Loader
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - เทวาเหนือเกล้า

#1
ความรู้และตำนานแห่งวันดีปาวลีหรือดีวาลีหรือทิวาลี

Deepawali (दीपावली) หรือ Diwali (दिवाली) เทศกาลแห่งแสงสว่าง ที่เหล่าผู้บูชาเทพรู้จักกันดี ว่าเป็นวันบูชาพระแม่มหาลักษมีเทวีแห่งทรัพย์และการเงิน แต่ลึกลงไปมากกว่านั้นยังมีอีกหลายตำนานที่มาแห่งวันดีปาวลี

ตำนานที่มาของเทศกาลดีปาวลีสามารถสืบย้อนกลับไปในสมัยโบราณอินเดียเมื่อเป็นเทศการแห่งการเก็บเกี่ยวอีกครั้ง แต่มีตำนานต่าง ๆ ชี้ไปที่จุดเริ่มต้นของ ทิวาลี หรือดีปาวลี บางรัฐในอินเดียเชื่อว่าเทศกาลนี้เป็นงานฉลองการแต่งงานของพระลักษมีกับพระวิษณุ ในขณะที่ในรัฐเบงกอลทางตะวันตกของอินเดียเทศกาลนี้จะเกิดขึ้นเพื่อเคารพสักการะพระแม่กาลีมหาเทวีความแข็งแกร่งและผู้ปราบมาร,พระพิฆเนศ พระเป็นเจ้าผู้มีเศียรเป็นช้าง ผู้เป็นพระเจ้าแห่งสัญลักษณ์ของความเป็นมงคลและภูมิปัญญาและยังบูชามากที่สุดมาจวบจนถึงปัจจุบันนี้ ในเชนไน ดีปาวลีนั้นมีความสำคัญจากเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้ามหิวาราผู้ได้บรรลุนิพพาน เทศกาลดิวาลี ยังเป็นการเฉลิมฉลองเอกราชที่ได้รับกลับมาโดยพระรามพร้อมกับนางสีดาและพระลักษณ์จากสิบสี่ปีที่ถูกเนรเทศของเขายาวและการปราบปีศาจกษัตริย์แห่งยักษ์อสูร ทศกัณฐ์ หรือ ราวัณ (Ravana) และการเฉลิมฉลองความสุขของการกลับมาของกษัตริย์ของอโยธยาเมืองแห่งพระรามผู้เป็นสว่างแห่งอาณาจักรด้วยตะเกียงดิน Diyas (ตะเกียงน้ำมันสร้างขึ้นด้วยดินปั้น)

วันของเทศกาลดิวาลีนั้นขึ้น 4 วันโดยในแต่ละวันเพื่อเฉลิมฉลองแต่ละตำนานในแต่ละวัน และแต่ละตำนานมีเรื่องราวของเป็นตัวเองดังต่อไปนี้
ตำนานที่1นั้นคือ วันแรกของเทศกาลนารากะจตุรถีซึ่งเฉลิมฉลองการสังหารอสูร Naraka (นาระกะ)โดย พระกฤษณะ
ตำนานที่ 2 บูชาพระแม่มหาลักษมีเทพีแห่งความมั่งคั่ง ทรัพย์สิน การเงิน พระองค์ได้เมตตาที่จะประทานพรให้กับเหล่ามวลมนุษย์และสานุศิษย์แห่งท่าน ตำนานยังได้กล่าวอีกว่า เป็นวันเฉลิมฉลองชัยชนะแห่งวามนาวตาร(พราหมณ์แคระซึ่งเป็นอวตารหนึ่งแห่งพระวิษณุ) ที่ได้รับชัยชนะจากการปราบอสูรพาลี
ตำนานที่3  หลังจากที่อสูรพาลีได้พ่ายแพ้ต่อพระวิษณุพระองค์ได้เมตตาให้พรอสูรพาลีมีโอกาสที่จะได้ครองโลก 1 วันภายใน 1 ปี และก้าวออกมาจากนรกและสามารถที่จะปกครองโลกได้เพียงวันเดียวเท่านั้น (ตำนานนี้เป็นตำนานแห่งเหล่าผู้บูชาอสูรพาลี เหล่าชาวเมืองพาลีก็จะจุดประทีปโคมไฟทั่วเมืองและแห่แหนร้องรำทำเพลงเฉลิมฉลองการกลับมาแห่งราชาพาลี)
ตำนานที่4 Dvitiya ดวิทิยา (เรียกว่า Bhai Dooj ไบดุชหรือบางที่ก็จะเรียกว่าวันไบดุย) ในวันนี้เหล่าน้องสาวที่แยกบ้านออกไปจะเชิญพี่ชายมาที่บ้านและเลี้ยงดูอาหารพี่ชายของตน จากนั้นเมื่อพี่ชายกินอิ่มก็จะเจิมหน้าผากให้กับน้องสาวและให้ของขวัญกับน้องสาวของตนเอง

ความสำคัญของไฟและประทัดในเทศกาล ดีวาลี

พิธีกรรมที่เรียบง่ายมีความนัยยะสำคัญที่ ความสว่างของบ้าน บ้านที่ควรจะมีไฟสว่างทั้งบ้านตลอดคืนและท้องฟ้าที่มีประทัด และ พลุ คือการแสดงออกถึงการกราบกรานขอบพระคุณสรวงสวรรค์สำหรับความรัก ความสำเร็จ สุขภาพ ความมั่งคั่ง ความรู้ สันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง เสียงของไฟประทุ เหล่าประทัด พลุที่จุดขึ้นบนท้องฟ้า บ่งชี้ของความสุขของคนที่อาศัยอยู่บนโลกทำให้พระเป็นเจ้ารับรู้ว่าเหล่ามวลมนุษย์สำนึกยิ่งว่าตนได้รับพรและความกรุณามากเพียงใด




Credit:  ความรู้จาก Swami Atichanni  /  Sri Maha Vishnu Mandir, India

         Eng. translated to Thai by Devanueaklao
#2
สวัสดีพี่ๆ น้องๆ

       เนื่องจากกิจการงานรัดตัวทำให้ไม่สามารถจะเข้ามาได้บ่อยๆนัก
แต่นับจากช่วงนี้คงจะมีเวลามากขึ้น ก็คงจะได้กลับมาร่วมกิจกรรมกับทาง
เว็บไซต์ได้มากขึ้นนะคะ
#3
    วันนี้ฤกษ์ดีค่ะ ก็เลยนำภาพของพระแม่มหาลักษมี ทั้ง 8 ปางมาให้ชมกัน ผิดพลาดอย่างไร ขออภัย ณ ที่นี้ด้วยค่ะ



      ปางที่ 1   Adhi Lakshmi  [HIGHLIGHT=#e6ecf9][HIGHLIGHT=#ffffff]  หรือ อธิลักษมี[/HIGHLIGHT][/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#e6ecf9][/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#e6ecf9][/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#e6ecf9][/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#e6ecf9][HIGHLIGHT=#ffffff][/HIGHLIGHT][/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#e6ecf9][/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#e6ecf9][/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#e6ecf9][/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#e6ecf9][HIGHLIGHT=#ffffff]ปางที่ 2  Dhanya Lakshmi[/HIGHLIGHT][HIGHLIGHT=#ffffff] [/HIGHLIGHT][/HIGHLIGHT][HIGHLIGHT=#e6ecf9][HIGHLIGHT=#ffffff]หรือ  ธัญญลักษมี[/HIGHLIGHT][/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#e6ecf9][/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#e6ecf9][/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#e6ecf9][HIGHLIGHT=#ffffff][/HIGHLIGHT][/HIGHLIGHT]



[HIGHLIGHT=#e6ecf9][HIGHLIGHT=#ffffff]ภาพอาจจะเล็กสักนิดนะคะ [/HIGHLIGHT][/HIGHLIGHT]






มีอีก 1 ภาพค่ะ





ปางที่ 3  Veera Lakshmi  หรือ  วีระลักษมี 


ภาพอาจจะเล็กสักนิดนะคะ





ภาพนี้ใหญ่ขึ้นนิดนึงอาจจะเห็นปกรณ์กันได้ชัดขึ้นนะคะ





ปางที่ 4  Gaja Lakshmi หรือ คชลักษมี




ปางนี้อาจจะเป็นปางที่เราพบเห็นกันมากที่สุดสำหรับภาพของพระองค์ก็ว่าได้ค่ะ






ปางที่ 5  Santhana Lakshmi  หรือ สันตณลักษมี



ปางที่ 6   Vijaya Lakshmi  หรือ  วิชยลักษมี





แล้วจะมาต่อในปาง ที่  7- 8 ค่ะ
#4
พอจะมีใครทราบพระประวัติของพระแม่องค์ที่ชื่อว่า พระแม่อธิปาราศักติ บ้างคะขอความอนุเคราะห์จากผู้รู้สักหน่อยค่ะ
อยากจะทราบประวัติเกี่ยวกับพระองค์ค่ะ และมันตราของพระองค์ค่ะ ขอบพระคุณในความกรุณาค่ะ

#5
เก็บมาฝากพี่ๆ น้องๆ ค่ะ สำหรับคนรักงานหินอ่อนหรือหินน้ำนม











#6
อยากทราบตำนานความเป็นมาของพระกาดิไมค่ะ อยากทราบด้วยว่าทำไม ผู้คนต้องบูชายัญวัวควายแม้สัตว์เล็กสัตว์น้อยเป็น

แสน ๆ ตัว  เพื่อน ใครที่ได้ชมรายการเรื่องจริงผ่านจอ เมื่อคืนวันพฤหัสที่ผ่านมา คงได้เห็นเช่นกันนะคะ เลยอยากทราบความเป็น

มาค่ะ  รบกวนท่านผู้รู้ด้วยค่ะ  ขอเป็นประวัติทางเนปาลหรือฮินดูนะคะ ศิลปะเขมรไม่เอาแล้วค่ะ ดูแล้วงง ขอบพระคุณค่ะ
#7
ขอแอบเม้งพี่ยีนส์นิ๊ดส์นะคะ  ไปเที่ยวจนลืมบอร์ดเลยเหรอพี่ หายไปเล๊ยยยยยยย!!!!

วันนี้ พอดีได้บทอัฐลักษมีทั้ง แปด ปางมาค่ะ แต่จนด้วยเกล้าจริง ๆ ค่ะ จะสวดก็กลัวจะออกเสียงไม่ถูก

อยากจะได้คำสะกดน่ะค่ะ  รบกวนท่านผู้รู้ด้วยเถอะค่ะ อยากสวดให้พระแม่ท่านจะแย่แล้ววววว

[HIGHLIGHT=#ffffff][HIGHLIGHT=#ffff00]ศรี อษฺฐลกฺษมี สโตตฺรมฺอาธิลักฺษฺมิ  [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]ธวิปุชาญฺจ ธวิเนตฺราญฺจ สาปยามฺ วรตาณฺวิตามฺ //  [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]ปุษฺป มาลาตรามฺ เทวีมฺ อมฺปุจาสณ สมฺสฺตฺติตามฺ ปุษฺป โตรณ สมฺยุกฺตามฺ ปฺรปามณทล มณฺทุตามฺ // [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]สรฺว ลกษณ สมฺยุกฺตามฺ สรฺวาปรณ ปูษิตามฺ // [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]ปีตามฺปรตรามฺ เทวีมฺ มกุเท ศารุปนฺตณามฺ//สฺตโณนฺนติ สมายุกฺตามฺ ปารฺศฺวโยรฺ ติปศกฺติตามฺ // [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]เสานฺตรฺย นิลยามฺ ศกฺติมฺ อาธิลกฺษมี มหมฺ ปเจ // [/HIGHLIGHT][/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#ffffff][HIGHLIGHT=#ffff00]สนฺตาณลกฺษฺมี [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]ชทามกุทสมฺยุกฺตามฺ สนฺติราสณ สมณฺวิตามฺ //    [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]อภยมฺ กทกญฺไศว ปูรฺณกุมฺปมฺ ปุชตฺวเย //[/HIGHLIGHT][HIGHLIGHT=#ffff00] [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]กญฺศุกมฺ ศฺศนฺต วีศญฺจ เมากฺติกมฺ ศาภิ ตาริณีมฺ //  [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]ทีป ศามร นารีปิะ เสวิตามฺ ปรฺศฺโยรฺ ตฺวโยะ // [/HIGHLIGHT][/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#ffffff][HIGHLIGHT=#ffff00]บาลเสนาณิ สงฺกาศามฺ กรุณา ปุริตาณณามฺ //  [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]มหาราจฺญีมฺ ศสนฺตาณลกฺษมีมฺ อิษฺทานฺตฺต สิตฺตเย //[/HIGHLIGHT][/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffffff][HIGHLIGHT=#ffff00]
กจลกฺษมี  [/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#ffff00]ศธุรฺปฺปุชามฺ ธฺวิเนตฺราญฺจ วราปย กราณฺวิตามฺ // [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]อภฺจ ตฺวย กรามฺ โปชามฺ อมฺภุชาสณ สมฺสฺตฺติตามฺ // [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]สสุวรฺณกโทปาปฺยามฺ ปฺลาวฺยมาณามฺ มหาศฺริยมฺ //  [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]สรฺวาปรณ โศปาทฺยามฺ ศุภฺรวสฺตฺโรตฺตรียกามฺ // [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]ศามรกฺรห นารีปิะ เสวิตามฺ ปารฺศฺวโยรฺ ตฺวโยะ // [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]อาปาต ลมฺปิ วสณามฺ กรณฺทมกุทามฺ ปเจ [/HIGHLIGHT][/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#ffffff][HIGHLIGHT=#ffff00]ธนลกฺษมี  [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]กิรีทมกุโทเภตามฺ สฺวรฺณ วรฺณ สมณฺวิตามฺ //    [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]สรฺวาปรณ สมฺยุกฺตามฺ สูกาสณ สมณฺวิตามฺ ปริปูรฺณญฺจ กุมฺปญฺจ ทกษิเณณ กโรณธุ //   [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]ศกฺรมฺ ปาณญฺจ ตามฺพูลมฺ ตตาวาม กโรณธุ //[/HIGHLIGHT][/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffffff][HIGHLIGHT=#ffff00]
ศงฺกมฺ ปตฺมญฺจ ศาปญฺจ กณฺทุกามปิ ตาริณีมฺ // [/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#ffff00]สตฺ กญฺศุก สฺตรีมฺ ตฺยาเยตฺ ตณลกฺษมีมฺ มโณหรามฺ // [/HIGHLIGHT][/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#ffffff][HIGHLIGHT=#ffff00]ธาณฺยลกฺษมี [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]วรตาปย สมฺยุกฺตามฺ กิรีทมกุโทชฺวลามฺ //  [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]อมฺปุชัญฺ เศกษุศาสิมฺวา กตลีปล ตฺโรณีกามฺ //[/HIGHLIGHT]
[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffffff][HIGHLIGHT=#ffff00]
ปงฺกชมฺ ทกษวาเม ธุ ตตาณามฺ ศุกฺลรูปิณีมฺ //   [/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#ffff00]กฺรุปา มูรฺตฺติมฺ ชทาศูทามฺ สุกาสณ สมณฺวิตามฺ //[/HIGHLIGHT]
[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffffff][HIGHLIGHT=#ffff00]
สรฺวาลงฺการ สมฺยุกฺตามฺ สรฺวาปรณ ปูษิตามฺ // [/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#ffff00]มตมตฺตามฺ มโณหาริ รูปามฺ ตาณฺย ศฺริยมฺ ปเช //[/HIGHLIGHT]
[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffffff][HIGHLIGHT=#ffff00]
วิชยลกฺษมี  [/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#ffff00]อษฺฐ ปาหุยุตามฺ เทวีมฺ สิมฺหาสณ วรสฺตฺติตามฺ // [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]สุกาสณามฺ สุเกศีมฺ ศกิรีทมกุโทชฺวลมฺ //[/HIGHLIGHT]
[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffffff]
[HIGHLIGHT=#ffff00]ศฺยามางฺกีมฺ โกมลาการามฺ สรฺวาปรณ ปูษิตามฺ / [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]กทฺกมฺ ปาศมฺ ตตาศกฺรมฺ อภยมฺ สวฺยหสฺตเก //[/HIGHLIGHT]
[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffffff][HIGHLIGHT=#ffff00]
เกทกญฺ ศางฺกุศมฺ ศงฺกมฺ วรตมฺ วามหสฺตเก /    [/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#ffff00]ราชรูปตรามฺ ศกฺติมฺ ปฺรปุเสานฺตรฺยโศภิตามฺ //[/HIGHLIGHT]
[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00][HIGHLIGHT=#ffffff]
หมฺสารูตามฺ สฺมเรตฺ เทวีมฺ วิชยามฺ วิชยปฺรตามฺ //
[/HIGHLIGHT]
[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffffff][HIGHLIGHT=#ffff00]
มหาลกฺษมี [/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#ffff00]ศธูรฺปฺปุชามฺ มหาลกฺษมีมฺ คชยุกฺม สุปูชิตามฺ / [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]ปทฺม ภตฺราย นยณามฺ วราปย กโรชฺวลามฺ //1[/HIGHLIGHT]
[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffffff]
[HIGHLIGHT=#ffff00]เอารฺตฺว ตฺวยกเร ศาปฺชมฺ ตตตีมฺ ศุกฺล วสฺตฺรกามฺ / [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]ปทฺมาสเณ สูกาสิณามฺ ปเช อหมฺ สรฺวมงฺคลามฺ //2[/HIGHLIGHT]
[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffffff][HIGHLIGHT=#ffff00]
วีรลกฺษมี [/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#ffff00]อษฺท ปาหุยุตามฺ ลกฺษมีมฺ สีมฺหาสณ วรสฺตฺติตามฺ / [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]ตปฺต กาญฺจณ สงฺกาศามฺ กิรีทมกุโทชฺวลามฺ //1[/HIGHLIGHT]
[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffffff][HIGHLIGHT=#ffff00]
สฺวรฺณ กญฺศุก สมฺยุกฺตามฺ ศฺศณฺณ วีรตรามฺ ตตา / [/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#ffff00]อภยมฺ วรตญฺไศว ปุจโยะ สวฺย วามโยะ //2[/HIGHLIGHT]
[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffffff][HIGHLIGHT=#ffff00]
ศกฺรมฺ ศูลญฺจ ปาณญฺจ ศงฺกมฺ ศาปมฺ กปาลกมฺ / [/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#ffff00]ตตตีมฺ วีรลกฺษมีมฺ ชนว กาลาตฺมิตามฺ ปเช //3[/HIGHLIGHT]
[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffffff][HIGHLIGHT=#ffff00]
อษฺฐลกฺษมี สฺโตตฺรมฺ สมฺปูรฺณมฺ[/HIGHLIGHT]

[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffffff]รบกวนท่านผู้รู้ขอแนวทางในการออกเสียงด้วยเถิดค่ะ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffffff]ปล. ขอบพระคุณ คุณน้องเอกด้วยนะคะ ที่ได้กรุณาหาบทนี้มาให้กับพี่สาวค่ะ[/HIGHLIGHT]



[HIGHLIGHT=#ffffff][/HIGHLIGHT]
#8
การที่เราเชิญเทวรูปมาองค์หนึ่ง แต่ไม่ถูกต้องตามเทวลักษณะนั้น ภูษาเครื่องทรงไม่ตรงตามปุราณะ จะผิดไหม

และการมีเทวรูป 3 องค์ไว้ภายในบ้าน ผิดไหม  รบกวนขอคำตอบจากผู้รู้ค่ะ   
#9
วันนี้เอาธรรมะของทางพุทธศาสนา ที่ได้อ่านแล้วมองเห็นว่า
เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนหลาย ๆ ท่าน ลองอ่านดูนะคะ

ทุนที่ไม่มีวันหมด - วิธีใช้หนี้พ่อแม่

[HIGHLIGHT=#fdeada][HIGHLIGHT=#ffc000]วิธีใช้หนี้พ่อแม่ไม่ยากเลย จงสร้างความดีให้กับตัวเอง และนี่คือการใช้หนี้ให้ตัวเอง ตัวเราพ่อให้หัวใจ แม่ให้เลือดน้ำเหลืองอยู่ในตัวแล้ว[/HIGHLIGHT][HIGHLIGHT=#ffc000]จะไปแสวงหาพ่อแม่ที่ไหน บางคนรังเกียจแม่ว่าแก่เฒ่าไม่สวยงาม พอตัวเองแก่ก็เลยถูกลูกหลานรังเกียจ จึงเป็นกงกำกงเกวียนยืดเยื้อกันต่อไป[/HIGHLIGHT]
[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffc000]พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก เหลียวดูพ่อแม่ในบ้านบ้าง ทำดีกับท่านบ้าง แล้วจะรู้สึกได้ว่าได้ทำดีตั้งแต่วันนี้แล้ว[/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#ffc000]อย่ายืนพูดกับพ่อแม่ อย่าบังอาจกับพ่อแม่ พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก พ่อแม่เป็นครูคนแรกของลูก [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffc000]ก่อนออกจากบ้านจึงต้องกราบเท้าพ่อแม่ 3 หนที่เท้า[/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#ffc000]โปรดจำให้ดี วันเกิดของลูกคือวันตายของแม่  เพราะในวันที่ลูกเกิดนั้น แม่อาจต้องเสียชีวิต การคลอดลูกคือการเสี่ยงตาย สำหรับคนเป็นแม่ถ้าวันเกิดเลี้ยงเหล้าเพื่อน จำไว้ให้ดีเลยเจ้าของวันเกิดจะอายุสั้น ควรนักที่จะสวดมนต์ปฏิบัติธรรม กัมมัฎฐานให้พ่อแม่ วันเกิดของเราคือวันตายของแม่เรา วันเกิดไปกราบพ่อกราบแม่ของพรท่าน ไม่มีพ่อแม่คนไหน ไม่อยากให้ลูกเจริญ อยากให้ลูกได้ดี ไปเลี้ยงพ่อแม่ให้อิ่มก่อนก่อนจะไปเลี้ยงเพื่อน ไปล้างเท้าให้ท่านทั้งสองก่อน ไปพาท่านไปเที่ยวก่อน ก่อนจะพาเพื่อนไปเที่ยว วันเกิดของเราอย่าให้พ่อแม่ต้องมาทำครัวเลี้ยงบาปกรรมที่สุด จะทำมาหากินไม่ขึ้น ต้องเลี้ยงพ่อแม่ให้อิ่มก่อน หนี้บุญคุณอันยิ่งใหญ่คือหนี้บุญคุณบิดามารดา[/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#ffc000]คนบางคนเมื่อทำงานได้แล้วก็ลืมพ่อลืมแม่ อย่าลืมท่านนะ การเถียงพ่อแม่ไม่ดี อย่าได้เถียงพ่อแม่ อย่าคิดไม่ดีกับพ่อแม่ ไม่ว่าท่านจะทำผิดพลาดอย่างไร นั่นคือความผิดพลาดที่ท่านจะรู้ได้เอง หากวันใดคิดไม่ดีกับพ่อแม่ จะเจริญได้อย่างไร มีแต่ถอยหลังลงคลอง ก้าวถอยหลังเท่านั้น ไม่เกิดบ้านหนึ่งพ่อมีเมียสี่คน เมียหลวงสอนลูกบอกว่าพ่อเจ้าไม่ดี ลูกก็ไปด่าพ่อ ว่าพ่อแล้วมาบวชวัดนี้ บวชแล้วเดี๊ยวเป็นนุ่นเป็นนี่ จนจะกลายเป็นโรคประสาท นี่ล่ะบวชก็ไม่ได้ผล อาตมาก็ให้ไปขอสมาลาโทษพ่อเสียก่อน แล้วกลับมานั่งเจริญกัมมัฎฐานจึงจะได้ผล ไม่ให้ลูกว่าพ่อแม่ แต่นี่คือเรื่องของแม่ที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้  เมื่อเร็ว ๆ นี้ฆ่าพ่อตาย แม่สงสารพามาบวชเพื่อให้เจริญกัมมัฎฐาน พอเข้าวัดมันร้อนไปหมด ต้องเลี้ยวรถกลับเข้าวัดไม่ได้ นี่กรรมตามสนอง มาตุฆาต ปิตุฆาต ห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพาน เจริญพระกรรมฐานไม่ได้แน่นอน คนที่มีบุญวาสนาจะกตัญญูกับพ่อแม่ คนเถียงพ่อแม่เอาดีไม่ได้ คนไม่พูดกับพ่อแม่นั่งเจริญพระกรรมฐานกี่ปี กี่ร้อยปี ก็ไม่ได้อะไร ถ้าหากไม่ขออโหสิกรรมจากท่าน ขออโหสิกรรมที่คิดไม่ดี ทำไม่ดีกับพ่อแม่ คิดไม่ดีกับครูบาอาจารย์ คิดไม่ดีกับพี่ ๆ น้อง ๆ จะไม่เอาอีกแล้ว จะไม่ทำอีกแล้วเอาน้ำไปขันหนึ่ง เอาดอกมะลิโรย กายกัมมัง วจีกัมมัง มโนกัมมัง โยโทโส อันว่า โทษใดความผิดอันใดที่ข้าพเจ้าพลั่งเผลอสติไป ด้วยกายก็ดีด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ขอให้คุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย คุณพี่ คุณน้อง อโหสิกรรมให้ด้วย เอาน้ำรดที่มือที่เท้าท่าน นี่ล่ะท่านทั้งหลายเอ๋ย เป็นหนี้บุญคุณพ่อแม่มากมาย ยังจะไปทวงนาทวงไร่ มาเป็นของเราอีกเหรอ ตัวเองก็พึ่งตัวเองไม่ได้ สอนให้ตัวเองเอาดีไม่ได้ เป็นคนอัปรีย์จัญไรในโลกมนุษย์ ไปทวงหนี้พ่อแม่ พ่อแม่ให้แล้ว ให้ทั้งชีวิต ให้ฯลฯ เรียนสำเร็จแล้ว ยังช่วยตัวเองไม่ได้ ยังมีหนี้ติดค้าง รับรองได้ว่าทำมาหากินไม่ขึ้น "หนามแหลมใครเสี้ยม มะนาวกลมเกลี้ยงใครกลึง" เด็กประถมสี่ พ่อเมาเหล้า เมากัญชา เล่นการพนัน แม่เล่นหวย เล่นการพนัน ปัจจุบันเป็นด็อกเตอร์อยู่อเมริกา หลวงพ่อสอนครั้งเดียว จำได้ บอกวันเกิดหนู หนูซื้อขนม สองห่อนะ เรียกพ่อแม่มานั่งคู่กันแล้วกราบนะลูกนะ แล้วก็บอกพ่อแม่ว่า ความผิดอันใดที่ลูกได้พลั้งเผลอด้วยกาย วาจา ใจ ที่คิดไม่ดีต่อคุณพ่อคุณแม่ ขอให้คุณพ่อคุณแม่อโหสิกรรมให้ แล้วล้างเท้าให้พ่อแม่ ลูกไม่มีสตางค์ให้ ลูกซื้อขนมมา สองห่อ ให้แม่ก่อนหนึ่งห่อ เพราะแม่อุ้มท้องมา แล้วจึงให้พ่ออีกหนึ่งห่อ ลูกขอปฏิญาณตนว่า ลูกขอเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ แล้วจะเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ลูกจะไม่ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง พ่อฟังแล้วน้ำตาร่วงสร่างเมา ส่วนแม่ก็ร้องไห้ เลยพ่อแม่ให้สัญญา[/HIGHLIGHT][HIGHLIGHT=#ffc000]กับลูกเลิกอบายมุขทั้งหมดทั้งปวง[/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#ffc000]ถ้าต้องการเจริญก้าวหน้า หลวงพ่อขอฝากไว้ คนเรามีก้าวสองก้าว จะก้าวขึ้นหรือก้าวลงดำน้ำไม่โผล่ ก้าวลงมันง่ายดี ก้าวขึ้นมันต้องยาก ของชั่วนะมันง่าย หลั่งไหลไปตามที่ต่ำ นี่บอก สอนลูกหลานต้องการจะบรรจุงานไม่ต้องไปวิ่งเต้น ดูเสียก่อนลูกกุศลพอไหม ถ้าไม่พอต้องเพิ่มกุศล สวดมนต์ ปฏิบัติกัมมัฎฐาน ไม่นานก็ได้งานทำ[/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#ffc000]พ่อแม่เลี้ยงลูกเปรียบเสมือนปลูกต้นไม้ ปลูกอย่างมีระเบียบแบบแผน ต้นไม้จะขึ้นงามตามระเบียบ อยากปลูกให้ลูกเป็นคนดี ต้องปลูกตั้งแต่เล็ก ๆ โตแล้วแย่มากปลูกไม่ขึ้น การสอนลูกที่ดีคือสอนตั้งแต่อยู่ในท้อง ผู้เป็นแม่ต้องหมั่นสวดมนต์เป็นประจำ พ่อแม่ต้องไม่บังคับให้ลูกสวดมนต์ แต่พ่อแม่ต้องสวดมนต์ให้เป็นตัวอย่าง แล้วเขาจะสวดเอง โบราณว่าไว้ มีลูกมีหลานต้องแต่งใจ แต่งตัวลูก และแต่งงานลูก แต่งใจลูกคือพาลูกไปวัด ให้มีความสัมพันธ์กับวัด อยู่บ้านก็สอนลูกสวดมนต์ไหว้พระ ให้มีค่านิยมพื้นฐาน ห่วงผูกคอ คือจะกินอะไรก็ห่วงลูกถึงแม้แม่จะหิวอย่างไร หากว่าลูกอยากรับประทานก็ต้องให้ลูกก่อน ไม่เช่นนั้นมันก็ติดอยู่ที่คอ ห่วงผูกแขนคือสามีภรรยา ห่วงผูกขาคือทรัพย์สมบัติ[/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#f2f2f2][HIGHLIGHT=#ffc000]หน้าที่ของคนคือ รับผิดชอบหน้าที่การงาน พ่อแม่รับผิดชอบคือรักลูกคิดปลูกฝัง ให้ลูกตั้งตนฝึกตนเป็นคนดี ให้ลูกรักการศึกษา ให้ลูกได้ดีมีปัญญามีวิชาตตั้งตนเป็นคนดี ลูกปฏิบัติกัมมัฎฐาน อุทิศให้พ่อแม่ พ่อแม่จะมีอายุยืน อารมณ์ดี อย่าโมโห อย่าด่า อย่าฆ่าสัตว์ อย่าโกรธ อย่าอิจฉา อย่าริษยาจะทำให้อายุยืน ผิวพรรณผ่องใส สุขภาพดีฯ คนบาป คนขี้โมโห อายุ 60 จะขาดสติ จะขี้หลงขี้ลืม[/HIGHLIGHT] [/HIGHLIGHT]


การบำรุงบิดามารดา
คนที่หาได้ยาก  มากไฉน
เพราะว่าในโลกนี้ มีเพียงสอง
คือพ่อแม่ เกิดเกล้า เหล่าลูกต้อง
ตอบสนอง พระคุณ ได้บุญแรง


ท่านว่าพ่อแม่นั้นเปรียบได้เป็นทั้งครูของลูก เทวดาของลูก
พรหมของลูก และอรหันต์ของลูก ความหมายมีดังต่อไปนี้

ที่ว่าเป็นครูของลูก เพราะท่านคอยอบรมสั่งสอนลูก เป็นคนแรกก่อนคนอื่นใดในโลก

ที่ว่าเป็นเทวดาของลูก เพราะท่านคอยปกป้องคุ้มครอง เลี้ยงดู ประคบประหงมมาแต่อ้อนแต่ออก
บำรุงให้เติบใหญ่เป็นอย่างดี ไม่ให้เกิดอันตรายต่อลูกในทุก ๆ ด้าน

ที่ว่าเป็นพรหมของลูก เพราะว่าท่านมีพรหมวิหารสี่ มีเมตตาคือเอ็นดูปรารถนาดีอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
มีกรุณา คือ ให้ความกรุณาต่อลูกๆ อยากได้อะไรก็หามาให้ลูกให้การศึกษาเล่าเรียน ส่งเสียเท่าที่
สุดกำลังความสามารถจะหาให้ได้ มีมุฑิตาหมายถึงมีความรัก ยอมสละได้แม้ชีวิตของตัวเองเพื่อลูก
ยอมเสียสละได้ทุกสิ่งทุกอย่าง และมีอุเบกขาคือการวางเฉย ไม่ถือโกรธเมื่อลูกประมาท ซน ทำผิด
พลาดเพราะความไร้เดียงสา หรือเพราะความไม่รู้

ที่ว่าเป็นอรหันต์ของลูก เพราะว่าท่านมีคุณธรรมสี่ประการคือ เป็นผู้มีอุปการะคุณต่อลูก เลี้ยงดูมาด้วย
ความเหนื่อยยาก กว่าจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เป็นผู้มีพระเดชพระคุณ คือให้ความอบอุ่นเลี้ยงดู ปกป้อง
จากภัยอันตรายต่างๆ นานา เป็นเนื้อนาบุญของลูก คือลูกเป็นส่วนหนึ่งของกรรมดีที่พ่อแม่ได้ทำไว้
และเป็นผู้รับผลบุญที่พ่อแม่ได้สร้างไว้แล้วทางตรง

เป็นอาหุไนยบุคคล คือเป็นเหมือนพระที่ควรแก่การเคารพนับถือและรับของบูชา เพื่อเทิดทูนไว้เป็น
แบบอย่างในทุกแง่ทุกมุม

จะตอบแทนพระคุณท่านได้อย่างไร
ยามหนาวห่มผ้าให้ท่าน      ยามร้อนพัดให้ท่านเย็น
ยามนอนดูแลนวดเฟ้น       ยามตื่นท่านสดชื่นไหม
ถามดูอยากรับประทานอะไร          ต้องเลี้ยงและต้องดู   
ด้วยรักและห่วงใย            อย่ากรรโชกให้เสียใจ
เอาใจใส่ด้วยตนเอง             เคารพและเชื่อฟัง
เพื่อให้ท่านสบายใจ             แม้อยู่ไกลก็คิดถึง
มีของฝากเมื่อกลับมา             ป่วยไข้รีบรักษา
มรณาทำบุญให้               อุทิศไปสม่ำเสมอ
ฝากไว้สักนิด       พ่อแก่ - แม่เฒ่า
พ่อแม่ก็แก่เฒ่า             จำจากเจ้าอยู่ไม่นาน
จะพบจะพ้องพาน         เพียงเสี้ยววานของคืนวัน 
ใจจริงไม่อยากจาก      เพราะยังอยากเห็นลูกหลาน
แต่ชีพมิทนทาน            ย่อมร้าวรานสลายไป
ขอเถิดถ้าสงสาร            อย่ากล่าวขานให้ช้ำใจ
คนแก่ชะแรวัย            คิดเผลอไผลเป็นแน่นอน
ไม่รักก็ไม่ว่า               เพียงเมตตาช่วยอาทร
ให้กินและให้นอน         คลายทุกข์ผ่อนพอสุขใจ
เมื่อยามเจ้าโกรธขึ้ง           ให้นึกถึงเมื่อเยาว์วัย
ร้องไห้ยามป่วยไข้          ได้ใครเล่าเฝ้าปลอบโยน
เฝ้าเลี้ยงจนโตใหญ่          แม้เหนื่อยกายก็ยอมทน
หวังเพียงจะได้ยล              เติบโตจนสง่างาม
ขอโทษถ้าทำผิด             ขอให้คิดทุกทุกยาม
ใจแท้มีแต่ความ            หวังติดตามช่วยอวยชัย
ต้นไม้ที่ใกล้ฝั่ง               มีหรือหวังอยู่นานได้
วันหนึ่งคงล้มไป               ทิ้งฝั่งไว้ให้วังเวง
พ่อแม่คือพระในบ้าน
การไหว้พระในบ้าน(พ่อแม่)
เมื่อเราไหว้พระรัตนตรัยแล้ว
ก่อนนอนทุกวันพึงไหว้พ่อแม่
ผู้เป็นพระในบ้านซึ่งมีพระคุณอันยิ่งใหญ่แก่เรา
โดยพนมมือขึ้นรำลึกถึงพระคุณของท่าน
กล่าวคำไหว้ดังนี้
มัยหัง มาตาปิตูนังวะ ปาเทสุ
วันทามิ สาทะรัง
(กราบลง 1 ครั้ง)
นึกถึงพ่อแม่และนึกเห็นตัวเราเองหมอบกราบแทบเท้าท่านทั้งสอง
ฝากไว้ให้หลาย ๆ ท่านลองอ่านและพิจารณาดูค่ะ 
วันนี้คุณทำดีกับท่านแล้วหรือยัง
ที่มา  กฎแห่งกรรม พุทโธโลยี ทุนที่ไม่มีวันหมด  วิธีใช้หนี้พ่อแม่
      พระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
      
      
      

                              
#10
พี่น้องค๊า!!!  พอจะทราบไหมคะ ว่าภาพนี้คือพระองค์ไหนคะ หรือว่าใคร ตอบหน่อย เถ๊อะ อยากรู้มากมายค่ะ

#11
พอดีว่า แนทมีเพื่อนฝรั่งรับศีลห้าเรียบร้อยแล้วอ่ะค่ะ (ย้ำนะคะ เพื่อนจริงๆ) เขาอยากจะหัดสวดมนต์ค่ะ

พระไทยในประเทศอังกฤษไม่มีบทสวดมนต์ให้เขา เขาก็เลยมาขอความช่วยเหลือค่ะ

หากใครพอจะสงเคราะห์ ฝรั่งพุทธได้ จะเป็นพระคุณอย่างสูงเชียวค่ะ

ขอบคุณค่ะพี่น้อง
#12
มีใครพอจะทราบตำนานเกี่ยวกับคาลัส(บายศรี) บ้างไหมคะ รบกวนขอความรู้ด้วยค่ะ

วัสดุที่ใช้ทำมีอะไรบ้าง แล้วควรถวายเมื่อไหร่ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

(พอดีมีคนมาทักว่า ให้ขึ้นคาลัสให้องค์พระคเณศที่ห้องด้วย ก็เลย งง ๆ นิดๆ ค่ะ)
#13
มีใครพอจะอนุเคราะห์ ผู้ไม่รู้อีกสักครั้งเถอะค่ะ 

อยากจะทราบประวัติของพระแม่รุกขมิณี ผู้เป็นชายา แห่งพระกฤษณะ บ้างคะ

ขอบพระคุณค่ะ
#14
มากวนมาป่วนกระทู้อีกแล้วจ้า

หากมีใครพอจะทราบข้อมูลและประวัติ ความเป็นมาของพิธีเผาใบลาน เพื่อบูชาองค์พระขันธกุมาร ได้โปรด

ชี้แจง แถลงไขด้วยจ้า มีหลายคนเลยที่อยากทราบอยู่ตอนนี้ ขอบพระคุณในความอนุเคราะห์ ค่ะ




#15
อยากได้หนังสือ คัมภีร์ ภควัตคีตา ไม่เกี่ยงว่าเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ 

หาซื้อได้ที่ไหน วานผู้รู้ ช่วยไขข้อข้องใจ หน่อยเถอะคะ  รออ่านแค่จากในเวป

อย่างเดียวไม่ไหวแล้วค่ะ  อยากศึกษาทั้งหมดน่ะค่ะ  ขอบคุณทุกท่านที่สงเคราะห์ค่ะ

#16
เอามาฝากให้ชมกันจ้า 



ชาวอินเดียได้นำองค์พระพิฆเนศขึ้นประดิษฐานบนรถและเทียมวัวลากไปบนถนนในระหว่างช่วงเวลา 10 วันใน

พิธีคเณศจตุรถี ณ เมือง มุมไบ ประเทศอินเดีย




ประชาชนช่วยกันแบกรูปปั้นขององค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อลงสรงในทะเลในวันสุดท้ายของพิธีคเณศจตุรถี ซึ่งรูปปั้นดินจะถูกสร้างขึ้นก่อนในช่วง 3 เดือน

ก่อนงานพิธีคเณศจตุรถี  รูปปั้นของพระผู้เป็นเจ้าจะถูกแห่มาตามถนนโดยด้านหน้าของขบวนจะเป็นการร้องรำทำเพลงและส่งพระผู้เป็นเจ้าสู่เขาไกรลาส




ช่วยกันนำรูปปั้นพระผู้เป็นเจ้า ลงสรงในทะเลอาราเบียน




ประชาชนที่เพนท์หน้า ยืนหน้ารูปปั้นก่อนจะส่งพระองค์สู่ทะเล



ชาวฮินดูช่วยกันนำองค์พระมหาคเณศลงแช่ในทะเลอาหรับ ในวันสุดท้ายของพิธีคเณศจตุรถีในวันที่ 3 กันยายน 2552



ชาวฮินดูช่วยกันสาดน้ำใส่รูปปั้นองค์พระมหาคเณศก่อนที่จะนำพระองค์ลงแช่ในทะเล



นี่ก็องค์เล็กนำลงแช่เช่นกัน









#17
มีใครเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับ  หากเป็นผู้หญิงที่กายไม่สะอาดนั้น(มีรอบเดือน) ไม่สามารถทำการบูชาเทพได้  จริงหรือเปล่าคะ 

ขอความอนุเคราะห์จากผู้รู้เพื่อความเข้าใจสักนิดค่ะ

























#18
พระไภราวะ นั้น ในพื้นที่ของประเทศเนปาล บางครั้งเรียกกันว่า Bhairo หรือ ไภโร หรือ Bhairon หรือ ไภรณ
พระไภราวะนั้นเป็นปางอวตารขององค์มหาเทพศิวะ เพื่อแสดงพลังอำนาจของการทำลายล้าง ทั้งสองภาค ไม่ว่า
จะเป็นพระ กาลไภราวะ หรือ พระเศวตไภราวะ หรือแม้แต่ Akaash Bhairab ล้วนแต่เป็นปางอวตารของ
องค์พระศิวะทั้งสิ้น ชาวเนปาลเชื่อกันว่าพระไภราวะนั้นหากจะสวดถึงก็จะเป็นการสวดเพื่อทำลายศัตรูหรือสิ่งเลวร้าย
และปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายให้พ้นไป








พระไภราวะ Bhairab  or Bhairava

ส่วนในเรื่องของประวัติพระไภราพนั้นเราทุกคนคงเคยได้ยินตำนานพระพรหมเสียเศียรที่ 5 ดังนี้

ตำนาน พิพากษาคดีกลโกงของพระพรหม

เหตุเกิดเมื่อพระวิษณุเทพบรรทมสินธุ์ เพื่อเข้าสมาธิตามคำบัญชาของพระศิวะในการสร้างโลกและได้บังเกิดดอกบัวผุดขึ้นที่สะดือ
พอดอกบัวบานก็มีพระพรหมอยู่ในนั้น เมื่อเทพทั้งสององค์เจอกันก็ต่างเข้าใจกันผิดต่างแย่งชิงความเป็นใหญ่ด้วยคิดว่าตนนั้นหรือ
คือพระผู้สร้าง ทั้งเถียงทั้งรบพุ่งกันจนร้อนไปถึงองค์พระสดาศิวะต้องแปลงร่างให้เป็นเสาไฟต้นใหญ่ ทั้งสององค์ก็ได้กังขาว่าเสา
ไฟนี้มีที่มาอย่างไรกัน จนในที่สุดก็ตกลงกันได้ว่าจะหาจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของเสาไฟนี้ให้จงได้ ฝ่ายองค์วิษณุเทพก็ได้แปลง
กายพระองค์เป็น หมูป่า ไปขุดที่โคนรากเสา ส่วนพระพรหมก็แปลงเป็น นก บินไปหาจุดสิ้นสุดของเสาไฟนี้

ปรากฎว่าทั้งสององค์ต่างสุดความสามารถที่จะค้นให้พบ แต่บังเอิญที่ว่าพระพรหมนั้นได้ไปพบกับดอกไม้สวรรค์ที่เรียกว่า ดอกเกตุกี
ที่ร่วงหล่นลงมาจากสวรรค์เพื่อบูชาองค์พระศิวะลึงค์ และพระพรหมก็ได้ร่วมมือกับดอกเกตุกี โกหกพระวิษณุว่า ค้นพบจุดสิ้นสุดแห่ง
เสาไฟต้นนี้แล้วโดยอ้างเอาดอกเกตุกี มาเป็นองค์พยาน   

จนเมื่อองค์พระสดาศิวะได้คืนร่างเป็น 5 เศียร 10 กร พร้อมศาสตรวุธครบครัน ทั้งยังโกรธกริ้วเหลือกำลังก็ได้ทรงสร้างพระมหากาลไภรวะ
ขึ้นจากตาที่สาม ของพระองค์  พร้อมกับบัญชาให้พระมหากาลไภรวะนั้นไปตัดศรีษะของพระพรหมเสีย  (แต่แรกเกิดนั้นพระพรหมมี 5 เศียร)
พระมหากาลไภรวะก็ตรงเข้าไปจิกดึงปอยผมของเศียรที่ 5 ของพระพรหมหลุดออกมาได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังสาปให้พระพรหมนั้น
ไม่มีเทวสถานอันศักดิ์สิทธิ์เป็นขององค์เอง และไม่มีพิธีกรรมทางศาสนาของตัวเองด้วย และอนุญาตเพียงให้อยู่นอกโบสถ์
ส่วนดอกเกตุกีโทษฐานที่สมคบกับพระพรหมก็ให้เนรเทศจากสวรรค์และห้ามนำดอกไม้ชนิดนี้มาบูชาอีกต่อไป
พระวิษณุกรรมทรงยอมรับความผิดในพระองค์เองต่อองค์พระสดาศิวะ จนพระสดาศิวะพอพระทัยและยกให้พระวิษณุนั้นเสมอซึ่งพระองค์
และวันนั้นเองก็เป็นวันถือกำเนิด ศิวะราตรี

ส่วนอีกตำนานหนึ่ง ก็มีดังนี้ค่ะ

พระแม่สตี ชายาแห่งองค์พระศิวะ เป็นราชธิดาของพระเจ้าทักษะประชาบดี (Daksha) ในตอนนั้นได้เลือกที่จะแต่งงานกับองค์พระศิวะ
แต่พระทักษ ไม่เห็นด้วยกับธิดาของพระองค์เพราะ พระทักษ นั้นเห็นพระศิวะเป็นฤษีเจ้าแห่งภูติผี ทั้งยังเกี่ยวข้องกับสัตว์และมีชีวิตที่อัตคัต
ในที่สุดพระทักษประชาบดีก็ได้จัดพิธีบวงสรวงซึ่งได้เชิญทวยเทพทุกพระองค์รวมถึงคนธรรพ์ วิทยาธร นาค ฯลฯ แต่ไม่เชิญองค์พระศิวะ
และพระนางสตี   

พระนางสตีได้มาถึงที่มณฑลพิธี ในขณะเดียวกันกับที่พระทักษประชาบดีกำลังกล่าวดูถูกดูหมิ่นองค์พระศิวะ

เมื่อพระนางสตีได้ยินเช่นนั้นแล้วก็ทรงกระโดดเข้ากองไฟที่บวงสรวง เมื่อองค์พระศิวะทราบเรื่องก็ได้ไปทำลายพิธีบวงสรวงพร้อมยังได้
สร้างพระวีรภัทร พระมหากาลไภรวะ ขึ้นและฆ่าพระทักษะประชาบดีโดยการตัดหัวของเขา

องค์พระศิวะได้แบกศพของพระนางสตีร่ำไห้ และได้ใช้จักรศักดิ์สิทธิ์แห่งพระวิษณุเทพตัดร่างของพระนางสตีออกเป็น 51 ชิ้น ร่วงหล่นไปใน
แผ่นดินอินเดียและได้เกิดเป็นเทวาลัย ที่เป็นปางดุร้ายน่ากลัว


พระ Akaas Phairab  อากาศไภราพ



เทวรูปองค์นี้ตั้งอยู่ในเทวาลัยนิกายตันตระ ซึ่งตั้งอยู่บนชั้นสามในถนนสายหลักของตลาด
พวกเขาเรียกว่า พระอินทร์ (Indra) ซึ่งจะถูกนำออกมาปรากฏองค์ภายนอกในช่วงระหว่าง
พิธีขอฝน หรือ ช่วงงานประเพณี อินทร-จันทรา ซึ่งเป็นเทศกาลของพระอินทร์ เจ้าแห่งฤดูฝน
(ตามความเชื่อของชาวเนปาล)


พระ เศวตไภราพ หรือ Sweto Bhairab หรือ Seto Bhairab






เป็นหนึ่งในเทวาลัยที่น่าทิ่งที่สุดในเมืองกาฐมาฑุ ประเทศเนปาล

สร้างขึ้นอย่างมั่นคงแข็งแรงแม้จะได้เป็นที่ปรากฎในเพียงปีหนึ่งๆ 2 - 3 ครั้ง
หน้ากากทองแห่งพระเศวตไภราพ Seto Phairab ในจตุรัสเดอร์บาร์

ในปี 1769 โดยคำสั่งแห่งกษัตริย์ รานา บาฮาเดอร์ ชาร์ แห่งอิหร่าน
น่าเจ็บปวดยิ่งที่เป็นผู้ที่นำการทำลายโบสถ์เทวาลัยต่างๆมากกว่าที่จะสร้าง
โดยได้เปิดเผยวัตถุประสงค์ว่า ต้องการปกป้องพระราชวังเดิมโดยการ
ปกปิดสิ่งที่นำไปในทางชั่วร้าย

โดยปกติแล้วหน้ากากนั้นด้านหลังเป็นไม้แกะสลัก แต่ในระหว่างช่วง
เวลาของเทศกาล อินทรา-จันทรา และทั้งยังเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับ
เทศกาลของเทพธิดาแห่งชีวิต  Living Goddess ซึ่งจะเปิดให้สาธารณะ
ชนเข้าชม มงกุฎทองแห่งพญานาคและหัวกะโหลกและแก้วรัตนากรซึ่ง
ครึ่งหนึ่งได้ถูกปิดซ่อนไว้ด้วยดอกไม้และกระดาษที่ประดับไว้

รอยยิ้มอันชวนตกตะลึงบนหน้ากากทองนั้นถูกลงสีด้วย สีดำ สีแดงและสีขาว
วิจิตรการตาด้วยทั้งยังน่าขนลุกขนพองในตัวเช่นกัน
แต่ในท่ามกลางของฟันสีขาวนั้นจะเห็นผู้กระหายการที่ถูกบูชายัญ
และดวงตาที่โกรธกริ้วที่จะมองทะลุหัวใจที่ชั่วร้าย


Kal - Bhairab  พระกาลไภราพ



เทวรูปขององค์ไภยราพ ในจตุรัสเดอบาร์, กาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล
นั้นแสดงให้เห็นถึงปางที่ดุร้ายที่สุดขององค์พระศิวะมหาเทพ
เทวรูปหินสวมพวงมาลัยกะโหลกศรีษะ มี 6 กร และยืนบนศพของอสูร
และถูกค้นพบทางตอนเหนือของเมือง
ภาพสิงโต ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ได้ถูกเพิ่มเติมในภายหลัง

และความเชื่อที่ว่า หากกล่าวคำเท็จต่อหน้าองค์พระกาลาไภยราพนั้น
จะต้องถึงแก่ความตายและความขัดแย้งต่างๆที่ผ่านมาจะต้องจบลงที่นี่


ข้อมูลที่มา

Atom blog /Nepal Myth.


**** ข้อมูลที่ได้มาเป็นการแปลจากภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง

       หากมีข้อความใดที่ตกหล่นไป หรือสำนวนการแปลไม่ถูกต้อง  ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ ด้วยค่ะ  ******
#19
สวัสดีค่ะ ชื่อแนทนะคะ มีความรู้เพิ่มเติมอะไร บอกกล่าวและสอนได้นะคะพี่ๆ

วัดที่ไปประจำจะเป็นวัดแขกสีลมค่ะ แต่ยังปฏิบัติไม่ค่อยถูกนัก ได้แต่อ่านหนังสือ
ของพี่ป๊อกเชลซี แต่ของที่จะใช้ถวายเนี่ยอย่างเช่นชุดอารตีเนี่ยทำไมหาซื้อยากจัง
อยากจะปฏิบัติและบูชาให้ถูกต้องน่ะค่ะ ถ้าหากมีข้อมูลเพิ่มเติมก็บอกกันบ้างนะคะ

จะเป็นพระคุณอย่างสูงเชียวค่ะ  ขอบคุณนะคะ ที่มีเวปไซต์ดีๆแบบนี้

ศรัทธาในองค์เทพ

โอม ศรีคเณศายะ นะมะฮา โอม ศานติ