Loader

แก้กรรมทำได้จริงหรือ ถ้าแก้ไม่ได้จะทำอย่างไร

Started by mahad, October 05, 2009, 23:19:20

Previous topic - Next topic

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

[HIGHLIGHT=#e5e0ec]ป้าอ่านในหนังสือ   อยู่อย่างสว่าง   เห็นว่ามีประโยชน์เลยเอามาลงให้  สมช.HM ได้อ่านกัน[/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#ffff00]เรื่องการแก้กรรมนั้นขอยืนยันเลยว่าแก้ไม่ได้[/HIGHLIGHT]++++ ใครในเรื่องการขออโหสิกรรม  ที่จะช่วยคลายกรรมหนักให้เป็นเบาได้  และยิ่งทำกรรมดีผลบุญกุศลนั้นก็จะยิ่งช่วยให้เราพบกับความสุขสมหวังในชีวิตเร็วขี้น  เพราะบุญมันส่งผลเร็วกว่าบาปกรรมที่เคยทำไว้   เมื่อเราทำบุญมากเข้าๆและไม่ทำบาปเพิ่มขึ้น  ก็จะทำให้วิบากกรรม
ชั่วที่เคยทำไว้เบาบางลง  หรือชะลอการส่งผลได้  แต่ก็จะได้รับเศษเวรเศษกรรมอยู่
     กรรมนั้นแก้ไม่ได้แต่เราสามารถไปขออโหสิกรรมได้  เมื่อเจ้ากรรมนายเวร เขาพอใจยกโทษให้  อโหสิกรรมแก่เราแล้วกรรมตรงนั้นจะบรรเทาเบาบางลงแต่ยังคงได้รับเศษเวรเศษกรรมอยู่ดี
     การทำสมาธิภาวนาฝึกจิตให้สงบและนิ่ง  เพื่อรวบรวมจิตให้เป็นหนี่งเดีย
     ขอย้ำว่า เป็นเพียงช่องทางหนึ่งที่เราจะเข้าไปเจราจากับเจ้ากรรมนายเวรในขณะนี้  ในสภาวะจิต  การเจรจาที่ดีที่สุดและเป็นดี ต่อลูกหนี้อย่างเราก็คือ  การที่ลูกหนี้เข้าไปหาเจ้าหนี้ถึงที่  ไม่ใช่ให้เจ้าหนี้วิ่งไล่ทวงหนี้
     การทำสมาธิภาวนานี้   เป็นการทำในกรณีที่เจ้ากรรมนายเวรที่มีชีวิต  และเราไม่สามารถติดต่อเขาได้  หรือในกรณีที่เขายังไม่ยอม อโหสิกรรมให้เราต่อหน้าและลับหลัง  เป็นการส่งกระแสจิตไปถึงจิตเขาโดยตรงก่อนที่จะมีโอกาสได้ทำกรรมดีต่อกัน  ด้วยกาย วาจา เมื่อได้พบกัน   ส่วนการทำสมาธิภาวนาสำหรับเจ้ากรรมนายเวรที่เป็นวิญญาณ  คือการสื่อระหว่างจิตต่อจิตเท่านั้น  การขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวรนั้น  หลายท่านอาจเคยได้ยินว่า   เราทุกคนนั้นสามารถทำได้ด้วยตัวเอง  และสามารถทำแทนผู้อื่นได้โดยฉะเพราะคนในสายเลือดเดียวกัน  ทั้งบุพการี  พ่อแม่พี่น้องที่ใกล้ชิด  จะทำได้ดีกว่าคนอื่นๆ   

ขอบคุณครับคุณป้า ที่นำข้อมูลดีๆ มาให้น่ะครับ

ปล. ร้านของป้า ที่สนามหลวง 2 นี้ เป็นร้านอะไรอ่ะครับและอยู่ตรงไหนอ่ะครับ เผื่อว่าจะแวะไป คับ
มนุษย์ กับ คน ต่างกัน อย่างไร

คนมันแปลว่า ยุ่ง ยิ่งมากคน ยิ่งมากเรื่อง

แต่ที่สำคัญจะมาถึงจุดที่ขออโหสิกรรมนี้ได้   ตัวเราเองนั้น  เราต้องมีฐานบุญที่ดี  ซึ่งต้องมาจากมีทาน  ศีลนำแล้วจะมาถึงการทำสมาธิภาวนาซึ่งอยากอธิบายให้เข้าใจกันอย่างง่ายๆว่าการทำสมาธินั้น  จะอยู่ในขั้นตอนที่สามเป็นเรื่องการภาวนานั้นเอง
   ก่อนที่เราจะทำสมาธิภาวนานั้น    จิตของเราควรตั้งมั่นต้องดำรงค์ตนในฐานะผู้ให้เสียก่อนคือการทำทาน  เพราะถ้าใจเราเป็นผู้ให้แล้ว  การที่เราจะทำอะไรต่อไปมักเป็นเรื่องง่าย   ใจมันเปิดมันพร้อมที่จะไปขอโทษ  ทั้งกรรมที่เจตนาและไม่เจตนา  ใช้หนี้เวรหนี้กรรมที่เป็นทั้งต้นและดอก
ตามช่องทางและมีฐานบุญที่ดีพร้อมที่เราสร้างขึ้นมา
      โดยเฉพาะในเรื่องของการทำสมาธิภาวนา  เพื่อรวมพลังจิตเพื่อจะส่งจิตพุ่งตรงไปขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวร  ซึ่งการทำสมาธินั้นเป็นขั้นตอนที่สาม  เหมือนเป็นบันไดสามขั้นเพื่อให้ถึงเป้าหมาย  เพื่อให้การขออโหสิกรรมสำเร็จลงได้  ซึ่งต้องรู้จักทำตั้งแต่ขั้นตอนแรกจึงจะไปขออโหสิกรรมได้สำเร็จ  และไม่มีทางลัดโดยเด็ดขาด
   ถามว่าใช่การทำสมาธิแผ่เมตาอย่างเดียวได้ไหม  ตอบว่าได้ แต่ไม่สทบูรณ์ครบถ้วน  เจ้ากรรมนายเวรบางรายอยู่ในภาวะที่เป็นทุกข์อดอยากหิวโหย  ก็ต้องมีวัตถุ สิ่งของที่เราอุทิศไปให้เขาจึงจะพอใจ  สิ่งของเหล่านั้นเมื่อเราถวายพระแล้วเราอุทิศบุญไปให้เค้าเหล่านั้น  ก็จะกลายเป็นของทิพย์ให้เขาได้รับเมื่อเขารับอย่างพอใจแล้วก็จะลดความอาฆาตพยายาทลงได้
   ถ้าเป็นทางโลก  ให้เปรียบเหมืนเราติดเงินใครแล้วจะขอให้เค้ายกให้แบบมือเปล่า กับมีของที่เขาพอใจไปแลกเปลี่ยนอย่างไหนจะดีกว่ากัน
ท่านทั้งหลายลองตรองดู
   บางคนบอกว่านั่งภาวนาอย่างเดียว แล้วอธิษฐานแผ่กุศลให้เขาอย่างเดียว  เมื่อเขาได้รับแล้วก็ก็จะหลุดพ้นจากทุกข์ที่เป็นอยู่  จะหลุดพ้นอย่างไรขนาดบุญจากทาน  ศีลยังไม่มีเลยแล้วจะเอาบุญที่ไหนไปเผื่อแผ่ให้เขา
   แสดงว่า  ผู้ที่สอนอย่างนี้ไม่ศึกษาพุทธศสานาอย่างท่องแท้  อย่าไปหลงเชื่อ
   

คัดลอกมาจากหนังสือ  อยู่อย่างสว่าง โดย ธ.ธรรมรักษ์
คราวหน้าจะเอาการขออโหสิกรรม  และ พิธีขออโหสิกรรมด้วยตนเองมาฝากจ๊ะ

ตอนนี้ร้านป้าที่สนามหลวงสองปิดแล้วจ๊ะ  กำลังหาทำเลใหม่อยู่   เดิมชื่อร้าน  mahad  นี้แหละจ๊ะ  อยู่โซน  1  แถว  14  ใกล้ๆตลาดขายของกินนะ   ขายเพชรขายพลอยตามเรืองตามราวแหละจ๊ะ  เจอพิษเศรฐกิจ  เลยพักก่อน
   แล้วองค์พ่อ  ของคุณjojoเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือจ๊ะ   ตอนนี้ที่สนามหลวงสองมีร้านองค์เทพมาเปิดใหม่
แยะเหมือนกันนะ   โดยเฉพราะองค์พ่อพิฆเนศวร  มีร้านเป็นวานไม้แกะสลักทางเหนีอแวะไปดูมาหรือยังละ
ป้านะไปดูมาเรียบร้อยแล้ว
      เดี๋ยวราวๆต้นปีหน้าเปิดร้านใหม่แล้วมาเที่ยวกันนะ  (พักรอเศรฐกิจก่อน ) แต่ยังไม่รู้ว่าจะเปิดที่เดิมหรือเปล่า  เปิดที่ไหนจะส่งข่าวบอกจ๊ะ   

Quote from: mahad on October 06, 2009, 00:14:12
ตอนนี้ร้านป้าที่สนามหลวงสองปิดแล้วจ๊ะ  กำลังหาทำเลใหม่อยู่   เดิมชื่อร้าน  mahad  นี้แหละจ๊ะ  อยู่โซน  1  แถว  14  ใกล้ๆตลาดขายของกินนะ   ขายเพชรขายพลอยตามเรืองตามราวแหละจ๊ะ  เจอพิษเศรฐกิจ  เลยพักก่อน
   แล้วองค์พ่อ  ของคุณjojoเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือจ๊ะ   ตอนนี้ที่สนามหลวงสองมีร้านองค์เทพมาเปิดใหม่
แยะเหมือนกันนะ   โดยเฉพราะองค์พ่อพิฆเนศวร  มีร้านเป็นวานไม้แกะสลักทางเหนีอแวะไปดูมาหรือยังละ
ป้านะไปดูมาเรียบร้อยแล้ว
      เดี๋ยวราวๆต้นปีหน้าเปิดร้านใหม่แล้วมาเที่ยวกันนะ  (พักรอเศรฐกิจก่อน ) แต่ยังไม่รู้ว่าจะเปิดที่เดิมหรือเปล่า  เปิดที่ไหนจะส่งข่าวบอกจ๊ะ   

ใกล้เสร็จแล้วครับ ตอนนี้กำลังหา ทับทิมประดับ มงกุฏอยู่ครับผม คงไม่เกินสิ้นเดือนนี้ คงได้ไปรับ องค์ท่านมา บูชาครับ
มนุษย์ กับ คน ต่างกัน อย่างไร

คนมันแปลว่า ยุ่ง ยิ่งมากคน ยิ่งมากเรื่อง

ขอบคุณ .. คุณ mahad นะคะ ที่นำบทความดีๆมาให้อ่าน

พอดีสงสัยเรื่องนี้อยู่เหมือนกันค่ะ
มือไม่พาย.. เอาเท้าราน้ำ

  ถ้าใช้คำว่าแก้กรรม ผมว่าความหมายมันผิดมหันต์

พระพุทธเจ้ายังเคยตรัสไว้ กรรมชั่วนั้นไม่สามารถลบล้างได้ แต่สามารถทำให้เบาบางลงได้ ด้วยการประกอบกรรมดีครับ

อีกอย่าง "การแผ่เมตตา" นั้น พระพุทธเจ้าตรัสไว้เช่นกันครับ ประมาณว่า เพียงแค่คำแผ่เมตตาสั้นๆ แต่พลังและอานุภาพมหาศาลครับ

ขอบคุณมากมายเลยค่ะคุณป้า  คนเราน้อย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าตนนั้นเคยไปเวรทำกรรมอะไรมา
ขอสารภาพบาปเลยค่ะและเชื่อด้วยว่าเวรกรรมมีจริง  นู๋จึงหมั่นเพียรสวดมนต์ก่อนนอนอุทิศบุญกุศล
จากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย  แล้วก้อไปทำบุญที่วัดค่ะถวายภัตตาหาร+เครื่องสังฆทาน ค่ะ
แต่เรื่องการนั่งสมาธินี่ซิใจยังไม่นิ่งพอนั่งได้แป๊บเดียวเองอ่ะ..งุ๊งิ๊   เคยนั่งคิดเล่นๆเหมือนกันนะค่ะว่าตอนเด็กๆพอแม่บอกว่า
พรุ่งนี้ตื่นเช้าไปทำบุญที่วัดนะ  หือๆเซ็งอ่ะไม่อยากไปเลย  สมัยเรียนก้อเพื่อนเฮไหนเฮนั่นเที่ยวกลางคืนไม่หลับนอนธรรมะไม่เคยนึกถึง
แต่พอเรียนจบทำงานทำการแล้วไหงชีวิตกลับมารู้สึกว่าเรานั่นต้องรู้จักสร้างบุญสร้างกุศลแฮะ  มีบทสวดมนต์อยู่บทนึงค่ะอยากแนะนำ
เพื่อนๆ  เปนบทสวดเพื่อกราบไหว้พ่อแม่ผู้มีบุญคุณท่วมหัวเราเหลือเกิน [HIGHLIGHT=#ffff00]" มัยหัง มาตา ปีตูนังวะ ปาเทสุ วันทามิ สาทะรัง " [/HIGHLIGHT]
จากนั้นให้ก้มกราบลง ระลึกว่าเรากำลังกราบแทบเท้าพ่อแม่เราอยู่ และรำลึกถึงบุญคุณของพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดค่ะ  เพื่อนๆลองดูนะค่ะ 
ความดีไม่ต้องทำให้ใครเห็น
ไม่ต้องบอกประกาศให้ใครรู้
นั่นสิน๊ะคือความดีที่แท้จริง

[HIGHLIGHT=#002060]ป้าก็คิดแบบท่านกาลิทัสและค่ะว่ามันไม่ใช่แก้กรรม   เพราะว่าเท่าที่ศึกษาพุทธศาสนามันคือ การบรรเทากรรมมากกว่า[/HIGHLIGHT]   ป้าเคยไปสนทนาธรรมกับพระอาจารย์ท่านหนึ่งจำชื่อท่านไม่ได้แล้ว   ท่านเป็นพระปฎิบัติ  วัดหนองบัว  อ.แม่แตง  จ.เชียงใหม่  ท่านอธิบายไว้ดีมากๆเลย  เวลาคุยกับท่าน  ท่านจะสอนแบบเข้าใจง่ายมากๆเลย   อย่างการบรรเทากรรมนั้นท่านก็จะเปรียบเทียบอย่างเห็นภาพเลยท่านสอนว่าให้เรานึกว่าเราเดินแล้วมีสุนัขดุตัวหนึ่งเดินตามท่านมาแบบติดๆ   ถ้าเราเดินแบบสบายๆไม่เร็งรีบสุนัขตัวนั้นก็จะเดินทันเราในที่สุด (ลืมบอกไปท่านให้เปรียบสุนัขนั้นคือเจ้ากรรมนายเวรของเรา)   แต่ถ้าเรารีบเดินหรือวิ่ง(คือการทำบุญทำทาน)สุนัขนั้นก็จะไล่กวาดเราแต่จะแล้วก็จะทันเราในจุดๆหนึ่งหรืออาจจะไม่ทันก็ได้ถ้าเราวิ่งเร็ว(ฐานบุญเก่าบวกบุญที่ทำใหม่มากพอ)   แต่ถ้าเราตั้งจิดทำแต่กรรมดี  (ไม่ทำกรรมชั่วเพิ่ม) ทำบุญทำทาน  อยู่ในศีลใรธรรม  เจริญสมาธิภาวนา   ก็เหมือนเราได้เร่งสร้างกรรมดีให้มากๆ  เราก็ได้ขี่มอเตอร์ไซร์หนี้สุนัขตัวนั้น   แต่ไม่ใช้ว่า จะหมดกรรมนะ  สุนัขตัวนั้นก็ยังคงอยู่  (แต่เขาไม่สามารถทำร้ายเราได้เพราะเราได้ทำกุศลแซงหน้ากรรมชั่ว)  แล้วให้เราเร่งรีบทำบุญกุศล
อุทิศไปให้เขามากๆและบ่อยๆเมื่อเขาได้รับผลบุญบ่อยๆเขาก็จะอโหสิกรรมให้เราในที่สุด   แต่เราก็จะได้รับผลของเศษส่วนกรรมแต่ก็จะไม่
หนักหนาสาหัสเหมือนโดยเจ้ากรรมนายเวรทวงแบบตรงๆ   
    ป้ามีหนังสือของหลวงปู่ฤาษ๊ลิงดำ  เล่าเรื่องเจ้ากรรมนายเวรของท่านเอาไว้จะรีบไปหามาลงให้ได้อ่านกันนะจ๊ะ
       ส่วนความรู้สึกของคุณmena_friendly  ป้าเคยมีความรู้สึกแบบคุณเข้าใจดีเชี่ยวแหละ    แถมสมัยวัยสะรุ่น ป้าเที่ยว  ซ่าส์จนหยดสุดท้ายเหมือนกันละจ๊ะ  (สมัยสัก20 กว่าปีที่แล้วไม่อย่านึกเลยเห็นตัวเลขแล้วตกกะจาย)
     มาถึงตอนนี้เลยต้องเร่งสร้างบุญขนานใหญ่   เพื่อนฝูงบางคนไม่เจอกันนาน ยังงงเลยหาว่าป้า ลื่นหกล้มหรือเปล่าประสาทเลย
กลับขนาดนี้......555......

  เป็นเว็บฮินดูแต่ขอกล่าวแบบพุทธซักหน่อยนะครับ

บางคนว่าพระพุทธเจ้ามีสิบชาติ แต่จริงๆ แล้วกว่าพระองค์จะมาเสวยพระชาติเป็นองค์สัมมาสัมพุทธเจ้านั้น

พระองค์เสวยชาติมาแล้วหลายหมื่นหลายพันชาติ เกิดเป็นสัตว์เดรัชฉานก็มี เพราะอะไร เพราะพระองค์มาชดใช้กรรม

ที่เคยทำในอดีตให้หมดสิ้น เพื่อจะบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณครับ

  Ha_ha ha คุณผ่านมา 20 ปี แต่หลานเพิ่งผ่านมา3-4 ปีเองน๊า อิอิ เข้าสู่วัยผู้ใหญ่ตอนต้นแล๊น

เอิ๊กๆๆๆแซวเล่นนะจ๊ะ  ขอบคุณมากค่ะสำหรับข้อมูลดีๆ ดีจังค่ะชอบๆ
ความดีไม่ต้องทำให้ใครเห็น
ไม่ต้องบอกประกาศให้ใครรู้
นั่นสิน๊ะคือความดีที่แท้จริง

ขอบคุณคุณป้าและทุกความคิดเห็นค่ะ

อ่านแล้วได้ความรู้ และเกิดแรงบันดาลใจ อยากจะทำดีให้ยิ่งๆ ขึ้นไปอีกค่ะ

[HIGHLIGHT=#92d050]เมตตามหานิยม อยู่ที่...คุณธรรม[/HIGHLIGHT]

มาม๊ะ _มาม๊ะ  เรามาหมั่นทำดีกันเนอะ  น้องกิมเน๊อะ   
ความดีไม่ต้องทำให้ใครเห็น
ไม่ต้องบอกประกาศให้ใครรู้
นั่นสิน๊ะคือความดีที่แท้จริง

สนับสนุนทุกความคิดเห็นจ้า สำคัญที่สุด "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" ทุกๆ ศาสนาสอนให้เราทำดี ละชั่ว ทำจิดใจให้ผ่องใส ทั้งนั้น แต่อย่างว่าแหละ มนุษย์อ่ะ ยังมี โลภะ โมหะ โทสะ อยู่เยอะ เอาน่า พยายามทำดีกันต่อไป "ฟ้ามีตา" เสมอจ้า.......

เคยดูในรายการหนึ่งที่เชิญแม่ชีทศพรมาครับ แม่ชีบอกแก้กรรมได้ด้วยการไม่ทำกรรมนั้นอีกอะ ฟังแล้วงงๆ
No [HIGHLIGHT=#ffffff]one [/HIGHLIGHT]is PERFECT

ขอบคุณคุณป้า Mahad นะคะ ที่ให้ข้อมูลดีๆ และเพิ่มความเข้าใจมากขึ้น
สุ จิ ปุ ลิ  ขาด สักข้อ ก็ไม่ครบการเป็นปราชญ์

ปราชญ์ที่ดีต้องเป็นผู้ฟังมากกว่า พูด พูดในสิ่งที่สมควรพูด

ผู้ที่ฉลาดแท้จริง ฟัง มากกว่าพูด เพราะถ้าเรารู้ไม่จริง หรือไม่หมดก็จงอย่าพูด

เพราะเมื่อเปิดปากออกมา เมื่อนั้นได้แสดงความโง่ออกมาโดยไม่รู้ตัว

คนเก่งจริง ต้องเรียนรู้เสมอว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือตัวเรายังมีคนที่เก่งกว่า จงถ่อมตนเสมอ จงเป็นผู้ให้เสมอ


พี่ณิชาว่า ถ้าเอาแบบคิดง่ายๆ นะค่ะ  ในเมื่อกรรม แก้ไขไม่ได้  เราก็ทำยังไงก็ได้ อย่างให้กรรม (ชั่ว) ตามเราทันซิค่ะ 

นั่นก็คือ หยุดทำกรรม (ชั่ว) ให้มันเพิ่มขึ้น  แล้วก็ทำ กรรม (ดี)  ให้เยอะๆ  ให้กรรม (ชั่ว) มันตามไม่ทัน  ....

สรุป เข้าใจง่ายๆแบบนี้ ถูกป่าวค่ะ
[HIGHLIGHT=#ffff00]ผู้ที่ได้ชื่อว่าบุตรแห่งเทวะ  ย่อมมีหัวใจของเทวะ    [/HIGHLIGHT]

 การแก้กรรมจะให้หมดไปเลยนั้น คงจะทำไม่ได้ แต่ถ้าเราประกอบ แต่กรรมดีจนกรรมชั่วตามไม่ทันแล้วนั้น เราก็อาจสามารถพ้นจากกรรมไปได้
(ชั่วคราว เช่น ขึ้นสวรรค์,พรหมโลก  หรือ ตลอดไป คือนิพพาน) แต่สุดแท้แต่ที่เราทุกคนต้องเกิดมานี้ ก็หมายความว่า เรานั้นจะต้องมาเสวยกรรม ทั้งกรรมดีและกรรมชั่วที่เราได้กระทำมา ทั้งในอดีตและปัจจุบัน     กรรมที่เราประพฤติไม่ดีมาก็เปรียบเสมือนน้ำในแก้วที่มันขุ่นหากแต่เราทำกรรมดีเติมน้ำใสๆลงไป  ในวันข้างหน้าน้ำในแก้วก็จะใส  แตในบางครั้งก็เกิดตะกอนนอนเนื่องอยู่  ฉะนั้นทุกคนอย่างได้ประมาทในการมีชีวิตทุกวันนี้ 

ขอให้ทุกท่านในครอบครัว HM จงเจริญในธรรมยกจิตให้สูง พ้นจากสภาวะทุกข์ ทุกท่านครับ

สาธุ...เป็นบทความที่ดีค่ะ  ขอบพระคุณคุณป้า  (ขอเรียกแบบนี้เลยนะคะ  อยากเป็นลูกเป็นหลานคนมีธรรมค่ะ)
ที่มีจิตเป็นกุศล  นำบทความดี ๆ มาเผยแพร่ให้เรา ๆ ท่าน ๆ ได้ทราบกัน

ความเห็นส่วนตัวนะคะ  เข้าใจว่าที่คนทั่วไป  หรือสื่อสิ่งพิมพ์ทั้งหลายใช้คำว่า  "แก้กรรม"
มาจั่วหัวหนังสือ  หรือเรียกขานวิธีการแบบนี้  น่าจะเป็นเพราะมันดึงดูดใจค่ะ

เพราะ  "แก้"  หมายถึงทำแล้วหมดไป  เหมือนแก้ปมเชือกอะไรประมาณเนี๊ยะ

ถ้ามาใช้คำว่า  "บรรเทากรรม"  คงจะขายไม่ออก 555
เพราะ "บรรเทา"  หมายถึงช่วยแบ่งเบา  แต่ไม่หมดไป  เหมือนยาบรรเทาปวดพาราอ่ะ



การแก้กรรมจริงๆแล้วแก้ไม่ได้หรอกครับ จะนั้งสมาธิ หีอ ปฏิบัติธรรมให้นานแค่ๆไหนก็ตัดกรรมเราไปไม่ได้ครับแต่มันจะทำให้จากกรรมหนัก กลายเป็นเบา กรรมจะตัดได้ต่อเมื่อตัวเรารู้จักอโหสิกรรมรู้จักเมตตา กรุณา เช่น ผมเองเกลียดแมงมุมเป็นชีวิตจิตใจเจอตัวใหญ่ๆฟาดหมด วันนึงเจออีกครับจะฟาดแต่มองมันแล้วก็สงสารกลัวก็กลัวเลยเอาแก้วครอบมันไว้แล้วเอากระดาษปิดแล้วนำไปปล่อยข้างนอกบ้าน นี้ก็ไปการอโหสิกรรมอีกอย่างหนึ่งเจอกันชาติหน้าก็จะได้ไม่ต้องฆ่ากันอีก แล้วแมงมุมตัวนี้ก็ฉลาดนะครับทำใยอยู่ใกล้ๆเทวรูป
วงการมายา ไม่ใช่สนามเด็กเล่น แต่เป็นสมรภูมิรบ และ การผูกสัมพันธ์ไมตรี ทั้งจริงและจอมปลอม

มายา ความหมายของมันช่างลึบลับเหลือเกิน

วงการมายาไม่ใช่ของเล่นทั่วไป เข้าแล้วออกยาก ระวังเอาไว้