Loader

เหตุแห่งความศรัทธาในพระผู้ศักดิ์สิทธิ์

Started by Believe in God, November 17, 2009, 14:33:22

Previous topic - Next topic

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

วันนี้จะมาเล่าถึงเหตุแห่งความศรัทธาค่ะ  จากที่เคยเปรยไว้ในกระทู้แนะนำตัวแล้วว่าเหตุเกิดจากสามี
เรื่องมีอยู่ว่า  เช้าวันนึงคุณสามีตื่นขึ้นมาแล้วก็มาเล่าให้ฟังว่าเค้าฝันประหลาด

ฝันว่ามีคนเอาเหรียญเหมือนเหรียญจตุคามอันใหญ่ ๆ ที่เคยนิยมกันอยู่พักนึงมาให้
ด้านนึงเป็นอะไรสักอย่าง (อันนี้ Believe in God ลืมเอง)  อีกด้านเป็นพระพิฆเณช
เธอเล่ารายละเอียดให้ฟังว่าลงสีด้วย  อธิบายให้ฟังว่ามีวรรณะสีอะไร  ทรงภูษาสีอะไร
ประทับอย่างไร  มีกี่พระกร  ถืออะไรบ้าง (ละเอียดมาก)  เธอถามว่าหมายความว่ายังไง

ไอ้เราก็ตีความฝันไม่เป็น  ก็บอกไปว่าสงสัยท่านจะมาให้โชคมั๊ง  เป็นว่าฝันถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดีก็แล้วกัน

ตั้งแต่นั้นเวลาที่ไปที่ไหนที่มีพระพิฆเณชให้เช่าบูชาหรือประดิษฐานไว้ให้บูชาเธอก็จะปรี่เข้าไป
เพื่อที่จะดูว่ามีเหมือนอย่างที่เธอเคยฝันบ้างไหม?

จนวันนึง Believe in God กับสามีไปเซ็นทรัลพระราม 2 กัน  ที่นั่นมีร้านมาเปิดใหม่ให้เช่าบูชาเทวรูปต่าง ๆ จากอินเดีย
ทีนี้เวลาที่มีร้านอะไรมาเปิดใหม่  เค้าก็จะเอาโปสเตอร์ไปใส่สแตนด์แล้ววางไว้ทั่ว ๆ ห้างเพื่อเป็นการโฆษณา
คุณสามีเห็นเธอก็เดินเข้าไปหาเลย  แล้วบอกว่านี่แหละ ๆ ที่ฝันเห็น  ไอ้เราก็ถามว่าใช่เหรอ
อะไรมันจะขนาดนั้น  ก็เลยชวนกันไปดูที่ร้าน  ว่าจะไปถามดูว่าองค์แบบที่มีบนสแตนด์น่ะมีให้เช่าไหม  ราคาเท่าไหร่

ไปถึงพนักงานขายบอกว่าแบบนี้ไม่มีหรอกพี่  อันเนี๊ยะเป็นองค์จริงอยู่ที่อินเดีย  มีแบบคล้าย ๆ กันได้ไหม
ให้คล้ายกันยังไงก็ไม่เหมือนอ่ะนะ  คุณสามีก็ว่าไม่เป็นไรหรอก  หากท่านจะมาอยู่กับเราจริง  เดี๋ยวท่านก็เสด็จมาเองแหละ

ไม่นานจากนั้นก็ไปเจอร้านแบบเดียวกันอีกที่เดอะมอลล์ท่าพระ  คราวนี้มีรูปของท่านใส่กรอบสวยงามไว้ให้เช่า
ก็ถามราคา  พนักงานขายบอกว่า 1599  สามีบอกว่าเดี๋ยวเงินเดือนออกก่อนจะมาเช่า
พอวันจะไปเช่า  ท่านก็เสด็จไปกับคนอื่นแล้ว  สามีก็บอกเหมือนเดิม  ถ้าท่านจะมาอยู่กับเราจริง  เดี๋ยวท่านก็เสด็จมา

ผ่านไปอีกสักหน่อย  ก็ถึงงานวันแห่ (นวราตรี) ของวัดแขก  เราก็อยากไปเพราะไม่เคยไปเลย
ขนาดทำงานอยู่แถวนั้นนั่นแหละ  พอถึงวันแห่ก็ไม่เคยอยู่หรอก  ชิ่งกลับบ้านก่อนกลัวเค้าปิดถนน

แต่ปีนี้แปลก  อยากไป  ก็เลยชวนคุณสามีไปด้วย  (เดินผ่านทุกซุ้มของครอบครัว HM เลย  แต่ตอนนั้นยังไม่รู้จัก HM)

จนเกือบห้าทุ่มก็ชวนคุณสามีกลับ  เริ่มเหนื่อยแล้ว  คุณสามีก็บอกเดินอีกหน่อยเดินอีกหน่อย
แล้วเค้าก็พาเดินไปทาง สน. ยานนาวา  เดินเลย สน. ไปหน่อย  ฝั่งเดียวกับ สน. นั่นแหละ
พลันสายตาสามีก็มองไปเห็นคนเค้ามุง ๆ กัน  เธอก็ว่าแม่มัน  เค้าแจกอะไรไม่รู้  ไปเอาหน่อยสิ

(อุวะ  อยากได้ยังใช้คนอื่นอีกแหนะ)

พอรับมาถึงกับตกใจเลย  เป็นท่านนั่นเอง  สามีก็พลอยดีใจ  ปากเธอก็ว่า  เห็นไหม? ในที่สุดท่านก็เสด็จมา

เราก็เอาภาพของท่านไปใส่กรอบ  แล้วก็เริ่มหาจากอินเตอร์เน็ตเนี่ยแหละว่าเราต้องทำยังไงต่อไป
ให้บังเอิญว่ามาอ่านเจอว่าวันที่ 17/10 เป็นวันดีปาวาลี  ก็เลยถือเอาวันนี้แหละอัญเชิญท่าน
ปัญหาต่อไปก็คือแล้วเค้าทำกันยังไงล่ะ  อ่านมาก็ยากสุด ๆ  ก็เลยเอาง่าย ๆ
ไปซื้อที่จุดตะเกียง ที่วางกำยาน กำยาน แล้วก็ผลไม้ กับธัญพืช 5 อย่าง
จัดวางอย่างสวยงามแล้วก็สวดพระคาถาง่าย ๆ ของท่าน  แล้วก็พูดภาษาไทยเลย

สำหรับ Believe in God แล้วแค่นี้ก็ควรจะโอเคแล้ว  หลังจากนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรอีก  แค่เปลี่ยนน้ำที่ถวายเท่านั้นเอง

ก็เป็นเรื่องเลย

หนึ่งสัปดาห์หลังจากวันที่อัญเชิญท่าน  ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม  ยืน  เดิน  นั่ง  นอน  หลับ
มีแต่ภาพของท่านอยู่ในหัว  กระทั่งหลับยังฝันถึงท่าน  กลุ้มใจมาก  ปรึกษาใครก็ไม่ได้เพราะเป็นเรื่องเกินความเชื่อของคน
เราเป็นคนที่สวดมนต์นั่งสมาธิเป็นประจำอยู่แล้ว  (เราเป็นพุทธศาสนิกชน)  แต่ช่วงที่มีอาการแบบนี้ไม่ได้ทำเลย
มันไม่มีสติที่จะคิดทำ  แต่สุดท้ายมันคนไม่ไหวแล้วมั๊ง  มันเลยคิดได้ว่าสมาธิน่าจะช่วยได้
ก็เลยสวดมนต์นั่งสมาธิ  พยายามทำใจสบาย ๆ

แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น  เราได้ยินเสียงผู้ชายดังอยู่ในหัวของเรา
เสียงนั้นบอกว่า  "บูชาเราสิ  บูชาเราด้วยมนต์ที่เจ้าก็รู้จักดี"
เราก็ตกใจ  หลุดออกมาจากสมาธิ  พอหายตกใจก็พอจะเข้าใจว่าใคร

พอเช้าเราก็จุดประทีป  จุดกำยาน  บูชาด้วยมนต์ที่เรารู้จักดี  "โอม ศรี คะเนศายะ นะมะฮา"
แล้วเราก็ขอพร  ซึ่งมีเราคนเดียวเท่านั้นที่จะรู้ว่ามันจะเป็นจริงหรือไม่
และมันก็เป็นดังที่เราขอ

บัดนี้ลูกน้อมใจเชื่อในท่านว่ามีอยู่จริง
ขอท่านโปรดอำนวยชัยให้แก่ผู้ปฏิบัติด้วยใจเคารพทั้งหมด

โอม ศรี คะเนศายะ นะมะฮา

สาธุค่ะ เป็นที่ปลาบปลื้ม ตื้นตันเสมอ เมื่อได้อ่านเรื่องราวอันศักดิ์สิทธิ์ ของพระเป็นเจ้า ทำให้รู้ว่า พระเป็นเจ้ายังคงศักดิ์สิทธิ์ และ มีอยู่จริงเสมอ ขอให้ตั้งมั่นในการทำดีต่อไปนะคะ ขอพระเป็นเจ้าทรงคุ้มครองตลอดไป สาธุ สาธุ สาธุ

สาธุด้วยคนค่ะ

องค์ท่านมาโปรดพี่จริงๆ ;)
[HIGHLIGHT=#92d050]เมตตามหานิยม อยู่ที่...คุณธรรม[/HIGHLIGHT]

ยินดีด้วยค่ะ สาธุ ท่านเลือกแล้วที่จะมาโปรด และท่านจะอภิบาลรักษา และจะประทานความสำเร็จ ตลอดจนความอุดมสมบูรณ์ให้ทุกสิ่ง โอม ศรี คเณศายะ นะมะฮะ
รักท่าน ให้ได้สักครึ่งนึงที่ท่านรักเรานะคะ

ขอให้พระคุ้มครองค่ะ

โมทนา ด้วยครับ ท่านคงอยากมาโปรดสามีพี่น่ะครับ  เทพเทวาทุกองค์โดยส่วนใหญ่ท่านจะส่งบริวารหรือญาติ

ของท่านลงมาแสดงหรือโปรดให้แก่ผู้ที่บูชาท่านครับ ส่วนในกรณีของพี่นั้นก็น่าจะเข้าข่ายพระญาณของท่าน

ครับและอาจจะรู้จักกันมาก่อนครับ   โดยส่วนตัวผม เหตุที่ทำให้ต้องเข้ามาศึกษาและบูชาก็เพราะมีคนทักว่าเรา

ควรบูชาทางนี้ครับและทุกครั้งที่ผม กล่าวคำว่า โอม โดยหายใจเข้ายาวๆ นั้น  บริเวณกลางหน้าผากของผมจะ

หน่วงๆ ตึงๆ เหมือนมีใครเอานิ้วมือมาจิ้มน่ะครับ  ไม่รู้ว่าพี่กับสามีเป็นเหมือนกันป่าวครับ   

ขอให้บารมีแห่งองค์เทพเทวาทุกพระองค์โปรดจงรักษาผู้ประพฤติธรรม ตราบ เข้าสู่พระนิพพาน ทุกท่านครับ

คุณ Neosiris คะ  คำว่า  "เข้าข่ายพระญาณของท่าน"  หมายความว่าอะไรคะ?
ส่วนความรู้สึกกลางหน้าผาก  Believe in God  รู้สึกมานานแล้วค่ะ  ไม่รู้สึกว่าแปลกอะไร
เริ่มแรกใช้เป็นการหน่วงให้จิตมารวมกันเป็นจุดเดียวค่ะ  หลักการคล้าย ๆ วิชาธรรมกายของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ
แล้วก็ดำรงการหน่วงไว้  เป็นกุศโลบายไม่ให้จิตวอกแวกไปทางอื่นค่ะ
ความรู้สึกแบบนี้มีนัยแฝง  หรือว่าผิดรึเปล่าคะ

ขอเป็นวิทยาทานค่ะ

ความรู้สึกตรงกลางหน้าผากนั้น เป็นเหมือนกันค่ะ

และคิดว่าคงเป็นเหมือนกันทุกคน เป็นเรื่องปกติมั้งคะ

เพราะเวลาเราหายใจเข้าไป ก็จะมีการเกร็งของกล้ามเนื้ออยู่แล้วค่ะ

มันก็จะรู้สึกตึงๆ ตรงหน้าผากค่ะ  เป็นประจำค่ะ
[HIGHLIGHT=#92d050]เมตตามหานิยม อยู่ที่...คุณธรรม[/HIGHLIGHT]

เข้าข่าย พระญานนั้น คงจะหมายถึง การที่ท่านรู้ว่าเรานั้นระลึกและบูชาท่านอยู่ครับ


ส่วนอาการหน่วงของผมนั้น จะไม่เกิดเฉพาะเวลาที่ทำสมาธิเท่านั้นครับ แต่จะเกิดอยู่บ่อยเรียกว่ากลายเป็นอาการปกติไปเลยครับ

( ขณะที่พิมพ์อยู่นี้ก็หน่วงครับ) จะหน่วงๆจนผมคิดว่าเป็นโรคอะไรหรือป่าว เนื้อมะเร็งร้ายมันก่อตัวในหัวผมหรือป่าว 55    ผมอยากรู้สาเหตุเหมือน

กันครับ อยากนั่งสมาธิได้เก่งๆน่ะครับจะได้รู้เอง  แต่เวลานั่งเข้าลึกๆตัวจะหลุดไปข้างนอกก็เลยกลัวๆอยู่ครับ


ถ้าผู้มีเมตตาท่านใดพอจะเเนะแนวทางปฎิบัติในก้าวหน้าในธรรมเเล้วล่ะก็ยินดีรับฟังและนำไปปฎิบัติครับผม


  ผมในตอนนี้อยากจะมีบุญมากๆที่พอ จะเเผ่ไปให้ถึงอบายภูมิและทุกสถานในโลกเพื่อจะให้ดวงวิญญานที่ทุกข์ทรมานได้พ้นจากทุกข์กันน่ะครับ



โอม  เทพเทวาจงรักษา ผู้ประพฤติธรรม ทุกผู้ทุกนามครับ ศานติ ศานติ

ถ้าจำไม่ผิดนะคะ  อาการที่รู้สึกว่านั่งสมาธิอยู่แล้วเหมือนตัวจะหลุด ๆ ออกไป  มีหลวงพ่อท่านนึงกล่าวไว้ว่า
เป็นเพราะสติของเราตามสมาธิไม่ทันน่ะค่ะ  อันนี้ก็ต้องใช้หลักสติปัฎฐาน 4 ค่ะ  (ยาก  เราก็ยังทำไม่ได้เหมือนกัน)

พอเหมือนจะหลุด ๆ ก็ดึงสติกลับมาค่ะ  แล้วเริ่มใหม่  ทำไปเรื่อย ๆ สติก็จะเดินทันสมาธิเองค่ะ
(จำหลวงพ่อท่านมาบอกเหมือนกัน 555)

ขอบคุณทุก ๆ คนนะคะที่มีใจมาอ่านกระทู้แล้วก็โต้ตอบกันไปมา
ไม่เหงาค่ะ  ไม่รู้สึกว่าถูกทิ้ง

โห นึกว่าเราคิดไปเองคนเดียว มีท่านสมาชิกท่านอื่นเป็นเหมือนกันค่ะ อาการที่เหมือนตัวเบาๆโหวงเหวงเนี่ย ตอนนี้เลยแก้ไขโดยการนั่งไป เปิดเพลงบูชาคลอไปเบาๆ (จริงๆแล้วกลัวค่ะ)

ผมก็มีอาการเหมือนมีคนเอานิ้วมาจิ้มที่กลางหน้าผมกเหมือนกันครับ
แต่ก็ไม่ได้เป็นทุกครั้ง เป็นเฉพาะบางครั้ง เท่านั้น ที่รู้สึกอย่างชัดเจน

บางที หากอยู่ในพิธีบวงสรวง ก็รู้สึกเหมือนเจ้าจุดนี้ มันลากยาวไปจนถึงท้ายทอยเลย
และบางครั้ง ก็เกิดเหมือนเป็นสนามแม่เหล็ก คล้ายๆ ไฟฟ้าสถิตย์ อยู่บนหัวเรา...
ทำให้นึกถึงเทวดาฝรั่ง ที่เขามีวงกลมสีทอง อยู่บนหัวน่ะครับ

มีคนเคยบอกผมว่า อาจเกิดเพราะเคยฝึกพวก จักระ มากก่อนมั้ง...
จุดตรงหน้าผาก เหมือนเป็นทวาร สำหรับการติดต่อกับมิติของเทพ-พรหม

คือ ผมก็ไม่ได้เชี่ยวชาญ จนเปิดจักระให้ตัวเองได้..
คงเป็นแค่ของที่เคยทำได้ แล้วมันยังค้างอยู่น่ะครับ

คนที่สมาธิดี อาจวัดระยะออร่า หรือสนามแม่เหล็กของตัวเองได้ ว่าตอนนี้
รัสมีออรา หรือคลื่นแม่เหล็กของตัวเรา แผ่ออกไปแค่ไหน..
เพราะคนเรา มีสนามแม่เหล็กแ่ผ่ออกจากตัวทุกคน...

บางคนที่ีพลังจิตกล้าแข็ง
หรืออาจมีความสามารถพิเศษ ในการดึงดูดพลังงานแม่เหล็กรอบๆ ตัว
หรือกระแสจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้...ก็อาจทำให้มี ออกร่า ไกล กว่าคนปกติ ก็เป็นได้ครับ

สำหรับจุดกลางหน้าผากที่หน่วงๆ หรือเหมือนมีอะไร มาจิ้ม นั้น
มีคนแนะนำว่า ให้ลองจิตนาการเป็นรูป จักร แล้วเคลื่อนให้หมุน
อาจบริกรรม พร้อมกำหนดนิมิต ก็ได้ครับ...ก็ลองทำดูแล้วกัน
มันอาจเป็นการฝึกสมาธิอย่างหนึ่งก็ได้

แต่วิธีที่พยายามหน่วงเอาความรู้สึกนั้นไว้ตลอดเวลา ผมก็เคยทำ
แต่มันไม่มีอะไร...นอกจากรู้สึกว่า มันแรงขึ้น จัด-ชัดขึ้น เท่านั้น...

ถ้ามีใครพอจะแนะนำว่าควรทำอย่างไร ก็บอกด้วยแล้วกันนะครับ

รุสึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กน้อยเลย  เคยลองนั่งสมาธิก็ไม่ค่อยได้เท่าไหร่  ระยะหลังมีคนบอกว่าให้บูชาพระแม่ลักษมี  แล้วตอนนี้ก็ได้องค์ท่านแบบห้อยคอมา 1 องค์  แต่ตอนนี้ก็เริ่มนั่งสมาธิได้ดีขึ้นนิดนึง  บางทีก็นั่งแล้วรู้สึกวูบ ๆ มึน ๆ อยู่ในหัว  แล้วก็หลุด (คงเป็นพวกจิตวอกแวก  หุหุ)  ก็จะพยายาม สวดมนต์ ทำสมาธิต่อไปค่ะ    ตอนนี้อยากได้ที่หิ้ง หรือโต๊ะบูชาพระพิฆเนศ กับพระแม่ลักษมี  แต่ยังหาที่เหมาะ ๆ และหาทุนทรัพย์ไม่ค่อยได้เลย  รออีกหน่อย เด๋วต้องหาให้ได้ค่า   

อืม...ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงเหมือนกันอ่ะนะคะ  เท่าที่อ่าน ๆ ทุกคนก็มีปัญหาหลาย ๆ แบบ
เราว่าถ้าอยากจะนั่งสมาธิอย่างเป็นจริงเป็นจัง  หรืออยากหาคำตอบในสิ่งที่ตัวเองกะลังเป็น
แนะนำให้หาครูบาอาจารย์ค่ะ  เพราะแต่ละคนก็นานาปัญหา

เท่าที่รู้ถ้าเป็นแบบคุณหญิง  นั่งสมาธิแล้วตัวเบา ๆ โคลง ๆ น่าจะเป็นเพราะสมาธิไปถึงขั้นเบื้องต้นน่ะค่ะ
จำแบบที่เป็นภาษาบาลีไม่ได้ว่าเรียกว่าอะไร  ก็จะมีอาการต่าง ๆ กันไป
บางคนตัวเบา ๆ โคลง ๆ เหมือนจะลอย  บางคนรู้สึกตัวพองใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ
บางคนกลับรู้สึกตัวลีบเล็กลงเรื่อย ๆ  ส่วนบางคนก็ร้องไห้  น้ำตาไหล

ให้นั่งต่อไปเรื่อย ๆ  ไม่ต้องสนใจอาการที่เกิดขึ้นค่ะ

แต่ถ้าปัญหาลึกไปกว่านี้อย่างคุณนีโอสิริส  ปรึกษาครูบาอาจารย์สายสมาธิอย่างเดียวเลยค่ะ

ผมลองถามท่านผู้รู้ที่มีหูตาทิพย์ดู แล้วครับ น่าจะจริงของคุณ Oam ครับที่เราเหมือนได้รับการติดต่อกลับจากเทพที่เราเคารพ ท่านจะมาเปิดตาที่ 3

ให้เราครับ จึงได้เกิดอาการหน่วงเช่นนั้น แต่ถ้าเราปฏิบัติโดยเข้าถึงจิงๆแล้ว จักระของเราจะเปิดออก แล้วจะได้รู้ได้เห็น สิ่งต่างมากมายจากตาทิพย์คับ

ผู้รู้ท่านเเนะนำผมว่า ผมต้องบริกรรม นามของพระพรหม ( เพราะเราเป็นลูกของท่าน) และระลึกเสมือนว่าท่านมาอยู่ตรงหน้า และ บริกรรม โอม ยาวๆ 

สุดท้ายท่านว่าจะมีองค์สมเด็จโตท่านจะเสด็จลงมาโปรด โดยเปิดตา เรา ที่จะเป็นเหมือนกงจักรอยู่บริเวณกลางกระหม่อมเราครับ ผมจะปฏิบัติให้ถึง

ตรงนั้นให้ได้ครับ (ตอนนี้ผมเริ่มเห็นเวลาที่หลับตาทุกครั้งจะเห็น มีอะไรกลมหมนอยู่ครับ)


ขอท่านผู้ปฏิบัติธรรมทุกท่าน จงเจริญธรรมถึงความพ้นทุกข์มีสุขเกษมทั่วหน้ากันครับ





ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นค่ะ

เอาไว้ว่างๆ จะฝึกนั่งสมาธิบ่อยๆ 

จะได้สบายใจขึ้นบ้าง...
[HIGHLIGHT=#92d050]เมตตามหานิยม อยู่ที่...คุณธรรม[/HIGHLIGHT]

ตามที่คุณ Believe in God ตอบเลยค่ะ
เป็นทางออกที่ดีที่สุด พระอาจารย์สายกรรมฐาน
ท่านจะให้คำตอบที่ดีที่สุด คงต้องบอกตรงๆว่า
เราเองเคยหลงทางในการปฏิบัติแบบนี้มานาน
อยากให้ทุกๆท่าน เดินให้ถูกทางค่ะ กองบุญ
ของแต่ละท่าน สร้างมาไม่เหมือนกัน กรรมฐาน
ก็มีตั้งหลายกอง ควรมีครูบาอาจารย์สายกรรมฐาน
ให้คำแนะนำโดยตรง เคยได้ยินมั้ยคะ ที่เขาบอกว่า
เป็นบ้าเพราะนั่งสมาธิอ่ะค่ะ

..........ด้วยความเป็นห่วงจากใจจริง ............

ที่กลัวที่สุด ก็อย่างที่ คุณ Purple_Tulip ว่า  คือกลัวเป็นบ้าเพราะนั่งสมาธิ  ตอนนี้เวลานั่งก็จะพยายามไม่เพ่ง  ใช้แค่ดูลมหายใจ  จมูกบ้าง ท้องบ้าง  หัดทำไปเรื่อย ๆ  (ทำมั่งหยุดมั่ง)  ยังได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่   แต่ก็พยายามให้มีสติอยู่ตลอดค่ะ  สงสัยกองบุญไม่ค่อยเยอะ เลยยากหน่อย  อิอิ  ตอนนี้ก็ตั้งใจจะทำให้เป็นเรื่องเป็นราวมาก ๆๆ ขึ้นค่ะ  พยายาม ๆๆๆ

เรื่องการปฏิบัติสมาธิ นะครับ อย่างที่ว่ากัน สติต้องให้ทันสมาธิ ถ้าสติหลุด หรือไม่ทันสมาธิ อันตรายเหมือนกันครับ

คราวนี้อาการตัวโคลงเคลง หรืออื่นๆ ก็มีหลายคำตอบ แล้วแต่อาจารย์ไหนเค้าว่าอย่างไร บางคนนั่งไปนั่งมารู้สึกว่าตัวเองตัวใหญ่เท่าภูเขาก็มี บางทีก็รู้สึกว่าตัวเองเล็กเหมือนมดก็มี บางคนรู้สึกหนักก็มี อันนี้ขึ้นกับตัวบุคคล แล้วก็อภิญญา ครับ

สุดท้าย ถ้ารู้จักพระอาจารย์เก่งๆ สายสมาธิท่านจะแนะแนวทางดีๆ ให้ก็ดีครับ

โดยทั่วๆไป มักจะเกิดอาการต่างๆ ก่อนจิตจะสงบเข้าสู่สมาธิ
ที่เรียกกันว่า นิวรณ์(หรือป่าวนะ) ซึ่งเกิดกับทุกๆคน เป็นมาร
อย่างนึง
คุณ ช่อ มาลี คะ เมื่อเราได้ปฏิบัติธรรม ก็ถือว่า เรามีบุญ
ได้พบแสงสว่างในชีวิต การที่จิตจะสงบ ไม่ใช่เรื่องง่าย
เพราะเรายังมีอะไรหลายๆอย่างที่ต้องรับผิดชอบ จิตของคนเรา
มันซุกซนค่ะ คิดไปได้108 แต่ละท่านก็ต้องหากลอุบายในการ
หลอกล่อให้จิตสงบ และให้ถูกกับจริตของตนเอง
ตัวเราเองก็ปฏิบัติมานาน ก็ยังไม่สงบเหมือนกัน วอกแวกบ่อยๆ
เรียกว่า ปีนึง จะหาวันที่สงบจริงๆไม่ถึง 30ครั้ง อิอิอิ
บางวัน นั่งๆไปก็สารพัดเรื่องให้คิดละ ไม่เป็นไรนะคะ คิดแค่ว่า
ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น ส่วนอาการต่างๆที่เป็นกันเนี่ย
อยากบอกว่า ปล่อยวางไปเลยค่ะ ไม่ต้องไปสนใจ รายละเอียดมีอีกเยอะ
ไว้รอท่านอื่นๆ ที่ปฏิบัติกัน มาช่วยกันแนะละกันค่ะ

พี่คะ พระองค์ สเด็จมา จริง นะคะ หนูรู้ ดี เพราะที่บ้าน ก็ เป็น แบบนี้ ถ้า บ้านไหน ที่ พระ องค์ จะมาประทับเราจะได้ เจอท่าน แน่ ไม่ ว่า เราจะมี เงิน เช่า หรือไม่ แต่ ส่วน มากไม่ต้องเสีย เงิน เชื่อ พระองค์ จะมาเอง  ที่บ้านหนูเคยเกิด ขึ้น มาแล้วๆหนู ก็ ขอยืน ยัน และกล้า สาบานได้ ว่า
พระองค์ คืน ชีวิต ให้ หนู ทั้งๆที่ หมอ บอก ว่า หมดทาง รักษาแล้ว เรื่อง นี้ เกิด ขึ้น จิงๆ
และ ก่อน จะวันแห่ พระแม่หนึ่ง วัน  ข้างบน บ้านของหนู ที่มี องค์ ท่าน และ องค์ พระแม่ ประทับ อยู่ จะมีเสียงคนเดิน  พระองค์ จะสเด็จ มาบ้านลูกศิษฐ์ทุก คนที่บูชา ท่านคะ


สวัสดีครับกัลยาณมิตร และผู้ที่รักพระเป็นเจ้าทุกท่าน...

คุยกันไปคุยกันมาจนถึงเรื่องสมาธิกรรมฐานตามแบบฉบับศาสนาพุทธ แต่ไม่ว่าพุทธหรือฮินดู การสงบจิตใจได้นับว่าเป็นสิ่งประเสริฐที่สุด...

เห็นหลายท่านพูดเรื่องสมาธิ ...ก็เลยอยากมาลำดับขั้นของสมาธิให้ได้รับทราบกันหน่อย เพราะได้ศึกษามาบ้างอยู่เหมือนกัน

สมาธิมีหลายขั้น ....แต่กว่าจะผ่านขั้นแรกได้นี่ ธรรดาสามัญโดยทั่วไปนับว่ายากเอาการ ...ลำดับสมาธิก็เริ่มตั้งแต่ ขณิกสมาธิ => อุปจารสมาธิ => อัปปนาสมาธิ => รูปฌาน =>อรูปฌาน

ส่วนที่นั่งกันแล้วโคลงเคลง น้ำหูน้ำตาไหล ตัวใหญ่ ตัวเล็ก เรียกว่าเป็นอาการปิติ ถ้าผ่านขั้นนี้ได้ก็จะเข้าอัปปนาสมาธิหรือปฐมฌานได้ แล้วก็ต่อไปเรื่อยๆ (เอามะพร้าวห้าวมาขายสวนป่ะหว่า)

แล้วที่คุณทิวลิปว่าอาการต่างๆเป็นนิวรณ์นั้นไม่ใช่นะครับ ...เป็นการอาการปิติครับ
แต่ตัวนิวรณ์นี่ตัวแสบเลย ตามที่เขาเรียกๆ กันคือตัวสกัดกั้นความดี 5 ประการ ....(ถ้าอยากรู้ว่ามีอะไรก็ลองเสิชกูเกิ้ลดูครับ มีเยอะแยะมากมาย)


การเข้าสมาธิให้ดีได้ประการแรกคือ รักษาศีล 5 ให้เป็นปกติให้ได้...เมื่อใจกายสะอาดดีแล้ว จิตก็พร้อมจะเข้าสมาธิโดยไม่ยากนิดหน่อย แต่ลำบากมากมาย ...อิอิ

ผมก็ยั่งสมาธิมาเรื่อย ๆ นะ...บางทีการไปเสาะแสวงหาความรู้มาอ่านมากไป พอเวลาปฏิบัติจริงๆ มันจะยากครับ เพราะจิตจะไปจ้องดูว่าไปถึงไหนแล้วหว้า ....ดีที่สุดควรมีอาจารย์สอบจิต และจะได้ไม่หลุดด้วยครับผม

:D




ผมเองก้อเปนคนนึงนะครับที่เชื่อในเรื่องนี้ เพราะเคยมีประสบการณ์กับตัวเอง ของอย่างนี้ไม่เจอกับตัวไม่เชื่อครับ  แต่ยังงัยก้ออย่าลืมนะครับควรเชื่ออย่างมีสติครับอย่างมงาย เพราะว่า ศรัทธากับงมงายนั้นใกล้เคียงกันมากเลยนะครับ ยังงัยก้อฝากไว่ด้วยนะครับ ไม่ได้ลบหลู่หรือว่าไม่เคารพควมคิดของคนหนึ่งคนใดนะครับ แต่แค่อยากฝากไว้ครับ ส่วนเรื่องของการ ปฏิบัติสมาธินั้น สำคัญที่สุดคือความสงบครับเพราะหากเราสงบแล้วที่เหลือทุกสิ่งทุกอย่างหากมันจะได้มามันก้อมาเองครับ  

แอบไปถามพี่โบ๋ใน PM แล้วช่วยตอบผมด้วยนะพี่ แหะๆๆๆ

กลับมาแล้วจ้า...หลังจากหายไปนาน

เป็นยังไงกันบ้าง  ทำสมาธิไปถึงไหนกันแล้ว

Believe in God ไม่ได้นั่งสมาธิเลยช่วงนี้  ทำแต่งาน
ได้แต่นึกถึงพระคเณชที่เคารพอย่างเดียว

คิดถึงทุก ๆ คนจ้า...

ยินดีด้วยครับ ท่านมาโปรดคุณแล้วล่ะ ขอให้ปฎิบัติแบบนี้ไปเรื่อยๆครับแล้วคุณจะได้รับพรอันศักดิ์สิทธิ์ของท่านเสมอ
พูดถึงเรื่องนั้งสมาธิเบนเองชอบนั้งสมาธิหลังจากสวดมนต์เสร็จ ก่อนจะทำการนั้งสมาธิฝึกฝนญารบารมี เบนจะอธิฐานว่า ลูกขอนั้งกรรมฐานปฎิบัติสมาธิ ลูกขออันเชิญบารมีของ พระแม่เจ้าปารวตีศรีมหาอุมาเทวี บารมีพระแม่กาลี บารมีพระแม่ทรุคาเทวี บารมีพระแม่ศรีมหามารีอัมมา บารมีพระพิฆเนศ และบารมีของเทพเจ้าทุกพระองค์ ทั้ง16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน 14 ชั้นพรหม ทั้งในเทวโลก มนุษย์โลก นรกโลก หมื่นโลกธาตุทั่วจักวาร ขอเชิญมาสั่งสอนการนั้งกรรมฐานสมาธิแก่ลูกเพื่อส่งเสริมบารมีของลูกและเพื่อเป็นการบูชาแด่ท่านด้วย ขอท่านช่วยให้ลูกได้รู้แจ้งแห่งธรรม ให้รู้แจ้งแห่งแสงสว่าง ให้รู้แจ้งถึงเรื่องต่างๆด้วยเทอญ ขอกุศลในการบำเพ็ญบารมีครั้งนี้ส่งถึง พระพุทธเจ้าทั้ง5พระองค์ องค์เทพทุกๆพระองค์ เทวดารักษาประจำตัวข้าพเจ้า เจ้ากรรมนายเวร เจ้าที่บ้าน วิญญาณบรรพบุรุตทุกท่าน วิญญาณที่ไม่มีใครคิดถึง ข้าพเจ้าขอส่งผลบุญแด่ผู้ที่ข้าพเจ้าได้เอ่ยนาม สาธุเวลานั้งสมาธิก็ท่องบทสวดในใจด้วยครับ คำอธิฐานแบบนี้ใครจะเอาไปใช้เป็นเคล็ดไม่ลับก็ได้นะครับ ตอนแรกๆที่นั้งจะเมื่อยหลังมาก แต่พอนั้งไปได้ 15 นาที จะรู้สึกว่ามีใครมาอยู่ในห้องด้วย ยืนอยู่รอบๆตัวนี้แหละเต็มไปหมด หลังที่ปวดก็ไม่ปวดเหมือนมีคนมาดามหลังไว้ให้ ร่างกายก็ไร้ความรู้สึกจากศรีษะจนถึงปลายเท้า เย็นไปทั้งตัวเลย บางครั้งก็เหมือนมีมือมาแตะที่ศรีษะ หน้าพาก บ่า มือ  บางที่ก็ควบคุมมือตัวเองไม่อยู่จากมือที่อยู่ตรงตักก็ไปพนมมือระหว่างอกเฉยๆเลย พอออกจากสมาธิก็รุ้สึกสมองโล่งเลย
วงการมายา ไม่ใช่สนามเด็กเล่น แต่เป็นสมรภูมิรบ และ การผูกสัมพันธ์ไมตรี ทั้งจริงและจอมปลอม

มายา ความหมายของมันช่างลึบลับเหลือเกิน

วงการมายาไม่ใช่ของเล่นทั่วไป เข้าแล้วออกยาก ระวังเอาไว้

โห   อึ้ง และทึ่งเลยคะ  น้องเบนเก่งจัง ว่างๆมารบกวนสอนพี่บ้าง พี่ไม่ค่อยมีเวลาเลยอะคะ เรื่องสมาธิ

แต่นั่งแล้วคนมารุม มาล้อมเยอะๆนี่ไม่ไหวนะค่ะ  วานน้องเบญช่วยพี่ที


แต่ไม่รู้ว่าพี่ต้องแผ่เมตตาให้พระพุทธเจ้าด้วยหรือเปล่านะค่ะ อิอิ


[HIGHLIGHT=#00b050]อ่านไปอ่านมา เหมือนน้องเบน จะทรง  เรย เหอะๆ

อยากเป็นคนทรง หรา หุหุ หนทางนี้ ยากนักจักกลับมานะน้องนะ หุหุแต่ถ้าไม่ใช่ ก็ ค่อย

โล่งอกไปที แต่อ่านยังไง ก็เหมือนนะ โฮะโฮะโฮะ


[/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#7030a0]ไม่อุทิศบุญให้ตัวเองด้วยหละครับ  เผื่อจะดีขึ้น[/HIGHLIGHT]
พระผู้เป็นเจ้าสูงสุดซึ่งมีอยุ่เพียงพระองค์เดียว  เป็นผู้ซึ่งมีพระเนตรและพระพักตร์มากมายรอบทิศทาง  มีพระกรและพระบาทอยู่โดยรอบทิศ  ด้วยพระผู้เป็นเจ้าสูงสุดพระองค์เดียวนี้ทรงมีสภาวะแผ่ครอบคลุมไปทั่วสกลจักรวาล   
เศวตาศวตรอุปนิษัท

[HIGHLIGHT=#7030a0]คุณทรงด้วยหลอครับคุณโอมฯ[/HIGHLIGHT]
พระผู้เป็นเจ้าสูงสุดซึ่งมีอยุ่เพียงพระองค์เดียว  เป็นผู้ซึ่งมีพระเนตรและพระพักตร์มากมายรอบทิศทาง  มีพระกรและพระบาทอยู่โดยรอบทิศ  ด้วยพระผู้เป็นเจ้าสูงสุดพระองค์เดียวนี้ทรงมีสภาวะแผ่ครอบคลุมไปทั่วสกลจักรวาล   
เศวตาศวตรอุปนิษัท

Quote from: จิ้งจอกพันหน้า on April 29, 2010, 21:32:01
[HIGHLIGHT=#00b050]อ่านไปอ่านมา เหมือนน้องเบน จะทรง  เรย เหอะๆ

อยากเป็นคนทรง หรา หุหุ หนทางนี้ ยากนักจักกลับมานะน้องนะ หุหุแต่ถ้าไม่ใช่ ก็ ค่อย

โล่งอกไปที แต่อ่านยังไง ก็เหมือนนะ โฮะโฮะโฮะ


[/HIGHLIGHT]



คุณกี้ กรุณาอย่าเรียกว่าทรง  มันหยาบคายคะ

ต้องเรียกว่าเชิญสายญาณบารมีมาสิงสู่ ณ กายหยาบนี้

อิอิ


[HIGHLIGHT=#7030a0]ทำไมต้องอุทิศบุญให้พระพุทธเจ้าด้วยครับ[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#7030a0]พุทธบารมีแผ่ซ่านปรกโปรดทั่วทุกสารทิศ  ทั้งหมื่นสหัสโลกธาตุ[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#7030a0]พระกรุณาปรกแผ่ไม่สุดประมาณ  มหากุศลของพระองค์แผ่ไพศาลอย่างไม่สิ้นสุด[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#7030a0]หลุดพ้นจากความเป็นเวไนยสัตว์  [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#7030a0]ไม่ต้องรับบุญกุศลที่อุทิศไป[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#7030a0]เพราะพระองค์ไม่ใช่เวไนยสัตว์ในภพภูมิทั้ง 6[/HIGHLIGHT]


[HIGHLIGHT=#7030a0]ช่วยอธิบายให้กระจ่างด้วยนะครับ[/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#7030a0]ว่าทำไมต้องอุทิศบุญให้พระพุทธ[/HIGHLIGHT]
พระผู้เป็นเจ้าสูงสุดซึ่งมีอยุ่เพียงพระองค์เดียว  เป็นผู้ซึ่งมีพระเนตรและพระพักตร์มากมายรอบทิศทาง  มีพระกรและพระบาทอยู่โดยรอบทิศ  ด้วยพระผู้เป็นเจ้าสูงสุดพระองค์เดียวนี้ทรงมีสภาวะแผ่ครอบคลุมไปทั่วสกลจักรวาล   
เศวตาศวตรอุปนิษัท

อ่อ นี้เป็นการทำสมาธิครับพอดีไม่ได้เป็นร่างทรงอ่ะครับ ไม่ได้บอกว่าขอให้พระบารมีมาสถิตในร่างกายซะหน่อย บอกว่าขอให้ท่านมาสั่งสอนครับไม่ได้มีการทรงเจ้าอะไรไม่ได้มีการชักดิ้นชักงอ  ส่วนการอุทิศบุญให้ตัวเองทำไมต้องเอ่ยถึงตัวเองด้วยแค่เราทำบุญทำความดีก็ได้และบุญได้แล้วก็ส่งต่อๆให้ผู้อื่นด้วย

พี่กิฟครับเวลาไม่ใช่เรื่องสำคัญครับ สมาธิทำได้ทุกที่ทุกเวลาครับ เหอๆส่วนถ้านั้งแล้วมีอะไรมารุมล้อมก็ไม่ต้องกลัวครับ เทวาดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านมาประธานพรเรามาค่อยรักษาเราครับ แรกๆเบนก็กลัวเหมือนกันแต่พอนานเข้าก็ชินไปเอง
วงการมายา ไม่ใช่สนามเด็กเล่น แต่เป็นสมรภูมิรบ และ การผูกสัมพันธ์ไมตรี ทั้งจริงและจอมปลอม

มายา ความหมายของมันช่างลึบลับเหลือเกิน

วงการมายาไม่ใช่ของเล่นทั่วไป เข้าแล้วออกยาก ระวังเอาไว้

Quote from: ปินาค on April 29, 2010, 21:45:42
[HIGHLIGHT=#7030a0]ทำไมต้องอุทิศบุญให้พระพุทธเจ้าด้วยครับ[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#7030a0]พุทธบารมีแผ่ซ่านปรกโปรดทั่วทุกสารทิศ  ทั้งหมื่นสหัสโลกธาตุ[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#7030a0]พระกรุณาปรกแผ่ไม่สุดประมาณ  มหากุศลของพระองค์แผ่ไพศาลอย่างไม่สิ้นสุด[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#7030a0]หลุดพ้นจากความเป็นเวไนยสัตว์  [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#7030a0]ไม่ต้องรับบุญกุศลที่อุทิศไป[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#7030a0]เพราะพระองค์ไม่ใช่เวไนยสัตว์ในภพภูมิทั้ง 6[/HIGHLIGHT]


[HIGHLIGHT=#7030a0]ช่วยอธิบายให้กระจ่างด้วยนะครับ[/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#7030a0]ว่าทำไมต้องอุทิศบุญให้พระพุทธ[/HIGHLIGHT]

อันนี้เบนก็ไม่ทราบครับ แม่ของเบนท่านฟังเทศมาพระท่านพูดถึงเรื่องการส่งผลบุญและมีการส่งผลบุญแด่พระพุทธเจ้าด้วยแม่เบนก็เลยมาบอกเบนอีกที่ เบนเลยนำมาใช้ปฎิบัติด้วย  อยากให้เปลี่ยนคำอุทิศครับ เปลี่ยนเป็นส่งผลบุญดีกว่าครับ เพราะอุทิศใช้กับวิญญาณ
วงการมายา ไม่ใช่สนามเด็กเล่น แต่เป็นสมรภูมิรบ และ การผูกสัมพันธ์ไมตรี ทั้งจริงและจอมปลอม

มายา ความหมายของมันช่างลึบลับเหลือเกิน

วงการมายาไม่ใช่ของเล่นทั่วไป เข้าแล้วออกยาก ระวังเอาไว้

เบนไปเจอลิงค์นี้ครับ การถวายผลบุญแด่พระพุทธเจ้าก่อนอุทิศให้ผู้อื่น
บุญจะเพิ่มมหาศาลแล้วขอรับบุญนั้นอุทิศให้ผู้อื่นต่อ http://larndham.org/index.php?/topic/21741-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B9%88%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%81/page__st__36
วงการมายา ไม่ใช่สนามเด็กเล่น แต่เป็นสมรภูมิรบ และ การผูกสัมพันธ์ไมตรี ทั้งจริงและจอมปลอม

มายา ความหมายของมันช่างลึบลับเหลือเกิน

วงการมายาไม่ใช่ของเล่นทั่วไป เข้าแล้วออกยาก ระวังเอาไว้

[HIGHLIGHT=#e36c09]ว่าจะไม่เข้ามาคอมเม้นท์แล้วนะคะ แต่มันก็เข้าข่ายอย่างที่พี่กิ๊ฟพูดหละคะ [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#e36c09][/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#e36c09]คิดแล้วหน้าพารานอยด์แทนฮินดูชนคะ แม่ของคุณเบนนี้คือใครหรอคะ[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#e36c09][/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#e36c09]ทำไมมาอยุ่ทางพุทธหละ เห้ออ อิชั้ลงง ปวดหัว ปวดหัว[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#e36c09][/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#ffc000]หากมีศรัทธาแล้วไซร้ ก็ควรทำให้ถูกต้องตามจารีตประเพณี  เพื่อศรัทธาที่มีนั้นจะได้มีค่า และหาข้อติเตียนไม่ได้[/HIGHLIGHT]

Quote from: Om Sakthi Parasakthi on April 30, 2010, 00:51:57
[HIGHLIGHT=#e36c09]ว่าจะไม่เข้ามาคอมเม้นท์แล้วนะคะ แต่มันก็เข้าข่ายอย่างที่พี่กิ๊ฟพูดหละคะ [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#e36c09][/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#e36c09]คิดแล้วหน้าพารานอยด์แทนฮินดูชนคะ แม่ของคุณเบนนี้คือใครหรอคะ[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#e36c09][/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#e36c09]ทำไมมาอยุ่ทางพุทธหละ เห้ออ อิชั้ลงง ปวดหัว ปวดหัว[/HIGHLIGHT]




แม่ของเบนที่เบนได้กล่าวถึง ก็คือแม่ที่เป็นมนุษย์ธรรมดาที่ให้กำเนิดเบนไงครับมีอะไรหรอ แม่เบนเขาก็นับถือพุทธศาสนา งงตรงไหนมิทราบ
วงการมายา ไม่ใช่สนามเด็กเล่น แต่เป็นสมรภูมิรบ และ การผูกสัมพันธ์ไมตรี ทั้งจริงและจอมปลอม

มายา ความหมายของมันช่างลึบลับเหลือเกิน

วงการมายาไม่ใช่ของเล่นทั่วไป เข้าแล้วออกยาก ระวังเอาไว้

[HIGHLIGHT=#7030a0]จะคำอุทิศ หรือคำว่า ส่ง  มันก็เป็นความหมายเดียวกันนั้นก็คือ ให้  ใช้คำไหนความหมายก็ยังเหมือนเดิม[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#7030a0]การอุทิศบุญคือการปรกแผ่เมตตาจิตให้กับสรรพสัตว์ในภพภูมิต่างๆ  ให้ได้รับซึ่งกระแสแห่งกุศลและบังเกิดเป็นกุศลจิตนั้นก็จะไปจุติยังภพภูมิใหม่ซึ่งเป็นภพภูมิที่ดีขึ้น  และมีโอกาศที่ตนเองจะสามารถสร้างกุศลได้ต่อไป  [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#7030a0][/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#7030a0]พระพุทธเจ้าบรรลุซึ่งความเป็น ปรมัตถธรรม  หลุดพ้นจากห้วงสังสารวัฏ  ไม่ใช่ สัตว์ ที่ยังเวียนว่าย [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#7030a0]การอุทิศบุญ  กับ ถวายพุทธบูชา  นั้นต่างกันครับ  [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#7030a0][/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#7030a0][/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#7030a0]กาลามสูตรทั่ง10ก็น่าอ่านอยู่นะครับ คุณเบน[/HIGHLIGHT]
พระผู้เป็นเจ้าสูงสุดซึ่งมีอยุ่เพียงพระองค์เดียว  เป็นผู้ซึ่งมีพระเนตรและพระพักตร์มากมายรอบทิศทาง  มีพระกรและพระบาทอยู่โดยรอบทิศ  ด้วยพระผู้เป็นเจ้าสูงสุดพระองค์เดียวนี้ทรงมีสภาวะแผ่ครอบคลุมไปทั่วสกลจักรวาล   
เศวตาศวตรอุปนิษัท

Quote from: โอมมหาบารมีเทวา on April 30, 2010, 20:50:54
Quote from: Om Sakthi Parasakthi on April 30, 2010, 00:51:57
[HIGHLIGHT=#e36c09]ว่าจะไม่เข้ามาคอมเม้นท์แล้วนะคะ แต่มันก็เข้าข่ายอย่างที่พี่กิ๊ฟพูดหละคะ [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#e36c09][/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#e36c09]คิดแล้วหน้าพารานอยด์แทนฮินดูชนคะ แม่ของคุณเบนนี้คือใครหรอคะ[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#e36c09][/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#e36c09]ทำไมมาอยุ่ทางพุทธหละ เห้ออ อิชั้ลงง ปวดหัว ปวดหัว[/HIGHLIGHT]





แม่ของเบนที่เบนได้กล่าวถึง ก็คือแม่ที่เป็นมนุษย์ธรรมดาที่ให้กำเนิดเบนไงครับมีอะไรหรอ แม่เบนเขาก็นับถือพุทธศาสนา งงตรงไหนมิทราบ


[HIGHLIGHT=#953734]ก็นึกว่าจะเหมือนทุกๆครั้งที่ผ่านมา คุรเบนก็จะเอาพระนามแห่งศักติ มากล่าวอ้างถึงอยู่บ่อยๆ[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffc000]หากมีศรัทธาแล้วไซร้ ก็ควรทำให้ถูกต้องตามจารีตประเพณี  เพื่อศรัทธาที่มีนั้นจะได้มีค่า และหาข้อติเตียนไม่ได้[/HIGHLIGHT]

เหอ...เหอ...เหอ...

พอเถอะคร้าบพี่น้องคร้าบ
เดี๋ยวกระทู้มันจาร้อนแรงไปกว่านี้

เจ้าของกระทู้รู้สึกผิดคร้าบ...