Loader

การอารตีตามแบบฮินดูโบราณ

Started by กาลิทัส, January 28, 2009, 10:57:50

Previous topic - Next topic

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

การอารตีนั้น จะเรียกว่าอารตี หรือในทางศาสนพิธีจะเรียกว่า นีราชนมฺ การนีราชนมฺ ถ้าพอจะเทียบกับพิธีพราหมณ์ของฝ่ายไทยคือการเวียนเทียนสมโภช ในตอนท้ายของพิธีนั่นเอง



การอารตี หรือนีราชนมฺ ตามประเพณีฮินดูอาจแบ่งกว้างๆออกได้เป็นสองอย่าง คือ
1.สนฺธยารตี คือการอารตี ที่กระทำในเวลาสนธยา ได้แก่ เวลาเช้า กับพลบค่ำ ทางเทวสถานเทพมณเฑียร ฮินดูสมาช กำหนดให้เป็นเวลา07.00น.และ 19.00น.ของทุกวัน การสนธยาอารตีจะต้องกระทำในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทุกแห่งไป และมักจะกระทำหลังจากการชุมนุมสวดมนตร์หรือการทำสันธโยปัสนา(ภาวนาประจำวัน) ส่วนการกระทำในบ้านเรือนซึ่งมีการประดิษฐานเทวรูปนั้น ได้มีความเห็นออกเป็นสองฝ่าย นักบวชสวามีบางรูปเห็นว่าไม่ควรทำ เพราะบ้านเป็นที่อาศัยของคฤหัสถ์ชนย่อมมีการกระทำบาปเนืองๆ แต่บางท่านเห็นว่าสามารถกระทำได้ แต่โดยทั่วๆไปถ้าหากมีสถานที่บูชาอันเฉพาะเป็นสัดส่วน ก็น่าจะสามารถกระทำได้ไม่ผิดอะไร
2.การอารตี หลังการประกอบพิธี การอารตีประเภทนี้จะกระทำหลังจากการประกอบพิธีบูชาตามวาระโอกาสต่างๆ หรือหลังจากการสวดมนตร์ การชุมนุมสวดมนตร์ หรือการที่อาจารย์พราหมณ์นักบวชได้สวดอ่านคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ เช่น ปุราณะต่างๆ รามายณะ ภควัทคีตา รามจริตมานัส เป็นต้น หรือการทำอภิเษกสมโภชนักบวช คุรุ สิ่งก่อสร้างต่างๆ หรือการต้อนรับผู้มาเยือน การต้อนรับเจ้าบ่าว นักบวช คุรุ(กระทำเบื้องหน้าผู้ที่เราต้อนรับ) ฯลฯ การอารตีเช่นนี้ วิธีการคล้ายแบบแรก แต่ไม่กำหนดระบุเวลา
อุปกรณ์ในการทำอารตี

1.ตะเกียงอารตี ตะเกียงอารตีมีหลายรูปแบบ แต่ตามประเพณีดั่งเดิมใช้ถาด รองด้วยข้าวสาร ใบพลูหรือกลีบดอกไม้ หรือผงกำยานหรือกำยานเปียก(เพื่อไม่ให้ถาดใหม้)วางด้วยการบูรแท่งหรือก้อน ตะเกียงนี้เรียกว่า กรฺปูรฺอารตี จุดไฟที่การบูร อันนี้เป็นแบบโบราณประเพณี ถือว่าไฟจากการบูรเป็นไฟสะอาด มีกลิ่นหอม
ประเภทอื่นๆ คือใช้ตะเกียงที่มีหลุมจำนวนที่นิยมคือ 5 หลุม ใช้สำลีปั้นก้อน ใช้เนยเหลว(ฆี)เป็นเชื้อเพลิง บางที ก็ใช้ 9 หลุม หรือมากกว่านั้น หรือใช้ชนิดหลุมเดียวก็ได้ หรือนำประทีบ 1 ดวงใส่ถาดก็ได้
2.ปัญจปาตร หรือถาด ไว้รองรับตะเกียงเมื่ออารตีเสร็จแล้ว
3.ภาชนะใส่น้ำพร้อมช้อน หรือสังข์ที่ใช้บรรจุน้ำได้
4.ธูป ตามคติฮินดูใช้ 5 ดอก (เหมือนจำนวนประทีป) เพราะเลขห้า หมายถึง ธาตุ5
ตามคติฮินดู (ไฟ(อัคนิ) น้ำ(อาโป) ลม(วาโย) ดิน(ปฤถิวี) อวกาศ)
5.ดอกไม้ มีหรือไม่ก็ได้
6.ระฆัง (ฆันฏา) ชนิดถือสั่นได้สะดวก
วิธีการทำอารตี
1.ก่อนทำให้อาบน้ำสนานกาย เข้ามายังห้องพิธี เทน้ำจากช้อนเล็กน้อยในอุ้งมือขวา แล้วจิบน้ำจากโคนข้อมือขวา 3 ครั้ง เรียกว่าการอาจมานํ(เพื่อให้เกิดความบริสุทธิ์ การอาจมานํนี้ กระทำก่อนการทำพิธีต่างๆรวมทั้งการสวดมนตร์ละภาวนา)
ครั้งที่ 1 สวดว่า โอมฺ เกศวาย นมะ(จิบ)
ครั้งที่ 2 สวดว่า โอมฺ นารายณาย นมะ(จิบ)
ครั้งที่ 3 สวดว่า โอมฺ มาธวาย นมะ(จิบ)
จากนั้นรินน้ำเล็กน้อยล้างมือ สวดว่า โอมฺ หฺฤษีเกศาย นมะ
2.สวดมนตร์เลือกบทที่ชอบหรือสวดเป็นประจำ หรือบทที่บูชาพระอันประดิษฐาน ณ ที่นั้น ต่อหน้าที่บูชา
3.เป่าสังข์สามครั้ง(ถ้ามี ไม่มีไม่เป็นไร เพราะไม่จำเป็นเท่าใดนัก)
4.จุดธูปขึ้น เริ่มการอารตี โดยสั่นกระดิ่งในมือซ้าย มือขวาถือธูปวนไปรอบๆ เทวรูปตามเข็มนาฬิกา เริ่มที่พระคเณศก่อน(ถ้ามี) จากนั้นองค์ที่เป็นประธาน จนครบทุกองค์ องค์ละสามรอบ ปักธุปไว้ในที่บูชา ขณะถวายธูปสวดว่า(มนตร์ของเทพองค์นั้นตามด้วย - ธูปํ สมรปยามิ)
5.จุดตะเกียงอารตี เริ่มจากพระคเณศก่อนเช่นกัน ในคัมภีร์นิตยฏรมฺบอกว่า การอารตีให้เริ่มจากที่พระบาท วนสามรอบ ที่พระอุระ วนสามรอบ ที่พระพักตร์ วนสามรอบ ทั้งพระองค์สามรอบ หรือจะ วนที่องค์พระองค์ละ 9 รอบก็ได้ จนครบทุกองค์ ระหว่างนี้จะสวดบท(กรฺปูรเคารํ กรุณาวตารํ ฯลฯ ก็ได้) หรือจะสวด ว่า ตามด้วย - นีราชนํ ทรฺศยามิ หรือ การปูร อารตีกยํ ทรฺศยามิ สมรปยามิ
6.เมื่อวนจนครบแล้ว ให้วางลงในภาชนะ ถาดรองรับ นำสังข์หรือช้อนที่มีน้ำวนสามรอบ รอบๆตะเกียงนั้น แล้วรินน้ำนิดนึงทุกรอบจนครบสาม สวดมนตร์ถวาย ว่า(มนตร์ประจำองค์)-ตามด้วย - มงฺคลอารติกยํ สมรปยามิ ใช้มือขวาโบกควันศักดิ์สิทธิ์เหนือไฟเบา เข้าถวายองค์เทพ สามครั้ง
7.จากนั้นจึงค่อย เอามือทั้งสองโบกควันไฟศักดิ์สิทธิ์ เข้าสู่ตัวเอง โดยโบกเหนือไฟ แล้วแตะที่ใบหน้า ดวงตาหรือหน้าผาก เป็นพรที่พระเป็นเจ้าประทานให้
8.ถือดอกไม้(ถ้ามี)หรือพนมมือ กล่าวสวดมนตร์ หากสวดสันสกฤตไม่ได้ ให้อธิษฐานในภาษาไทย สวดขอพรความสวัสดี และขอให้พระเป็นเจ้าอภัยในโทษานุโทษต่างๆที่เรากระทำเรียกว่า การกษมารปณํ
แล้วสวดขอขมาที่อาจทำพิธีพลั้งพลาด ขออัญเชิญท่านกลับ ให้มีแต่ความสวัสดีต่างๆ เรียกว่า การวิสรจนํ
9.จากนั้นก้มกราบสามครั้ง หรือกราบอัษฎางคประดิษฐ์
10.สวดแผ่เมตตาแด่ สรรพสัตว์ สวดว่า
โอมฺ สรฺเว ภวนฺตุ สุขินะ
สรฺเว สํตุ นิรามยาะ
สรเว ภทฺรานิ ปศฺยนฺตุ
มา กศฺจิทฺ ทุขะภาคฺภเวตฺ
โอมฺ ศานติะ ศานติะ ศานติะ.
หรืออธิฐานในภาษาไทยถึงความหมายของมนตร์นี้ว่า
โอม สิ่งทั้งปวงจงเป็นสุข สิ่งทั้งปวงจงปราศจากทุกข์ สิ่งทั้งปวงจงพบแต่ความดีงาม ขออย่ามีส่วนแห่งทุกข์เลย โอม ศานติ ศานติ ศานติ
เป็นอันเสร็จการอารตี

ที่มา พี่หริทาส
ขอบคุณครับ

ขอบคุณครับผม  
ขอให้โลกสงบสุข... สาธุ

ระฆังเนี้ย จำเป็นมากไหมครับ ถ้าจำเป้นมากจะได้ซื้อไว้ตอนอารตี
No [HIGHLIGHT=#ffffff]one [/HIGHLIGHT]is PERFECT

March 31, 2009, 08:02:59 #3 Last Edit: March 31, 2009, 10:43:51 by กาลิทัส
ด้านล่างเป็นบทความที่พี่หริทาส เคยลงไว้ในเรื่องของกระดิ่งนะครับ  

ระฆังหรือกระดิ่งนั้น สันสกฤต เรียกว่า ฆาณฏา (กันต้า) เป็นเครื่องมงคลอย่างนึง ถือว่ามีเทวดารักษาอยู่ (วาสตุเทวตา) เทวดาที่อยู่ในฆัณฏานั้น จะนำเอาคำอธิษฐานของเราไปสู่เทพเจ้าครับ และถือว่าเสียงของฆัณฏา จะขับไล่สิ่งชั่วร้ายออกไป การใช้ฆันฏานั้น ในพิธีบุชา จะใช้ในขั้นตอน การถวาย ธูปและการถวายอารตี และหากเป็นการอารตี ในช่วงเวลาสันธยานั้น ฆัณฏาจะเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ถือเป็นการประโคมในเวลาเช้า-เย็น ของชาวฮินดุครับ (ทำนองเดียวกับการย่ำยามของโบราณของไทย แต่มีนัยยะทางศานามากกว่า คือการประโคมเพื่อสักการระเทพเจ้าในเวลาศักดิ์สิทธิ์ของวัน)


ขอบพระคุณมากคร้าฟ สำหรับความรู้


ทำการจัดเก็บข้อมูล ไว้ อ่านแล้วคร้าฟ อิอิ

อยากอารตีแบบโบราณจัง  แต่กลัวมือพอง เห็นภาพแล้วไฟเยอะมาก
วงการมายา ไม่ใช่สนามเด็กเล่น แต่เป็นสมรภูมิรบ และ การผูกสัมพันธ์ไมตรี ทั้งจริงและจอมปลอม

มายา ความหมายของมันช่างลึบลับเหลือเกิน

วงการมายาไม่ใช่ของเล่นทั่วไป เข้าแล้วออกยาก ระวังเอาไว้

ขอบคุณสำหรับความรู้คับ

แต่ห้องผม มันห้องเปงหอพัก มหาลัยอ่ะคับ

พอจะมี พิธี เล็ก ๆ มั่งไหมคับ

ที่ทำอยู่ยังไม่รู้เลย ว่าถูก รึ ผิด อิอิ

Quote from: โอมมหาบารมีเทวา on February 25, 2010, 11:41:03
อยากอารตีแบบโบราณจัง  แต่กลัวมือพอง เห็นภาพแล้วไฟเยอะมาก

ดิฉันเคยเห้นที่วัดแขกทั่วไป เค้านิยมเอาผ้ามาพันที่ด้ามจับคะ ลองดูนะคะคุณเบน

มันมีวิธีพลิกแพลงคะ
[HIGHLIGHT=#ffc000]หากมีศรัทธาแล้วไซร้ ก็ควรทำให้ถูกต้องตามจารีตประเพณี  เพื่อศรัทธาที่มีนั้นจะได้มีค่า และหาข้อติเตียนไม่ได้[/HIGHLIGHT]

ขอบพระคุณค่ะ
สุ จิ ปุ ลิ  ขาด สักข้อ ก็ไม่ครบการเป็นปราชญ์

ปราชญ์ที่ดีต้องเป็นผู้ฟังมากกว่า พูด พูดในสิ่งที่สมควรพูด

ผู้ที่ฉลาดแท้จริง ฟัง มากกว่าพูด เพราะถ้าเรารู้ไม่จริง หรือไม่หมดก็จงอย่าพูด

เพราะเมื่อเปิดปากออกมา เมื่อนั้นได้แสดงความโง่ออกมาโดยไม่รู้ตัว

คนเก่งจริง ต้องเรียนรู้เสมอว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือตัวเรายังมีคนที่เก่งกว่า จงถ่อมตนเสมอ จงเป็นผู้ให้เสมอ


เรียนคุณกาลิทัส ขอรบกวนให้อธิบายตัวสะกดของคำสวดให้ด้วยเพราะตนเองอ่านไม่ค่อยเป็นตัวที่มีจุดล่างและจุดบน เราจะได้อ่านมนต์ได้ถูกต้องไง ขอร้องและขอบคุณ
[HIGHLIGHT=#00b0f0]pujahree[/HIGHLIGHT]

April 22, 2010, 07:45:56 #11 Last Edit: April 22, 2010, 07:48:49 by จิ้งจอกพันหน้า
ขออนุญาิต ดันกระทู้นี้ ครับผม มีเพื่อน มาถาม บ่อยๆ ส่วนหนึ่งผมก็จำเอามาจากข้อมูลข้างบนนี้แหละครับผม ขอขอบพระคุณ สำหรับข้อมูลความรุ้ มากครับผ้ม.........
ขอเสริมอีกนิดครับหากใคร งง ว่าเวลาอารตีจะทำอย่างไรก็ขอเิชิญไปร่วมอารตี กับวัดเทพมณเฑียรได้ทุกวันนะึครับผม เวลา 1ทุ่มตรงครับ ผม เดี๋ยวนี้จะเจอเพื่อนๆ จาก HM ไปเยอะ น่ะครับ เหอะๆ

ถ้ามีภาพและเสียงประกอบด้วยยิ่งดีใหญ่จะได้ออกเสียงถูกต้อง นะครับ
ถือว่าช่วยกัน

จะจำให้ขึ้นใจและไปปฏิบัติค่ะขอบคุณอย่างสูงค่ะ
วิธีกำจัดม้าพยศของข้าคือครั้งแรกเอาแส้หวดมันหากมันยังไม่หมดพยศข้าก็จะเอาท่อนเหล็กทุบที่หัวมันและ   หากมันยังไม่ยอมจำนนข้าก็จักฆ่ามันเสียจะได้ไม่เปลืองหญ้าและน้ำ