Loader

คายตรี มหาเทวี (GAYATRI) (พระแม่แห่งพระเวท)

Started by ลองภูมิ, April 04, 2010, 00:37:44

Previous topic - Next topic

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

การสวดมนตร์บูชาต่อพระแม่คายตรี (คายตรีมนตร์) (GAYATRI-MATRA)

ยา สันธยา มัณฑลคะตา ยา ตรี มูรติ สวะรูปิณี /
สรัสวตี ยา สาวิ-ตรี ตามะ วันเท เวทะ-มาตะรัม //

ความหมาย
พระแม่แห่งวงล้อมสุริยะคติ พระผู้ทรงเป็นที่รวมแห่งเทพเจ้าทั้ง 3 พระองค์ พระผู้ทรงเป็นทั้งพระแม่ สรัสวตี และพระแม่ สาวิตรี ข้าพเจ้าขอน้อมกราบพระองค์พระแม่ คายตรี (พระมารดาแห่งพระเวททั้งหลาย)

ยา วิศวะ ญาณนี เทวี ยา ตรีมูรติ- สวรูปิ- ณี /
คายตรี รูปิณี ยา หิ ตามะ วันเท สัปตะ มาตฤตามะ //

ความหมาย
พระแม่ผู้ทรงเป็นพระมารดาแห่งโลกทั้งหลาย พระผู้ทรงเสด็จมาในรูปแห่งเทพเจ้าทั้ง 3 พระองค์ และพระผู้ทรงเสด็จมาในรูปแห่งพระแม่ คายตรี ข้าพเจ้าขอน้อมกราบต่อพระองค์ในรูปแห่งพระมารดาทั้ง 7 พระองค์


ปล.เรื่องนี้ยาวมากครับ โปรดติดตามชม ไปเรื่อยๆนะครับ เนื่องจากจะมีการสอนในเรื่องการสวดมนตร์แบบนับนิ้วด้วยครับ(ยังไม่แน่ใจว่าจัดอยู่ในหมวดใดดีเพราะมีการเล่าเรื่องผสมกับคำมนตร์)

โห
พี่ตี๋
หายไปนานเลยอะ
อย่าลืมมาต่อนะคัฟ ชอบบบบบ   คุคุ
ข้าแต่พระวาคีศวรีเจ้า พระมารดาแห่งพระเวทย์ พระมารดาแห่งศฤงคาร พระมารดาแห่งขุนเขา 
ในนามของ พระปารวตี  ลักษมี  สรัสวตี  สาวิตรี  คายตรี พระองค์คือปรมาตมัน 
พระผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งพระพรหม วิษณุ รุทระ
ด้วยพระกรุณาแห่งพระองค์ จักทำให้โลกที่มืดด้วยอวิทยาสว่างขึ้นโดยพุทธิปัญญา

โอม ตัต สัต

ดีค่ะดีค่ะ  พี่ลองภูมิ  รอชมด้วยอีกคนคะ  ส่วนคาถาบุพเพสันนิวาสเนี่ย  มีไหมค่ะ 

ถ้ามีขอหน่อยนะคะ  รู้สึกคุ้นๆเหมือนเคยเห็นที่ไหนอะคะ  เเต่จำไม่ได้คะ
เสียหายไม่ว่า  แต่เสียหน้าไม่ได้

Quote from: เสือร้องไห้ on April 05, 2010, 01:52:44
ดีค่ะดีค่ะ  พี่ลองภูมิ  รอชมด้วยอีกคนคะ  ส่วนคาถาบุพเพสันนิวาสเนี่ย  มีไหมค่ะ 

ถ้ามีขอหน่อยนะคะ  รู้สึกคุ้นๆเหมือนเคยเห็นที่ไหนอะคะ  เเต่จำไม่ได้คะ

คาถาบุพเพเหรอ   ไปลดเชฟก่อน เดี๋ยวก็มา  

พระ แม่คายตรี (GAYATRI พระมารดาแห่งพระเวท)


                 สิ่งสูงสุด , ความสำนึกอันบริสุทธิ์ก็คือ ปะระพรมหมณ์ (PARABRAHMAN)
ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับบุคลิกภาพแห่งเทพเจ้า , ความสำนึกอันอยู่เหนือนี้ก็คือ พลังอำนาจแห่งพระคายตรี พระแม่ทรงเป็นต้นเหตุเริ่มแรกแห่งทุกสิ่งทุกอย่าง นั้นก็คือ สิ่งนี้และสิ่งนั้นที่เกิดขึ้น เมื่อพระแม่ทรงแบ่งภาคแห่งตรีคุณส์ (TRIGNAS) หรือ 3 ลักษณะ คือ สัตตะวะ (SATTNA การทรงตัว) ราชส์ (RAJS ตัณหา) และตัมส์ (TAMASการเกียจคร้าน) การนำมาซึ่ง 3 คุณลักษณะให้รวมกันจะได้ พระพรหม พระวิษณุเทพ พระศิวะเทพ , พระพรหมทรงควบคุม ราชส์คุณ, พระวิษณุ-สัตตะวะคุณ  ส่วนพระศิวะเทพคือ ตัมส์คุณ  , พระแม่คายตรีทรงได้รับการกราบไหว้บูชา โดยเทพเจ้าทั้ง 3 พระองค์นี้ว่าเป็นพระมารดา ดั้งนั้นพระพรหม พระวิษณุ พระศิวะ จึงทรงเปรียบได้เหมือนพระราชโอรสของพระแม่คายตรี พระแม่คายตรีทรงนำทั้ง 3 พระองค์เข้าสู่ แค่ (เปล) หามแห่ท้องฟ้า (อากาศ) ซึ่งผูกมัดไว้โดยเชื่อแห่งพระเวทย์ทั้ง 4 โดยมีคำว่า "โอม" เป็นเพลงกล่อมเด็ก พระแม่ทรงกล่อมให้พระกุมารทั้ง 3 หลับ เมื่อทรงเห็นพระกุมารหลับด้วย คุณส์ทั้ง 3 พระแม่จึงหายองค์จากไป เป็นเวลายาวนาน , เทวะทั้ง 3 พระองค์ (ตรีมูรติ) ได้ทรงตื่นจากการนอนและเริ่มร้องไห้เสียงดัง ด้วยความแปลกพระทัยที่ทรงเห็นแต่ความว่างเปล่า และด้วยพลังคุณส์ทั้ง 3 ต่อมาทั้ง 3 พระองค์ได้เที่ยวค้นหาพระมารดาของพระองค์ ทั้ง 3 พระองค์จึงทรงนั่งกรรมฐานอยู่เป็นเวลายาวนาน
              ด้วยพลังแห่งกรรมฐานนี้ได้เผาไหม้จักรวาล พระแม่คายตรีจึงทรงปรากฏกายต่อหน้าพระกุมารทั้ง 3 ถึงแม้ว่าพระนางจะขจรกระจายอยู่ทั่วทุกหนแห่งเต็มไปด้วยคุณลักษณะแห่งเทวะ พระนางทรงได้แปลงร่างเป็นหญิงสาวสวยงามมาก สวยที่สุดในจักรวาล ทรงสวมใส่ด้วยเสื้อผ้า (สาหรี) สีแดง พวงมาลัยห้อยไปมารอบพระศอและพระพักตร์ของพระนางเหมือนดั่งพระจันทร์เต็มดวง พระนางทรงมี 3 พระเนตร และที่พระนลาฤทรงเจิมด้วยผงชาตสีแดง พระนางทรงมี 8 กร ทรงถือดอกบัว หอยสังข์ ตะบองและอาวุธอันทรงพลังทั้งหลาย พระนางทรงสวมกำไลข้อมือจำนวนมากและมีแหวนเต็มนิ้วมือ ประดับด้วยเพชรพลอยอันมีค่า
พระนางทรงเสด็จเข้าใกล้พระโอรสของพระนางและทรงมีเหงื่อไหลออกมาจากพระพักตร์ดั่งเม็ดไข้มุก ต่อมาพระนางทรงอุ้มพระกุมารทั้งสามและทรงตรัสเรียกพระนามว่า พระพรหม พระวิษณุ พระศิวะ

                พระตรีมูรติได้วิ่งเข้าหาพระมารดาของพระองค์  พระแม่ทรงจุมพิตและกอดรัดพระกุมารทั้งสามบ่อยๆครั้ง และทรงมีรับสั่งว่า

"โอ่ ลูกรัก แม่ได้สร้างลูกขึ้นมาด้วยการกระทำที่ยิ่งใหญ่ที่แตกต่างกันไป แม่เคยอยู่กับพวกเจ้าเป็นเวลายาวนานในครั้งก่อน ดังนั้นแม่ต้องการให้พวกเจ้าได้มีพลังอำนาจแห่งการสร้าง การคุ้มครอง และการทำลายล้าง ได้ด้วยการให้พวกเจ้าถือพรต จนกระทั้งดวงวิญญาณ ซึ่งจะมีส่วนร่วมในการดำเนินกิจแห่งจักรวาลนี้ด้วยเจ้าทั้ง 3 องค์ แม่จะอยู่กับพวกลูกเสมอจนกว่าจะถึงเวลาอันสมควร ในไม่ช้านานนัก พวกลูกๆ จะได้ตระหนักในตัวแม่ด้วยตนเอง โดยพรของแม่ ดังนั้นขอให้บูชาในรูปแห่งพระแม่คายตรี แม่จะยินดีต่อการกราบไหว้บูชานี้ และนำมาซึ่งความสำเร็จความอุดมสมบูรณ์ ขอให้สวดมนตร์บูชาแม่ในช่วงเวลาที่เกิดความสับสนหรือต้องการความช่วยเหลือ"
               เมื่อทรงตรัสดังนี้แล้วพระแม่ได้ให้พรต่างๆแล้วทรงหายร่างจากไป








การกราบไหว้บูชาต่อพระแม่ คายตรี เพื่อความสมประสงค์
บุคคลทั้งหลายผู้ปรารถนาการบูชาต่อพระแม่ คายตรี เพื่อความสำเร็จสมประสงค์ จำเป็นต้องสวดสรรเสริญบูชาเพื่อความสำเร็จก่อน และหลังจากการทำสมาธิบูชา เขาทั้งหลายจะต้องบูชาเพื่อความสมาปรารถนาที่ตั้งใจไว้  เพื่อความกระจ่างแห่งปัญญา ต่อมา จะต้องไม่มีข้อแคลงใจแต่อย่างใดต่อการบูชานี้ ซึ่งจะทำให้สำเร็จสมประสงค์แห่งคำสัตย์อธิฐาน เป็นสิ่งแรกและต่อมาจะนำมาซึ่งความสำเร็จ
ผู้ชาย ผู้หญิงและเด็กๆที่ขาดซึ่งพลังแห่งความจำ สามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ พวกเขาจะต้องหลั่งน้ำบูชาต่อพระอาทิตย์ในตอนรุ่งเช้าโดยหันหน้าไปทางทิศตะวันออก และท่องสวดมนตร์คายตรีมนตร์ 10 ครั้ง ภายใน 4 อาทิตย์จะต้องปฏิบัติติดต่อกันแล้ว จะทำให้กลายเป็นคนปกติเหมือนเดิมได้ และยังเพิ่มพูนความฉลาดและขยันให้มากขึ้น
เขาทั้งหลายผู้ที่ต้องการจะได้ซึ่งกิจการงามที่ดีขึ้นไปอีกและผู้ปรารถนาจะได้รายได้ดี , ผู้ปรารถนาทรัพย์สมบัติและการงานที่ดีจะต้องกราบไหว้บูชาต่อพระแม่ลักษมีในรูปแห่งพระแม่ คายตรี (ซึ่งรวมร่างแห่งพระแม่ สรัสวตี ลักษมี กาลี เป็นพระองค์เดียว)





ข้อปฏิบัติ
1.    การปฏิบัติในการทำสนธนา (SADHANA) จะต้องประกอบขึ้นในวันศุกร์เสมอ เป็นประจำก่อนที่จะชำระร่างกาย ให้ใช้น้ำมันทาผิวผสมขมิ้นผง ชโลมให้ทั่วร่างกายแล้วจึงอาบน้ำชำระร่างกายต่อไป
2.    ให้นำผ้าไหมสีเหลืองมาปูบนที่นั่ง ที่ซึ่งจะต้องนั่งสมาธิ โดยให้โปรยผงขมิ้นสีเหลืองลงบนด้ายสายสิญจ์ ให้สวมใส่ผ้าสีเหลืองและใช้ดอกไม้สีเหลืองต่อการกราบไหว้บูชาภาพหรือเทวรูปของพระแม่คายตรี และจัดอาหารถวาย ( ประสาท PRASADA ) ภายหลังจบพิธีแล้ว
3.    ในการทำสมาธิจะต้องทำสมาธิถึงพระแม่ คายตรี หรือพระแม่ลักษมี ที่แลเห็นได้ว่าพระแม่ทรงสวมใส่สาหรี สีเหลืองและประทับนั่งบนหลังช้าง
4.    ท่องสวดมนตร์ของพระแม่ คายตรีด้วยคำลงท้ายว่า "ศรีม" (SRIM) ดังมนตร์ต่อไปนี้
โอมฺ ภูร ภวัช สวัช , โอมฺ ตัต สวิตุร วเรนะยัม ภรโค เทวัศยะ ธีมหิ , ธิโย โย นัชประโจทะยาต, ศรีม
คำแปล
"ข้าแต่พระแม่แห่งสวรรค์ พระแม่ คายตรี-แม่ลักษมี , ขอให้พระแม่ทรงโปรดต่อการการไหว้บูชาครั้งนี้ของข้าพเจ้าด้วยเถิด ขอให้ทรงประทานพระเมตตาด้วยสุขภาพ , ทรัพย์สมบัติ ความร่ำเริงและความสุขสันติต่อข้าพเจ้าด้วย ขอให้ความปรารถนาของข้าพเจ้าทั้งหมดสมประสงค์ด้วยเถิด ขอน้อมคารวะต่อพระแม่"
ขอให้ประกอบสนธนา นี้เป็นประจำทุกวันศุกร์ เป็นเวลาติดต่อกัน 3 เดือน สิ่งขัดขวางหรืออุปสรรคทั้งหมดจะถูกขจัดไปสิ้น และความปรารถนาจะสำเร็จสมบูรณ์โดยพระเมตตาแห่งพระแม่

การประกอบสมาธิกรรมฐานบูชาต่อพระแม่คายตรี (GAYATRI DEVI)

การประกอบพิธีกรรมทำสมาธิบูชาต่อพระแม่ คายตรี นับได้ว่าเป็นสิ่งสูงสุดที่ได้กล่าวไว้ในพระคัมภีร์พระเวททั้งหลาย กด้วยการประกอบสมาธินี้ขึ้นอย่างน้อย 4 ครั้งต่อวัน (ในตอนเช้า กลางวัน เย็น และตอนค่ำ บุคคลผู้ประกอบสมาธินี้จะได้รับซึ่งความสำเร็จความสมบูรณ์ทางร่างกายจิตใจและวิญญาณ
การท่องสวดมนตร์บูชาต่อพระแม่คายตรี เพื่อจะได้รับซึ่งการมีสตินึกคิดทั่วไป เพื่อให้เกิดพลังอำนาจที่ไม่มีวันจบสิ้น ความหมายที่แท้จริงของ คายตรี-มนตร์มีว่า

"ข้าแต่พระแม่ผู้มีความมั่นคงถาวรอันบริสุทธิ์ , พระผู้มีความกรุณา เมตตาที่แท้จริง , พระผู้สร้างมิติทั้ง 3 พวกเราขอน้อมกราบต่อพระแม่พระผู้ทรงประทานแสงสว่าง ความรุ่งเรืองและความฉลากแก่พวกเรา "การประกอบสมาธิบวงสรวงบูชาต่อพระแม่ คายตรี สามารถทำลายล้างความลุ่มหลงใหลทั้งหมดให้บังเกิดพลังปราณ (PRANA) ให้การมีชีวิตที่ยืนยาว ความรุ่งเรืองและโชคลาภ มนตร์นี้เป็นกุญแจที่จะไขเปิดประตูแห่งความรู้สึกสำนึกแห่งจักรวาลได้

วิธีปฏิบัติกิจประกอบพิธีบูชาต่อพระแม่ คายตรี
1.  เวลาที่ดีที่สุดในการประกอบพิธีทำสมาธิคือ ตอนเช้าตรู่ ก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้น และในช่วงตอนเย็นก่อนที่พระอาทิตย์จะตก
2.  สถานที่ ที่จะประกอบสมาธิ จะต้องเป็นห้องหรือบริเวณใดก็ได้ที่จัดเอาไว้สะอาด อากาศแจ่มใส

3.   อาสนะ ที่นั่งจะต้องถาวรและประจำ จะต้องปูด้วยหนังสัตว์ เสื่อหรือผ้าสะอาด
4.  จะต้องนั่งในอาสนะที่ทำเป็นรูปดอกบัว ( ปัทมาสนะ PADMASANA) หรืออาสนะที่สมบูรณ์อย่างใดก็ได้
5.   จะต้องนั่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออกหรือทิศเหนือ
6.   การนั่งจะต้องนั่งนิ่งสงบไม่ขยับไปที่อื่นใด ในขณะท่องสวดมนตร์ รักษาคอ ศีรษะ และลำตัวให้ตั้งตรง
7.  อยู่ในความสงบ ไม่หวั่นกลัวสิ่งใด
8.  จุดการบูร ประทีป หรือตะเกียงในห้อง เพื่อให้เกิดมีแสงสว่างในชั่วขณะหนึ่งและเพ่งดูเปลวไฟด้วยดวงตาแห่งจิต โดยสวดคายตรี-มนตร์
9.   ในการสวดท่องมนตร์นี้ การทำสมาธิรำลึกถึงความหมายแห่งมนตร์และสร้างมโนภาพในดวงจิต ในรูปแห่งพระแม่ คายตรี ( 5 พักตร์)
10. ด้วยการสร้างมโนภาพแห่งพระแม่ ประกอบด้วยพยางค์ 24 พยางค์ แบ่งเป็นหัวข้อ ๆ ละ 8 พยางค์
11.  มนตร์นี้เป็นมนตร์ศักดิ์สิทธิ์แห่งพระเวท ทำสมาธิพร้อมกันในระหว่างทำสันธโยปาสนา(SANDHYOPASANA)
12. มนตร์คายตรี ในพระฤคเวท สวดเพื่อได้รับซึ่งแสงสว่างเพื่อความรุ่งเรือง
13. มนตร์นี้ระบุถึงเทพเจ้าดั่งแสงสว่าง และต่อพระอาทิตย์ผู้เป็นเครื่องหมายแห่งแสงสว่างทั้งหมด
14. คายตรี มนตร์เป็นส่วนหนึ่งแห่งเทพโดยตรง ที่ทรงมอบให้พวกฤษี นักพรตเอาไว้
15. พระแม่คายตรี ทรงเป็นพระมารดาแห่งพระเวททั้งหมด (ต้นกำเนิดแห่งความฉลาดที่ยิ่งใหญ่แห่งจักรวาล)
16. มนตร์นี้เป็นกุญแจที่จะไขเปิดประตูแห่งความสุขความสำเร็จแห่งจักรวาล
17. ฤษี วิศวามิตร (VISHVAMITRA) เป็นผู้ค้นพบ คายตรี มนตร์
18.  คายตรีมนตร์ ปรากฏครั้งแรกในพระคัมภีร์ ฤคเวท และต่อมาอยู่ในพระคัมภีร์อชุรเวท และสามเวท และในพระอุปนิษัท ทั้งหลาย
19. มนตร์นี้ได้ให้กำเนิดจักรวาล เพราะว่า มนตร์นี้จะต้องประกอบขึ้น พร้อมกับการทำสมาธิต่อแสงไฟ เปรียบเหมือนดั่งพระอาทิตย์ ซึ่งนับได้ว่าเป็นหัวใจที่สำคัญต่อมนุษย์ชาติทั้งหมด
20. พระแม่คายตรีก็คือพลังอำนาจแห่งเทพเจ้าทั้ง 3 พระองค์ มนตร์บูชานี้นำมาซึ่ง ความรู้ ความฉลาด ทรัพย์สมบัติ ความบริสุทธิ์ และการเป็นอิสระหลุดพ้นจากบาป
21. สันธโยปาสนา หรือคายตรี- อุปาสนา (UPASANA) หมายถึงการทำสมาธิบูชาซึ่งจะสร้างการเชื่อมโยงด้วยรัศมีที่สูงสุด ที่รวบรวมไว้ใน คายตรี มนตร์

ขอบพระคุณค่ะ
สุ จิ ปุ ลิ  ขาด สักข้อ ก็ไม่ครบการเป็นปราชญ์

ปราชญ์ที่ดีต้องเป็นผู้ฟังมากกว่า พูด พูดในสิ่งที่สมควรพูด

ผู้ที่ฉลาดแท้จริง ฟัง มากกว่าพูด เพราะถ้าเรารู้ไม่จริง หรือไม่หมดก็จงอย่าพูด

เพราะเมื่อเปิดปากออกมา เมื่อนั้นได้แสดงความโง่ออกมาโดยไม่รู้ตัว

คนเก่งจริง ต้องเรียนรู้เสมอว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือตัวเรายังมีคนที่เก่งกว่า จงถ่อมตนเสมอ จงเป็นผู้ให้เสมอ