Loader
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - กาลปุตรา

#1
คือพระแม่อะไรครับไม่เคยได้ยิน และตำนานไหนอะ
#3
องค์ประธานตรงกลางนั้นเป็นพระศิวะกำลังประทานทรัพย์ครับ

ส่วนที่นั่งทางด้านขวามือของพระศิวะ คือ ท้าวกุเวร
และ ซ้ายมือคือพระลักษมี
#4
อันนี้คงต้องขอโทษด้วยนะครับ

ผมคิดว่าน่าจะเกิดมาจากการเข้าใจผิด เพราะ คนที่มาร่วมในซุ้มของผมนั้นมีมายมาย ทั้งเพื่อนส่วนตัว ที่ทราบนามปากกาของผม และไม่ทราบนามปากกาของผม แล้วเรียกชื่อผมแต่เฉพาะชื่อเล่นเท่านั้น

ส่วนถ้าเป็นเพื่อน ของเพื่อน นั่นยิ่งหนักเลยครับ เพราะหลายคนไม่รู้จักผมทั้งชื่อเล่น หรือ นามปากกา เลย

ดังนั้นบางครั้งคุณ indecentman อาจจะไปถามคนที่เขาไม่รู้จักชื่อผม ในนาม กาลปุตรา ก็อาจจะเป็นไปได้

หรือ เพราะในช่วงนั้นต่างคน ต่างยุ่งในเรื่องการจัดซุ้ม เพราะวันนั้นต้องยอมรับจริงๆครับ ว่ายุ่งกันมาก เนื่องจากข้าวของที่ผมเตรียมไปนั้น ได้จัดไว้อย่างเป็นระเบียบก่อนออกจากบ้าน เพื่อสะดวกในการหาใช้ ให้ทันกับกำหนดการ ฤกษ์ยามที่วางไว้

แต่พอไปถึง ช่วงเริ่มประกอบซุ้มสักราวๆ 2 - 4 โมงเย็นนั้น ก็ปรากฏว่า มีเพื่อนของเพื่อนท่านหนึ่ง ไปหาของมาวางอ่างน้ำมนต์แล้วดันไปเทกล่องที่ผมจัดไว้แล้วออกมากองทิ้งไว้ แล้วมีการมาหยิบไปวางตรงนั้นบ้าง ตรงนี้บ้าง จนหาของกันไม่เจอ

ช่วงนี้แหละครับทำให้วุ่นกันใหญ่ เพราะเวลาฤกษ์ยามก็ใกล้เข้ามาทุกขณะ (17.09 น.) ของที่จะใช้ในพิธีก็หาเจอบ้าง ไม่เจอบ้าง บางอันไม่เจอก็ต้องทำกันใหม่ตรงนั้นสดๆ เลย

เอาง่ายๆ หญ้าแพรก 9 กำ กับ  สังข์สรงน้ำอีกขอน ที่เอามายังหาไม่เจอเลยครับ ไปเจออีกทีตอนเก็บซุ้มเลิกงานนั่นและ

อันนี้เป็นเหตุผิดพลาดหน้างานที่จนปัญญาจริงๆ แต่ก้มีน้องๆ หลายท่านมารับน้ำคงคา แล้วผมแบ่งใส่ถุงให้กันไปหลายท่านเหมือนกันในช่วงบ่ายหน่อยๆ

ยังไงก็ต้องขออภัยในความผิดพลาดในเรื่องนี้ด้วยแล้วกันนะครับ
#5
ขอบคุณครับสำหรับภาพสวยๆ และคนถ่ายรูปคงจะต้องเหนื่อยมาก เพราะกว่าขบวนจะเสด็จกลับถึงเทวาลัยก็ปาเข้าไปเกือบเช้าแล้ว ยังไงก็รักษาสุขภาพด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
#6
ทำกับรุ่นน้องครับ โดยเริ่มทำตั้งแต่หลายเดือนสิงหาคม มาเสร็จตอนต้นๆ เดือนตุลาคมนี่แหละครับ วาดลาย ฉลุลาย ตัดผ้า ติดพลอยติดกระจก เองทั้งหมดครับ เล่นเอานิ้วล็อคไปเลยทีเดียว เพราะ ต้องตัดต้องฉลุกันถึง 4 รอบ ต่อ 1 ลาย

แต่ก็คุ้มที่ลงทุนลงแรงไปสุดๆ ครับ เพราะ สิ่งที่ขอไว้ได้หมด เกี่ยวกับปาฏิหาริย์ของพระแม่ กับ ความแม่นยำของกรมอุตุฯ

ว่าใครจะแม่นกว่าใคร โดยผมยืนยันมาตลอดเรื่องปาฏิหาริย์ในวันแห่ ว่าจะไม่มีฝนตก แต่เพื่อนๆ เชื่อกรมอุตุฯ กันหลายคน

ก่อนวันงานเลยต้องเตรียมเต๊นท์มากาง เพื่อไม่ประมาท แต่สุดท้ายปาฏิหาริย์ก็ปรากฏ คือ ฝนแทบจะไม่ตกในบริเวณแห่เลย แต่ที่อื่นตกหนักมาก
#8
เอารูปถ่ายที่ซุ้มมาฝากกันครับ สำหรับพี่ๆ น้องๆ ชาว Hindumeeting





#9
ขนมทุกชนิดควรซื้อเป็นโล หรือครึ่งโล จะดีกว่าครับ เพราะ จะได้มากกว่าถูกกว่าที่ซื้อเป็นลูก โดยเฉพาะถ้าท่านใดซื้อตั้งแต 10 ลูกขึ้นไป
#10
กลับมาเมื่อเช้ามืด บอกได้คำเดียวครับ ว่ากลับมานั่งร้องไห้น้ำตาไหลด้วยความปลาบปลื้มแบบสุดๆ
เพราะ ได้อธิษฐานขอพระแม่ไปว่า
"ปีนี้ลูกได้เวียนมาเป็นเจ้าภาพอีกปีหนึ่งแล้วนะครับพระแม่ (พระอุมาเทวี) และเสด็จพ่อกฤษณะ"
"ขอให้งานปีนี้ฝนอย่าตกแรงเลย เพราะซุ้มของลูกโดนฝนหนักๆ ไม่ได้ และขอให้ร่างทรงของพระแม่และพระขันธ์เข้าซุ้มทั้ง 3 องค์นานๆ ด้วย ลูกไม่ขออะไรมาก ลูกขอเสด็จพ่อเสด็จแม่แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว เพราะการทำซุ้มครั้งนี้ลูกไม่ขออะไรตอบแทน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินทอง หรือ เรื่องใดก็ตาม ลูกขอสละกิจกรรมทุกอย่างลงในพรหมันสูงสุดเพียงอย่างเดียว"
สรุปว่า คำขอ ทั้งหมดก็ปรากฏขึ้นจริงดั่งคำอ้อนวอน

แล้วคืนนั้นถ้าท่านใดได้เข้ามาในซุ้มผมก็ได้แจกน้ำคงคาและน้ำศักดิ์สิทธิ์จากที่ต่างๆ ให้ดื่มได้อาบกันทุกคน
อีกทั้งได้มีทั้งชาวไทย ชาวฮินดู ชาวพม่า ได้มาทำการสักการะองค์เทพเจ้าที่ซุ้มกันเป็นจำนวนมาก และได้บริจาคเงินให้กันมาเกือบ 2 พันบาท และผมได้นำเงินที่เขาบริจาคทั้งหมดไปถวายเข้าวัดทั้งหมด เพราะถือว่าเงินนี้เขามาร่วมทำบุญ

ยอมรับว่าเหนื่อยมากปีนี้ ก่อนงานผมนอนวันละ 3 ชม. เป็นเวลา 4 วันเต็ม พอถึงวันงานก้ต้องเตรียมของขึ้นรถแต่เช้าแล้วถึงสถานที่จัดซุ้มก็ตอนเที่ยง พอได้ฤกษได้ยามช่วงเย็นก็เริ่มทำพิธีอัญเชิญองค์เทพเจ้า (ซึ่ง 1 ปีผมจะทำแค่ครั้งเดียวในงานนี้เท่านั้น) พอเสร็จพิธีก็เฉลิมฉลองยาว

กลับมาหลับเป็นตาย ตื่นมาเสียงหายเลย อิอิอิ
ส่วนรูปที่ซุ้มเดี๋ยวจะเอามาโพสให้ดูนะครับ
#11
ไม่ใช่ผมที่นุ่งเนียบ แต่เป็นเพื่อนรุ่นพี่ผมอีกคนครับที่นุ่งเก่ง

ผมอะนุ่งธรรมดา จับจีบไม่เก่งเหมือนรุ่นพี่ผมหรอครับ
#12
อีกเรื่องที่จะบอกเกี่ยวกับการแต่งกายไปร่วมงานเฉลิมฉลองในวันดูเซร่า ของวัดแขกสีลม ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวอินเดียเขามักจะแนะนำเราอยู่บ่อยๆ ก็คือ

ในค่ำคืนวันงานพิธีแห่ประจำปีนี้ ถือว่าเป็นงานรื่นเริงเฉลิมฉลองชัยชนะของพระแม่ ดังนั้นผู้ที่จะไปร่วมงานควรจะต้องแต่งกายให้มิดชิดและสุภาพหน่อย

สีเสื้อผ้าจะเป็นสีอะไรก็ได้ แต่มีอยู่ 2 สีที่ควรงดในวันนี้ ตามคำบอกเล่าของผู้หลักผู้ใหญ่ชาวฮินดูที่ผมนับถือได้กล่าวไว้ คือ

1. ไม่ควรใส่เสื้อผ้าชุดสีดำ เนื่องจาก สีดำนั้นเป็นสีแห่งความโศกเศร้า ทุกข์ระทม จึงไม่เหมาะแก่การใส่ไปในพิธีเฉลิมฉลอง
2. เสื้อผ้าชุดขาว เนื่องจากเสื้อผ้าสีขาวทั้งชุดนั้น เป็นของพราหมณ์ หรือ ผู้ที่ถือศีลพรหมจรรย์ และที่ผู้ใหญ่ชาวฮินดูมักพูดกันบ่อยๆ ก็คือ ชุดสีขาวเป็นชุดของคนที่เป็นหม้าย ซึ่งไม่ควรใส่ไปในงานเฉลิมฉลองถ้าเรายังไม่ได้เป็นหม้าย แล้วท่านพูดติดตลกกับผมว่า "ใส่ไปสิถ้าอยาก ไม่มีคู่หรือเป็นหม้าย อะ"

ดังนั้นสีเสื้อผ้าของเราที่จะใส่ไปในคืนวันนี้ จึงควรเป็นเสื้อผ้าที่มีสีสดใส เหมาะแก่การพิธีเฉลิมฉลอง
#13
1. ถวายอะไรองค์พระแม่ดีงับ?
- สิ่งที่ควรถวายง่ายๆ 5 ขั้นตอนได้แก่ ทีปัม (ตะเกียงน้ำมัเนยใส), ธูปัม (ธูปหอม 5 ดอก), ปูษปัม (ดอกไม้, พวงมาลัย), ไนเวทยัม (ผลไม้, ขนมที่ไม่มีส่วนผสมของสัตว์, น้ำปัญจามฤตหรือนมอย่างเดียวก็ได้), คันธาน (เครื่องหอม ผงเจิมชนิดต่างๆ)

2. ควรเริ่มบูชาที่บ้านกี่โมงดีอะคัรบ

- สามารถเริ่มบูชาที่บ้านได้ตลอดทั้งวัน และควรบูชาในช่วงก่อนเวลา 14.25 น. เพราะหลังจากนี้ไปดาวพุธจะย้ายจากราศีกันย์ ที่มันเป็นอุจและเกษตร ข้ามไปยังราศีตุล ดาวพุธเป็นดาวแห่งการสื่อสาร ดังนั้นเมื่อดาวพุธเป็นเกษตรเป็นอุจ ซึ่งถือว่าเป็นตำแหน่งของดาวพุธที่ดีในจักรราศี จึงเหมาะแก่การสื่อสารขอความเป็นสิริมงคลกับพระเจ้า

3.ควรสวดมนต์บทสรรเสริญบทไรบ้างครับ

- วันนี้เป็นวันเฉลิมฉลองชัยชนะของพระศรีทุรคาเทวี และชัยชนะขององค์ศรีรามจันทร์ วันนี้ถ้าถามผม ผมจะสวดมนต์บทที่บูชาพระศรีทุรคาเทวีและศรีราม
โดยบทที่ผมมักจะเน้นในวันนี้คือ "ศรี นวทุรคา รักษา มนตระ" เพราะ จะเป็นมนต์สวดบูชาและขอพรให้พระแม่ทุรคาทั้ง 9 ภาคทรงปกปักรักษาเราครับ
#14
ถ้าเป็นพี่ๆ น้องๆ ชาว Hindumeeting ให้มารับน้ำจากแม่น้ำคงคาที่ซุ้มผมได้เลยนะครับ เพราะจะใส่ขันน้ำมนต์ไว้ มาตักแบ่งไปผสมกับน้ำมนต์ของคุณได้เลย

ที่ให้มารับที่ซุ้มก็เพราะในวันนั้น ผมจะยุ่งมาก ต้องวิ่งไปซื้อของสด กลับมาจัดซุ้ม เตรียมพิธี เพื่อความสะดวก เลยอยากจะให้มารับที่ซุ้มเอา เพราะจะมีน้องๆ คอยเฝ้าอยู่บริเวณซุ้ม ให้บอกเขานะครับว่ามาจาก Hindumeeting

ซุ้มผมจะตั้งอยู่ตรงทางลงรถไฟฟ้า สุรศักดิ์ ประตู 1 ซุ้มสุดท้ายติดเสาทางลงประตู 1 เลยครับ สังเกตง่ายๆ ซุ้มจะเป็นซุ้มลายฉลุ ประดับกากเพชร คาดว่าจะมีหลังคาเต๊นท์สีขาวคุมกันฝน ซึ่งจะทำให้เห็นได้ง่าย

หรือถ้ามาคนเดียว ไม่รู้จะไปไหน จะมาร่วมรอขบวนแห่ที่ซุ้มผมก็ได้นะครับ ยินดีต้อนรับทุกท่าน
#15
การบูชาพระนารายณ์ 7 วันเสาร์นั้น อยู่ในเรื่องตำนานของพระเวงกาเฏศวรครับ

เรื่องที่ว่าพระสาร์ไปลองฤทธิ์กับหรพเวงกาเฏศ หรือ พระวิษณุ ที่สัปตบรรพต แล้วพ่ายแพ้กลับมา

นับแต่นั้นมาพระเสาร์จึงบำเพ็ญตบะบูชาพระวิษณุ เป็นดั่งอาจารย์ตลอดมา

เรื่องก็มีอยู่ว่า ถ้าดวงชะตาใดที่พระเสาร์โคจรมาทำมุมร้าย จนเกิดเรื่องเกิดปัญหากับดวงชะตาแล้ว

ชาวอินเดียใต้บางคน เขาจะถือศีลอดและบูชาพระวิษณุกัน ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนพระอาทิตย์ตก

เหมือนๆ การถือศีลอดของชาวมุสลิมนั่นเอง พอพระอาทิตย์ตกดินแล้วถึงจะบริโภคอาหารได้

โดยแต่ละวันจะต้องนำอาหารที่บูชาพระวิษณุนั้นไปทำการแจกจ่าย เพื่อสร้างบุญกุศล

ลองไปหาอ่านกันในเรื่องพระเวงกาเฏศวรกันได้ครับ จะมีที่มาเรื่องเล่าเกี่ยวกับการบูชา 7 วันเสาร์
#16
ไม่ทราบว่า หมายถึงขันใส่น้ำมนต์ ที่เราจะนำไปใช้และตั้งไว้หน้าซุ้มเราในคำคืนงานแห่หรือเปล่าครับ

ถ้าหมายถึงอย่างนั้น ขันน้ำมนต์นี้ก็คือ ขันน้ำมนต์ที่เราจะนำน้ำจากแม่น้ำคงคา มาใส่ไว้เพื่อให้เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์

เอาไว้ใช้ด้วยกัน 2 อย่างในค่ำคืนนี้

1. เอาไว้ปะพรมองค์เทวรูปที่เราได้อัญเชิญไปไปตั้งบูชาที่ซุ้ม ให้เกิดความบริสุทธิ์ด้วยน้ำจากแม่น้ำคงคา

2. เอาไว้เพื่อให้ร่างทรงของเทพเจ้า ซึ่งก็คือพราหมณ์จากวัดแขก (มิใช่ร่างทรงอื่น นะครับ) เวลาที่ทรงผ่านมา
โดยถ้าหากว่าในคืนนั้น ร่างทรงที่ทรงโดยพราหมณ์ ได้เข้ามาในซุ้มเรา แล้วเราถวายน้ำมนต์นี้ ร่างทรงนี้ก็จะใช้น้ำมนต์นี้สาดพรมให้เรา
ซึ่งตรงนี้ก็แล้วแต่ดวงนะครับ เพราะว่า ร่างทรงนั้นจะไม่ได้เข้าทุกซุ้ม บางทีก็เพียงแต่แค่เดินผ่านซุ้มเราไปเฉยๆ บางทีก็จะแวะเข้าบางซุ้ม
ซึ่งถ้าเข้าทุกซุ้มคงไม่ไหวแน่

ปล. ถ้าท่านใดไม่มีน้ำจากแม่น้ำคงคา ในวันแห่พระแม่อุมาเทวี อาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม 53 ให้มาขอแบ่งได้จากที่ซุ้มของผม
โดยควรไปขอแบ่งน้ำคงคาให้เร็วหน่อย ก่อนเริ่มขบวนแห่ วันนั้นผมจะไปตั้งซุ้มตรงทางลงรถไฟฟ้าสุรศักดิ์ประตู 1
ซึ่งจะมีป้ายผ้าขึงบอกไว้ว่า "บริษัท สยามอินเตอร์มัลติมิเดีย จำกัด" และ "นิตยสารโหรามหาเวทย์" ให้สังเกตได้
ตั้งแต่เที่ยง ดังนั้นถ้าท่านใดต้องการน้ำจากแม่น้ำคงคาก็ให้ไปขอแบ่งปันได้ตั้งแต่ 12.00 น. - 16.30 น. นะครับ
เพราะหลังจากนั้น พวกผมจะยุ่งกันสักหน่อยในการแต่งซุ้ม และทำพิธีกัน ในช่วงเวลา 17.00 น.

ให้พี่น้องที่ต้องการน้ำจากแม่น้ำคงคานี้ ไปขอได้ โดยแจ้งแสดงตัวว่ามาจากเวป Hindumeeting หรือ Siamganesh นะครับ

น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านจะได้ไปในครั้งนี้ เป็นน้ำที่รวม น้ำศักดิ์สิทธิ์จากหลายที่ไว้รวมกัน เช่น
1. น้ำจากแม่น้ำคงคา ซึ่งได้ทำการสวดมนต์ขอ แล้วตักมาจากแม่น้ำคงคาที่เมืองพาราณสี อันถือว่าเป็นจุดรวมของแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ 3 สาย คือจุดที่แม่น้ำคงคา ยมุนา และแม่น้ำสรัสวตี (ตอนนี้ไม่มีแล้ว แต่ชาวอินเดียเชื่อว่า ยังไหลอยู่ภายในใต้ดิน) มาบรรจบกันที่เมืองนี้

2. น้ำจากสังเวชนียสถาน 4 แห่งสำคัญของชาวพุทธเรา คือจาก
- ที่ประสูติของพระพุทธเจ้า (ลุมพินีวัน)
- ที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า (พุทธคยา)
- ที่แสงปฐมเทศนาของพระพุทธเจ้า (สารนาถ)
- ที่นิพพานของพระพุทธเจ้า (กุสินารา)

3. น้ำหลวงพระราชทาน (อันนี้ญาตืที่ทำงานในวังเอามาให้) ซึ่งเป็นน้ำมนต์ที่ผ่านการทำพิธีจากวัดหลวงในประเทศไทยหลายวัดรวมกัน

4. น้ำมนต์จากการทำพิธีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทำพิธีที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งพี่พนักงานที่ทำงานอยู่ที่วัดพระแก้วเขาสะสมมาทุกครั้งที่มีการประกอบราชพิธี ตลอดชีวิตการทำงานของเขา แล้วเขาแบ่งปันมาให้ผม

5. น้ำหลวง 9 วัด ที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ได้ประทานมาให้ที่วัดบวรฯ

ซึ่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 5 น้ำผมได้นำมาผสมรวมกันไว้บนหิ้งพระ แล้วกราบสักการะบูชามาโดยตลอด

ถ้าท่านใดต้องการแบ่งปันไปเก็บไว้บูชาหรือใช้ทำพิธี ก็ให้นำขวดใส่น้ำมาแบ่งปันกันได้นะครับ โดยเอาไปผสมในน้ำสะอาดอีกที
แล้วอย่าใช้จนหมดนะครับ เก็บกลับเอาไปใช้บูชาที่บ้านกันด้วยหละ
#17
โต๊ะกลุ่มพวกผมจะตั้งอยู่บริเวณทางลงรถไฟฟ้าสถานีสุรศักดิ์ ประตูลงที่ 1

โดยจะตั้งซุ้มติดต่อกันยาวไปทางถนนปั้น รวมประมาณ 6 ซุ้มติดกันไป ซึ่งมีทั้งสมาชิกในเวปนี้และที่ไม่ใช่รวมอยู่ด้วย

ที่เป็นสมาชิกอยู่ในเวปนี้ก็จะมีซุ้มของ

1. ซุ้มของผม (กาลปุตรา) จะตั้งอยู่ตรงสะพานลอยทางลงรถไฟฟ้าประตู 1 สถานีสุรศักดิ์ จะเป้นซุ้มสีเงีนยวงทั้งซุ้ม

2. ซุ้มของถ้าย (นางโชว์) จะตั้งอยู่ตรงจุดจอดแท๊กซี่อัจฉริยะ ทางลงรถไฟฟ้าประตู 1

3. ซุ้มของเจ้าเปา (ครัวแม่นิตยา) จะตั้งถัดจากโต๊ะของถ้วยไป

4. ซุ้มของพี่แผน - พี่หงษ์ อู่ทอง จะอยู่ตีนทางลงรถไฟฟ้า ประตู 1 ของสถานีสุรศักดิ์เลย

5. ซุ้มของน้องเกียร์ไนท์ (สีลม) จะตั้งอยู่บริเวณจุดจอดแท๊กซี่อัจฉริยะ (ใกล้ๆ กันอีกจุดหนึ่ง)

6. ซุ้มของน้องกี้และน้องเปร่า (จิ้งจอกพันหน้า) จะตั้งติดกับซุ้มของน้องเกียร์

ทั้งหมดนี้เราจะตั้งซุ้มติดกันทุกปี บริเวณริมถนนสาธร ณ สถานีรถไฟฟ้าสุรศักดิ์ แวะไปเยี่ยมเยือนกันได้นะครับ เอามาแจ้งให้ทราบแล้ว และของท่านอื่นตั้งบริเวณไหนช่วยแจ้งให้ทราบกันด้วยนะครับ
#19
ก็ฟังจากเขามาอีกทีอะ เห็นชอบพูดกันอยู่บ่อยๆ

ส่วนที่บอกว่าไปเจอคู่นี่ แซวเล่นๆ ครับ อย่าคิดมาก
#20
เอาคำว่า โธตี ภาษาอังกฤษ "dhoti" ไปดูใน youtube ได้เลยครับ มีสอนวิธีนุ่งหลายแบบดีครับ ภาพประกอบด้วย นุ่งไม่ยากหรอกครับหัดบ่อยๆ เดี๋ยวก็เป็น

http://www.youtube.com/results?search_query=dhoti&aq=0
#21
ไปกันเถอะครับ วันนั้นทุกซุ้มเป้นเพื่อนกันหมดแหละ ไปหาเพื่อนเอาที่งานได้เลย
โต๊ะพวกผม ทั้งเจ้าเกียร์ เจ้ากี้ ก็จะตั้งใกล้ๆ กัน ตรงสถานีรถไฟฟ้าสุรศักดิ์อะครับ เดินไปหากันได้หมด แล้วบอกว่ามาจากเวปนี้ และคุณจะได้เพื่อนใหม่อีกเพียบ
คืนนี้ไม่เพียงแต่เป็นค่ำคืนฉลองงานแห่ของพระแม่ แต่ชาวเกย์ไทยยังถืออีกว่าเป็นดั่ง Gay festival อีกด้วยนะ จะมีการตกแต่งซุ้มกันอย่างสวยงาม และการแสดงอื่นๆ อีกมากมาย ห้ามพลาดกันโดยเด็ดขาด
แล้วอย่าพาแฟนไปอ่ะ คืนนี้อาจจะได้เจอคนถูกใจก็ได้ ... อิอิิ
เห็นหรือยังประโยชน์ของการไปคนเดียวอะครับ ฉะนั้นไม่ต้องกลัวเหงา
#22
ศิวะ มันตระ ( शिव मन्त्र)
ॐ ह्रौं जूं सः
ॐ नमो भगवते रूद्राय
ॐ शिवाय नमः या ॐ नमः शिवाय
สำเนียงฮินดี
โอม ฮรุม จูม สะฮ
โอม นะโม บฺะกะวะเท รูดรายะ
โอม ชิวายะ นะมะฮ ยา โอม นะมะฮ ชิวายะ
สำเนียงไทย
โอมํ หรุม ชูม สะหะ
โอมํ นะโม ภควเต รูทรายะ
โอมํ ศิวายะ นะมะหะ ยา โอม นะมะหะ ศิวายะ
มหามฤตยูชัย มันตระ (महामृत्युजय मन्त्र)
त्र्यम्बकम् यजामहे सुगन्धिम्पुष्टिवर्धनम्
उर्वारुकमिव बन्धनान् मृत्योर्मुक्षीय मा मृतात्
สำเนียงฮินดี
โอม ทรยัมบะคัม ยะจามะเฮ สุกันดิมพุชทิวรดฺะนัม
อุรวารุคะมิวะ บันดฺะนาน มริทโยรมุคชียะ มา มริทาท
สำเนียงไทย
โอมํ ตรยัมพะกัม ยชามะเห สุคันธิมปุษฏิวรรธนัม
อุรวารุกมิวะ พันธะนาน มฤตโยรมุกษียะ มา มฤตาต
หรือ
ॐ ह्रौं जूं सः भूर्भुवः स्वः त्र्यम्बकम् यजामहे सुगन्धिम् पुष्टिवर्धनम्
उर्वारुकमिव बन्धनान् मृत्योर्मुक्षीय मा मृतात् भूर्भुवः स्वरों जूं सः ह्रौं ॐ
สำเนียงฮินดี
โอม ฮรุม จูม สะฮ บูรบุวะฮ สวะฮ ทรยัมบะคัม ยะจามะเฮ สุกันดิม พุชทิวรดฺะนัม
อุรวารุคะมิวะ บันดฺะนาน มริทโยรมุคชียะ มา มริทาทฺ บูรบุวะฮ สวะโรมฺ จูม สะฮ ฮรุม โอม
สำเนียงไทย
โอมํ หรุม ชูม สะหะ ภูรภุวะหะ สวะ ตรยัมพะกัม ยชามะเห สุคันธิม ปุษฏิวรรธนัม
อุรวารุกมิวะ พันธะนาน มฤตโยรมุกษียะ มา มฤตาต ภูรภุวะ สวะโรม ชูม สะหะ หรุม โอมํ
[/COLOR]
[/SIZE][/FONT]
#23
1. หาสถานที่ตั้งโต๊ะ ก่อนเป็นลำดับแรก
2. องค์เทวรูปที่จะนำมาร่วมในพิธี กระถางธูป ที่ปักเทียน ขันน้ำมนตร์
3. ดอกไม้ พวกมาลัยที่จะใช้บูชาตามโต๊ะตามซุ้มของคุณ
4. ผลไม้ที่จะใช้ถวายในบริเวณซุ้มของคุณ
5. ขนม ที่ไม่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ และไข่
6. เครื่องหอม เครื่องทำพิธี อาทิเช่น ธูปหอม ตะเกียง เทียน กำยานเปียก กำยานแห้ง การบูร ผงเจิม
7. ใบพลูกินหมาก (อันนี้ต้องเยอะหน่อย)
8. มะพร้าวแก่ เอามาผ่าครึ่ง เวลาจุดการบูร
9. มะพร้าวแก่สำหรับเอาไว้ทุ่มตอนขบวนรถของพระแม่จะผ่าน
10. ผลไม้ + พวงมาลัย + มะพร้าวแก่ผ่าซีก + ใบพลู + หมาก + การบูร ที่คุณจะนำไปถวายตามขบวนราชรถ
ซึ่งจะมีราชรถทั้งหมด 5 ขบวน คือขบวนของ พระคเณศ, สกันทะกุมาร, พระกฤษณะ, กัตตรายัน และขบวนรถของพระแม่
ซึ่งจะถวายทุกขบวน หรือ ถวายเป็นบางขบวนก้ย่อมได้

ที่เหลือ ก็แล้วแต่จะหามาเพิ่มเติมได้นะครับ หลักๆ ก็น่าจะมีประมาณนี้
#24
ให้สีโทนนี้แสดงว่า ภายในจิตใจดีขึ้นเยอะแล้วอะดิ
#25
แล้วเจอกันนะครับพี่ๆ น้องๆ ชาว Hindumeeting ในงานแห่พระแม่ คืนวันที่ 17 ต.ค. 53 ณ ถนนสาธร ตรงทางลงรถไฟฟ้าสถานีสุรศักดิ์ ประตู 1 (จุดจอดรถแท๊กซี่อัจฉริยะ) ตอนนี้กำลังประดิษฐ์ซุ้มอยู่ ... อิอิ
#26
วันนั้นไปร่วมงานที่วัดเทพมณเฑียร เจอคิวแต่ไม่ได้ทักทายเห็นกำลังยุ่งกับการถ่ายรูปอยู่ ขอโทษด้วยนะครับ

เล้ววันนั้นอยู่ถึง 4 - 5 โมงเย็นก็ต้องกลับก่อน เพราะต้องรีบไปซื้อข้าวของเตรียมจัดทำซุ้มวันงานของวัดแขกสีลม เลยไม่ได้อยู่จนเลิกงาน

ได้เจอกับทีมงานสยามคเณศ และคุณตุล (หริทาส) ตัวเป็นๆ เท่านั้นเองวันนั้น
#27
ก่อนอื่นต้องมาทำความเข้าใจกันก่อน ที่คุณบอกว่า เคยทำการบูชาแบบเดิมมาแล้วเช่นการถวายอาหาร การเปิดเพลงบูชา แล้วกล่าวว่าอยากบูชาให้มากขึ้นเช่นการสวดมนตร์นั้น

เราก็ต้องมารู้จักมนตร์นั้นก่อนว่า เราจะนำไปใช้ทำอะไร เช่น ใช้เพื่อให้ดูขลัง ใช้เพื่อให้น่าดูดี ใช้เพื่อสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า ใช้เพื่อการภาวนาสมาธิ ดังนั้นเมื่อเลือกอย่างถูกต้องแล้ว เราก็จะรู้ว่ามนตร์ที่ใช้สวดไม่ว่าจะเป็นแบบไทย หรือ แบบภาษาสันสกฤตนั้น ทั้งหมดก็คือการสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าและการอ้อนวอนขอให้ท่านช่วยเหลือ

ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องใช้มนตร์ก็ย่อมได้ เพียงแต่ให้เราทำสมาธิเพ่งจิตถึงพระเจ้า แล้วกล่าวเป็นคำพูดแบบภาษาไทยที่เราใช้พูดๆ กันนั่นแหละครับ สวดไม่ผิดด้วย แถมยังได้สรรเสริญและอ้อนวอนของได้อย่างตรงประเด็นเลย

การจะจุดกำยานหรือบูชาไฟนั้น จะกระทำหรือไม่ก็ได้แล้วแต่สถานที่นั้นจะอำนวยหรือไม่ ไม่ใช่พอเราทำไปแล้วโดนผู้อื่นมาต่อว่า จนเราต้องมานั่นทุกข์ใจ หรือวิตกกังวลว่าจะเกิดเหตุนู้นเหตุนี่ไปต่างๆ นานา เช่นนี้ก็ไม่ต้องกระทำก็ได้

วิธีง่ายๆ คือให้เราทำสมาธิ แล้วใช้แสงสว่างจากปัญญาภายในดวงจิตแทนประทีปเทียน ใช้ลมหายใจที่บริสุทธิ์อันเกิดจากความศรัทธาภักดีแทนควันกำยาน นั่นก็ย่อมทำได้เช่นกัน

พระเจ้านั้นทรงสถิตอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง ที่ใดมีแสงสาดถึง ที่ใดมีลมพัดผ่าน ที่ใดมีไอน้ำห่อหุ้ม ที่ใดมีพื้นดินให้ยืน ที่ใดมีจิตอันภักดีในพระองค์ ที่นั่ย่อมมีพระผู้เป็นเจ้าสถิตอยู่เสมอ ทั้งในเทวรูป ในเสา ในสรรพชีวิต และให้หัวใจของคุณนั่นเอง
#28

ทัตตาเตรยะ หรือ ทัตตะเตรยะ Dattatreya दत्तात्रेय
ตรีมูรติ Trimurti त्रिमूर्ति
ตรีศักติ Trishakti त्रिशक्ति

พรหม หรือ พรหมา Brahma ब्रह्मा , ब्रह्‍मा
ศิวะ - Siva, Shivaशिव
วิษณุ Vishnuविष्णु
นารายณ์ Narayanनारायण
ไภรวะBhairavaभैरव
รุทระ Rudraरुद्र

อุมา Uma उमा
ปารวตี Parvatiपार्वती
สตี Sati सती
กาลี Kali काली
ทุรคา Durgaदुर्गा
ภควตี Bhagavatiभगवती
อัมพิกา - Ambika - अम्‍बिका
จัณฑี Chandiचण्डी
เคารี Gauri गौरी
สรัสวตี Saraswati सरस्वती
ลักษมี Lakshmi - लक्ष्मी
คายตรี Gayatri गायत्री
คเณศGaneshगणेश
คณปติ Ganapatiगणपति
วิฆเนศVighnesh  - विघ्नेश
วินายก Vinayakaविनायक
วิฆเนศวร Vighneshvaraविघ्नेश्वर
การติเกยะ Kartikeya – कार्तिकेय / กฤตติเกยะ - क्रृत्तिकेय
สกันทะ - Skandha - स्कन्द
ปฤถวี (พระธรณี) Prithvi - पृथ्वी
คงคา - Ganga गंगा
กามเทพKamadeva कामदेव
กฤษณะ Krishna कृष्ण
รามRamaराम
#29
ความคิดของคนนั้นมากมายหลายทรรศนะครับ บ้างก็ว่าเป็นองค์เดียวกันบ้าง เพราะถือหลักที่ว่าเป็นพระเทวีเหมือนกัน ซึ่งือว่าเป็นพระศักติเหมือนกัน อันเป็นภาคแบ่งของพระมารดาแห่งจักรวาล เลยถือว่าเป็นหนึ่งเดียวกัน

ส่วนถ้าจะว่ากันตามเทววิทยาแล้วถือว่าเป็นคนละองค์ครับ พระแม่กาลีนั้นเป็นที่ยอมรับทั้งในอินเดียเหนือและในอินเดียใต้ แต่พระแม่มารีอัมมันนั้นทางอินเดียเหนือยไม่ค่อยให้การยอมรับนัก ด้วยถือว่าเป้นผีป่าหรือสตรีคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่ถูกสถาปนาให้เป็นเทพเจ้าประจำถิ่น แล้วภายหลังได้ถูกรวมเข้ามาเป็นหนึ่งในศักติของชาวอินเดียใต้

เรื่องนี้ถูกถกเถียงกันมาช้านานมาก ก็ต้องแล้วแต่ว่าคุณจะมองมุมไหน ถ้ามองว่าเป็นพระเทวีที่มีพลังศักติ และรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระมารดาแห่งจักรวาล ก็จะมองว่าเป็นองค์เดียวกันได้

แต่ถ้ามองในด้านเทววิทยา ก็จะต้องมองว่าเป็นคนละองค์ เป็นพระเทวีที่ถกนับถือเฉพาะถิ่น ไม่มีปรากฏมาก่อนในคัมภีร์พระเวท แล้วต่อมาก็มายกย่องเทียบเคียงให้เท่า หรือ เป็นหนึ่งเดียวกับพระมารดาแห่งจักรวาล ครับ

ฉะนั้นเลยไม่รู้จะตอบไงดี เอาเป็นว่าคุณจะมองด้วยมุมไหนพอ

"สัจจะมีหนึ่งเดียว แต่หนทางเข้าสู่มีหลากหลาย"
#30
เป็นลัทธิฤษีของกลุ่มชาวฮินดูกลุ่มหนึ่งครับ และโปรดใช้วิจารณญาณในการรับชมด้วยเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีควรมีผู้ใหญ่ให้คำปรึกษา

เชื่อหรือไม่เชื่ออันนี้แล้วแต่ นานาจิตตัง นะครับ เพราะท่านก็เคยโดนโจมตีเรื่องการพฤติกรรมของท่านเช่นกัน คนรักก็มี คนเกลียดก็เยอะ คนเชื่อก็มาก คนไม่เชื่อก็มาก คนที่มองว่าท่านเป็นอวตารก็มี คนที่มองว่าท่านเป็นจอมลวงโลกก็มี

ผมไม่ขอฟันธงหรือคอนเฟิร์มนะครับ เอาเป็นว่าท่านที่สนใจเรื่องนี้ จงตักตวงเอากลับมาแต่สิ่งดีๆ ที่เป็นประโยชน์ อะไรไม่เป็นประโยชน์ก็วางกลับคืนเจ้าของเขาไปนะครับ
#31
แหมถ้ามีกดคำว่า "ถูกใจ" แบบใน Facebook จะกดให้คุณตุลสักหน่อย อิอิ อยากระบายมาตั้งแต่งานแห่พระแม่ปีที่แล้วแระ

เดี๋ยวนี้สร้างเทพขึ้นมาใหม่เยอะทั้ง กวนมา อุอิม หง่าเอาเจ้าแม่กวนอิมของพุทธศาสนาแบบมหายานมาผสมกับพระแม่ศรีมหาอุมาของศาสนาฮินดูกันยังทำกันได้เน๊าะคนเรา บางรายหนักกว่าตั้งตนเป็นเจ้าลัทธิลงทรงพระพุทธเจ้าก็เคยเจอมาแล้ว แหมทำไปได้

ที่งานแห่ของวัดแขกในคืนวิชัยทศมี ก็เจอร่างอวตารแรงๆ เช่นกัน ตั้งโต๊ะบูชาเสร็จเอาเทพเจ้าตั้งแล้วทำบันไดขึ้นไปเป็นแท่นอยู่เหนือองค์เทวรูป จากนั้นเจ้าลัทธิคนนั้นก็แผลงฤทธิ์แต่งตัวเป็นฤษีขึ้นไปนั่งทำพิธีประพรมน้ำมนต์ให้เหล่าสาวกอยู่เหนือเทวรูปเทพเจ้าอีก ทำไปได้เน๊าะคนเราไม่ดูเลยว่าควรหรือไม่ควร

อีกรายก็มาลงทรงเจ้าแม่กวนอิมบ้าง เทพจีนบ้าง พ่อปู่บ้าง แม่ย่าบ้าง สิงสาราสัตว์บ้าง ตั้งตนเป็นเจ้าลัทธิประกาศศักดากันว่าข้านี้ยิ่งใหญ่นัก ท่ามกลางงานพิธีแห่ของวัดพระศรีมหาอุมาเทวี (มารีอัมมัน) กันขนานใหญ่ ช่างไม่รู้กาลและเทศะเลย ว่างานนี้เป็นงานของใคร

เอาง่ายๆ ถ้าเป็นงานของมนุษย์เดินดินกินข้าวแกงอย่างเขาจัดงานกันขึ้น เราจะกล้าอวดดีแผลงฤทธิ์เหนือเจ้าภาพงานเขากันไหม แต่พวกร่างสัมพเวสีพวกนี้กลับกล้าที่จะกระทำ โดยไม่ให้เกียรติเจ้าภาพของงานกันเลยสักนิด จะไปแผลงฤทธิ์ก็กลับไปแผลงฤทธิ์กันที่ตำหนักของตนเถิดตนเถิด หรือตำหนักของพวกตนเถิดที่คอเดียวกันก็ย่อมได้ อย่ามาสร้างลัทธิอุบาทว์ที่ไม่รู้กาลเทศกลางงานที่เป็นมงคลเช่นนี้อีกเลยครับ

แต่ทว่า ถ้าอยากออกฤทธิ์เดชกันปีนี้ขอเชิญที่ซุ้มผมก็ได้นะครับ จะจัดเตรียมของไว้ต้อนรับให้อย่างสาสมเลยทีเดียว ทั้งมีดาบที่ลับไว้เป็นฟันเลื่อยอย่างคมกริบขาดใบมีดโกน ทั้งตุ้มหนามตะปูเข็ม และเก้าอี้เตาไฟ จะให้ลองฟันตัว ฟาดตัวแรงๆ และให้ลองนั่งเก้าอี้เตาถ่านที่ติดไฟลุกโชนกันดูร่างละสัก 15 นาที ดูสิร่างอวตารพวกนั้นจะแหลกหรือไม่ ถ้าตุดไม่ไหม้ตูดไม่พองจะกราบงามๆ สัก 3 ทีเลยปีนี้ ถ้ามาแผลงฤทธิ์ที่ซุ้มผมอีก
#32
จริงๆ แล้วขนมสีเหลืองแสนอร่อยนี้ถ้าเขียนเป็นอักษรไทยจะเขียนว่า "ลัฑฑู" เพราะมาจากคำว่า "ड्डू" และจะออกเสียงตามภาษาฮินดีว่า "ลัดดู" แต่คนไทยเรามักเรียกขนมนี้ว่า "ลาดูป" แล้วเรียกติดปากกันมาจนแขกที่ขายเอง เวลาเราไปซื้อแล้วบอกเอาขนมลาดูป เขาก็จะทราบเองว่าคนไทยหมายถึงขนมลัดดู

ขนมลัฑฑูและโมฑกะ (โมดะคะ - मोडक) ที่ใช้บูชาเทพเจ้านั้น หลายท่านมักจะเข้าใจว่าเป้นขนมชนิดเดียวกัน ซึ่งก็ถือว่าถูก แล้วก็ถือว่าผิดด้วยไปในตัว

เพราะจริงๆ แล้วขนมทั้ง 2 ชนิดนี้ทำขึ้นมากันคนละอย่างและคนละกรรมวิธี แล้วทั้ง 2 ชนิดนี้ยังมีรูปแบบการทำที่ถูกดัดแปลงออกไปอีกมากมาย ทั้งรูปร่างและเครื่องผสม

โดยจากการอ้างอิงจากผู้รู้สายพระคเณศว่า ขนมลัฑฑูนี้เป็นขนมที่พระศรีอุมาเทวีได้ทำขึ้นให้พระคเณศเจ้าเสวย และเป้นขนมโปรดของพระคเณศในเวลาต่อมา ส่วนขนมโมฑกะก็เป็นขนมที่ชาวบ้านทำถวายพระคเณศ แล้วก็เป็นขนมที่พระคเณศทรงโปรดปราณเช่นกัน จึงถือว่าขนมทั้ง 2 ชนิดนี้เป็นขนมชั้นเลิศในการบูชาพระผู้เป็นเจ้า

บางคนก็เรียกขนมลัฑฑูว่าเป็นขนมโมฑกะคนรวย แล้วเรียกขนมโมฑกะว่าเป็นขนมโมฑกะของคนจนก็มี เรื่องนี้เล่าแล้วยาว ซึ่งเป็นเรื่องของหญิงสาว 2 พี่น้อง ที่คนพี่แต่งงานกับเศรษฐี คนน้องแต่งงานกับคนจน แล้วพอถึงวันคเณศจตุรถีอันเป็นวันคล้ายวันประสูติของพระคเณศ พี่น้องสองคนนี้ก็คิดที่จะทำขนมถวายพระคเณศ

คนพี่เนื่องจากมีฐานะดี จึงสามารถซื้อเครื่องปรุงขนมที่มีราคาสูงได้ แล้วทำเป็นขนมลัฑฑูถวายพระคเณศ ส่วนคนน้องนั้นมีฐานะยากจนจึงไม่ค่อยมีทรัพย์ในการหาซื้อเครื่องปรุงขนมมาได้มากมายนัก แต่ด้วยความภักดีและความศรัทธาอย่างมากของเธอที่จะทำขนมนี้ถวาย เธอจึงได้คิดดัดแปลงทำขนมขึ้นมาใหม่เพื่อถวายพระคเณศ แล้วนำแป้งชนิดหนึ่งมาห่อไส้ขนม แล้วให้ชื่อว่าขนมโมฑกะ เพื่อถวายพระคเณศ

พอคนน้องนำขนมโมฑกะไปบูชาพระคเณศในเวลากลางคืนของงานฉลองพิธีคเณศจตุรถีแล้วก็หลับไป พอเธอตื่นขึ้นมาก็พบว่าขนมโมฆกะที่เธอนำมาถวายนั้นกลายเป็นทองคำทั้งหมด นับแต่นั้นมาเธอจึงมีฐานะร่ำรวยขึ้น จากนั้นมาถึงเรียกว่า "ขนมโมฑกะหรือลัฑฑูของคนจน" เพราะจะรวยหรือจนนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ความสำคัญอยู่ที่จิตใจมากกว่า พระเป็นเจ้าจึงพร้อมที่จะรับถวายนั้นจากสาวกของพระองค์ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะมีค่ามากหรือน้อยสักเพียงใด พระองค์ก็ไม่เคยปฏิเสธความปรารถนาที่ดีและจะทรงคอยให้ความช่วยเหลือสาวกของพระองค์ตลอดไป

นับแต่นั้นมาขนมทั้ง 2 ชนิดนี้จึงถือว่าเป็นสุดยอดของขนมบูชาพระผู้เป็นเจ้า จากเรื่องเล่านี้นั่นเอง (โปรดใช้วิจารณญาณ เด็กต่ำกว่า 12 ปีควรได้รับคำชี้แนะจากผู้ใหญ่)

#33
การจะเป็นพราหมณ์หรือไม่นั้น แท้จริงแล้วไม่ได้วัดจากวรรณะ แต่วัดจากการกระทำและจิตอันไม่หวังผลทางโลกวัตถุที่ผิดๆ ต่อให้เกิดในวรรณะพราหมณ์แล้วไปประกอบกรรมแบบผิดๆ ก็ย่อมถือว่าไม่ใช่พราหมณ์ เพียงแต่อาศัยเกิดในวรรณะพราหมณ์เท่านั้น

ในมุมกลับกันแม่เกิดในวรรณะจัณฑาล แต่เป็นผู้ใฝ่ดี รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น มีจิตใจที่ไม่หวังผลตอบแทนในโลกวัตถุ จัณฑาลผู้นั้นย่อมประเสริฐเสมือนพราหมณ์ผู้ทรงศีล

ดังนั้นการจะดูที่รูปลักษณ์ภายนอกนั้นจึงมิได้ ผู้มีจิตเป็นพราหมณ์อยู่ ณ สถานที่ใดในโลก สถานที่นั้นย่อมมีความศักดิ์สิทธิ์เสมือนดั่งเทวาลัยเช่นกัน

กระดิ่งหรือสังข์จะอยู่คู่กับใครนั้นจึงมิใช่เรื่องจำเป็น เพราะเป็นเพียงมงคลวัตถุ เปรียบดั่งปืน ถ้าอยู่ในมือโจรย่อมร้ายสามารถนำไปปล้นไปสังหารผู้อื่นได้ แต่ถ้าอยู่ในมือคนดี เขาย่อมนำปืนนั้นมาไว้เพื่อป้องกันตัวหรือขจัดสิ่งชั่วร้าย ปืนไม่ผิดแต่คนผิด (แก๊สโซฮอล์ก็ไม่ผิด ... อิอิ)

ฉันใดก็ฉันนั้นกระดิ่งและสังข์ก็เช่นกัน จะอยู่ในมือของคนที่เกิดในวรรณะพราหมณ์ กษัตริย์แพศย์ ศูทร หรือแม้กระทั่งจัณฑาล ก็ไม่ถือว่าผิด แต่หากอยู่ในมือของผู้มีจิตใจดั่งจัณฑาลนั้นย่อมถือว่าผิด
#34
สุขสันติ์วันเกิดนะครับยีนส์ ขอให้มีความสุขเยอะๆ นะครับ คิดสิ่งใดขอให้สมความปรารถนา เจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ และความร่ำรวยนะจ๊ะ

#35
วันเสาร์ที่ 11 กันยายนนี้ ผมก็จัดงานคเณศจตุรถีที่บริษัทครับ (กองบก.นิตยสารโหรามหาเวทย์ และ บ.สยามอินเตอร์มัลติมิเดีย ซ.ลาดพร้าว 48 แยก 3)

โดยจะเชิญท่าน อ.แชเลซ ตริปาธี และคณะ มาทำพิธีกันที่บริษัท ในเวลา 19.09 น. ท่านใดสนใจมาร่วมงานก็ขอเรียนเชิญนะครับ

ท่านสามารถนำเทวรูปของท่าน มาเข้าร่วมพิธีครั้งได้ด้วยนะครับ
#36
อย่าชมมากครับเดี่ยวผมจะกลายเป็นหมูหวานกันพอดี ... อิอิ

เมื่อวานไปร่วมงานกฤษณะชันมาอัษฏมี (कृष्ण जन्माष्टमी - Krishna Janmashtami) ที่วัดเทพมณเฑียรมาได้เจอทีมงานสยามคเณศ น่ารักกันทุกคน อาจารย์อ้อมยังมองตาหวานเยิ้มใส่เลย

พอดีเมื่อวานต้องรีบกลับเร็วหน่อย เพราะพา อ.อ้อมไป ด้วยความที่เธอเป็นสาวบริสุทธิ์ กลับบ้านดึกไม่ได้อีกทั้งบ้านของเธออยู่ไกลจากวัดเทพมณเฑียรมาก เลยต้องรีบไปส่งเธอตอน 2 ทุ่มกว่า 3 ทุ่ม

ใจหนะยังไม่อยากรีบกลับเลยเพราะยังไม่ได้เจอน้องๆ อีกหลายคน เนื่องจากเขาไปวัดแขกสีลมก่อน ค่ำหน่อยถึงจะตามมาที่วัดเทพมณเฑียร

พอลงจากวัดมาแจ๊คพ็อตแตก รองเท้าที่ถอดเก็บไว้ในชั้นวางถูกขโมยหายไป เลยต้องเดินเท้าเปล่ามาขึ้นรถกลับบ้าน อิอิ

ใครเอารองเท้าไปคงโชคร้ายแย่ เพราะรองเท้าเป็นตัวแทนของเรือนวินาส ฉะนั้นจึงแปลว่าการสูญเสีย เลยต้องถือว่าฟาดเคราะห์ มีคนมาเอาเคราะห์กรรมของเราไปแทน

กลับมาถึงบ้านเล่าให้น้องๆ ฟัง กลายเป็นเรื่องฮากันไปเลยเรื่องใส่รองเท้าไปทำบุญ แล้วเดินเท้าเปล่ากลับบ้าน แถมโดนแซวอีกว่าจะใส่ไปทำไม อยู่บ้านพี่ก็ไม่ชอบใส่รองเท้าอยู่แล้วนี่

#37
งง เหมือนกันครับ เพราะพระเจ้าไม่มีเบื้องต้นและเบื้องปลายครับ เลยไม่มีภาคสุดท้ายครับ
#38
रंगोली รัน-โก-ลี (rangoli)

เป็นศิลปะลายเส้นแต่ดั้งเดิมของชาวอินเดีย มีลักษณะคล้ายยันตร์ นิยมสร้างขึ้นในเทศกาลเฉลิมฉลองต่างๆ โดยรันโกลีนี้อาจจะมีลักษณะการวาด การสร้าง การให้สี ที่แตกต่างกันไปตามท้องถิ่น บ้างก็วาดแบบยึดหลักคัมภีร์ยันตร์ศาสตร์เป็นหลัก คือ การกำหนดทิศทางของจักรวาล บ้างก็วาดให้เป็นรูปภาพสวยงามในแบบเรขาคณิต โดยไม่จำเป็นต้องเป็นไปตามรูปแบบของยันตร์ก็มี (ตรงนี้เองจึงทำให้รันโกลี แตกต่างกับการเขียนยันต์ ซึ่งจะมีรูปแบบบังคับมากกว่า)
#39
อีกมุมหนึ่ง ที่จะขอเสริมให้ต่อจากข้อมูลที่ยีนส์ได้บอกไปแล้ว เดี่ยวกับการทุ่มมะพร้าวลงพื้น ว่า มะพร้าวนั้นมีน้ำบริสุทธิ์อยู่ภายใน เปรียบได้กับน้ำจากแม่น้ำคงคา ดังจะเห็นได้จากงานศพของคนไทยที่จะมีการทุบมะพร้าวเอาน้ำมาล้างหน้าศพก่อนเผา ด้วยเชื่อว่าเป็นน้ำอันบริสุทธิ์

ในวันวิชัยทัสมีนั้นก็มีการทุ่มมะพร้าวเช่นกัน ส่วนจุดประสงค์นั้นอาจจะต่างกันบ้าง เช่น เพื่อให้น้ำพร้าวเป็นน้ำล้างพื้นถนนให้บริสุทธิ์ในขณะที่ขบวนพระแม่จะผ่าน เหมือนเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ชะล้างสิ่งไม่ดีให้หมดไป

ส่วนทางอินเดียเหนือบางที่ให้ทรรศนะว่า มะพร้าวนั้นเปรียบดั่งเศียร อย่างการวางมะพร้าวไว้บนกุณโฑกลัศในการประกอบพิธีสถาปนากลัศอัญเชิญเทพเจ้า มะพร้าวนั้นก็จะหมายถึงหรือแทนเศียรของเทพเจ้า

พอมางานวิชัยทศมี ก็ต้องมาดูเรื่องราวกันก่อน วันนี้เกิดขึ้นจากความเชื่อ 2 กรณี คือ

1. เป็นวันที่พระแม่ทุรคาเทวีทรงทำการปราบมหิงสาสูร (อสูรควาย) ได้สำเร็จ
2. เป็นวันที่ชาวอโยธยาจัดงานฉลองการที่พระรามเสด็จกลับเมือง หลังจากได้รับชัยชนะด้วยการสังหารราวณะ หรือ ทศกัณฐ์

ดังนั้นการทุ่มมะพร้าวในวันนี้ จึงประกอบด้วยกัน 3 กรณี คือ

1. ก่อนทุ่มมะพร้าวเราจะทำการจุดการบูรไว้ตรงกากมะพร้าวด้านบนก่อนแล้วทุ่มมะพร้าวลงพื้น ด้วยเชื่อว่าไฟนั้นเป็นสัญลักษณ์แทนพระเจ้าที่สามารถล้างบาปล้างสิ่งชั่วร้ายได้ เมื่อจุดบนมะพร้าวไฟนั้นก็จะทำให้มลทินภายนอกของมะพร้าวหมดไป แล้วพอทุ่มมะพร้าวลงบนพื้นน้ำมะพร้าวที่แตกออกมาก็จะเป้นน้ำบริสุทธิ์โดยสมบูรณ์ เหมาะแก่การล้างสิ่งอัปมงคลทั้งปวง

2. เนื่องจากการที่พระแม่ทุรคาได้สังหารมหิงสาสูร มะพร้าวจึงเปรียบดั่งหัวของมหิงสาสูร พอเราจุดไฟบนมะพร้าวนั่นย่อมเท่ากับทำลายอวิชชาให้มอดไหม้ไปด้วยไฟแห่งปัญญา แล้วพอเราทุ่มมะพร้าวลงพื้นนั่นเป็นการแสดงสัญลักษณ์ให้เห็นว่า อสูรตนนั้นได้ถูกทำลายลงดั่งมะพร้าวที่แตกกระจาย พอน้ำในมะพร้าวออกมาก็หมายถึง ความดีงามได้กลับมาปรากฏขึ้นอีกครั้ง

3. เนื่องจากการที่พระรามมีชัยชนะเหนือราวณะ หรือ ทศกัณฐ์ แล้วครบกำหนดการออกเดินป่าโดยสมบูรณ์ พอเราจุดไฟบนมะพร้าวซึ่งหมายถึงเศียรทศกัณฐ์หรือเหล่ามาร นั่นแสดงถึง การเผากรุงลงกา เพื่อประกาศให้ทราบว่าสิ่งชั่วร้ายกำลังจะถูกทำลายลง แล้วเมื่อเราทุ่มมะพร้าวให้แตก นั่นย่อมแสดงถึงถู การที่พระรามได้ทำลายเหล่ารากษสชั่วร้ายลงได้สำเร็จ พอมะพร้าวถูกทุ่มแตก น้ำที่ออกมานั่นก็จะแสดงถึงความบริสุทธิ์หรือธรรมะที่กลับคืนมาสู่โลกอีกครั้ง

ดังนั้นจึงเห็นนัยยะของการทุ่มมะพร้าวกันแล้วนะครับ ว่าเขาทำเพื่อสื่อถึงอะไร ในอินเดียใต้วันวิชัยทศมีนั้นจะนิยมบูชาพระทุรคากัน จึงสื่อถึงการที่พระแม่ทุรคาได้สังหารมหิงสาสูร ส่วนทางอินเดียเหนือจะเน้นเรื่องราวที่ปรากฏในรามายณะ ว่าด้วยการได้รับชัยชนะของพระรามแล้วเสด็จคืนสู่กรุงอโยธยา อีกทั้งทางอินเดียเหนือจะนิยมสร้างหุ่นฟางเป็นรูปพญารากษสทศกัณฐ์ แล้วเมื่อเสร็จสิ้นพิธีเขาก็จะให้คนแต่งตัวเลียนแบบเป็นพระรามแล้วแผลงศรที่จุดไฟ ไปที่หุ่นฟางของทศกัญฐ์ เพื่อแสดงให้เห็นว่าทศกัณฐ์นั้นต้องศรพระรามจนม้วยมรณาไป
#40
ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ถือว่าเป็นทิศกลาง เป็นทิศของพระอัคนี อันเป็นทิศที่ถือว่าดี - ร้ายปะปนกันครับ

ทิศที่ควรหันหน้าเทวรูปไป คือ

1. ทิศตะวันออก ซึ่งเป็นทิศที่ตามหลักวิชาชัยภูมิศาสตร์นิยมหันหน้าเทวสถาน หรือ เทวรูปไปมากที่สุด เป็นทิศแห่งพระอินทร์ผู้เป็นจอมเทพ ถือว่าเป็นสิริมงคล อันจะนำชัยชนะและความรุ่งเรืองมาให้

2. ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นทิศมงคลมีชื่อทิศว่า อีศาน หรือ อิสาน อันเป็นทิศแห่งความอุดมสมบูรณ์และปราศจากโรคร้าย ทิศนี้ปกครองด้วยพระอีศาน (พระศิวะ)

3. ทิศเหนือ เป็นทิศที่ปกครองโดยท้าวกุเวร เทพเจ้าแห่งทรัพย์ จึงเป็นอีกทิศหนึ่งที่นิยมหันเทวรูปไป เพราะเชื่อว่าจะทำให้มีทรัพย์

ส่วนทิศที่ไม่ควรหันเทวรูปไป คือ ทิศตะวันตกเฉียงใต้กับทิศใต้ ซึ่งปกครองโดยท้าวนรฤติ อันเป็นเทพแห่งโรคภัยไข้เจ็บกกับทิศของพระยมเทพเจ้าแห่งโลกหลังความตาย 2 ทิศนี้จึงไม่ควรหันเทวรูปไปมากที่สุด ส่วนทิศอื่นถือว่าปานกลางนะครับ