Loader

พระทัตตะเตรยะ (พระตรีมูรติ)

Started by ลองภูมิ, February 08, 2009, 20:29:21

Previous topic - Next topic

0 Members and 3 Guests are viewing this topic.

ขอเกริ่นก่อนนะครับ ว่าบทที่คัดลอกมานี้เป็นการคัดลอกจากตำราของทางพราหมณ์ชาวอินเดีย ฉนั้น สำนวนอาจจะแปลกๆไปบ้าง ผมจะพยายามไม่แก้ไขหรือดัดแปลงถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เพื่อจะได้อ่านตามเนื้อหาตามต้นฉบับ ของอินเดียครับ

บทที่หนึ่งจะเป็นเรื่องราวต่อจากการถือกำเนิดที่พระทัตตะเตรยะทรงได้ถือกำเนิดแล้วนะครับ อาจจะลัดคั้นตอนไปบ้าง ซึ่งจะนำตอนกำเนิดมาลงให้อ่านในภายหลัง ซึ่งบทนี้จะมีตอนปราบอสูร และการอวตารของพระทัตตเตรยะที่มีมากถึง 16 ตอนครับ จะค่อยๆเอามาให้ได้อ่านกันครับ 

ส่วนท่านใดจะคัดลอกไปลงลิงค์ของตนเองก็ขอเครดิตด้วยนะครับ

ฤษีอัตริ (Atri)และนางพราหมณี อันสุยะ (Anasuya) มีความยินดีต่อการได้บุตร 3 องค์ อันมีพระพรหม พระผู้สร้าง ได้กลายมาเป็นพระโสม (Soma) เทพเจ้าเจ้าประทานเทพเหนือพระจันทร์ ,พระศิวะ ต่อมาทรงเป็นฤษีทรุวาส (Durvaasa) ทรงเป็นหนึ่งในเทพเจ้าเหนือนักพรตที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย , พระวิษณุเทพ ต่อมาได้ทรงเป็น พระทัตตะเตรยะ , พระผู้ถือกำเนิดเป็นพระโอรสแห่งฤษีอัตริ

พระโสมทรงได้รับพรอันยิ่งใหญ่จากพระบิดามารดา และทรงมีอำนาจเหนือพระจันทร์ ทรงประทับอยู่ ณ ที่นั้น โดยทรงเป็นประธานเทพเหนือพระจันทร์

ฤษีทรุวาส(ฤษีผู้สาปแช่งเทวดา) ทรงได้รับพรและคำสั่งจากพระบิดามารดา โดยทรงเสด็จไปสู่ยังเขาหิมาลัย เพื่อการดำเนินกิจกรรมกรรมฐานติดต่อกันเป็นเวลายาวนาน ทรงท่องเที่ยวดูแลทุกข์สุขให้พรต่อมนุษย์ชาติ และต่อเทวะทั้งหลายทั่วจักรวาล

ฤษีทัตตะเตยะ หรือพระวิษณุทัตตะ ทรงยังประทับอยู่กับพระบิดาพระมารดาของพระองค์เป็นเวลาช่วงหนึ่ง ทรงอวตาลมาในรูปแห่ง 3 พระองค์ ด้วยทรงมี 3 พระเศียรแห่งพระพรหม พระวิษณุเทพ พระศิวะเทพ โดยทรงมีร่างกายเดียวกันและ 6 พระกร ที่ทรงถืออาวุธของแห่งเทวะทั้งสามพระองค์ พระทัตตะเตรยะ ทรงได้ปรากฏพระองค์เองขึ้นเพื่อ สั่งสอนและให้พรต่อเทวะทั้งหลายและต่อเหล่ามนุษย์ชาติด้วย


พระองค์ทรงประทับอยู่ในดวงจิตอย่างมั่นคง ทรงปรากฏพระองค์ในความนึกฝันแห่งสภาวะของพระองค์ทั้งหลาย ทรงให้การช่วยเหลือต่อเทวะทั้งหลาย ช่วยส่งเสริมดวงจิตวิญญาณทั้งหลายและทรงทำลายล้างความอยุติธรรมให้หมดสิ้นไป พระฤษีสัทคุรุ ทัตตะเตรยะทรงโปรดเมตตาต่อจักรวาลทั้งหมด

บรรดาสาวกสานุศิษย์ของพระองค์ต่างพากันพึ่งพาบารมีของพระองค์ ด้วยว่าพระองค์ทรงปราถนาที่จะทรงทดสอบความจริงใจซื่อสัตย์และความเข้าใจซึ้งที่ดีต่อพระองค์ของพวกเขา ดังนั้น ครั้งหนึ่งในตอนรุ่งเช้า ทุกผู้ทุกคนต่างตกตะลึงด้วยว่าพระองค์ทรงดำลงสู่ทะเลสาปแห่งหนึ่ง และทรงอยู่ใต้น้ำเป็นเวลายาวนาน โดยทรงเข้ามาสมาธิอย่างลึกน้ำในน้ำ คนทั้งหลายต่างตกใจอย่างมาก พระองค์ทรงพยายามหลีกเลี่ยงต่อฝูงชน แต่ว่ายังมีคนมากมายมายืนดูรอบทะเลสาปเอาไว้โดยการสวดมนตร์บูชาต่อพระองค์อย่างรวดเร็วและพร้อมเพรียงกันสวดมนตร์ ฝูงชนต่างยืนดูรอบทะเลสาปนั้นอยู่ โดยรอคอยที่จะให้ฤษีทัตตะเตรยะทรงโผล่ขึ้นมาจากน้ำ ในที่สุด พระวิษณุทัตตะเตรยะ ทรงโผล่ขึ้นมาพร้อมด้วยพระชายา ของพระองค์เอง นั้นก็คือพระแม่มหาลักษมี (พระชายาของพระวิษณุมหาเทพ) พระแม่ทรงเสด็จมาในรูปร่างแห่งหญิงสาวธรรมดาทั่วไป พระองค์ทรงจูงพระหัตต์พระแม่ในมือข้างหนึ่ง อีกพระหัตต์ข้างหนึ่งทรงถือหม้อน้ำที่เต็มไปด้วยเหล้าผลไม้ พระองค์ทรงโผล่ขึ้นมาจากก้นทะเลสาป ตามปกติทั่วไป ครั้งนี้จะเป็นการกระทำที่มากกว่าการจะลองใจเหล่าบริวาลของพระองค์ แต่ทว่าเรื่องในครั้งนี้ พระบริวาลของพระองค์ได้ทราบเรื่องเป็นอย่างดีว่าพระองค์คือผู้ใด ดั่งนั้นยิ่งเป็นการเพิ่มพูนความเคารพบูชาต่อพระองค์ให้มากยิ่งขึ้นเป็นพันๆเท่า เรื่องต่างๆยังมีอีกมากที่พระองค์ทรงได้ทดสอบพวกสานุศิษย์เป็นการอ้างอิงถึงพระธรรมดั่ง เช่น "ทัตตะ-ลีลา" (DATTA-LEELA) หรือการแสดงแห่งสวรรค์แห่งท่านฤษีทัตตะเตรยะ และคนทั้งหลายต่างได้กล่าวคำสรรเสริญพระองค์ดังนี้


" ข้าแต่พระทัตตะเตรยะ พระอาจารย์แห่งจักรวาล ด้วยพระเมตตาแห่งพระองค์ พวกเราได้รับทราบว่าพระองค์ทรงเป็นเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ และก็รับทราบว่าผู้หญิงผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเสียพระแม่ลักษมี ด้วยว่าพระองค์นั้นก็คือพระวิษณุเทพนั่นเอง"

"ดั่งเช่นอากาศเดียวกันซึ่งสัมผัสเปลวแห่งพระเพลิง ณ แท่นบูชาไฟเช่นเดียวกัน สัมผัสพระเพลิงในการเผาศพ ซึ่งทำลายร่างกายให้เป็นเถ้าถ่านและดั่งเช่นอากาศซึ่งสัมผัสนักพรตผู้หนึ่ง สัมผัสความบาปของคนเคราะห์ร้าย เช่นเดียวกับการยังคงสัมผัสด้วยเสมอโดยคุณลักษณะของพวกเขา ในทำนองเดียวกัน ข้าแต่ท่านคุรุเทพ พระองค์ยังคงไม่เป็นผลโดยบาปและกรรม สำหรับพระองค์ทรงเป็นความสำนึกที่บริสุทธิ์ สำคัญไม่ใช่อื่นใดนอกจากพระลีลา(การกระทำ) พระองค์ทรงปฏิบัติอยู่เป็นประจำเสมอมา"

"การมีจิตใจอันต่ำช้า ซึ่งพวกมนุษย์เป็นอยู่กันในโลกนี้ พวกเราพยายามที่จะต้องไปเกี่ยวพันด้วย พระองค์ด้วยปรัชญาและความรู้ทางศาสนาที่จะเกิดผลต่อเราในโลกนี้ มันเหมือนดั่งคนโง่ที่พยายามมัดสิงห์โตด้วยด้านป่านเส้นเล็กๆ ด้วยพระเมตตาแห่งพระองค์ พวกเราได้รับทราบว่าพระองค์คือผู้ใดและดังนั้น ข้าแต่เทวะ ขอทรงอย่าพยายามที่จะหลอกลวงพระเราด้วยธรรมะแห่งน้ำเหล้าและผู้หญิงเลย พวกเราทราบดีว่าน้ำอมฤตแห่งความเลวร้ายที่แสดงออกมาเป็นน้ำเหล้า และพระแม่มหาลักษมีที่ทรงแปลงเป็นหญิงสาวนี้ ข้าแต่พระมหาสมุทรแห่งความเมตตา ขอทรงปกป้องคุ้มครองพวกเราด้วย ทรงประทานความรู้อันบริสุทธิ์และการเคารพบูชาอย่างมั่นคงที่มีต่อพระบาทดอกบัวของพระองค์"

ด้วยการกล่าวคำสรรเสริญต่างๆจากเหล่าสาวกทั้งหลายดังนี้ พระทัตตะเตรยะทรงปรากฏคืนร่างที่แท้จริงในรูปของพระวิษณุเทพ ส่วนหญิงที่เสด็จมาด้วยก็คืนร่างไม่ใช่ใครอื่น นอกจากเสียพระแม่มหาลักษมีเทพธิดาแห่งทรัพย์สมบัตินั่นเอง และเหล้าที่ทรงถือขึ้นมานั้นก็กลายเป็นน้ำอมฤตแห่งอมตะยิ่งใหญ่


เมื่อทั้งหมดได้เปลี่ยนเป็นสิ่งดีขึ้นเช่นนั้น พระทัตตะเตรยะ ทรงได้ประกอบกิจกรรมต่างๆที่เป็นบททดสอบผู้เคารพบูชาพระองค์ว่ามีความมั่นคงเพียงใด ไม่เป็นไรอย่างไรก็ตามที่พระองค์ทรงได้ทดสอบสานุศิษย์ พวกเขาทั้งหลายผู้มีความจริงใจได้ตระหนักในพระองค์ ไม่เคยเกิดความคลุมเครือสับสนแต่อย่างใดและเขาทั้งหลาย ก็ได้รับพรแห่งความสุขอันสูงสุดจากพระองค์


ภายหลังที่ทรงให้พรต่างๆแก่เหล่าบริวาลของพระองค์แล้วพระทัตตะทรงหายพระองค์จากที่แห่งนั้นไปและปรากฏพระองค์ต่อพระพักตร์แห่งพระแม่อันสุยะ เป็นเวลาอันยาวนาน พระมารดาอันสุยะที่ไม่ได้พบเห็นพระโอรส นางทรงพิศดูราวกับจะกลืนด้วยการบูชาต่อพระองค์ หลังจาก 2-3 ชั่วโมงต่อมา พระทัตตะทรงตรัสว่า " โอ้..พระมารดาแห่งสวรรค์ การอวตารของข้าพเจ้าก็เพื่อผู้กราบไหว้บูชาข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่สามารถพำนักอยู่กับท่านเป็นเวลานานได้ และจำเป็นต้องขอลา ไปยังเทือกเขาสหะยทริ(SAHAYADRI) ขอจงโปรดให้พรแก่ข้าพเจ้าด้วย "

เมื่อได้รับข่าวนี้ เหมือนหนึ่งโดนฟ้าผ่าลงกลางใจของพระนางผู้เป็นมารดา ที่จะต้องจำพรากจากโอรสอันเป็นเวลายาวนาน แม้ว่าจะเป็นเพียงบุตรธรรมคนหนึ่ง ที่จะต้องพรากจากกันนั้น มันยากลำบากต่อผู้เป็นมารดา มันยากยิ่งที่จะต้องจากกันต่อนางอันสุยะ ถึงแม้ว่านางจะตระหนักใจ ฐานะเป็นมารดา ที่จะต้องจากบุตรผู้เป้นเทพเจ้า นางจึงมีคำพูดขึ้นว่า


"ลูกทัตตะ แม่รู้ดีว่าเจ้าเป็นเทพแห่งโยคะ แม่รู้ว่าผู้หญิงใหญ่ทั้งหลายนั้นเป็นสาวกของลูก แต่อย่าลืมว่า สำหรับแม่นั้น ลูกเป็นลูกชายที่รักยิ่งของแม่ ลูกเป็นที่คาดหมายเพื่อคอยดูแลรับใช้แม่ในยามชราภาพ ถ้าลูกตั้งใจที่จะเดินทางไปจากแม่แล้ว ดังนั้นของจงคืนร่างนี้ซึ่งแม่ได้มอบให้แก่ลุกเอาไว้" เมื่อกล่าวดังนี้แล้ว นางก็สะอื้นร่ำไห้ออกมา


ในทันทีทันใด พระทัตตะเตรยะ ก็ทรงปรากฏร่างของพระองค์ในรูปเดิมและยืนปรากฏองค์อยู่ตรงพักตร์ของนางและตรัสว่า " นี้คือร่างกายที่นางมอบให้แก่ข้าพเจ้า "

เหมือนดั่งเช่นชายธรรมดาที่ได้ถอดเสื้อผ้าออกเรียบร้อย พระทัตตะเตรยะ ได้ถอดร่างของพระองค์ออก นางอันสุยะได้เห็นดังนี้ด้วยพระเนตรของนาง พระทัตตะทรงแสดงปาฏิหารย์อีกครั้ง

ด้วยการกล่าวคำอย่างสบายๆต่อพระมารดาว่า

"พระมารดา พระแม่ พระองค์ไม่ได้เป็นร่างกายของตนเอง หรือมีดวงจิต หรือมีอาตมันเป็นของตนเอง พระองค์ทรงเป็นพระองค์เองเท่านั้น "

อีกชั่วอึดใจหนึ่ง พระทัตตะเตรยะ ทรงได้ตรัสคำเหล่านี้ออกมา นางพราหมณีผู้มีความเชี่ยงชาญในโรคอย่างแท้จริงได้ ทั้งกาย วาจา และใจ บัดนี้ด้วยความร่าเริงยิ่งใหญ่ นางจึงทูลว่า ..

"ข้าแต่พระสัทคุรุทัตตะ พระองค์นั้นทรงเป็นพระอาจารย์แห่งจักรวาล ทรงอวตารเพื่อทรงช่วยเหลือให้มนุษย์ชาติพบแสงสว่าง พระองค์ทรงเป็นทั้งพระบิดาและมารดาแห่งจักรวาล พระองค์ไม่มีวันเกิดหรือวันดับสูญ พระองค์ทรงเป็นพระผู้มีสำนึกอันบริสุทธิ์ พระองค์ทรงเปิดเผยองค์ในวันนี้ ต่อข้าพเจ้าก็ด้วยพระเมตตากรุณาของพระองค์ ขอให้พระองค์เป็นอิสระจากการเป็นบุตรของข้าพเจ้า และของทรงเสด็จไปสู่ยังเทือกเขา สหะยหริ และทำตามพระประสงค์ของพระองค์เถิด ของทรงโปรดได้ปรากฏองค์ต่อข้าพเจ้าตลอดไป จนกระทั้งข้าพเจ้าจะไม่อาจอยู่ในพระมายาเหล่านั้น "

" ตะตัสตุ(TATASTU) ขอให้เป็นไปตามที่ท่านต้องการ " พระตันตะเตรยะทรงตรัสให้พร และได้หายองค์ไปจากที่นั้นทันที


โดยพระองค์ทรงไปสู่ยังเทือกเขา สหะยทริ ทรงเข้าอยู่ในถ้ำอันยิ่งใหญ่แห่งหนึ่ง และทรงเริ่มต้นประกอบสมาธิ โดยทำสมาธิถึงพระองค์เอง เป็นเวลายาวนาน ทรงได้เสด็จไปทั่ว 14 โลกทั้งหมด อันพรของพระคุรุนั้นละเอียดเร้นลับมาก เปลี่ยนจากหัวใจและดวงวิญญาณของปวงชนซึ่งทำลายล้างความโง่เขลาเบาปัญญาของพวกเขาให้หมดสิ้นไป

พระองค์ทรงเปลี่ยนรูปร่างบ่อยๆครั้ง ตามฤดูต่างๆ ครั้งหนึ่งพระองค์ทรงประทับนั่ง ทำสมาธิสำรวมอย่างสงบนิ่ง ในรูปร่างแห่งนักพรต ในเวลานั้น พระองค์ทรงอยู่ในรูปร่างที่ใหญ่กว่าธรรมดา ดูน่าสพึงกลัว แต่ถ้าอยู่ในเวลาอื่นๆ พระองค์จะแปลงรูปเป็นพระกุมารน้อยนั่งเล่นอยู่ ไม่เป็นปัญหาใดเลย ที่พระองค์ทรงแสดงเช่นนี้ ภายในพระองค์ยังคงเป็นเทพเจ้า ผู้ประทานแสงสว่างแห่งความสัตย์ อย่างไรก็ตามก็ทรงสามารถทำลายก้อนเมฆให้หายไปจากท้องฟ้า เพื่อให้แสงสว่างของพระอาทิตย์ได้ส่งลงมา ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงชั่วขณะก็ตาม

มันอาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาอื่น ภายหลังพระพรหมพระผู้สร้างทรงได้สร้างจักวาลขึ้นมา และสร้างสิ่งมีชีวิตทั้งหมด พระโอรสที่เกิดจากดวงจิตของพระองค์ทั้งหลาย อธิ เช่น ฤษีสนัก (SANAKA) ฤษีสนันทัน (SANANDANA) และองค์อื่นๆต่างก็ได้เข้าสู่ในห้วงสมาธิกรรมฐานอย่างลึกซึ้ง พระพรหมทรงปรารถที่ทรงให้โลกได้ดำเนินอยู่ต่อไป ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงทรงสร้างด้วยความโง่เขลา ด้วยความหลง ความติดพันธุ์อย่างลึกซึ้ง ความมืดมิด ความหลงลืมตน ความดีและความซื่อแห่งโลก ตามแนวทางปฏิบัตินี้ พระพรหม พระองค์เองทรงปรกคลุมล้อมด้วยความโง่เขลา พระองค์ทรงลืมมนตร์ คายะตรี (GAYATRI MAANTRA) และพระเวททั้งหลาย


เพื่อการแก้ไขความโง่เขลานี้ พระองค์ทรงเสด็จไปยังเทือกเขา สหยะทริและ ณ ที่นี้ทรงทำสมาธิถึงพระแม่เรนุกาเทวี ( RENUKAADEVI) เมื่อพระแม่ทรงปรากฏพระองค์ขึ้น พระพรหมจึงทูลถามพระแม่ว่า พระองค์ทรงตกอยู่ภายใต้มายาแห่งการสร้าง

พระแม่ทรงตรัสบอกพระพรหมว่า พระวิษณุเทพ เทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่พระผู้ทรงรักษาเอาพระเวททั้งหลายในกาลโบราณนั้น บันนี้ทรงอวตารมาในรูปแห่งพระทัตตะเตรยะ ด้วยมีพระศิวะ และพรพรหมทรงรวมโดยรอบพระทัตตเตรยะ ปัญหาของท่านจะหมดสิ้นไปได้

ด้วยคำแนะนำทั้งหลายของพระแม่นี้ พระพรหมจึงทำสมาธิถึงพระตันตะเตรยะ ต่อมาพระทันตะทรงปรากฏต่อพระพักตร์พระพรหมด้วยอำนาจศักดิ์อันฆะเทวี (ANAGHADEVI)

พระทันตะเตรยะทรงหัวเราะพระพรหมด้วยเสียงอันลึกลับ "โอม" ซึ่งเป็นพื้นฐานแห่งมนตร์ทั้งหลาย และบังเกิดเป็นพระเวททั้งหลายกลายคืนออกมาจากคำว่า "โอม" ด้วยพรอันยิ่งใหญ๋ของพระทัตตะเตรยะ พระพรหมทรงเป็นอิสระภาพจากความหลงผิดโง่เขลา และต่อมาเหล่าพระเวททั้งหลายก็ได้กลับเข้ามาเป็นของพระพรหมตามเดิม พระพรหมทรงแสดงคาราวะต่อพระทัตตะครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่จะเสด็จคืนสู่ยังพรหมโลกของพระองค์


จบภาค1

ต่อไป เป็นภาคปราบอสูร ยัมภะ


ข้อมูลแน่นมากค่ะ ขอบพระคุณอีกครั้งนะคะ

ขอบคุณที่เอามาลงที่นี่คร๊าบพี่ตี๋  

ผมก็ไปอ่านในเว็บเจ้าที่เหมือนกันครับหัวข้อนี้

แวะมาอ่านหาความรู้เพิ่มเติมค่ะ....ขอบคุณค่ะ...
ตราปมีลมหายใจ  ย่อมมีเวลาสมาธิ

รอติดตามตอนต่อไปนะครับพี่ สู้ๆ
WELCOME TO HINDUMEETING

เรียน สมาชิกเก่าและสมาชิกใหม่ของเว็บ HinduMeeting
ขอความกรุณาทุกท่านศึกษากฎ กติกา มารยาทของเว็บด้วยนะครับ

http://www.hindumeeting.com/forum/index.php?topic=1423.0

ขอบคุณครับสำหรับความรู้ดีดี ครับ อ้อ...รบกวนเรียนถามเพิ่มเติมด้วยครับว่าองค์ที่หน้าเซ็นทรัลเวิลด์นั่นนะ ไม่ใช่พระตรีมูรติหรือครับ  เพราะได้รับทราบจากคนในเซ็นทรัลเวิลด์ว่า เมื่อคราวตอนจะย้ายศาลเดิมจากบริเวณตรงข้ามศาลพระพรหมมาตรงที่ปัจจุบันนี้น่ะ ทางเซ็นทรัลเวิลด์ได้เชิญพระราชครูวามเทพมุนีมาประกอบพิธีโดยระบุว่าเป็นการย้ายองค์พระตรีมูรติ แต่ทางพระราชครูวามฯ ท่านว่าองค์นี้เป็นพระมหาสะดาศิวะเจ้า ไม่ใช่พระตรีฯ และท่านจะทำพิธีให้ต่อเมื่อได้มีการขนานพระนามให้ถูกต้องก่อน แต่ทางผู้จัดไม่สามารถดำเนินการได้ทัน เพราะได้ทำหนังสือกราบทูลสมเด็จพระพี่นางฯ มาทรงเป็นประธานในพิธี ซึ่งได้กำหนดวันเวลาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และถ้าจะต้องเปลี่ยนเเปลงการขนามพระนามใหม่ ก็จะต้องทำเรื่องเสนอมาใหม่ทั้งหมดรวมถึงต้องกำหนดฤกษ์ยามใหม่ทั้งหมดซึ่งเป็นที่ยุ่งยากมาก  จนสุดท้ายทางผู้จัดจึงต้องไปจัดหาผู้ประกอบพิธีรายอื่นมาแทนพระราชครูวาม ฯ อะครับ   
ท่านใดพอเคยได้ยินเรื่องนี้บ้างหรือป่าวครับ ผมว่าน่าสนใจดีครับ
[HIGHLIGHT=#ffffff]ชนใดหวังข้ามอุปสรรค  พึงพำนักพิคเนศนาถา
สำเร็จสมดังจินดา พระองค์พาข้ามพิฆะจัญไร
[/HIGHLIGHT]

  อื้ม แบบนี้ต้องไปสืบค้น คนที่อัญเชิญมาครั้งแรกเลยว่า เชิญองค์เทพองค์ใดลงมาสถิตย์ ณ เทวรูปองค์นี้ แบบนี้ต้องถามคนในครับ ใครรู้จักคนในบ้างหาข้อมูลก้ดีเหมือนกัน จะได้ชัดเจนไปเลยว่าเป็นองค์ตรีมูรติหรือเปล่า เหมือนอย่างท้าวมหาพรหมที่อยู่แยกเอราวัณ ก็หาสงสัยแล้วว่าไม่ใช่พระพรหมธาดา แต่เป็นพรหมคนละองค์ ว่ากันว่าเชิญญาณของสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวลงสถิตย์ เขาว่าอย่างนั้นข้อมูลถูกต้องมั๊ยครับ  

จากที่ผมเคยคุยกับลูกบุญธรรมของ ท่านอาจารย์ สุชาติ รัตนสุข มาแล้วนั้น ถ้าจำไม่ผิดนะครับ
ขอเท้าความเดิมว่า พระตรีมูรติ ใครเป็นผู้สร้าง อันนี้ผมก็จำไม่ได้ นะครับ เพราะพี่เขาไมได้กล่าวไว้ตรง แคคุยคุยกันว่า
คุณพ่อ ได้จัดสร้างพระพิฆเนศตรงแยกห้วยขวางไว้ ก่อนมานานแล้ว เพื่อให้ผู้คนได้กราบไว้ และเป็นเรื่อง บริเวณ พื้นที่แถวห้วยขวาง และเป็นเรื่องราวของพี่เขา ก็เลยต้องสร้างพระพิฆเนศไว้
และก็ได้ย้ายปู่ฤษีปราบมาร จากบ้านท่านอาจารย์สุชาติมาไว้ ที่เทวสถานพระพิฆเนศ ตรงห้วยขวางไว้ด้วยเสียเลย เพราะท่านบอกว่าบ้านเมืองร้อน ต้องการให้บุคคลทั่วไปได้มากราบไว้
และคุยไปคุยมา ท่านก็ถามว่า เคยไปไหว้ตรงเวิร์ดเทรดไหม ตรงนั้นท่านพ่อเป็นคนสร้างไว้เช่นกัน และถามอีกว่า รู้จักโรงแรม โซลทวินทางเวอร์ไหม ตรงนั้นท่านพ่อก็เป็นคนสร้างเช่นกัน (ผมบอกว่า ผมเคยทำงานอยู่แถวนั้นครับ)

และเดิมทีตรงนั้น ผมก็จำได้ว่า เคยมีพระพิฆเนศมาตั้งไว้ก่อนหน้าแรก แต่ไง๋กายเป็นพระตรีไปได้ ท่านก็บอกว่า พระพิฆเนศองค์ที่หนูเคยเห็น ก็ย้ายมาที่เวิร์ดเทรดนั้นแหละ แล้วเอาพระตรีไปแทนที่ไว้

ซึ่งจากข้อมูลและศิลปการทำพระตรี และข้อมูลที่ได้มาหลาย อย่าง ผมก็เลยคิดว่า พระตรีองค์ที่เวิร์ดเทรด น่าจะเป็นท่านอาจารย์สุชาติ รัตนสุขเช่นกันครับ (ไอ้ผมก็ลืมถามพี่เขาว่า ตรงที่เวิร์ดอีกองค์ใครเป็นคนสร้าง และมีชื่อว่าอะไร เพราะท่านก็ไม่ได้พูดถึง หรืออาจจะไม่ใช่ท่านอาจารย์สร้างก็เป็นได้ ยังไง เด๋วผมได้เข้าไปหาท่าน ผมจะสอบถามให้อีกทีนะครับ)

ข้อมูลกำลังอัพไปเรื่อยๆครับ น้องกระบี้น้อย แต่ตอนนี้เบรกไว้ก่อนเนื่องจากติดงานครับ มะค่อยมีเวลาได้เข้ามาเลย  

เรื่องพระตรีที่เวิร์ลเทรด ผมได้เคยนำลงไว้ในบอร์ดเก่าแล้วนะครับ

ก่อนอื่นคงต้องทำความเข้าใจเรื่องตรีมูรติก่อนนะครับ
ตรีมูรตินั้นแปลว่า สามรูป ซึ่งมิใช่ชื่อของเทพเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งเป็นพิเศษ แต่เป็นทฤษฎ๊การแบ่งหน้าที่ ของเทพเจ้าสูงสุด(อีศวรหรือสคุณพรหมัน)ซึ่งในปรัชญาอินเดีย ถือว่า พระเจ้าสูงสุดนั้น ได้ปรากฏออกมาในสามลักษณธ เพื่อกระทำหน้าที่ สามอย่าง คือ สรรค์สร้าง รักษา และทำลาย คือ พระพรหม พระวิษณุ และพระศิวะ และพระศิวะ ตามลำดับ
ตรีมูรติ จึงไม่จำเป็นต้องทำเป็นรูปเคารพ แบบสามองค์รวมกัน แต่จะแยกเป็นสามองค์เลยก็ได้ หรือในบางครั้ง ก็มีคการ เอารูปเคารพทั้งสามองค์มารวมเป้นองค์เดียวซึ่งปรากฏในหลายลักษณะ เช่นในอินเดียที่มีสามพระเศียร หรือพระศิวเอกบาทในไศวนิกาย ในศิวลึงค์บางรูปแบบ หรือหากศึกษารูปเคารพในศิลปะเขมร จะพบว่ามีการทำรูปเคารพสามองค์ โดยมีเทพเจ้าที่เคารพตามนิกายอยู่ตรงกลาง เช่นพระศิวะ และมีเทพเจ้าเล็กๆสององค์งอกออกมาจากด้านข้าง เป็นต้น

นอกจากนี้ ในบางท้องถิ่น ยังมีการถือว่า คุรุในสมัยโบราณบางท่านเป้นพระตรีมูรติ เช่น ท่านคุรุทัตตเตรยะ ซึ่งเดิมเป็นเทวตำนานที่แพร่หลายเฉพาะในแคว้นมหาราษฏร์เท่านั้น ให้กลายมาเป้ยองค์อวตารของพระตรีมูรติ และมีการโฆษณาอย่างแพร่หลาย เช่นในสื่อโทรทัศน์หรือสิ่งพิมพ์  ในนิกายสมารตะก็จะถือว่าพระคุรุทัตตาเตรยะ เป็นผู้สืบทอดคำสอนในสายอไทฺวตะเวทานตะ และ เป็นผู้รจนาคัมภีร์อวฑูตคีตาด้วย เรื่องราวของพระคุรุทัตตเตรยะ ปรากฏในเรื่อง คุรุจริต ครับ

ส่วนเรื่องพระตรีมูรติที่เวิลเทรดอย่างนี้ครับ
ผมก็ได้ยินมา อย่างที่ได้เล่าไว้อ่ะครับเรื่องที่ท่านพระราชครูวามท่านปฏิเสธในการทำพิธ๊ (ซึ่งเป็นสิ่งที่เหล่าพราหมณ์ในราชสำนักถือปฏิบัติว่าจะไม่ทำพิธีที่ผิดแบบแผน และ เทพเจ้าไม่ถูกต้อง)


และถ้าเราพิจารณาจากปฏิมาณวิทยา ของรูปเคารพที่เราเรียกกันว่าพระตรีมูรติที่เวิร์ลเทรดนะครับ
จะเห็นได้ว่า เป็นเทวรูปที่มี 5 พระเศียร และที่พระนลาฏจะปรากฏพระเนตรที่สาม ซึงถ้าประมวลจากลักษณะดังกล่าวจะพบว่า
เป็นพระ ปัญจมุขีศิวะ หรือพระ สทาศิวะ ครับ
ในคัมภีร์และบทสรรเสริญต่างๆ จะมีการบรรยายไว้เสมอว่า พระศิวะ ทรงมีห้าพระเศียร(ปัญจวักตระ) ซึ่งเป้นลักษณะเฉพาะของพระศิวะ รวมทั้งการมีพระเนตรที่พระนลาฏนั้น นอกจากพระศิวะ แล้ว ก็มักจะปรากฏในเทพเจ้าที่เกี่ยวข้องกับพระศิวะ และพระแม่ศักติในลัทธิตันตระเท่านั้นครับ
และหากเราศึกษารูปเคารพในศาสนาพราหมณ์ฮินดูในเขมร เราจะพบเทวรูปในลักษณะนี้อยู่ครับ ดังตัวอย่าง เช่น ที่ปรากฏในวัดภู จำปาสัก ซึ่งเป็นรูปพระตรีมูรติที่มีสามองค์แยกจากกันครับ

เท่าที่ทราบข้อมูลมาอีก คือรูปพระสทาศิวะ(ที่เรียกกันว่าพระตรีมูรติ)นี้ แต่เดิมเป้นรูปเคารพอยู่ที่วังเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้างเวิร์ลเทรดในปัจจุบันครับ แต่ได้มีการสร้างขึ้นใหม่ครับ แต่ไหงกลายเป็นพระตรีไปไม่รู้ เพราะใครก็ไม่ทราบ


โดยสรุปที่เวิลล์เทรดคือ พระสทาศิวะ หรือพระศิวปัญจมุขีครับ จะเป็นพระตรีมูรติก็ต้องมีรูปพระวิษณุและพระพรหมด้วยครับถึงจะเรียกว่าพระตรีมูรติได้

นอกจากนี้ ผมได้รับฟังมาจากท่านพระครูญาณสยมภูว์(พราหมณ์ขจร นาคเวทิน)ว่า เมอื่ตอนพระเจ้าอยู่หัวท่านเสด็จงานงานเสาชิงช้า กรุงเทพมหานคร ได้ถวายเทวรูปพระตรีมูรติ(แบบของเวิลล์เทรด) พระองค์ท่านทอดพระเนตรแล้วตรัสว่า "นี่พระตรีมูรติหรือ" คือพระองค์ท่านทรงทราบว่า ที่จริงแล้วพระตรีมูรติเป็นอย่างไรที่ถูกต้อง เพราะทางคณะพราหมณ์ได้เคยถวายเทวรูปพระทัตตาเตรยะ ทองคำ นานมาแล้ว ครับ เล่ากันว่า ผู้บริหารกรุงเทพทำหน้าเลิ่กลั่กกันใหญ่ครับ

ส่วนเรื่อง การให้พระเรื่องความรักนี่ ก็ไม่ทราบว่าใครเป็นคนประดิษฐ์คิดขึ้น เพราะว่า ไม่ว่าจะเป็น พระตรีมูรติ หรือพระสทาศิวเอง ก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรเกี่ยวกับความรักเรยครับ ท่านพระราชครูวามเอง ก็เคยปรารภไว้ในหนังสือพิมพ์หนึ่งว่า นี่เป้นความเข้าใจที่ผิดครับ

สงสัยเพราะสมัยก่อน เค้าทาผนังศาลท่านสีแดง ก็เรยต้องเอาอะไรแดงๆบูชาอ่ะครับ แล้วสีแดงมันก็สีดอกกุหลาบ ดอกกุหลาบมันก็ความรักนี่(ได้ข่าวว่าเป็นวัฒนธรรมฝรั่ง ดอกกุหลาบแทนความรัก 5555)ก็เลยท่านไปเกี่ยวกับความรักไปเรย    เหอเหอ

ขอบคุณพี่หริทาสอีกครั้งครับ

ที่นำกลับมาเล่าให้ได้ทราบกันอีกครั้งคร๊าบบบ  

Quote from: สัตตเทวบุตร on February 12, 2009, 21:14:47
จากที่ผมเคยคุยกับลูกบุญธรรมของ ท่านอาจารย์ สุชาติ รัตนสุข มาแล้วนั้น ถ้าจำไม่ผิดนะครับ
ขอเท้าความเดิมว่า พระตรีมูรติ ใครเป็นผู้สร้าง อันนี้ผมก็จำไม่ได้ นะครับ เพราะพี่เขาไมได้กล่าวไว้ตรง แคคุยคุยกันว่า
คุณพ่อ ได้จัดสร้างพระพิฆเนศตรงแยกห้วยขวางไว้ ก่อนมานานแล้ว เพื่อให้ผู้คนได้กราบไว้ และเป็นเรื่อง บริเวณ พื้นที่แถวห้วยขวาง และเป็นเรื่องราวของพี่เขา ก็เลยต้องสร้างพระพิฆเนศไว้
และก็ได้ย้ายปู่ฤษีปราบมาร จากบ้านท่านอาจารย์สุชาติมาไว้ ที่เทวสถานพระพิฆเนศ ตรงห้วยขวางไว้ด้วยเสียเลย เพราะท่านบอกว่าบ้านเมืองร้อน ต้องการให้บุคคลทั่วไปได้มากราบไว้
และคุยไปคุยมา ท่านก็ถามว่า เคยไปไหว้ตรงเวิร์ดเทรดไหม ตรงนั้นท่านพ่อเป็นคนสร้างไว้เช่นกัน และถามอีกว่า รู้จักโรงแรม โซลทวินทางเวอร์ไหม ตรงนั้นท่านพ่อก็เป็นคนสร้างเช่นกัน (ผมบอกว่า ผมเคยทำงานอยู่แถวนั้นครับ)

และเดิมทีตรงนั้น ผมก็จำได้ว่า เคยมีพระพิฆเนศมาตั้งไว้ก่อนหน้าแรก แต่ไง๋กายเป็นพระตรีไปได้ ท่านก็บอกว่า พระพิฆเนศองค์ที่หนูเคยเห็น ก็ย้ายมาที่เวิร์ดเทรดนั้นแหละ แล้วเอาพระตรีไปแทนที่ไว้

ซึ่งจากข้อมูลและศิลปการทำพระตรี และข้อมูลที่ได้มาหลาย อย่าง ผมก็เลยคิดว่า พระตรีองค์ที่เวิร์ดเทรด น่าจะเป็นท่านอาจารย์สุชาติ รัตนสุขเช่นกันครับ (ไอ้ผมก็ลืมถามพี่เขาว่า ตรงที่เวิร์ดอีกองค์ใครเป็นคนสร้าง และมีชื่อว่าอะไร เพราะท่านก็ไม่ได้พูดถึง หรืออาจจะไม่ใช่ท่านอาจารย์สร้างก็เป็นได้ ยังไง เด๋วผมได้เข้าไปหาท่าน ผมจะสอบถามให้อีกทีนะครับ)

ครับเรื่องนี้ผมเคยเรียนถามท่านพระครูวามที่โบสถ์พราหมณ์ท่านว่าเป็นองค์มเหศวรสดาศิวะแน่นอนครับไม่ใช้คุรุปัทมยุกา(พระมหาเทวฤาษีทัตตาเตรยะ) เพราะท่านว่าพระเศียรข้างบนจะเป็นพระเศียรพระศิวะแน่นอน ที่ท่านไม่ไปทำพิธีให้เพราะไม่อยากให้ประชาชนเข้าใจเทววิทยาผิดๆๆแล้วเอากระแสมาทำให้ห้างดังท่านขอเพียงให้ขนานพระนามใหม่ คือองค์พระมเศวรสดาศิวะ แต่ทางผู้บริหารเห็นว่าพระตรีจะขายเนมได้จึงไม่ยอมเปลี่ยน ท่านพระครูวามจึงไม่ไปทำพิธีบวงสรวงให้และท่านเซ็นทรัลก็ได้ใช้เจ้าพิธีคนเดิมคืออาจารย์สุชาติครับ

ขอบคุณนะครับ

ถ้าอย่างนั้น สมมติผมไปไหว้เทวรูปพระศิวปัญจมุขีที่ CTW ผมก็ควรจะสวดมนต์ เป็นบทสรรเสริญพระศิวะ ไม่ใช่บทที่ติดไว้บริเวณศาล อย่างนั้นใช่มั้ยครับ ^_^

ตำนานแห่งพระทัตตะเตรยะ(ตอนทำลายล้างอสูร ยัมภะ)





อสูร ยัมภะ (JAMBHA) ผู้เป็นปีศาจที่อวดหยิ่งทรนงตน

....... ได้บังเกิดมีอสูรร้ายตนหนึ่งมีนามว่า อสูร ยังภะ อสูรตนนี้มีกองทัพมหึมา ได้ยกทัพมาก่อกวนพวกเทพและมีชัยชนะต่อพวกเทพ ได้เข้ายึดครองสวรรค์ บรรดาเทวะและนางอัปสร ต่างพากันเดือดร้อน ต้องหลบหนีออกจากแคว้นสวรรค์ ต่างแต่กระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง และก่อให้เกิดความสับสนอลม่านไปทั่วโลกทั้งหมด


พระอินทร์ผู้เป็นกษัตริย์แห่งเทวะและนางอัปสรทั้งหลาย จึงปรึกษาหารือกับพระอาจารย์ เทพฤษี พฤหัสบดี (BRIHASPATA) เพื่อที่จะช่วยเหลือพวกเทพให้คืนตำแหน่งดังเดิม ฤษีพฤหัสบดี ทรงได้พิจารณาอยู่ชั่วขณะ จึงให้คำแนะนำต่อพระอินทร์ว่า ให้ไปขอความช่วยเหลือจาก พระสัทคุรุ ทัตตะเตรยะ โดยกล่าวว่า...

"ขอจงรีบเสด็จไปเฝ้าเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ด้วยความนอบน้อมเคารพบูชา และปรนิบัติรับใช้พระองค์ด้วยจิตใจที่ไร้มายา ข้าขอรับประกันว่า พระทัตตะเตรยะ จะนำชัยชนะกลับมาสู่พวกเทพและบังลังค์ของพระองค์ก็จะอยู่เหมือนเดิม"





ด้วยคำแนะนำแห่งพระอาจารย์ พระอินทร์จึงได้ออกเดินทางไปสู่ยังเทือกเขา สหยะหริ ทันที แต่ก่อนจากไป พระอาจารย์ ฤษีพฤหัสบดี ได้ทูลเตือนพระองค์ไว้ว่า "ข้าแต่พระอินทร์ , พระทัตตะเตรยะนั้นยากมากที่จะเข้าใจได้และเข้าถึงพระองค์ได้ , พระองค์ทรงแปลงได้หลายรูปร่างและทำความสับสนต่อสาวกของพระองค์ตลอดมา พระองค์ทรงมีเรื่องทดสอบต่างๆนาๆ ขอจงระมัดระวังให้จงดี ไม่มีอะไรที่พระองค์ทรงได้กระทำลงไป ขอให้รับทราบไว้ว่าพระองค์ทรงเป็นเพียงรูปร่างแห่งความสัตย์จริงและด้วยพระองค์ทรงมั่นคงตลอดกาลบริสุทธิ์ดั่งพระเพลิง ขอจงโชคดีเถิด"






ด้วยการจดจำทุกคำของพระอาจารย์ พระอินทร์ได้ไปถึงยังเทือกเขา สหยะทริ , พระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นความสัตย์ทั้งหลายตามที่พระอาจารย์ได้กราบทูลไว้ พระองค์ทรงเห็นพระทัตตะเตรยะ กำลังสนุกสำราญต่อการชมดนตรีแห่งสวรรค์ บรรดานางอัปสรแห่งสวรรค์ที่สวยงามที่มีฝีเท้าเต้นรำประมาณ 1,000 คู่ อยู่ใต้เบื้องบาทของพระองค์ นางเทพธิดาบางนางเปลือยเปล่าล่อนจ้อน กำลังเทเหล้าผลไม้ลงในถ้วยเหล้าของพระองค์ และพระอินทร์ทรงทอดพระเนตรเห็นพระทัตตระเตรยะ กำลังดื่มเหล้าผลไม้และทรงเล่นรักอยู่กับเหล่านางอัปสรทั้งหลายนี้

" มันเป็นเรื่องที่ดีซึ่งพระอาจารย์ได้ให้คำแนะนำข้าเอาไว้ก่อน มิฉะนั้นแล้วข้าอาจจะหมิ่นประมาทพระทัตตะเตรยะก็ได้ ซึ่งจะเป็นผลให้พระองค์ทรงพิโรธ อย่ากระนั้นเลย ขอให้จิตใจของข้าอย่าได้หลงเข้าใจผิด ในการแทรกแซงอยู่ทั่วไปและความบริสุทธิ์ของพระองค์" ด้วยความคิดเช่นนี้ พระอินทร์จึงทรงได้เข้าร่วมกับพวกเขาในการรับใช้พระทัตตระเตรยะด้วยการถวายอาหารและสุรา

ในขณะเดียวกัน พระทัตตะเตรยะทรงทอดพระเนตรที่พระพักตร์ของพระอินทร์ เพื่อที่จะทรงทดสอบพระอินทร์ แต่ว่าพระอินทร์ทรงยืนให้ทดสอบและด้วยความเคารพไม่สะดุ้งสะเทือนแต่อย่างใด คอยรับใช้พระทัตตะเตรยะต่อไป

ด้วยทรงโปรดต่อผู้เคารพบูชาของพระองค์ พระทัตตะเตรยะทรงเริ่มหัวเราะต่อพระอินทร์และทรงตรัสแบบขำขันว่า "พระอินทร์ ท่านมีความสามารถอย่างไร หวังว่าจะเอาคนเมาเหล้าไปช่วยท่านในการทำลายล้างปีศาจร้ายแห่งความอวดหยิ่งหรือ? ท่านไม่เห็นหรือว่าอ่อนแอของข้าในการกินเหล้ายาและนารีหรือ? 5555555









พระอินทร์ทรงทูลตอบว่า " ข้าแต่เทพเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าทราบถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ด้วยว่าพระองค์คือ พระตรีมูรติ (TRIMURTI) เป็นภาคอวตาร ของ 3 โลก แห่งศาสนา บรรดาเหล่านางงามทั้งหลายนี้บังเกิดจากพลังอำนาจแห่งดวงจิตของพระองค์ อันเป็นน้ำอมฤตแห่งมนตรา อาหารที่ทรงรับประทานนั้นก็คือความสัตย์แห่งดวงวิญญาณพระองค์ทรงเป็น พระชคัฑคุรุ (JAGADGURU) พระอาจารย์แห่งโลก พระองค์ทรงเป็นที่รวมร่างแห่งความฉลาดทั้งหมด พระองค์คือแสงสว่างนำทาง พระองค์ทรงเสด็จมาโปรดมนุษย์ชาติทั้งปวง ขอทรงได้โปรดช่วยเหลือข้าพเจ้าด้วยเถิด โดยทรงนำบังลังค์ของข้าพเจ้ากลับคืนมาจากพวกอสูรร้ายและทรงทำลายล้างปีศาจแห่งความอวดหยิ่งทรนงตนด้วยเถิด"

พระทัตตะเตรยะ ทรงรับสั่งว่า "ถ้าหากว่าเจ้ามั่นใจในตัวข้าเช่นนี้ อย่างแน่นอนข้าจะนำชัยชนะมาให้ ขอให้ไปเรียกปีศาจร้ายให้มา ณ ที่นี้มาเจอกับข้า ขอให้ข้าได้เห็นมันว่าจะสามารถทำอะไรได้" พระอินทร์ทรงน้อมรับบัญชาและแสดงความเคารพต่อพระคุรุ และทรงเสด็จไปเชิญพวกปีศาจให้ออกมาต่อสู้อย่างกล้าหาญในเทือกเขา สหยะทริ

เมื่อปีศาจได้มา โดยมีดวงตาแดงกล่ำอย่างโกรธแค้น พระทัตตะเตรยะทรงได้แสดงอภินิหารขึ้นมาอย่างหนึ่ง

พระทัตตะเตรยะทรงแปลงร่างใหญ่โตมากที่มีพักตร์น่าเกียดน่ากลัว พระองค์ทรงสร้างอำนาจ ศักติ(SHAKTI) เรียกว่า อันฆะเทวี (ANAGHA DEVI) ทรงแปลงร่างอันล่อลวงขึ้นมา











ในขณะนั้น ปีศาจร้ายพร้อมด้วยบริวาร ได้มาถึงเทือกเขา สยะทริ พวกปีศาจทั้งหลายต่างตกตะลึงหลงด้วยความงามแห่งอำนาจ ( อันฆะเทวี) และลืมเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับการต่อสู้ในสนามรบ พวกปีศาจร้ายทั้งหมดได้วิ่งติดตามนางและไม่ยอมมองหน้าคนที่มีหน้าตาน่าเกียดที่นิ่งอยู่ข้างนางงามนี้เลย พวกปีศาจไม่รู้ว่าเป็นมายาของพระทัตตะเตรยะที่ให้บังเกิดขึ้นเช่นนั้น พวกปีศาจได้ร้องเรียกพระแม่อันฆะเทวีในเสลี่ยงทองคำ ต่างคนต่างทะเลาะต่อสู้กันเพื่อให้ได้สิทธิพิเศษที่จะได้นางมา เช่นเดียวกัน พวกปีศาจทั้งหลายได้จากที่แห่งนั้นไป พระทัตตะเตรยะ ทรงหัวเราะด้วยเสียงอันดังและทรงตรัสต่อพวกเทพว่า " โอ่ พระอินทร์และประชากรแห่งสวรรค์ ขออย่าได้วิตกต่อไปเลย พวกท่านจะได้รับอาณาจักรของพวกท่านกลับคืนมาในเวลาไม่ช้านี้ "

เมื่อได้ทราบข่าวนี้ เทวะทั้งหลายต่างดีอกดีใจร่าเริงเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังแปลกใจว่า ทำอย่างไรพวกเขาจะได้รับชัยชนะและได้รับอำนาจอาณาจักรของพวกเขากลับคืนมา

พระทัตตะเตรยะทรงกล่าวและเทศน์สั่งสอนพวกเทวะเกี่ยวกับพระวินัยการกระทำแห่งพระแม่แห่งทรัพย์สมบัติ ( พระแม่ลักษมี)

พระทัตตะเตรยะทรงได้ตรัสว่า " โอ่ เทวะแห่งสวรรค์ ถ้าพระแม่ลักษมี ทรงประทับอยู่กับผู้ใดแล้วนับว่าผู้นั้นจะมีความผาสุขเหมือนได้อยู่ในพระราชวัง ถ้าพระนางทรงประทับอยู่กับเขา ดังนั้นความอุดมสมบูรณ์ด้วยธัญญาหาร และทองคำจะบังเกิดขึ้น พระนางทรงเป็นความงดงามบนปาก ดั่งนั้นทุกสิ่งทุกอย่างของการชิมรสอาหาร ความอัศจรรย์แห่งเสนห์แห่งปากและความเชี่ยวชาญในการแต่งกลอน บทความจะบังเกิดขึ้น ทั้งหมดนี้จะเป็นปรากฏที่ดีมีคุณประโยชน์ แต่ว่า......ถ้าหากพระนางได้ทรงประทับอยู่เหนือเกล้าของผู้ใดแล้ว การทำลายล้างจะบังเกิดขึ้น พวกท่านได้เห็นแล้วมิใช่หรือว่า พระนางทรงประทับนั่งบนศีรษะของพวกปีศาจในแคร่ของพวกเขาอย่างไร ?













โดยการทำลายล้างปีศาจ พระนางจะไม่เสด็จไปปรากฏองค์ต่อพวกปีศาจ บัดนี้เป็นเวลาที่ดีต่อพวกเทวะแล้ว เทวะทั้งหลาย ขอให้เตรียมตัวและอาวุธให้พร้อม ที่จะไปต่อสู้กับเหล่าปีศาจเพื่อช่วงชิงเอาอำนาจกลับคืนมาจากปีศาจได้แล้ว ขอให้พรแห่งความสำเร็จจงบังเกิดแก่เทวะและจงมีชัยชนะต่อพวกปีศาจโดยง่ายเถิด

ตามที่พระทัตตะเตรยะ ทรงสั่งสอนด้วยคำดำรัสนี้ พวกปีศาจยังคงทะเลาะต่อสู้กันเอง เพื่อแย่งชิงนางงามนี้มาเป็นของตน

เมื่อเทวะทั้งหลายได้ยกทัพมาถึงในเวลาเดียวกัน ด้วยพรวิเศษของพระทัตตะเตรยะ พวกเทพเทวะจึงได้รับชัยชนะต่ออสูรได้อย่างง่ายดาย พระแม่แห่งทรัพย์สมบัติทรงแสดงความยิ่งใหญ่ของพระนางให้พวกเทพได้เห็น เรื่องนี้จึงเป็นเหตุให้สวรรค์ได้กลับคืนมาสู่พระอินทร์และเทวะทั้งหลายตามเดิม เหล่าเทวะทั้งหลายได้มีการเป่าสังข์ ตีกลอง ร้องเพลงและบรรดานางฟ้านางอัปสรก็ได้ร่ายรำอยู่เหนือก้อนเมฆ และโปรยดอกไม้บนร่างของพระทัตตะเตรยะ และต่างร้องคำว่า "ทัตตะเตรยะ ภัควาน กี แย " "ขอทรงพระเจริญ"

จบ

โปรดติดตามตอนต่อไปในเรื่องราวของพระทัตตะเตรยะ ตอน ตามพระมรกันเทยะปุราณะ แต่ขอเวลาสักพักครับ  

รอครับ ป๋าๆๆ รอครับ คิคิ

ขอเซฟ ไปปริ๊น แปะให้คนที่สนใจได้อ่านนะครับ  ผนังบ้านว่างๆ  เอาความรู้มาแปะให้คนได้เข้าใจดีกว่า
[HIGHLIGHT=#000000]*****จยันตี มังคลา กาลี  ภัทรกาลี กปาลิณี*****  [/HIGHLIGHT]

ครับๆ ไม่ต้องห่วงน้อง กระบี้น้อย พี่เซฟเก็บไว้แล้ว และก็  ยังมีอีกหลายบท พวกบทอวตารก็มี แต่ยังขี้เกลียดพิมพ์อะ



ส่วนน้อง Amrit_Phakti เป่งไงบ้างซำบายดีปะ พี่ว่าจะแวะไปเยี่ยมที่บ้านก็ไม่ได้ไปซักกะที ผ่านก็บ่อยนะ แต่ก็พลาดจนได้ เดี๋ยวเดือนหน้าอาจจะได้ผ่านอีก คราวนี้จะไม่พลาดเลย จะให้ดูไพ่ให้พี่หน่อยว่าตอนนี้ชะตากรรมเป็นไง อิอิ


มีอยู่คนเดียวจริงๆที่เรียกเราป๋า แหม่ ถ้าเป็นผู้หญิงจะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี้เป็นผู้ชาย ฟังดูจักกะจี้ยังไงก็ไม่รู้ .........ท่านนะท่าน  ทำไปได้  

  ขอบคุณครับพี่ตี๋

ผมขออนุญาติ back up ข้อมูลส่วนนี้ไว้ด้วยคนนะครับ

ขอบคุณครับ เป็นประโยชน์มากจริงๆ

อิอิ  อยู่ใกล้แค่นี้ไม่ได้เจอะซะทีนะพี่  อิอิอิ   ว่างๆแวะมาทักทายกันได้นะครับ  เปิดหลัง6โมงเย็นเป็นต้นไปน่ะครับ   แพ้แสงอ่ะ  อิอิ  ร้อนๆอยู่ไม่ได้  โอ๊ยยยยยยย  อิอิอิ   กลางคืน  สบายย  เย็น  ชอบบบบ  อิอิ   
[HIGHLIGHT=#000000]*****จยันตี มังคลา กาลี  ภัทรกาลี กปาลิณี*****  [/HIGHLIGHT]

พระตรีมูรติเกิดจากสาเหตุใด


สาเหตุใดใคร่รู้เหมือนกัน   แต่ส่วนตัวแล้ว  ผมมองว่า  คนเรา  มักแบ่งแยกเทวะ  องค์นั้น  มิใช่องค์นี้   หากตรีมูรติ  ได้บอกกล่าวให้เราได้ทราบแล้ว  ว่าทั้ง3 รวมเป็น1  และ1 นั้น คือทั้ง3   ไม่ควรแบ่งแยกท่าน  เพราะทั้ง3  ล้วนคือ 1
    ฟังดูอาจจะงง   แต่ผมเชื่อว่ามีคนเข้าใจในสิ่งที่ผมบอก  อนุโมทนานะครับ
   หุหุ  งง งง งง  งงกันรึปล่าว  อย่างงเลย  เข้าใกล้ท่านอีกนิด  เปิดจิตรับอีกหน่อย  ค่อยๆก้าวเดินตามรอยที่ท่านชี้ไว้  แล้วเราจะสบายเองล่ะครับ
[HIGHLIGHT=#000000]*****จยันตี มังคลา กาลี  ภัทรกาลี กปาลิณี*****  [/HIGHLIGHT]

ได้ความรูเพิ่มเติม :)
[HIGHLIGHT=#d99694][HIGHLIGHT=#fbd5b5]OPOR :) [/HIGHLIGHT][/HIGHLIGHT]

ในตำนานที่เกี่ยวข้องกับ เทพทัตตาเตรยะ อันเป็นอวตารของมหาวิษณุ (พระนารายณ์) พระอิศวร  พระพรหม ซึ่ง มีฤาษี อัตริ เป็นบิดา และนาง อนุสูยา เป็นมารดา มีดังนี้...
ขณะที่ฤาษีนามว่า อณิมาณฺฑวฺย (อะ-นิ-มาน-ดับ-วยะ) นั่งสมาธิอยู่ โจรกลุ่มหนึ่งได้หนี เจ้าหน้าที่ผ่านมาทางนั้น ตำรวจหลวงที่ติดตามโจร ได้สอบถามถึงโจรกับฤาษี ฤาษีอยู่ในสมาธิจึงไม่ยอมปริปากใดๆ ตำรวจหลวงเข้าใจว่าฤาษีนั่นเองเป็นโจร จึงจับมัดมือมัดเท้านำไปเฝ้าพระราชา พระราชาทรงตัดสินใจประหารชีวิตฤาษี โดยใช้วิธีเสียบด้วยตรีศูล เจ้าหน้าที่ได้ทำตามนั้น และนำฤาษีที่ถูกเสียบ แต่ยังไม่ตายไปปักไว้บนยอดเขา
ในระหว่างนั้น นางศีลวตี ซึ่งเป็นภรรยาที่ ซื่อสัตย์ต่อสามีอย่างยิ่ง เดินทางผ่านมาทางนั้นโดยให้สามีชื่อ อุครศรวัส (อุค-คระ-ศระ-วัส) ขี่คอ เพื่อไปยังบ้านของหญิงแพศยา ขณะที่ฝนตกทำให้ ทางเดินลำบาก อุครศรวัสได้ด่าทอฤาษีหาว่าเป็นตัวการทำให้ฝนตก ฤาษีโกรธจึงสาปให้ศีรษะของอุครศรวัสแตกเป็นเจ็ดเสี่ยงเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น ศีลวตีได้ยินคำสาป นางมีความซื่อสัตย์ต่อสามีมาก จึงตั้งจิตอธิษฐานไม่ให้พระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งคำอธิษฐานก็ได้ผล เมื่อพระอาทิตย์ไม่ขึ้น ทำให้เดือดร้อนไปทั่วจักรวาลรวมถึงเทวดา จึงพากันไปเฝ้าพระพรหม แต่พระพรหมช่วยอะไรไม่ได้ จึงพากันไปเฝ้าพระศิวะ พระศิวะก็ช่วยไม่ได้ จึงพากันไปเฝ้าพระมหาวิษณุ จากนั้น พระตรีมูรติ (พระพรหม พระศิวะ และพระวิษณุ) จึงพากันไปหานางอนุสูยา เพื่อให้ นางขอร้องศีลวตีถอนคำอธิษฐาน นางก็ยอมตามที่ขอ และเทพตรีมูรติได้ให้คำมั่นสัญญาว่า อุครศรวัสจะไม่ตาย
เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นตามปกติ เทพตรีมูรติมีความยินดีจึงให้นางอนุสู ยาขอพร นางจึงขอพรให้เทพทั้งสามมาเกิดเป็นลูกของนาง เทพตรีมูรติจึงให้ พรตามที่ขอ พระวิษณุจึงเกิดจากนางเป็นพระทัตตาเตรยะ พระศิวะเป็น ทุรวาสัส และพระพรหมเป็นพระจันทร์ พระทัตตาเตรยะ บำเพ็ญตบะตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และได้เป็นฤาษีทัตตาเตรยะ

ขอบคุณมากค่ะ
[HIGHLIGHT=#92d050]เมตตามหานิยม อยู่ที่...คุณธรรม[/HIGHLIGHT]

ชักห่างไปนาน เดี๋ยวต้องหาเวลามาลงให้อ่านต่อซะแล้ว  

มาปูเสื่อรออ่านต่อแล้วนะคร๊าบบบพี่ลองภูมิ

(อิอิอิ แอบกดดันให้นำมาลงต่อไวๆ   )
WELCOME TO HINDUMEETING

เรียน สมาชิกเก่าและสมาชิกใหม่ของเว็บ HinduMeeting
ขอความกรุณาทุกท่านศึกษากฎ กติกา มารยาทของเว็บด้วยนะครับ

http://www.hindumeeting.com/forum/index.php?topic=1423.0

   ผมก็รอว่าเมื่อไหร่พี่จะโผล่ซักที

มัวแต่เข้าป่าปฎิบัติกรรมฐานรึไงหว่า นึกว่าลืมน้องๆ ซะแล้ว

  ลงให้เร็วด้วย อ่านแล้วเหมือนคนอารมณ์ค้าง หุๆๆ

ฮ่าฮ่า เวลาตอบกระทู้มีตัวการ์ตูนแสดงอารมณ์ด้วยนี้ มันน่ารักจิงๆ
[HIGHLIGHT=#92d050]เมตตามหานิยม อยู่ที่...คุณธรรม[/HIGHLIGHT]

พระทัตตาเตรยะ กับ ตรีมูรติ คนละเรื่องเดียวกัน

พระตรีมูรติ คือ สภาวะของพระผู้เป็นเจ้า3อย่าง ถ้าอธิบายให้เข้าใจ คือ เทพ3องค์ พระพรหม พระวิษณุ พระศิวะ และท่านไม่ได้รวมร่าง และพระทัตตาเตรยะท่านไม่ได้มีพระนามว่าตรีมูรติ