Messages

เจ้าของกระทู้ตั้งคำถามได้ดี

คงขอเชิญหลายๆ ท่านเข้ามาร่วมตอบกระทู้นี้ เพื่อเป็นการแสดงความคิดเห็น

บางคนอาจมุมมองต่างออกไปก็ได้ เทวรูปองค์นี้นะครับ ผมมองแว็บแรก คิดว่าเป็นงานของอินเดียใต้

แต่มาพิจารณาดีๆ ต้องถามท่านที่บูชาเอามาแล้วครับ ว่าเป็นศิลปะใดแน่ เพราะจากเทวลักษณะ

การจับศาสตราวุธ การวางพระหัตถ์ พระพักต์ค่อนข้างจะแปลกตาไปจากศิลปะอินเดียใต้

ขออภัยเจ้าของเทวรูปนะครับ ไม่ได้ตำหนิแต่อย่างใด เพียงออกความเห็น สุดท้าย จะศิลปะใดยังไงก็คือ พระผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองอยู่ดี

ส่วนบทสวดใช้ อรรธนารีศวรอัฐกัม  และ อรรธนารีศวรสโตตรัม ก็ได้

ลองไปตามลิ้งค์นี้ครับ

http://www.hindumeeting.com/forum/index.php?topic=226.0

ลองเข้าไปดูครับ

http://www.shivathailand.com/shiva_webfile/doc_1/doc_6.asp

เอาที่ตอบได้นะครับ

ภาพแรก

2. ศิวลึงค์ หรือ ลึงค์
3. จักร (จักรา)
4. ตรีศูล (ตรีศูลรา)
5. ปาศะ (บ่วง)
6. บัณเฑาะ (ตาณฑวะ)

ภาพสอง

2. ศาสตรา (คัมภีร์)
3. อังกุศะ (ประตัก) มองไม่ค่อยชัดครับ
4. โกฑะ (คฑา)
7. ดอกบัว (ปัทมา)
6. กระดิ่ง (ติละ โกละ)
8. ภัคนฑันตะ (งาข้างที่หัก)

ส่วนที่เหลือผมไม่รู้ว่า เค้าเรียกเป็นภาษาของเค้าว่าอะไร รอผู้รู้อีกทีแล้วกันครับ

เป็นลักษณะเหมือนภาพนูนสูงเฉพาะส่วนรึเปล่าครับคุณเสือ

ตอบแทนพี่กาลิทัสแล้วกันครับ

ตามลิ้งค์ไปเลยครับ

http://www.hindumeeting.com/forum/index.php?topic=16.0

การนับวันทางโหราศาตร์ครับ

การเปลี่ยนวันใหม่ ตามหลักปฏิทินจันทรคติไทย ยึดถือตามดวงอาทิตย์ขึ้นเป็นหลัก ครั้งโบราณ ไม่มีนาฬิกา แต่จะถือเอาเวลาพระออกบิณฑบาตร คือเมื่อมองเห็นลายมือบนฝ่ามือชัดเจน(ไม่ใช้แสงไฟช่วย) ด้วยตาเปล่าให้นับเป็นวันใหม่ ต่อมาเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นฤดูกาลใด การเปลี่ยนวันใหม่ให้เริ่มที่ 06.00 น. และคำว่า "กลางวัน" ให้เริ่มตั้งแต่ 06.00 น.-17.59 น. (ก่อน 6 โมงเย็น) ส่วนคำว่า "กลางคืน" ให้เริ่มตั้งแต่ 18.00 น.-05.59 น. (ก่อน 6 โมงเช้า)

ดังนั้นในรอบหนึ่งวันของโหราศาสตร์ (24 ชม.) จะแตกต่างจาก รอบนับวันตามสากลประเทศซึ่งจะเริ่ม 00.01 น.- 24.00น. โดยรอบวันของโหราศาสตร์จะเริ่มตั้งแต่ 06.00 น.-05.59 น. จะมีวันยกเว้นคือวันพุธ ถ้าท่านที่เกิดช่วงเวลา 06.00 น.-17.59 น. ถือว่าเป็นวันพุธกลางวัน แต่ถ้าท่านเกิดวันพุธช่วงเวลา 18.00น.-05.59 น. ถือว่าเป็นวันพุธกลางคืน

ที่มา : http://www.myhora.com

ส่วนบทย่อของคนเกิดวันศุกร์ ต้องเป็น " วา โธ โน อะ มะ มะ วา " เน้นว่า อะ นะครับไม่ใช่ ยะ
เป็นส่วนหนึ่งของคาถาอิติปิโสแปดทิศครับ บางคนนำมาใช้เป็นคาถาบูชาดวงประจำวัน ไม่ผิดอะไรครับ แต่ต้องท่องให้ถูก

เท่าที่พอทราบคร่าวๆ คือ มีเหล่าอสูรจำนวนหนึ่งมีฤทธิ์มาก เพราะได้รับพรจากเทพเจ้าต่างๆ พระองค์กัน  ชื่อของอสูรเหล่านี้ เช่น ศุมภะ นิศุมภะ จันทร มุนดา ทูมรักษะ รัคตะ บีชะ มหิษาสูร ได้นำเหล่าบรรดาสาวกอสูรจำนวนมากมาบุกยังเทวโลก เหล่าเทพเจ้าหลังหลายได้ช่วยกันหาทางป้องกัน และขับไล่บรรดาอสูร มาร รากษสเหล่านั้นให้พ้นไป แต่ก็ไม่เป็นผล จึงพากันไปขอร้องต่อพระศิวะให้มาช่วย จนท้ายที่สุดพระศิวะได้ให้พระอุมาเทวีบันดาลรูปแห่งพระองค์เป็นพระแม่อาทิปาราศักติ 18 พระกร (บางคนเชื่อว่า คือ พระแม่ทุรคาเทวี) โดยอำนาจของพระองค์มาจากกระแสพิโรธของเหล่าเทพเจ้าและเทวนารีทั้งหลายมารวมกันจนเกิดเป็นพลังอำนาจอันมหาศาล เพื่อปราบอสูรให้สิ้นไป พระองค์ประกอบด้วยพลังอำนาจแห่ง ศิวะ, วิษณุ, พรหม, สิทธิทั้ง 8, ฤาษีทั้ง 7, รุทระทั้ง 11, เทพประจำทิศทั้ง 8 โดยการสู้รบครั้งนั้น มีสัปตะมาตริกาทั้ง 7 พระองค์เป็นแกนนำทัพครับ



อธิปาราศักติเทวี


ที่มา พี่กาลิทัส

ภาพของพระกุรุพะภควตี จาก http://elephantspotlight.com/test/pid3551-photos.htm?PHPSESSID=e36c38897f47d51578d21151d85b0a22

พระองค์เป็นพระของเมืองเกราล่า พระนามว่า กุรุพะภควตี

เห็นว่าไม่ได้ปิดตัวลงไปไหน

แต่จะไปเปิดใหม่ที่เล็กลงกว่าเดิม โดยเสียค่าใช้จ่ายให้ถูกขึ้นเท่านั้น

ไปกันถึงไหน ก่อนสมัครสมาชิกเว็บนี้ อ่านกันบ้างหรือเปล่า ทั้งวัตถุประสงค์ของเว็บ ทั้งกฎกติกาทั้งหลาย

ถ้าพวกท่านคนใด ยังไม่เคยอ่าน ก็กลับไปอ่านซะนะ เพราะมันเริ่มจะทำให้บอร์ดอันเป็นที่รักของคนหลายคนมัวหมองซะแล้ว

จำได้ว่าพี่เค้าเคยบอกว่า ที่นี่จะไม่มีการพูดเรื่องร่างทรง ไม่มีการพูดเรื่องใดๆ ที่เหนือธรรมชาติ แต่เท่าที่เห็นกระทู้นี้

ผิดกติกาหลายคนนะ ย้อนกลับไปอ่านหน่อยก็ดี อ่านไปบางทีก็สมเพชคนบูชาเทพบางคนที่ไม่มีสาระ ไม่มีแก่นสาร

ไม่อยากให้ใครมองคนที่นี่เป็นแบบนี้ แบบที่หาสาระไม่ได้

ทำไมพระแม่ปารวตีแบบทมิฬต้องมีผิวพระวรกายเป็นสีเขียว นี่คือคำถาม เลยเถิดไปถึงไหนกัน

แบบนี้มันก็มีออกมามากมายหลายตำรา

- บ้างก็ว่าที่พระวรกายสีเขียวนั้น เพราะคนทมิฬส่วนมากมีผิวสีดำ เลยสร้างพระวรกายพระองค์ให้เป็นสีเขียว ใกล้เคียงกับชนพื้นเมือง
- บ้างก็ว่าพระวรกายของพระแม่มีมากมายหลายสี ทั้งดำ แดง เขียว และ ทอง ที่สีแดงเนื่องมาจากการครองเพศหญิง ที่มีเรื่องของโลกีมาเกี่ยวข้อง (อันนี้มักจะไปทางตันตระ) ผิวสีดำเนื่องมาจากพระองค์ทรงเผาพระองค์เองหรือกลืนอสูรลงท้อง ที่ผิวสีทองเพราะพระองค์ได้รับพรจากเทพเจ้าบางพระองค์ และพระวรกายสีเขียวแสดงถึงความอ่อนเยาว์ ความเยาวัย และ ความสดในของพระนาง

ส่วนรูปภาพที่นำมาถามกันว่าทำไมพระศิวะถึงต้องจับพระถันของพระปารวตี ตรงนี้ขึ้นอยู่กับคนวาด คนสร้าง ว่าต้องการสื่อให้เห็นอะไร ไม่ใช่ว่าทุกภาพของพระศิวะที่โอบพระปารวตี จะต้องจับพระถันไปซะหมด นี่อาจจะเป็นแค่หนึ่งในพัน หรือ หนึ่งในหมื่นก็ได้ ใครจะรู้

รู้แค่ปกรณ์หลักๆ ที่ถูกต้องก็เพียงพอแล้ว จะมานั่งคิดอะไรไปไกลจนลืมคำว่าบูชาใครเพื่ออะไร คุณบูชาปารวตีแค่สีผิวหรือ ก็ไม่ใช่ ไม่ว่าพระองค์จะผิววรกายเป็นเช่นไร พระองค์ก็คือปารวตีอยู่ดี

พระแม่ชอตการนิตารา...หรือ โชตานิการัมบัควาตรี  โชตานิการ(ชื่อของท่าน)+อัมมา(แม่)
ท่านมีสถานะเป็นเทพเจ้าประจำเมืองเกลาร่า ซึ่งเป็นเมืองที่ติดอยู่กับทมิฬนาฑู
การสักการะของท่านในเมืองนั้นเสมอด้วย มารีอัมมา หรือ กามากษี มีนากษี ซึ่งเป็นพระประจำเมือง กาญจีปุรัม และ มธุไร

 

ส่วนอีกองค์เป็นภาคหนึ่งของพระแม่ปารวตี คือ พระกัลยากุมารี บางคนเรียกท่านว่า บัควตรีอัมมัน

พระนางทรงบำเพ็ญตบะถึงพระศิวะในภาคของ สุจินดรัม เพื่อให้มาอภิเสกสมรสกับพระนาง แต่รอแล้วรอเล่า
พระศิวะก็ไม่ทรงเสด็จมา จนพระนางรู้สึกหมดหวังสิ้นหวัง พระนางได้สาปให้อาหารการกินทั้งหลายที่เตรียมไว้ในงานอภิเสก
กลายเป็นหอย และนั่นเองทำให้วัดของพรกัลยากุมารี ตามชายหาด เต็มไปด้วยเปลือกหอยมากมาย

แต่ในเวลาเดียวกัน พนสูร ได้หลงรักพระนาง และได้ขอพระนางแต่งงานนางจึงกล่าวแก่พนสูรว่า ถ้าหากท่านรบชนะเรา เราจะยินดีแต่งงานด้วย พนสูร ลำพองใจ จึงกวัดแกว่งดาบหมายจะเอาชนะ ขณะนั้นเอง พระนางได้แปลงกายเป็นภาคกาลี และฆ่าพนสูรจนตาย

จากนั้นมาพระนางก็ยังคงความบริสุทธิ์ และ บำเพ็ญตบะต่อไป

ดังนั้น พระกัลยากุมารี จึงเป็นเทวีแห่งความบริสุทธิ์ปราศจากมลทินทั้งปวง

การฝันถึงสิ่งที่เป็นมงคล ถือเป็นสิ่งดี สิ่งที่เป็นมงคล บางคนเชื่อว่าจะนำมาซึ่งสิ่งดีๆ ในชีวิต เราในฐานะมนุษย์ธรรมดาคนนึง คิดเพียงเท่านี้ก็พอให้มันสบายใจแล้ว ไม่ต้องเอาฝันมานั่งคิดต่อ บางคนคิดต่อเป็นตัวเลขเอามานั่งตีเป็นหวย เป็นเลขเด็ด แต่ถ้าคิดมากไปกว่านั้นมันก็คงแย่แล้วครับ

มานั่งคิดกันเล่นๆ แต่ระวังผิดกฎ แต่ถือว่าผมให้แนวคิดแล้วกัน ฝันถึงเทพองค์นั้น แปลว่า ต้องไปบูชาเอามาไว้ในบ้าน แปลว่าท่านอยากมาอยู่ด้วย ถ้าคิดมุมกลับ อย่าโกรธกันนะครับ ถ้าฝันถึงผี งั้นก็แปลว่าผีอยากมาอยู่ด้วยสิครับ คนเราคิด ทำ หรือ ตรึกตรองเสียก่อน ที่จะคิดไปไกลก็จะดีครับ

สรุป คือ สิ่งที่ฝัน ฝันเห็นพระเป็นเจ้า ถือเป็นเรื่องมงคลแล้วครับ อย่าคิดต่อไปไกลครับ แต่ถ้าคุณมีจิตศรัทธาต่อพระองค์นั้น ก็ศึกษาสิ่งต่างๆ ของท่านให้ถ่องแท้ แล้วบูชาท่านอย่างถูกวิธีจะดีที่สุด

เทพเจ้าเป็นอนันตรูป เราไม่ทราบไปหมดทุกภาคทุกปาง ศาสนาฮินดูมีเทพเจ้ามากมาย
ทั้งที่เป็นมหาเทพที่คนรู้จักโดยทั่วไป กับเทพเจ้าประจำท้องถิ่นที่รู้จักกันเฉพาะท้องถิ่นนั้นๆ
แต่ถ้ารู้เรื่องราวกันจริงๆ คุณจะเห็นว่าเทพประจำท้องถิ่นต่างๆ นั้นถูกสถาปนาขึ้นมาจากเทพหลักๆ ที่แบ่งออกมานั่นเอง
และสร้างพระนามให้แตกต่างกันออกไปเพื่อความเป็นเอกเทศ

ดังนั้นเทพเจ้าทั้งหลายจึงเป็นอนันตรูป รูปลักษณ์ของพระองค์มีมากมายมหาศาล แต่อย่าลืมว่า เทวปกรณ์หลักตามคัมภีร์
ยังมีอยู่ให้คนอย่างเราได้ศึกษาแล้วนำไปสร้างเทพตามหลักที่ถูกต้อง เพื่อการบูชาอย่างแท้จริง ไม่ใช่แต่ปั้นอะไรออกมาก็ได้
แหกคัมภีร์ แหกเทวปกรณ์ ก็ตั้งพระนามเป็นพระองค์โน้นพระองค์นี้ มันก็ไม่ถูกซะทีเดียว ไหนๆ ก็จะบูชาแล้ว ศรัทธาต้องมีปัญญาควบคู่ไปด้วย
ถ้าหลับหูหลับตาศรัทธา มันคงไม่ดีเป็นแน่ ฝากไว้เท่านี้ครับ

ขอโทษนะครับ ถ้าใช้คำค่อนข้างแรง เป็นบุคคลิกส่วนตัวผมครับ แต่อยากให้ทุกคนเข้าใจ และศึกษาก่อนบูชาให้ถ่องแท้ครับ

เรื่องนี้ต้องรอให้พี่กาลิทัสมาตอบเองนะครับ แกไม่ว่างสองสามวันครับ

ส่วนภาพพระมารีอัมมันที่เป็นพระประธานนั้น เป็นภาพสงวนของทางวัดพระศรีมหาอุมาเทวีครับ

ยอมรับครับ ว่ามีความสามารถสอดแทรกทำนองกับคำร้องที่ใช้บูชาเทพเจ้าได้อย่างงดงาม และเป็นการตั้งใจทำเพื่องานบวงสรวงครูบาอาจารย์

แต่ถ้าถามถึงความเหมาะสมคงไม่เหมาะเท่าไหร่ครับ ของเดิมรากฐานต้นฉบับที่แท้จริงเค้ามีอยู่ การสอดแทรกอะไรที่ผิดเพี้ยนจากวัฒนธรรมเก่าก่อนคงไม่ดีแน่ อะไรที่แปลกๆ ส่วนใหญ่พวกนี้มักเกิดขึ้นมาจากวัฒนธรรมของพวก ((ตรงนี้กล่าวไม่ได้ครับ ผิดกฎ))

ยังไงซะใครจะชอบหรือไม่ชอบส่วนตรงนี้ ขึ้นอยู่กับสิทธิส่วนบุคคลครับ แต่การจะทำอะไรซักอย่างขอให้คำนึงถึงรากเหง้าเดิมด้วยครับ ก่อนที่มันจะเพี้ยนไปซะหมดจนไม่เห็นรากเหง้าเดิมที่งดงาม

ครับน่ารักครับ

ศึกษาเทวปกรณ์ให้ดี วาดออกมาให้ถูกต้องตามเทวลักษณะ
ผมว่าดูดีกว่าเทวรูปทั้งหลายที่สร้างออกมาผิดลักษณะ ผิดเทวปกรณ์ซะอีกครับ

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะฯ

ขอบคุณภาพสวยๆ จากคุณศรีมหามารตี และเจ้าของกระทู้ครับ