Messages

ตอบสองแนวนะคับ 
1. ทำด้วยศรัทธา  กรณีนี้ ไม่ต้องอะไร มาก  จุดธูป แล้วแต่จะจุด  อยากถวายผลไม้ นม ขนมก็ตามสะดวกจะหาได้ครับ แล้วก็ตั้งใจ สวดเอา ตามความต้องการ อันนี้คือไม่ต้องมีงบประมาณมาก ก็ทำได้  เพราะเป็นเทวรูปบูชาในบ้าน ธรรมดาทั่วไป หรือไม่ก็ ให้ พระสงฆ์อย่างที่บางคนแนะนำ หรือให้พรามหณ์ จากวัดฮินดู ต่างๆ  เจิมให้ครับ

2. แบบทำตามธรรมเนียม  อันนี้เรื่องใหญ่ เรื่องเยอะ พอควร แต่ก็ไม่เยอะเวอร์เท่ากับการ สถาปนาวัด หรือเทวาลัย  แล้วแต่องค์ประกอบของงานและพิธีการที่พราหมณ์ เป็นผู้กำหนดคับ   คงต้องถามพราหมณ์ที่เป็นเจ้าพิธี หรือผู้ประกอบพิธีถวายปราณ คับ 

ไม่เป็นไรมิได้ 555+

[อิอิอิอิ เป็นความคิดที่ดีครับ ผมก็เห็นด้วยนะครับ แต่ขอเสริมว่า ถ้าคิดแบบนั้นคนเดียวทำเองไหว้เองไม่เป็นไรครับ เพราะเราทำด้วย ศรัทธา ดังนั้น ไม่ควรที่จะเอาสิ่งที่ตัวเองทำเอง คิดเอง ไหว้เอง ไปสอนคนอื่น เพราะจะทำให้คนอื่นซึ่งไม่รู้ธรรมเนียมแท้ๆ ของศาสนา เข้าใจหลักการของศาสนาคลาดเคลื่อนไปจาก ธรรมเนียมปฏิบัติและจารีตประเพณีดั้งเดิมของศาสนาที่สั่งสมกันมานับตั้งแต่พระเป็นเจ้าได้เข้ามาสถิตในจิตใจของสาวก และคุรุเดฟ ทุกๆพระองค์ ทุกๆท่าน เพราะนั่นจะเป็นการนำพาสาวกของพระเป็นเจ้าไปในทางเสื่อม และเป็นการบิดเบือนหลักการ หลักปฏิบัติที่ได้บัญญัติไว้ในคัมภีร์พระเวท เพราะพระเวทคือหนทางของชีวิต คือลมหายใจของพระเป็นเจ้า]

เท่าที่เห็นก็คือพื้นที่บ้าน แต่ไม่ใช่ตัวเรือน ค่ะ เช่นที่เพื่อนตั้งก็ พื้นที่ ลานหน้าบ้านค่ะ

และเท่าที่ตามหลักความคิดส่วนตัว สาเหตุ หรือ อาจเป็น คำสอนแฝง ที่ไม่ให้ตั้งในบ้าน ใช้ได้ 2 หลัก 1 หลักของสี 2 หลักของธาตุ หิน เพราะ หินที่สีดำ หรือ วัตถุที่มีพลังงานสีดำ จะดูด ความร้อน ทำให้สถานที่ ที่ไม่ใช่ สถานที่เปิดโล่ง อาจ อยู่แล้วไม่สบาย อึดอัด ร้อน อันนี้ ตามหลัก ศิลปะ ว่า ด้วยเรื่องสี และ ธรณีวิทยา นะค่ะ

แต่ แล้วแต่ความคิดค่ะ การทำ ตามแบบแผนก็ดี นั่นคือสิ่งที่ถูก แต่ ทำตามศรัทธาและ ความคิด ถ้าไม่ล่วงเกิน หรือไม่กระทบอะไรใคร ก็ไม่น่าเป็นอะไร นะค่ะ

ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความพร้อม และ ความรัก ความศรัทธา แต่ ห้าม ทำตาม สังคมนิยม เพราะ อย่างนั้น จะไม่ใช่ศรัทธา กลายเป็นแค่ ความอยากค่ะ

อิอิ ....เราจงบูชา ด้วยใจรัก บูชาตามกำลัง ไม่หลอกลวงใคร เท่านั้นก็สบายใจ

อิอิอิอิ  เป็นความคิดที่ดีครับ  ผมก็เห็นด้วยนะครับ  แต่ขอเสริมว่า  ถ้าคิดแบบนั้นคนเดียวทำเองไหว้เองไม่เป็นไรครับ เพราะเราทำด้วย ศรัทธา ดังนั้น  ไม่ควรที่จะเอาสิ่งที่ตัวเองทำเอง คิดเอง ไหว้เอง ไปสอนคนอื่น เพราะจะทำให้คนอื่นซึ่งไม่รู้ธรรมเนียมแท้ๆ ของศาสนา เข้าใจหลักการของศาสนาคลาดเคลื่อนไปจาก ธรรมเนียมปฏิบัติและจารีตประเพณีดั้งเดิมของศาสนาที่สั่งสมกันมานับตั้งแต่พระเป็นเจ้าได้เข้ามาสถิตในจิตใจของสาวก และคุรุเดฟ ทุกๆพระองค์ ทุกๆท่าน เพราะนั่นจะเป็นการนำพาสาวกของพระเป็นเจ้าไปในทางเสื่อม และเป็นการบิดเบือนหลักการ หลักปฏิบัติที่ได้บัญญัติไว้ในคัมภีร์พระเวท เพราะพระเวทคือหนทางของชีวิต คือลมหายใจของพระเป็นเจ้า 

เราศรัทธาพระเป็นเจ้าในแบบของเรา ไม่ผิดครับ แต่อย่าไปสอนคนอื่นให้ทำตามแบบเราโดยนัยยะว่าแนวทางของเราคือแนวทางเดียวกันกับแนวทางของศาสนา  ขอเสริมแค่นี้ครับ  แต่ถ้าแรงไป จะลบกระทู้ความเห็นอีกก็ได้ครับ ไม่ว่ากัน  ผมชักชอบแล้วสิ  5555+

อืม  ดีๆ เยี่ยมๆ  แต่พิมพ์ ตกไปหน่อยอ่านเลย งงๆ แต่โดยรวมโอเค แต่ว่าไป  มันก็มีรายละเอียดปลีกย่อยเยอะ  เพราะไหว้แบบฮินดูต้องเข้าใจเรื่อง ลมหายใจ เป็นสำคัญ   หากกำหนดไม่ได้แล้ว  ก็ไม่เกิด ชัยตันยะ  จริงมั้ยครับ

ตามที่คุณเล่ามา ก็แสดงว่า เขาไม่ได้ศึกษา ไม่ได้รู้จริง แต่สอนคนอื่น แล้วเอาความไม่รูจริงของตัวเองมาสอน ไงครับ  นี่ละครับ บาป เพราะทำให้คนเราออกห่างจากพระเวท ออกห่างจากจารีต ของศาสนา  และความถูกต้องตามครรลองของศาสนา ครับ  นี่แหละคับคือที่มาของความเสื่อม  เทียบกับพุทธก็คือ  ขนาดพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปไม่นานก็มีคนจาบจ้วง พุทธองค์ และมีการคิดเอง เออเองในพระธรรมวินัย  จนต้องมีการ รวบรวมพระธรรมวินัยกันใหม่ เช่นกัน  ถ้าพวกเรา คนไทย  แม้ไม่ใช่เจ้าของศาสนา แต่เราก็ไม่ควรทำไร ที่ประหลาดและแตกต่างของศาสนา  อย่าไปสร้างความคิดอะไร ประหลาดๆจากความไม่รู้กันเลยครับ  ไหว้แบบง่ายๆ   สองมือไหว้ด้วยใจ ก็เพียงพอ    ถ้าไม่รู้ในศาสตร์ ไม่รู้ในแก่นของประเพณี   ไปสรรหากัน ไปทำกัน  จนเละ  สุดท้ายแล้ว  เรากำลังทำอะไรกับศาสนาอยู่กันแน่    เราเองหรือเปล่าที่ทำให้ศาสนาเสื่อม  อันนี้ไม่ได้พูดแรงไปนะ  เพราะว่าถ้าปล่อยให้คนเรา คิดอยากทำไรก็ทำกันไป โดยสักแต่อ้างว่า ทำด้วยใจ   สุดท้าย  ศาสนาคืออะไร ประเพณีดีงาม  จารีตที่สั่งสมกันมาคืออะไร  เพราะงั้น  สิ่งที่คุณ คิดได้นั้น ดีแล้วครับ อยากให้ศึกษาให้มาก  แล้วจะเข้าใจเองครับ  ว่า กลัศบูชานั้น ไม่ใช่ สักแต่ว่าจะตั้ง เอาน้ำใส่ เอง เหรียญหยอด เอาใบมะม่วงวาง  อันนั้น มันตลกในสายตาของเจ้าของศาสนา  เหมือนแขกๆ เพื่อนผมที่เดินเที่ยวงานวัดแขก   ตอนงานแห่   ถามว่าไปดูอะไร คำตอบคือ  ไปดูตัวตลกตามข้างถนน    มันน่าเจ็บใจมั้ยละครับ    แต่ผมก็ขำนะ  เออจริง มันตลกจริงๆแหละ  เต็มสองข้างถนนเลย   

ถูกต้องนะค้าบบบบ

ถ้าถาม มินตรา  มินตราก็จะตอบว่า ให้ไปถามพราหมณ์ของวัดแขก  พระจากวัดใต้   หรือคนที่มีเชื้อสายพรามหณ์ มีเชือกคล้องตัว เนี่ย ว่า การเอาเทวรูปที่ทำจากหินดำ ไม่เกี่ยวกับหินอ่อน หรือหินอื่นๆ นะครับ   มากราบไหว้ในบ้านได้มั้ย ผมว่าคำตอบ ง่าย ก็คือ ไม่ได้ ไม่ว่าจะไปถามพราหมณ์จากที่ไหน  เพราะของที่ควรอยู่ในวัด ก็คือวัด   บ้านคนไม่ใช่วัด   คนไทย ไม่มีมนต์กำกับ ไม่ได้ถวายเวท ไม่ได้ ถวาย ปราน ถือเป็นข้อห้ามครับ  นี่คือจารีตประเพณ๊ของศาสนาที่สืบกันมา   เหมือนที่บ้านเรามีศาสนาพุทธ ประเพณีของศาสนาพุทธคือ พระยุ่งกับสีกาไม่ได้   ผู้หญิงจับต้องพระไม่ได้  สมัยโบราณ แม้แต่ธรรมมาศน์เทศน์ ผูหญิงยังไม่มีสิทธิจับต้องเลยด้วยซ้ำ  เพราะงั้น ก็ต้องหันมาถาม คุณๆ  ท่านๆ ว่า  ตกลง คุณๆ ท่านๆ จะเคารพต่อจารีตประเณีของศาสนาโดยเฉพาะศาสนาฮินดู หรือไม่ ว่า หลักการของเขาคือ ห้ามมีไว้ในบ้าน ห้านบูชาในชายคาบ้าน   คำถามที่พวกคุณท่านๆ ควรถามกันคือ  จะทำตามประเพณี หรือจะไม่สนใจประเพณี  จะแหกกฏหรือ จะทำตามกฏที่เคากำหนดไว้ครับ   ไว้ด้วยใจ ก็ไม่ต้องสนประเพณีอย่างนั้น เหรอ   เราจะมองข้ามประเพณีอย่างนั้น เหรอ   เพียงเพราะเราอยากได้ อยากมี  อยากอวดว่าเรามี เราไหว้ได้   ไม่เห็นเป็นไร  หรือเพราะว่า มันดูเจ๋ง จ๊าบ ที่ไหว้หินดำได้ แต่คนอื่นไหว้ไม่ได้ เราเลยเจ๋งกว่าคนอื่น  เลยต้องขวนขวายกันเข้าไปเพื่อให้ได้ หินดำมาครองในบ้านตัวเอง    ถามตัวเองให้ดีกันก่อนนะครับ ว่า  คุณกำลังทำลายจารีตของศาสนาอยู่หรือเปล่า  เพราะเราคือคนนอกศาสนา  นะครับ  อย่ามาบอกว่า คุณๆ เป็นฮินดู  หรือคุณเป็น เพราะถ้าเป็น ผมก็จะถามว่าแล้วคุรุคุณ สอนมาแบบไหน ถึงให้ไหว้ได้ อยากรู้จัก  จะได้ลากพรามหณ์จาก เชนไน หรือจากวัดแขก บ้านเราที่จ้างมาเนี่ย  ไปทักทายกันหน่อย  ว่าตกลงแล้วหลักการคืออะไร   อะไรควร ไม่ควร  ไม่ใช่ อวดกันในสิ่งไม่เข้าเรื่อง   ส่วนพวกไหว้ด้วยใจ ผมก็ขอละไว้ละกันครับ เพราะคงคนละแนวทางกับที่ผมไหว้ เพราะผมถือตามประเพณี และจารีต ของศาสนาเป็นหลัก   

เพราะงั้น  ถามตัวเองกันก่อน นะครับ ว่าที่อยากมีหินดำเพราะอะไร แล้วถ้าหลักการ หรือจารีต เขามีว่าไม่ให้มีในบ้าน   คุณว่า คุณควรจะทำไง   ถามกันเองละกัน ขี้เกียจตอบ เพราะคำตอบของผมคงไม่ถูกใจใครหลายคน   5555555+   

คริ คริ   แล้วก็ไม่ใช่ ศิวะ ด้วยนะ  มินตรงจะบอกไว้ก่อน เดี๋ยวจะมาเข้าใจว่าเป็นศิวาย   มะช่ายนะก๊าบบบบบ   คนละองค์ คนละเรื่อง คนละปุราณะ  คนละตำนาน

ผมว่าไม่ใช่  ให้ลองสังเกตุบุตรทั้ง 5 ที่กำลังไหว้เดวา องค์ดีอยู่เดะ   แล้วเดี๋ยวก็รู้ และเป็นเทพของสายตระกูล พราหมณ์สายหนึ่งโดยจำเพาะคับ   มหาเทพของผมและเพื่อน 

กร๊ากกกก  มีคนจำผมได้อีก  กรำเจงๆ   แม่นแล้วครับ ผมเอง คนขวางโลก 555555+   ขวางทุกอย่างที่ไม่ถูกต้องตามธรรมเนียมและประเพณีที่ดีงาม   เหมือนคนไทยที่ต้องปกป้องประเพณีของไทยเรา เช่นกัน ประเพณีในศาสนาที่ผมเล่าเรียนมา  ผมก็มีหน้าที่ต้องปกป้อง เช่นกัน   

เป็นอะไร ที่ง่ายมาก เหมือนที่คุณ สวดมนต์บูชาพระพุทธละครับ  อย่าไปยึดติดกับประเพณีครับ เพราะเราไม่ใช่แขก คนไทยก็ต้องไหว้แนวไทยๆ  บายศรีเข้าไว้ เริศๆ

ปางมูรติ มีเหตุของแต่ละปางและแต่ละเมืองก็มีคติไม่เหมือนกัน เพราะงั้น  บางที่ควรศึกษาให้ลึกซึ้งมากกว่าเดิมนะคับ  จะได้รู้อะไรดีๆ มากกว่าเดิมอีก  เอาใจช่วยคับ

เอ๊ะ  ใช่คนที่ประกาศโพสถามว่า จะบูชา พระอังกิร่ายังไง ที่อีกเวป หรือเปล่าครับ  ชื่อเหมือนกันเลย  ถ้าคนเดียวกันตกลงสถาปนายันต์ของอังกิร่าได้หรือเปล่าอะคับ  หรือว่า โพสถามเพื่อความรู้คับ  ตกลงผ้ายัญนี่ให้พราหมณ์จากเชนไน หรือ จาก มานามาดูไร  หรือจากวัด แถว กุมบโกนาม  มาทำพิธีให้อะครับ

กลัศ มันก็คนละอย่างกับบายศรีในคติของเครื่องบูชาของคนไทยนี่ครับ  อย่าเอามาปนกัน เพราะกลัศของสายนิกายแต่ละคติและภูมิภาคของอินเดียเองก็ไม่เหมือนกัน  แต่หลักการโดยรวมคือเหมือนกัน คือ ถ้าทำไม่ครบ ไม่ถูกต้อง ของใช้ไม่ครบ มันก็ไม่ใช่กลัศบูชา หรือกลัศสถาปนา แต่เป็นเพียงภาชนะอย่างนึงใส่น้ำใส่ใบมะม่วงเอามาตั้งไหว้ในพิธีเท่านั้น  เปรียบได้ก็ประมาณแจกันใส่ดอกไม้  ผมว่าจัดแจกันใส่ดอกไม้ไหว้ พระจะดูสวยกว่าอีกนะ  แต่ไม่เข้าใจว่าทำไม คนไทยชอบตั้งหม้อ กันจัง ทั้งๆที่หาของได้ไม่ครบ  หรือเพราะอยากทำให้ได้อย่างที่ วัดแขกเขาทำกัน เลยอยากทำมั่ง   ถามหน่อยอะครับ ปีชาติไม่เคยเห็นตั้งกลัศกัน  แต่ทำไม สมัยนี้ คนชอบตั้งกลัศกันจัง  มันอินเทรนขนาดนั้นเลยเหรอคับ

เกือบครบๆ  ขาดไปอีกไม่กี่ข้อ  ลองหาข้อมูลมาเพิ่มอีกนะคับ  จะดีมาก งุงิ

ของแท้ของปลอม  ดูที่ตัวของเลยครับ ว่า บรรจุมาในลักษณะใด แล้วบริษัทที่ผลิต มีประวัติในการใช้ของเทียมหรือเปล่า   ส่วนจะเอาแบบวัดแขกเนี่ย ก็แล้วแต่ครับ เพราะมันมีหลายยี่ห้อ จะเอายี่ห้อไหนก็ว่ากัน

กาลี ปูรนีมา  ก็จะจัดในเวลากลางคืน ต้องดูดวงดาวเป็นหลักครับ  สังเกตุดาวกับพระจันทร์เป็นหลัก  แต่ก่อนหน้านั้นต้องบูชา พระกฤษณะมาก่อนหน้านี้แล้วคับ  แล้วจึงจะมาถึงกาลี กับ ลักชมี อะคับ  เท่าที่จำได้  ส่วนบูชายังไงก็ถามท่านเจ้าของเวปละกัน 

ถวายดอกชบาแดงเนี่ยนะครับ   เข้าใจอะไร ผิดหรือเป่าคับ  มันทะแม่งๆ  แต่ถ้าไม่ยึดติดจารีตประเพณี ก็ไม่ว่ากันคับ 

คุณเจ้าของกระทู้ก็ต้องเข้าใจนิดนึงครับ เพราะคนตั้งโต๊ะ ลงทุนนะครับ หลายบาท หลายสตางค์เพื่อรับเจ้า อยากให้เจ้าเข้าโต๊ะ   เขาก็ต้องโมโหเป็นธรรมดาว่าจัดโต๊ะไปแล้ว ใครก็ไม่รู้ขวางหน้าโต๊ะ  แล้วคนทรงจะเข้าโต๊ะได้อย่างไร ถ้าคุณๆ  ไปยืนขวาง หรือขบวนจะผ่าน เพราะเขาใช้พื้นที่ในการเคลื่อนขบวนเยอะ พื้นที่โล่งๆ มีเยอะ ไม่ไปยืนกัน  แต่จะต้องมายืนบังหน้าโต๊ะคนอื่น เขาก็เสียความรู้สึกเหมือนกันครับ ไม่ใช่แค่พวกคุณฝ่ายเดียวจะว่าเป็นแก่ตัวก็อาจจะได้ แต่ทุกคนก็อยากใกล้ชิดกับขบวนกับคนทรงเหมือนกันจริงมั้ยครับ  เพราะงั้น จะยืนตรงไหน ก็ต้องดูกันหน่อยเท่านั้น  พื้นที่ มีเยอะที่มใกล้ชิดคนทรงได้ ไม่จำเป็นต้องไปเบียด  แต่ที่มาเบียดกันไปมา ก็เพราะเลือกไปอยู่ในที่ๆคนเยอะเกินเหตุเองเช่น ในถนนปั้นเป็นต้น   จริงๆ  คนที่ไม่ได้ตั้งโต๊ะแล้วได้ใกล้ชิดเจ้าจริงๆ  ไม่ใช่ในถนนปั้นนะครับ   แต่เป็นคนที่อยู่ ถนนเส้นอื่น รอบนอกมากกว่า  เพราะไม่ต้องเบียดกันให้เมื่อย  พื้นที่เยอะ  ผมว่า คนที่มายืนออในถนนปั้น คิดผิด  ในความคิดผมนะ เพราะพื้นที่จะยืนน้อยมาก  เพราะเส้นนี้ทั้งถนน เต็มไปด้วยโต๊ะของบ้านเรือน ห้างร้านในถนนปั้นอยู่แล้วแทบไม่มีที่ว่างเลย  ครับ   เป็นข้อเสนอแนะนะ  ว่าอย่าไปยืนบังหน้าโต๊ะคนอื่นครับ เห้นใจคนลงทุนตั้งโต๊ะหน่อย