Loader
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - mahad

#1
สวยงามมากค่ะ  ขอบคุณที่นำมาให้ได้ชม
#2
ขอบคุณทุกท่านที่นำความรู้ดีๆมาแบ่งปัน    ขอพระพิฆเนศวรทรงคุ้มครอง 
#3
เคยได้ยินมาบ้างเรื่องปางที่ 33  แห่งองค์พ่อพิฆเนศวรเจ้า  แต่ก็ยัง งงอยู่ 
ต้องขอ ขอบคุณความรู้ที่ได้ในหัวข้อนี้มากค่ะ
#4
งดงามแบบแปลกๆแต่ก็ดีค่ะ   ขอบคุณค่ะ
#5
งดงามมากค่ะ  ขอบคุณมากมายที่นำมาให้ได้ชื่นชมพระบารมีค่ะ
       พระเจ้าทรงคุ้มครองค่ะ .......โอม...ศานติ...ศานติ...ศานติ...
#8
สวยงามมากค่ะ   
ขอบคุณมากค่ะที่นำมาให้ชม
#9
[HIGHLIGHT=#ff0000]ขอบคุณค่ะ  สวยงามมาก[/HIGHLIGHT]
#10
[HIGHLIGHT=#ffff00][/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#ffff00]สวยงามมากจ๊ะ[/HIGHLIGHT]    ได้องค์ใหม่สมใจแล้วซินะ   สวยถูกใจไหมละจ๊ะ[HIGHLIGHT=#ffff00][HIGHLIGHT=#ffff00][/HIGHLIGHT][/HIGHLIGHT]
#13
ขอออกความคิดเห็นด้วยคนนะจ๊ะ
เรื่องประทีปเอาเป็นตามความเหมาะสมดีที่สุด  (แต่ความเชื่อมาแต่โบราณกาลของคนไทยเชื่อว่าการถวายประทีปหรือเทียนหรือตะเกียงต้องถวายเป็นคู่ถึงจะดี)
แต่เรื่องกำยานพึ่งเคยได้ยินนี้แหละว่าจุด 2 อันแล้วจะขออะไรได้คูณ 2  ถ้าอย่างนั้นป้าคงขอได้แบบทบทวีคูณแน่เลย ...(อิอิ)
เพราะที่บ้านจุดวันๆ 6-8อันแนะ    (แต่จุดที่ละอันแบบต่อเนื่องนะจ๊ะ)
ถ้าจุดพร้อมกัน  6-8 อันแล้วขอได้คูณ  6-8  ก็น่าสนนิ ...อิอิ
#14
   
ความเชื่อและศรัทราอันแรงกล้าจากจิตที่บริสุทธิ์ที่มีต่อพระองค์ท่านเหนือสิ่งอื่นใดเท่านั้น   จะก่อให้เกิด   มหัศจรรย์และมงคลแห่งชีวิต
  ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ  เคยผ่านเหตุคล้ายๆแบบนี้มาเหมือนกัน แต่วันนี้ที่บ้านทุกๆคนน้อมรับพระองค์ท่าน
ด้วยความศรัทราอันแรงกล้าและจิตที่บริสุทธิ์ที่มีพระองค์ท่านเหนือสิ่งอื่นใด 
ตั้งจิตให้มั่นคงค่ะแล้วคุณจะ พบมหัศจรรย์(พระเมตตา)แห่งพระองค์ท่านแน่นอน
#15


บุญ ที่ถูกต้อง คืออย่าหลงบุญ

ชาวพุทธเราส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องของ บุญ คิดว่าการทำบุญก็คือ การตักบาตร การถวายทรัพย์
ปัจจัยการถวายสังฆทาน ฯลฯ เพียงเท่านี้ เป็นต้น ยิ่งบางพุทธพาณิชย์ เน้นสอนให้บริจาคทรัพย์ หรือร่วมสร้างความยิ่งใหญ่อลังการเข้าวัดจนเกินตัว มียอดบริจาคมากเท่าไหร่ถือว่ายิ่งได้บุญหนักศักดิ์ใหญ่  รวยล้นฟ้ไม่รู้เรื่อง แท้จริงแล้ว
บุญ หรือ ปุญญ แปลว่า ชำระ หมายถึง การทำให้หมดจดจากมลทิน เครื่องเศร้าหมอง อันได้แก่ โลภะ โทสะ และ โมหะ
ตามพระไตรปิฎก เราสามารถสร้าง บุญ ได้ ๓ อย่าง คือ ทาน ศีล ภาวนา
๑. ทาน คือ การให้ เช่นที่กล่าวมาแล้ว คือ การตักบาตร บริจาคทรัพย์ ถวายสังฆทาน เป็นต้น ถือเป็น จาคะ หรือ การให้นับเป็น บุญอย่างหนึ่ง แต่มีการให้บางประการที่ไม่นับเป็นบุญ เช่น สุรา มหรสพ ให้สิ่งเพื่อกามคุณ เป็นต้น
๒. ศีล คือ ความประพฤติที่ไม่ละเมิด หรือรักษาความสำรวมทางกาย วาจา การรักษาศีลสำหรับฆราวาส ได้แก่ ศีล ๕ และอุโบสถศีล (มี ๘ ข้อ)
๓. ภาวนา คือ การอบรมจิตทางสมถะและทางวิปัสสนา
การนั่งสมาธิ เรียกว่า สมถะภาวนา ส่วนการนั่งวิปัสสนา (สติรู้ถึงรูป– นาม) เรียกว่า วิปัสสนาภาวนา

บุญ ยังมีอีก ๗ อย่าง ตามอรรถกถา หรือข้อปลีกย่อยนอกเหนือจากพระไตรปิฎก นับถัดไปเป็นลำดับที่ ๔ ดังนี้
๔. อปจายนะ ความเป็นผู้นอบน้อม ต่อผู้ที่ควรนอบน้อม
๕. เวยยาวัจจะ ความขวนขวายในกิจ หรืองานที่ควรกระทำ
๖. ปัตติทาน การให้บุญที่ตนถึงแล้วแก่คนอื่น เช่น การอุทิศส่วนกุศล การกรวดน้ำ
๗. ปัตตานุโมทนา คือการยินดีในบุญที่ผู้อื่นถึงพร้อมแล้ว เช่น เห็นผู้อื่นทำบุญตักบาตร เมื่อเราพลอยปลื้มปิติ กล่าวอนุโมทนา เพียงเท่านี้ ก็ได้บุญแล้ว
๘. ธัมมัสสวนะ หรือการฟังธรรม ไม่ว่าจะฟังธรรมโดยตรง หรือจากสื่อวิทยุ โทรทัศน์ ฯลฯ
๙. ธัมมเทศนา หรือการแสดงธรรมเมื่อได้ศึกษาธรรมะ แล้วถ่ายทอดให้แก่ผู้อื่น นับเป็นบุญประการหนึ่งด้วย
๑๐. ทิฏฐุชุกรรม คือการกระทำความเห็นให้ตรง หรือ สัมมาทิฏฐิ นั่นเอง


บุญทั้ง ๑๐ ประการนี้ บางที่เรียกกันว่า บุญกิริยาวัตถุ ๑๐
จะเห็นว่าบุญทำได้ถึง ๑๐ อย่าง มีเพียงข้อแรกเท่านั้นที่ต้องใช้ทรัพย์ อีก ๙ ข้อล้วนไม่ต้องใช้ทรัพย์

[HIGHLIGHT=#c00000]ข้อมูลจาก  หนังสือ  "อยู่อย่างสว่าง"[/HIGHLIGHT]
#16
                 ถามว่าผิดไหม     คำตอบคือ      ไม่ผิด
          ถามว่าดีไหม       คำตอบคือ      ไม่ดี
          ถามว่ารังเกียจไหม  คำตอบคือ      ไม่รังเกียจ
แต่อย่าจะบอกว่า  (ขออนุญาติโม้หน่อยนะ)   มีคนที่บูชาเทพหลายท่านมาปรึกษาป้าเรื่องดื่มเหล้านี้แหละ  ว่าเค้าไม่สามารถเลิกได้จะทำไงดี
ป้าก็แนะนำเขาไปว่าถ้าเลิกไม่ได้ก็ให้ลดลงที่ละน้อย  แล้วสวดมนต์อธิฐานจิตบ่อยๆว่าลูกขอให้บุญกุศลที่ลูก  ได้สร้างมาทั้งในอดีตและปัจจุบัน   โปรดจงดลจิตให้ลูกทำการงดดื่มสุราได้สำเร็จด้วยเถิด....
แล้วให้ตั้งใจว่าจะสวดมนต์ทุกวันในตอนหัวค่ำ(ช่วงเวลาที่กำลังดิ้งนั้นแหละ)  ที่นี้ก็จะงดดื่มได้ไปเอง   เพราะ    จะรู้สึกละอายใจว่า  เดี๋ยวต้องไปสวดมนต์   มีกลิ่นเหล้ามันไม่ดี   เมื่อรู้สึกแบบนี้บ่อยๆ  ก็คงเลิกได้เองแหละ(หรือไม่ก็เลิกสวดมนต์..ฮิอิ)
   
   คนที่ป้าแนะนำไปบางคนใช้เวลาเป็นปีกว่าจะทำสำเร็จ  แต่สำเร็จแล้วทุกอย่างดีขึ้นมากๆโดยเฉพาะสุขภาพ 
   แต่บางคนใช้เวลาไม่นานก็เลิกได้  แต่เผื่อหน่อยเดี่ยวเมาอีกแล้ว   
   เอาเป็นว่าถ้าอยากเลิกก็ตั้งจิตให้มั่นๆๆก็แล้วกัน  ขอเป็กำลังใจให้ทำสำเร็จ
   แต่ถ้าไม่อยากเลิกก็อย่าดื่มจนเหล้ากินเราก็แล้วกันนะจ๊ะ
#17
Quote from: อักษรชนนี on November 07, 2009, 23:51:01
ขอบพระคุณสำหรับสาระความรู้ดีๆที่นำมาฝากนะครับคุณป้า mahad

(หายไปนานหลายอาทิตย์เลยนะครับคุณป้า หลานคนนี้ยังนึกถึงเสมอนะคร๊าบบบ อิอิ)

ป้าก็คิดถึงทุกๆท่านเช่นนี้กัน   
แต่ตอนนี้งานป้ามากจริงๆ    ว่างเมื่อไรจะรีบมาแจมนะจ๊ะ
#18
สวดมนต์รักษาโรค
อาจช่วยควบคู่กับการดูแลตนเองและรับประทานอาหารด้วยก็ดี

อาจารย์ศิลปศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เชิญชวนเปล่งเสียงสวดมนต์นำพลังจากการสั่นสะเทือนจากการเปล่งเสียงสวดภาษาบาลี กระตุ้นอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกาย พบเสียงโอ กระตุ้นหัวใจ บทสวดมนต์ในพุทธศาสนากล่าวถึงสัจธรรม  ที่พระพุทธเจ้าค้นพบ  เพิ่มพลังให้ผู้สวดและผู้ฟัง  เช่น บทสวดอนัตตะลักษณะสูตร คาถาพระปริตรธรรม


ผศ.จุฑาทิพย์ อุมะวิชนี  อาจารย์คณะศิลปศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์กล่าวว่าคุณค่าของการสวดมนต์ในพระพุทธศาสนาสามารถพิจารณาได้หลายประเด็น  ตั้งแต่การใช้ภาษาโดยการสวดมนต์ในพระพุทธศาสนาเป็นภาษาบาลีมีความเก่าแก่หลายพันปีภาษาบาลี   มีสระผสมผสานอยู่แทบทุกพยางค์การเปล่งเสียงที่มี พยัญชนะครบสามารถกระตุ้นให้เกิดพลังได้ ถึงแม้ผู้สวดจะไม่รู้ความหมายของคำที่เปล่งออกมาก็ตาม   พระอาจารย์สิงห์ทน นราสโภ หรืออดีต ดร.สิงห์ทน คำซาว อาจารย์ภาควิชาปรัญญา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่กล่าวไว้ว่า เสียงโอที่เปล่งออกมาในการสวดมนต์จะกระตุ้นหัวใจ เสียง ออ วอ สอ ขา หา ยะ กระตุ้นไต เสียงอี กระตุ้นระบบขับถ่าย เช่น เวลาต้องการให้เด็กปัสสาวะเรามักจะบอกเด็กว่า ฉี่ ๆ เป็นต้น
นอกจากนั้น เมื่อพิจารณาด้านภาษาบาลี ในแง่ไวยากรณ์ ฐานเสียงอักขระทุกตัว เมื่อเกิดจากฐานใดของเสียงก็จะไปกระตุ้นอวัยวะส่วนนั้น ๆ การเปล่งเสียงในภาษาบาลีมีพลังสั่นสะเทือน   ซึ่งในแง่ของโยคะ สามารถกระตุ้นจักรหรือศูนย์รวมพลังทั้ง 7 ในตัวเราได้ เช่น  คำว่า โอม  เมื่อเปล่งเสียงสูงและต่ำผู้พูดจะรู้สึกถึงพลังสั่นสะเทือนไปตามจุดสำคัญของร่างกายตั้งแต่ก้นกบจนถึงลำคอและศีรษะ

ดร.ริชาร์ด เกอร์เบอร์ และแอนดรู ไวลด์ กล่าวถึงพลังสั่นสะเทือนที่เราได้จากการท่องคาถาสวดมนต์ว่า  เป็นยาวิเศษ โดยเขียนไว้ในหนังสือเรื่อง Vibration Medicine ว่า โรคที่ส่งผลต่อร่างกาย   หากได้รับพลังสั่นสะเทือนถือว่าเป็นการเยียวยาอวัยวะส่วนนั้น ๆ ดร.แอนดรู ไวลด์ เขียนหนังสือเรื่อง spontaneous Healing 
และได้ทำวิจัยร่วมกับ ดร.เกเฮนริก ผู้เขียนเรื่อง Conscious Breathing ทั้งสองได้ข้อสรุปว่าร่างกายเรามีแนวโน้มที่จะสามารถรักษาตนเองได้ หากรู้จักใช้พลังกระตุ้นอวัยวะที่มีปัญหาในร่างกาย

ผศ.จุฑาทิพย์ กล่าวว่า   ในเชิงความหมายของบทสวด  เนื้อหาส่วนใหญ่คือ  การสรรเสริญพระคุณอันยิ่งใหญ่   ของพระพุทธเจ้า  พระบารมี ตลอดจนพระเมตตาต่อมวลมนุษย์  ทรงปราบมารต่าง ๆ ได้  อาจอธิบายได้ว่าการเปล่งวาจาที่เป็นสัจธรรมออกมา เปรียบได้กับการเปล่งแสงสว่างที่ทรงคุณค่า การสวดมนต์ จึงนำมาซึ่งความสว่างไสวปกป้องผู้กล่าวและสรรพสิ่งทั้งหลายได้ มีการน้ำพระพุทธมนต์ไปวิเคราะห์อนูของน้ำว่าเป็นอย่างไร ปรากฏว่าโมเลกุลของน้ำที่ได้รับเสียงสวดมนต์มีความสมบูรณ์ สวยงาม ขณะที่น้ำที่ตั้งอยู่หน้าโทรทัศน์    และคอมพิวเตอร์มีความบกพร่องของอนูมีรูปร่างไม่สมบูรณ์ คำอธิบายที่ได้จากการทดลองนี้คือ อานุภาพของคาถาที่มีพลังหรือการสั่นสะเทือนของคาถา ส่งให้  อนูในน้ำปรับตัวสู่ภาวะที่สมบูรณ์ละเอียดอ่อนได้
ทั้งนี้ ผศ.จุฑาทิพย์ ได้ยกตัวอย่างบทสวดมนต์เพื่อสุขภาพ   เช่น ชัยมงคลคาถาหรือบทพาหุง
 
ซึ่งเป็นบทที่สรรเสริญพระอรหันต์สาวกทั้งหลาย หรือมงคลสูตร  กล่าวถึงข้อควรปฏิบัติของมนุษย์เพื่อความเป็นมงคลแก่ตนเอง บทสวดที่กล่าวถึงสัจธรรมที่พระพุทธเจ้าค้นพบ  เช่น  อนัตตะลักษณะสูตร อธิบายถึงไตรลักษณ์ได้แก่ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เพื่อให้คนเกิดความปล่อยวาง  ส่วนคาถาพระปริตรธรรม ทั้งเมตตปริตร ขันธปริตร     โมรปริตร ธารณปริตร โพชณงคปริตร  คาถาชินบัญชร  เป็นบทสวดเพื่อยกย่องความดีงามของผู้สมควรบูชา
   
ในขณะเดียวกันผู้สวดจะได้รับการคุ้มครอง   ปกป้องให้รอดพ้นจากภยันตราย หรือแม้กระทั่งรักษาความเจ็บไข้ได้ป่วยด้วย
ในพระพุทธศาสนามีกล่าวไว้หลายเรื่อง เช่น เมื่อพระมหากัสสปะเถระอาพาธ พระพุทธเจ้าเสด็จมา   และทรงสวดโพชฌงค์ 7  พอทรงสวดจบพระมหากัสสปะก็หายอาพาธในทำนองเดียวกันพระโมคคัลลาน์หายอาพาธได้เมื่อพระพุทธเจ้าทรงแสดงโพชฌงค์ 7 ให้ฟัง แม้แต่พระพุทธเจ้าเอง เมื่อทรงอาพาธ ทรงโปรดให้พระมหาจุนทะ สวดโพชฌงค์ 7 ถวาย เมื่อสวดจบ พระพุทธองค์ทรงหายจากอาการประชวร
นอกจากนั้นในสมัยพุทธกาลชาวบ้านยังนิยมนิมนต์  พระสงฆ์มาสวดมนต์ให้ ที่บ้านเมื่อเจ็บป่วย เช่น
ธรรมมิกอุบาสก เมื่อใกล้จะถึงวาระสุดท้ายของชีวิต นิมนต์พระสงฆ์มาสวดสติปัฏฐานสูต หรือในกรณีของ   มานทินคหบดี หรือท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เมื่อไม่สบายก็นิมนต์พระสงฆ์มาสวดที่บ้าน เมื่อสวดมนต์จบความเจ็บป่วยหายไปได้

การสวดมนต์ที่ชาวพุทธคุ้นเคยกันคือการทำวัตรเช้า-เย็น สวดมนต์แผ่เมตตา สวดคาถาพาหุงมหากาฯ และสวดพระปริตร มีการวิจัยในการแพทย์ปัจจุบันจำนวนมากที่แสดงว่าการสวดมนต์ ช่วยให้เกิดความสุข ความพอใจในชีวิตที่เป็นอยู่ เช่น ให้สุขภาพจิตดีและช่วยแก้ไขปัญหาชีวิตได้ 1 ตัวอย่างเช่น นายแพทย์ลารี ดอสซี ได้วิเคราะห์ผลงานวิจัยในเรื่องนี้ประมาณ 100 เรื่องและพบว่าในงานวิจัยต่างๆเหล่านี้การสวดมนต์มีผลต่อการเจริญเติบโตของเมล็ดพืชและการที่แผลหายเร็วขึ้น นอกจากนั้นในงานวิจัยหลายชิ้นรายงานว่าการสวดมนต์สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราได้ สมาคมวิทยาศาสตร์ทางจิตแห่งรัฐเทกซัสได้เจาะเลือดอาสาสมัคร 32 ราย เมื่อแยกเอาเม็ดเลือดแดงออกแล้วใส่สารละลายที่จะทำให้เม็ดเลือดแดงบวมและแตกในเวลาต่อมา แล้วให้อาสาสมัครเหล่านั้นสวดมนต์ขอให้เม็ดเลือดแดงแตกน้อยลง ผลคือเม็ดเลือดแดงนั้นแตกช้าลง ( Castleman M, Nature’s Cures) Randolf Byrd แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจได้ทำการศึกษาเรื่องของ การสวดมนต์ภาวนาในคนไข้ 393 คน ที่ San Francisco General Hospital  โดยแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรก 192 คน ซึ่งมีกลุ่มที่คอยสวดภาวนาและสวดมนต์ให้ กลุ่มที่สอง 201 คน ไม่มีกลุ่มคอยสวดภาวนาให้ ผลการทดลองพบว่าคนไข้กลุ่มแรกที่มีคนคอยสวดมนต์ ให้ใช้ยาปฏิชีวนะน้อยกว่ากลุ่มที่สอง 5 เท่าเกิดภาวะแทรกซ้อนในเรื่องน้ำท่วมปอด (
Pulmonary Edema) น้อยกว่า 3 เท่า ถูกใส่ท่อช่วยหายใจ   ( Endo tracheal Intubation) น้อยกว่า 12 เท่า

การทดลองครั้งนี้ได้รับการยอมรับจากนักวิทยาศาสตร์ว่า  ผลการทดลองมีนัยสำคัญที่เชื่อถือได้
จากการศึกษางานวิจัยดังกล่าวเราอาจสรุปได้ว่าการสวดมนต์ในรูปแบบต่างๆทำให้เราผ่อนคลายทั้งทางจิตใจและทางกาย ทำให้เรารู้สึกสบายใจ สภาพจิตใจเช่นนี้มีผลกระทบต่อสุขภาพทางใจและทางกายมากด้วยเหตุนี้จิตแพทย์ในประเทศสหรัฐอเมริกาจำนวนไม่น้อยจึงนำการสวดมนต์มาใช้ในการบำบัดทางจิตร่วมกับวิธีการรักษาทางการแพทย์ การสำรวจของนักวิจัยหลายกลุ่มพบว่าคนอเมริกันนิยมสวดมนต์กันมากกล่าวคือ 70%
สวดมนต์ทุกวัน 44% สวดมนต์เพื่อการบำบัดโรค มีงานวิจัยจำนวนมากแสดงให้เห็นว่าการสวดมนต์ช่วยให้ผู้ป่วยเป็นโรคร้ายแรงน้อยลง เช่นโรคหัวใจ โรคความดัน โรคเครียด และโรคซึมเศร้า เป็นต้น และแม้แต่ผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งจะมีอัตราตายต่ำกว่าประชากรทั่วไป นอกจากนั้นการสวดมนต์เมื่อปฏิบัติร่วมกับสมาธิยังสามารถลดปัญหาการฆ่าตัวตาย และการใช้ยาเสพติดได้
การสวดมนต์ไม่ใช่เรื่องไร้สาระหรือเป็นไสยศาสตร์   อีกต่อไปผลจากการสวดมนต์นอกจากจะให้ผลทางการบำบัดรักษาโรคต่างๆแล้ว ยังให้ผลในด้านอื่นๆ อีกมากมาย หากท่านยังไม่เชื่อหรือสงสัยว่าจริงหรือไม่ ขอให้ลองทดสอบดูด้วยตนเองก็ได้

เพราะสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่ากับสวดมนต์ด้วยตนเอง
การวิจัยในทางการแพทย์ปัจจุบันจำนวนมาก ที่แสดงว่า การสวดมนต์ช่วยให้เกิดความสุข ความพอใจในชีวิตที่เป็นอยู่ เช่น ให้สุขภาพจิตดี และช่วยแก้ไขปัญหาชีวิตได้

จากเหตุการณ์ การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ ๒๐๐๙ ที่มีคนเสียชีวิตจำนวนมาก   การป้องกันกายป้องกันตัว ตามคำแนะนำของกระทวงสาธาณสุข เป็นเรื่องที่พึงกระทำ แต่หากจะให้ดี ต้องป้องกันใจด้วย โดยการสวดมนต์ทำสมาธิ และบทสวดมนต์ที่ขึ้นชื่อว่า รักษาโรค และช่วยต่ออายุให้ยืนยาว   คือ โพชฌังคปริตร ที่ว่า


โพชฌังโค    สะติสังขาโต    ธัมมานัง    วิจะโย    ตะถา
วิริยัมปีติ     ปัสสัทธิ       โพชฌังคา   จะ   ตะถาปะเร
สะมาธุเปกขะโพชฌังคา
สัตเตเต    สัพพะทัสสินา   
มุนินา    สัมมะทักขาตา
ภาวิตา     พะหุลีกะตา
สังวัตตันติ    อะภิญญายะ   นิพพานายะ   จะ โพธิยา
เอเตนะ   สัจจะวัชเชนะ    
โสตถิ       เต โหตุ   สัพพะทา
เอกัสมิง   สะมะเย    นาโถ    โมคคัลลานัญจะ    กัสสะปัง  คิลาเน   ทุกขิเต   ทิสวา
โพชฌังเค   สัตตะ    เทสะยิ เต   จะ   
ตัง    อะภินันทิตวา
โรคา    มุจจิงสุ    ตังขะเณ
เอเตนะ    สัจจะวัชเชนะ
โสตถิ    เต   โหตุ    สัพพะทา
เอกะทา    ธัมมะราชาปิ    เคลัญเญนาภิปีฬิโต
จุนทัตเถเรนะ   ตัญเญวะ   ภะณาเปตวานะ   สาทะรัง
สัมโมทิตวา   จะ อาพาธา   ตัมหา   วุฏฐาสิ   ฐานะโส
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ   
โสตถิ   เต โหตุ   สัพพะทา
ปะหีนา   เต   จะ   อาพาธา   ติณณันนัมปิ   
มะเหสินัง มัคคาหะตะกิเลสาวะ    ปัตตานุปปัตติธัมมะตัง
เอเตนะ    สัจจะวัชเชนะ   
โสตถิ   เต   โหตุ   สัพพะทา

นอกจากนั้น ในงานวิจัยหลายชิ้น รายงานว่า การสวดมนต์สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราได้ จากการศึกษางานวิจัยดังกล่าว เราอาจสรุปได้ว่า การสวดมนต์ในรูปแบบต่างๆ ทำให้เราผ่อนคลาย ทั้งทางจิตใจและทางกาย ทำให้เรารู้สึกสบายใจ สภาพจิตใจเช่นนี้ มีผลกระทบต่อสุขภาพทางใจ และทางกายมาก
ด้วยเหตุนี้ จิตแพทย์ในประเทศสหรัฐอเมริกาจำนวนไม่น้อย  จึงนำการสวดมนต์มาใช้ในการบำบัดทางจิต ร่วมกับวิธีการรักษาทางการแพทย์    
การสวดมนต์ไม่ใช่เรื่องไร้สาระ หรือเป็นไสยศาสตร์อีกต่อไป
พระราชญาณวิสิฐ (หลวงป๋า)
     
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ จากเว็บไซด์ วิภารัศมิ์

<o:p> </o:p>
#19
นู๋กิมจ๊อ...ฮิ.ฮิ.  และท่านสมช.ทุกท่านค่ะป้าต้องขอกราบงามๆ  เพื่อขอโทษอย่างแรงค่ะ  คือที่ป้ามาตั้งกระทู้
ก็เพื่อว่าถ้าเพื่อมีใคร  จะเมตาสอนผ่านทางเวปนี้ก็จะได้ไปลองทำดู    แต่เผอิญคุณเกียร์ไนท์  ส่งข้อความมาถึงป้า
ว่าจะมาแต่งให้   แต่ป้าเองยังติดขัดเรื่องเวลาและสถานที่   ( เพราะตอนนี้ทั้งทำงานทั้งดูเรื่องปลูกบ้านวันๆสมองจะระเบิดอยู่แล้ว)
คือป้าอยากรอให้บ้านป้าเสร็จเรียบร้อยก่อนนะจ๊ะ(ตอนนี้อยู่ในช่วงก่อสร้าง)  คาดว่าหน้าจะแล้วเสร็จปลายเดือน  ธ.ค.นี้
เรียบร้อยเมื่อไรจะรีบนำมาให้ชมกันแน่นอนจ๊ะ
[HIGHLIGHT=#ff0000]นู๋กิมจ๋าช่วงนี้ที่ป้าหายไปก็อย่างที่บอกแหละจ๊ะ  งานยุ่งมากๆแต่ยังคิดถึงนู๋นะจ๊ะบอกให้[/HIGHLIGHT]
#20
[HIGHLIGHT=#974806]นู๋เจี๊ยบจ๋าอย่าพึ่งทวงคุณเกียร์ฯเรื่องแต่งองค์พระเลย   ช่วงนี้ป้าไม่ว่างงานย่งมากๆเลย  เลยยังไม่ได้นัดคุณเกียร์ฯกรุณารอสักครู่ใหญ่ๆนะจ๊ะรับรองว่าได้ชมชมใจแน่นอน[/HIGHLIGHT]
#21
รับทราบ แล้วจะช่วยเป็นหู  เป็นตา อย่างดีที่สุดจ๊ะ  ( เพราะแก่แล้วหูตาอาจฝาฟางไปบ้างในบางเวลา)
#22
ขอบคุณมากค่ะ  สำหรับข่าวอันเป็นมลคงเช่นนี้
#23
ท่านอักษรฯ  จะไปด้วยกันจริงป่าว   ป้าว่าจะไปช่วงบ่ายนะจ๊ะ  เพราะช่วงเช้าอาจต้องเครียงานก่อน   จะไปจริงๆก็บอกนะไปพร้อมกันได้เลย   นัดมาจะให้ป้าไปรับที่ไหน  ออ...จริงๆป้าว่าจะแวะแถวๆอ้อมน้อยด้วย เพราะว่ามีคนแนะนำช่างปั้นองค์เทพให้ว่าจะเข้าไปดูผลงานเขา(ถ้าพอมีเวลา)
#24
นู๋เจี๊ยบจ๋า  มาปูเสื่อรอตั้งแต่เดี๋ยวนี้เลยเหรอ.......  ระวังหลับก่อนนะเพราะอีกหลายวันกว่าจะถึงงาน
ไปชมที่งานกันดีกว่าน่านะ,,,,,,, (สดใหม่หอมหวาน),,,,,,,,,555555555
ได้บรรยากาศกว่ากันแยะ   เชื่อป้าเห๊อะ.............


ต้องขอบคุณท่านอักษรชนนีมากค่ะ  ที่ทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์   ไม่ทราบว่าท่านอักษรฯจะไปวันไหน  ป้าว่าจะไปวันจันทร์ที่ 12  จ๊ะ
เพราะ 10-11  ป้าติดงานทอดกฐิน  ที่โคราชจ๊ะ
#25
ม.ศิลปากร  พระราชวังสนามจันทร์  นครปฐม   กิจกรรมเนื่องในวันสถาปนา  มหาวิทยาลัยครบรอบ  66 ปี จ๋าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
มีการประกวดงานประติมากรรมพระพิฆเนศวรด้วยแหละ   และมีการออกร้านให้เช่าบูชาพระพิฆเนศวร  ซึ่งรวบรวมมาจากที่ต่างๆ
งานมีวันที่  11 -  13 ตุลาคม  2552  นี้ครับพี่น้อง   
ใครไปบ้างยกมือขึ้น............ป้าไปแน่นอน....ไว้เจอกัน
#26
[HIGHLIGHT=#fdeada]ขอบคุณค่ะ [/HIGHLIGHT]  ที่นำมาให้ได้ดู   ได้รู้จัก   อย่างบางพระองค์ก็พอรู้บ้าง   แต่บางพระองค์ไม่รู้จักเลย  ได้รู้จักแล้วดีใจจริงๆที่ได้ความรู้เพิ่มเติม
ต้องกราบขอบพระคุณงามๆอีกครั้งในน้ำใจอันใสสะอาดของคุณ sacred avatar  ป้าปูเสื่อนอนอ่านเลยนะ
#27
ขอบคุณมากค่ะ คุณpurple_Tulip   สำหรับบทสวดที่แนะนำ  แต่ป้าอยากให้มีมากกว่าบทสวดนะค่ะ
เพราะเห็นตามที่เค้าพิมม์ๆกันก็มีแต่บทสวด   เลยอยากให้แตกต่างจากคนอื่นบ้าง   คุณว่าในเล่มควรมีอะไรเพิ่มเติมดีละค่ะ   
#29
คุณphrom_pala  ค่ะภาพเทวะรูปของคุณใช่ที่  อุทยานศาสนาพระโพธิสัตว์กวนอิมไหมค่ะ

ที่อยู่ทางไปแก่งกระจาน  จ.เพชรบุรีนะค่ะ
#30
สาธุ...ๆ.....ๆ  ด้วยคนค่ะ
#31
ขอบคุณค่ะท่าน  ที่สรรหามาให้ชมเป็นบุญตาแท้    หล่อมากมายค่ะ
แต่ที่ว่าหล่อน้อยกว่าเว็บมาสเตอร์นิดหนึ่งนี้ป้าสงสัยนะ   อย่างไรนำมาลงให้ได้รู้จักกันบ้างก็ดีค่ะ
[HIGHLIGHT=#ffff00]จะได้รู้ว่าเป็นบุญตา   หรือต้องไปล้างตากันแน่[/HIGHLIGHT]
#32
ขอบคุณค่ะ  สวดงามมากค่ะ
#33
[HIGHLIGHT=#fdeada]แล้วท่านกาลิทัสว่าสมควรจะเป็นแบบไหนถึงจะดีละค่ะ[/HIGHLIGHT]
ป้าก็รู้ว่าค่อนข้างยุ่งเพราะว่าแบ่งเป็นหลาย เวอร์ชั่น  ป้าเข้าใจ  แต่ก็คิดว่าจะพยายาม  ถึงจะช้าหน่อยก็ยังดีมิใช่หรือ 
ถ้าป้าจะขอให้คุณช่วยเป็นที่ปรึกษาและรวบรวมข้อมูล  (ตอนที่สรุปได้แล้วว่าจะมีหน้าตาอย่างไร)จะรบกวนมากเกินไปหรือเปล่าค่ะ

      ท่านใดคิดว่าควรมีอะไรในเล่มเสนอเข้ามาได้นะค่ะ  อยากได้หลายๆความคิดค่ะ   เชิญตามสะดวกเลยนะค่ะ
ยินดีมากๆเลยสำหรับความคิดเห็นต่างๆ   ช่วยๆกันนะค่ะจะได้บุญร่วมกัน
#35
[HIGHLIGHT=#494429]คือป้ามาคิดดูทุกวันนี้ป้าจัดพิมพ์หนังสือธรรมะ(พุทธ)แจกทุกๆเดือนอยู่แล้วกับเพื่อนๆ[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#494429]ป้าเลยอยากพิมพ์แบบทางฮินดูบ้าง  สมช.ทั้งหลายว่าควรทำออกมาในรูปแบบไหน  อย่างไร [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#494429]มีอะไรในเล่มบ้าง  [/HIGHLIGHT][HIGHLIGHT=#494429]ที่มีตามโรงพิมม์ต่างๆส่วนใหญ่มีแต่บทสวดเฉยๆ   ป้าว่าหน้าจะมีอย่างอื่นเพิ่มเติมบ้างจะเอาอะไรดีช่วยกันคิดหน่อยนะจ๊ะ[/HIGHLIGHT] [HIGHLIGHT=#494429]เป็นรูปเป็นเล่มเมื่อไรรับรอง  สมช. HM ได้เชยชมก่อนใครแน่นอน  [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#494429]ช่วยกันหน่อยนะ   โดยเฉพราะ  ท่านกาลิทัส   ท่านอักษรชนนี  ท่านสฺวสฺติ  ป้ารบกวนหน่อย(ไม่รู้ว่าหน่อยหรือมากแหละเอาเป็นว่ารบกวนก็แล้วกันนะ)[/HIGHLIGHT]
#36
ขอบคุณมากค่ะ  ได้รู้เห็นมากขึ้นอีกแล้ว  ดีจริงๆเวปนี้
#37
[HIGHLIGHT=#ffff00]ยินดีต้อนรับค่ะ   สมช.ใหม่  หวังว่าบ้านหลังนี้คงให้ความอบอุ่นกัยคุณอย่างเพียงพอนะค่ะ[/HIGHLIGHT]

แต่ติดใจบ้านท่าน สฺวสฺติ  นะค่ะสดใสดีจัง    หน้าอยู่อย่างมากๆเลยค่ะ

ว่าแต่ว่าเอาไว้หลอกสาวๆหรือเปล่าค่ะ........555....(ป้าล้อเล่นนะค่ะอย่าถือคนแก่นะค่ะ  น๊า..น๊า..)
#38
คุณบูมค่ะสวยงามมากค่ะ  ทุกภาพเลยค่ะ
[HIGHLIGHT=#002060]แต่อยากทราว่าที่คุณ phrom pala  นำมาลงไว้อยู่ที่ไหนค่ะ  ถ้ามีโอกาสจะได้ไปสักการะนะค่ะ[/HIGHLIGHT]
#39
หนู  ญ.  สงสัยเราจะเป็นญาติกัน ป้าไปก็ขนซื้อเที่ยวละเล็กละน้อย  จนเดี๋ยวนี้รวมๆกันคำว่าน้อยสักสะกดไม่ถูกแล้ว
แต่ก็ไม่มัปัญญาแต่งให้สวยสดงดงามเหมือนชาวบ้านเค้าหรอกจ๊ะ  ได้แต่ชะเง้อคอมองของเขา   แล้วก็กลับมา
บอกองค์พ่อ  องค์แม่ที่บ้าน  (จัดใส่พานถวาย)  ลูกทำไม่เป็นค่ะของถวายให้พระองค์ท่าน  ทรงเครื่องทรงเองนะเจ้าค่ะ....55555
แล้วก็คิดเข้าข้างตัวเองเป็นตุเป็นตะว่า  พระองค์ท่านทรงเข้าใจท่านก็ทรงแต่งองค์ท่านเองแหละ  (มนุษย์แท้ๆคือชอบคิดเข้าข้างตัวเอง)
แต่พอมาเป็น  สมช.  HM  เห็นแต่ละท่านมีฝีมือมากๆ เลยขอความช่วยเหลือดีกว่า  เพราะแอบอิจฉาชาวบ้านมานาน..ฮิ....ฮิ
      หนู ญ.ลงรูปเป็นไหมละมาลงไว้ซิ  คุณเกียร์ไนซ์จะได้เข้ามาแต่ให้เราดู   ป้านะต้องรอหลายอีกหลายวันเลยแหละ
นี้ป้าก็ได้คุญเกียร์ไนซ์  รับปากจะมาแต่งให้ถึงที่เลยแหละ  แต่คงอีกพักใหญ่ๆแหละจ๊ะ ต้องรอบ้านเสร็จก่อน  จะได้สดวกและจัดให้เข้ากับ
สถานที่ใหม่เลย ต้องขอบคุณในความมีน้ำใจของคุณเกียร์ไนซ์มานะที่นี้ด้วยค่ะ   
ขอบารมีพระองค์ท่านทุกๆพระองค์คุ้มครอง ผู้มีน้ำใจงามอย่างคุณเกียร์ไนซ์ด้วยเถิด.......โอม...ศานติ...ศานติ...ศานติ..
#40
[HIGHLIGHT=#002060]ป้าก็คิดแบบท่านกาลิทัสและค่ะว่ามันไม่ใช่แก้กรรม   เพราะว่าเท่าที่ศึกษาพุทธศาสนามันคือ การบรรเทากรรมมากกว่า[/HIGHLIGHT]   ป้าเคยไปสนทนาธรรมกับพระอาจารย์ท่านหนึ่งจำชื่อท่านไม่ได้แล้ว   ท่านเป็นพระปฎิบัติ  วัดหนองบัว  อ.แม่แตง  จ.เชียงใหม่  ท่านอธิบายไว้ดีมากๆเลย  เวลาคุยกับท่าน  ท่านจะสอนแบบเข้าใจง่ายมากๆเลย   อย่างการบรรเทากรรมนั้นท่านก็จะเปรียบเทียบอย่างเห็นภาพเลยท่านสอนว่าให้เรานึกว่าเราเดินแล้วมีสุนัขดุตัวหนึ่งเดินตามท่านมาแบบติดๆ   ถ้าเราเดินแบบสบายๆไม่เร็งรีบสุนัขตัวนั้นก็จะเดินทันเราในที่สุด (ลืมบอกไปท่านให้เปรียบสุนัขนั้นคือเจ้ากรรมนายเวรของเรา)   แต่ถ้าเรารีบเดินหรือวิ่ง(คือการทำบุญทำทาน)สุนัขนั้นก็จะไล่กวาดเราแต่จะแล้วก็จะทันเราในจุดๆหนึ่งหรืออาจจะไม่ทันก็ได้ถ้าเราวิ่งเร็ว(ฐานบุญเก่าบวกบุญที่ทำใหม่มากพอ)   แต่ถ้าเราตั้งจิดทำแต่กรรมดี  (ไม่ทำกรรมชั่วเพิ่ม) ทำบุญทำทาน  อยู่ในศีลใรธรรม  เจริญสมาธิภาวนา   ก็เหมือนเราได้เร่งสร้างกรรมดีให้มากๆ  เราก็ได้ขี่มอเตอร์ไซร์หนี้สุนัขตัวนั้น   แต่ไม่ใช้ว่า จะหมดกรรมนะ  สุนัขตัวนั้นก็ยังคงอยู่  (แต่เขาไม่สามารถทำร้ายเราได้เพราะเราได้ทำกุศลแซงหน้ากรรมชั่ว)  แล้วให้เราเร่งรีบทำบุญกุศล
อุทิศไปให้เขามากๆและบ่อยๆเมื่อเขาได้รับผลบุญบ่อยๆเขาก็จะอโหสิกรรมให้เราในที่สุด   แต่เราก็จะได้รับผลของเศษส่วนกรรมแต่ก็จะไม่
หนักหนาสาหัสเหมือนโดยเจ้ากรรมนายเวรทวงแบบตรงๆ   
    ป้ามีหนังสือของหลวงปู่ฤาษ๊ลิงดำ  เล่าเรื่องเจ้ากรรมนายเวรของท่านเอาไว้จะรีบไปหามาลงให้ได้อ่านกันนะจ๊ะ
       ส่วนความรู้สึกของคุณmena_friendly  ป้าเคยมีความรู้สึกแบบคุณเข้าใจดีเชี่ยวแหละ    แถมสมัยวัยสะรุ่น ป้าเที่ยว  ซ่าส์จนหยดสุดท้ายเหมือนกันละจ๊ะ  (สมัยสัก20 กว่าปีที่แล้วไม่อย่านึกเลยเห็นตัวเลขแล้วตกกะจาย)
     มาถึงตอนนี้เลยต้องเร่งสร้างบุญขนานใหญ่   เพื่อนฝูงบางคนไม่เจอกันนาน ยังงงเลยหาว่าป้า ลื่นหกล้มหรือเปล่าประสาทเลย
กลับขนาดนี้......555......