Loader

ขอข้อมูลหนน่อยครับ

Started by โอม มหา บารมี เทวา โอม, September 08, 2010, 11:16:53

Previous topic - Next topic

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

September 08, 2010, 11:16:53 Last Edit: September 13, 2010, 11:35:36 by กาลิทัส
อยากทราบว่า ที่จุดดวงประทีปสำเร็จรูปที่เขาจุดแล้วพอหมดก็ทิ้ง หรือ จุดไปลอยน้ำ  เขาซื้อกันที่ไหนหรอครับ ถ้าซื้อที่ตรอกแขกแล้วอยู่ร้านไหนตรงไหนครับ





ที่มาภาพ : www.muangthai.com
วงการมายา ไม่ใช่สนามเด็กเล่น แต่เป็นสมรภูมิรบ และ การผูกสัมพันธ์ไมตรี ทั้งจริงและจอมปลอม

มายา ความหมายของมันช่างลึบลับเหลือเกิน

วงการมายาไม่ใช่ของเล่นทั่วไป เข้าแล้วออกยาก ระวังเอาไว้

          ขออนุญาตลบภาพที่คุณโอมมหาบารมีเทวานำมาลงประกอบในกระทู้นี้นะครับ เนื่องจากทางท่านเจ้าของภาพที่คุณนำมาลงไม่อนุญาตให้นำภาพดังกล่าวมาใช้ (โดยได้แจ้งเรื่องผ่านมาทางทีมงาน)
.
          เพื่อรักษามารยาททางสังคมไซเบอร์ และให้เป็นไปตามลิขสิทธิ์ของเจ้าของภาพ ผมจึงจำเป็นต้องนำภาพดังกล่าวออกไป เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง  และขอความร่วมมือคุณโอมมหาบารมีเทวา รวมทั้งเพื่อนสมาชิกทุกท่าน กรุณางดนำภาพที่มีลิขสิทธิ์หรือมีลายน้ำซึ่งเจ้าของภาพไม่อนุญาต มาโพสเผยแพร่ภายในบอร์ดนะครับ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำมาใช้โดยไม่ให้เครดิตเจ้าของภาพ หรือการทำลายน้ำทับลงไปบนภาพที่ไม่ใช่ของตนเอง)  โดยในกรณีที่ภาพนั้นนำมาลงได้ ควรให้เครดิตแก่เจ้าของภาพนั้นๆด้วยทุกครั้ง
.
ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้
.
ทีมงาน HinduMeeting
วงการมายา ไม่ใช่สนามเด็กเล่น แต่เป็นสมรภูมิรบ และ การผูกสัมพันธ์ไมตรี ทั้งจริงและจอมปลอม

มายา ความหมายของมันช่างลึบลับเหลือเกิน

วงการมายาไม่ใช่ของเล่นทั่วไป เข้าแล้วออกยาก ระวังเอาไว้

พาหุรัดที่ตลอกแขกครับ

เค้าจะใส่ถุงเอาไว้เป็นถุงๆ อยู่ข้างหน้าร้านเป้นขยุ้มๆ ไว้ครับ เดินๆ ลองส่องๆ ดูครับ ผมเคยเห็นอยู่สามสี่ร้าน

มีทั้งแบบกลม และลักษณะเหมือนใบไม้ครับ

Quote from: กาลิทัส on September 08, 2010, 16:30:28
พาหุรัดที่ตลอกแขกครับ

เค้าจะใส่ถุงเอาไว้เป็นถุงๆ อยู่ข้างหน้าร้านเป้นขยุ้มๆ ไว้ครับ เดินๆ ลองส่องๆ ดูครับ ผมเคยเห็นอยู่สามสี่ร้าน

มีทั้งแบบกลม และลักษณะเหมือนใบไม้ครับ

ขอบคุณครับพี่ยีนส์

แล้วถุงนึงราคาประมาณเท่าไหร่ครับ
วงการมายา ไม่ใช่สนามเด็กเล่น แต่เป็นสมรภูมิรบ และ การผูกสัมพันธ์ไมตรี ทั้งจริงและจอมปลอม

มายา ความหมายของมันช่างลึบลับเหลือเกิน

วงการมายาไม่ใช่ของเล่นทั่วไป เข้าแล้วออกยาก ระวังเอาไว้

เคยไปเดินแถวๆพาหุรัต มีของอินเดียขายเยอะแยะ ซื้อขนมของอินเดียลูกกลมๆสีเหลืองๆ( ไม่รู้เรียกว่าอะไร )

ที่เค้านิยมถวายพระคเณศ มาทานอร่อยดีครับ ..
ข้าแต่พระเป็นเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้เที่ยงแท้ หากปราศจากพระองค์แล้ว ข้าพเจ้าก็ไร้ค่า ..

เรียกว่าขนมลาดูปครับ


มันไม่ต้องซื้อยกถุงครับน้องโอม... เพียงแต่เค้าจับมันใส่ถุงไว้กันฝุ่นแล้วก็ง่ายเฉยๆ

เค้าชายเป็นอันๆ ครับ ไม่แพง แต่พี่จำไม่ได้แล้วว่าประมาณเท่าไหร่ครับ

รู้สึกอันนึงจะสิบบาทหรือสิบห้าบาทนี่แหละครับ (ไม่แน่ใจ)

September 09, 2010, 13:02:54 #7 Last Edit: September 09, 2010, 13:12:36 by กาลปุตรา
จริงๆ แล้วขนมสีเหลืองแสนอร่อยนี้ถ้าเขียนเป็นอักษรไทยจะเขียนว่า "ลัฑฑู" เพราะมาจากคำว่า "ड्डू" และจะออกเสียงตามภาษาฮินดีว่า "ลัดดู" แต่คนไทยเรามักเรียกขนมนี้ว่า "ลาดูป" แล้วเรียกติดปากกันมาจนแขกที่ขายเอง เวลาเราไปซื้อแล้วบอกเอาขนมลาดูป เขาก็จะทราบเองว่าคนไทยหมายถึงขนมลัดดู

ขนมลัฑฑูและโมฑกะ (โมดะคะ - मोडक) ที่ใช้บูชาเทพเจ้านั้น หลายท่านมักจะเข้าใจว่าเป้นขนมชนิดเดียวกัน ซึ่งก็ถือว่าถูก แล้วก็ถือว่าผิดด้วยไปในตัว

เพราะจริงๆ แล้วขนมทั้ง 2 ชนิดนี้ทำขึ้นมากันคนละอย่างและคนละกรรมวิธี แล้วทั้ง 2 ชนิดนี้ยังมีรูปแบบการทำที่ถูกดัดแปลงออกไปอีกมากมาย ทั้งรูปร่างและเครื่องผสม

โดยจากการอ้างอิงจากผู้รู้สายพระคเณศว่า ขนมลัฑฑูนี้เป็นขนมที่พระศรีอุมาเทวีได้ทำขึ้นให้พระคเณศเจ้าเสวย และเป้นขนมโปรดของพระคเณศในเวลาต่อมา ส่วนขนมโมฑกะก็เป็นขนมที่ชาวบ้านทำถวายพระคเณศ แล้วก็เป็นขนมที่พระคเณศทรงโปรดปราณเช่นกัน จึงถือว่าขนมทั้ง 2 ชนิดนี้เป็นขนมชั้นเลิศในการบูชาพระผู้เป็นเจ้า

บางคนก็เรียกขนมลัฑฑูว่าเป็นขนมโมฑกะคนรวย แล้วเรียกขนมโมฑกะว่าเป็นขนมโมฑกะของคนจนก็มี เรื่องนี้เล่าแล้วยาว ซึ่งเป็นเรื่องของหญิงสาว 2 พี่น้อง ที่คนพี่แต่งงานกับเศรษฐี คนน้องแต่งงานกับคนจน แล้วพอถึงวันคเณศจตุรถีอันเป็นวันคล้ายวันประสูติของพระคเณศ พี่น้องสองคนนี้ก็คิดที่จะทำขนมถวายพระคเณศ

คนพี่เนื่องจากมีฐานะดี จึงสามารถซื้อเครื่องปรุงขนมที่มีราคาสูงได้ แล้วทำเป็นขนมลัฑฑูถวายพระคเณศ ส่วนคนน้องนั้นมีฐานะยากจนจึงไม่ค่อยมีทรัพย์ในการหาซื้อเครื่องปรุงขนมมาได้มากมายนัก แต่ด้วยความภักดีและความศรัทธาอย่างมากของเธอที่จะทำขนมนี้ถวาย เธอจึงได้คิดดัดแปลงทำขนมขึ้นมาใหม่เพื่อถวายพระคเณศ แล้วนำแป้งชนิดหนึ่งมาห่อไส้ขนม แล้วให้ชื่อว่าขนมโมฑกะ เพื่อถวายพระคเณศ

พอคนน้องนำขนมโมฑกะไปบูชาพระคเณศในเวลากลางคืนของงานฉลองพิธีคเณศจตุรถีแล้วก็หลับไป พอเธอตื่นขึ้นมาก็พบว่าขนมโมฆกะที่เธอนำมาถวายนั้นกลายเป็นทองคำทั้งหมด นับแต่นั้นมาเธอจึงมีฐานะร่ำรวยขึ้น จากนั้นมาถึงเรียกว่า "ขนมโมฑกะหรือลัฑฑูของคนจน" เพราะจะรวยหรือจนนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ความสำคัญอยู่ที่จิตใจมากกว่า พระเป็นเจ้าจึงพร้อมที่จะรับถวายนั้นจากสาวกของพระองค์ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะมีค่ามากหรือน้อยสักเพียงใด พระองค์ก็ไม่เคยปฏิเสธความปรารถนาที่ดีและจะทรงคอยให้ความช่วยเหลือสาวกของพระองค์ตลอดไป

นับแต่นั้นมาขนมทั้ง 2 ชนิดนี้จึงถือว่าเป็นสุดยอดของขนมบูชาพระผู้เป็นเจ้า จากเรื่องเล่านี้นั่นเอง (โปรดใช้วิจารณญาณ เด็กต่ำกว่า 12 ปีควรได้รับคำชี้แนะจากผู้ใหญ่)

[HIGHLIGHT=#ffff00]
[HIGHLIGHT=#ffff00]อันจิตมนุษย์นั้นชอบวิ่งออกไปแสวงหาพระเจ้าจากวัตถุภายนอก[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]จนลืมย้อนมองดูพระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริง อันสถิตอยู่ในใจเรา[/HIGHLIGHT]
[/COLOR][/HIGHLIGHT][/FONT]

Quote from: กาลปุตรา on September 09, 2010, 13:02:54
จริงๆ แล้วขนมสีเหลืองแสนอร่อยนี้ถ้าเขียนเป็นอักษรไทยจะเขียนว่า "ลัฑฑู" เพราะมาจากคำว่า "ड्डू" และจะออกเสียงตามภาษาฮินดีว่า "ลัดดู" แต่คนไทยเรามักเรียกขนมนี้ว่า "ลาดูป" แล้วเรียกติดปากกันมาจนแขกที่ขายเอง เวลาเราไปซื้อแล้วบอกเอาขนมลาดูป เขาก็จะทราบเองว่าคนไทยหมายถึงขนมลัดดู

ขนมลัฑฑูและโมฑกะ (โมดะคะ - मोडक) ที่ใช้บูชาเทพเจ้านั้น หลายท่านมักจะเข้าใจว่าเป้นขนมชนิดเดียวกัน ซึ่งก็ถือว่าถูก แล้วก็ถือว่าผิดด้วยไปในตัว

เพราะจริงๆ แล้วขนมทั้ง 2 ชนิดนี้ทำขึ้นมากันคนละอย่างและคนละกรรมวิธี แล้วทั้ง 2 ชนิดนี้ยังมีรูปแบบการทำที่ถูกดัดแปลงออกไปอีกมากมาย ทั้งรูปร่างและเครื่องผสม

โดยจากการอ้างอิงจากผู้รู้สายพระคเณศว่า ขนมลัฑฑูนี้เป็นขนมที่พระศรีอุมาเทวีได้ทำขึ้นให้พระคเณศเจ้าเสวย และเป้นขนมโปรดของพระคเณศในเวลาต่อมา ส่วนขนมโมฑกะก็เป็นขนมที่ชาวบ้านทำถวายพระคเณศ แล้วก็เป็นขนมที่พระคเณศทรงโปรดปราณเช่นกัน จึงถือว่าขนมทั้ง 2 ชนิดนี้เป็นขนมชั้นเลิศในการบูชาพระผู้เป็นเจ้า

บางคนก็เรียกขนมลัฑฑูว่าเป็นขนมโมฑกะคนรวย แล้วเรียกขนมโมฑกะว่าเป็นขนมโมฑกะของคนจนก็มี เรื่องนี้เล่าแล้วยาว ซึ่งเป็นเรื่องของหญิงสาว 2 พี่น้อง ที่คนพี่แต่งงานกับเศรษฐี คนน้องแต่งงานกับคนจน แล้วพอถึงวันคเณศจตุรถีอันเป็นวันคล้ายวันประสูติของพระคเณศ พี่น้องสองคนนี้ก็คิดที่จะทำขนมถวายพระคเณศ

คนพี่เนื่องจากมีฐานะดี จึงสามารถซื้อเครื่องปรุงขนมที่มีราคาสูงได้ แล้วทำเป็นขนมลัฑฑูถวายพระคเณศ ส่วนคนน้องนั้นมีฐานะยากจนจึงไม่ค่อยมีทรัพย์ในการหาซื้อเครื่องปรุงขนมมาได้มากมายนัก แต่ด้วยความภักดีและความศรัทธาอย่างมากของเธอที่จะทำขนมนี้ถวาย เธอจึงได้คิดดัดแปลงทำขนมขึ้นมาใหม่เพื่อถวายพระคเณศ แล้วนำแป้งชนิดหนึ่งมาห่อไส้ขนม แล้วให้ชื่อว่าขนมโมฑกะ เพื่อถวายพระคเณศ

พอคนน้องนำขนมโมฑกะไปบูชาพระคเณศในเวลากลางคืนของงานฉลองพิธีคเณศจตุรถีแล้วก็หลับไป พอเธอตื่นขึ้นมาก็พบว่าขนมโมฆกะที่เธอนำมาถวายนั้นกลายเป็นทองคำทั้งหมด นับแต่นั้นมาเธอจึงมีฐานะร่ำรวยขึ้น จากนั้นมาถึงเรียกว่า "ขนมโมฑกะหรือลัฑฑูของคนจน" เพราะจะรวยหรือจนนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ความสำคัญอยู่ที่จิตใจมากกว่า พระเป็นเจ้าจึงพร้อมที่จะรับถวายนั้นจากสาวกของพระองค์ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะมีค่ามากหรือน้อยสักเพียงใด พระองค์ก็ไม่เคยปฏิเสธความปรารถนาที่ดีและจะทรงคอยให้ความช่วยเหลือสาวกของพระองค์ตลอดไป

นับแต่นั้นมาขนมทั้ง 2 ชนิดนี้จึงถือว่าเป็นสุดยอดของขนมบูชาพระผู้เป็นเจ้า จากเรื่องเล่านี้นั่นเอง (โปรดใช้วิจารณญาณ เด็กต่ำกว่า 12 ปีควรได้รับคำชี้แนะจากผู้ใหญ่)




ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ คุณกาลปุตรา

ตำนานขนมโมฑกะ แบบนี้ก็เคยดียินมาเหมือนกันครับ แต่แตกต่างไปนิสนึง ตรงตอนถวายของนี้แหละครับ

คือคนน้องที่ยากจน  ทำขนมด้วยแป้งอย่างดีห่อใส้มาอย่างดีเพราะเขาไม่ใช่คนที่ตระหนี่ถี่เหนี่ยว เธอบรรจงทำอย่างปราณีต เมื่อเธอทำเสร็จแล้วนำจึงไปบูชาพระคเณศในเวลากลางคืนของเทศกาลคเณศจตุรถี แล้วหลับไปพอตื่นมาตอนเช้ากลับพบ กองขนมโมฑะกะ ที่กลายเป็นทองคำเต็มบ้านไปหมด เธอผู้นั้นจึงมีกลายเป็นเศรษฐีร่ำรวยไปที่สุด  พอเรื่องนี้รู้ถึงหูของคนพี่ ด้วยความโลภไม่รู้จักพอ เธอจึงอยากได้ทองแบบคนน้องบ้าง  เลยนำวิธีนี้ไปทำบ้าง  แต่ด้วยที่ว่าคนพี่เป็นคนที่มีความตระหนี่ถี่เหนี่ยว เขาจึงไปซื้อแป้งที่ไม่ค่อยดี ทำก็ทำแบบส่งๆไม่ปราณีต ทำไปแบบนั้นหล่ะ แล้วก็นำไปถวายพระคเณสในเวลากลางคืนเหมือนกัน แล้วเขาก็นอนรอจนหลับไป  พอรุ่งเช้า เขาก็ต้องตกใจในสิ่งที่เกิดขึ้น  สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ขนมกลายเป็นทอง  แต่กลายเป็นกองมูลที่มากมาย ที่ส่งกลิ่นเหม็น ล้างก็ไม่ออก ทำยังก็ไม่ออก  แต่ที่ต้องตกใจไปกว่านั้น เงินที่มีอยู่ทั้งหมดกลายเป็นมูลซะหมดเลย
วงการมายา ไม่ใช่สนามเด็กเล่น แต่เป็นสมรภูมิรบ และ การผูกสัมพันธ์ไมตรี ทั้งจริงและจอมปลอม

มายา ความหมายของมันช่างลึบลับเหลือเกิน

วงการมายาไม่ใช่ของเล่นทั่วไป เข้าแล้วออกยาก ระวังเอาไว้

ขอบคุณ คุณกาลปุตราที่ช่วยแก้ไขให้นะครับ

          ขออนุญาตลบภาพที่คุณโอมมหาบารมีเทวานำมาลงประกอบในกระทู้นี้นะครับ เนื่องจากทางท่านเจ้าของภาพที่คุณนำมาลงไม่อนุญาตให้นำภาพดังกล่าวมาใช้ (โดยได้แจ้งเรื่องผ่านมาทางทีมงาน)
.
          เพื่อรักษามารยาททางสังคมไซเบอร์ และให้เป็นไปตามลิขสิทธิ์ของเจ้าของภาพ ผมจึงจำเป็นต้องนำภาพดังกล่าวออกไป เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง  และขอความร่วมมือคุณโอมมหาบารมีเทวา รวมทั้งเพื่อนสมาชิกทุกท่าน กรุณางดนำภาพที่มีลิขสิทธิ์หรือมีลายน้ำซึ่งเจ้าของภาพไม่อนุญาต มาโพสเผยแพร่ภายในบอร์ดนะครับ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำมาใช้โดยไม่ให้เครดิตเจ้าของภาพ หรือการทำลายน้ำทับลงไปบนภาพที่ไม่ใช่ของตนเอง) โดยในกรณีที่ภาพนั้นนำมาลงได้ ควรให้เครดิตแก่เจ้าของภาพนั้นๆด้วยทุกครั้ง
.
ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้
.
ทีมงาน HinduMeeting
[/SIZE][/COLOR]
WELCOME TO HINDUMEETING

เรียน สมาชิกเก่าและสมาชิกใหม่ของเว็บ HinduMeeting
ขอความกรุณาทุกท่านศึกษากฎ กติกา มารยาทของเว็บด้วยนะครับ

http://www.hindumeeting.com/forum/index.php?topic=1423.0

รับทราบครับ พี่คิว
วงการมายา ไม่ใช่สนามเด็กเล่น แต่เป็นสมรภูมิรบ และ การผูกสัมพันธ์ไมตรี ทั้งจริงและจอมปลอม

มายา ความหมายของมันช่างลึบลับเหลือเกิน

วงการมายาไม่ใช่ของเล่นทั่วไป เข้าแล้วออกยาก ระวังเอาไว้

ต้องขออภัยท่านเจ้าของภาพแทนน้องสมาชิกในบอร์ด อาจกระทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการด้วยครับ

ทั้งนี้ทั้งนั้น เพื่อให้อรรถรสของเว็บ ผมจึงได้นำภาพที่เกี่ยวกับกระทู้มาลงไว้ โดยให้เครดิต (ที่มา) ของภาพไว้เรียบร้อยแล้วครับ

Quote from: โอม มหา บารมี เทวา   โอม on September 08, 2010, 11:16:53






ที่มาภาพ : www.muangthai.com

ขอบคุณครับพี่ยีนส์
แล้วสิ่งนี้ชื่อจริงๆ เขาเรียกว่าอะไรครับ  เวลาไปซื้อจะได้บอกคนขายเขาได้
วงการมายา ไม่ใช่สนามเด็กเล่น แต่เป็นสมรภูมิรบ และ การผูกสัมพันธ์ไมตรี ทั้งจริงและจอมปลอม

มายา ความหมายของมันช่างลึบลับเหลือเกิน

วงการมายาไม่ใช่ของเล่นทั่วไป เข้าแล้วออกยาก ระวังเอาไว้

เขาเรียกว่า " ผางประทีป " ครับน้องโอม

Quote from: กาลิทัส on September 13, 2010, 12:55:03
เขาเรียกว่า " ผางประทีป " ครับน้องโอม

ขอบคุณครับพี่ยีนส์
วงการมายา ไม่ใช่สนามเด็กเล่น แต่เป็นสมรภูมิรบ และ การผูกสัมพันธ์ไมตรี ทั้งจริงและจอมปลอม

มายา ความหมายของมันช่างลึบลับเหลือเกิน

วงการมายาไม่ใช่ของเล่นทั่วไป เข้าแล้วออกยาก ระวังเอาไว้

Quote from: โอม มหา บารมี เทวา   โอม on September 12, 2010, 21:50:58
Quote from: กาลปุตรา on September 09, 2010, 13:02:54
จริงๆ แล้วขนมสีเหลืองแสนอร่อยนี้ถ้าเขียนเป็นอักษรไทยจะเขียนว่า "ลัฑฑู" เพราะมาจากคำว่า "ड्डू" และจะออกเสียงตามภาษาฮินดีว่า "ลัดดู" แต่คนไทยเรามักเรียกขนมนี้ว่า "ลาดูป" แล้วเรียกติดปากกันมาจนแขกที่ขายเอง เวลาเราไปซื้อแล้วบอกเอาขนมลาดูป เขาก็จะทราบเองว่าคนไทยหมายถึงขนมลัดดู

ขนมลัฑฑูและโมฑกะ (โมดะคะ - मोडक) ที่ใช้บูชาเทพเจ้านั้น หลายท่านมักจะเข้าใจว่าเป้นขนมชนิดเดียวกัน ซึ่งก็ถือว่าถูก แล้วก็ถือว่าผิดด้วยไปในตัว

เพราะจริงๆ แล้วขนมทั้ง 2 ชนิดนี้ทำขึ้นมากันคนละอย่างและคนละกรรมวิธี แล้วทั้ง 2 ชนิดนี้ยังมีรูปแบบการทำที่ถูกดัดแปลงออกไปอีกมากมาย ทั้งรูปร่างและเครื่องผสม

โดยจากการอ้างอิงจากผู้รู้สายพระคเณศว่า ขนมลัฑฑูนี้เป็นขนมที่พระศรีอุมาเทวีได้ทำขึ้นให้พระคเณศเจ้าเสวย และเป้นขนมโปรดของพระคเณศในเวลาต่อมา ส่วนขนมโมฑกะก็เป็นขนมที่ชาวบ้านทำถวายพระคเณศ แล้วก็เป็นขนมที่พระคเณศทรงโปรดปราณเช่นกัน จึงถือว่าขนมทั้ง 2 ชนิดนี้เป็นขนมชั้นเลิศในการบูชาพระผู้เป็นเจ้า

บางคนก็เรียกขนมลัฑฑูว่าเป็นขนมโมฑกะคนรวย แล้วเรียกขนมโมฑกะว่าเป็นขนมโมฑกะของคนจนก็มี เรื่องนี้เล่าแล้วยาว ซึ่งเป็นเรื่องของหญิงสาว 2 พี่น้อง ที่คนพี่แต่งงานกับเศรษฐี คนน้องแต่งงานกับคนจน แล้วพอถึงวันคเณศจตุรถีอันเป็นวันคล้ายวันประสูติของพระคเณศ พี่น้องสองคนนี้ก็คิดที่จะทำขนมถวายพระคเณศ

คนพี่เนื่องจากมีฐานะดี จึงสามารถซื้อเครื่องปรุงขนมที่มีราคาสูงได้ แล้วทำเป็นขนมลัฑฑูถวายพระคเณศ ส่วนคนน้องนั้นมีฐานะยากจนจึงไม่ค่อยมีทรัพย์ในการหาซื้อเครื่องปรุงขนมมาได้มากมายนัก แต่ด้วยความภักดีและความศรัทธาอย่างมากของเธอที่จะทำขนมนี้ถวาย เธอจึงได้คิดดัดแปลงทำขนมขึ้นมาใหม่เพื่อถวายพระคเณศ แล้วนำแป้งชนิดหนึ่งมาห่อไส้ขนม แล้วให้ชื่อว่าขนมโมฑกะ เพื่อถวายพระคเณศ

พอคนน้องนำขนมโมฑกะไปบูชาพระคเณศในเวลากลางคืนของงานฉลองพิธีคเณศจตุรถีแล้วก็หลับไป พอเธอตื่นขึ้นมาก็พบว่าขนมโมฆกะที่เธอนำมาถวายนั้นกลายเป็นทองคำทั้งหมด นับแต่นั้นมาเธอจึงมีฐานะร่ำรวยขึ้น จากนั้นมาถึงเรียกว่า "ขนมโมฑกะหรือลัฑฑูของคนจน" เพราะจะรวยหรือจนนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ความสำคัญอยู่ที่จิตใจมากกว่า พระเป็นเจ้าจึงพร้อมที่จะรับถวายนั้นจากสาวกของพระองค์ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะมีค่ามากหรือน้อยสักเพียงใด พระองค์ก็ไม่เคยปฏิเสธความปรารถนาที่ดีและจะทรงคอยให้ความช่วยเหลือสาวกของพระองค์ตลอดไป

นับแต่นั้นมาขนมทั้ง 2 ชนิดนี้จึงถือว่าเป็นสุดยอดของขนมบูชาพระผู้เป็นเจ้า จากเรื่องเล่านี้นั่นเอง (โปรดใช้วิจารณญาณ เด็กต่ำกว่า 12 ปีควรได้รับคำชี้แนะจากผู้ใหญ่)




ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ คุณกาลปุตรา

ตำนานขนมโมฑกะ แบบนี้ก็เคยดียินมาเหมือนกันครับ แต่แตกต่างไปนิสนึง ตรงตอนถวายของนี้แหละครับ

คือคนน้องที่ยากจน  ทำขนมด้วยแป้งอย่างดีห่อใส้มาอย่างดีเพราะเขาไม่ใช่คนที่ตระหนี่ถี่เหนี่ยว เธอบรรจงทำอย่างปราณีต เมื่อเธอทำเสร็จแล้วนำจึงไปบูชาพระคเณศในเวลากลางคืนของเทศกาลคเณศจตุรถี แล้วหลับไปพอตื่นมาตอนเช้ากลับพบ กองขนมโมฑะกะ ที่กลายเป็นทองคำเต็มบ้านไปหมด เธอผู้นั้นจึงมีกลายเป็นเศรษฐีร่ำรวยไปที่สุด  พอเรื่องนี้รู้ถึงหูของคนพี่ ด้วยความโลภไม่รู้จักพอ เธอจึงอยากได้ทองแบบคนน้องบ้าง  เลยนำวิธีนี้ไปทำบ้าง  แต่ด้วยที่ว่าคนพี่เป็นคนที่มีความตระหนี่ถี่เหนี่ยว เขาจึงไปซื้อแป้งที่ไม่ค่อยดี ทำก็ทำแบบส่งๆไม่ปราณีต ทำไปแบบนั้นหล่ะ แล้วก็นำไปถวายพระคเณสในเวลากลางคืนเหมือนกัน แล้วเขาก็นอนรอจนหลับไป  พอรุ่งเช้า เขาก็ต้องตกใจในสิ่งที่เกิดขึ้น  สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ขนมกลายเป็นทอง  แต่กลายเป็นกองมูลที่มากมาย ที่ส่งกลิ่นเหม็น ล้างก็ไม่ออก ทำยังก็ไม่ออก  แต่ที่ต้องตกใจไปกว่านั้น เงินที่มีอยู่ทั้งหมดกลายเป็นมูลซะหมดเลย



อนุโมทนาทั้งสองท่าน ล้วนรู้จริง   ขอพรจงอยู่กับท่านตลอดไปนะครับ
 


พรที่เทพประทานจะไม่มีวันเสื่อม  เว้นแต่ผู้นั้น จะเสื่อมไปจากพรเอง