Loader

อยากทราบว่ายังไงกันคับ

Started by ลางสังหรณ์, February 20, 2010, 21:33:04

Previous topic - Next topic

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

อยากทราบพระเป็นเจ้านี้มีอยู่องค์เดียวในโลกนี้เปล่าคับ  แล้ว พระพุทธเจ้า  พระเยซู  พระอัลเลาห์  พระศิวะ หรือผู้นำศาสนาต่างๆที่กำเนิดมาในโลกที่ไม่ได้กล่าวถึงนั้นจะเรียกพระองค์ว่าอะไรในเมื่อพระเป็นเจ้าท่านมีพระองค์เดียวในโลกนี้   แล้วพระเป็นเจ้าท่านให้กำเนิดผู้นำศานนาเเต่หละศาสนานี้ออกมาเปล่าคับ(กำเนิดเพือให้มนุษย์เลือกทางศึกษาเปล่าคับ) คำถามอ่านจะดูงงๆเเต่ช่วยกันแกะคำถามผมหน่อยหละกันเรียงประโยคไม่ค่อยจะถูก
   ปล. ไม่ได้หลบหลู่ศาสนาไหนนะคับคือแค่สงสัยเลยต้องยกแต่หละศาสนามาเท่านั้น

คำตอบของผมต้องขอบอกว่าไปอ่านมาตามเว็บต่างๆผสมกับทัศนะของผมนะครับ

ที่ว่าพระเจ้ามีองค์เดียวนั้นผมเห็นว่าเป็นการไม่จริงครับ โลกนั้นเกิดมาตามที่กระบวนการซึ่งทางวิทยาศาสตร์ได้อธิบายไว้ ซึ่งยังไม่เป็นข้อเท็จจริงเท่าไรนัก และพระเจ้าน้นกำเนิดขึ้นเมื่อมีมนุษย์ แต่ไำม่ได้แปลว่าพระเจ้าไม่มีจริงนะครับ ตามที่ไปอ่านมาตามเว็บต่างๆ พอจะสรุปได้ว่าพระเจ้าก็คือมนุษย์ที่มีคนนับถือกันมาครับ และพอตายไป ก็ยังนับถือเหนียวแน่นครับ พอมีเวลาผ่านมานานวันก็มีความแตกทางความเชื่อ จึงมีนิกายต่างๆอีกมากมาย รวมถึงตำนานต่างๆเกี่ยวกับพระเจ้าก็มักเกิดขึ้นในภายหลังเช่นกันครับ อย่างเรื่อของศาสนายิว ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม ตามที่ผมอ่านมาเช่นกัน ก็พอจะทราบว่าเป็นศาสนาที่นับถือพระเจ้าองค์เดียวกัน แต่นับถือในชื่อและพิธีกรรมที่แตกต่างกัน ซึ่งสังเกตง่ายๆระหว่าง ยิว กับ คริสต์ ซึ่ง ศาสนาคริสต์นั้นมีการอ้างคัมภีรของยิวมาด้วยเช่นกัน


ปล. เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากครับ ต้องศึกษากันนานๆ และหลายๆด้านหลายๆความเชื่อครับ ตัวผมเองก็อาศัยจำๆเอาเท่านั้นเองครับ การศึกษาอย่างจริงจังนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยุงยากครับ(ตามที่คนที่ได้ไปศึกษาบอกเล่ามาครับ)

อ้าว มีคนมาอ่านตั้ง ห้าสิบกว่าคนแระ


ท่านผู้ รุ้ คร้าฟ สงสัย เหมือน กะเจ้าของกระทู้ เรยอ่ะคร้าฟ


ยังไม่ได้ มาอ่านกันเหรอคร้าฟ คอย ข้อมูลอยู่ คร้าฟ

นั้นนะสิ มาอ่านกันตั้งเยอะ อยากทราบจิงๆนิดหน่อยก็ยังดีครับ

ตัน
โอม ทัต ปูรูชยา วิดมาเฮ วักรา ทุนดายา ดีมาฮี ทะโน ทันติ ปราโชดายะ 

ดัน หรือ ตัน ครับท่านกษิติ

เอาเป็นว่าเรื่องของศาสนาเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากครับ

พูดกันง่ายๆ ที่กล่าวว่าพระพุทธเจ้าเป็นหนึ่งในอวตานของพระวิษณุเทพ
ชาวพุทธยังไม่ยอม มาเปลี่ยน 10 อวตานของพระวิษณุใหม่ว่าไม่มีอวตานพระพุทธเจ้าอยู่ในนั้นครับ

บางนิกาย ก็เชื่อว่าพระเจ้ามีหนึ่งเดียวเป็นผู้สร้างสรรพสิ่ง อย่าง สนตนธรรม ครับ แต่พระองค์จะแบ่งแยกพระองค์เองออกตามหน้าที่ต่างกัน

แต่อย่างหนึ่งที่ทุกศาสนาแทบจะเหมือนกัน คือ ปลายทาง ครับ

Quote from: ลางสังหรณ์ on February 20, 2010, 21:33:04
อยากทราบพระเป็นเจ้านี้มีอยู่องค์เดียวในโลกนี้เปล่าคับ  แล้ว พระพุทธเจ้า  พระเยซู  พระอัลเลาห์  พระศิวะ หรือผู้นำศาสนาต่างๆที่กำเนิดมาในโลกที่ไม่ได้กล่าวถึงนั้นจะเรียกพระองค์ว่าอะไรในเมื่อพระเป็นเจ้าท่านมีพระองค์เดียวในโลกนี้   แล้วพระเป็นเจ้าท่านให้กำเนิดผู้นำศานนาเเต่หละศาสนานี้ออกมาเปล่าคับ(กำเนิดเพือให้มนุษย์เลือกทางศึกษาเปล่าคับ) คำถามอ่านจะดูงงๆเเต่ช่วยกันแกะคำถามผมหน่อยหละกันเรียงประโยคไม่ค่อยจะถูก
   ปล. ไม่ได้หลบหลู่ศาสนาไหนนะคับคือแค่สงสัยเลยต้องยกแต่หละศาสนามาเท่านั้น

คิดว่า  ศาสนาในโลกนี้ก็ไม่ได้มีศาสนาเดียว  หรือความเชื่อเดียว  เเละการยึดถือพระเป็นเจ้านั้น  เพื่อ ให้กลุ่มคน  มีเเบบเเผน

ให้สิ่งมีชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข  หลายศาสตร์  อธิบายการเกิดของโลก  ซึ่งอาจตรงบ้าง  เเตกต่างออกไปบ้าง

ถ้าถามศาสนาคริตส์เขาจะบอกว่าพระเป็นเจ้าเขาสร้างโลก 

มุสลิมก็จะตอบอีกอย่างนึง  ถามก็จะตอบอีกอย่าง  เเต่ถ้าถามในศาสตร์ความจริง  ที่คนเชื่อกัน

ก็จะตอบว่าโลกเกิดจากการชนของ  อุกาบาต  นั้นคือศาสตร์ของวิทยาศาสตร์

ซึ่งศาสตร์ที่เขาเรียกว่าความจริงนั้น  ไม่ได้อธิบายถึงพระเป็นเจ้าเลย  เเต่ก็ไม่มีใครพิสูจว่า  มีกี่พระองค์

ดังนั้นหากเชื่อในการทดลอง  ในศาสตร์ของวิทยาศาสตรคือศาสตร์ของความจริง  ความจริงที่สามารถอธิบายได้  วืทยาศาสตร์คือการพิสูจ 

พัฒนา  ช่วยเหลือความสะดวกสบาย อื่นๆ

เเต่ศาสนา  สอนในความจริงเเละความดี  ให้สังคมดำรงเเละดำเนินอยู่  เสือคิดว่า  อย่าหาคำตอบเลยคะ  ว่ามีองค์เดียว

หรือมีอยู่กี่องค์  เเต่นำบางส่วนที่คิดว่าถูกใจ  ใช่เลย  ชอบ  ศรัทธา  ศาสนานี้  อยากยึดศาสนานี้  คำสอนของพระเจ้า  พระองค์นี้

เพื่อชีวิตนี้จะมีที่ยึดเหนี่ยว  เสือคิดว่าเลิศกว่านะคะ  เสือเป็นไทยพุทธคะ  เเต่ชอบฟังเพื่อนสวด  ละหมาด ชอบเข้าโบทคริสต์ 

เพราะจะได้หัดร้องเพลง  ชอบเซน  เพราะคิดอย่างเเตกฉาน

เเล้วก็นับถือฮินดูเพราะชอบตำนาน  ทั้งสนุก  บางอย่างก็เเอบขบคิดในมุมมองวิทยาศาสตร์เปรียบเทียบ  บางอย่างก็ใช่เลย

เอาเป็นว่า  เสือก็ตอบได้งง  ไม่เเพ้เจ้าของกระทู้  อิอิ   


หวังว่าคนที่มีความรู้  จะมาตอบคุณนะคะ  เป็นกำลังใจให้คะ

ปล.ถ้าเสือตอบไม่ดี  หรือ  ทำให้ขุ่นข้องหมองใจ  เสือขอขมาด้วยนะคะ
เสียหายไม่ว่า  แต่เสียหน้าไม่ได้

สำหรับผม
การทรงดำรงค์อยุ่แห่งพระเจ้าอันสูงสุด
นั้นมีอยุ่จริงนะคัฟ
พระองคือผู้ทรงไร้รูปไร้นาม ทรงเป็นอนันตรูปอนันตนาม
เป็นอุตรภาวะ ทรงอยุ่เหนือสรรพสิ่งและทรงสถิตอยุ่ในสรรพสิ่ง
พระองค์ทรงเป็น ธรรม ทรงเป็นสัจจะจริงแห่งจักวาล
ข้าแต่พระวาคีศวรีเจ้า พระมารดาแห่งพระเวทย์ พระมารดาแห่งศฤงคาร พระมารดาแห่งขุนเขา 
ในนามของ พระปารวตี  ลักษมี  สรัสวตี  สาวิตรี  คายตรี พระองค์คือปรมาตมัน 
พระผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งพระพรหม วิษณุ รุทระ
ด้วยพระกรุณาแห่งพระองค์ จักทำให้โลกที่มืดด้วยอวิทยาสว่างขึ้นโดยพุทธิปัญญา

โอม ตัต สัต

ใกล้กระจ่างหละ ดีใจจังมีคนมาช่วยดิน อิอิ

จะบอกว่า ในคัมภีร์ปุราณะ มีเรื่อง นบีมูฮัมหมัด พระเยซู เรือโนอาห์ พระพุทธเจ้า บลาๆ ด้วยนะครับ
ทางฮินดูว่า พระเจ้าท่านพยากรณ์เอาไว้นานแล้ว เอามาบันทึกเป็นอักษรภายหลังพุทธกลาง

แต่นักวิชาการยุคหลังบอกว่าเป็นเรื่องที่แต่งมาทีหลัง

แล้วแต่จะเชื่อครับ

Quote from: แต่ก็มิได้นำพา on February 24, 2010, 10:05:57
จะบอกว่า ในคัมภีร์ปุราณะ มีเรื่อง นบีมูฮัมหมัด พระเยซู เรือโนอาห์ พระพุทธเจ้า บลาๆ ด้วยนะครับ
ทางฮินดูว่า พระเจ้าท่านพยากรณ์เอาไว้นานแล้ว เอามาบันทึกเป็นอักษรภายหลังพุทธกลาง

แต่นักวิชาการยุคหลังบอกว่าเป็นเรื่องที่แต่งมาทีหลัง

แล้วแต่จะเชื่อครับ



คุณครูคร้าฟ คำว่า บลาๆ นิ่ แปลว่า อะไรอ่ะคร้าฟ ตอนแรกอ่าน ก็ เข้าใจมา งง ตรง บลาๆ 


นาร๊าย นารายณ์ ...เหอ.....เหอ......เหอ.....

ในความคิดของบูนะคะ
ศาสนาทุกศาสนาล้วนเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ
ทุกศาสนาล้วนสอนให้คนหรือมนุษย์กระทำแต่ความดีคะ
ละเว้นความชั่ว
และทุกศาสนามีหนทางในการหลุดพ้นคะ

พระเป็นเจ้าเป็นผู้ยากแก่การเข้าถึง
                                      เหอ.....เหอ.....เหอ.....

ในความหมายของพี่ณิชานะคะ


[HIGHLIGHT=#ffff00]ศาสนาคือคำรวมที่หมายถึง  ความดีงามในด้านต่างๆที่มีกฏข้อบังคับของการปฏิบัติเพื่อให้มนุษย์นำมาใช้ประกอบการดำรงชีวิตบนโลกใบนี้  [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]เพื่อเป็นแรงถ่วงของกิเลสด้านมืดต่างๆ เพื่อให้เกิดความสมดุลย์กับชีวิตมนุษย์  ซึ่งสามารถเลือกถือปฏิบัติได้ตามจริตหรือความชอบของแต่ละคน[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00][/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#ffff00]ผู้ที่ได้ชื่อว่าบุตรแห่งเทวะ  ย่อมมีหัวใจของเทวะ    [/HIGHLIGHT]

บลาๆ เป็นศัพท์วัยรุ่น หมายถึง อื่นๆ เยอะแยะ

Quote from: แต่ก็มิได้นำพา on February 26, 2010, 09:59:32
บลาๆ เป็นศัพท์วัยรุ่น หมายถึง อื่นๆ เยอะแยะ



555+  เออ เอาซิ่ มีศัพท์ วัยรุ่น ด้วยนะ เรานิ่ อย่าซีเรียส ใช่มะ

ขอตอบตามความเข้าใจส่วนตัวครับ...

ศาสนา ย่อมกำเนิดขึ้น ด้วยความกลัวของมนุษย์
มนุษย์ย่อมต้องการหลักยึดเหนี่ยวจิตใจ
และใช้เป็นบรรทัดฐานในการดำรงชีวิตอย่างเป็นสุข
ดังนั้น ศาสนาจึงเกิดขึ้น เพื่อสนองความ "อยากพ้นทุกข์"...

พลังงานที่ให้กำเนิดจักรวาล และสิ่งต่างๆ นั้น น่าจะเป็นพลังงานแรกเริ่มเดียวกัน
เปรียบเสมือนแสงสว่าง ที่ส่องไปกระทบยังกระจก 6 ด้าน...
แต่ละด้าน ก็สะท้อนแสงนั้นออกมาเป็นพระเจ้าของแต่ละศาสนา..
เพื่อทำหน้าที่ประกาศหลักคำสอน
ทั้งนี้ก็เป็นไปตามกาละ เทศะ สถานที่ ที่แตกต่างกันไป
ความละเอียด ลุ่มลึก หรือ หลักปฏิบัติ ก็แตกต่างกันไป
ตามแต่ความเหมาะสมกับภาวะนั้นๆ

แต่จะเห็นว่า มีจุดมุ่งหมายคล้ายๆ กัน คือ "การหลุดพ้นจากความทุกข์"
ซึ่งแต่ละศาสนามีที่ไป คล้าย หรือ ต่าง กันบ้าง...ตามแต่จุดยืนของศาสนานั้นๆ...

อย่างไรก็ดี...ในมุมมองของแต่ละศาสนา
ย่อมมองการหลุดพ้นตามหลักศาสนาของตนว่าเป็นที่สุด
จะกล่าวว่า ศาสนาใด สูงส่ง หรือ ต่ำต้อยกว่า อีกศาสนาหนึ่งนั้น
ย่อมเป็นการไม่สมควร...

หากจะนับโดยศักดิ์แล้ว... พระพุทธเจ้า ย่อมเป็นศาสนาองค์หนึ่ง
ที่มีศักดิ์ศรี ไม่แตกต่างจากพระศาสดาของศาสนาอื่น...
เช่น พระศิวะ พระเยซู หรือพระอัลเลาะห์
ทั้งนั้น แล้วแต่ใครจะนับถือใคร และจะเลือกเดินทางไหน
อันเป็นวิจารณญาณของตน และเหมาะสมแก่สภาวะของตนที่สุด

แต่โดยส่วนตัวแล้ว ผมเห็นว่า...
พระพุทธเจ้า เป็นศาสดาองค์เดียว ที่สอนถึงขั้นการหลุดพ้น
จากการเสวยสุข ในขั้นสวรรค์ (ทั้งความเป็นเทวดา เทพ และพรหม)
หรือดินแดนอัศจรรย์ใดๆ อันต้องอาศัยความพอใจ ในอารมณ์ที่หยาบ หรือละเอียดทั้งปวง
พ้นจากความสุขอันต้องเสวยด้วยอารมณ์ใดๆ
เนื่องด้วยไม่อิงแอบแม้กับกับผัสสะที่น่าพอใจ หรือเป็นกลางๆ ก็ตาม
และไม่ยึดติดแม้ในพระเจ้า ศาสดา หรือแม้แต่ตนเอง...
เป็นความหลุดพ้น อย่างบริสุทธิหมดจด อย่างแท้จริง

หากจะดูตามหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนาแล้ว..จะเห็นว่า
ธรรมชาติ ก่อเกิดสรรพสิ่ง... อวิชชา หรือ ความไม่รู้ ก็ย่อมมีอยู่แล้วในธรรมชาติ
พลังงานอันก่อเกิดเป็นบุคลาธิษฐาน ที่ฉายออกมาจากกระจก 6 ด้าน
ก็ได้รับอิทธิพล และเจืออยู่แล้ว ซึ่งอวิชชา.. แม้จะเป็นอวิชชาที่ละเอียดมากก็ตาม
เนื่องด้วยเป็นสภาวะที่ถูกปรุงแต่งตามธรรมชาติ

ดังนั้น สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสอน ได้ทรงสอน ถึงขั้นการถอนรากของอวิชชา
ย่อมแสดงว่า บริสุทธิ์ เหนือพลังงานอันเจือด้วยอวิชชานั้นแล้ว
พูดโดยภาษาสมมุติว่า.. สามารถกลับไปเป็นภาวะเดียวกับภาวะต้นกำเนิด
อันยังไม่ถูกเจือด้วยอวิชชาได้นั่นเอง...

แต่ก็อย่างที่บอก แต่ละศาสนา มีทางหลุดพ้นตามหลักการของศาสนานั้นๆ...

ทั้งนี้ ถือเป็นความเห็นส่วนตัว... ครับ


ป.ล.
คำว่า บลา บลา บลา... นั้น สมัยนี้ อาจเป็นศัพท์วัยรุ่น
แต่สมัยผม.. มันเป็นคำพูดในภาษาอังกฤษ ที่ใช้กันมานานแล้ว
หมายถึง "อื่นๆ (อีกมากมาย)"...
พอสมัยนี้ เด็กรุ่นใหม่ ก็รับเอามาใช้ในภาษาไทย น่ะครับ...