Loader
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - สยามคเณศ

#1

พระศรีมหาลักษมีสโตตรัม
บทสวดบูชาพระแม่ลักษมี 15 ภาค

ทางเราแปลเสร็จแล้วก็แวะเอามาฝากกัน
ทุกท่านสามารถนำไปฝึกหัด เพื่อสวดถวายแด่พระแม่ลักษมีกันได้นะครับ
ขอสิริมงคลจงมีแด่ผู้ศรัทธาทุกท่านครับผม

————————————————————————————————-

[ 1 ] อาทิ ลักษมี ( เทวีผู้เป็นที่สุด ผู้เริ่มต้นสิ่งใหม่ )

โอม อาทิ ลักษะมี นะโมสะเตสะตุ
ปะระ พรหมมา สะวะรูปินี
ยะโส เทหิ ธะนัม เทหิ
สะระวะ กะมามสะจะ เทหิ เม

คำแปล : ขอนมัสการพระอาทิลักษมี
พระองค์ผู้เป็นบุคลาธิษฐานของความจริงอันสูงสุด
โปรดประทานชื่อเสียงและความร่ำรวยในโภคทรัพย์แก่ข้าพเจ้า
และขอพระองค์โปรดเติมเต็มความปรารถนาให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด

————————————————————————————————-

[ 2 ] สันตนะ ลักษมี ( เทวีผู้คุ้มครองบุตรหลาน )

โอม สันตะนะ ลักษะมี นะโมสะเตสะตุ
ปุตระ เปาตระ ประทายินี
ปุตะราน เทหิ ธะนัม เทหิ
สะระวะ กะมามสะจะ เทหิ เม

คำแปล : ขอนมัสการพระสันตนลักษมี
พระองค์ผู้ประทานบุตรแก่ข้าพเจ้า
โปรดเมตตาคุ้มครองบุตรหลานและประทานความมั่งคั่งแก่ข้าพเจ้า
และขอพระองค์โปรดเติมเต็มความปรารถนาให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด
ศรี มหาลักษมี สโตตรัม

————————————————————————————————-

[ 3 ] วิทยะ ลักษมี ( เทวีผู้อุปถัมภ์การศึกษาเล่าเรียน )

โอม วิทะยะ ลักษะมี นะโมสะเตสะตุ
พรหมมา วิทะยา สะวะรูปินี
วิทะยัม เทหิ กะลัม เทหิ
สะระวะ กะมามสะจะ เทหิ เม

คำแปล : ขอนมัสการพระวิทยลักษมี
พระองค์ผู้เป็นบุคลาธิษฐานของสรรพวิทยา
โปรดประทานความสำเร็จในการศึกษาเล่าเรียนวิทยาการต่างๆ
และขอพระองค์โปรดเติมเต็มความปรารถนาให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด

————————————————————————————————-

[ 4 ] ธนะ ลักษมี ( เทวีแห่งความมั่งคั่งร่ำรวย )

โอม ธะนะ ลักษะมี นะโมสะเตสะตุ
สะระวะ ทะริทะรึยะ นาศินี
ธะนัม เทหิ ศะริยัม เทหิ
สะระวะ กะมามสะจะ เทหิ เม

คำแปล : ขอนมัสการพระธนลักษมี
พระองค์ผู้ขจัดซึ่งความขัดสนให้แก่ข้าพเจ้า
โปรดประทานทรัพย์สินเงินทองและความบริบูรณ์ในสมบัติแก่ข้าพเจ้า
และขอพระองค์โปรดเติมเต็มความปรารถนาให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด

————————————————————————————————-

[ 5 ] ธัญญะ ลักษมี ( เทวีแห่งความอิ่มหนำ )

โอม ธัญญะ ลักษะมี นะโมสะเตสะตุ
สะระวา ภะระนะ ภูษิเต
ธันญัม เทหิ ธะนัม เทหิ
สะระวะ กะมามสะจะ เทหิ เม

คำแปล : ขอนมัสการพระธัญลักษมี
พระองค์ผู้มีรูปโฉมงดงามประดับประดาพระวรกายด้วยเพชรพลอย
โปรดประทานอาหาร ความอิ่มหนำ ความไม่ขัดสนแก่ข้าพเจ้า
และขอพระองค์โปรดเติมเต็มความปรารถนาให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด

————————————————————————————————-

[ 6 ] เมธา ลักษมี ( เทวีแห่งสติปัญญาเฉียบแหลม )

โอม เมธา ลักษะมี นะโมสะเตสะตุ
กาลี กะละมะศะ นาศินี
ประคะนาม เทหิ ศะริยัม เทหิ
สะระวะ กะมามสะจะ เทหิ เม

คำแปล : ขอนมัสการพระเมธาลักษมี
พระองค์ผู้ขจัดซึ่งความหายนะทั้งปวง
โปรดประทานสติปัญญาที่เฉียบแหลมแก่ข้าพเจ้า
และขอพระองค์โปรดเติมเต็มความปรารถนาให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด

————————————————————————————————-

[ 7 ] คช ลักษมี ( เทวีแห่งคชสาร ผู้ประทานสิริมงคล )

โอม คะชะ ลักษะมี นะโมสะเตสะตุ
สะระวะ เทวะ สะวะรูปินี
อะสะวัม จะ โคกุลัม เทหิ
สะระวะ กะมามสะจะ เทหิ เม

คำแปล : ขอนมัสการพระคชลักษมี
พระองค์ผู้เป็นบุคลาธิษฐานของเทพเจ้าทั้งปวง
โปรดประทาน ม้า ช้าง และสิริมงคลแก่ข้าพเจ้า
และขอพระองค์โปรดเติมเต็มความปรารถนาให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด

————————————————————————————————-

[ 8 ] วีระ ลักษมี ( เทวีแห่งความกล้าหาญชาญชัย )

โอม วีระ ลักษมี นะโมสะเตสะตุ
ปะระ ศักติ สะวะรูปินี
วีระยัม เทหิ พะลัม เทหิ
สะระวะ กะมามสะจะ เทหิ เม

คำแปล : ขอนมัสการพระวีรลักษมี
พระองค์ผู้เป็นบุคลาธิษฐานของพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่
โปรดประทานพลังและความแข็งแกร่งแก่ข้าพเจ้า
และขอพระองค์โปรดเติมเต็มความปรารถนาให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด

————————————————————————————————-

[ 9 ] ชัย ลักษมี ( เทวีแห่งชัยชนะ )

โอม ชะยะ ลักษะมี นะโมสะเตสะตุ
สะระวะ การะยะ ชะยะ ประเธ
ชะยัม เทหิ ศุภัม เทหิ
สะระวะ กะมามสะจะ เทหิ เม

คำแปล : ขอนมัสการพระชัยลักษมี
พระองค์ผู้มีชัยเหนือทุกสรรพสิ่ง
โปรดประทานชัยชนะและฝีมือในการจัดการแก่ข้าพเจ้า
และขอพระองค์โปรดเติมเต็มความปรารถนาให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด

————————————————————————————————-

[ 10 ] ภาคยะ ลักษมี ( เทวีแห่งความศักดิ์สิทธิ์ )

โอม ภาคะยะ ลักษะมี นะโมสะเตสะตุ
เสามังคะละยะ วิวาระธะนี
ภะคะยัม เทหิ ศะริยัม เทหิ
สะระวะ กะมามสะจะ เทหิ เม

คำแปล : ขอนมัสการพระภาคยลักษมี
พระองค์ผู้มีความศักดิ์สิทธิ์
โปรดประทานความโชคดีและความสมบูรณ์พูนสุข
และขอพระองค์โปรดเติมเต็มความปรารถนาให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด

————————————————————————————————-

[ 11 ] กีรติ ลักษมี ( เทวีแห่งชื่อเสียง )

โอม กีระติ ลักษะมี นะโมสะเตสะตุ
วิษะณุ วักษะ สะตะละ สะติเต
กีระติม เทหิ ศะริยัม เทหิ
สะระวะ กะมามสะจะ เทหิ เม

คำแปล : ขอนมัสการพระกีรติลักษมี
พระองค์ผู้ประทับเคียงคู่พระวิษณุอยู่เสมอ
โปรดประทานชื่อเสียงและความมั่งคั่งร่ำรวย
และขอพระองค์โปรดเติมเต็มความปรารถนาให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด

————————————————————————————————-

[ 12 ] อโรคยา ลักษมี ( เทวีผู้ไร้ซึ่งโรคภัย )

โอม อะโรคะยา ลักษะมี นะโมสะเตสะตุ
สะระวะ โรคา นิวารินี
อายุระ เทหิ ศะริยัม เทหิ
สะระวะ กะมามสะจะ เทหิ เม

คำแปล : ขอนมัสการพระอโรคยาลักษมี
พระองค์ผู้รักษาโรคภัยไข้เจ็บ
โปรดประทานสุขภาพที่ดีและอายุยืนยาวแก่ข้าพเจ้า
และขอพระองค์โปรดเติมเต็มความปรารถนาให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด

————————————————————————————————-

[ 13 ] สิทธา ลักษมี ( เทวีแห่งสมาธิและพลังอันลึกลับ )

โอม สิทธา ลักษะมี นะโมสะเตสะตุ
สะระวะ สิทธิ ประธายินี
สิทธิม เทหิ ศะริยัม เทหิ
สะระวะ กะมามสะจะ เทหิ เม

คำแปล : ขอนมัสการพระสิทธาลักษมี
พระองค์ผู้เป็นพลังอันลึกลับและล้นเหลือ
โปรดประทานพลังอำนาจทางจิตวิญญาณแก่ข้าพเจ้า
และขอพระองค์โปรดเติมเต็มความปรารถนาให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด

————————————————————————————————-

[ 14 ] สุนทรีย์ ลักษมี ( เทวีแห่งความงดงาม )

โอม สุนทะรียะ ลักษะมี นะโมสะเตสะตุ
สะระวะลังการะ โศภิเต
รูปัม เทหิ ศะริยัม เทหิ
สะระวะ กะมามสะจะ เทหิ เม

คำแปล : ขอนมัสการพระสุนทรียลักษมี
พระองค์ผู้สว่างไสวด้วยเครื่องประดับกายอันตระการตา
โปรดประทานความสวยงามแก่ข้าพเจ้า
และขอพระองค์โปรดเติมเต็มความปรารถนาให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด

————————————————————————————————-

[ 15 ] สัมราชย์ ลักษมี ( เทวีแห่งความอิสระ )

โอม สัมราชะยะ ลักษะมี นะโมสะเตสะตุ
ภักติ มุกติ ประธายะนี
โมกะษัม เทหิ ศะริยัม เทหิ
สะระวะ กะมามสะจะ เทหิ เม

คำแปล : ขอนมัสการพระสัมราชยลักษมี
พระองค์ผู้ประทานความอิสระเสรีและความพ้นภัย
โปรดประทานความหลุดพ้นแก่ข้าพเจ้า
และขอพระองค์โปรดเติมเต็มความปรารถนาให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด

————————————————————————————————-

[ บทสวดสรุปและขอพร ]

มังคะเล มังคะลาธะเร
มังคะละเย มังคะละประเธ
มังคะลาระตัม มังคะเลสิหิ
มังคะละยัม เทหิ เม สะทา

คำแปล : พระเทวีผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี
พระองค์คือความงอกงามแห่งความดีทั้งปวง
ผู้ประทับเคียงข้างพระสวามีอยู่ตลอดกาล
โปรดประทานความดีงามแก่ชีวิตรักของข้าพเจ้าด้วยเถิด

————————————————————————————————-

สะระวะ มังคะละ มังคะละเย
ศิเว สะระวะระตะ สาธะเก
ศะรังเย ตะริอัมพิเก
เคารี นารายะนี นะโมสะตุเต

คำแปล : พระเทวีผู้ประทานสิ่งที่ดีงามแก่ข้าพเจ้า ผู้เป็นสัญลักษณ์ของความสงบสุข
ผู้ประทานความสมบูรณ์แก่สรรพสิ่ง ผู้เป็นที่พึ่งพิงแก่ข้าพเจ้ายามขัดสน
ผู้มีสามพระเนตร มีพระวรกายสุกสว่างดั่งทองคำ
ข้าพเจ้าขอน้อมนมัสการพระนารายณี พระองค์นั้น

————————————————————————————————-

ศุภัม ภะวะตุ กะละยาณิ
อายุระ อะโรคะยะ สัมปะธัม
มามะ ศัตรู วินาศะยะ
ทีปะ ชะโยติ นะโม นะมะหะ

คำแปล : ขอน้อมนมัสการแด่ผู้ให้กำเนิดแสงแห่งประทีปอันสว่างไสวดวงนี้
ขอให้ความดีงามทั้งหลายจงบังเกิดขึ้น
ขอให้ข้าพเจ้าทั้งหลายมีแต่ความสุขความเจริญ มีสุขภาพที่แข็งแรง
และขอพระองค์โปรดทำลายศัตรูที่ขัดขวางความดีของข้าพเจ้าให้พินาศด้วยเถิด

————————————————————————————————-

ขอทวยเทพคุ้มครองผู้ศรัทธาทุกท่านนะครับ


#2

ทุกท่านครับ....

บูชากันตามศรัทธานะครับ

อะไรที่ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน ก็ประกอบพิธีไปได้ตามความต้องการของตน

ใครใคร่ถวายขลุ่ย ใครใคร่ถวายธนู ใครใคร่ถวายโมทกะ ใครใคร่ถวายศรีศูล

ก็เชิญถวายด้วยความศรัทธาและเชื่อมั่น

ถ้าสิ่งที่ท่านทั้งหลายกระทำไปด้วยความศรัทธา และไม่เพ้อฝัน ก็ทำไปครับ

อย่าให้เด็กที่ไม่มีสัมมาคารวะเพียงคนเดียวมาทำให้ท่านต้องเสีย self ไป

อย่าให้เด็กคนหนึ่งที่มีแต่ความลังเลในชีวิต มาทำให้พวกท่านต้องลังเลสงสัยต่อองค์พระเจ้าไปด้วย

เด็กคนหนึ่ง...ที่ความรู้ท่วมหัว แต่เอาตัวไม่รอด (ซึ่งจะเป็นความรู้หรือความ "ฟูมฟาย" ก็ไม่แน่นะ)

ผมเชื่อพลังแห่งความศรัทธา ว่ามันยิ่งใหญ่เสมอ

ให้กำลังใจทุกท่านที่เชื่อมั่นอย่างไม่งมงายและหมกมุ่นครับ

ปล.1 - ผมขอ Like ให้คุณ chai เพราะผมประทับใจในความห้าวหาญ
ที่คุณเอาชื่อเสียงและกายเข้าแลกกับความเกลียดชังของผู้คน

ปล.2 - แต่ผมคนหนึ่งละที่ไม่ขอใช้วิธีอย่างคุณ

ปล.3 - เห็นรูปเจ้าปลาวาฬในเว็บ Palmplaza เด็กคนนี้เทพมากๆ ครับท่าน

ปล.4 - คนอะไรแสดงพฤติกรรมให้คนเกลียดชังได้ขนาดนี้ครับ ผมละงงจริงๆ

ใช่ว่ามีคนชอบผมนะ ผมก็มีคนเกลียดเยอะ
แต่เป็นความเกลียดชังที่หาเหตุผลมาโต้ตอบผมตรงๆ ไม่ค่อยได้
แต่คุณ chai นี่ สามารถทำให้ทุกท่านหาเหตุผลมาสนับสนุนความเกลียดชังได้อย่างไม่สิ้นสุด

ผมล่ะทึ่งคุณจริงๆ ครับ

ในชีวิตจริง ผมอยากเป็นเพื่อนกับคุณนะ

เพราะคงเป็นเกียรติมาก ที่ผมมีเพื่อนประเภท "ไร้เพื่อน" อย่างคุณ

หนึ่งจอกครับ....เิอื้อก!!!
#3
บทบูชาพระธัญลักษมี
จาก พระศรีมหาลักษมีสโตตรัม

โอม ธัญญะ ลักษะมี นะโมสะเตสะตุ
สะระวา ภะระนะ ภูษิเต
ธันญัม เทหิ ธะนัม เทหิ
สะระวะ กะมามสะจะ เทหิ เม


คำแปล : ขอนมัสการพระธัญลักษมี
พระองค์ผู้มีรูปโฉมงดงามประดับประดาพระวรกายด้วยเพชรพลอย
โปรดประทานอาหาร ความอิ่มหนำ ความไม่ขัดสนแก่ข้าพเจ้า
และขอพระองค์โปรดเติมเต็มความปรารถนาให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด

บูชาพระแม่ลักษมี ปางธัญลักษมี ถวายดอกไม้ น้ำ นม ผลไม้ ได้ทุกชนิด
โดยเน้นไปที่การถวายเมล็ดพืชพันธุ์ต่างๆ เช่น เมล็ดข้าวสาร เมล็ดถั่ว ธัญพืช งาต่างๆ
และถ้าให้ตรงตามเทวปกรณ์ ก็ให้ถวายข้าวสาร กล้วย อ้อย และ ดอกบัว
บูชาด้วยความศรัทธา ตั้งจิตอธิษฐาน ขอพรจากพระองค์
ขอการประทานพรจากพระองค์ ให้มีความอิ่มหนำ ไม่อดอยาก
การ
การทำไร่ทำนาให้ได้รับผลผลิตที่งอกงาม
ตลอดจนการขอพรด้านความเจริญก้าวหน้าในชีวิตเสมือนการเจริญเติบโตของต้นข้าว
#4
เรื่องอย่างว่า มันเป็นเรื่องของคนสองคนนะคะ  สนุก มันส์
ก็เเซ่บกันสองคนน่ะคะ <---------- ถูกใจพี่อย่างแรงเลยเสือเอ้ยยยย ^^
#5

ผมเอง ก็ไม่ใช่ฮินดูชนครับ
แต่ผมเป็นคนที่ "รักในพระเจ้า"
ผมมีพระคเณศ พระมหาเทพทั้งสามองค์ พระมหาเทวีทั้งสามองค์ พระกฤษณะ พระราม
และก็มีพระพุทธรูป..
ตลอดจนผมก็ศรัทธาในพระเยซูคริสต์เจ้า
มีโปสเตอร์ไม้กางเขนและรูปภาพเหตุการณ์ในไบเบิลหลายแผ่น
และมีโปสเตอร์พระนามแห่งพระอัลเลาะห์ของศาสนาอิสลามไว้ด้วย แน่นอน ผมมีอัลกุลอานด้วยครับ
และผมก็ศึกษาในสายวิชาของ คุรุนานัก อันเป็นศาสนาแห่งสันติภาพด้วย
ทางสายมหายาน ผมก็ศึกษาทางพระโพธิ์สัตว์ พระแม่กวนอิมนี่ เป็นองค์แรกที่ผมสนใจการไหว้เจ้าเลยครับ

ทั้งหมดนี้ ผมมีอยู่ในห้องพระเดียวกัน แต่แยกแท่นกันเป็นเอกเทศ ไม่ปะปนกัน

ผมจึงมีความคิดเห็นว่า เราศรัทธาอะไร ก็ไหว้ได้ทั้งหมด ไม่มีข้อห้ามอะไร
อยู่ที่ว่า เราปฏิบัติการบูชาได้ขนาดไหน ใส่ใจต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างเต็มที่หรือเปล่า

กุมารทอง ความจริงแล้ว ใครก็สามารถจัดหาบูชาได้ ตามความชอบ ความศรัทธา
เช่นเดียวกับนางกวัก หรือรูปปั้นของเจ้าอื่นๆ ที่มีดวงวิญญาณสถิตอยู่
และทั้งหลายทั้งปวงนั้น ก็ควรแยกแท่นบูชาจากกัน (ถ้าไม่สุดวิสัยจริงๆ)

ที่แนะนำให้แยกกัน เพราะการถวายเครื่องสักการะสังเวยบูชา
ผู้บูชาจะได้จัดให้ถูกต้องตามประเพณีของแต่ละศาสนา
การบูชากุมารทองก็เช่นกัน ผมแนะนำให้แยกออกมาต่างหาก ให้เป็นที่ของเค้า

กุมารทอง ในความหมายที่เป็น รูปปั้นเด็ก ผมจุก แกละ แบบไทยๆ
ที่มีการปลุกเสกให้วิญญาณเด็กสถิตอยู่ภายในรูปนั้น
ไม่จัดเป็นพระเจ้า ไม่จัดเป็นศาสดา

(แต่ถ้าจะมีใครในอนาคต ดันเขียนตำรา ยกกุมารทองให้เป็นพระเจ้าขึ้นมา ก็ค่อยว่ากันอีกที)
ฉะนั้น ไม่ควรจัดวางไว้ระดับเดียวกับองค์เทวะ

กุมารทองถามว่าบูชาแล้วดีไหม ก็ขอตอบว่า ให้ผลดีสำหรับคนกลุ่มหนึ่ง และไม่ดีสำหรับคนอีกกลุ่มหนึ่ง
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความศรัทธา ความสมัครใจ
ไม่มีใครสามารถบังคับได้

ถ้าเลี่ยงไม่ได้ หากต้องการจัดให้อยู่ในบริเวณเดียวกัน
ก็ควรลดต่ำลงมาให้มากที่สุด ไม่บังองค์เทพและเหล่าฤาษีหรือพระเกจิต่างๆ

แต่สำหรับ "เทพที่อยู่ในรูปของกุมาร" (องค์กฤษณะ พาลคเณศ ฯลฯ)
ถือว่าเป็นเทวะ เป็นมหาเทวะ เป็นเทพเจ้า เป็นพระเจ้า
จะประดิษฐานบนแท่นบูชาให้สูงเท่าไหร่ก็ตามใจผู้บูชาได้เลยครับ

สรุปแล้ว มีแค่ 2 คำตอบนี้เท่านั้นเองครับ
- กุมารทอง ไม่ควรวางระดับเดียวกับเทพ เพราะไม่ใช่พระเจ้า
- เทพฮินดูที่อยู่ในรูปกุมาร ถือเป็นพระเจ้า ตั้งไว้สูงรวมกับเทวรูปอื่นๆ ได้

อยู่ที่ว่า กุมารที่คุณมีอยู่ คือกุมารแบบไหน

#6

ผมแวะเข้ามา ไม่ได้มาตอบครับ

แต่ขอถามนอกเรื่องหน่อยว่า...

"ศิวลึงก์ กับ ปลัดขิก"

ตั้งด้วยกันได้ไหม ?

และมีใครมองว่า ศิวลึงก์ กับ ปลัดขิก เป็นอันเดียวกันบ้าง ?

และใครที่มองว่า มันไม่เหมือนกันแล้ว ?

ผมมีอันเบ้อเร่อเลยครับ ^^
#7

พระครูโสภิตวิริยาภรณ์ หรือ หลวงพ่ออิฏฐ์ เจ้าอาวาสวัดจุฬามณี อัมพวา
ท่านมีกิตติศัพท์ว่า เป็นผู้จัดสร้างท้าวเวสสุวรรณโณได้เป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย
(จริงๆ แล้วระดับโลกเลยครับ)
ทั้งการจัดสร้างโดยออกแบบเทวลักษณะ ให้เป็นไปตามที่ระบุไว้ในคัมภีร์
และการทำพิธี พุทธาภิเษก เทวาภิเษก พระครูอิฏฐ์ประกอบได้อย่างไม่มีข้อตำหนิ
เป็นที่เลื่องลือถึงปาฏิหาริย์อันมหัศจรรย์ของท่าน
ประมาณว่า ใครมีเหรียญหรือองค์เทวรูปของท้าวเวสสุวรรณที่จัดสร้างโดยหลวงพ่ออิฏฐ์
ก็ไม่ต้องไปหาท้าวเวสสุวรรณจากที่ไหนอีกเลย!!

ผมก็มีของพระครูอิฏฐ์อยู่จำนวนหนึ่งครับ  ^_^
ปล. ใครว่างก็แวะไปสักการะท้าวเวสสุวรรณที่วัดจุฬามณี สมุทรสงคราม ได้นะครับ
ที่นั่นก็มีองค์เทวรูปพระพิฆเนศและปวงเทวะให้เราได้สักการะอยู่มากมาย
#8

อย่าไปต่อความยาวที่นั่นเลยครับ คุยกันในฮินดูมีทติ้งเนี่ยแหละดีแล้ว

เคยมีกรณี "คุณหนอนดาวเรือง" ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องเทววิทยาในศาสนาฮินดู
เข้าไปให้ความรู้ ตอบคำถาม ให้ผู้ที่มีความศรัทธาในองค์เทพได้คลายข้อสงสัย

แต่ก็ถูกชาว "พุทธจ๋า"  (หมายถึง - พุทธแบบไม่ลืมหูลืมตา...พุทธแบบกำปั้นทุบดิน...
พุทธแบบที่ดูถูกศาสนาฮินดูว่าเป็นไสยศาสตร์ทั้งระบบ)

เข้าไปรุมสกรัมเสียจนสะบักสะบอม

จนถึงจุดหนึ่ง คุณหนอนดาวเรืองก็ได้ถอยออกจากเว็บบอร์ดพันทิป ไม่กลับเข้าไปให้ความรู้อีกเลย
เรียกได้ว่า เราเสียคนดีๆ ที่มีบทบาทเผยแพร่ศาสนาฮินดูได้อย่างชัดเจนไปอีก 1 คนบนอินเตอร์เน็ต

ทุกคำตอบของคุณหนอนดาวเรือง ทุกประโยค (หรือแทบจะเรียกได้ว่า ทุกคำ)
ต่างถูกชาวพุทธในนั้นนำมา รื้อ แกะ ถอดความ แล้วใส่ร้ายป้ายสีทุกประโยคอย่างไม่มีเหตุผล
องค์เทวะของพวกเราถูกจาบจ้วง ล่วงละเมิด ผู้ดูแลบอร์ดก็นิ่งนอนใจ
หลายๆ กระทู้ที่คุณหนอนดาวเรืองตอบคำถามไว้ แล้วโดนพวกนั้นรุมด่า
ถ้าชาวฮินดูได้อ่านแล้วผมว่าเสียความรู้สึกทุกคนแหละครับ

ผมเคยตัดสินใจเข้าไปช่วยคุณหนอนดาวเรือง
โดยสมัครสมาชิกในเว็บ pantip โดยใช้ชื่อว่า "สยามคเณศ"
ผลคือ...สมัครไม่ผ่าน !!
จึงส่งอีเมล์เข้าไปสอบถาม สิบกว่าวัน ก็ไม่มีคำตอบกลับมา
จึงโทรศัพท์เข้าไปสอบถามกับเจ้าหน้าที่ของเว็บไซต์
คำตอบที่ได้คือ  "ถ้าคุณจะแสดงบทบาทเป็นชาวฮินดูในนี้
คุณก็คงจะโดนเหมือนคุณหนอนดาวเรืองนั่นแหละ เราบล็อคสยามคเณศไว้ก่อน จะได้ไม่มีปัญหาทีหลัง"

อึ้ง...ครับ!!

( แต่ก็แอบยิ้มในใจ ว่าเว็บเราก็ดังใน pantip เหมือนกันนี่หว่า สำคัญถึงขนาดต้องไม่ให้สมัครเชียว ^_^ )

ผมได้ติดตามเว็บ Pantip ห้องศาสนามาเป็นระยะเวลาค่อนข้างนาน
จึงขอแนะนำว่า อย่าไปตั้งกระทู้ใดๆ เพื่อโต้ตอบกับพวกเขาเลย
พวกเขาจ้องตอบกระทู้เพื่อจงใจเหยียดหยามฮินดูอยู่แล้ว เรียกได้ว่า ผลัดกันมอนิเตอร์ 24 ชั่วโมงเลย

แค่พวกเราที่นับถือฮินดูกันในนี้ ถกเถียงกันเองก็วุ่นวายจะแย่อยู่แล้ว
ไปที่นั่นมีแต่แพ้ครับ มหาเทวะของเรามีแต่จะแปดเปื้อนมากขึ้นไปอีก

ปล. ที่นั่นไม่ควรใช้ชื่อว่า "ห้องศาสนา" เฉยๆ
แต่ควรเปลี่ยนมาใช้ชื่อว่า "ห้องพุทธศาสนา" มากกว่าครับ

นำมาบอกเล่าสู่กันฟังตรงนี้ ถ้าไม่เหมาะสม สามารถลบได้นะครับ
เพราะผมได้กล่าวพาดพิงไว้เหมือนกัน

ขอทุกท่านเป็นสุขครับ

อีกนิดนะครับ
คุณหนอนดาวเรืองเป็นผู้ดูแลเว็บ aromamodaka.com
ซึ่งตอนนี้เว็บนี้ก็ได้ปิดตัวไปแล้ว ผมได้แต่หวังว่าอาจารย์กิตติ คงทำเว็บใหม่ขึ้นมา
ให้พวกเราผู้มีความศรัทธาในศาสนาฮินดู ได้เข้าไปศึกษาเทววิทยากันอีกครับ
#9
.

อ่านแล้วรู้สึกดีไปด้วยครับ ^_^

ความสุขจากการสักการะบูชาองค์เทพนั้น สามารถแสดงออกมาได้มากมาย
ในทางเทววิทยา เราสามารถอธิบายปราณที่ได้รับจากองค์มหาเทพได้หลายอย่าง
ต่อไปนี้คือคำอธิบายสั้นๆ ต่อความรู้สึกและภาพต่างๆ ที่เราได้เห็น
เป็นคำอธิบายจากพราหมณาจารย์ที่สอนเรื่องเทววิทยาแก่ผม จากอาศรมพรหมปุรุษ ณ ประเทศอินเดียครับ

สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเรา เมื่อได้บูชาเทพ
มีความปลาบปลื้ม น้ำตาคลอ น้ำตาไหล
นี่คือการได้รับพลังด้านความเมตตาจากพระองค์

มีความร่าเริง สดชื่น อารมณ์ดีตลอดทั้งวัน
นี่คือการได้รับพลังด้านการเติมเต็มให้สภาพจิตใจที่เศร้าโศก

มีความฮึกเหิม กล้าหาญมากขึ้น ความกลัว ความอ่อนแอในจิตใจมลายหายไปสิ้น
นี่คือการได้รับพลังจากด้านที่แกร่งกล้า ห้าวหาญของพระองค์

มีความสงบ รู้สึกนิ่ง สุขุม...วันนั้นทั้งวันคุณอาจมองทุกสิ่งทุกอย่างด้วยสายตาที่อ่อนโยนมากขึ้น
นี่คือการได้รับพลังด้านสมาธิและปัญญาจากพระองค์

มีอาการตัวสั่น ใจสั่น ขากระตุก รู้สึกหนาวๆ ไปทั้งตัว
นี่คือการได้รับพลังด้านการเยียวยาจิตใจที่อยู่ในช่วงตกต่ำ
อาจจะเป็นช่วงที่ชีวิตเพิ่งผ่านพ้นความเลวร้ายไปหมาดๆ เพิ่งผ่านพ้นอุบัติเหตุที่แคล้วคลาดมา
แล้วเทวานุภาพแห่งพระองค์ก็ได้แทรกซึมเข้ามาเพื่อขจัดสิ่งสกปรกในจิตใจของเราให้มลายหายไป

ที่กล่าวมานี้ คือปราณที่ส่งจากเทวรูปอันศักดิ์สิทธิ์ เข้ามากระทบกับตัวเรา เมื่อไปสักการะตามเทวสถานต่างๆ
แล้วยังมีเรื่องของ "ภาพ" ที่พระองค์แสดงให้เราเห็นด้วยตาเนื้อ
ตรงนี้ไม่ใช่ปราณ แต่เป็น "ภาพนิมิต" ที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เนรมิตให้เราเห็น ณ ขณะนั้น
รวมไปถึงการปรุงแต่งเฉพาะตัวด้วยครับ
(การมองเห็นเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล หันไปถามคนรอบข้างก็ไม่มีใครเห็นเหมือนเราครับ)

ทั้งการมองเห็นแสงสว่าง แบบแสงอาทิตย์ ออกมาจากด้านหลังเศียรเทวรูป
การมองเห็นแสงสว่าง แบบแสงหิ่งห้อย วิ่งไปมาอยู่รอบๆ เทวรูป
การมองเห็นแสงสว่าง แบบแสงยาวๆ วิ่งๆ อยู่รอบๆเทวรูป
การมองเห็นเทวรูปขยับได้ การเห็นพระแม่ขยับปากพูดกับเราได้
การมองเห็นเทวรูปมีขนาดสูงใหญ่ขึ้นกว่าขนาดจริงที่เป็นอยู่
การมองเห็นเทวรูปอันตรธานหายไปจากตำแหน่งนั้นๆ

ยังมีพลังที่ส่งมากระทบประสาทสัมผัสอื่นๆ ของเราอีก เช่น
การได้กลิ่นธูป ในขณะที่คนอื่นไม่ได้กลิ่น
การได้ยินเสียงสวดมนต์ เสียงร้องเพลง ในขณะที่คนอื่นไม่ได้ยิน
รวมไปถึงลางสังหรณ์ต่างๆ ที่เราได้รับเมื่อเราได้บูชาเทพไปถึงระดับหนึ่ง
ฯลฯ

อย่างนี้เป็นต้น...

และยังมีการอธิบายพลังแห่งมหาเทพ มหาเทวี โดยเฉพาะในวัดศักติ หรือวัดของพระเทวีต่างๆ
เอาไว้ว่า "สิ่งศักดิ์สิทธิ์" สามารถแสดงนิมิตให้เราเห็นเทวรูปของพระองค์ในลักษณะต่างๆ ได้ดังนี้

อนิมา   (เทวรูปย่อตัวได้)       ขนาดเล็กลงเพื่อบรรจุในเรือ
มหิมา   (ขยายตัวได้)          นิมิตให้ผู้ร้ายเห็น ให้เกิดความเกรงกลัว
คริมา   (น้ำหนักมากขึ้น)       โจรไม่สามารถยกขโมยออกไปจากวัดได้
ลคุมา   (น้ำหนักเบาขึ้น)        ชาวบ้านยกหินขนาดใหญ่เป็นรูปพระศิวะขึ้นมาจากน้ำได้โดยง่าย
ปรัปติ   (ล่องหนอันตรธาน)      บังตาไม่ให้ผู้ใดมองเห็น
ปรกัม   (เสกทุกสิ่งที่ปรารถนา)   ประทานพรแก่ผู้กราบสักการะ
อิษัตว   (แข็งแกร่งขึ้น)         แผ่นดินไหว อาคารถล่ม แต่เทวรูปไม่เสียหาย
วิศตว   (ทรงอำนาจ)            ลงโทษผู้ลบหลู่ ปกป้องผู้ศรัทธา

ตรงนี้ผมท้าทายได้ว่าพลังต่างๆ เป็นจริงดังกล่าวทั้ง 8 ข้อ
ใครไม่เชื่อ ลองไปขโมยเทวรูปที่วัดแขกหรือเทพมณเฑียรดูครับ ได้เจอทุกข้อแน่นอน ^_^

เหล่านี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราได้จริงๆ ด้วยความศรัทธา
ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ และไม่ใช่ไสยศาสตร์ ไม่ใช่ความงมงาย
คือการที่เราได้รับ "พลัง" หรือ "ปราณ" จากองค์เทพจริงๆ
เอาวิทยาศาสตร์มาอธิบายไม่ได้ เอาไสยศาสตร์มาอธิบายไม่ได้

จึงเกิดเป็นศาสตร์อีกศาสตร์หนึ่งขึ้นมา นั่นคือ "เทววิทยา"
จะอยู่ตรงกลางระหว่างวิทยาศาสตร์และไสยศาสตร์

ผู้ศรัทธาจะมีทั้งที่ได้รับพลังจริงๆ และมีทั้งที่รู้สึกไปเอง คิดไปเอง
แต่ไม่ว่าเราจะคิดไปเอง หรือ จะมีพลังอะไรบางอย่างวิ่งเข้ามาสู่ตัวเราจริงๆ ก็ตาม
ผมแนะนำให้คงความรู้สึกศรัทธาอย่างนั้นอยู่เสมอ ศรัทธาและใช้ปัญญาประกอบ อย่าตั้งแง่ อย่าลบหลู่

ใจสั่นด้วยความศรัทธา น้ำตาคลอด้วยความรักในพระแม่ จิตใจแจ่มใสสดชื่นด้วยความดีใจที่ได้มาสักการะ ฯลฯ
ตลอดจนการมองเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ได้สัมผัส ฯลฯ ถึงอะไรบางอย่างที่พิสูจน์ไม่ได้ทางวิทยาศาสตร์

ไม่ว่าจะอย่างไร  ก็เป็นสิ่งที่ดีทั้งนั้น
ความรู้สึก ปฏิกิริยาทุกอย่าง ที่เกิดขึ้นกับตัวเรา มันก็คือ "ความสุข" ที่ได้จากการบูชาเทพนั่นเอง
และความสุขจากการบูชาเทพ ก็คือสิ่งที่ผู้ศรัทธาอย่างเราๆ ได้แสวงหามาตลอดครับ

สิ่งที่ให้ระมัดระวัง คือ อย่าไปหลงใหลกับมันมากเกินไป
อย่าจมอยู่กับสิ่งที่เห็น และไม่ต้องปรารถนาจะได้เห็นบ่อยๆ
บูชาเทพด้วยศรัทธาและปัญญา นิมิตที่ได้สัมผัสคือรางวัลจากพระองค์
มันคือความสุข คือพลังที่พระองค์เนรมิตให้เราเชื่อมั่นในเทวานุภาพ ว่าพระองค์มีอยู่จริง
อย่าตั้งหน้าตั้งตาไป "ชมบารมี" หรือบังคับตัวเองให้ "เห็น" ในทุกๆครั้งที่ไปกราบ
เมื่อสภาพร่างกาย สภาพจิตใจ สภาพแวดล้อม ทุกอย่างลงตัวแล้ว
พลังต่างๆจะปรากฎขึ้นมาให้ประจักษ์เองโดยเราไม่ได้ร้องขอ

แต่อย่าบังอาจไปคิดว่า "ท่านมาลงประทับ" เชียวนะครับ เพราะมันเป็นคนละเรื่อง
(เข้าเรื่องนี้จนได้ ไม่คุยเรื่องประทับทรง แต่เอาสักหน่อยครับ แหะๆ)

ขอผู้ศรัทธาจงเกิดความสุขในการบูชาเทพกันถ้วนหน้าครับ

#10
น่ารัก สวยงามครับ

มีหนังสือการ์ตูนที่ออกมาวางขายตามซีเอ็ด
เป็นเรื่องราวขององค์เทพต่างๆ เช่น พระศิวะ พระนารายณ์ พระพิฆเนศ ฯลฯ
ลองไปเปิดอ่านดูนะครับ เห็นลายเส้นน่ารักดี แปลกตา

ผมว่าองค์เทวะสามารถมีรูปแบบที่แปลกตา หรือดูน่ารักแบบนี้ได้ครับ
หากเราวาดด้วยความศรัทธาเป็นที่ตั้ง รูปไหนๆ ก็ดูสวยงาม
ผมเป็นคนหนึ่งที่มองว่า รูปภาพเทพเจ้าทุกรูปมีความสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นลายเส้นแบบใด
เพราะหากผู้วาดมีความนับถือในพระเจ้า และประสงค์จะสร้างสรรค์งานเขียนภาพพระเจ้าออกมา
ด้วยความตั้งใจแล้ว รูปนั้นๆ จะมีคุณค่าแก่ผู้วาดมากที่สุด และถ้าแบ่งปันผู้อื่นก็จะได้กุศลด้วย

หากใครหาเช่าบูชาเทวรูปที่ถูกใจไม่ได้ (หาปางที่ต้องการไม่เจอ หรือ ทุนทรัพย์น้อย)
แต่มีฝีมือในการวาดภาพ ก็วาดขึ้นมาเองเลยครับ
และถ้าได้ศึกษาเทววิทยาประกอบเข้าไปอีก ก็จะได้ความถูกต้องของเทวลักษณะเทพองค์นั้นๆ เพิ่มขึ้น
เราวาดเอง บูชาเอง ก็ศักดิ์สิทธิ์สำหรับตัวเราที่สุดแล้วครับ

วาดมาโชว์อีกเยอะๆ นะครับ...เอาใจช่วย ^_^

#11

...เสือน้องรัก...

เหนือคำบรรยายจริงๆ ภาพนี้
ผู้รับใช้พระเจ้า ย่อมแสดงออกทางผลงาน
ให้เห็นประจักษ์ชัดแจ้งแบบนี้แหละ

เทวะจงเจริญ!!!

เสือน้อยจงเจริญ!!!
^_^
#12
น้องเสือเอ้ยยยยย
อยากเห็นรูปพระนารายณ์น่ะ เอามาโพสต์ให้ดูหน่อยสิ
ให้คนศรัทธาในฮินดูมีทติ้งได้ชื่นชม ดีกว่าให้พวกหัวโบราณที่มองไม่เห็นคุณค่าดู
...เชื่อพี่สิน้อง...
#13

พี่โด่ง สวยไม่สร่างเลยครับ ^_^
พระครูที่รักยิ่งของพวกเรา จัดกิจกรรมด้วยจิตบริสุทธิ์และความศรัทธาทุกปีนะครับ
ปีหน้ามีงานอะไรก็เชิญทุกท่านไปร่วมกันได้
มูลนิธิพระพิฆเนศ ตั้งอยู่หลังเทวสถานโบสถ์พราหมณ์
เดินจากปากซอย "ชุมชนหลังโบสถ์พราหมณ์" เข้าไปไม่ไกล
มูลนิธิตั้งอยู่ขวามือครับ
(ไว้เอาแผนที่มาให้ดูกันดีกว่า)
พระครูฯ ท่านประกอบพิธีวันคเณศจตุรถี ดีปาวลี มหาศิวราตรี ทุกปีนะครับผม
#14
พูดถึงเรื่องพระพรหม ผมมีความเห็นที่ค่อนข้างอึดอัดใจมาแชร์ทุกท่านนะครับ

ก่อนอื่น ต้องออกตัวก่อนว่า สยามคเณศ เป็นอะไรที่ค่อนข้างแรงและตรงไปตรงมา
กรุณาอ่านความเห็นของผมด้วยใจที่เปิดกว้าง
ถ้าไม่เห็นด้วย ติเตียน แนะนำ สั่งสอน ได้ตามความศรัทธาครับ

นี่เป็นคติการ รวมเข้า-แยกออก-ยกสูง-กดต่ำ
ของนิกายต่างๆ ในศาสนาพราหมณ์ครับ
เทพแต่ละพระองค์มีทิพยภาวะที่โดดเด่นของตน
และไม่ขึ้นอยู่กับเทพองค์อื่นๆ
หากเราประสงค์จะบูชาเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์-ฮินดูให้เข้าถึงเทวานุภาพแห่งพระองค์อย่างลึกซึ้ง
ให้เราขจัดการ "กดต่ำ" ในปุราณะต่างๆ ทิ้งไปให้หมด
ซึ่งปุราณะต่างๆ นั้น ก็เป็นการเขียนตำนาน แต่งแต้มสีสัน ยกให้เทพเจ้าในนิกายตนสูงขึ้น และกดเทพนิกายอื่นให้ต่ำลง

หากเราเอานิยายต่างๆ ที่บรรดาพราหมณ์แต่งกันขึ้นเพื่อยกย่องเทพของตนเอง มาใช้เป็นบรรทัดฐานในการพิจารณาว่า
เทพองค์ไหนต้องใหญ่กว่า หรือเทพองค์ไหนต้องอยู่ที่ไหน ประดิษฐานที่ไหน
จะทำให้ความเคารพในเทพเจ้าองค์อื่นๆ ลดน้อยลง
และนั่นไม่เป็นการดีแน่ สำหรับศาสนิกชนฮินดู ซึ่งในประเทศไทย ถือว่าเป็นวิกฤต

การบูชาเทพเจ้า ต้องให้เกียรติเทพองค์อื่นด้วย
การนำพระพรหมออกไปไว้เป็นศาลนอกโบสถ์ เป็นการกระทำที่ถูกต้องในฐานะของคนที่เชื่อตามปุราณะ เชื่อตามเรื่องที่แต่งขึ้น
เพราะทำแล้วสบายใจ ทำแล้วรู้สึกว่า ถูกต้องตามตำรา (ปุราณะ) ที่พราหมณาจารย์สร้างสรรค์ขึ้นมา
แต่ไม่เป็นการกระทำที่ถูกต้องในฐานะศาสนิกชน ผู้ซึ่งต้องปกป้องเทพเจ้าในศาสนาของตน "ทุกพระองค์"
ให้พ้นจากการดูถูกเหยียดหยามและความคลางแคลงใจของผู้อื่นด้วย
โดยเฉพาะจากคนในศาสนาอื่น ที่แทบจะทุกศาสนา (โดยเฉพาะในไทย) ที่ล้วนแล้วแต่ดูแคลนศาสนิกชนฮินดูอย่างเหลือล้น

พระพรหมคือมหาเทพพระองค์หนึ่ง ที่สมควรได้รับการยกย่อง เคารพ บูชา ให้สูงเทียบเท่ามหาเทพอีกสองพระองค์
การปฏิบัติอาจแตกต่าง หรือลดน้อยลงบ้างในลัทธินิกายที่ไม่ได้นับถือพระพรหม
แต่ไม่ควรชัดเจนขนาดที่ว่า ขับไล่พระพรหมออกไปราวกับตน (พราหมณ์) เป็นพระศิวะเสียเอง

ปุราณะที่ยกย่องพระวิษณุและพระศิวะ มีมากมายนับไม่ถ้วน
พอๆ กับปุราณะที่ดูถูกพระพรหม ซึ่งพราหมณ์แต่งกันอย่างเมามันส์ ก็มีมากมายเหลือเกิน

บางวัด บางโบสถ์ พระพรหมถูกลดบทบาท แทบจะต่ำกว่าหนุมาน พระแม่กาลี หรือแม้แต่พระฤาษีเสียด้วยซ้ำ
ในวัดพุทธไม่ต้องพูดถึง เพราะแม้แต่ "ศาลพระพรหมธาดา" ยังตั้งต่ำกว่า "ศาลชูชก" เสียอีก และยังถูกปล่อยไว้ให้รกร้าง
ศาลพระพรหมมีนกและสุนัขมาอุจาระใส่ หลอดไฟแตกเสียหาย แต่ศาลชูชกกลับปูกระเบื้อง ติดกระจก ส่องไฟอย่างดงาม มีคนทำความสะอาดทุกวัน
(อาจเป็นเพราะศาลชูชกทำเงินให้วัดได้มากกว่าศาลพระพรหม)

ในเทวสถานฮินดู การอารตี วนประทีปประจำวัน ถูกกระทำต่อศิวลึงก์ พระนารายณ์ พระแม่ศักติ ภาพประกอบมหาภารตะ ฤาษีมุนีต่างๆ
ตลอดจนเทพนพเคราะห์ที่ตั้งอยู่นอกวัด รวมถึงรูปปั้นนักบวชต่างๆ ยังได้รับการวนแสงประทีป มากกว่าพระพรหมเสียอีก
ซึ่งการวนไฟถวายพระพรหมนั้น ถูกกระทำอย่างห่างๆ ลวกๆ พราหมณ์บัณฑิตไม่แม้แต่จะเดินไปใกล้ๆ ศาลพระพรหมและน้อมหัวลงให้แก่พระพรหม
ซึ่งเป็นแบบนี้ทุกที่ครับ ความใส่ใจในศาลพระพรหมของศาสนสถานในกรุงเทพเหมือนกันทั้งหมด
เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต พัทยา หาดใหญ่ นราธิวาส โบสถ์ภาคใต้ เทวสถานทุกแห่งเป็นเหมือนกันทั้งหมด

พราหมณ์ที่นับถือพระศิวะ กระทำการบูชาพระวิษณุเป็นรอง บูชาต่างกันเพียงเล็กน้อย
พราหมณ์ที่นับถือพระวิษณุ กระทำการบูชาพระศิวะเป็นรอง บูชาต่างกันเพียงเล็กน้อย
แต่พราหมณ์ทั้งสองนิกาย กลับไม่กระทำการบูชาพระพรหม หรือกระทำแต่เพียง "แตะๆ ว่าได้ทำ"
ที่ร้ายกว่านั้นคือ ทำเพราะคิดว่า "ต้องทำ" เฉยๆ ไม่อย่างนั้นพระอาจารย์จะตำหนิ

ผมเคยถามท่านบัณฑิต ซึ่งถามมาแล้วมากกว่า 20 ท่าน ในช่วงที่ผมได้ทดสอบเรื่องนี้
ถามว่า เมื่อท่านทำอารตีแด่องค์เทพในโบสถ์ ท่านสวดภาวนาว่าอย่างไรบ้าง
คำตอบที่ได้เหมือนกันคือ เทพทุกพระองค์ ท่านจะสวดภาวนามนตร์ขององค์นั้นๆ อย่างครบถ้วน
ยกเว้น "พระพรหม" ซึ่งท่านทั้งหลายตอบว่า "ไม่สวด" เหตุผลคือ "ไม่จำเป็นต้องสวด วนเฉยๆ"

บัณฑิตที่ผมสนิทชิดเชื้อ (หลายท่าน) ยังมีความเห็นในเชิง "ไม่ชอบ" หรือแทบจะ "เกลียด" พระพรหมด้วยซ้ำ
ในข้อหาที่ "พระพรหมโกหกพระศิวะบ่อยๆ" และพระพรหมยังเป็น "เทพเจ้าที่ปลิ้นปล้อนอยู่เสมอ"
ตลอดจนพระพรหมนั้น "ไม่มีฤทธิ์เดชเทียบเท่าพระวิษณุและพระศิวะ แม้แต่พระตรีศักติยังมีอำนาจกว่าด้วยซ้ำ"
น้ำตาผมไหลทันทีที่ได้ยินบัณฑิตท่านกล่าวเช่นนั้น และในวันนั้น มีพราหมณ์บัณฑิตนั่งสนทนาด้วยถึง 7 ท่าน น้ำตาผมไหลต่อหน้าพวกท่านอย่างไม่อาย

พราหมณ์ บัณฑิต พระอาจารย์ ตลอดจนศาสนิกชน ท่านทั้งหลายกระทำกับมหาเทพผู้สร้างสรรพชีวิตเยี่ยงนี้หรือครับ??

ทัศนคติอันเลวร้ายที่พราหมณ์และศาสนิกชนฮินดูมีต่อพระพรหมส่งผลในประเทศไทยอย่างเต็มที่ครับ
คนก็จำเอาไปปฏิบัติ เกิดเป็นลัทธิที่ "พระพรหมต้องอยู่นอกบ้าน พระพรหมต้องอยู่นอกโบสถ์" เป็นอย่างนี้กันทั่วโลก
เวลามีกิจกรรม เทศกาลต่างๆ ในวัด โบสถ์ เทวสถาน เกิดภาพคนไปยืนเบียดกับศาลพระพรหม
ศาลพระพรหมกลายเป็นที่ให้เอามือไปเท้า เป็นที่วางแก้วน้ำ เป็นที่วางกระเป๋า เป็นที่จัดเตรียมของเพื่อไหว้เทพองค์อื่นๆ
ในขณะที่ศาลอื่นๆ เช่น เทวาลัยเทพนพเคราะห์ หรือเทวาลัยศิวลึงก์ ยังได้รับความเคารพมากกว่า
คนไม่ไปสัมผัสแตะต้อง แม้จะมีผู้คนยืนเบียดกันแน่นขนาดไหนก็ตาม

ถ้าบังเอิญ เอาสัก 5 ร้อยปีก่อนก็พอ เกิดมีฤาษีมุนี หรือ พราหมณ์สักท่านหนึ่ง เกิดคิดพิเรน นึกสนุก
แต่งปุราณะเสียใหม่ (ด้วยความศรัทธาหรือไม่ก็ตาม) แต่งให้พระพิฆเนศเป็นเพียง "เทพผู้รับใช้"
เขียนสร้างสรรค์ต่อเติมให้พระคเณศดู "ด้อย" และ "เลวร้าย" อีกทั้งยัง "โกหกเก่งแบบพระพรหม" และ "ไม่มีฤทธิ์เดชใดๆ"
แล้วเกิดมีคนไปอ่านและเชื่อตามนั้น ยึดเอาเป็นข้อปฏิบัติมาจนปัจจุบัน
จะมีศาลพระคเณศที่บ้าสร้างกันใหญ่โตมหึมาแบบทุกวันนี้หรือเปล่า ผมอยากรู้

พระพรหมมิใช่ทศกัณฑ์ครับ ที่ต้องถูกปราบ ต้องถูกขจัดออกไป
แต่ท่านคือพระมหาเทพ มหาเทวะชั้นสูง หนึ่งในสามที่เราควรยกย่องสูงสุด
เมื่อก่อน พระพรหมเคยเป็น "พระเจ้าเป้าหมายสูงสุด" คนที่ปฏิบัติอย่างสูงสุด ย่อมได้รับการกลับคืนสู่พระพรหมผู้สร้าง
เมื่อก่อน พระพรหม และ พรหมมัน เคยเป็นสิ่งเดียวกัน
แต่ปัจจุบันนี้ ตำแหน่งนั้นของพระพรหมแทบจะหายไปแล้ว มีกี่คนกันที่ระลึกถึงพระพรหมบ้างในยามนั่งสมาธิ
ทุกวันนี้ ตำราหลายๆ เล่มพยายามอธิบายว่า พรหมมัน กับ พระพรหม คือ คนละเรื่องกัน
ทุกวันนี้ Brahma, Brahman กันคำว่า พราหมณ์ ถือเป็นคนละเรื่องกัน
ทุกวันนี้ ในอินเดีย พราหมณ์ ไม่ได้เกิดจาก พระพรหม อีกต่อไปแล้ว (อันนี้ผมยืนยันที่สุดว่าเป็นอย่างนี้จริงๆ ครับ)

ใครนับถือพระพรหม ศรัทธาในพระพรหม ผู้ซึ่งสร้างโลกนี้ด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า
ประทานชีวิตอันสวยงามแก่เรา  โปรดให้ความเคารพพระพรหม
และฉีกปุราณะเน่าเหม็นที่ดูถูกพระพรหมทิ้งให้หมด
นำท่านมาไว้ในบ้าน ประดิษฐานบนหิ้งพระ จัดที่ให้พระองค์ ตกแต่งให้สมเกียรติ
หมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอ ถวายของตามโอกาสอันควร
โดยเฉพาะการระลึกถึงพระองค์ในฐานะ "มหาเทพหนึ่งในตรีมูรติ"
แล้วท่านทั้งหลายจะประสบความสำเร็จในการบูชา
ได้รับความคุ้มครอง ประทารพรให้สมปรารถนา ไม่แตกต่างจากการบูชาเทพองค์อื่นๆ เลย

โปรดพิจารณาและเชิญวิจารณ์ได้ตามศรัทธา
...สยามคเณศ...

#15

โอม ยา เทวี สารวะ ภูเตศุ
ลักษมี รูเปนะ สัมสติตา
นมัส ตัสไย...นมัส ตัสไย...นมัส ตัสไย
นะโม...นะมะหะ

ขอน้อมนมัสการพระมารดา ผู้ทรงดอกบัวที่ประพรมน้ำใสไว้ชุ่มฉ่ำ
เมื่อข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้พินิจพระพักตร์อันงดงามที่สุด
และได้ชื่นชมเครื่องถนิมพิมพาภรณ์อันสดใสตระการตาของพระองค์แล้ว
จิตใจข้าพเจ้าทั้งหลายก็พลันผ่องใส ความเศร้าทุกข์มลายหายเป็นปลิดทิ้ง

ข้าแต่พระเทวีผู้ประเสริฐ ข้าพเจ้าทั้งหลายต่างได้รับการอภัยโทษจากพระองค์อยู่เสมอ
นักบวชผู้กระทำมุทราอันสูงส่ง หรือแม้นยาจกและผู้กระทำบาปอยู่เป็นนิจ
ก็ยังได้รับการประสาทพรจากพระองค์

พระองค์ผู้เป็นบุคลาธิษฐานแห่งความรักอันนิรันดร์
เทพนารีผู้ชำระจิตใจข้าพเจ้าทั้งหลายให้ใสสะอาด
ขอพระองค์คุ้มครองข้าพเจ้าทั้งหลาย ให้มีความปลอดภัยอยู่เสมอ
และขอประทีปแห่งพระมารดาลักษมี
โปรดส่องสว่างในดวงใจข้าพเจ้าทั้งหลายโดยตลอดกาลด้วยเถิด

บทบูชาพระลักษมี จาก หนังสือหริปุราณ

โชคดีในวันทีปาวลีนะครับ
คิดสิ่งใดให้สมปรารถนาทุกประการ
ขอความปลอดภัยจงมีแด่ชาวพุทธผู้ศรัทธาในพระแม่ลักษมี
และ ศาสนิกชนชาวฮินดูทุกท่านครับ

สยามคเณศ
#16
Quote from: หริทาส on September 10, 2010, 18:54:23
Quote from: กาลปุตรา on September 09, 2010, 13:27:53
แหมถ้ามีกดคำว่า "ถูกใจ" แบบใน Facebook จะกดให้คุณตุลสักหน่อย อิอิ อยากระบายมาตั้งแต่งานแห่พระแม่ปีที่แล้วแระ

เดี๋ยวนี้สร้างเทพขึ้นมาใหม่เยอะทั้ง กวนมา อุอิม หง่าเอาเจ้าแม่กวนอิมของพุทธศาสนาแบบมหายานมาผสมกับพระแม่ศรีมหาอุมาของศาสนาฮินดูกันยังทำกันได้เน๊าะคนเรา บางรายหนักกว่าตั้งตนเป็นเจ้าลัทธิลงทรงพระพุทธเจ้าก็เคยเจอมาแล้ว แหมทำไปได้

ที่งานแห่ของวัดแขกในคืนวิชัยทศมี ก็เจอร่างอวตารแรงๆ เช่นกัน ตั้งโต๊ะบูชาเสร็จเอาเทพเจ้าตั้งแล้วทำบันไดขึ้นไปเป็นแท่นอยู่เหนือองค์เทวรูป จากนั้นเจ้าลัทธิคนนั้นก็แผลงฤทธิ์แต่งตัวเป็นฤษีขึ้นไปนั่งทำพิธีประพรมน้ำมนต์ให้เหล่าสาวกอยู่เหนือเทวรูปเทพเจ้าอีก ทำไปได้เน๊าะคนเราไม่ดูเลยว่าควรหรือไม่ควร

อีกรายก็มาลงทรงเจ้าแม่กวนอิมบ้าง เทพจีนบ้าง พ่อปู่บ้าง แม่ย่าบ้าง สิงสาราสัตว์บ้าง ตั้งตนเป็นเจ้าลัทธิประกาศศักดากันว่าข้านี้ยิ่งใหญ่นัก ท่ามกลางงานพิธีแห่ของวัดพระศรีมหาอุมาเทวี (มารีอัมมัน) กันขนานใหญ่ ช่างไม่รู้กาลและเทศะเลย ว่างานนี้เป็นงานของใคร

เอาง่ายๆ ถ้าเป็นงานของมนุษย์เดินดินกินข้าวแกงอย่างเขาจัดงานกันขึ้น เราจะกล้าอวดดีแผลงฤทธิ์เหนือเจ้าภาพงานเขากันไหม แต่พวกร่างสัมพเวสีพวกนี้กลับกล้าที่จะกระทำ โดยไม่ให้เกียรติเจ้าภาพของงานกันเลยสักนิด จะไปแผลงฤทธิ์ก็กลับไปแผลงฤทธิ์กันที่ตำหนักของตนเถิดตนเถิด หรือตำหนักของพวกตนเถิดที่คอเดียวกันก็ย่อมได้ อย่ามาสร้างลัทธิอุบาทว์ที่ไม่รู้กาลเทศกลางงานที่เป็นมงคลเช่นนี้อีกเลยครับ

แต่ทว่า ถ้าอยากออกฤทธิ์เดชกันปีนี้ขอเชิญที่ซุ้มผมก็ได้นะครับ จะจัดเตรียมของไว้ต้อนรับให้อย่างสาสมเลยทีเดียว ทั้งมีดาบที่ลับไว้เป็นฟันเลื่อยอย่างคมกริบขาดใบมีดโกน ทั้งตุ้มหนามตะปูเข็ม และเก้าอี้เตาไฟ จะให้ลองฟันตัว ฟาดตัวแรงๆ และให้ลองนั่งเก้าอี้เตาถ่านที่ติดไฟลุกโชนกันดูร่างละสัก 15 นาที ดูสิร่างอวตารพวกนั้นจะแหลกหรือไม่ ถ้าตุดไม่ไหม้ตูดไม่พองจะกราบงามๆ สัก 3 ทีเลยปีนี้ ถ้ามาแผลงฤทธิ์ที่ซุ้มผมอีก



อ่านของอ.แหนมแล้วขำครับ 5555
อยากกดไลค์ให้ล้านครั้ง 555

อ่อ เรียนเชิญอ.แหนมมางานของเราด้วยนะครับ ถ้ามีเวลา



ไปสถิตอยู่โต๊ะ อ.แหนม ดีกว่าแฮะปีนี้
สงสัยมีเรื่องน่าดูชมอ่ะ เหอๆๆ
#17
Quote from: กาลปุตรา on September 02, 2010, 09:03:08
อย่าชมมากครับเดี่ยวผมจะกลายเป็นหมูหวานกันพอดี ... อิอิ

เมื่อวานไปร่วมงานกฤษณะชันมาอัษฏมี (कृष्ण जन्माष्टमी - Krishna Janmashtami) ที่วัดเทพมณเฑียรมาได้เจอทีมงานสยามคเณศ น่ารักกันทุกคน อาจารย์อ้อมยังมองตาหวานเยิ้มใส่เลย

พอดีเมื่อวานต้องรีบกลับเร็วหน่อย เพราะพา อ.อ้อมไป ด้วยความที่เธอเป็นสาวบริสุทธิ์ กลับบ้านดึกไม่ได้อีกทั้งบ้านของเธออยู่ไกลจากวัดเทพมณเฑียรมาก เลยต้องรีบไปส่งเธอตอน 2 ทุ่มกว่า 3 ทุ่ม

ใจหนะยังไม่อยากรีบกลับเลยเพราะยังไม่ได้เจอน้องๆ อีกหลายคน เนื่องจากเขาไปวัดแขกสีลมก่อน ค่ำหน่อยถึงจะตามมาที่วัดเทพมณเฑียร

พอลงจากวัดมาแจ๊คพ็อตแตก รองเท้าที่ถอดเก็บไว้ในชั้นวางถูกขโมยหายไป เลยต้องเดินเท้าเปล่ามาขึ้นรถกลับบ้าน อิอิ

ใครเอารองเท้าไปคงโชคร้ายแย่ เพราะรองเท้าเป็นตัวแทนของเรือนวินาส ฉะนั้นจึงแปลว่าการสูญเสีย เลยต้องถือว่าฟาดเคราะห์ มีคนมาเอาเคราะห์กรรมของเราไปแทน

กลับมาถึงบ้านเล่าให้น้องๆ ฟัง กลายเป็นเรื่องฮากันไปเลยเรื่องใส่รองเท้าไปทำบุญ แล้วเดินเท้าเปล่ากลับบ้าน แถมโดนแซวอีกว่าจะใส่ไปทำไม อยู่บ้านพี่ก็ไม่ชอบใส่รองเท้าอยู่แล้วนี่



สละรองเท้าให้ทานไปก็ดีครับอาจารย์
เพราะหมายถึงว่า เราจะได้เข้าใกล้พระบาทรูปดอกบัวของพระองค์มากยิ่งขึ้น
(ว่าไปนั่น -_-")

อ.อ้อม ก็น่าจะเป็นสาวบริสุทธิ์ผุดผ่องครับผม หน้าใสกิ๊งขนาดนั้น (ล้อเล่นครับ)

แต่ตัวจริง อ.กาลปุตรา size ไม่เห็นเหมือนในรูปนี้เลยอ่ะครับ อิ อิ อิ
http://www.horamahawed.com/profile.php?id=10

ไว้เจอกันใหม่ครับอาจารย์ ^_^
#18

เคยได้ยิน อ.หริทาส พูดไว้แบบกิ๊บเก๋ว่า...

Rangoli มีไว้ให้พระเจ้าลงจอด ตอนท่านเสด็จลงมาบนโลก

ถ้าไม่ได้ทำไว้ พระเจ้าจะไม่รู้ว่าจะจอดลงตรงไหน 5555 ถูกใจ ^^

Rangoli สามารถทำได้หลายรูปแบบ เช่น

- ทำเป็นรูปดอกบัว ตกแต่งลายเส้นหรือเติมสีสันได้เต็มที่
เพราะดอกบัวสามารถใช้ต้อนรับเทพทุกพระองค์

- รูปสัตว์พาหนะของเทพนั้นๆ เช่น ทำเป็นรูปโค เพื่อต้อนรับพระศิวะ
หรือ ทำเป็นรูปนกยูง ไว้ต้อนรับพระกฤษณะ ฯลฯ
แบบในรูปนี้ครับ   http://www.rangoli.co.in/wp-content/uploads/2009/06/makar-sankranti-rangoli-design.jpg

- เครื่องหมายโอม, เครื่องหมายสวัสติกะ, อักขระมงคลต่างๆ
เช่น คำว่า ศรี, มหา, มงคล, ชยะ ฯลฯ
แบบในรูปนี้   http://farm4.static.flickr.com/3276/3108652061_1518fd72a2.jpg

- พระนามของเทพนั้นๆ เช่น ศิวะ, หริ, ศักติ, มหาเทวี ฯลฯ

- ดิลกแบบที่พราหมณ์เขียนตรงหน้าผาก เช่น พระบาทรูปดอกบัว, สามขีด ฯลฯ

- ศาสตราวุธของเทพนั้นๆ เช่น ตรีศูล, วีณา, จักร, ขนมโมทกะเต็มๆ ถ้วย ฯลฯ

- สัญลักษณ์แทนองค์เทพ เช่น หม้อกลัศ ฯลฯ

- เป็นรูปเทพพระองค์นั้นๆ เลยก็ได้ครับ
แบบรูปนี้  http://2.bp.blogspot.com/_Q0iyLEthfuo/SV9hp16p-SI/AAAAAAAACLA/QMssiZpbu2M/s400/01_Rangoli.jpg

- คิดไม่ออกก็วาดรูปแบบนามธรรมได้เลย เอาให้สวยงาม
แบบรูปนี้  http://farm1.static.flickr.com/34/120184179_6041eac3bd.jpg

ทำแบบใดก็ได้ เน้นที่การตกแต่งด้วยเส้นสายให้สวยงาม ที่อินเดียนิยมใช้ ข้าวสารอักษัต หรือไม่ก็ ผงสีต่างๆ

แต่เราสามารถวาดลงบนกระดาษแผ่นใหญ่ๆได้

สร้างใหญ่ขนาดไหนก็ได้ อาจจะเอาดอกไม้ไปวาง
หรือตะเกียงน้ำมัน ถาดดอกไม้ ถาดบูชาธัญพืชไปวางประดับตรงกลางหรือรอบๆก็ได้ครับ
แบบรูปนี้  http://marketplacehandworkofindia.files.wordpress.com/2009/10/rangoli-21.jpg

และไม่จำเป็นต้องเป็นวงกลม อาจเป็นรูปกลีบดอกไม้ใหญ่ๆ หรือรูปแปดเหลี่ยม เก้าเหลี่ยม ฯลฯ

ถ้าอยากทำ ก็ทำเฉพาะการต้อนรับพระองค์ในพิธีสำคัญๆ ก็พอครับ

วิธีวาด Rangoli ไปดูใน Youtube ได้ที่นี่ครับ มีเยอะเลย
http://www.youtube.com/results?search_query=rangoli&aq=f

#19
Quote from: หริทาส on September 03, 2010, 00:40:02
Quote from: สิรวีย์ on September 02, 2010, 14:53:58
ไปด้วยแน่นอนค่ะ


ยินดีที่จะได้พบกันครับ

วันที่ 11 ไปวัดแขกสีลมกันครับ (อยากไปดูงู น่ากัวๆๆๆ)
แล้วผมก็คงเดินสายทั่วกรุงเทพครับผม ^_^


วันที่ 13-16 ไปช่วยคุณหริทาสร้องเพลง
"กาเนชา ชารานัม ชารานัม กาเนชา!!!!"
(ปีนี้มีเพื่อนแล้วนะครับคุณตุลย์ เหอๆๆ)

วันที่ 18-19 ก็มาเทพมณเฑียรกันเถิดนะทุกคน ^_^

จริงๆอยากแว๊บไปพิพิธภัณฑ์ฯ ที่เชียงใหม่ด้วยแหละครับ (แต่คงลำบากเนาะ)
#20

คำถามสั้นๆ แต่ตอบยาวครับ

เอาเป็นว่า PM ชื่อ-ที่อยู่มานะครับ
ผมจะถ่ายเอกสารบทความที่มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องส่งไปให้ละกันครับ

^_^
#21

การวาด Rangoli ไม่มีกำหนดตายตัวครับ สามารถวาดได้ทั้งการกำหนดให้มีมณฑลจักรวาล หรือเป็นรูปดอกไม้อันเป็นมงคลที่สื่อความหมายถึงเทพองค์นั้นๆ บางท้องถิ่น ผู้ศรัทธาจะไม่สามารถเข้าไปแตะต้อง Rangoli ได้เลย เพราะเป็นที่เฉพาะของพระผู้เป็นเจ้า ให้พระองค์เสด็จลงมาประทับยังดวงตราอันศักดิ์สิทธิ์นี้ ก่อนพระองค์จะเข้าสู่พิธีเพื่อประสาทพรแก่ผู้บูชาต่อไป

แต่ในบางท้องถิ่น Rangoli อาจเปรียบได้กับ "อาสนะ" ที่จะให้สวามิ หรือพระครูพราหมณ์ที่มีตำแหน่งสูงสุด นั่งลงได้เพื่อประกอบพิธีกรรม (แต่จะต้องวาดขึ้นมาเท่านั้น หากสร้างจากอักษัตหรือเมล็ดข้าว จะไม่สามารถนั่งบนนั้นได้)

การวาด Rangoli สามารถวาดได้เอง ถ้ามีความสามารถทางศิลปะมากพอ คล้ายๆกับ "แมนดาลา" ซึ่งเป็นรูปทรงเรขาคณิตต่างๆ มาประกอบกันให้เกิดความสวยงาม อารมณ์ในการวาดก็ประมาณคล้ายๆ เราจะจัดดอกไม้ถวายพระเป็นเจ้านั่นแหละครับ จัดอย่างไรก็ได้ ขอให้สวยงาม ขอให้ทำด้วยความศรัทธา ออกมาเป็นรูปแบบแนวไหนก็สุดแล้วแต่จินตนาการ (หรือพระเป็นเจ้าจะดลจิตดลใจให้วาดออกมานั่นเอง) แต่ถ้าวาดได้ตามตำราก็จะมีความหมายดียิ่งขึ้น

ผมสร้าง Rangoli เป็นประจำทุกปีครับ ใช้ในพิธีกรรมต่างๆ ที่มีการสวดอัญเชิญมหาเทพมาสู่ประรำพิธี ถ่ายรูปเก็บไว้ทุกครั้งด้วย เป็นความสุขทางใจเหมือนการทำขนมถวายองค์เทพแหละครับ

Rangoli ไม่เหมือนการวาดยันต์ ซึ่งต้องมีองค์ประกอบ มีที่มาที่ไป มีขอบเขตที่ถูกต้องตามตำราการเขียนยันต์

( อุดหนุนหนังสือยันต์ของ อ.กาลปุตรา ได้ครับ )

ยังไงก็อย่าสุ่มสี่สุ่มห้าไปยืนหรือนั่งบน Rangoli ละกันนะครับ เพราะไม่รู้ว่าแต่ละโบสถ์ แต่ละท้องถิ่นมีธรรมเนียมอย่างไรบ้าง

ปล. อ.กาลปุตราตัวจริงยิ้มเก่งมากๆครับ 555

รูป Rangoli ดูในกูเกิ้ลได้เลยครับ ที่นี่ครับ http://www.google.co.th/images?q=rangoli&oe=utf-8&rls=org.mozilla:th:official&client=firefox-a&um=1&ie=UTF-8&source=og&sa=N&hl=th&tab=wi&biw=1280&bih=637
#22
Quote from: หริทาส on August 28, 2010, 22:55:00
มาเพิ่มเติมนะครับ

สำหรับผู้ที่เข้าร่วมงานคเณศจตุรถีที่มหาวิทยาลัยศิลปากร
ในวันแรกและวันสุดท้าย


จะมีการแจก ผงสินทูร ผงภาสมะ และผงกุมกุม อันศักดิ์สิทธิ์ จากมหาเทวสถานอัษฏวินายก ทั้ง 8 แห่งของพระคเณศในอินเดีย
ตลอดจนเทวประสาทต่างๆ ซึ่งผมได้ไปอัญเชิญมาด้วยตัวเอง
และน้ำมนตร์ที่ผสมน้ำจากแม่น้ำคงคาที่เมืองพาราณสี น้ำที่แม่น้ำคงคาจากเมืองหริทวาร น้ำมนตร์ปัญจมหานที และน้ำจากแม่น้ำโคทาวารี จากรามกุณฑ์ หรือที่ๆเชื่อกันว่าพระรามได้เคยลงมาสรง
เพื่อเป็นมงคลแก่ทุกท่านนะครับ

และยังมีสปอนเซอร์จะมอบเมล็ดรุทรากษะ(เมล็ดน้ำตาพระศิวะ)ให้เรานำมาแจกในงานด้วยครับ

ดังนั้น เพื่อให้ได้สิริมงคลเต็มที่ ก็เรียนเชิญที่มหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งจัดพิธีแบบโบราณและบ้านๆในวันที่ 13-16 ก.ย. จากนั้นต่อด้วยงานที่วัดเทพมณเฑียร ซึ่งผู้จัดงานทั้งสองแห่งเป็นพันธมิตรร่วมมือรว่มใจในศรัทธาเดียวกันครับ




เพิ่งกลับมาจากงาน หะเรกฤษณะ ครับ ^^

แหม...ผมหาของไปแจกกับ อ.หริทาส ที่ทับแก้วบ้างดีกว่า

แต่ไม่รู้จะทำทันมั๊ย เดี๋ยวผมสรรหาของก่อนละกันนะครับ

และจะไปขอแบ่งน้ำมนต์มาด้วยอ่ะครับ


ใครทราบข่าวงานคเณศจตุรถีที่ไหนอีกก็มาโพสต์ได้เลยนะครับ ยิ่งเยอะยิ่งดี เป็นทางเลือกให้กับผู้ศรัทธาครับ

( ปล. คืนนี้ที่เทพมณเฑียร ครึกครื้นมากๆครับ )
#23
**************************************************
**************************************************

วันที่ 11 กันยายน    - วัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขกสีลม)
                  ข้อมูลเพิ่มเติม - สอบถามกับทางเว็บมาสเตอร์ Hindumeeting.com ได้เลยครับ

วันที่ 11 กันยายน    - มูลนิธิพระพิฆเนศ (หลังโบสถ์พราหมณ์)
                  ข้อมูลเพิ่มเติม - Vighanesa.com

วันที่ 11 กันยายน    - พิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศ (เชียงใหม่)
                  ข้อมูลเพิ่มเติม - Ganeshmuseum.com

วันที่ 13-16 กันยายน    - ม.ศิลปากร (วิทยาเขตทับแก้ว นครปฐม)
                     ข้อมูลเพิ่มเติม - PM หาอาจารย์ "หริทาส" ในนี้ได้ทันทีครับ

วันที่ 18-19 กันยายน    - วัดเทพมณเฑียร (เสาชิงช้า)
                     ข้อมูลเพิ่มเติม - ติดต่อสยามคเณศ Siamganesh.com


สำหรับสถานที่และหน่วยงานอื่นๆ เช่น

- ชมรมพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์
- เทวาลัยพระศิวะปิ่นเกล้า
- วัดวิษณุ ยานนาวา
- อุทยานพระพิฆเนศ นครนายก
     ฯลฯ

กำลังติดต่อขอข้อมูลอยู่ครับ แล้วจะมาประชาสัมพันธ์ให้ทราบครับผม


**************************************************
และข้างล่างนี้คือรายละเอียดของวัดเทพมณเฑียรครับ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอเชิญผู้ศรัทธาทุกท่านเข้าร่วมพิธีบูชาพระพิฆเนศในวันสำคัญ
"เทศกาลคเณศจตุรถี 2553" ณ วัดเทพมณเฑียร - ข้างสวนรมณีย์นาถ เสาชิงช้า
ในวันที่ 18-19 กันยายน 2553
-----------------------------------------------------------------------------------
- ร่วม สถาปนา เทวรูปพระพิฆเนศที่สร้างจากวัสดุธรรมชาติ เพื่อตั้งเป็นองค์ประธานในพิธี
- พิธี สถาปนาหม้อกลัศ อัญเชิญเทวานุภาพแห่งองค์พระพิฆเนศวรให้เสด็จลงมาเป็นองค์ประธานในพิธี
- ขอพรจาก เทวรูปทัคทุเศฐจำลอง เทวรูปพระพิฆเนศปางประทานพรด้านความมั่งคั่งและความสุขสมหวัง
- ร่วม พิธีสวดสรรเสริญ พระพิฆเนศโดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อสดุดี ขอพรจากองค์พระพิฆเนศ
- การแสดง ผลงานภาพเขียนพระพิฆเนศ จากศิลปินสยามคเณศ
- ชมพิธี การบูชาพระพิฆเนศอย่างถูกต้อง ตามขั้นตอนที่ระบุในคัมภีร์โบราณ (อุปจาระทุกขั้นตอน)
- พราหมณ์ทำพิธี สวดมนต์บูชาสรรเสริญ สดุดี ขอพรจากองค์พระพิฆเนศ เพื่อสิริมงคลแก่ผู้เข้าร่วมงาน
- ร่วมพิธี มหาอารตี การบูชาไฟครั้งใหญ่แด่องค์พระพิฆเนศในช่วงค่ำ
- ร่วม แห่เทวรูป เพื่อส่งเสด็จพระพิฆเนศขึ้นสู่วิมาน โดยการอัญเชิญเทวรูปไปลอย ณ แม่น้ำเจ้าพระยา
- ผู้ศรัทธาร่วมการ ยาตรา บำเพ็ญตนต่อองค์พระพิฆเนศด้วยการเดินและสวดบูชารอบพระพิฆเนศจำนวน 108 รอบ
- รับฟรี!! ผงชาดในพิธี น้ำมนต์เทวาภิเษก ผงธูปกำยาน เมล็ดน้ำตา สายมงคล และวัตถุมงคลอีกมากมาย
- ร่วมพิธีสะเดาะห์เคราะห์ หนุนดวงชะตา ในพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์

วันที่ 18 กันยายน (เสาร์) - พิธีบูชา ตั้งแต่เวลา 10.00 - 17.00 น.
วันที่ 19 กันยายน (อาทิตย์) - พิธีแห่เทวรูป ตั้งแต่เวลา 13.00 น. (เดินยาตราไปถึงแม่น้ำเจ้าพระยา)

ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.siamganesh.com ครับผม  ^_^


----------------------------------------------------------------------------
#24
Quote from: บุตรมาเตศวรีศรีมหาอุมาเทวี on June 14, 2010, 15:57:12
กรรม  โทรไปมะมีใครรับสักเบอร์เลย
เพื่อนๆท่านใดพอทราบรายละเอียดแล้วรบกวน PM บอกให้หน่อยครับผม

PM ไปแล้วนะครับผม ^_^
วันนี้ประชุมพราหมณ์กันอยู่ ทีมงานก็เลยปิดเครื่องกัน
ขอบพระคุณครับ
#25

อ้อ...มีงานของชมรมพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ (อ.ทศพล)
ของมูลนิธิพระพิฆเนศ (พราหมณ์ขจร)
และงานของศรีจินดาอีกด้วย
ใกล้ๆแล้วคงมาโพสต์กันเต็มน่ะครับ ^_^

#26
Quote from: อักษรชนนี on June 13, 2010, 00:53:09
ทาง HM ไม่ได้มีการจัดงานอะไรหรอกครับ คงไปร่วมงานตามสถานที่ต่างๆที่ได้จัดขึ้นแทน

โดยส่วนตัวผมเห็นจะได้ไปร่วมงานที่วัดแขก สีลม (๑๑ ก.ย.) ตามด้วยงานของพี่หริทาสที่ทับแก้ว (๑๓ กย.) และปิดท้ายด้วยงานของสยามคเณศที่เทพมณเฑียร (๑๘-๑๙ ก.ย.) ครับ ^_^

ปล. ส่วนเรื่องการประชาสัมพันธ์งานคเณศจตุรถีที่จัดโดยสยามคเณศ (รวมทั้งงานตามศาสนสถานหรือหน่วยงานอื่นๆ) ทางเว็บเรายินดีเต็มที่ครับ  แต่ในส่วนรายละเอียดการเช่าวัตถุมงคลที่ระลึกนั้น ผมว่าสอบถามกันทางระบบข้อความส่วนตัว (PM)  ของเว็บ หรือทางหมายเลขโทรศัพท์ที่ลงไว้ในประกาศประชาสัมพันธ์ ระหว่างทีมงานของสยามคเณศกับผู้ที่สนใจ น่าจะเหมาะสมกว่าครับ


ขอบพระคุณนะครับ

อยากให้ไปร่วมงาน คุณตุลย์ (หริทาส) ที่ ม.ศิลปากร กันนะครับ
ปีนี้ก็จัดขึ้นที่ทับแก้ว นครปฐม อยากให้ไปกันเยอะๆ
เพราะในกรุงเทพ มีจัดกันหลายหน่วยงานอยู่แล้ว และปกติทุกๆที่ ก็มีคนร่วมงานกันเยอะ
แต่ที่นครปฐม มีแต่นักศึกษา จึงอยากให้มีประชาชนไปร่วมงานกันบ้าง
แล้วจะเอาบรรยากาศงานของปีที่แล้วที่คุณหริทาสจัดที่ศิลปากรมาลงให้ชมกันนะครับ
#27

โอ้....ขอบพระคุณมากครับที่นำมาประชาสัมพันธ์ให้

แต่ว่า
อาจจะผิดกฎของทางเว็บฮินดูมีทติ้งนะครับ เพราะไม่อนุญาตให้ขายของในเว็บ
ยังไงก็แล้วแต่คุณกาลิทัสและคุณอักษรชนนีพิจารณานะครับ

และก็ต้องขอบพระคุณเจ้าของกระทู้มากๆที่ลงข่าวให้

ผมถือโอกาสแจ้งข่าวสารคร่าวๆละกันนะครับ
ขณะนี้ เว็บสยามคเณศกำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อประชาสัมพันธ์งานคเณศจตุรถี
ซึ่งมีอยู่ 3 งานครับ

- งานของวัดเทพมณเฑียร (18-19 กันยายน)
งานนี้ เว็บสยามคเณศและหน่วยงานอื่นๆร่วมจัดกันครับ

- งานของ อ.ตุลย์ หรือ คุณหริทาส ณ ม.ศิลปากร
13-16 กันยายน วิทยาเขตทับแก้ว นครปฐม
อีกสักระยะ คุณหริทาสคงเอาข้อมูลมาลงให้ในนี้นะครับ

- งานของ พิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศ เชียงใหม่
11 กันยายน ณ พิพิธภัณฑ์ฯ จ.เชียงใหม่
ติดต่อคุณ Mix ไว้แล้ว ข้อมูลงานเมื่อชัดเจน จะมาเผยแพร่อีกทีครับผม

ทีมงานฮินดูมีทติ้ง มีจัดงานคเณศจตุรถีกันที่ไหนกันหรือเปล่าครับ
ถ้าใกล้ๆแล้ว ส่งข้อมูลมาร่วมประชาสัมพันธ์กันได้นะครับผม

ทวยเทพคุ้มครองครับ
สยามคเณศ
#28
บทสวดมนต์ของสยามคเณศทั้งหมดที่ทีมงานเราแปล
ขอมอบให้ "เว็บไซต์พี่น้อง" ของเราไว้เผยแพร่โดยไม่มีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ใดๆ
อันได้แก่ เว็บไซต์ฮินดูมีทติ้ง Hindumeeting
และเว็บไซต์ Ganeshmuseum พิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศ

สำหรับเว็บอื่นๆ ก็สามารถคัดลอกไปเผยแพร่ได้
โดยให้ระบุเครดิตผู้แปลและเว็บ Siamganesh ด้วยนะครับ
กรุณาอย่าเอาไปตีพิมพ์จำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตครับ

( ถ้าใครจะ print แล้วถ่ายเอกสารแจกในวาระต่างๆ ก็ทำได้เลยครับ
ปรึกษาเราได้เรื่องเนื้อหาต่างๆ เพราะเราสนับสนุนเต็มที่
เพียงแต่ลงเครดิตให้เราอย่างชัดเจนก็พอครับ )

ยังมีโครงการแปลบทสวดมนต์ของเทพอีกมากมาย
ไม่เฉพาะแค่พระพิฆเนศเท่านั้น แต่จะเรียงกันแปลเข้ามาไม่ขาดสาย
ทั้งบทบูชาพระศิวะ พระวิษณุ พระลักษมี พระแม่อุมา พระกฤษณะ พระแม่กาลี ฯลฯ
ไม่ว่าจะเป็น โศลก สโตตรัม บทสดุดี บทสรรเสริญในชัยชนะ บทสวดจากปุราณะ และอีกมากมายครับ

จะทยอยอัพเดตไปเรื่อยๆ ติดตามอ่านได้ที่ Hindumeeting นะครับ
หลายๆ บทที่เราแปล คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้จักเท่าไหร่
ถ้าจะค้นคว้าหาข้อมูลในไทยก็ไม่ค่อยมีครับ หนังสือที่วางแผงทั่วไปก็เนื้อหาซ้ำไปซ้ำมารูปแบบเดิมๆ
เราจึงต้องอาศัยแปลจากคัมภีร์ของคุรุโดยตรง

ปล.เราแปลเฉพาะสันสกฤต ฮินดี เท่านั้นครับผม
สำหรับภาษาทมิฬนั้นเรากำลังหาแนวร่วมอยู่ เพราะทีมงานเราไม่ค่อยถนัดภาษาทมิฬครับ
ใครอยากร่วมโปรเจ็คต์ แนะนำกันเข้ามาได้นะครับ
ตำรา คัมภีร์ เอกสาร ฯลฯ เรามีเยอะมากทีเดียว

ขอเทพคุ้มครองผู้ศรัทธาทุกท่านครับ
สยามคเณศ http://www.siamganesh.com

-----------------------------------------------------------------------

คเณศ มังคลาอัษฏกัม - บทบูชาพระพิฆเนศให้เกิดสิริมงคล

สวดเพื่อ - เสริมมงคลแก่ดวงชะตา ขอให้เกิดสิริมงคลในการกระทำการใดๆ
ข้อมูลบทสวด - เป็นบทสรรเสริญพระพิฆเนศ
บรรทัดสุดท้ายของแต่ละบทคือการขอสิริมงคลให้เกิดแก่องค์พระพิฆเนศ
เมื่อสิริมงคลเกิดแก่เทวรูปพระพิฆเนศแล้ว
ก็จะเกิดสิริมงคลต่อไปยัง หิ้งบูชา เครื่องบูชา สถานที่บูชา รวมไปถึงผู้สวดบูชา และผู้คนรอบข้าง

-----------------------------------------------------------------------
โอม คะชานะนายะ คังเคยะ
สะหาชะยะ สะทัตมะเน
เคารี ปะริยา ถันหุชะยา
คะเณศายะอัสตุ มังคะลัม

คำแปล : มหาเทพผู้ทรงมีพระพักต์เป็นช้าง
ทรงเป็นพระเชษฐาแห่งองค์สุพราหมมันยา
ผู้เป็นพลังยิ่งใหญ่และบริสุทธิ์
พระองค์เป็นที่รักยิ่งแห่งพระแม่อุมาเทวี
ขอมงคลจงเกิดแก่พระคเณศด้วยเถิด
-----------------------------------------------------------------------
นาคา ยักโนปะเวถะยา
นาถะ วิฆนา วินาสิเน
นันทะยานิ คานะ นาถะยา
คะเณศายะอัสตุ มังคะลัม

คำแปล :  มหาเทพผู้ทรงงูเป็นสายยัชโยปวีต
ทรงทำลายปัญหานานัปการแก่ผู้ศรัทธา
พระองค์เป็นผู้นำโคนนทิและเหล่าคณะ
ขอมงคลจงเกิดแก่พระคเณศด้วยเถิด
-----------------------------------------------------------------------
อิภะวัก ตรายะ เชนะทราธิ
วันทิถายะ ชิทัตมะเน
อิสะนา เปรมะ ปะถรายะ
เชษถา ทะยะอัสตุ มังคะลัม

คำแปล : มหาเทพผู้ประทานความมั่งคั่งถึงแปดประการ
พระองค์ทรงมีพระเศียรเป็นช้าง ได้รับการเทิดเกียรติจากพระอินทร์และเหล่าเทพ
ผู้เข้าใจในจิตวิญญาณแห่งผู้ศรัทธา
พระองค์เป็นบุตรอันเป็นที่รักยิ่งแห่งพระศิวะ
ขอมงคลจงเกิดแก่พระคเณศด้วยเถิด
-----------------------------------------------------------------------
สุมุขายะ สุสุนโทกะโร
กสิปะถัมมะรุถา กาตะยา ชะ
สุระ ภรุณทะ นิเศวะยายะ
สุขะทายะอัสตุ มังคะลัม

คำแปล : มหาเทพผู้ประทานความปลาบปลื้ม
พระองค์ทรงมีพระพักต์ที่งดงามไร้ที่ติ
ทรงน้ำอัมฤตไว้บนงา ได้รับการรับใช้จากเหล่าเทพเทวา
ขอมงคลจงเกิดแก่พระคเณศด้วยเถิด
-----------------------------------------------------------------------
จะตุระ ภูชายะ จันทะราระถา
วิลาสะนะ มัสถาคะยา ชะ
ชะรันนะวานะ ถานันทะ
ทะยากะอัสตุ มังคะลัม

คำแปล : มหาเทพผู้มีพระบาทอันงดงาม
เป็นที่น่าปลื้มปีติและสุขใจแก่ผู้ศรัทธา พระองค์ผู้ทรงมีสี่พระกร
พระเศียรของพระองค์ได้เปล่งรัศมีอันแพรวพราวด้วยเสี้ยวจันทร์
ขอมงคลจงเกิดแก่พระคเณศด้วยเถิด
-----------------------------------------------------------------------
วักระตุนทายะ วาตะเว
วันถะยายะ วะรัตถะยา ชะ
วิรูปักษา สุถายัสตุ
วิฆนา นะสายะ มังคะลัม

คำแปล : มหาเทพผู้ทำลายสรรพอุปสรรค
พระองค์มีงาข้างเดียว ดำรงอยู่อย่างโสดสันโดษ
ได้รับการสรรเสริญจากคณะเทพและคณะบริวาร
ผู้ทรงประทานพรคุณานุปการแก่ผู้ศรัทธา
ขอมงคลจงเกิดแก่พระคเณศด้วยเถิด
-----------------------------------------------------------------------
ประโมถะ โมถะ รูปายะ
สิทธิ วิชญานะ รูปิเน
ประกฤษตะ ปาปะ นะสายะ
ผละถายะอัสตุ มังคะลัม

คำแปล : มหาเทพผู้ประทานผลสำเร็จอยู่เสมอ
พระองค์ทรงชื่นชอบขนมโมทกะ
ทรงปรีชาญาณและเป็นปราชญ์เสมอ ผู้ทรงทำลายบาปทั้งปวง
ขอมงคลจงเกิดแก่พระคเณศด้วยเถิด
-----------------------------------------------------------------------
มังคะลัม คะณะ นะถายะ
มังคะลัม หะรา สุนะเว
มังคะลัม วิฆนา ราชายะ
วิฆนาหาระ ถะเรยะอัสตุ มังคะลัม

คำแปล : ขอมงคลจงเกิดแก่พระคเณศ ผู้ขจัดซึ่งอุปสรรค
ขอมงคลจงเกิดแก่พระคเณศ ผู้เป็นนายแห่งคณะบริวาร
ขอมงคลจงเกิดแก่พระคเณศ ผู้เป็นบุตรแห่งพระศิวะมหาเทพ
ขอมงคลจงเกิดแก่พระคเณศ ผู้เป็นองค์ราชันย์แห่งอุปสรรคทั้งปวง
-----------------------------------------------------------------------
สะโลกาอัสตะกามิถัม ปุณยัม
มังคะลา ประถัม อาถารัถ
ปะติถะวิยัม ประยัตถะเนนะ
สารวะ วิฆนา นิวะรุถายะ

คำแปล : ข้าพเจ้าได้สาธยายมนตรา
มหามงคลแปดประการแห่งองค์พระคเณศนี้ด้วยความภักดี
ด้วยความศรัทธาและไร้ซึ่งความกังขาใดๆ
ขอพระองค์โปรดขจัดซึ่งนานาอุปสรรคแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด

=======================================

ขอให้ผู้ศรัทธาที่สวดมนต์บทนี้
จงมีแต่ความสุข ได้รับสิริมงคลในชีวิตตลอดไปนะครับ

สยามคเณศ