Loader
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - chai

#2
แต่จะเอามนุษย์ไปเปรียบกับเทวรูปก็ไม่ควร
แต่ถ้าศรัทธามาจากใจจริงๆ
มั่นใจว่าต่อให้เทวรูปหลักพันบาทก็สามารถหามาบูชาได้
#3
คนไทยสมัยโบราณไม่ได้รู้จักเทพมากมายหรอก
อย่าว่าแต่พระกฤษณะเลย คนที่รู้ดีคงเป็นกลุ่มที่มีความรู้พอสมควร
ตาสีตาสาคงไม่รู้จัก
แต่โบราณมา
ศาสนามักถูกใช้เป็นเครื่องมือในการเมืองการปกครอง
ล้างสมองประชาชน
บทบัญญัติในศาสนาถูกเอามาใช้เป็นกฎหมายใช้ปกครองคน
เอาความเชื่อทางศาสนามาล้างสมอง
จะบูชาเทพถ้าไม่มีการอิงปุราณะ ก็จะกลายเป็นทำผิดๆถูกๆ
ถ้าอ้างอิงมันซะทุกเล่มทุกบรรทัด ฮินดูบ้านเมืองอื่นจะถือว่าทำผิดรึเปล่า???
คนฮินดูในบาหลีก็ไม่ได้เน้นเรื่องแต้มแจิมผงชาติ ไม่ได้เน้นเรื่องการถวายอารตี
หมายความว่าคนฮินดูบาหลีที่ไหว้เทพทำไม่ถูก ทำผิดแบบแผน ไม่ตรงปุราณะ......จะอ้างแบบนั้นก็ไม่ได้หรอก
จะมาอิงกับปุราณะตลอดมันไม่ได้
ปุราณะไม่ใช่หนังสือเรียนที่เอามาอ้างอิงการบูชาเทพ
หรืออ้างอิงแล้วบูชาถูกต้อง
แต่สมัยนั้นจะบูชายังไงก็สอนกันในครอบครัว หรือถามผู้รู้ที่อยู่ใกล้ตัว
เพราะสมัยก่อนก็มีพิธีเข้ารีตอยู่แล้ว
และสมัยโบราณไม่มีแม้แต่เรื่องอหิงสาด้วย
เพราะการเซ่นบูชาสมัยโบราณทำโดยการก่อไฟ ถวายดอกไม้ เทพโปรดการดื่มเหล้า หนักๆหน่อยก็บูชาด้วยชีวิต
มีพิธีกรรมฆ่าสัตว์บูชายัญ ถ้าพวกวรรณะกษัตริย์ก็ทำพิธีอัศวเมธ
เทพบางองค์ก็อยู่ในพวก ghost floor city เช่น พระวาสุเทพ พระราฆพ พระวายุบุตร เป็นตัวแทนของวีรบุรุษ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์พื้นเมือง
ตอนพระราฆพเดินทางไปเมืองกีษกินธา เห็นชนเผ่าวานร แล้วได้ชนเผ่าวานรมาเป็นกำลังพลของพระราฆพ
....
ตอบให้ตรงกระทู้หน่อย
ตรีเพชรเนี่ย
เอาแบบมาจากอาวุธ2อย่าง ไม่ตรีศูล ก็ วัชระ
เทพแบบไทยบางองค์ก็วาดวัชระเป็นตรีศูล
วาดตรีศูลเป็นวัชระ
ตรีเพชร แปลตรงๆคือ เพชรแบบ3อัน(เพชร-วัชระ)
...
จะบูชาเทพ
สนใจด้วยหรอว่าราคาแพง
ผมเชื่อว่าถ้าคุณศรัทธาอย่างใจจริง
ราคาไม่ควรเป็นปัญหา
400-500เป็นเรื่องเล็กๆสำหรับคนที่ศรัทธาจริงๆ
ถ้าศรัทธา เชื่อมั่นว่าคงสามารถเก็บหอมรอมริบเพื่อให้ได้เทวรูปงามๆมาครอง
ศรัทธาที่มาจากใจ ต่อให้ราคาแพงแค่ไหนคงไม่ใช่ปัญหานะครับ
#4
เรื่องนี้ไม่ได้แต่งเพื่อทำลายเทพเลย
เรื่องนี้ก็แต่งโดยสาวกท่านเองนี่แหละ
อย่างพระแม่รา... ถ้าใครเคยอ่านเรื่องพระกฤษณะแบบเต็มๆคงพอจะทราบ
จนร.6ท่านนิพนธ์ลิลิต
และหน้าท้ายๆ มี"คอมเม้น"มากมาย มีการยกตัวอย่าง
เรื่องพระกฤษณะไม่ได้มีแค่มหาภารตะหรือภควัทคีตา

และตอนนี้หนังสือไม่อยู่กับตัว เพราะให้คนยืมอ่านแล้วเขาทำหาย
และก่อนหน้านี้คนไทยไม่รู้จักพระกฤษณะด้วยมั้ง คนไทยเป็นพุทธกันอยู่
ไม่มีแม้แต่สร้างศาลพระพรหม
ข้อความนั้นก็มีบอกชื่อ อายัณโฆษ สามีนางรา....
เล่มอื่นๆที่กล่าวถึงพระกฤษณะก็มีบอก บอกชัดเจนว่านางเป็นสามีภรรยา มาก่อนที่เจอพระองค์

และท่านเองบอกชัดเจนนิ และเปรียบเทียบเหตุการณ์ นั่นนู่นนี่นั่น
ไม่ใช่ลงไว้แค่สองสามบรรทัด แต่ยาวหน้าสองหน้า......หรือท่านแค่ยกตัวอย่างเฉยๆ สงสัยผมคิดไปเอง


#5
ไหว้เพราะมีความกรุณา อืมมม มีเหตุผลดี
ส่วนเรื่องร.6 อยากให้ดูสำนวนที่ท่านเขียนในหนังสือ
ไม่ใช่แค่ไม่โปรดเฉยๆ
#6
แต่ผมก็ไม่เคยบอกนะว่าอ่านปุราณะ
เพราะรู้ดีว่าปุราณะมันเป็นแค่เทพนิยาย
แล้วถ้าไม่มีปุราณะ เทพคงไม่มีความขลัง
ฮินดูไม่ได้มีแค่อินเดีย ทมิฬ
แต่ยังมี บาหลี บังคลาเทศ เนปาล ทำไมไม่ค่อยพูดถึงละ???
บาหลีก็เป็นฮินดูทั้งเกาะ ก็ไม่ได้เชื่ออะไรแบบที่อินเดียเชื่อ
แต่โดนส่วนตัวคนบาหลีนับถือศาสนาฮินดู
#8
แต่ผมก็ไม่ได้บูชานิ
แค่ยกตัวอย่างเฉยๆ
...
เทพที่ว่า หลายองค์ องค์ไหนบ้างที่เป็นแบบนี้???
และคิดว่าถ้ามี คงโดนเมียตนเองสาป เช่น พระพรหม
แล้วผู้หญิงที่ท่านไปหา แต่งงานมีสามีแล้ว และลักลอบอยู่กินกันแบบคนรัก ทั้งที่ฝ่ายหญิงมีสามี ไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิดศีลธรรมหรอกหรอ???
สามีนางก็เป็นคนหมู่บ้านเดียวกับนางนี่เอง
เรื่องอื่นๆที่ไม่ปลื้มก็เยอะ
ตอนพิธีขึ้นครองราชท้าวยุธิษฐิระ ท่านก็มางาน และศิศุปาลก็มางานด้วย
แล้วตัดคอศิศุปาลในงานพิธี.......ศิศุปาลคงไปพูดจี้อะไรบางอย่างเข้า เลยโดนปิดปาก
ตอนก่อนทำสงคราม บอกว่าตนเองจะไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ไม่จับอาวุธ ประกาศกับ2ตระกูล
ท่านมอบกองทัพท่านเองให้ฝ่ายเการพ ส่วนอรชุนขอให้ท่านมาเป็นสารถีขับรถ
#9
ชื่อจริงในประวัติคือ ศรีนิวาส
ภายหลังเรียก เวงกเฏศวร

ส่วนพระแม่ลักษมีเรียก อาลาเมลุ หรือ ชื่อในประวัติคือ ปัทมาวดี
#10
แสดงว่าคุณคงยังไม่เคยอ่านตอนนี้จริงๆ
อยากให้ลองอ่านเรื่อง ลิลิตนารายณ์สิบปาง พระราชนิพนธ์ร.6
ว่าท่านคิดยังไงกับกรณีนี้ ท่านยังแอนตี้สุดๆ
เหตุผลที่แอนตี้ก็สมควรอยู่
หรือคิดว่าการที่ลักลอบเข้าไปในห้องสตรีที่มีสามีแล้ว เป็นเรื่องที่ถูกที่ควร หรือมองว่าไม่เป็นอะไร???
และมั่นใจว่าคนที่บูชา ส่วนใหญ่ไม่ทราบตอนนี้มาก่อน
#11
ไม่ได้ไหว้ตรีศูล อาวุธ อะไรทั้งสิ้น
จบมั๊ย
#13
ต้องบอกบูชาท่านดีกว่านะ
บอกทำบุญให้ท่าน คงไม่จำเป็นเท่าไร เพราะท่านไม่ได้มาขอส่วนบุญ
ก็แค่บูชาตามปกตินั่นแหละ
#14
เออ หรอครับ

งั้นก็ซื้อให้หมดเลยแล้วกันนะครับ
เทพถืออาวุธอะไร ซื้อมาให้หมดเลยแล้วกัน
ก็ซื้อ คทา จักร สังข์ ให้พระวิษณุ
ซื้อขอช้างอังกุศ บาศ งา แบบที่ถวายขนม ไม่ใช่ซื้อแต่ขนม
พระแม่ทุรคามีสิบมือ ก็ซื้ออาวุธมาให้ครบสิบมือก้ได้ ไม่ใช่ซื้อแต่ตรีศูล
แล้วเทพที่รู้ว่าผู้หญิงมีสามีแล้ว แอบเข้าไปในห้องขณะที่สามีนางไม่อยู่ ถือเป็นตัวอย่างที่ดีหรือไม่???



#15
ถ้าอินเดียแล้วดูเพี้ยนก็อย่าไปทำตาม
แบงค์500 ก็มีพระราชดำรัสสั้นๆอยู่นิครับ ตรงรูปเรือสำเภา
ถ้าอยากให้การบูชามันเป๊ะๆ ก็ต้องไปค้นปุราณะ18เล่มกันเลยทีเดียว
ถ้ามันเป็นธรรมเนียมที่ต้องปฏิบัติ
งั้นเทพองค์อื่น พระศิวะ คนไหว้ต้องเดินเที่ยวหาซื้อตรีศูลมาเปลี่ยนทุกปีเลยหรอ???
คนไหว้พระราม ต้องไปซื้อธนู ลูกศร มาถวายหรอ???
ไหว้พระขันทกุมาร ก็ต้องไปตระเวณหาซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์มาถวาย ต้องซื้อหอกมาถวายเยอะแยะเลยหรอ???
ส่วนการถวายอื่นๆ เสื้อผ้า อาภรณ์ รวมไปถึงขนม นม เนย เป็นการถวายพื้นฐานของคนที่บูชา
แล้วทำไมพระกฤษณะต้องทรงขลุ่ย??? ท่านชอบเป่าขลุ่ยเป็นชีวิตจิตใจ??? งั้นหรอ???
#16
ถวายขลุ่ยเป็นความเชื่อเฉพาะกลุ่ม เหมือนกับที่คนถวายน้ำแดงกับเทพต่างๆหรือถวายของดำกับพระราหู
#17
ผมไม่ได้ว่าท่านทำผิดที่ถวายขลุ่ย
แต่การถวายขลุ่ยมันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่นับถือพระกฤษณะหรอรึเปล่า??? หรือเป็นแค่ความเชื่อบางกลุ่มที่เกิดขึ้นภายหลัง
เพราะรูปพระกฤษณะเป่าขลุ่ยก็มีมาทีหลัง ถ้าโบราณหน่อยก็ปางปราบนาค ปางยกภูเขา
ส่วนเรื่องใบไม้
อยากบอกว่าเมืองอื่นที่เป็นฮินดูก็ไม่ได้เชื่อแบบฮินดูอินเดียเท่าไร
#18
และคนสมัยก่อนก็ไม่ได้ปั้นหรือแกะสลักเทวรูปบูชาเอง.....กลัวว่าทำเองแล้วผิดรูปร่าง
#19
คนจนเขาไหว้เทพ
ไม่มีแม้แต่รูปเคารพใดๆทั้งสิ้นนะครับ
เอาง่ายๆเลย
คนจีนชาวบ้านธรรมดา
ไม่มีแม้แต่รูปเคารพในบ้าน
สิ่งที่เอามาบูชาคือแผ่นกระดาษ
เขียนตัวอักษรจีนคำว่า"เทพ"
เพราะถ้ามีรูปเคารพคงไม่รู้ว่าองค์จริงเป็นยังไง
แล้วรูปเคารพปัญหาเยอะแยะจุกจิก
ก็อย่ามีเลยจะดีกว่า

#20
ธรรมเนียมถวายขลุ่ยมีรึเปล่าผมไม่สนใจ
แต่เทพองค์อื่นว่าไงละครับ???
แล้วคนที่นับถือพระกฤษณะทั่วโลก ก็มีพิธีถวายขลุ่ยด้วยนะสิ
#21
งั้นถ้าพระกฤษณะซื้อขลุ่ยได้
คนที่ไหว้พระราม ต้องไปหาซื้อธนู ลูกศร มาถวายพระรามรึเปล่า???
แล้วซื้อของถวายเทพ เป็นบทบัญญัติรึเปล่า? ปุราณะบอกหรอ?
ผมไม่อยากให้คนที่บูชาคิดเองเออเอง ว่าเทพชอบนั่น เทพชอบนี่
#22
จะใบอะไรก็ใส่ๆไปเถอะครับ
ใบอะไรที่คิดว่าดีก็ใส่ไป
ขืนไปเชื่อมากๆ ต่อไปคงไม่กล้ากินผัดกะเพรากันแน่ๆ
#23
ปกติไม่มีใครไหว้ขนาดนี้หรอกครับ
ถึงขนาดซื้อกระบองตรีเพชร ดูแปลกๆอยู่
ผมว่าบูชาแบบปกติดีกว่านะครับ
คนไหว้พระราม ก็ไม่ได้ซื้อธนู ลูกศร มาไหว้พระราม
คนไหว้พระกฤษณะ ก็ไม่ได้ซื้อขลุ่ยมาถวาย
#24
บางเรื่องเห็นว่าเรื่องเล็กๆ

แต่กลับมองข้ามคิดว่าไม่สำคัญ

อย่างเรื่องเทวรูป

คิดจะบูชาทั้งที

คิดว่าบูชาอะไรก็ได้

เทวรูปมีตำหนินิดนึงไม่เป็นไร

ไหว้ๆไปเถอะ......คงไม่ต่างอะไรกับการไหว้ก้อนหิน

ถ้าไหว้แบบนั้น

สู้ไหว้สัญลักษณ์แทนองค์ยังดีกว่า เช่น ไหว้ตรีศูล ไหว้ศิวลึงค์

แต่จะไหว้รูปเคารพยังไม่ให้ความสำคัญ

ทั้งที่เรื่องรูปลักษณ์ เรื่องพระปฏิมา เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ

คนเราไปทำงานยังต้องให้ตัวเองดูดี ผิวพรรณดี ใส่เสื้อสวยๆ

อยากให้เห็นคุณค่าของรูปเคารพ เหมือนกับที่เห็นคุณค่าของตนเอง

ถ้าไม่ยึดติดเรื่องรูปเคารพ ต่อไปก้ไม่ต้องไปไหว้พระ ไม่ต้องไปเทวาลัย

ก็ไหว้อยู่ที่บ้านนั่นแหละครับ

ไหนๆก็บอกไม่ยึดเรื่องเคารพ

ถ้าไหว้แบบนั้น สู้ไม่มีเทวรูปหรือไม่มีรูปเคารพเสียยังดีกว่ามีรูปเคารพที่มีลักษณะผิดแปลกหรือมีตำหนิ

#25
พระแม่โฟโต้ช็อปเทวีครับ
#27
ตามตำนานกล่าวว่า เป็นธิดาของพระศิวะ กับพระชายาองค์หนึ่ง ผมเองก็ไม่ทราบพระนามหรอกคับ 

เท่าที่รู้กันมา พระแม่มนสาเทวี ไม่ค่อยจะลงรอยกับพระแม่ปารวตี (อุมาเทวี) ซักเท่าไหร่ นางจึงขออนุญาตพระ

บิดาศิวะเทพลงมายังโลกมนุษย์ กับเพื่อนซึ่งเป็นธิดาของพระศิวะอีกองค์นึงคือ เทวีเนตา  เมื่อนางลงมายังโลก

นางได้กระทำสิ่งดีงาม และคอยช่วยเหลือผู้คนมากมาย จนได้รับความเคารพสักการะจากมนุษย์ทั้งหลาย เหลือ

แต่เพียง เจ้าชายจานนท์ แห่งแคว้นจามปากะเท่านั้นที่ไม่สนใจบูชานาง    มนสาเทวีจึงหาทางทำให้จานนท์

บูชานางให้จงได้ ด้วยการไปเข้าฝันแล้วบอกว่า ให้หันมาบูชานางบ้าง  เจ้าชายจานนท์ไม่ยืนยอม นางจึงให้นาค

กาลี มากัดโอรสของจานนท์ที่มีอยู่ 6 คน ตายลงทีละคน และทุกครั้งที่โอรสของจานนท์ตาย มนสาเทวีก็จะ

มากระซิบบอกแก่จานนท์ว่า จงบูชาเราเสียเถิด แต่จานนท์ไม่ลดละความพยายาม มนสาเทวีก็เช่นกัน นางทราบ

อย่างหนึ่งว่า จานนท์มีสวนๆหนึ่งที่รักมาก นางจึงให้นาคบริวารไปทำลายสวนจนพินาศ เจ้าชายจานนท์รู้ว่าเป็น

ฝีมือของมนสาเทวี จึงให้เพื่อนซึ่งเป็นมายาวี(นักมายากล) ชื่อ ศังกร มาทำการชุบชีวิตและสร้างสวนให้สวยดัง

เดิม เทวีมนสาจึงสังหารศังกรตาย และทำให้เจ้าชายจานนท์อยู่ในเมืองไม่ได้อีก

     เจ้าชายจานนท์จึงออกเดินทางไปค้าขายที่ต่างเมืองทางทะเล ในระหว่างทาง มนสาเทวีได้บันดาลให้

เกิดพายุใหญ่พัดเรือหายจะให้จมลง แต่เจ้าชายจานนท์ได้ทำการวิงวอนขอพระแม่เคารี(อุมาเทวี) ให้คุ้มครอง

ซึ่งพระแม่เคารีก็บันดาลให้เรือลอยอยู่ในพายุได้โดยไม่จม มนสาเทวีเห็นดังนั้นก็ไปเฝ้าพระศิวะบิดา ขอให้ห้าม

ไม่ให้พระแม่ปารวตี(อุมาเทวี)ไปยุ่งกับเรื่องของนาง พระศิวะเห็นใจธิดา จึงสั่งห้ามพระแม่ปารวตีไม่ให้คุ้มครอง

จานนท์อีกต่อไป เรือจึงจมลงกลางทะแล แต่มนสาเทวีไม่ได้ต้องการจะให้จานนท์ตาย เพียงแต่ต้องการให้จา

นนท์บูชานางเท่านั้น จึงบันดาลให้เกิด ปัทมาสน์(บัลลังก์ดอกบัว)ลอยมาใกล้ๆจานนท์ เจ้าชายเห็นก็ไม่ได้สนใจ

ว่ายน้ำต่อไป ซึ่งนางก็ให้ความคุ้มครองแก่เขาไปจนกระทั่งถึงฝั่ง ได้เจอเพื่อนรักคนหนึ่งเป็นพ่อค้าเหมือนกัน

เลยอาศัยสร้างเนื้อสร้างตัวอยู่ที่นั่นเอง มนสาเทวีไม่รุ้จะทำประการใดก็เลยไปหาเพื่อนซึ่งเป็นอัปสรอยู่บนสวรรค์

ให้ลงมาเกิดเป็นธิดาของพ่อค้าเพื่อนของเจ้าชายจานนท์ และให้อีกคนหนึ่งเกิดเป็นบุตรของจานนท์ ทั้งสองรับ

ปากและลงมาเกิดเป็นลักษมิณบุตรของจานนท์ และเพหุลาธิดาพ่อค้า เมื่อทั้งสองโตขึ้น จานนท์ได้จัดพิธีวิวาหะ

ให้แก่ทั้งสอง และได้ให้ช่างสร้างเรือนหอให้ทั้งสอง โดยสร้างด้วยโลหะทั้งหลัง ไม่มีหน้าต่าง ไม่มีรูอันใดเลย

และสั่งให้คนเอานกยูงกับพังพอน และโรยยาพิษไว้โดยรอบ เพราะจานนท์เกรงว่า มนสาเทวีจะมาทำอันตราย

ลักษมิณกับเพหุลา แต่มนสาเทวีรู้เข้า จึงไปขู่นายช่างให้เหลือรูเท่าเส้นผมเอาไว้ ไม่เช่นนั้นจะสังหารลูกเมียตาย

ทั้งหมด นายช่างจึงเหลือรูเท่าเส้นผมโดยเอาผงถ่านอุดรูเอาไว้ พอถึงเวลากลางคืน นาคบริวารของเทวีมนสาก็

เข้าไปในเรือนหอของลักษมิณกับเพหุลา ลักษมิณหลับไปด้วยความเหนื่อยเพลีย เหลือแต่เพหุลาที่นั่งเฝ้าสามี

ของนางอยู่ นางเห็นงูเข้ามาจึงเอานมให้งูกิน เมื่องูเผลอ ก็เอาบ่วงรัดงูไปห้อยไว้กับขื่อเรือน เป็นเช่นนี้อยู่สาม

ครั้ง จนถึงนาคกาลีตัวเดียวกับที่ทำลายสวนและสังหารศังกรเพื่อนของจานนท์เข้ามา เพหุลาโดนพิษงูเข้าที่ตา

เลยทำให้ดวงตาพร่ามัวและสลบไป นาคกาลีจึงกัดลักษมิณตาย เช้าต่อมาญาติๆทั้งสองฝ่ายมาดูเหตุการณ์ก็

ทราบว่าลักษมิณตาย ทั้งหมดกล่าวหาเพหุลาที่สังหารสามีของตน เพหุลานั้นเสียใจมาก และเล่าความจริงให้ฟัง

วมถึงให้ดูงูที่นางจับได้ถึงสามตัวที่แขวนอยู่บนขื่อเรือนด้วย ทั้งหมดจึงเชื่อในคำพูดนาง และทำการนำเอาศพ

ของลักษมิณ ลอยแพไป โดยมีความเชื่อกันว่า ถ้าเอาศพคนโดยงูกัดตายลอยแพไป เผื่อเจอหมอที่มีวิชาอาจ

ชุบชีวิตให้ฟื้นกลับคืนมาได้ เพหุลาขอลอยไปกับศพสามีของนางด้วย ถึงญาติๆของนางจะห้ามปรามอย่างไร

นางก็ไม่ฟัง นางให้ญาติของนางจุดประทีบในเรือนหอและปิดตายเรือนหอเอาไว้ ถ้าประทีบยังสว่างอยู่นั่นหมาย

ถึงนางยังมีความหวังที่ลักษมิณจะฟื้นอีกครั้ง เมื่อลอยไปซํกพักก็ผ่านหน้าบ้านของเนตาเทวี เพื่อนของเทวี

มนสา นางกำลังซํกผ้าอยู่ ข้างๆกันมีเด็กเล่นกันส่งเสียงดัง เนตาเทวีรำคาญใจจึงเอาเด็กมาหักคอเสียและซักผ้า

ต่อ พอซักผ้าเสร็จ นางก็เอาน้ำมนต์วิเศษพรมไปที่เด็ก เด็กคนนั้นก็ฟื้นคืนชีวิตอีกครั้งหนึ่ง เพหุลาเห็นดังนั้นก็

เข้าไปหาเนตาเทวีขอให้นางช่วย เนตาเทวีจึงบอกว่า จะช่วยได้แต่ต้องไปเฝ้าเทวดาบนสวรรค์ร่ายรำให้เทวดาดู

และให้จานนท์หันมานับถือมนสาเทวีก่อน ซึ่งนางก็ทำตามนั้น เพราะนางเคยเป็นอัปสรมาก่อน นางจึงร่ายรำได้

อย่างสวยงาม จากนั้นเพหุลาก็พาลักษมิณไปหาจานนท์ และขอร้องให้จานนท์หันมานับถือมนสาเทวี จานนท์จึง

ยอมตาม จากนั้นมาจานนท์ก็บูชาเทวีมนสามาตลอด แต่โปรยดอกไม้ด้วยมือซ้ายและไม่มองเทวีรูปเทวีมนสา

ด้วยไม่เต็มใจบูชาเท่าไหร่ ส่วนมือขวาจะโปรยดอกไม้บูชาพระศิวะและพระแม่อุมาเทวี จึงเป็นที่มาของการโปรย

ดอกไม้บูชาพระแม่มนสาเทวีด้วยมือซ้าย


เท่าที่ผมทราบก็มีเพียงแค่นี้ ถ้าอยากรู้อะไรเพิ่มเติมก็ไปหาอื่นได้นะคับ ในหนังสือ อมนุษยนิยาย ของ ส.พลาย

น้อย คับ  หวังว่าคงจะเป็นวิทยาทานให้กับคนอื่นที่สนใจในประวัติของเทวีมนสามากขึ้นนะคับ ผิดพลาดประการ

ใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคับ

โอม ศรี เคารีปุตรายะ นะมะ (ขอพระคเณศบุตรแห่งพระแม่เคารีจงเจริญ)
http://www.hindumeeting.com/forum/index.php?topic=3338.0
#28
แก้....ที่ว่าผู้หญิง แก้เป็นผู้ชาย
จริงๆเขานับถือพระศิวะ แล้วนางก็ไปหาบอกให้บูชาตนเอง พอไม่เล่นด้วยนางจึงไปรังควาน และไปกัดลูกชาย6คนตายหมด สุดท้ายเลยจำใจบูชานางลูกชายถึงฟื้น
#29
ไม่รู้ตอบแรงไปไหม แต่อดไม่ได้
เรื่องพระแม่มาริษาหรือพระแม่มนสาเทวี เคยฆ่าสามีผู้หญิงคนนึงเพียงเพราะไม่ยอมบูชานางมาแล้ว สุดท้ายนางจำยอมต้องบูชาเพื่อขอชีวิตสามีคืน.....พิจารณาเองเองแล้วกัน
แล้วพระแม่องค์นี้พวกชนกลุ่มน้อยอินเดียนับถือมาก โดยเฉพาะแถวๆเบงกอล
#30
ทวารบาลพระวิษณุ ชื่อ ชัย และ วิชัย
ทวารบาลพระศิวะ ชื่อ นนทิ และ มหากาล

ส่วนทวารบาลพระแม่ ได้ยินว่าชื่อ ชยา วิชยา
#32
หมายถึงแบบฮินดูอะครับ
ที่วัดแขกก็ทำแบบทรงเครื่องครับ
ทำไมพระพฤหัส พระศุกร์ ไม่ทำแบบชฏามงกุฎอะครับ
#33

เรียกพระหริหระครับ

วันนาคปัญจมี คือวันบูชานาคครับ
#34
ทั้งที่ความจริง2ท่านนี้เป็นฤๅษีและเป็นอาจารย์ของเทวดาและอสูร
แต่ทำไมรูปเคารพท่านทรงเครื่องกษัตริย์ครับ ขอบคุณครับ
#35
นักบวชอโฆรี พวกนี้นับถือพระไภรพมากครับ
ในเรื่องนิทานเวตาล25เรื่อง พระเจ้าวิกรมาทิตย์เคยพบนักบวชอโฆรีชื่อศานติศีล
นักบวชขอให้พระเจ้าวิกรมาทิตย์ไปเอาศพนึงที่แขวนบนต้นอโศกมาให้นักบวชทำพิธี
และศพนั้นมีภูติเวตาลสิงในร่างทำให้ศพมีพลังอำนาจบางอย่าง ซึ่งนักบวชศานติศีลต้องการนำมาทำพิธี
ในเรื่องไม่ได้บอกว่าทำอะไร แต่เดาว่านักบวชคงเอามา"กิน"เพื่อเพิ่มพลังให้ตนเอง
#36
พระลักษมีปางที่มีนกฮูกก็พระลักษมีนี่แหละครับ และไม่ใช่ปางนี่มีเกลื่อนอินเดีย
แต่ปางนี้เป็นปางที่มีเฉพาะแถวๆเบงกอล กัลกัตตา
ลองสังเกตเครื่องทรงให้ดีครับ อลังการงานสร้างกว่าปางปกติ









http://deezden.blogspot.com/2009/06/maa-lokkhi-bengali-lakshmi-devi.html

''In Bengal, Lokkhi or Lakshmi is worshiped during a night in Autumn when the moon is full -- the brightest night of the year. It is believed that she showers wealth on this night.
[CENTER ALIGN=CENTER]
She, along with her mount, the great white owl, descends to Earth and takes away the
[/CENTER ALIGN]
[CENTER ALIGN=CENTER]
darkness of poverty, stagnation, anger, and laziness from our lives.
[/CENTER ALIGN]
[CENTER ALIGN=CENTER]
Her 'vahana', the white owl, is that it represents the royalties and riches, which always serve at her feet; and over whom she has full control.
[/CENTER ALIGN]
[CENTER ALIGN=CENTER]
She is also referred to as 'pranadayini '(giver of life-sustaining energy).
[/CENTER ALIGN]
[CENTER ALIGN=CENTER]
She wears ornaments of gold
and a ruby-studded golden crown. Her hair is long, dark and wavy. She holds a pot of gold with her left arm and a crop of rice in her hand.''
[/CENTER ALIGN]
#37
Quote from: เขี้ยวกาลี on February 10, 2011, 12:47:44
อาวุธของพระพิฆเนศและความหมายครับ
1. Shankha (หอยสังข์) หมายถึง การอำนวยอวยชัยให้มีชื่อเสียง,เกียรติยศ
2. Ankusha (ประตัก) หมายถึง อำนวยอวยชัยทางด้านอายุ .....อังกุศ คือ ขอช้าง
3. Parashu (ขวาน) หมายถึง การกำจัดอุปสรรค์นานประการ

4. Pasha (บ่วง) หมายถึง ใช้สำหรับมัดคนที่ประพฤติผิดศีลธรรมให้กลับกลายเป็นคนดี
5. Vajratrishula (Lightning Bolt) หมายถึง ผู้เป็นใหญ่ใน 3 โลก อำนวยอวยชัยทางด้านอำนาจ บารมี
6. Chakra (โล่, discus) เป็นสัญลักษณ์แทนดวงอาทิตย์ (แทนใจ) และดวงจันทร์ (แทนความรู้สึก) ซึ่งหมายถึง สติปัญญาของพระผู้เป็นเจ้า ใช้ป้องกันภัยอันตราย ความชั่วร้าย และสิ่งอัปมงคลต่างๆ

7. Modakapatra (ขนมต้ม) หมายถึงความอุดมสมบูรณ์
8. Gada (คฑา)
9. Chhuri (ดาบสองคม) ใช้สำหรับฝ่าฟันอุปสรรค์....กริช

10. Rudraksha Mala (ลูกประคำ) ใช้สำหรับสวดอ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้า และเจริญสมาธิ เป็นสิ่งที่พระพรหมประทานให้
11. Pushpashara (ธนูดอกไม้, Flower Arrow) ใช้บอกทางเดินที่ถูกต้อง และอำนวยอวยชัยให้สมปรารถนาในความรัก เป็นธนูแห่งรัก พระกามเทพทรงถวายมี 3 ดอก คือ รัก เสน่หา และลุ่มหลงคลั่งไคล้
12. Amritakumbha (หม้อน้ำทิพย์, น้ำมนต์) ใช้ชะล้างสิ่งอัปมงคล ชั่วร้าย

13. Padma (ดอกบัว) ความหมายทางนัย คล้ายกับดอกบัว 4 เหล่าของศาสนาพุทธ
14. Ikshukarmuka (คันธนูที่ทำจากต้นอ้อย) ใช้คู่กับธนูดอกไม้ (Flower Arrow) เพื่อให้บังเกิดความรักในมวลมนุษยชาติ
15. Shara ศร (ลูกธนู) ใช้คู่กับคันธนูออกรบ อำนวยอวยชัยให้เกิดชัยะ หรือชัยชนะ หรือกำจัดศัตรู หรืออุปสรรค์นานับประการ

16. Vina วีณา (Indian Lute) ใช้สำหรับบรรเลงให้มวลมนุษย์ผู้มีจิตใจประเสริฐได้ฟัง
17. Asura (ภูตผี, goblin) ใช้กำจัดสิ่งอัปมงคล เป็นบริวารแห่งองค์มหาศรีฆเนศวร์ อำนวยอวรชัย ให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข, ปราศจากซึ่งศัตรูภัยพาลต่างๆ
18. Danda (ไม้เท้า, stick) ใช้ค้ำจุนโลก และผู้ที่ประพฤติชอบ เป็นสิ่งมงคลที่พระพรหมประทานให้พระพิฆเนศ อำนวยอวยชัย ให้มีผู้อุดหนุน ค้ำชู

19. Chamara (พัด) อำนวยอวยชัยให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข ขจัดปัดเป่าสิ่งอัปมงคลต่างๆ....จางๆคือ แส้หางจามรี เรียกว่า จามร
20. Kamandalu (กากต้มน้ำ) อำนวยอวยชัยให้ อุดมสมบูรณ์
21. Dhanush (คันธนู) กำจัดอุปสรรค์

22. Naga (งู) เป็นสัญลักษณ์แห่งทรัพย์สินเงินทอง
23. Shalipallava (ต้นข้าว) หมายถึงความอุดมสมบูรณ์ มีกินไม่หมดไม่สิ้น
24. Mudgara (Hammer, ค้อน) หมายถึงความมั่นคงแข็งแรงในครอบครัว

25. Shastra ศาสตร์(คัมภีร์พระเวชต่างๆ) หมายถึงการมีศีลธรรม และสติปัญญา
26. Kalpavriksha ต้นกัลปพฤกษ์ ต้นไม้บนสวนพระอินทร์ (Wish-Fulfilling Tree) หมายถึง อำนวยอวยชัยให้สมปราถนาทุกประการ
27. Parashvadha (Battleaxe) ใช้สำหรับออกรบ หมายถึง อำนวยอวยชัยให้ชนะข้าศึก และยังหมายถึง การกำจัดอุปสรรค์ได้อีกด้วย

28. Mahaparashu (ขวาน) ใช้สำหรับฝ่าฟันอุปสรรค์ในชีวิต
29. Trishula (ตรีศูล) หมายถึงผู้เป็นใหญ่ใน 3 โลก ซึ่งพระอินทร์ทรงให้พระวิษณุกรรมทำถวายจากผิวพระวรกายของพระสุริยเทพ อันมีอำนาจดังสายฟ้า
30. Narikela (มะพร้าว) เป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ การเติบโต ความร่งเรือง และความสะอาดบริสุทธิ์

31. Dhvaja ธวัช (ธงชัย) หมายถึงชัยชนะ ในด้านต่างๆ เช่นการรบ, การค้า, การศึกษา และอุปสรรค์ต่างๆ
32. Bhagnadanta (งาที่หัก) ถ้าถือปลายชี้ฟ้า หมายถึง ออกรบ แต่ถ้าถือปลายงาชี้ลงหมายถึง การศึกษา
33. Pashanadarana (ขอ) หมายถึง การแม่ทัพที่บังคับบรรณชาการออกรบ หรือหมายถึง ผู้เป็นเจ้านาย

34. Agni (ไฟ) หมายถึงแสงสว่าง
35. Khadga (พระแสง) หมายถึง การออกรบ หรือความกล้าหาร....จริงๆคือ ดาบ
36. Phala (ผลไม้) หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ของอาหาร

37. Mulaka (หัวใชเท้า, หัวผักกาด) หมายถึงความอุดมสมบูรณ์
38. Khetaka (โล่) ใช้ป้องกันอันตรายต่างๆ
39. Amra (มะม่วง) หมายถึงความอุดมสมบูรณ์

40. Tritiyakshi (ดวงตาที่ 3) มีความหมายคล้ายกับของพระศิวะ
41. Ratnakumbha รัตนกุมภะ(หม้อใส่เพชรพลอย) หมายถึง ความมั่งมี
42. Garitra (เมล็ดข้าว) หมายถึงความอุดมสมบูรณ์

43. Ikshukanda (ต้นอ้อย) หมายถึง ความสุขในครอบครัว หรือคู่รัก
44. Madhukumbha (น้ำผึ้ง) หมายถึง รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ก็คือความสุขในชีวิต....จริงๆคือ หม้อน้ำผึ้ง
45. Kadaliphala (กล้วย) หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์

46. Yogadanda (ไม้เท้า) หมายถึง สติปัญญา
47. Trina (ต้นหญ้า) หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์
48. Tila Gola (กระดิ่ง) หมายถึง ความรุ่งเรือง ความรัก

49. Shuka (นกแก้ว) หมายถึง ความสุข ความอิสระ
50. Ananasa (สัปปะรด) หมายถึง ความบริบูรณ์
51. Mushika (หนู) เป็นพาหนะของพระพิฆเนศ หมายถึงความเพียรพยายาม

52. Lambodara (ท้องที่ใหญ่) หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์
53. Swastika (สวัสติกะ) เป็นสัญลักษณ์แห่งพระผู้เป็นเจ้า
54. Jambira (Lime, มะนาว) หมายถึงสุขภาพ และความสุข

55. Aum (โอม) หมายถึง พระพรหม, พระนารายณ์ และพระศิวะ 3 มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่
56. Shunda (งวงช้าง) หมายถึง ความรักที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์ ที่คอยโอบอุ้มผู้ที่สัทธาต่อพระองค์
57. Nilapadma (ลิลลี่สีฟ้า) ใช้สำหรับขจัดปัดเป่าอุปสรรค์ต่างๆ.....จริงๆคือ ดอกบัวสีน้ำเงิน

58. Panasa Phala (ขนุน) หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์พูลสุข หรือความหมายนัยทางประเทศไทย หมายถึง การอุปถัมภ์ค้ำชู
59. Prabhavali ซุ้ม(Fiery Arch) หมายถึง การขจัดอุปสรรค์นานาประการ
60. Dadima (ผลทับทิม) พระองค์จะมอบให้แด่ผู้ที่กลับตัวกลับใจเป็นคนดี

61. Nagapasha (เชือกงู) สำหรับกำจัดสิ่งอัปมงคล หรือสิ่งชั่วร้ายต่างๆ
62. Kapittha (ต้นแอปเปิ้ล) หมายถึง การปลอดภัยจากโรคร้ายต่างๆ
63. Laddu (Milk Sweet) หมายถึง ความสุข และความสำเร็จในชีวิต มีสำหรับผู้ที่ประพฤติดีเท่านั้พระองค์จะให้เป็นรางวัล


64. Kavacha (armor) หมายถึงสัญลักษณ์แทนพระองค์
65. Shashikala (พระจันทร์ครึ่งซีก) เป็นสัญลักษณ์ของพระศิวะ หมายถึง ความเป็นมงคลในการประกอบการงาน
66. Gam Mantra สัญลักษณ์แห่งการแก้ไขปัญหา


67. Yajnopavita (Sacred Thread) เป็นสัญลักษณ์แทนพระองค์
68. Jambu ลูกหว้า (Rose Apple) หมายถึง สุขภาพที่ดี แข็งแรง
69. Payasa ปายาส(Pudding) หมายถึง ความสุข


70. Sakti (Consort) หมายถึง เพื่อนฝูง เงินทอง
71. Muladhara Chakra (Base Center) สัญลักษณ์แทนความสุภมงคล
72. Vriksha (Trees, ไม้ยืนต้น) หมายถึง สุขภาพที่แข็งแรง และอายุมั่นขวัญยืน

#38
ดูจนจบ มีอะไรหลายๆอย่างไม่เข้าใจเท่าไรหน่ะครับ
#39
เทพที่เซ่นไหว้โดยการฆ่าสัตว์บูชายัญ
คิดว่าเป็นเทพระดับไหนละ?
มีลงประทับแล้วดื่มเลือดสดๆ
เหมือนพิธีกินดงของทางเหนือ
การฆ่าสัตว์บูชายัญมีมาตั้งนานแล้ว
เหมือนคนไหว้ผีสางนางไม้ เจ้าป่าเจ้าเขา
ก็ไหว้กันไหว้ของคาว เนื้อดิบๆ เหล้า
ไม่อยากแสดงความเห็นอะไรตรงๆ
#40
ไม่ได้กวนนะ แล้วที่สาวกบูชาตอนนี้ รู้ได้ยังไงว่าพระแม่โปรด?