริ่มแรกอุทัยไข
ทรงกำลังสามารถฉกาจไกร       ดังว่าได้ดื่มซึ่งอาสวรส
เต็มด้วยอวตารแห่งปัทมา        ลักษมีกันยาสุภาสด
น่าใคร่ราววสันต์อันงามงด       จงคุ้มท่านทั้งหมดในที่นี้


(คัดจากเทวีวาสวทัตตา ของภาสะ แปลโดย ท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา มาลากุล)



หลังจากนั้นพระครูญาณสยมภูว์นั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องสังเวย เจ้าหน้าที่เชิญเทวรูปพระศรีคเณศ พระลักษมีเทวีและพระสรัสวดีเทวีมาประดิษฐานหลังโตีะสังเวย เสร็จแล้วพระครูฯอ่านประกาศบวงสรวงเนื่องในเทศกาลทีปาวลีเป็นภาษาไทยทำนองร่าย จากนั้นจึงสวดคาถาชุมนุมเทวดาและร่ายพระเวทเปิดศิวาลัยไกรลาศอัญเชิญเทพเจ้าทั้งสามพระองค์เสด็จมาสถิตย์ในพิธี
   ขอพาหาพลรามอันงามขาว    ดังจันทร์คราวเริ่มแรกอุทัยไข
ทรงกำลังสามารถฉกาจไกร       ดังว่าได้ดื่มซึ่งอาสวรส
เต็มด้วยอวตารแห่งปัทมา        ลักษมีกันยาสุภาสด
น่าใคร่ราววสันต์อันงามงด       จงคุ้มท่านทั้งหมดในที่นี้


(คัดจากเทวีวาสวทัตตา ของภาสะ แปลโดย ท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา มาลากุล)

ลำดับจากนั้นเจ้าหน้าที่แจกธูปแก่ผู้เข้าร่วมพิธีทุกคน เพื่อตั้งสัตยาธิษฐานขอพรจากเทพเจ้าทั้งสามพระองค์ แล้วจึงเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานปักธูปหางที่เครื่องสังเวย



เจ้าหน้าที่ลั่นฆ้องชัย บรรลือสังข์และไกวบันเฑาะว์เอาฤกษ์
   ขอพาหาพลรามอันงามขาว    ดังจันทร์คราวเริ่มแรกอุทัยไข
ทรงกำลังสามารถฉกาจไกร       ดังว่าได้ดื่มซึ่งอาสวรส
เต็มด้วยอวตารแห่งปัทมา        ลักษมีกันยาสุภาสด
น่าใคร่ราววสันต์อันงามงด       จงคุ้มท่านทั้งหมดในที่นี้


(คัดจากเทวีวาสวทัตตา ของภาสะ แปลโดย ท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา มาลากุล)

ขอบพระคุณนะคะคุณน้องสิรวีย์ พิธีดูแล้วศักดิ์สิทธิ์ดีจังค่ะ
สุ จิ ปุ ลิ  ขาด สักข้อ ก็ไม่ครบการเป็นปราชญ์

ปราชญ์ที่ดีต้องเป็นผู้ฟังมากกว่า พูด พูดในสิ่งที่สมควรพูด

ผู้ที่ฉลาดแท้จริง ฟัง มากกว่าพูด เพราะถ้าเรารู้ไม่จริง หรือไม่หมดก็จงอย่าพูด

เพราะเมื่อเปิดปากออกมา เมื่อนั้นได้แสดงความโง่ออกมาโดยไม่รู้ตัว

คนเก่งจริง ต้องเรียนรู้เสมอว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือตัวเรายังมีคนที่เก่งกว่า จงถ่อมตนเสมอ จงเป็นผู้ให้เสมอ


ต่อจากนั้นพระครูฯ ร่ายพระเวทสรรเสริญเทพเจ้าตามธรรมเนียมพราหมณ์ไทย ซึ่งเป็นบทเดียวกับที่คณะพราหมณ์ใช้สวดมุไรถวายพระเป็นเจ้าในพระราชพิธีตรียัมพวาย ตรีปวาย โดยเปิดสมุดไทยเล่มเล็กซึ่งใช้ในพิธีดังกล่าว แต่เท่าที่สิรวีย์สังเกตด้วยตา อาศัยว่านั่งใกล้เชื่อว่าในคืนนี้ พระครูฯใช้ท่องจำคาถาดังกล่าวเป็นส่วนใหญ่ เพราะท่านไม่ได้ก้มดูหนังสือเท่าไร นับว่าท่านมีความทรงจำเป็นเลิศเพราะบทมุไรนั้นยาวและยากมาก (ตามที่ได้ยินมาจากท่านผู้รู็หลายท่าน มีคุณอักษรชนนีของพวกเราเป็นอาทิ)



   ขอพาหาพลรามอันงามขาว    ดังจันทร์คราวเริ่มแรกอุทัยไข
ทรงกำลังสามารถฉกาจไกร       ดังว่าได้ดื่มซึ่งอาสวรส
เต็มด้วยอวตารแห่งปัทมา        ลักษมีกันยาสุภาสด
น่าใคร่ราววสันต์อันงามงด       จงคุ้มท่านทั้งหมดในที่นี้


(คัดจากเทวีวาสวทัตตา ของภาสะ แปลโดย ท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา มาลากุล)

เมื่อคาถาสรรเสริญพระเป็นเจ้าจบลงในแต่ละจบ แต่ละบท เจ้าหน้าที่บรรลือสังข์ และเมื่อจบหมดแล้วจึงลั่นฆ้องชัย บรรลือสังข์และไกวบัณเฑาะว์ พระครูญาณสยมภูว์แกว่งคันชีพบูชาพระเทวรูป



   ขอพาหาพลรามอันงามขาว    ดังจันทร์คราวเริ่มแรกอุทัยไข
ทรงกำลังสามารถฉกาจไกร       ดังว่าได้ดื่มซึ่งอาสวรส
เต็มด้วยอวตารแห่งปัทมา        ลักษมีกันยาสุภาสด
น่าใคร่ราววสันต์อันงามงด       จงคุ้มท่านทั้งหมดในที่นี้


(คัดจากเทวีวาสวทัตตา ของภาสะ แปลโดย ท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา มาลากุล)

จากนั้นพระครูญาณสยมภูว์สรงน้ำเทวรูปทั้งสามด้วยสังข์แล้วทัดใบมะตูมถวายพระเทวรูป จากนั้นจึงเดินไปที่โตีะปะรำซึ่งผู้เข้าร่วมพิธีบางท่านเชิญพระเทวรูปที่ตนบูชามาเข้าร่วมพิธี หลั่งน้ำสังข์ เจิมแล้วทัดใบมะตูมถวายเทวรูปทุกองค์ ระหว่างนี้เจ้าหน้าที่ลั่นฆ้องชัย บรรลือสังข์และไกวบันเฑาะว์ จนเสร็จพิธี

ลำดับต่อไปพระครูญาณสยมภูว์อ่านบทขอพรเนื่องในพิธีทีปวาลี แล้วร่ายพระเวทปิดศิวาลัยไกรลาศ เชิญพระผู้เป็นเจ้าเสด็จกลับวิมาน กราบ เจ้าหน้าที่ลั่นฆ้องชัย บรรลือสังข์และไกวบัณเฑาว์ เป็นอันเสร็จพิธีอย่างพราหมณ์ไทยในค่ำคินนี้






   ขอพาหาพลรามอันงามขาว    ดังจันทร์คราวเริ่มแรกอุทัยไข
ทรงกำลังสามารถฉกาจไกร       ดังว่าได้ดื่มซึ่งอาสวรส
เต็มด้วยอวตารแห่งปัทมา        ลักษมีกันยาสุภาสด
น่าใคร่ราววสันต์อันงามงด       จงคุ้มท่านทั้งหมดในที่นี้


(คัดจากเทวีวาสวทัตตา ของภาสะ แปลโดย ท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา มาลากุล)

จากนั้นพระครูญาณสยมภูว์กรุณารดน้ำเทพมนตร์ด้วยสังข์ลงบนฝ่ามือและเจิมฝ่ามือเป็นมงคลแก่ผู้ร่วมงานทุกคน นอกจากนั้นยังมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ยกเครื่องสังเวยทั้งหมดลงมามอบให้แก่ผู้ร่วมพิธีได้รับประทานกันอย่างทั่วถึงเพื่อรอตระเตรียมพิธีบูชาแบบอินเดียซึ่งจะเกิดขึ้นเป็นลำดับถัดไป





   ขอพาหาพลรามอันงามขาว    ดังจันทร์คราวเริ่มแรกอุทัยไข
ทรงกำลังสามารถฉกาจไกร       ดังว่าได้ดื่มซึ่งอาสวรส
เต็มด้วยอวตารแห่งปัทมา        ลักษมีกันยาสุภาสด
น่าใคร่ราววสันต์อันงามงด       จงคุ้มท่านทั้งหมดในที่นี้


(คัดจากเทวีวาสวทัตตา ของภาสะ แปลโดย ท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา มาลากุล)

พระเทวรูปซึ่งสิรวีย์อัญเชิญมาร่วมพิธีหลังจากพระครูญาณสยมภูว์หลั่งน้ำเทพมนตร์ เจิมและทัดใบมะตูมแล้ว

   ขอพาหาพลรามอันงามขาว    ดังจันทร์คราวเริ่มแรกอุทัยไข
ทรงกำลังสามารถฉกาจไกร       ดังว่าได้ดื่มซึ่งอาสวรส
เต็มด้วยอวตารแห่งปัทมา        ลักษมีกันยาสุภาสด
น่าใคร่ราววสันต์อันงามงด       จงคุ้มท่านทั้งหมดในที่นี้


(คัดจากเทวีวาสวทัตตา ของภาสะ แปลโดย ท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา มาลากุล)

พระเทวรูปพระศรีคเณศ พระลักษมีเทวีและพระสัรสวดีเทวีเมื่อเชิญลงจากโตีะประดิาฐานสำหรับพิธีแบบไทยเพื่อเตริียมประกอบพิธีแบบอินเดียในลำดับต่อไป

   ขอพาหาพลรามอันงามขาว    ดังจันทร์คราวเริ่มแรกอุทัยไข
ทรงกำลังสามารถฉกาจไกร       ดังว่าได้ดื่มซึ่งอาสวรส
เต็มด้วยอวตารแห่งปัทมา        ลักษมีกันยาสุภาสด
น่าใคร่ราววสันต์อันงามงด       จงคุ้มท่านทั้งหมดในที่นี้


(คัดจากเทวีวาสวทัตตา ของภาสะ แปลโดย ท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา มาลากุล)

ฝีมือถ่ายภาพที่แสนห่วยของดิฉันและความรู้เท่าหางอึ่งคงจะทำได้เพียงกล้อมแกล้มค่ะ เรื่องภาพไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร ส่วนเรื่องข้อมูลหากมีส่วนใดผิดพลาดหรือต้องเพิ่มเติม คงต้องรบกวนไปยังคุณอักษรชนนีและท่านผู้รู้ทั้งหลายด้วยค่ะ

คราวหน้าจะนำภาพพิธีบูชาแบบอินเดียซึ่งบัณฑิตจากวัดเทพมณเฑียรเป็นผู้ประกอบพิธีมาให้ได้ชมกันค่ะ
   ขอพาหาพลรามอันงามขาว    ดังจันทร์คราวเริ่มแรกอุทัยไข
ทรงกำลังสามารถฉกาจไกร       ดังว่าได้ดื่มซึ่งอาสวรส
เต็มด้วยอวตารแห่งปัทมา        ลักษมีกันยาสุภาสด
น่าใคร่ราววสันต์อันงามงด       จงคุ้มท่านทั้งหมดในที่นี้


(คัดจากเทวีวาสวทัตตา ของภาสะ แปลโดย ท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา มาลากุล)

ขอบคุณ คุณสิรวีย์ มากๆครับ กำลังอยากเห็นพอดี เทวรูปสวยมากครับ ฝีมือถ่ายภาพใช้ได้ทีเดียวครับ ได้เห็นเทวรูป เยอะแยะเลย สวยๆทั้งนั้นเลย โดยเฉพาะพระศรีครับ

ขอบคุณครับ

สวยมากครับ  ถ้ามีโอกาศครั้งหน้าก็จะมาร่วมงานที่นี่ครับ รู้สึกชอบดีครับ ขอบคุณพี่สิรวีย์ครับ*-*


พี่โด่ง สวยไม่สร่างเลยครับ ^_^
พระครูที่รักยิ่งของพวกเรา จัดกิจกรรมด้วยจิตบริสุทธิ์และความศรัทธาทุกปีนะครับ
ปีหน้ามีงานอะไรก็เชิญทุกท่านไปร่วมกันได้
มูลนิธิพระพิฆเนศ ตั้งอยู่หลังเทวสถานโบสถ์พราหมณ์
เดินจากปากซอย "ชุมชนหลังโบสถ์พราหมณ์" เข้าไปไม่ไกล
มูลนิธิตั้งอยู่ขวามือครับ
(ไว้เอาแผนที่มาให้ดูกันดีกว่า)
พระครูฯ ท่านประกอบพิธีวันคเณศจตุรถี ดีปาวลี มหาศิวราตรี ทุกปีนะครับผม
หากศาสนิกชนฮินดูปฏิบัติการบูชาเทพอย่างถูกประเพณี เดินบนทางที่ถูกที่ควร
ไม่หลงมัวเมาไปกับอวิชชาทั้งหลาย
ศาสนาพราหมณ์และมหาเทพอันเป็นที่รักยิ่งของเราคงมีภาพลักษณ์ที่ดีกว่านี้

ขอชัยชนะจงมีแด่พระเป็นเจ้า
...กราบแทบพระบาทรูปดอกบัวแห่งพระองค์...สยามคเณศ
พิทักษ์ - สยามคเณศ

ไม่รู้เสื้อขาวๆที่ท่านพราหมณ์ขจรเจิมหน้า ใช่พี่เอกหรือป่าวน้า.............อุ๊อุ๊

ขอบพระคุณข้อมูลเพิ่มเติมจากคุณสยามคเณศค่ะและสวัสดีคุณ thiti และคุณบาส

และกราบคุณเทสาเหนือเกล้านะคะ พี่คงทราบแล้วว่าที่หนูเบี้ยวนัดพี่ที่วัดแขกนั้น หนุไปอยู่ซะที่ไหน
   ขอพาหาพลรามอันงามขาว    ดังจันทร์คราวเริ่มแรกอุทัยไข
ทรงกำลังสามารถฉกาจไกร       ดังว่าได้ดื่มซึ่งอาสวรส
เต็มด้วยอวตารแห่งปัทมา        ลักษมีกันยาสุภาสด
น่าใคร่ราววสันต์อันงามงด       จงคุ้มท่านทั้งหมดในที่นี้


(คัดจากเทวีวาสวทัตตา ของภาสะ แปลโดย ท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา มาลากุล)

สาวผมยาวประบ่าที่กำลังให้ท่านพรามหมเจิมอยู่ในรูปถ่ายนั้นใช่ใครอื่นไกล

คุณพี่สีรวีย์  นี่เอง  เห็นหน้าเเล้ว  ก็ไม่หายคิดถึง คิดถึงจังเลยค่ะ

ดีปวาลีที่ผ่านเสือไปวัดเเขกสีลมค่ะ   ไปร่ายรำ  จุดพรุ  ไปนำโห่หิ้วเเถวนั้นคะ

ร่ายรำเเบบฮาๆมันๆ  สนุกสุดๆ  เช่นกันค่ะ

หวังว่าได้พบกันใหม่นะคะ  คุณพี่

เเวะมาวัดพระเเก้วเมื่อใดติดต่อกันมาบ้างนะคะ
เสียหายไม่ว่า  แต่เสียหน้าไม่ได้

ขอบคุณ คุณสิรวีย์นะครับที่นำภาพพิธีอันศักดิ์สิทธิ์นี้มาให้ชมกัน

ปีนี้ผมไม่ได้ไปร่วมงานที่ไหนเลย เพราะตรงกับช่วงที่ไปต่างจังหวัดพอดี

แต่ก็ยังดีใจที่ได้ชมภาพงามๆจากคุณสิรวีย์ครับ

ปล. ขออนุญาตปักหมุดกระทู้นี้ไว้ด้านบนนะครับ
WELCOME TO HINDUMEETING

เรียน สมาชิกเก่าและสมาชิกใหม่ของเว็บ HinduMeeting
ขอความกรุณาทุกท่านศึกษากฎ กติกา มารยาทของเว็บด้วยนะครับ

http://www.hindumeeting.com/forum/index.php?topic=1423.0

ขอบคุณครับพี่โด่ง ภาพสวยจัง  แต่คนถ่าย ก่ะ  คนที่ถูกถ่ายสวยกว่านะ
วงการมายา ไม่ใช่สนามเด็กเล่น แต่เป็นสมรภูมิรบ และ การผูกสัมพันธ์ไมตรี ทั้งจริงและจอมปลอม

มายา ความหมายของมันช่างลึบลับเหลือเกิน

วงการมายาไม่ใช่ของเล่นทั่วไป เข้าแล้วออกยาก ระวังเอาไว้

สวัสดีคุณเสือร้องไห้ค่ะ ตอนแรกพี่ก็ว่าจะไปร่วมเย้วๆเฉลิมฉลองการเสด็จออกมาของพระลักษมีเหมือนกันค่ะ แต่ไปไม่ทัน เลยอดเจอกันเลย

ยินดีต้องรับคุณอักษรชนนีกลับสู่พระนครค่ะ และถ้ามีส่วนไหนผิดพลาดหรือควรเพิ่มเติมก็ยินดีเลยนะคะ

คุณโอม มหา บารมี เทวา โอม ขา พูดถุกใจดิฉันจริงๆเลยค่ะ เสียดายบอร์ดนี้ไม่มีพวกอมย้ง อมยิ้ม จะได้จัดให้ชุดใหญ่ๆเลย
   ขอพาหาพลรามอันงามขาว    ดังจันทร์คราวเริ่มแรกอุทัยไข
ทรงกำลังสามารถฉกาจไกร       ดังว่าได้ดื่มซึ่งอาสวรส
เต็มด้วยอวตารแห่งปัทมา        ลักษมีกันยาสุภาสด
น่าใคร่ราววสันต์อันงามงด       จงคุ้มท่านทั้งหมดในที่นี้


(คัดจากเทวีวาสวทัตตา ของภาสะ แปลโดย ท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา มาลากุล)

Quote from: สิรวีย์ on November 08, 2010, 13:59:03
ลำดับจากนั้นเจ้าหน้าที่แจกธูปแก่ผู้เข้าร่วมพิธีทุกคน เพื่อตั้งสัตยาธิษฐานขอพรจากเทพเจ้าทั้งสามพระองค์ แล้วจึงเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานปักธูปหางที่เครื่องสังเวย


ขออนุญาติเรียนถามคุณสิรวีย์ครับ ว่า คำว่า "สั้ตยาธิษฐาน" นั้น เขาระบุในขั้นตอนของพิธีกรรมเช่นนั้นหรือไม่...

ผมลองค้นความหมายของคำนี้ดู จากพจนานุกรมฉบับพุทธศาสน์ ได้ความดังนี้ครับ...

สัตยาธิษฐาน       การตั้งความจริงเป็นหลักอ้าง , ความตั้งใจแน่วแน่มุ่งต่อผลอย่างใดอย่างหนึ่งด้วยการอ้างความจริงเป็นหลักประกัน

ผมเข้าใจว่า น่าจะเป็นการอธิษฐานขอผลอันยิ่งใหญ่ ประการใดประการหนึ่ง
โดยอ้างอิงสัจจะบารมีอันพึงกระทำด้วยความยิ่งยวดเป็นประกัน
ซึ่งปกติ เราก็จะตั้งจิต "อธิษฐาน" เฉยๆ...

แต่หากมีการตั้งสัตยาธิษฐานแล้ว ย่อมมีผลานิสงส์สูงส่ง
ด้วยสัจจะบารมีอันยิ่งยวดประการใดประการหนึ่ง ดังที่ได้ให้สัจจะไว้

เช่น การขอตั้งสัตยาธิษฐาน ตั้งใจแน่วแน่ใจบวชในพระบวรพุทธศาสนา
โดยมุ่งมั่นปฏิบัติธรรมอย่างยิ่งยวด เอาชีวิตเข้าแลก อยู่ในพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด
เพื่อขอให้จบกิจ บรรรลุถึงซึ่งวิมุติธรรมในชาติปัจจุบันนี้
เป็นการตั้งความปารถนาอย่างแรงกล้า เพื่อขอบรรลุซึ่งผลอันยิ่งใหญ่ เป็นต้น

หรือ ตอนที่ "พระอชิตะกระทำสัตยาธิษฐาน"
มีตัวอย่างดังนี้ครับ...

...ความเดิมจากตอนที่แล้ว... นอกจากพระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ พระอนุรุทธะ
จะขันอาสาที่จะไปตามหาบาตรมาถวายคืนแด่พระบรมศาสดาแล้ว
พระอสีติมหาสาวกทั้งหลาย ซึ่งแต่ละรูปล้วนเป็นเลิศทางด้านต่างๆ
ก็ได้ขันอาสาที่จะไปหาบาตรมาถวายคืนแด่พระบรมศาสดาด้วยเช่นกัน
แต่ไม่ว่าเวลาจะล่วงเลยผ่านไปนานสักเพียงใด

ก็ยังไม่มีพระอสีติมหาสาวกรูปใดที่จะสามารถนำบาตรมาถวายคืน
แด่พระบรมศาสดาได้เลยแม้สักรูปเดียว
ในที่สุด พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงรับสั่งกับท่านอชิตภิกษุว่า
"อชิตะ...เธอจงไปนำบาตรของตถาคตมาเถิด"


เมื่อท่านอชิตภิกษุได้ฟังพระบรมศาสดาทรงรับสั่งเช่นนั้น ก็พลันเกิดความคิดขึ้นมาว่า
"เหตุการณ์ในวันนี้...มันช่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก ขนาดพระอสีติมหาสาวกทั้งหลาย
ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นพระอรหันต์ผู้มีฤทธานุภาพเป็นอย่างมาก
แต่ถึงกระนั้น กลับไม่มีผู้ใดที่จะสามารถนำบาตรมาถวายคืนแด่พระพุทธองค์ได้เลย
ส่วนตัวเรานั้นยังเป็นภิกษุปุถุชนธรรมดา ผู้ถูกกิเลสครอบงำอยู่
เหตุไฉนหนอ...พระจอมไตรจึงตรัสสั่งให้เราแสวงหาบาตร จะต้องมีเหตุพิเศษสำหรับเราเป็นแน่"



ครั้นแล้ว ท่านอชิตภิกษุก็ได้ลุกขึ้นไปยืนอยู่กลางแจ้ง
จากนั้นก็ได้มองขึ้นไปบนอากาศ แล้วกระทำสัตยาธิษฐานว่า

"อันตัวเรานี้...ได้บรรพชาอุปสมบทในพระพุทธศาสนา
เพื่อหวังประพฤติพรหมจรรย์ และรื้อสัตว์ขนสัตว์ ให้พ้นจากห้วงแห่งวัฏสงสาร
หากว่าศีลของเรายังบริสุทธิ์มิได้มีสิ่งใดด่างพร้อย
ก็ขอให้บาตรของพระบรมศาสดา จงมาสถิตในมือของเราด้วยเถิด"


เมื่อท่านอชิตภิกษุกระทำสัตยาธิษฐานจบลง ท่านก็ได้เหยียดมือออกไป
ในทันทีที่มือทั้งสองได้เหยียดออกไปจนเกือบจะสุดแขน
บาตรของพระผู้มีพระภาคเจ้าก็ได้ตกลงมาจากนภากาศ
มาประดิษฐานอยู่ที่มือของท่าน เสมือนเป็นการบอกเหตุว่า...

บาตรใบนี้เป็นบาตรของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้ประเสริฐยิ่งกว่าพระอสีติมหาสาวกและเหล่าพระสาวกทั้งหลาย
การที่พระอชิตะสามารถรับบาตรของพระบรมศาสดาได้นั้น
ทั้งนี้ก็เป็นเพราะท่านไม่ได้เป็นเพียงแค่พระสาวกหรือพระปัจเจกพุทธเจ้า
แต่พระอชิตภิกษุผู้นี้...ที่แท้ก็คือหน่อเนื้อแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่จะได้มาตรัสรู้ธรรมในอนาคตกาลภายภาคเบื้องหน้า


อันนี้ ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง

หรือแม้แต่กระทั่งการตั้งสัตยาธิษฐานของเหล่าทหารก็ตามที

ผมมีความรู้สึกว่า "สัตยาธิษฐาน" เป็นสิ่งที่ปุถุชนธรรมดาสามัญ มิอาจกระทำได้โดยง่ายนัก
หรือหากจะกระทำ ย่อมต้องมีสัจจะบารมียิ่งยวด และไม่ใช่เรื่องที่ทำกันได้บ่อยครั้ง

เพราะว่า...ถ้าหากคิดในทางกลับกัน (ความเห็นส่วนตัว) ว่า...
หากตั้งสัตยาธิษฐานแล้ว ไม่สามารถกระทำได้ตามสัจจะที่ลั่นไว้ได้
ย่อมเกิดผลในทางตรงข้าม ก็อาจเป็นได้

ในที่นี้ ผมเข้าใจว่า ถ้าตั้งสัตยาธิษฐานแล้ว ทำได้ ย่อมส่งผลอันเลิศตามความปารถนา
แต่หากกระทำสัจจะเช่นนั้นทำไม่ได้ ก็อาจให้ผลในทางตรงกันข้ามอย่างที่สุด เช่นกัน

จึงอยากเรียนถามคุณสิรวีย์ ว่า ในพิธีกรรมดังกล่าว...
เขาให้ ตั้ง "สัตยาธิษฐาน" กันขนาดนั้นเชียวหรือครับ??

แต่หากผมเข้าใจผิดด้วยประการใด ก็ขอให้คุณสิรวีย์ ได้ให้ความกระจ่างด้วยครับ

พิธีสวยมากเลยค่ะชอบเทวรูปของคุณสิรวีย์งามมากเลยไม่ทราบว่าเป็นพระแม่อะไรหรือคะ

สวัสดีคุณ Oam ค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะสำหรับข้อสังเกต คำอธิบาย คำถามและตัวอย่างที่กระจ่างแจ้ง
น่าสนใจจริงๆค่ะ คำบรรยายทั้งหมดที่มีอยู่ในเว็บไซต์ไม่มีการแจกเป็นลายลักษณือักษรนะคะ เป็นคำของดิฉันบ้าง เป็ฯคำกล่าวของท่านผู้ประกอบพิธีบ้าง

ความหมายของคำ 'สัตยาธิษฐาน' ที่คุณอ้างจากพจนานุกรมฉบับดังกล่าวมาประกอบนั้นชัดเจนดีเหลือเกินค่ะ ขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

ในฐานะปุถุชนสามัญดิฉันไม่อาจทราบได้ว่าผลของการอธิษฐานและการตั้งสัตยาธิษฐานจะยิ่งใหญ่ต่างกันเพียงไร แต่ดิฉันคิดว่าคำนี้ถูกแล้วค่ะ

ลำดับพิธีการก่อนหน้านั้นคือพระครูญาณสยมภูว์ท่านอ่านประกาศบวงสรวงพระเป็นเจ้าในการกระทำพิธีในคืนนั้น ในคำประกาศซึ่งเป็ฯทำนองร่ายนั้น มีเนื้อหาโดยรวมคือการสรรเสริญพระคุณพระรัตนตรัย พระคุณของปวงเทพเจ้า และการอ้างถึงความตั้งใจอย่างเต็มที่ที่จะจัดพลีกรรมอย่างดีที่สุดของเราเพื่อถวายแก่เทพเจ้าในวันสำคัญอันนั้น และอ้างเอาความตั้งใจถ่องแท้ที่จะบวงสรวงถวายพระเป็นเจ้านั้นเป็นหลักใหญ่ข้อหนึ่ง

ประกาศซึ่งเป็นร่ายนั้นเน้นย้ำว่านอกจากข้าวของเครื่องพลีกรรมในพิธีแล้ว เราทั้งหลายจะลด ละ ความคิดอกุศล ความไม่ดีไม่งาม ความไม่มงคลทั้งหลายเพื่อถวายเป็นเครื่องเทวพลีด้วย และขอพรจากเทพเจ้าทั้งหลายให้นำทางเราไปยังทางที่ดีที่งามและอำนวยประโยชน์สุขแก่เรา และในที่สุดก็อ้างอย่างยิ่งว่าเราทั้งหลายในที่นั้นมีความตั้งใจและศรัทธาในพระพุทธศาสนา และมั่นคงเสมอในการปฏิบัติบูชาพระรัตนตรัยและปวงเทพเจ้ามาเป็นนิจตามระบอบชอบธรรมของตน

อันเนื้อความว่าจะลด ละ เลิกสิ่งไม่ดี อ้างเอาความตั้งใจจริงในการประกอบกุศล และความปรารถนาจะกระทำสิ่งมงคลเพื่อถวายเป็นเครื่องพลีกรรม และสัตย์ว่าได้กระทำคุณดีเพื่อบูชามาเป็นนิจกาลนั้น ย่อมเป็ฯความจริงเสมอของทั้งท่านผู้อ่านประกาศ แน่นอนว่าตัวดิฉันด้วย ส่วนท่านอื่นนั้นก๋น่าจะเป็ฯแบบนั้น จะยิ่งยวดเพียงใดก็มิอาจดูได้ด้วยตาเนิ้อของผู้ทรงไว้ซึ่งกิเลศตัณหาอย่างดิฉันนะคะ ดังนั้นในความเห็นของคนสมองเล็กเท่าหางอึ่งอย่างดิฉัน คิดว่าไม่ได้ต่างจากเนื้อหาใน 'สัตยาธิษฐาน' ของพระอชิตะภิกขุ ซึ่งคุณ Oam ได้กรุณายกมาประกอบกันเลยค่ะ

ดิฉันไม่ทราบว่าท่านที่มาร่วมพิธีในวันนั้นตั้งใจจริงกับคำประกาศนั้นเพียงไร แต่สำหรับดิฉันแล้วเต็มที่เลยค่ะ ดังนั้นองค์ประกอบคือ ตั้งใจจริงและอธิษฐานอย่างจริงจังต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์อ้างเอากิจความจริงเป็นประกัน ย่อมถือว่าครบถ้วน ถือเป็น 'สัตยาธิษฐาน' ได้ แต่ดุด้วยตา คนจำนวนไม่มากที่มาวันนั้นคงพร้อมที่จะกระทำกิจดังสัญญาไว้กันทั้งสิ้นและน่าจะปฏิบัติบูชา 'ตารมระบอบชอบธรรมของตน' เป็นนิจทั้งนั้น ทุกคนจึงน่าจะตั้งสัตยาธิษฐานได้นะคะ ขออภัยเป็นอย่างสูงที่มิอาจนำคำประกาศนั้นมาแสดงแก่ท่านในนี้ได้ เกินกำลังความสามารถแท้ๆเลยค่ะ

ส่วนวงการทหารนั้น ตามปรกติเขาก็ตั้งสัตยาธิษฐานกันออกบ่อยไปค่ะ และในฐานะคนรักทหารอย่างยิ่งเช่นดิฉันก็เห็นว่าพวกเขาส่วนมากก็เป็นปุถุชนคนธรรมดากันทั้งนั้น ไม่มีใครพิเศษสูงส่งกว่า 'คนธรรมดา' อื่นๆเลย เอะอะก็สัตยาธิษฐาน นอกจากนี้ในพิธีบวงสรวงต่างๆก็เป็นเขาเชิญกันไปตั้งสัตยาธิษฐานกันออกบ่อย โดยไม่ทราบว่าท่านที่ออกไปตั้งนั้นเขาอ้างความจริงอะไร ที่ตั้งกันปาวๆนั้น ทำดีก็คงได้ดีสมหน้า ทำไม่ดีจะเป้นอย่างไรก็ไม่ทราบได้ จึงไม่ขอออกความเห็นค่ะ

สรุปคือ คำ 'สัตยาธิษฐาน' เป็นคำครึ่งๆของดิฉันเอง ไม่มีการจดจารเป็นลายลักษณ์อักษร และในฐานะผู้เผยแพร่สู่สาธารณชนซึ่งมีหน้าที่สื่อมวลชนห้อยทางชื่อเสมอๆนั้น ก็ยังยืนยันคำนี้อยู่ ด้วยพิจารณาถึงความหมายและสิ่งแวดล้อม บุคคลแวดล้อม อนุมานด้วยตาเนื้อเป็ฯหลัก ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยและโปรดชี้แนะด้วยค่ะ ยินดีอย่างยิ่งที่คุณ Ome ได้กรุณาท้วงติงดิฉันค่ะ

ขอบพระคุณค่ะ


ปล. สวัสดีคุณ Kaaliamman ค่ะ ขอบพระคุณสำหรับคำชม เป็นเทวรูปพระลักษมีค่ะ
   ขอพาหาพลรามอันงามขาว    ดังจันทร์คราวเริ่มแรกอุทัยไข
ทรงกำลังสามารถฉกาจไกร       ดังว่าได้ดื่มซึ่งอาสวรส
เต็มด้วยอวตารแห่งปัทมา        ลักษมีกันยาสุภาสด
น่าใคร่ราววสันต์อันงามงด       จงคุ้มท่านทั้งหมดในที่นี้


(คัดจากเทวีวาสวทัตตา ของภาสะ แปลโดย ท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา มาลากุล)

ขอขอบคุณคุณสิรวีย์ สำหรับคำชี้แจงและคำอธิบาย นะครับ..ชัดเจนดีครับ
ถือว่า คำอธิบายนี้ ช่วยเสริมและเพิ่มพูนความรู้ให้กับผม
และผู้เข้ามาอ่านกระทู้นี้ได้เป็นอย่างดีครับ

ลำดับพิธีของไทย มีความละเอียด และผสมผสาน
กับวัฒนธรรมและศาสนาได้อย่างกลมกลืน
หากพวกเราได้ทราบถึงรายละเอียดดังกล่าวนั้น
ดังที่คุณสิรวีย์ได้กรุณาอธิบายไว้ในกระทู้นี้ เป็นตัวอย่าง
ก็จะเข้าใจลำดับพิธี และเนื่อหาสาระที่ถูกต้องดียิ่งขึ้นครับ

โดยส่วนตัวแล้ว หากเป็นไปได้ ไมว่าจะในกระทู้ใดๆ ที่มีภาพ (พิธีกรรม)
หากผู้ตั้งกระทู้ไม่ลำบากเกินไป
ขอความกรุณาใส่อธิบายเพิ่มเติม เชิงเกร็ดความรู้
ถึงความเป็นมาเป็นไป ของขั้นตอนนั้นๆ ไว้ด้วย จะเป็นการดียิ่งครับ
อาจไม่ถึงกับละเอียดมาก แต่ก็พอให้เข้าใจได้ชัดเจน

คุณสิรวีย์ เป็นตัวอย่างที่ดี สำหรับนักโพสทุกท่านครับ

ผมก็ขอให้พระเป็นเจ้า ได้ทรงโปรดอวยพระพร
ให้คุณสิรวีย์ประสบผล ดั่งที่ได้ตั้งปารถนาอธิษฐานไว้ทุกประการ ครับ

สนใจแค่ประคำเมล็ดรุทรักษะอย่างเดียวเพราะหายากในต่างจ.

ไปรับมาจากไหนหรอคน สนใจๆ   

ขอบพระคุณคุณ Oam อีกครั้งค่ะ และรู้สึกยินดีมากที่อธิบายแล้วคุณ Oam เห็นด้วย ดิฉันเพิ่งเข้าใจคำ บอกหนังสือสังฆราช เอาก็วันนี้แหละค่ะ

เห็ฯด้วยเรื่องคำบรรยายขระประกอบพิธีนะคะ คนที่น่าสรรเสริญที่สุด เป็ฯต้นแบบให้ดิฉันและเป็ฯคนสั่งกำชับให้ทำในครั้งนี้คือคุณอักษรชนนีค่ะ ต้องยกความดีให้คุณเขา และฝากขออภัยด้วยถ้ามีตรงไหนผิดพลาด ดิฉันทำได้แค่ค่อนของเขาก็ยินดีมากแล้วค่ะ

ขั้นตอนพิธีกรรมนี้ สิ่งที่น่าสนุกก็คือการศึกษาที่มาที่ไป ความหมาย การคลี่คลายและอิทธิพลที่ส่งถึงกันในแต่ละวัฒนธรรมค่ะ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านคงเห็นด้วยและช่วยกันศึกษาเพื่อประโยชน์แก่วงการการศึกษาต่อไปในภายหน้า แต่จะศึกษาได้ก็จำต้องอาศัยความรัก ความพยายาม ความอดทนและโอกาสค่ะ

   ขอพาหาพลรามอันงามขาว    ดังจันทร์คราวเริ่มแรกอุทัยไข
ทรงกำลังสามารถฉกาจไกร       ดังว่าได้ดื่มซึ่งอาสวรส
เต็มด้วยอวตารแห่งปัทมา        ลักษมีกันยาสุภาสด
น่าใคร่ราววสันต์อันงามงด       จงคุ้มท่านทั้งหมดในที่นี้


(คัดจากเทวีวาสวทัตตา ของภาสะ แปลโดย ท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา มาลากุล)

(-*-) หมายถึงเว็บสยามคเณศน่ะค่ะเทวรูปต่างๆรับมาจากไหนคะ แพงจังเลย

แต่หนูสนใจแค่เมล็ดรุทรักษะ