Loader
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - อักษรชนนี

#241
หลังจากได้รับชมพิธีอันศักดิ์สิทธิ์และหาชมได้ยากไปแล้วในกระทู้แรก ([t=809]) ในกระทู้ตอนที่ ๒ นี้ผมจะขอนำเสนอต่อจากตอนที่ ๑ คือ ภายหลังจากที่คนทรงทั้งสาม เริ่มยาตราออกจากเทวสถาน วัดพระศรีมหาอุมาเทวี ก็จะถือว่าเป็นการเริ่มต้นงานแห่ประจำปี เนื่องในวันวิชัยทัสมิ พุทธศักราช ๒๕๕๒ อย่างเป็นทางการ


โดยขบวนแห่จะเริ่มบริเวณหน้าวัดพระศรีมหาอุมาเทวีฝั่งถนนปั้น โดยเลี้ยวขวาออกถนนสีลมแล้วเลี้ยวกลับแยกเดโช วกกลับเข้าถนนปั้น ผ่านถนนสาทรเหนือ เข้าถนนสุรศักดิ์(บริเวณหน้าโรงแรมฮอลิเดย์อิน) แล้วออกสู่ถนนสีลมอีกครั้งเพื่อมุ่งหน้ากลับเข้าวัดพระศรีมหาอุมาเทวีจึงถือเป็นการสิ้นสุดขบวนแห่ในค่ำคืนแห่งวันวิชัยทัสมิ
.
.
#242
สวัสดีครับเพื่อนๆพี่ๆชาว HinduMeeting ทุกท่าน ก็ผ่านไปแล้วนะครับสำหรับงานแห่ประจำปี เนื่องในวันวิชัยทัศมิของวัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขก สีลม) เมื่อวันที่ ๒๘ ก.ย. พ.ศ.๒๕๕๒ หลายท่านที่ไปในงานวันนั้นก็คงจะรู้สึกเหมือนๆกันก็คือความตื่นตาตื่นใจในขบวนแห่และราชรถที่ประดิษฐานเทวรูปพระเป็นเจ้า ตลอดจนความปลื้มปิติที่ได้ใกล้ชิดและเฉลิมฉลองเทศกาลสำคัญเช่นนี้

ดังที่ได้เรียนให้ทราบมาบ้างแล้วในกระทู้ก่อนหน้านี้ว่า ปีนี้ทางเว็บไซด์
HinduMeeting.com ของเรา ได้รับความกรุณาเป็นกรณีพิเศษจากทางวัดพระศรีมหาอุมาเทวี ที่อนุญาตให้ทีมงานเข้าไปเก็บภาพบรรยากาศภายในบริเวณวัดได้อย่างเต็มที่ เพื่อให้พวกเราได้รับชมพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์และหาชมได้ยากกันอย่างใกล้ชิด  ถือว่าเป็นโอกาสสำคัญที่หาได้ยากยิ่งที่พวกเราทุกคนได้รับความกรุณาเช่นนี้ (คงไม่ผิดนักหากจะเอ่ยว่าเว็บเราเป็นเว็บแรก หรืออาจจะเป็นเพียงไม่กี่เว็บที่ได้เข้าไปบันทึกภาพพิธีกรรมภายในบริเวณวัดพระศรีมหาอุมาเทวีอย่างใกล้ชิด)


ซึ่งในนามตัวแทนของทีมงานเว็บมาสเตอร์และสมาชิก HinduMeeting ทุกคนขอขอบพระคุณ คุณสุรพงษ์ สิริธรกุล เลขานุการมูลนิธิวัดพระศรีมหาอุมาเทวี และ คุณปรีดา สิริธรกุล ตลอดจนเจ้าหน้าที่วัดพระศรีมหาอุมาเทวีทุกท่าน ที่ให้ความกรุณาอำนวยความสะดวกในการเข้าไปบันทึกภาพในครั้งนี้เป็นอย่างดีครับ


.
.
#243
ขอเชิญเพื่อนๆพี่ๆชาว Hindumeeting ทุกท่านร่วมกันถ่ายทอดความประทับใจ หรือความรู้สึกที่มีต่อเทศกาลนวราตรี ซึ่งเป็นเทศกาลแห่งความสุขและสิริมงคลต่อพวกเราทุกคน หลากหลายถ้อยคำความรู้สึกที่ถูกส่งผ่านจากใจมาเป็นตัวอักษร ให้พวกเราร่วมกันรับรู้ความรู้สึกและความประทับใจของทุกท่านนะครับ หลายท่านก็ตื่นเต้นและเตรียมพร้อมในงานเทศกาลสำคัญอย่างเช่นเทศกาลนี้ ไม่ว่าจะเป็นการจัดพิธีบูชาในบ้านเรือนของตน การเตรียมตั้งโต๊ะรับขบวนแห่ในงานประจำปีของวัดแขก สีลม การทานมังสวิรัตเพื่อถวายแด่เจ้าแม่ศรีมหาอุมาเทวี หรือการเดินทางไปร่วมในเทศกาลนวราตรีตามศาสนสถานต่างๆ ทั้งวัดแขก สีลม วัดวิษณุ หรือแม้กระทั่งวัดเทพมณเฑียร กระผมนายอักษรชนนีจึงขอเรียนเชิญทุกท่านร่วมกันแบ่งปันประสบการณ์ความประทับในนี้ด้วยกันนะครับ

และเนื่องจากทางเว็ปของเราประสบปัญหาระบบขัดข้องตามประกาศของพี่สวสติ  เป็นผลให้กระทู้และเนื้อหาบางส่วนหายไป รวมทั้งกระทู้เดิมของการร่วมถ่ายทอดความประทับใจนี้ด้วย  ดังนั้นจึงขอเชิญท่านที่ได้ร่วมกิจกรรมนี้ไปแล้ว หากไม่เป็นการรบกวนขอเชิญท่านมาร่วมใหม่นะครับ โดยในโอกาสนี้ผมจะขอมอบของที่ระลึกเล็กๆน้อยๆ แต่มีคุณค่าทางจิตใจ (ซึ่งได้รับความกรุณาจากคุณหยวนในการร่วมมอบของที่ระลึกสมทบให้แก่ทุกท่านด้วย) เพื่อแทนคำขอบคุณแก่ทุกท่านที่ร่วมกิจกรรมนี้  โดยหลังจากทุกท่านร่วมถ่ายทอดความประทับใจเรียบร้อยแล้ว ขอให้ท่านส่งข้อความส่วนตัวระบุชื่อ ที่อยู่ มาที่ผมนะครับ เพื่อสำหรับจัดส่งของที่ระลึกไปให้ท่านได้ และหากท่านไม่ส่งชื่อที่อยู่มาให้ ทางผมจะถือว่าท่านสละสิทธิ์ไม่รับของที่ระลึกนะครับ (ท่านที่ได้ส่งมาแล้วเมื่อกระทู้ก่อนไม่ต้องตกใจนะครับ ผมได้บันทึกข้อมูลของท่านไว้เรียบร้อยแล้ว)

กิจกรรมนี้จะหมดเขตร่วมกิจกรรมในวันที่ ๓๐ ก.ย. ซึ่งเป็นวัดที่ทางวัดพระศรีมหาอุมาเทวีเชิญธงสิงห์ลงจากเสา อันถือเป็นการสิ้นสุดเทศกาลนวราตรีอย่างเป็นทางการ และผมจะเริ่มทะยอยส่งของที่ระลึกให้ทุกท่านหลังจากงานในวันที่ ๓๐ นี้นะครับ

ขอบพระคุณทุกท่านที่ร่วมกิจกรรมครับ
.

#244
พรุ่งนี้แล้วนะครับที่จะถึงวันที่พวกเราทุกคนรอคอย นั่นก็คืองานวันแห่ประจำปีของทางวัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขก สีลม) เนื่องในวันวิชัยทัศมิ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๕๒ ขอเรียนเชิญเพื่อนๆพี่ๆสมาชิกชาว HinduMeeting เข้าร่วมงานโดยพร้อมเพรียงกันนะครับ  รับรองว่าปีนี้อลังการและงดงามไม่แพ้ปีก่อนๆแน่นอนครับ

และที่ถือว่าพิเศษสุดในปีนี้ของทางเว็บเรา นั่นก็คือทุกท่านจะได้รับชมภาพบรรยากาศที่เรียกว่าที่สุดของที่สุดในเทศกาลนวราตรี และงานแห่ประจำปี เนื่องในวันวิชัยทัศมิ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๕๒ โดยได้รับความกรุณาเป็นอย่างสูงจากทางวัดพระศรีมหาอุมาเทวี พิเศษเฉพาะเว็บ HinduMeeting เท่านั้นครับ

พบกันได้ที่นี่เร็วๆนี้ (อีกไม่นานเกินรอแน่นอนครับ !!!)

.
.
#245
เปลี่ยนบรรยากาศมาชมภาพงานนวราตรี บูชาพระแม่ศรีอุมาเทวี ของทางวัดวิษณุ ซึ่งเป็นธรรมเนียมการบูชาเนื่องในเทศกาลนวราตรีตามแบบฉบับของอินเดียเหนือกันบ้างนะครับ โดยพิธีบูชาของทางวัดวิษณุร่วมกับสมาคมฮินดูธรรมสภาที่จัดขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๕๒ นี้ กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๙ - ๒๘ กันยายน ระหว่างเวลา ๑๐.๐๐ น. - ๒๒.๐๐ น. โดยในวันที่ ๒๖ ทางวัดจะประกอบพิธีบูชากันตลอดทั้งวันทั้งคืนจนกระทั่งรุ่งเช้า และจะอัญเชิญเทวรูปปทั้งหมดแห่จากวัดวิษณุ กรุงเทพฯ ไปประกอบพิธีเชิญเทวรูปที่ปั้นขึ้นบูชาตลอดเทศกาลนวราตรีลงลอยในทะเลที่จังหวัดชลบุรี

เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาขอเชิญรับมภาพบรรยากาศในงานได้เลยครับ
.
.
.
.
#246
และแล้วเทศกาลแห่งการบูชาพระเป็นเจ้า ในงานเทศกาลนวราตรี ประจำปี พ.ศ.๒๕๕๒ ก็เวียนมาถึงอีกครา ซึ่งเมื่อเอ่ยถึงเทศกาลนวราตรี หลายท่านก็คงจะนึกถึงวัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขก สีลม) ซึ่งมีการจัดเทศกาลนี้เป็นประจำทุกปี จนเป็นที่รู้จักทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ แต่นอกจากวัดพระศรีมหาอุมาเทวีแล้ว ยังมีวัดฮินดูอีกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากย่านสีลม ก็มีการจัดพิธีบูชาในเทศกาลนวราตรีเช่นกัน นั่นก็คือวัดวิษณุ ซึ่งได้กำหนดให้จัดขึ้นเป็นเวลา ๙ วัน ๙ คืน ระหว่างวันที่ ๑๙ - ๒๘ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ ๒๖ กันยายนนั้น จะมีการบูชาตลอดทั้งวันและทั้งคืนจนกระทั่งรุ่งเช้า โดยใช้ชื่องานว่า "เทศกาลนวราตรี-บูชาพระแม่ศรีอุมาเทวี"

โดยในวันนี้ (๑๘ ก.ย.) ผมก็ได้มีโอกาสไปเก็บภาพขั้นตอนการเตรียมงานเทศกาลดังกล่าวที่วัดวิษณุ ซึ่งจากการสังเกตก็เห็นว่ามีความพร้อมประมาณ ๗๐% แล้ว ทั้งประรำที่จะประดิษฐานเทวรูปและใช้ประกอบพิธีบูชาก็แล้วเสร็จ คงเหลือแต่การประดับประดาและตกแต่งสถานที่ด้วยดอกไม้นานาชนิด ในส่วนของเทวรูปที่จะใช้ในการประกอบพิธี ซึ่งทางวัดวิษณุและสมาคมฮินดูธรรมสภาได้นำช่างปั้นจากประเทศอินเดียเข้ามาเพื่อปั้นเทวรูปทั้ง ๕ ได้แก่ เทวรูปพระแม่ทุรคา ปางปราบอสูร เทวรูปพระแม่ลักษมี เทวรูปพระแม่สรัสวตี เทวรูปพระคเณศ และเทวรูปพระขันธกุมาร ซึ่งเทวรูปทั้งหมดได้ปั้นและลงสีเกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยอยู่ในระหว่างการเก็บรายละเอียดอีกเล็กน้อย ก่อนที่จะอัญเชิญขึ้นประดิษฐานในประรำพิธีเพื่อประกอบพิธีบูชาระหว่างวันที่ ๑๙ - ๒๘ นี้ และเมื่อเสร็จสิ้นเทศกาลก็จะมีพิธีอัญเชิญเทวรูปทั้งหมดลงลอยในทะเลที่จังหวัดชลบุรี

เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาขอเชิญชมภาพบรรยากาศการเตรียมงานเทศกาลนวราตรี ประจำปี ๒๕๕๒ ของทางวัดวิษณุได้เลยครับ


.
(ป้ายหน้าวัดวิษณุ)
.
.
.
(ข้อความประชาสัมพันธ์การจัดงาน)
#247
นำภาพเทวรูปพระศิวะนาฏราชสำริด ศิลปะอินเดียมาฝากให้ชมกันครับ
.
.
#248
คณะพราหมณ์-พระสงฆ์ ใช้ฤกษ์ดีวันที่ ๙ เดือน ๙ ปี ๐๙
ตั้งจิตอธิษฐานถวายพระพรในหลวง




โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ ๗ กันยายน ๒๕๕๒
.
.
คณะพราหมณ์-พระสงฆ์ ใช้ฤกษ์ดีวันที่ ๙ เดือน ๙ ปี(ค.ศ.) ๒๐๐๙ เชิญชวนคนไทยตั้งจิตอธิษฐานถวายพระพรในหลวงให้มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน ให้ประเทศไทยเกิดสิริมงคล พระราชครูวามฯ ชี้เป็นวันมหามงคล เริ่มต้นความก้าวหน้าแก่ตนเองและบ้านเมือง




.
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙




วันนี้ (๗ ก.ย.) พระราชครูวามเทพมุนี หัวหน้าพราหมณ์เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ กล่าวถึงการประกอบพิธีในวันที่ ๙ เดือน ๙ ปี (ค.ศ.)๒๐๐๙ ว่า คณะพราหมณ์จะตั้งจิตอธิษฐานขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวันที่เป็นมหามงคลเช่นนี้ ถวายพระพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน เนื่องจากตามความเชื่อของคนไทยคำว่า เก้า พ้องเสียงกับคำว่า ก้าว หมายถึง ความก้าวหน้า ซึ่งวันดังกล่าวยังสอดคล้องกับรัชกาลที่ ๙ อันเป็นที่รักยิ่งของประชาชนชาวไทยด้วย จึงนับได้ว่า เป็นวันมหามงคลที่จะทำให้เกิดความเป็นสิริมงคลต่อตนเอง สร้างความดี ที่จะถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว



.
พระราชครูวามเทพมุนี (ชวิน รังสิพราหมณกุล)


“เครื่องหมายเลข ๙ ไทย จะเขียนเหมือน อุนาโลม บนหน้าผากองค์พระศิวะ หมายถึง ตาที่สาม คือ ความมีสติ ความรอบคอบ และความมีปัญญา ก็จะสามารถมองไปในที่ไกลๆ ได้เป็นร้อยปี พันปีได้ ถือเป็นเครื่องหมายหรือเลขมงคลของศาสนาพราหมณ์ ในขณะเดียวกันการดำเนินฤกษ์ยามที่ดีก็จะยึด เก้า คือ ความก้าวหน้า ในช่วงนี้คนก็นิยมวันที่ ๙ เดือน ๙ ปีฝรั่งก็ตรงกับปี ๒๐๐๙ เขียนไปทำนองเดียวกัน คือ ความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับ ตรงกับรัชกาลที่ ๙ ก็ถือฤกษ์ดีถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยขอให้คนไทยไม่ว่าอยู่ที่ไหนตั้งจิตอธิษฐานถวายพระพรแด่พระองค์ท่านและขอให้ประเทศไทยก้าวหน้าตามวันเดือนปีดังกล่าวด้วย”หัวหน้าพราหมณ์กล่าว


ด้านพระธรรมกิตติเมธี โฆษกมหาเถรสมาคม (มส.) กล่าวว่า คณะสงฆ์ทั่วประเทศจะสวดเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ ๙ เดือน ๙ ปี(ค.ศ.)๒๐๐๙ ซึ่งนับเป็นเลขมหามงคลอุดมมงคลที่จะประกอบสิ่งเป็นมงคล ในการสร้างสิริมงคลให้เกิดขึ้นแก่ชาติบ้านเมือง ดังนั้น คณะสงฆ์ทุกวัดต่างก็จะประกอบพิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพร ให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมายุยิ่งยืนนาน และให้ประเทศไทยเกิดความเป็นสิริมงคลอีกด้วย



ที่มา : http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000103456
#249
สวัสดีชาวHinduMeetingทุกท่านครับ  อย่างที่ได้สัญญาไปในกระทู้ [t=635] ว่าจะเก็บภาพบรรยากาศงานพิธีเททองหล่อพระคเณศที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง โดยในวันนี้ถือถือเป็นวันแรกของงาน ซึ่งได้รับพระกรุณาธิคุณจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาธินัดดามาตุ เสด็จมาเป็นองค์ประธานในพิธี ซึ่งผมได้เดินทางไปร่วมงานในพิธีภาคบ่ายได้แก่ พิธีบวงสรวงบูชาฤกษ์โดยพระราชครูวามเทพมุนี และพิธีบูชาพระคเณศโดยพราหมณ์อินเดียจากสมาคมฮินดูสมาซ นอกจากนี้ผมยังนำภาพบรรยากาศโดยรวมของงานในวันนี้ (๒๑ ส.ค. ๕๒) มาฝากกันด้วยครับ





#250
เนื่องจากในเดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๒ นี้ เป็นเดือนสำคัญซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ผู้นับถือพระเป็นเจ้าในศาสนาฮินดู ว่าเป็นเดือนแห่งการประสูติขององค์พระคเณศ มหาเทพแห่งสติปัญญาและความสำเร็จ พระผู้ทรงเป็นที่เคารพบูชาทุกชนชั้นและทุกนิกาย ไม่ว่าจะประกอบกิจการใดหากได้บูชาองค์พระคเณศก่อนแล้ว กิจการงานเหล่านั้นก็จะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

ในประเทศไทยปรากฏหลักฐานว่า มีการนับถือพระคเณศมาเป็นเวลายาวนานหลายศตวรรษ   ไม่ว่าจะเป็นรูปเคารพขององค์พระคเณศที่ปรากฏอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของไทย กล่าวได้ว่า พระเป็นเจ้าองค์นี้ได้รับการเคารพสักการะมากที่สุดองค์หนึ่งในศาสนาพราหมณ์-ฮินดูตั้งแต่อดีตจนกระทั่งในปัจจุบัน


ในโอกาสอันเป็นมงคลนี้ นาย"อักษรชนนี"จึงขอรวบรวมศาสนสถานและสถานที่สำคัญในกรุงเทพฯ อันเป็นที่ประดิษฐานพระคเณศ มาแนะนำให้เพื่อนๆพี่ๆที่สนใจและศรัทธาต่อองค์ท่านได้เดินทางไปสักการะในเทศกาลจตุรถีนี้ (หรือหลังจากงานนี้ก็สามารถนำไปเป็นไกด์ไลน์ได้ครับ) โดยบทความในตอนนี้ ผมได้นำบทความเก่าที่เรียบเรียงไว้เมื่อประมาณปีที่แล้ว เกี่ยวกับสถานที่แห่งศรัทธาขององค์พระคเณศ ซึ่งผมเคยนำมาเผยแพร่ในบอร์ดเก่าของHinduMeeting (คาดว่าทางพีกาลิทัสจะนำมาลงในเว็ปอีกครั้งเร็วๆนี้)  และเว็ปบอร์ดอื่นๆเมื่อประมาณปีที่แล้ว มาปรับปรุงเนื้อหาให้กระชับมากยิ่งขึ้นครับ


* * * * * * * * * * * * * * * * * * *
*
*
*
*
*
*
วิฆฺเนศฺวราย วรทาย สุรปฺรียาย

ลัมโพทราย สกลราย ชคัทธิตาย

นาคานราย ศฺรุติยชฺญ วิภูษิตาย

เคารีสุตาย คณนาถ นโม นมัสเต
.
.
.

" โอ, พระวิฆเนศ ท่านสามารถขจัดอุปสรรค และประทานพรให้กับผู้ปฏิบัติบูชาพระองค์

เทวดาทุกๆพระองค์ชอบท่าน เพราะท่านชอบเทวดาทุกองค์ ท่านมีท้องที่ใหญ่

ท่านเป็นเทพแห่งศิลปทั้งหลาย สิบสี่ประการ ขอท่านจงประทานพรอันเป็นมงคลต่างๆ แก่ผู้บูชาพระองค์

ท่านมีพระพักตร์เป็นช้าง ท่านเป็นโอรสของพระแม่ปาราวตี พวกเราขอนมัสการพระองค์ "
.
.
.
.
.
( จากเนื้อความตอนหนึ่งในหนังสือ "ประวัติพระคเณศ ฉบับของเทวสถานโบสถ์พราหมณ์" )
#251
เมื่อวันนี้ (๑๑ สิงหาคม) ผมได้มีโอกาสไปชมนิทรรศการโขนพรหมาศที่ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหาคร ซึ่งถือเป็นวันแรกของการจัดงาน ดังนั้นคนที่ไปจึงยังมีไม่มากนัก โดยจัดขึ้นจัดขึ้นเนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ครบ ๗๗ พรรษา วันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๒

นิทรรศการโขนพรหมาศนี้ได้รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของโขน ดนตรี เครื่องพัสตราภรณ์ ถนิมพิมพาภรณ์ ศิราภรณ์ และหัวโขน ฯลฯ ซึ่งสิ่งของที่นำมาจัดแสดงนี้ถือว่าเป็นของที่หาชมได้ยาก และน้อยครั้งจะนำมาให้สาธารณชนได้ชื่นชมในงานศิลป์อันถือเป็นมรดกของชาติ

สำหรับหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหาคร ตั้งอยู่ที่สี่แยกปทุมวัน หัวมุมถนนพระราม ๑ และถนนพญาไท ตรงข้ามห้างมาบุญครอง และสยามดิสคัฟเวอรี่ เปิดให้ชมทุกวันอังคาร-วันอาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) ระหว่างเวลา ๑๐.๐๐-๒๑.๐๐ น. ตั้งแต่วันที่ ๑๑ ส.ค.-๑๑ ต.ค. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร.๐๒-๒๑๔-๖๖๓๐-๑ หรือที่ www.bacc.or.th


โอกาสนี้ผมจึงขออนุญาตินำภาพบางส่วนของนิทรรศการที่เกี่ยวกับการจัดโต๊ะหมู่ที่ประดิษฐานศรีษะเทพเจ้าสำคัญและหัวโขนอันถือเป็นบรมครูของโขนละคร สำหรับใช้ประกอบในพิธีไหว้ครูโขนละครตามแบบแผนราชสำนัก (ที่สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จัดขึ้นเมื่อครั้ที่เริ่มแสดงโขน ชุดพรหมาศ เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๒)


ภาพมุมกว้างแบบ panorama ของแท่นที่ประดิษฐานศรีษะเทพและหัวโขนที่ใช้ประกอบพิธีไหว้ครูโขนละคร (ต้องการเห็นภาพใหญ่แบบชัดๆ ให้คลิกไปที่ภาพนะครับ)
#252
สวัสดีเพื่อนๆพี่ๆชาว hindumeeting ทุกท่านครับ วันนี้ผมนายอักษรชนนี ขออนุญาตนำข้อคิดสะกิดใจที่ดีๆจากบทสัมภาษณ์ของพระราชครูวามเทพมุนี ซึ่งท่านได้เคยให้สัมภาษณ์ไว้ในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๑ (ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ ที่ผมไม่สามารถจำชื่อหนังสือพิมพ์ได้จริงๆ เนื่องจาก save บทสัมภาษณ์นี้ไว้นานพอสมควร) โดยเนื้อความในหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าว เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับกระแสความนิยมในองค์พระคเณศของคนไทยในปัจจุบัน ซึ่งเนื้อความในตอนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ พระราชครูวามเทพมุนีท่านได้ให้ข้อคิด ที่ผมเองคิดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่สะกิดใจให้กับพวกเรา ในฐานะที่เป็นผู้ศรัทธาในองค์พระคเณศได้เป็นอย่างดี 
สำหรับเนื้อความส่วนหนึ่งในบทสัมภาษณ์มีดังนี้



[/COLOR]



“ด้วยเหตุที่คนไทยส่วนใหญ่ได้รับการปลูกฝังว่า พระพิฆเนศวรเป็นเทพแห่งความสำเร็จ คนส่วนใหญ่อยากประสบความสำเร็จเรื่องใดก็ขอจากท่าน ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว ท่านเป็นเทพแห่งปัญญา และปัญญานี่แหละนำพาซึ่งความสำเร็จ
ผู้ที่นำรูปเคารพท่านไปบูชา ควรศึกษาประวัติของท่าน   
มากกว่าที่จะพูดๆ กันว่า ท่านเป็นเทพแห่งความสำเร็จ แม้ว่าท่านจะขึ้นชื่อว่า เป็นเทพแห่งความสำเร็จ แต่ไม่ได้หมายความว่า ท่านจะให้ทุกคนประสบความสำเร็จได้โดยที่ผู้บูชาศรัทธานั้นไม่ได้ทำอะไรด้วยตัวเอง "


และอีกตอนหนึ่งว่า
" พระพิฆเนศวรเป็นเทพเจ้าแห่งความสำเร็จในทุกศาสตร์สรรพสิ่งหรือเทพเจ้าแห่งการเริ่มต้นใหม่ทั้งปวง เมื่อพิจารณาความหมายในทางสัญญะ รูปกายที่อ้วนพีนั้น มีความหมายว่า ความอุดมสมบูรณ์ เศียรที่เป็นช้างมีความหมายถึงผู้มีปัญญามาก ตาที่เล็กคือ สามารถมอง แยกแยะสิ่งถูกผิด หูและจมูกที่ใหญ่หมายถึง มีสัมผัสพิจารณาที่ดีเลิศ พระพิฆเนศวรมีพาหนะคือหนู ซึ่งอาจเปรียบได้กับความคิดที่รวดเร็ว
ดังนั้น มนุษย์จึงต้องมีปัญญากำกับเป็นดั่งเจ้านายในใจตน"

นื้คือข้อคิดดีๆจากบุคคลผู้ซึ่งได้รับการยอมรับและยกย่องว่าเป็นหัวหน้าคณะพราหมณ์ในประเทศไทย ซึ่งท่านได้ให้ข้อคิดนี้ไว้เตือนสติ รวมทั้งสะกิดใจเราๆท่านๆทุกคน ให้ได้คิดพิจารณาตาม และหวังว่าจะเป็นประโยชน์
ไม่มากก็น้อยนะครับ
ด้วยจิตคารวะ

[/SIZE][/FONT][/FONT][/COLOR]
#253
หลังจากนำเสนอภาพเทวรูปของวัด  Sri Merupuram Maha Pathirakali Amman Thevasthanam Temple ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษไปแล้วในกระทู้ [t=548.0] วันนี้ผมก็ขอนำภาพจากวัดแห่งนี้มาฝากกันอีกสักหนึ่งชุด เป็นภาพพิธีสรง (Abhishegam)เทวรูปสำคัญของวัดครับ หวังว่าจะชอบกันนะครับ

สำหรับท่านที่สงสัยว่าพิธี Abhishekam คืออะไร และเขาทำกันอย่างไรนั้น สามารถเข้าไปอ่านได้ที่กระทู้นี้ครับ [t=26.0]

หมายเหตุ : เครดิตภาพนำมาจากเว็ปไซด์ของวัด Sri Merupuram Maha Pathirakali Amman Thevasthanam Temple









#254
นำภาพเทวรูปงามๆซึ่งประดิษฐานอยู่ภายในวัดชื่อ Sri Merupuram Maha Pathirakali Amman Thevasthanam Temple ประเทศอังกฤษมาฝากครับ  รับรองว่างดงามไม่แพ้วัดจากประเทศต้นกำเนิดอย่างอินเดียแน่นอน 

ชอบหรือไม่อย่างไร คอมเม้นบอกกันได้นะครับ เพื่อจะได้เป็นข้อมูลนำไปปรับปรุงในกระทู้อื่นๆ   



หมายเหตุ : เครดิตภาพนำมาจากเว็ปไซด์ของวัด Sri Merupuram Maha Pathirakali Amman Thevasthanam Temple



#255
หลังจากนำทุกท่านเข้าชมและสักการะองค์พระศิวะ ณ เทวสถาน โบสถ์พราหมณ์ในตอนที่ ๑ แล้ว ( คลิกลิงค์นี้หากต้องการย้อนกลับไปอ่าน : [t=521.0] ) ในกระทู้นี้ที่เป็นตอน ๒ ผมก็ขอนำทุกท่านเดินทางไปในยังศาสนสถานแห่งต่อไป ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากเทวสถาน โบสถ์พราหมณ์เท่าไรนัก ศาสนสถานแห่งนี้ก็คือ วัดเทพมณเฑียร


๒.  วัดเทพมณเฑียร





(ภาพอาคารเทพมณเฑียร : ภาพจากเว็บไซด์สมาคมฮินดูสมาซ)
วัดเทพมณเฑียร ตั้งอยู่เลขที่ ๑๓๖/๒ ถนนศิริพงษ์ เสาชิงช้า กรุงเทพมหานคร บริเวณชั้นสามของอาคารที่ทำการสมาคมฮินดูสมาซและโรงเรียนภารตะวิทยาลัย โดยอาคารหลังนี้ได้ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ ๑๓ เมษายน พ.ศ.๒๔๙๒ ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.๒๔๙๓ ใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ ๑ ปี และได้มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๑๒ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต มาทรงประกอบพิธีเปิด “เทพมณเฑียร” ณ สมาคมฮินดูสมาซแห่งนี้
#256
สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่ๆ ชาว Hindu Meeting ทุกท่าน หลังจากห่างหายจากการเขียนบทความมาสักระยะหนึ่ง วันนี้ก็ถือเป็นโอกาสดีที่ผมจะขออนุญาตนำเรื่องราวที่น่าสนใจมาถ่ายทอดให้ทุกท่านได้อ่านกันอีกเช่นเคยนะครับ โดยในครั้งนี้ผมขอเชิญทุกท่านร่วมเดินทางผ่านตัวอักษรไปสักการะองค์พระศิวะ ณ ศาสนสถานที่สำคัญในกรุงเทพมหานครทั้ง ๔ แห่ง

โดยหวังว่าบทความนี้จะเป็นไกด์ไลน์ที่มีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยสำหรับผู้ที่นับถือองค์พระศิวะ และปรารถนาที่จะเดินทางไปยังสถานที่ดังกล่าว


#257
องค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่นส่งมอบคลิปวิดีโอจากอวกาศ แสดงภาพ “พระพิฆเนศ ของพระราชทานจากสมเด็จพระเทพฯ” ลอยในสภาพไร้น้ำหนัก





รศ.ดร.ศักรินทร์ ภูมิรัตน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช. ) เปิดตัว "คลิปประวัติศาสตร์ของขวัญจากเมืองไทยสู่อวกาศ”  ซึ่งเป็นพระพิฆเนศพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  และสาธิตการรับประทานต้มยำกุ้ง อาหารหลักของไทยในรูปแบบอาหารสำหรับนักบินอวกาศ
ก่อนหน้านี้ดร.โคอิจิ วาทากะ นักบินอวกาศ ได้ทูลเกล้าฯขอของส่วนพระองค์ ก่อนจะได้รับพระราชทานเพื่อนำขึ้นไปบนยานอวกาศคิโบ (KIBO)  ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับการวิจัยและพัฒนาบนสภาพไร้แรงโน้มถ่วง โดยการวิจัยดังกล่าวอยู่ภายใต้โครงการสถานีอวกาศนานาชาติ (Internation Space Station:ISS)

วันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้รับคลิปประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญจาก ดร.โคอิชิ ซึ่งกำลังทำการวิจัยพัฒนาบนยานอวกาศ ที่มีสภาพไร้แรงโน้มถ่วง โดยได้ส่งภาพวิดิโอมายังประเทศไทย แสดงถึงสิ่งของที่ส่งขึ้นไป คือ พระพิฆเนศ ที่ทำจากไม้มีความสูง 14 เซนติเมตร โดยมีสภาพลอยอยู่ภายในยานอวกาศดังกล่าวที่มีสภาพไร้น้ำหนัก   เพื่อแสดงความขอบคุณและซาบซึ้งในพระกรุณาธิคุณของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทั้งนี้ สวทช.ได้ทูลเกล้าถวายคลิปวิดิโอดังกล่าวให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ แล้ว 

    รศ.ดร.ศักรินทร์    กล่าวว่า  ดร. โคอิจิ   มีกำหนดกลับสู่พื้นโลกในปลายเดือนกรกฎาคมนี้  หลังจากขึ้นไปปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา  เบื้อง ต้นสวทช. จะประสานทางองค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่นหรือ แจกซา (Japan Aerospace Exploration Agency : JAXA) เพื่อขอความร่วมมือในการนำพระพิฆเนศองค์ดังกล่าวมาร่วมแสดงภายในงานสัปดาห์ วิทยาศาสตร์ ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคมนี้

อย่างไรก็ตาม   ความร่วมมือดังกล่าวถือเป็นการจุดประกายและสร้างโอกาสให้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่สนใจและต้องการร่วมทำการทดลองทางอวกาศในระดับสากล

    “สำหรับแผนความร่วมมือในอนาคตระหว่างสวทช.กับแจกซา มี 2  โครงการคือ การประกวดหาโครงงานวิจัยเพื่อนำขึ้นไปทดลองบนยานอวกาศคิโบ  โดยแจกซา และ สวทช.จะคัดเลือกโครงงานวิจัยที่ช่วยให้เกิดการก้าวกระโดดทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  ส่วนโครงการที่ 2เป็น โครงการวิจัยที่จะทำการทดลองบนเครื่องบินที่ทำการบินแบบพาลาโบลาที่ประเทศญี่ปุ่น    ซึ่งเป็นการบินในลักษณะคลื่นเวฟ เพื่อให้เกิดสภาพไร้น้ำหนักขึ้น  โดยจะดำเนินการภายในปีนี้” ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าว

ที่มา : ทีมข่าววิทยาศาสตร์ เว็บหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 22 มิถุนายน 2552 19:03
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/science/20090622/53635/%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%86%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%A8%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B8%AF.html
#258
ห่างหายไปค่อนข้างนาน วันนี้กระผมนายอักษรฯ เลยขอนำข่าวสารดีๆเกี่ยวกับแสตมป์ชุด "เทพในเทวสถาน" ฝากเพื่อนๆพี่ๆกันนะครับ

เปิดตัวแสตมป์ มหาเทพ อัญเชิญ4องค์สร้าง

เพื่อให้คนทั่วไปได้รู้จักศาสนาพราหมณ์ที่อยู่ในเมืองไทย รวม 4 ดวง ราคาดวงละ 5 บาท พร้อมจัดทำสิ่งสะสมเพิ่มเติมได้แก่ แผ่นตราไปรษณียากรที่ระลึก ราคา 25 บาท และซองวันแรกจำหน่าย ราคา 30 บาท (2 มิ.ย.

นางสาวอานุสรา จิตต์มิตรภาพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าววันนี้ (30 พ.ค.) ว่า บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด  จัดทำตราไปรษณียากรชุดเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์เป็นครั้งแรก โดยทำพิธีวางศิลาฤกษ์เทวสถานอุทยานพระพิฆเนศร์ และหล่อชิ้นส่วนองค์พระพิฆเนศร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่  ริมฝั่งแม่น้ำบางปะกง อ.คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรานี้ เนื่องจากเล็งเห็นว่าแสตมป์ของแต่ละประเทศเปรียบเสมือนบันทึก เรื่องราวความเป็นมาเป็นไป และสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละสมัยของประเทศนั้นๆ จึงได้นำพลังศรัทธาของคนไทยมาถ่ายทอดลงบนแสตมป์ให้ได้เก็บสะสมเสริมมงคล ชีวิต นอกจากนี้เมืองไทยยังเป็นเมืองที่ให้อิสระ เสรีในการนับถือศาสนา จึงอัญเชิญพระพิฆเนศร์ พระพรหม พระนารายณ์ และพระศิวะ เทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์มาเป็นต้นแบบ เพื่อให้คนทั่วไปได้รู้จักศาสนาพราหมณ์ที่อยู่ในเมืองไทย รวม 4 ดวง ราคาดวงละ 5 บาท พร้อมจัดทำสิ่งสะสมเพิ่มเติมได้แก่ แผ่นตราไปรษณียากรที่ระลึก ราคา 25 บาท และซองวันแรกจำหน่าย ราคา 30 บาท 

"สำหรับภาพต้นแบบทั้งหมดถ่ายจากรูปสักการะองค์จริงที่ประดิษฐานในเทวสถาน โบสถ์พราหมณ์ รวมทั้งได้รับความอนุเคราะห์จากพระราชครูวามเทพมุนี ประกอบพิธีอ่านโองการบวงสรวงขออนุญาตนำภาพมาจัดสร้างเป็นแสตมป์ และยังได้นำแสตมป์ที่พิมพ์เสร็จแล้วเข้าพิธีบวงสรวงอีกครั้ง เพื่อขอพรให้ผู้ครอบครองมีความเจริญรุ่งเรือง เริ่มจำหน่ายที่ไปรษณีย์ทุกแห่งในวันที่ 2 มิ.ย. 2552" รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ปณท กล่าว 

รอองกรรมการผู้จัดการใหญ่ปณท  กล่าวต่อว่า ไปรษณีย์ ได้ร่วมกับสมาคมชาวจังหวัดฉะเชิงเทราเปิดให้ไปรษณีย์ทุกแห่งเป็นจุดรับ บริจาคให้ผู้มีจิตศรัทธาร่วมเป็นเจ้าภาพหล่อเศียรองค์พระพิฆเนศร์ที่ใหญ่ ที่สุดในโลก  ไปประดิษฐาน ณ เทวสถานอุทยานพระพิฆเนศร์ ริมฝั่งแม่น้ำบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา โดยผู้ร่วมบริจาค 100 บาท จะได้รับแผ่นทองคำให้ชื่อ วันเดือนปีเกิด ก่อนที่จะรวบรวมแผ่นทองดังกล่าวไปเข้าพิธีหล่อพระเศียรต่อไป นอกจากนี้ ยังจัดกิจกรรมพิเศษในวันที่ 2-5 มิ.ย. 2552 ที่ เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ พิพิธภัณฑ์ตราไปรษณียากรสามเสนใน บูธไปรษณีย์ไทยในงานจัตุรัสจามจุรีย์บุ๊คแฟร์ จามจุรีย์สแควร์ ไปรษณีย์กลาง และไปรษณีย์บางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อมอบพระพิฆเนศร์องค์เล็กให้กับผู้ที่ไปร่วมบริจาคและสั่งซื้อแสตมป์ใน ช่วงเวลาดังกล่าวอีกด้วย


ที่มา :
http://www.thairath.co.th/content/eco/9535
[/SIZE][/B]
#259
นำชมพระคเณศหล่อโลหะขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ณ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตสารสนเทศเพชรบุรี จ.เพชรบุรี



http://youtube.com/v/Emo_o2oUTng





องค์พระคเณศ ประจำมหาวิทยาลัยศิลปากร ประดิษฐานอยู่ที่วิทยาเขตสารเทศเพชรบุรี ตำบลสามพระยา อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี โดยที่มาเริ่มจากการปรึกษาหารือกันในคณะผู้บริหารระดับคณะวิชาของวิทยาเขตฯ เมื่อพ.ศ.๒๕๔๘ ถึงการจัดสร้างองค์พระคเณศเพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจและเป็นสิริมงคลแก่นักศึกษาและบุคลากรของมหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตสารเทศเพชรบุรี ซึ่งวิทยาเขตดังกล่าวเป็นวิทยาเขตแห่งใหม่ของมหาวิทยาลัยศิลปากรที่เพิ่งเริ่มจัดการเรียนการสอนครั้งแรกในปีการศึกษา ๒๕๔๕ จากนั้นทางคณะผู้บริหารจึงได้นำเรื่องดังกล่าวไปหารือกับศาสตราจารย์เกียรติคุณ คุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ นายกสภามหาวิทยาลัยศิลปากรในขณะนั้น ซึ่งได้รับความเห็นชอบเป็นอย่างดีจากท่าน ประกอบกับในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ เป็นปีมหามงคลในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี ทางมหาวิทยาลัยจึงได้นำโครงการจัดสร้างพระคเณศเข้าเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติในวโรกาสอันเป็นมหามงคลยิ่งดังกล่าว



สำหรับเทวลักษณะขององค์พระคเณศ ประจำมหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตสารเทศเพชรบุรี มีพระอิริยาบถประทับนั่ง มี ๔ พระกร ทรงวัชระ ปัถมะ(ดอกบัว) ทันตะ (งา) ถ้วยขนมโมทกะซึ่งเป็นรูปหัวกะโหลก ทรงสวมสายสังวาลงูและทรงเครื่องพัสตราภรณ์เรียบง่าย เมื่อมองโดยรวมแล้วจะรู้สึกถึงพระวรกายที่อิ่มเอิบ กลมกลึง โดยประติมากรผู้รับหน้าที่ออกแบบปั้นและหล่อ คือ อาจารย์เศวต เทศน์ธรรม ประติมากรอวุโส ผู้เป็นหนึ่งในศิษย์คนสำคัญของท่านอาจารย์ศิลป์ พีระศรี



องค์พระคเณศ ขนาดต้นแบบ ๙.๖๐ นิ้ว


ในเบื้องต้นท่านอาจารย์เศวตได้ปั้นองค์พระคเณศต้นแบบให้มีขนาดหน้าตักกว้าง ๙.๖ นิ้ว โดยมีความหมายสอดคล้องกับตัวเลขอันเป็นมงคล ๒ ประการ คือ เลข ๙ สื่อถึงรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ และเลข ๖ สื่อถึงการที่ทรงครองราชย์ครบ ๖๐ ปี ในพ.ศ.๒๕๔๙ ซึ่งเมื่อขยายแบบเป็นองค์จริงขนาดใหญ่แล้วจะมีหน้าตักกว้าง ๙๖ นิ้ว (หรือประมาณ ๒ เมตร ๔๕ เซนติเมตร)






และเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฏาคม พ.ศ.๒๕๔๙ เวลา ๑๔.๐๐ น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงประกอบพิธีเททองหล่อองค์พระคเณศประจำมหาวิทยาลัยศิลปากรองค์นี้ ณ บริเวณพลับพลาพิธีด้านทิศเหนือ ระหว่างเรือนรับรอง ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมเฉลิมพระเกียรติ ๖ รอบพระชนมพรรษา มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม
#260
สวัสดีพี่ๆเพื่อนชาวฮินดูมีทติ้งทุกท่านนะครับ

ผมนาย อักษรชนนี (สมาชิกใหม่แต่หน้าเก่า) ขอฝากตัวฝากใจไว้ที่บ้านหลังนี้ด้วยคนนะคร๊าบบบบบ อิอิอิอิ