สวยงามมากค่ะ ขอบคุณที่นำมาให้ได้ชม
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
Show posts MenuQuote from: อักษรชนนี on November 07, 2009, 23:51:01
ขอบพระคุณสำหรับสาระความรู้ดีๆที่นำมาฝากนะครับคุณป้า mahad
(หายไปนานหลายอาทิตย์เลยนะครับคุณป้า หลานคนนี้ยังนึกถึงเสมอนะคร๊าบบบ อิอิ)
สวดมนต์รักษาโรค อาจช่วยควบคู่กับการดูแลตนเองและรับประทานอาหารด้วยก็ดี อาจารย์ศิลปศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เชิญชวนเปล่งเสียงสวดมนต์นำพลังจากการสั่นสะเทือนจากการเปล่งเสียงสวดภาษาบาลี กระตุ้นอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกาย พบเสียงโอ กระตุ้นหัวใจ บทสวดมนต์ในพุทธศาสนากล่าวถึงสัจธรรม ที่พระพุทธเจ้าค้นพบ เพิ่มพลังให้ผู้สวดและผู้ฟัง เช่น บทสวดอนัตตะลักษณะสูตร คาถาพระปริตรธรรม ผศ.จุฑาทิพย์ อุมะวิชนี อาจารย์คณะศิลปศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์กล่าวว่าคุณค่าของการสวดมนต์ในพระพุทธศาสนาสามารถพิจารณาได้หลายประเด็น ตั้งแต่การใช้ภาษาโดยการสวดมนต์ในพระพุทธศาสนาเป็นภาษาบาลีมีความเก่าแก่หลายพันปีภาษาบาลี มีสระผสมผสานอยู่แทบทุกพยางค์การเปล่งเสียงที่มี พยัญชนะครบสามารถกระตุ้นให้เกิดพลังได้ ถึงแม้ผู้สวดจะไม่รู้ความหมายของคำที่เปล่งออกมาก็ตาม พระอาจารย์สิงห์ทน นราสโภ หรืออดีต ดร.สิงห์ทน คำซาว อาจารย์ภาควิชาปรัญญา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่กล่าวไว้ว่า เสียงโอที่เปล่งออกมาในการสวดมนต์จะกระตุ้นหัวใจ เสียง ออ วอ สอ ขา หา ยะ กระตุ้นไต เสียงอี กระตุ้นระบบขับถ่าย เช่น เวลาต้องการให้เด็กปัสสาวะเรามักจะบอกเด็กว่า ฉี่ ๆ เป็นต้น นอกจากนั้น เมื่อพิจารณาด้านภาษาบาลี ในแง่ไวยากรณ์ ฐานเสียงอักขระทุกตัว เมื่อเกิดจากฐานใดของเสียงก็จะไปกระตุ้นอวัยวะส่วนนั้น ๆ การเปล่งเสียงในภาษาบาลีมีพลังสั่นสะเทือน ซึ่งในแง่ของโยคะ สามารถกระตุ้นจักรหรือศูนย์รวมพลังทั้ง 7 ในตัวเราได้ เช่น คำว่า โอม เมื่อเปล่งเสียงสูงและต่ำผู้พูดจะรู้สึกถึงพลังสั่นสะเทือนไปตามจุดสำคัญของร่างกายตั้งแต่ก้นกบจนถึงลำคอและศีรษะ ดร.ริชาร์ด เกอร์เบอร์ และแอนดรู ไวลด์ กล่าวถึงพลังสั่นสะเทือนที่เราได้จากการท่องคาถาสวดมนต์ว่า เป็นยาวิเศษ โดยเขียนไว้ในหนังสือเรื่อง Vibration Medicine ว่า โรคที่ส่งผลต่อร่างกาย หากได้รับพลังสั่นสะเทือนถือว่าเป็นการเยียวยาอวัยวะส่วนนั้น ๆ ดร.แอนดรู ไวลด์ เขียนหนังสือเรื่อง spontaneous Healing และได้ทำวิจัยร่วมกับ ดร.เกเฮนริก ผู้เขียนเรื่อง Conscious Breathing ทั้งสองได้ข้อสรุปว่าร่างกายเรามีแนวโน้มที่จะสามารถรักษาตนเองได้ หากรู้จักใช้พลังกระตุ้นอวัยวะที่มีปัญหาในร่างกาย ผศ.จุฑาทิพย์ กล่าวว่า ในเชิงความหมายของบทสวด เนื้อหาส่วนใหญ่คือ การสรรเสริญพระคุณอันยิ่งใหญ่ ของพระพุทธเจ้า พระบารมี ตลอดจนพระเมตตาต่อมวลมนุษย์ ทรงปราบมารต่าง ๆ ได้ อาจอธิบายได้ว่าการเปล่งวาจาที่เป็นสัจธรรมออกมา เปรียบได้กับการเปล่งแสงสว่างที่ทรงคุณค่า การสวดมนต์ จึงนำมาซึ่งความสว่างไสวปกป้องผู้กล่าวและสรรพสิ่งทั้งหลายได้ มีการน้ำพระพุทธมนต์ไปวิเคราะห์อนูของน้ำว่าเป็นอย่างไร ปรากฏว่าโมเลกุลของน้ำที่ได้รับเสียงสวดมนต์มีความสมบูรณ์ สวยงาม ขณะที่น้ำที่ตั้งอยู่หน้าโทรทัศน์ และคอมพิวเตอร์มีความบกพร่องของอนูมีรูปร่างไม่สมบูรณ์ คำอธิบายที่ได้จากการทดลองนี้คือ อานุภาพของคาถาที่มีพลังหรือการสั่นสะเทือนของคาถา ส่งให้ อนูในน้ำปรับตัวสู่ภาวะที่สมบูรณ์ละเอียดอ่อนได้ ทั้งนี้ ผศ.จุฑาทิพย์ ได้ยกตัวอย่างบทสวดมนต์เพื่อสุขภาพ เช่น ชัยมงคลคาถาหรือบทพาหุง ซึ่งเป็นบทที่สรรเสริญพระอรหันต์สาวกทั้งหลาย หรือมงคลสูตร กล่าวถึงข้อควรปฏิบัติของมนุษย์เพื่อความเป็นมงคลแก่ตนเอง บทสวดที่กล่าวถึงสัจธรรมที่พระพุทธเจ้าค้นพบ เช่น อนัตตะลักษณะสูตร อธิบายถึงไตรลักษณ์ได้แก่ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เพื่อให้คนเกิดความปล่อยวาง ส่วนคาถาพระปริตรธรรม ทั้งเมตตปริตร ขันธปริตร โมรปริตร ธารณปริตร โพชณงคปริตร คาถาชินบัญชร เป็นบทสวดเพื่อยกย่องความดีงามของผู้สมควรบูชา ในขณะเดียวกันผู้สวดจะได้รับการคุ้มครอง ปกป้องให้รอดพ้นจากภยันตราย หรือแม้กระทั่งรักษาความเจ็บไข้ได้ป่วยด้วย ในพระพุทธศาสนามีกล่าวไว้หลายเรื่อง เช่น เมื่อพระมหากัสสปะเถระอาพาธ พระพุทธเจ้าเสด็จมา และทรงสวดโพชฌงค์ 7 พอทรงสวดจบพระมหากัสสปะก็หายอาพาธในทำนองเดียวกันพระโมคคัลลาน์หายอาพาธได้เมื่อพระพุทธเจ้าทรงแสดงโพชฌงค์ 7 ให้ฟัง แม้แต่พระพุทธเจ้าเอง เมื่อทรงอาพาธ ทรงโปรดให้พระมหาจุนทะ สวดโพชฌงค์ 7 ถวาย เมื่อสวดจบ พระพุทธองค์ทรงหายจากอาการประชวร นอกจากนั้นในสมัยพุทธกาลชาวบ้านยังนิยมนิมนต์ พระสงฆ์มาสวดมนต์ให้ ที่บ้านเมื่อเจ็บป่วย เช่น ธรรมมิกอุบาสก เมื่อใกล้จะถึงวาระสุดท้ายของชีวิต นิมนต์พระสงฆ์มาสวดสติปัฏฐานสูต หรือในกรณีของ มานทินคหบดี หรือท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เมื่อไม่สบายก็นิมนต์พระสงฆ์มาสวดที่บ้าน เมื่อสวดมนต์จบความเจ็บป่วยหายไปได้ การสวดมนต์ที่ชาวพุทธคุ้นเคยกันคือการทำวัตรเช้า-เย็น สวดมนต์แผ่เมตตา สวดคาถาพาหุงมหากาฯ และสวดพระปริตร มีการวิจัยในการแพทย์ปัจจุบันจำนวนมากที่แสดงว่าการสวดมนต์ ช่วยให้เกิดความสุข ความพอใจในชีวิตที่เป็นอยู่ เช่น ให้สุขภาพจิตดีและช่วยแก้ไขปัญหาชีวิตได้ 1 ตัวอย่างเช่น นายแพทย์ลารี ดอสซี ได้วิเคราะห์ผลงานวิจัยในเรื่องนี้ประมาณ 100 เรื่องและพบว่าในงานวิจัยต่างๆเหล่านี้การสวดมนต์มีผลต่อการเจริญเติบโตของเมล็ดพืชและการที่แผลหายเร็วขึ้น นอกจากนั้นในงานวิจัยหลายชิ้นรายงานว่าการสวดมนต์สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราได้ สมาคมวิทยาศาสตร์ทางจิตแห่งรัฐเทกซัสได้เจาะเลือดอาสาสมัคร 32 ราย เมื่อแยกเอาเม็ดเลือดแดงออกแล้วใส่สารละลายที่จะทำให้เม็ดเลือดแดงบวมและแตกในเวลาต่อมา แล้วให้อาสาสมัครเหล่านั้นสวดมนต์ขอให้เม็ดเลือดแดงแตกน้อยลง ผลคือเม็ดเลือดแดงนั้นแตกช้าลง ( Castleman M, Natures Cures) Randolf Byrd แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจได้ทำการศึกษาเรื่องของ การสวดมนต์ภาวนาในคนไข้ 393 คน ที่ San Francisco General Hospital โดยแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรก 192 คน ซึ่งมีกลุ่มที่คอยสวดภาวนาและสวดมนต์ให้ กลุ่มที่สอง 201 คน ไม่มีกลุ่มคอยสวดภาวนาให้ ผลการทดลองพบว่าคนไข้กลุ่มแรกที่มีคนคอยสวดมนต์ ให้ใช้ยาปฏิชีวนะน้อยกว่ากลุ่มที่สอง 5 เท่าเกิดภาวะแทรกซ้อนในเรื่องน้ำท่วมปอด ( Pulmonary Edema) น้อยกว่า 3 เท่า ถูกใส่ท่อช่วยหายใจ ( Endo tracheal Intubation) น้อยกว่า 12 เท่า การทดลองครั้งนี้ได้รับการยอมรับจากนักวิทยาศาสตร์ว่า ผลการทดลองมีนัยสำคัญที่เชื่อถือได้ จากการศึกษางานวิจัยดังกล่าวเราอาจสรุปได้ว่าการสวดมนต์ในรูปแบบต่างๆทำให้เราผ่อนคลายทั้งทางจิตใจและทางกาย ทำให้เรารู้สึกสบายใจ สภาพจิตใจเช่นนี้มีผลกระทบต่อสุขภาพทางใจและทางกายมากด้วยเหตุนี้จิตแพทย์ในประเทศสหรัฐอเมริกาจำนวนไม่น้อยจึงนำการสวดมนต์มาใช้ในการบำบัดทางจิตร่วมกับวิธีการรักษาทางการแพทย์ การสำรวจของนักวิจัยหลายกลุ่มพบว่าคนอเมริกันนิยมสวดมนต์กันมากกล่าวคือ 70% สวดมนต์ทุกวัน 44% สวดมนต์เพื่อการบำบัดโรค มีงานวิจัยจำนวนมากแสดงให้เห็นว่าการสวดมนต์ช่วยให้ผู้ป่วยเป็นโรคร้ายแรงน้อยลง เช่นโรคหัวใจ โรคความดัน โรคเครียด และโรคซึมเศร้า เป็นต้น และแม้แต่ผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งจะมีอัตราตายต่ำกว่าประชากรทั่วไป นอกจากนั้นการสวดมนต์เมื่อปฏิบัติร่วมกับสมาธิยังสามารถลดปัญหาการฆ่าตัวตาย และการใช้ยาเสพติดได้ การสวดมนต์ไม่ใช่เรื่องไร้สาระหรือเป็นไสยศาสตร์ อีกต่อไปผลจากการสวดมนต์นอกจากจะให้ผลทางการบำบัดรักษาโรคต่างๆแล้ว ยังให้ผลในด้านอื่นๆ อีกมากมาย หากท่านยังไม่เชื่อหรือสงสัยว่าจริงหรือไม่ ขอให้ลองทดสอบดูด้วยตนเองก็ได้ เพราะสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่ากับสวดมนต์ด้วยตนเอง การวิจัยในทางการแพทย์ปัจจุบันจำนวนมาก ที่แสดงว่า การสวดมนต์ช่วยให้เกิดความสุข ความพอใจในชีวิตที่เป็นอยู่ เช่น ให้สุขภาพจิตดี และช่วยแก้ไขปัญหาชีวิตได้ จากเหตุการณ์ การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ ๒๐๐๙ ที่มีคนเสียชีวิตจำนวนมาก การป้องกันกายป้องกันตัว ตามคำแนะนำของกระทวงสาธาณสุข เป็นเรื่องที่พึงกระทำ แต่หากจะให้ดี ต้องป้องกันใจด้วย โดยการสวดมนต์ทำสมาธิ และบทสวดมนต์ที่ขึ้นชื่อว่า รักษาโรค และช่วยต่ออายุให้ยืนยาว คือ โพชฌังคปริตร ที่ว่า โพชฌังโค สะติสังขาโต ธัมมานัง วิจะโย ตะถา วิริยัมปีติ ปัสสัทธิ โพชฌังคา จะ ตะถาปะเร สะมาธุเปกขะโพชฌังคา สัตเตเต สัพพะทัสสินา มุนินา สัมมะทักขาตา ภาวิตา พะหุลีกะตา สังวัตตันติ อะภิญญายะ นิพพานายะ จะ โพธิยา เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา เอกัสมิง สะมะเย นาโถ โมคคัลลานัญจะ กัสสะปัง คิลาเน ทุกขิเต ทิสวา โพชฌังเค สัตตะ เทสะยิ เต จะ ตัง อะภินันทิตวา โรคา มุจจิงสุ ตังขะเณ เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา เอกะทา ธัมมะราชาปิ เคลัญเญนาภิปีฬิโต จุนทัตเถเรนะ ตัญเญวะ ภะณาเปตวานะ สาทะรัง สัมโมทิตวา จะ อาพาธา ตัมหา วุฏฐาสิ ฐานะโส เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา ปะหีนา เต จะ อาพาธา ติณณันนัมปิ มะเหสินัง มัคคาหะตะกิเลสาวะ ปัตตานุปปัตติธัมมะตัง เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา นอกจากนั้น ในงานวิจัยหลายชิ้น รายงานว่า การสวดมนต์สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราได้ จากการศึกษางานวิจัยดังกล่าว เราอาจสรุปได้ว่า การสวดมนต์ในรูปแบบต่างๆ ทำให้เราผ่อนคลาย ทั้งทางจิตใจและทางกาย ทำให้เรารู้สึกสบายใจ สภาพจิตใจเช่นนี้ มีผลกระทบต่อสุขภาพทางใจ และทางกายมาก ด้วยเหตุนี้ จิตแพทย์ในประเทศสหรัฐอเมริกาจำนวนไม่น้อย จึงนำการสวดมนต์มาใช้ในการบำบัดทางจิต ร่วมกับวิธีการรักษาทางการแพทย์ การสวดมนต์ไม่ใช่เรื่องไร้สาระ หรือเป็นไสยศาสตร์อีกต่อไป พระราชญาณวิสิฐ (หลวงป๋า) ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ จากเว็บไซด์ วิภารัศมิ์ |