Loader
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - white rose.

#1
รูปพระนารายณ์ เปิดลิ๊งค์ข้างล่างนี้ดูได้เลยค่ะ...

http://www.maameu.ath.cx/forum/index.php?topic=7053.msg

รูปพระกฤษณะกับพระแม่ราธาเปิดลิ๊งข่างล่างนี้ดูค่ะ...

http://www.maameu.ath.cx/forum/index.php?topic=7042.msg

#2
สุขสันต์วันเกิด จ้ะน้องเอ๋....

4 ก.ค..เวียนบรรจบ..ครบอีกหน
ความทุกข์ทน..เคยรุมเร้า..แต่คราวก่อน
รุกหัวใจ..น้องพี่..แทบขาดรอน
จงจากจร..สลายไป..กับสายลม

ต่อจากนี้..สิ่งดีดี..ขอบังเกิด
ให้เลอเลิศ..กว่าใครใคร..ในอาศรม
ปรารถนา..สมหวัง..ดั่งอารมณ์
คนนิยม...รักใคร่..มอบไมตรี

ขอพรเทพ..เทวา..ทั้งหล้าโลก
อวยพรโชค..วาสนา..พาสุขศรี
คิดได้เงิน..กองตรงหน้า..อย่ารอรี
เป็นเศรษฐี..รวยทรัพย์..นับอนันต์....

พี่กุหลาบขาว...
#3
สุขสันต์วันคล้ายเกิดน้องคิว และคุณDeejayxzนะคะ ขอให้สุขภาพแข็งแรงเงินทองไหลมาเทมา
จนนับไม่ไหวค่ะ..(อย่าลืมแบ่งให้พี่ใช้บ้่างนะ..)...
   
#4
http://buddha-thushaveiheard.com/page_02.html

ที่มา---www
.buddha-thushaveiheard.com

เป็นอะนิเมชั่นพุทธประวัติฝีมือคนไทย ที่งดงาม สร้างขึ้นมาด้วยเจตนาบริสุทธิ์ยิ่ง

เป็นอะไรที่น่าชื่นชมศรัทธามากค่ะ

ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ดำริริเริ่มและดำเนินการผลิต น้ำใจช่างงามเหลือ

อยากให้ดูและช่วยกันเผยแพร่ต่อไป

ให้ชมของงามของดี จะได้เจอแต่สิ่งดี ๆ งาม ๆ

เพราะเราต่างเป็นเครือข่าย "กัลยาณมิตร" ที่มีคุณภาพในมิตรภาพ เพื่อไปสู่สันติภาพสืบไปค่ะ

ขอขอบคุณ ร.อ.สุธี  สุขสากล อนุศาสนาจารย์ กรมทหารราบที่ ๑ มหาดเล็กรักษาพระองค์ ฯที่ส่งลิ๊งนี้มาให้ค่ะ...


กุหลาบขาว...
#5
      
 
       

 

                var fsi = $('fullSizedImage');      var onFsi = function(event) {      pageTags.addTagListToImg('fullSizedImage', [            ]);      Event.stopObserving(fsi, 'load', onFsi);      }      Event.observe(fsi, 'load', onFsi);      

      
                  
      
                         
       
      Tags in this image:      
   
      
      
         
      
         
      
                           
         
             
#6
      
 
       

 

                var fsi = $('fullSizedImage');      var onFsi = function(event) {      pageTags.addTagListToImg('fullSizedImage', [            ]);      Event.stopObserving(fsi, 'load', onFsi);      }      Event.observe(fsi, 'load', onFsi);      

      
                                                         
    Tags in this image:      
   
      
      
         
      
#7
      
 
       

 

                var fsi = $('fullSizedImage');      var onFsi = function(event) {      pageTags.addTagListToImg('fullSizedImage', [            ]);      Event.stopObserving(fsi, 'load', onFsi);      }      Event.observe(fsi, 'load', onFsi);      

      
                                                         
    Tags in this image:      
   
      
      
         
      
#8

      
 
       

 

                var fsi = $('fullSizedImage');      var onFsi = function(event) {      pageTags.addTagListToImg('fullSizedImage', [            ]);      Event.stopObserving(fsi, 'load', onFsi);      }      Event.observe(fsi, 'load', onFsi);      

      
                                                         
    Tags in this image:      
   
      
      
         
      
#9
 
      
 
       

 

                var fsi = $('fullSizedImage');      var onFsi = function(event) {      pageTags.addTagListToImg('fullSizedImage', [            ]);      Event.stopObserving(fsi, 'load', onFsi);      }      Event.observe(fsi, 'load', onFsi);      

      
                  
      
                         
       
      Tags in this image:      
   
      
      
         
      
         
      
                           
         
             
#10
น้องเสือเก่งจริงๆ ขอชมๆ....มีดสวยมากๆค่ะ...
#11
พอดีพีี่ไปเปิดเจอค่ะ  เลยเอามาฝาก....






Satya Sai BaBa นักมายากล หรือ บุคคลผู้บรรลุ


สัตยา ไส บาบา เป็นคุรุหรือ ' กูรู ' อีกคนหนึ่งที่คนไทยรู้จักกันดี

ภาพประทับใจที่คนนึกถึงไส บาบามักเกี่ยวข้องกับอิทธิฤทธิ์อภินิหาร หรือปาฏิหาริย์ประเภทคว้าให้กลายเป็นทองคำ หรือไม่ก็เสกให้มีขี้ธูปออกมาจากแจกันเปล่าได้ แต่ละครั้งที่ไสบาบาปรากฏตัวจะมีคนมากมายรายล้อมรอชมปาฏิหาริย์ จนทางการอินเดียต้องสั่งให้ไส บาบาหยุด

ไสบาบา กล่าวว่าตนเป็นองค์อวตารของไส บาบา แห่งเมืองชรีดี ( Shridi )ซึ่งถือเป็นคุรุที่ชาวอินเดียให้ความนับถืออย่างมากรถยนต์แทบทุกคันจะติดภาพของไสบาบาไว้ที่หน้ากระจกรถเพื่อเป็นสิริมงคลต่อรถและชีวิต แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไส บาบาสอนก็เน้นย้ำ การไม่แบ่งแยกศาสนา พูดถึงความเป็นหนึ่งเดียวกัน และความรักที่ไม่มีขีดจำกัด

"การมาของท่านนั้นไม่ได้มาเพื่อจะรบกวน หรือทำลายความศรัทธาใด ๆแต่มาเพื่อยืนยันความเชื่อและความศรัทธาของแต่ละท่านซึ่งคริสเตียนก็จะเป็นคริสเตียนที่ดี และมุสลิมก็จะเป็นมุสลิมที่ดีและฮินดูก็จะเป็นฮินดูที่ดี " สานุศิษย์ของไส บาบา ยืนยัน

ทุกวันนี้ Prasanthi Nilayam แห่งเมืองพุทธปาตี แห่งรัฐอันธรประเทศทางใต้ของประเทศอินเดีย ยังเต็มไปด้วยผู้คนที่มาจากทั่วสารทิศ และทั่วโลกโดยเฉพาะช่วงวันเกิดของไส บาบาในเดือนพฤศจิกายนเราจะเห็นผู้คนแห่แหนเข้าไปที่อาศรม คนเหล่านั้นต่างขับร้องเพลงเพื่อบูชาและสรรเสริญไส บาบา

แต่พ้นไปจากอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์แล้ว ว่ากันว่าคำสอน แนวปฏิบัติ รวมถึงสิ่งที่ไส บาบาทำให้กับสังคมล้วนเกาะเกี่ยวกับเรื่องราวแห่ง สติปัญญา ไม่ว่าจะเป็นธรรมะที่เผยแผ่ โรงเรียนที่สร้างรูปแบบการศึกษาผสานกับสมาธิ คุณธรรมที่เน้นย้ำ โรงพยาบาลบ้านพักของคนไร้ที่อยู่

ไม่เพียงที่อินเดียเท่านั้น องค์กรสัตยาไส และโรงเรียนสัตยาไส ยังเผยแผ่ไปทั่วโลก แม้กระทั่งในเมืองไทยโรงเรียนสัตยาไสของ ดร. อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ก็เป็นส่วนหนึ่งดำเนินตามแนวคิดนี้

มีคนเคยถามต่อหน้าว่า แท้จริงแล้วสัตยา ไส บาบาเป็นใคร ท่านตอบว่า "ฉันคือพระเจ้า และคุณคือพระเจ้า แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่ต่างกันระหว่างคุณกับฉัน นั่นคือ ขณะที่ฉันตระหนักรู้กับมันแต่คุณกลับไม่ตระหนักรู้อะไรเลย "
คำสอนของสัตยา ไส บาบา เน้นถึงหนทางที่นำไปสู่ความหมายของชีวิต 5 ข้อ อันได้แก่ สัจจะ การมีธรรมะ มีสันติ มีความรัก และยึดหลักอหิงสา ขณะเดียวกันก็ให้รักพระเจ้า เกรงกลัวต่อบาป และรับผิดชอบต่อสังคม

ที่มา...http://www.google.com/imgres?imgurl=http://www.saibaba-aclearview.com/saibaba26jan/saibaba06.jpg&imgrefurl=http://webboard.wongnamcha.com/index.php%3Ftopic%3D447.0&usg=__7lNX4z4AHGueiVcjk1_fpXZ03_o=&h=430&w=550&sz=21&hl=en&start=5&um=1&itbs=1&tbnid=zFd-bp1C9TjbQM:&tbnh=104&tbnw=133&prev=/images%3Fq%3D%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B4%2B%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%25AA%2B%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25B2%26um%3D1%26hl%3Den%26sa%3DN%26tbs%3Disch:1
#12
คุณกลฺยาณํ ได้เขียนบทความเกี่ยวกับเฮนน่า หรือการเพ้นท์ร่างกายไว้ค่ะ ลองอ่านดูนะคะ...

http://www.maameu.ath.cx/forum/index.php?topic=7910.msg22469;topicseen#new
#14
 

ส.ค.ส...แทนใจ..ให้น้อง พี่
กุหลาบขาว..ร้อยกวี..มีความหมาย
ส่งตรงถึง..สมาชิก..ทั้งหญิงชาย
ทั้งไกลใกล้..หรือต่างแคว้น..สุดแดนดิน

ขอยอกร..น้อมประนม..ก้มเกศา
อาราธนา..พระรัตนตรัย..ใจถวิล
แลทวยเทพ..เทวา..ทั่วฟ้าดิน
ปู่ฤษีทั้ง 108..หากยลยิน..โปรดเมตตา

เสด็จมา..ประทานพร..อันศักดิ์สิทธิ์
ที่เรืองฤทธิ์..แด่มิ่งมิตร..ทั่วทิศา
มีความสุข..ปราศผองภัย..ไร้โรคา
ทั้งเงินตรา..มากมีทรัพย์..นับอนันต์

อีกหน้าที่..การงาน..จงก้าวหน้า
โชควาสนา..เรื่องรุ่ง..พุ่งไพศาล
คิดได้เพชร..ได้ทอง..มากองพลัน
จงสุขสันต์..สุขี..ปีใหม่เทอญ...

ประพันธ์โดย....
กุหลาบขาว
#15
 
พระแม่ทุรคาเทวี
เทพรวมบารมีสร้าง
"ทุรคาเทวี"
เทวดาพร้อมใจมอบอาวุธคู่กาย

    พระมหิษะ เป็นบุตรของอสูรรัมภะกับควายเพศเมียตัวหนึ่ง ความ
เดิมนั้นอสูรสองพี่น้องพระรัมภะและกรัมพะ ไม่มีโอรสสืบสกุล อสูรทั้ง
สองได้เดินทางไปยังริมฝั่งแม่น้ำ ปัญจนัท เพื่อถือพรตกรรมฐาน ฝ่าย
กรัมพะได้ประกอบสมาธิในน้ำ ฝ่ายรัมภะประกอบพิธีสมาธิบนบกการ
บำเพ็ญในครั้งนี้พระอินทร์เห็นว่าจะเป็นภัยต่อจักรวาลภายหน้า จึง
คิดหาหนทางกำจัดเพื่อตัดไฟแต่ต้นลมพระอินทร์ได้แปลงเป็นจระเข้
ขนาดใหญ่กัดกรัมพะถึงแก่ความตาย
   ฝ่ายอสูรผู้น้อง เมื่อเห็นพี่ชายสิ้นชีพไปก็เกิดความเคียดแค้น ตั้งใจ
จะถวายศรีษะของตนให้กับพระเพลิง ฝ่ายพระเพลิงได้ห้ามปรามไว้
และประทานพรให้ตามความปรารถนา รัมภะได้ขอพรว่า ขอให้ตนมี
ลูกชายตนหนึ่งมีชีวิตที่เป็นอมตะเก่งกาจกล้าหาญยิ่งใหญ่ในสามโลก
   หลังได้คำพรอสูรรัมภะได้เดินทางกลับระหว่างทางได้พบความเพศ
เมียเข้าตัวหนึ่งจึงได้ร่วมสังวาสและนำนางควายผู้เป็นภรรยานั้นกลับ
เมืองบาดาลต่อไป
   ระหว่างทาง รัมภะ ถูกควายตัวผู้ซึ่งมีความพิศสมัยในควายเพศเมีย
ที่อสูรรัมภะพามาด้วยขวิดจนตาย บรรดาบริวารอสูรได้สังหารควาย
ตัวผู้นั้น และนำศพอสูรที่สิ้นชีพมาทำพิธีศพตามลัทธิศาสนาของตน
ระหว่างการเผาศพอสูรนั้น นางควายรู้สึกเศร้าสร้อยจิตใจสลดหดหู่
เป็นที่สุดสุดท้ายนางตัดสินใจกระโดดเข้ากองไฟตายตามสามีแต่เมื่อ
เถ้าถ่านมอดลงเกิดสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นมีทารกน้อยคนหนึ่งถือกำเนิดขึ้น
และนอนอยู่บนกองขี้เถ้า ทารกคนนี้เป็นบุตรของรัมภะและนางควาย
ตัวเมีย และมีชื่อต่อมาว่า พระมหิษะ หรือ พระมหิษะสูร ต่อมาได้เป็น
กษัตริย์สืบต่อราชบัลลังก์จากบิดา....

ต่อมามหิษาสูร ได้สำรวมสมาธิกรรมฐาน ณ.เทือกเขาพระสุเมรุ ด้วยการระลึกถึงพระ
พรหม อยู่นานถึง 10,000 ปี พระพรหมพอพระทัยมากและให้คำพรว่า จะเป็นผู้มีชี
วิตเป็นอมตะ ไม่ว่าเทพเจ้า มนุษย์ อสูรเพศชาย ก็มิอาจสังหารให้ถึงแก่ชีวิตได้ แต่ผู้
ที่จะสังหารอสูรนี้ได้ต้องเป็นหญิงสาวที่ไม่ได้ถือกำเนิดจากธรรมชาติ พูดง่ายๆคือ ไม่
ได้เกิดแต่ครรภ์มารดา เป็นหนึ่งในอำนาจทั้งหมดของจักรวาลเท่านั้นที่จะประหารได้
   ต่อมามหิษาสูร ได้รวมพรรคพวกอสูรทั้งหลาย ขึ้นไปรุกรานบนสรวงสวรรค์แต่ไม่มี
เทพเทวดาพระองค์ใดเลยที่จะทำลายอสูรตนนี้ได้การสู้รบระหว่างอสูรและเทวดายาว
นานนับร้อยปีในที่สุดพระพรหมต้องเข้ามาคลี่คลายความข้องใจให้กับเทวดาทั้งหลาย
ว่า มหิษาสูรจะสิ้นชีพด้วยน้ำมือของผู้หญิงเพียงคนเดียว ซึ่งไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาหรือ
เทพธิดาใดๆที่มีอยู่แต่พวกมหาเทพทั้งหลายต้องร่วมมือกันสร้างผู้หยิงยิ่งใหญ่พระนาง
หนึ่งขึ้นมาเพื่อการนี้  เทพธิดาพระองค์นี้ต้องเกิดจากอำนาจของเทวะทั้งหมดมารวม
กัน.....
พวกเทพทั้งหลายก็เลยต้องมอบพลังของแต่ละพระองค์ เพื่อสร้างธิดาองค์นี้ขณะเดียว
กันเทวดาทั้งหลายก็ต้องมอบอาวุธอันยิ่งใหญ่ให้แก่นางด้วย และพลังอำนาจทั้งหมดนี้
ยังผลให้เกิด พระทรุคา นางซึ่งมิได้เกิดแต่ครรภ์มารดา ซึ่งคุณลักษณะของพระนางทั้ง
ร่าง เกิดจาก.....

พระพักตร์อันสวยงามหมดจดนั้น
-เกิดจากอำนาจแห่งพระศิวะเทพ
พระเกศาที่ดำเป็นเงาวาว
-เกิดจากอำนาจของพระยมราช
เนตรกลมโต ขอบตาเป็นสีขาว ปลายแดง คิ้วโก่ง
-เกิดจากอำนาจของพระแม่สันธนา
พระกรรณ
-เกิดจากอำนาจของพระวายุ
จมูกที่เป็นสันโด่ง
-เกิดจากอำนาจของท้าวกุเบร
ฟันที่เรียงงามแวววาวประดุจเพชร
-เกิดจากพระทักษะประชาบดี
ริมฝีปากล่างสีแดง
-เกิดจากอำนาจของพระวรุณ
ริมฝีปากบน
-เกิดจากอำนาจของพระขันธกุมาร
พระกรทั้ง 18 ที่งดงามได้สัดส่วน
-เกิดจากอำนาจพระวิษณุเทพ
นิ้วเรียวยาว
-เกิดจากอำนาจของพระวสุส์
เต้านมที่กมกลึงดั่งปทุมมาลย์นั้น
-เกิดจากอำนาจของพระโสม
สะดือ 3 รู
-เกิดจากอำนาจของพระอินทร์
พระฌงค์ และ น่อง
-เกิดจากอำนาจของพระวรุณ
สะโพกอันกว้างใหญ่นั้น
-เกิดจากอำนาจของพระธรณี

บรรดาทวยเทพทั้งหลายต่างยินดีร้องเพลงสรรเสริญพระแม่พร้อมกับมอบศาสตราวุธให้...

พระกษิโรธ (พระสมุทรน้ำนม)
-มอบสร้อยคอที่ทำด้วยเพชรและผ้าไหมชั้นดี 2 ชิ้น ซึ่งไม่มีวันเก่า
แม้เวลาจะล่วงเลยไปนานสักเพียงใด
พระวิษวกรรม
-มอบสังวาลย์เพชร ต่างหู เข็มขัด รัดแขนที่มีประกายดุจอาทิตย์ร้อย
ดวง
พระวรุณ
-มอบมาลัยดอกไม้และดอกบัวสวรรค์ที่ไม่มีวันอับเฉาส่งกลิ่นหอมตลอด
เวลาเพื่อสวมพระศอ
พระหิมวัต(เจ้าแห่งหิมาลัย)
-มอบเครื่องเพชรพลอยเป็นจำนวนมากและสิงห์โตทองคำ ให้เป็นพา
หนะ
พนะอินทร์
-มอบอาวุธอสุนีบาตและระฆังทองคำที่มีเสียงอันดังซึ่งเคยแขวนไว้กับ
ช้างเอราวัณแก่พระแม่
พระวิษณุเทพ
-มอบจักร อาวุธที่สามารถตัดหัวอสูรได้ในพริบตา
พระศิวะเทพ-มอบตรีศูล
พระวรุณ-มอบสังข์ขาว
พระอัคคี-มอบศาสตราวุธ ศัตฆานิ
พระมรุต(พระพาย)-มอบคันศร และ ลูกธนู
พระยม-มอบตะบองที่สามารถเรียกชีวิตมนุษย์
พระพรหม-มอบหม้อน้ำกมันทลุ ที่ใส่น้ำจากพระคงคาำไว้เต็ม
พระวรุณ-มอบบ่วงบาศก์
พระกาล-มอบขวาน และ กำบังอาวุธ
พระวิศวกรรม-มอบปรศุ อาวุธที่แหลมคม
พระกุเบร-มอบหม้อทองคำใส่น้ำจันทน์
พระวิศวกรรม-มอบคธากุโมทกี ที่สามารถฆ่าศัตตรูได้รวดเร็ว
พระอาทิตย์-ถวายรัศมี....
จากนั้นบรรดาทวยเทพทั้งหลายได้สรรเสริญ และกราบทูลให้ช่วยทำศึกกับมหิษาสูร
เมื่อพระนางเคลื่อนทัพสู่สนามรบ ฝ่ายอสูรได้เห็นความงดงามของพระนาง คิดอยาก
จะได้พระนางเป็นคู่ครอง ขณะเดียวกันนางได้ประกาศว่า พระนางคือมารดาแห่งเทวะ
ถือกำเนิดมาเพื่อทำลายพรของพระพรหมที่มอบให้มหิษาสูร การต่อสู้ระหว่างมหาเทวี
ทุรคากับอสูรเป็นไปอย่างดุเดือด อสูรร้ายแปลงร่างเป็นสิงห์โตและช้างที่มีงวงยาวใหญ่
รูดภูเขาเหวี่ยงใส่พระแม่ แต่นางได้ใช้ลูกศรทลายภูเขาจนแหลกละเอียด สิงห์โตทอง
คำสัตว์พาหนะของพระแม่ กระโจนใส่สู้ศึกกับช้างของอสูร จิกข่วนจนเลือดไหลท่วมตัว
จากนั้นพระแม่ได้ใช้ดาบตัดงวงช้างให้กระเด็นไปคนละทาง อสูรไม่สิ้นฤทธิ์แปลงเป็น
สรภะ แต่ถูกพระแม่ฟาดฟันจนเลือดอาบทั่วร่าง สุดท้ายอสูรแปลงเป็นควายใหญ่ตามรูป
แบบที่มีเชื้อสายของควาย ใช้เขาไล่แทงพระแม่ทุรคา พระนางทรงใช้ตรีศูลแทงควาย
จนล้มลงตามด้วยการใช้จักรนารายณ์ตัดเศียรควายจนสิ้นชีพทันที
   พระแม่ทุรคาเทวี กลับสู่มณูทวีปสถานศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา และได้พระนามใหม่ว่า พระ
แม่มหิษา ศิรานี (พระแม่ผู้ประหารอสูรร้ายมหิษะ) อันเป็นตำนานการจุติของพระแม่
   ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวและตำนานของพระแม่เจ้าศรีมหาอุมาเทวีในภาคและปางต่างๆ
ซึ่งมีทั้งปางที่เต็มไปด้วยความกรุณาอันหาที่สุดมิได้และปางดุร้าย ที่แม้แต่พระศิวะเทพผู้
เป็นพระสวามียังเกรงในพระบารมี ด้วยเหตุที่เต็มไปด้วยบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์มากมาย
กว่าเทพสตรีองค์อื่น จึงทำให้พระนางมีลัทธิบูชาเป็นการเฉพาะขึ้น และค่อนข้างจะเข้ม
แข็งมาจนถึงทุกวันนี้ จนมีศักดิ์เทียบเท่า หรือ อาจเหนือกว่ามหาเทพบางพระองค์ด้วย
ซ้ำไป...

สิ่งที่พระแม่เจ้าศรีทุรคาทรงโปรด

การบูชาพระแม่เจ้าศรีทุรคาความสำคัญพิเศษสำหรับพระองค์ที่เราควรจะถวายคือผลมะพร้าว, ธง, ใบพลู,หมาก, และผ้าดาดเพดาน,สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงธรรมชาติของพระแม่เจ้าศรีทุรคาและบ่งบอกถึงความภักดีที่แท้จริง

ผลมะพร้าว
ร่างกายของเราก็เหมือนกับเปลือกมะพร้าวจากภายนอกเปลือกมันอาจถูกหุ้มห่อด้วยความสก
ปรกหรือผ้าที่ขาดวิ่นแต่ภายในหัวใจของเรา ควรจะสะอาด ขาว และนิ่มนวลเหมือนกับผลมะพร้าว ฉะนั้นความเป็นสุภาพบุรุษ ควรเปรียบด้วยกับผลมะพร้าว "นารี อีล สม กรหธริศยนฺเต สุหชหนา "ฉะนั้นใจที่บริสุทธิ์ก็เหมือนกับผลมะพร้าวเป็นใจที่อิสระจากจิตชั่วตัวอย่าง การข่มขืน,หรือการมองสตรีกับด้วยความตั้งใจชั่ว,หรือมองในแง่ชั่ว,โลภอยากได้สิ่งของ ๆ ผู้อื่น,หรือขโมยสิ่งของของคนอื่น,ตั้งใจทำกรรมชั่ว,สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดควรนำไปมอบถวายให้แก่พระ
แม่เจ้าศรีทุรคา

ธง
สีธงของพระแม่เจ้านั้นป็นสีแดงสีแดงเป็นสัญลักษณ์ของความรุ่งเรือง และความประเสริฐยิ่งเป็นความสูงส่งของธงคุณสมบัติของความประเสริฐหรือความรุ่งเรืองเรา
ค้นพบว่ามีอยู่ในบุคคลเหล่านี้ผู้มีคุณลักษณะอันบริสุทธิ์ชีวิตของเขาเปี่ยมล้นไปด้วยความภักดีและผู้พิจารณาเห็นว่าหน้าที่สำคัญของเขาก็เพื่อเผยแพร่
ชื่อเสียงของพระเป็นเจ้าและผู้มีศรัทธาอันมั่นคงในพระเป็นเจ้าการปรับคุณสมบัติของพระเป็นเจ้าเหล่านี้ให้เข้าไปอยู่ในตนก็หมายถึงการยกธงของพระแม่
เจ้าศรีทุรคาเท่านั้น

ใบพลู และหมาก
ใบพลู และหมาก มีคุณสมบัติที่จะทำการย่อยอาหารและสิ่งเหล่านี้สอนเราให้รู้ว่าความรู้นั้นบรรจุไว้ในคัมภีร์อัน
ศักดิ์สิทธิ์และได้ให้ไว้ในคำสอนของบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งเราควรรับเอาไว้อย่างเหมาะสมและทำ
ให้มันย่อยออกมา และเราควรหล่อหลอมชีวิตของเรา ตามคำสอนเหล่านี้ดังนั้นเราต้องมอบชีวิตที่หลอมหล่อแล้วของเรา คือใบพลูและหมากเท่านั้นควรถวายแด่พระแม่เจ้าศรีทุรคา

ผ้าดาดเพดาน
ผ้าดาดเพดาน และมงกุฏ
เป็นสิ่งสองสิ่งที่ต่างกันมงกุฏเป็นสัญลักษณ์ของพระเป็นเจ้าและผ้าดาดเพดานเป็นสัญลักษณ์ของคำสั่งของพระเป็นเจ้า มงกุฎย่อมอยู่ภายใต้ผ้าดาดเพดานเสมอ ๆ และจริง ๆ แล้วผ้าดาดเพดานทำความงดงามให้แก่มงกุฎซึ่งสวยสดงดงามยิ่งขึ้น ฉะนั้นฐานะอะไรก็ตามที่เรายึดถืออยู่จะเป็นเจ้าครองนคร เป็นราชา เป็นนักปกครองหรือเป็นเจ้าของบ้านเราควรดำเนินการตามคำชี้นำของพระแม่เจ้าดังนั้นการกระทำตามหน้าที่ของเราก็เหมือนกับการถวายผ้าดาดเพดานให้แก่พระแม่เจ้าศรีทรุ
ดาตามคำบอกเล่า นิยายของเรามีความจริงอยู่ว่าเมื่อจักรพรรดิ์อักบาร์ทรงดำเนินเท้าเปล่า และแสดงพระองค์เองที่ดารบาร(สถานที่ศักดิ์สิทธิ์)ของพระแม่เจ้าศรีทุรคาและถวายฉัตรแด่พระแม่เจ้านั้นแสดงให้เห็นว่าพระองค์กับด้วยประสบการณ์ของพระองค์ทรง
พิจารณาเห็นว่าอำนาจของพระองค์ต่ำต้อยและรู้สึกว่าพระเป็นเจ้าในรูปแบบของพระแม่เจ้าศรี
ทุรคาเป็นผู้สูงส่งฉะนั้น ขณะที่เราถวายสิ่งของที่พระแม่เจ้าศรีทุรคาทรงโปรด
เราจะต้องถวายคุณสมบัติที่แท้จริงซึ่งแต่ละคุณสมบัติล้วนเป็นตัวแทนแด่พระแม่เจ้า


สาเหตุที่พระแม่เจ้ามีพระกร 8 กร

***ประการแรก
พระแม่เจ้าทุรคามีอำนาจอันสูงสุด  มีพละกำลัง  มีธรรมชาติ สิ่งเหล่านี้เป็นชื่อ
ต่างๆของพระแม่เจ้าองค์เดียว และเป็นสิ่งเหมือนกัน ชื่อต่างๆของ(อำนาจ)
***พระกรแปดพระกรของพระแม่เจ้าทุรคา ย่อมเป็นตัวแทนของกรต่างๆ แปด
กรของธรรมชาติ คือ ดังนี้...
1.อวยกัต   ไม่มีรูปร่าง
2.เมหัต    สำคัญ
3.อหังการ   ความลำพอง
4.ศัพทะ    วจนะ
5.สปรัศ     สัมผัส
6.รูป       รูปร่าง
7.รส       รส
8.คันธ     กลิ่นหอม   
   กรทั้งแปดกรนี้ บอกเราให้รู้ว่าเราสามารถมองเห็นพระเจ้าได้เท่าๆกับเรามอง
ไม่เห็นท่านพระเป็นเจ้านั้นอยู่ในชีวิตเราเท่าๆกับอยู่ในความตาย พระองค์ปรากฏใน
อณูทุกๆอณูฉะนั้นเราควรเห็นพระองค์ในทุกๆคน และปฏิบัติต่อทุกๆคนในลักษณะ
อาการที่เต็มไปด้วยความสัจจะ

***ประการที่ 2
พระกรทั้งแปด เป็นตัวแทนอำนาจแปดอย่าง(อำนาจธรรมชาติอันสูงสุด)

1.อนิม    กลับกลายเป็นเล็กได้
2.มหิม    กลับกลายเป็นใหญ๋ได้
3.มริม   ได้น้ำหนัก
4.ลหิม   ทำให้เบาได้
5.ปราปติ    ได้ครอบครองสิ่งที่ผู้อื่นไม่อาจทำได้
6.ปรกมย   ปรารถนาสิ่งใดย่อมได้สิ่งนั้นมา
7.อิศิตว   ปราศจากความกลัว
8.วศิตว    ดึงดูดให้ทุกๆคนเข้ามา

    อำนาจแปดอย่างเหล่านั้นทั้งหมดสามารถจะเกิดแก่เราได้โดยการบูชาพระแม่เจ้าผู้เปี่ยม
ด้วยอำนาจเท่านั้นเช่นเดียวกับด้วยพระพรของพระแม่เจ้าสีดาซึ่งหนุมานได้อำนาจทั้งหมดเหล่า
นั้นเป็นรางวัล
"อศฏ สิทฺธินว นิธิ เก ทาต อวสร ทินา ชนวิ มาตา"
ในคัมภีร์ปุราณและรามายานะ และคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ เช่นนั้น๙ึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่า พระอินทร์และ
เทพอื่นๆเมฆนาถ,อหิราวันและนักรบที่กล้าหาญอื่นๆ บูชาจันทิเทพี เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ

***ประการที่สาม
   การเผชิญกับอสูรร้ายและสามารถเอาชนะมันได้เช่นอำนาจที่ทำให้เราคิดถึงความชั่วร้ายของ
กระทำความชั่วเป็นต้น มันเป็นความจำเป็นที่เราจะต้องบูชาอำนาจของเทพที่มีทั้งแปดกร ที่เรียก
ว่า"จักตามพะ"เป็นการแสดงอำนาจอันสูงสุด ดังนี้...

1.สวัสถย    การมีสุขภาพดี
2.วิทย      การศึกษา
3.ธน      ทรัพย์สมบัติ
4.วยวัสถ     องค์การ
5.สังคธาน   ความเป็นอันเดียวกัน
6.ยศ      ชื่อเสียง
7.โศรยา     ความรุ่งโรจน์
8.สัจจะ     ความจริง
  การที่จะได้มาซึ่งอำนาจเหล่านี้  มันขึ้นอยู่กับการบูชาพระแม่เจ้าทุรคาผู้นั้น โดยผู้นั้นจะต้อง
มีจิตใจที่บริสุทธิ์

***ความสำคัญของสัญลักษณ์ทั้งแปด ซึ่งอยู่ในกรทั้งแปดกรของพระองค์มีดังนี้...

1.จักร(ล้อ) แสดงถึงอำนาจซึ่งหมุนโลกให้อยู่ในลักษณะการอันเป็นระเบียบ
2.ตัลวาร(ดาบ) แสดงถึงความแหลมคมของปัญญาซึ่งสามารถตัดความรู้สึกชั่วร้ายต่อคน
อื่นออกไปได้
3.บาน(ลูกศร) แสดงถึงจุดหมายอันแท้จริงของชีวิตเต็มเปี่ยมบริบูรณ์
4.อาชีรวาท(ท่าทางของการให้พร) แสดงถึงการช่วยเหลือสรรพสัตว์และรับประกันถึงความ
ปลอดภัย
5.มาลา(พวงมาลัย) เป็นการชี้ให้เห็นว่าบุคคลควรสวดอ้อนวอนแด่พระเป็นเจ้าในชีวิตของเขา
อย่างสม่ำเสมอ
6.ศังข(สังข์) ชี้ให้เห็นว่าความรู้ได้บรรจุไว้ในคัมภีร์ต่างๆเช่นพระเวท และคัมภีร์อื่นๆ นักบุญ
และครูทั้งหลาย ได้บอกว่าเราควรศึกษา
7.คทา(ไม่พลอง) แสดงให้เห็นถึงอำนาจซึ่งสามารถทำลายกำแพงแห่งความชั่วร้าย
8.กมล(ดอกบัว) แสดงให้เห็นถึงความอ่อนโยนของหัวใจของมารดาที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา   
         


นำเสนอข้อมูลโดย...กุหลาบขาว

หนังสืออ้างอิง...ตำนานมหาเทพฉบับสมบูรณ์
#16
กำเนิดพระแม่มหากาลี

อสูรศุมภะและอสูรนิศุมภะ กษัตริย์อสูรพี่น้องได้ขึ้นมาจากบาดาลมาเพิ่มพลังอำนาจด้วย
ได้พรจากพระพรหมในลักษณะเดียวกับมหิษาสูรในกลุ่มอสูรมียอดฝีมืออยู่หลายตนโดย
เฉพาะมาธูอสูรเป็นอสูรที่เคยได้รับพรจากพระศิวะให้มีชีวิตที่เป็นอมตะแม้เลือดหนึ่งหยด
หล่นถึงพื้นดินจะให้กำเนิดอสูรเป็นจำนวนมากแบบไม่มีวันสิ้นสุด ต่อมาอสูรกลุ่มนี้เที่ยว
รุกรานอสูรกลุ่มอื่นและลุกลามสู่แดนสวรรค์ของเหล่าเทวดา จนได้โอกาสเอาสวรรค์
เป็นเมืองขึ้นได้ปกครองสวรรค์อยู่นาน 1,000 ปีเต็ม จนบรรดาเทวดาที่ถูกขับไล่จากสวรรค์
ได้จัดพิธีบวงสรวงต่อพระแม่ภควตี เป็นอีกพระนามหนึ่งของพระแม่ศักติ-ศิวา ทุรคาเทวีอุมา
-ปราวตี อัมพิกา)เพื่อให้พระแม่ประทานพรในการช่วยปราบอสูรร้ายตนนี้พระแม่อุมา-ปราวตี
ทรงแบ่งภาคเป็น พระแม่กาลิกาหรืออีกพระนามหนึ่งว่า พระแม่กาลราตรีมีผิวดำน่ากลัวด้วย
มายาอันยิ่งใหญ่ของพระแม่ศักติ-ศิวา ได้แสดงรูปโฉมงดงามเป็นพระแม่อัมพิกา ขี่สิงห์โตเป็น
สัตว์พาหนะเสด็จสู่สนามรบโดยมีพระแม่กาลิกา เสด็จตามไปด้วย ฝ่ายอสูรเห็นเข้า ก็บังเกิดความ
รักใคร่ท่ามกลางสถานการณ์ในสนามรบการต่อสู้ในสนามรบยังผลให้อสูรล้มตายเป็นจำนวนมาก
จนพระแม่อัมพิกาเริ่มบันดาลโทสะและบังเกิดพระแม่อีกปางหนึ่งพวยพุ่งออกจากหน้าผากของ
พระแม่อัมพิกา เรียกขานพระแม่ปางนี้ว่า "มหากาลี"...
พระแม่มหากาลี เทพธิดาแห่งความตาย ห่มหนังเสือ คลุมพระองค์ด้วยหนังช้าง ทรง
มาลัยกระโหลกมนุษย์ พุงแห้งปากกว้างใหญ่ ถือบ่วงบาศก์ ตรีศูลเป็นอาวุธ รูปร่างดำ
สนิท พระแม่กาลีได้จับอสูร ช้าง ม้า วัว ควาย และ อาวุธทั้งหลาย ในสนามรบเข้าสู่
ปากและกลืนสู่ท้องที่แห้งแบน เล่นเอาอสูรหวาดกลัวกระจัดกระจายหนีไปคนละทิศ
ละทาง ฝ่ายอสูรพี่น้องไม่ยอมแพ้ ได้บัญชาให้มาธูอสูรเข้าสู่สนามรบ เพื่อหมายจะ
สยบพระแม่กาลี การต่อสู้ในคราวนี้ ทวีความเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม เพราะบรรดาฝ่าย
เทพสตรี อันเป็นชายาแห่งมหาเทพทั้งหลาย เสด็จมาช่วยเหลือในภาคอิทธิฤทธิ์ไม่ว่า
จะเป็น นางพราหมณี พระชายาแห่งพระพรหม พระมหาวีระลักษมี ชายาแห่งวิษณุ
เทพ นางศังกรี ชายาแห่งพระรุทรเทพ(พระศิวะ) พระนางเถามารี ชายาแห่งพระ
ขันธกุมาร อินทราณีชายาแห่งพระอินทร์ พระนางยมนา ชายาแห่งพระยมราช ฯลฯ
  ซึ่งในการรบครั้งนี้สร้างความยุ่งยากให้กับพระแม่กาลีมาก เพราะทันทีที่เลือด ของ
มาธูอสูรหยอสู่พื้นดิน ก็กลายเป็นอสูรเกิดขึ้นมาอีกนับพันนับหมื่นเพิ่มเป็นทวีคูณ ใน
ที่สุดพระแม่มหากาลีได้ทำสมาธิถึงพระศิวะเพื่อให้ช่วยไขความกระจ่าง พระศิวะเทพ
บอกแก่พระนางมหากาลีว่าอสูรตนนี้ได้พรจากเราให้มีชีวิตเป็นอมตะวิธีแก้เคล็ดมีประ
การเดียวคืออย่าให้เลือดของอสูรตกถึงพื้นดินแม้แต่หยดเดียว ก็จะชนะศึก พระแม่
มหากาลี จึงสนองพระบัญชา นางวิ่งไปรอบสนามรบเพื่อกัดกินอสูรและดื่มเลือดจน
หมดสิ้นจนสังหารอสูรมาธูให้สิ้นชีพได้ในที่สุด
  ท้ายสุดอสูร 2 พี่น้องต้องออกรบด้วยตนเอง พระแม่กาลิกาใช้ขวานตัดมือ ตัดขา
และตัดหัวจนอสูรหมดสิ้นอิทธิฤทธิ์ สิ้นชีพในที่สุด....
พระแม่กาลีดีใจที่อสูรสิ้นซาก พระนางวิ่งเต้นไปทั่วจักรวาลจนสั่นสะเทือนเทวดา
มนุษย์ และสัตว์น้อยใหญ่ล้มตายกันด้วยอำนาจแห่งพระบาทของพระนางกาลี เป็นอัน
มาก ความเดือดร้อนนี้ เทพเทวดาทั้งหลายได้เข้าเฝ้าพระอิศวร ให้ช่วยคิดหาหนทาง
ช่วยเหลือจักรวาล ด้วยพระศิวะเองก็ยังทรงกลัวในความดุดันของพระนางกาลี แต่พระ
องค์ทรงทราบจุดอ่อนของนาง
เนื่องจากพระนางกาลีนั้นมี 2 ดวงจิต คือ ดวงจิตหนึ่ง เป็นดวงจิตแห่งพระแม่อุมา-
ปราวตี ซึ่งมั่นคงและภักดีต่อพระศิวะเทพ ส่วนอีกดวงจิตหนึ่งเป็นของนางกาลี ซึ่ง
อวตารมาในรูปลักษณ์โหดร้าย น่ากลัว เพื่อปราบอสูรด้วยเหตุนี้เองพระศิวะมหาเทพ
จึงได้อุทิศร่างของพระองค์เพื่อรองรับแผ่นดินไว้ คราใดที่พระนางมหากาลีจะกระทืบ
เท้าลงก็จะยั้งไว้เพราะเห็นร่างของพระสวามีอันเป็นที่รักนอนทอดพระองค์อยู่ซึ่งเรื่อง
นี้ ถ้าจะวิเคราะห์กันในรายละเอีอดแล้ว ย่อมมีนัยยะบ่งบอกว่า แท้จริงแล้วธาตุคู่ที่อุป
มาดั่งสุริยัน-จันทราแห่งจักรวาลตามลักษณะทวิลักษณะที่ยึดถือกันนั้นอาจแปรเปลี่ยน
ได้แทนที่พระศิวะเทพ ซึ่งเป็นฝ่ายบุรุษจะเป็นสุริยัน กลับแปรธาตุเป็นจันทรา เพราะ
หนึ่งสัญญลักษณ์พระจันทร์นั้นเป็นปิ่นปักบนมุ่นมวยผมของพระศิวะ สอง เศียรพระ
ศิวะมีพระคงคาซึ่งกลายเป็นแม่น้ำสายใหญ่อันศักดิ์สิทธิ์ของอินเดียแ ละสาม การนอน
ทอดพระองค์นั้น เป็นสัญญลักษณ์ของฝ่ายรองรับซึ่งถือเป็นธาตุในฝ่ายจันทราทั้งสิ้น
ในขณะที่ฝ่ายพระนางมหากาลีนั้นได้ถูกสลับธาตุเป็นฝ่ายสุริยัน ธาตุไฟเป็นฝ่ายกระ
ทำ นางเกิดที่ภูเขาหิมาลัยสำเร็จมรรคผลโดยการกระโดดลงกองไฟ อวตารทั้งหมด
ล้วนเป็นสัญญลักษณ์ของการรบพุ่ง เป็นสตรี(สตี) คนแรกที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือจักร
วาล ดังนั้น พระนางอุมาจึง เป็นเทพเจ้าพระองค์เดียว ที่สามารถแปรเปลี่ยนธาตุเป็น
ฝ่ายรุกและฝ่ายรบ จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมลัทธิบูชาพระนางในฐานะของศักติ จึงได้
รับความนิยมมาก
ในคราวนั้น พระภควตี มิอาจข่มพระทัยเข้าสู่สมาธิไปในศิวะโลกได้พระนางได้เข้า
เฝ้าพระแม่ศักติ-ศิวาซึ่งเป็นภาคสมบูรณ์เพื่อขอให้ทรงมีบัญชาต่อคำทูลขอของเหล่า
ทวยเทพทั้งหลาย พระนางทรงรับปากที่จะดำเนินการช่วยเหลือเทวดาเหล่านั้น ทรง
มีพระบัญชาให้พระแม่อัมพิกา ปางอวตารแห่งพระองค์ ไปแจ้งข่าวอันเป็นมงคลต่อ
เทวดาทั้งหลาย
พระแม่อัมพิกา แจ้งให้เหล่าทวยเทพทราบว่า พระแม่ศักติ-ศิวาจะทรงแบ่งภาคเป็น
พระแม่กาลิกาหรืออีกพระนามหนึ่งว่าพระแม่กาลราตรี มีผิวดำ น่ากลัว ด้วยมายาอัน
ยิ่งใหญ่แห่งพระแม่ศักติ-ศิวา ได้แสดงรูปโฉมงามเป็นพระแม่อัมพิกา ขี่สิงห์โตเป็น
สัตว์พาหนะเสด็จสู่สนามรบ โดยมีพระแม่กาลิกา เสด็จตามไปด้วย
พระแม่ภควตี(พระแม่อุมาปางหนึ่ง)ได้รับสั่งให้อสูรวางอาวุธและกลับคืนสู่โลกบาดาล
เสีย หากยังดื้อรั้นก็จะประหารให้สิ้น ด้วยความหยิ่งทะนง ของอสูรจึงเริ่มต้นด้วยการ
ยิงธนูใส่พระแม่ แต่พระนางทรงปัดป้องไว้ได้
ในที่สุด พระแม่กาลิกา ทรงใช้ขวานตัดมือข้างซ้ายของอสูรออกจากร่าง แต่อสูรก็
ยังเข้าต่อสู้กับพระแม่อย่างห้าวหาญ ด้วยการใช้ตะบองในมือฟาดใส่มือพระแม่ พระ
แม่ทรงใช้ขวานจามแขนข้างขวาอีกข้างอสูรไร้แขน กลับใช้เท้าที่เหลืออยู่ไล่ถีบพระ
แม่ พระแม่จำใจตัดขาทั้งสองข้างของอสูรเสียตามด้วยการใช้ขวานตัดศรีษะอสูรออก
จากร่าง อสูรตนนั้นเสียชีวิตทันที ฝ่ายบริวารอสูรเห็นกษัตริย์อสูรของตนเสียชีวิต ต่าง
ก็หนีไม่คิดชีวิตกลับสู่เมืองบาดาลตามเดิม
การบูชาพระแม่กาลีนั้นน้ำแดงเป็นสิ่งสำคัญเพราะน้ำสีแดงนั้นคือพลังชีวิตที่เคลื่อน
ไหว อุปมาดั่งโลหิตอสูร ดอกไม้ที่ควรแก่การสักการะบูชานั้นคือ สีแดง อาจจะเป็น
คอกชบาสีแดง หรือ ดอกกุหลาบสีแดงก็ได้ ส่วนธูปหอม กำยาน ถวายประทีป และ
การอารตีไฟ เป็นเรื่องปกติที่ถือปฏิบัติของชาวฮินดูมานานแล้ว และเมื่อเทศกาลสำ
คัญหรือวันอันเป็นมงคลก็ควรจะจัดวาง ผลไม้มงคลถวายต่อพระแม่เจ้า หรือถ้าบาง
คนเชื่อว่าโปรดกิจกรรมทางโลก อาจแทนสัญญลักษณ์ด้วยศิวลึงค์ตั้งตรงหน้า หรือ
ถวายของบูชา อาจจะเป็นมะเขือยาวสีม่วงก็ได้เช่นกัน สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ บทสวดสรร
เสริญต่อพระนางเพื่อให้น้ำพระทัยของพระนางเยือกเย็นลง....

นำเสนอข้อมูลโดย...กุหลาบขาว

หนังสืออ้างอิง...ตำนานมหาเทพฉบับสมบูรณ์
#17
น้องยีนส์..แล้วพระกฤษณะแบ่งครึ่งกับพระนางราธารูปนี้ล่ะเรียกว่าอะไรคะ...

#18
วัดราชนัดดามีค่ะ..ทั้งปางอรรถนารีศวร ซึ่งเป็นพระศิวะครึ่งหนึ่งพระแม่อุมาครึ่งหนึ่ง และมีพระหริหระ
ซึ่งเป็นพระศิวะครึ่งหนึ่งและพระนารายณ์ครึ่งหนึ่ง และยังมีปางที่เป็นเจ้าแม่กวนอิมครึ่งหนึ่งและพระ
แม่อุมาครึ่งหนึ่งอีกด้วย.....

พี่ไปเช่าซื้อพระหริหระมา สูงประมาณ 18 นิ้ว เป็นเรซิ่น ราคา 1200 บาท แบบติดกากเพชรและติด
ดอกไม้สวยๆเลยนะคะ....(ความจริงเขาบอกราคา 1400 บาท )
#19
พระหริหระ (หรืออีกพระนามหนึ่งคือ ตระงัน ซึ่งพระศิวะเจ้าท่านได้ทรงตั้งชื่อนี้เอาไว้)ได้กำเนิดขึ้น
ตอนที่พระแม่มินาคชีได้ทำการอภิเษกสมรสกับพระศรีรุทราปานเดียน(พระศิวะอวตาลมาอีกภาคหนึ่ง)
ตอนที่จูงมือพระแม่มินาคชีเดินรอบกองไฟค่ะ...

ดูประวัติพระแม่และองค์หริหระได้ที่ลิ๊งค์นี้ค่ะ...

http://www.hindumeeting.com/forum/index.php?topic=231.0
#20
ใช่ค่ะ..แต่ตอนลงยังเห็นภาพขึ้นเลยนะคะ...งง
#21
พี่ก็เจอรูปมาจากเว็บๆหนึ่งเป็น ผลแอ๊ปเปิ้ลซึ่งมีรูปร่างคล้ายองค์พระพิฆเนศมากๆค่ะ....



#22
งดงามเกินคำบรรยาย ไม่สามารถเอ่ยออกมาเป็นคำพูดออกมาได้ค่ะ...

ขอบคุณค่ะ...
#23
คุณ Amrit_Phakti พูดถูกแล้วค่ะ คนที่เล่าเรื่องที่พระแม่มีลูกแก้ว 4 ดวง น่าจะให้คำตอบ
ได้นะคะช่วยถามคนนั้นให้ทีนะคะคุณ
กฤษณาวตาร อยากรู้เหมือนกันค่ะ....
#24
ไม่มีรูปค่ะ แต่ได้ยินพี่คนหนึ่งเล่าให้ฟังนานมากแล้วค่ะ...
#25
น้อง...น้ำ

ลองเข้าไปดูลิ๊งค์นี้ก่อนนะคะพี่เขียนเอาไว้เองค่ะ...

http://www.maameu.ath.cx/forum/index.php?topic=6577.30
#26
แหม...ขอในสิ่งที่หวงซะด้วยสิ...หนังสืออยู่กับพี่มาเกือบ 2 ปี พี่ถนอมยังกะลูกแน่ะยังใหม่เหมือนแกะกล่องเลย
หวงๆๆๆ...แต่ทำไมอั๊ฟโหลดรูปไม่ได้ล่ะคะ...
#27
พี่มีหนังสืออยุเล่มหนึ่งค่ะฝากเพื่อนที่เป็นชาวฮินดูซื้อมาให้นานแล้วเป็นหนังสือเกี่ยวกับ
พระแม่ทั้งเล่มเลยพร้อมพระคาถา จำไม่ได้แล้วว่าราคาเท่าไหร่ ตอนนี้ก็หายากแล้วด้วยซ้ำ
พี่ได้เล่มนี้มาประมาณปีกว่าๆแล้วค่ะ เล่มหนาประมาณ 1 นิ้วมีประมาณ352หน้าค่ะเอารูป
หน้าปกมาให้ดู แต่อั๊ฟรูปไม่ได้ค่ะรูปไม่ขึ้นเลยค่ะ...
#28
ไม่เคยได้ยินเรื่องลูกแก้วของพระแม่ ทั้ง 4 ดวง แต่เคยได้ยินว่า พระแม่อุมาเทวีท่านได้เพ่ง
สมาธิไปที่ดวงแก้วดวงหนึ่ง และก็บังเอิญพระโพธิสัตว์กวนอิมท่านก็เพ่งสมาธิไปที่ดวงแก้ว
ดวงนั้นเช่นกัน ซึ่งบังเอิญเป็นดวงแก้วดวงเดียวกัน ผลแห่งพลังสมาธิและพลังบุญจึงทำให้
เกิดปาฏิหารย์และได้กำเนิดพระแม่ขึ้นมาอีกพระองค์หนึ่งพระแม่องค์นี้ได้ชื่อว่า พระแม่ลักษมี
จันทรา ทรงแต่งอาภรสีเขียวมรกตงดงามมากๆ ค่ะ...

ได้ยินเขาเล่ามาให้ฟังแบบนี้ค่ะ...

อนุโมทนาค่ะ..
#29
ไม่เป็นไรค่ะ...ถ้ามีโอกาสช่วยได้ก็ยินดีค่ะ...

อนุโมทนาค่ะ...
#32
นำรูปพระแม่กาลีมาฝากค่ะ ไม่ทราบว่าจะชอบหรือเปล่าค่ะแต่เคยปริ๊นส์ออกมาแล้ว
ภาพคมชัดค่ะ...

#34
ขอขอบคุณน้องชายที่น่ารักทั้งสองมากๆค่ะที่มาอวยพรว้นคล้ายวันเกิดให้
ขอให้น้องทั้งสองจงประสบแต่ความสุข คิดเงินได้เงิน คืดทองได้ทอง โรคภัย
ไข้เจ็บจงอย่ามาแผ้วพาน การงานขอให้ประสบความสำเร็จ สาวๆติดตรึม...
 
หล่อขึ้นๆๆทุกๆปี....

ขอบคุณค่ะ...


กุหลาบขาว
#35
อ้าว..เหรอน้องยีนส์...งั้นก็อายุน้อยกว่าพี่วันเดียวน่ะสืคะ..พี่เกิดวันที่ 2 ก.ย.อ่ะ... 
#36
สุขสันต์วันคล้ายวันเกิดค่ะ..แต่เอ...ทำไมเกิดบ่อยจังวันไหนเกิดจริงคะ...   
#37
พอดีเดือนหน้าเพื่อนของพี่จะไปอินเดียค่ะ ใครอยากได้อะไร ก็ลองมาสั่ง
รายการดูได้ค่ะเผื่อที่อินเดียจะมีค่ะ จะได้บอกให้เพื่อนให้ช่วยเอามาให้ค่ะ...