Loader
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Naga

#42
คุณเสือร้องไห้ ครับ  !!

ผมเห็นด้วยกับคุณกาลิทัสนะครับ  กลิ่นกำยานบางกลิ่นจะหอมแรงมากๆ  ถ้าเอาไปรมในตู้เสื้อผ้าน่าจะไม่เหมาะ  เกรงว่าคนที่ไม่คุ้นกลิ่นจะรู้สึกแปลกๆ  เหมือนที่คุณกาลิทัสบอกไว้นะครับ

ใช้เป็นพวกเจลหอม  หรือพวกถุงการบูร  อะไรพวกนี้น่าจะดีกว่านะครับ  ^ ^ !!
#43
ถึง  คุณเทวาเหนือเกล้า ครับ !!


ผมเคยรู้มาว่าจำนวนดอกของธูปมีความหมายในการบูชาด้วย  เช่น

5   ดอก   เป็นการบูชาธาตุทั้ง 5
8   ดอก   เป็นเลขมงคลของฮินดู
9   ดอก   เป็นเลขมงคลของไทยและจีน
16 ดอก   เป็นการบูชาสวรรค์ทั้ง  16  ชั้นฟ้า

( ป.ล. ผมไม่แน่ใจว่าถูกต้องหรือเปล่ารบกวนผู้รู้ท่านอื่นๆ ช่วยตอบเรื่องความหมายของจำนวนธูปในการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นะครับ..... )


ส่วนเทวสถานแต่ละแห่งก็มีการกำหนดจำนวนธูปที่ต่างๆกันไป  ก็แล้วแต่ว่าสายวิชาของเจ้าพิธีที่กำกับไว้   

         เรื่องจำนวนธูปนี่  เอาเข้าจริงๆ ก็เป็นเรื่องที่คิดไม่ตกจริงๆครับ   เคยอ่านเจอมาเหมือนกันว่า  ชาวฮินดูไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องจำนวนดอกธูปเท่าไรนัก  แต่จะให้ความสำคัญกับความหมายของการบูชาด้วยธูปและกำยานมากกว่า  ว่าเป็นการถวายกลิ่นหอมแด่เทพเจ้านั่นเอง   ดังนั้นเค้าจะจุด  9 ดอก  16  ดอก  หรือแค่ดอกเดียว  ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ  เพราะเค้าต้องการถวายกลิ่นหอมเท่านั้น....


...... ผู้ใหญ่ที่ผมเคารพท่านหนึ่ง  แนะนำเรื่องจำนวนธูปไว้ว่า   ในการจุดธูปถวายเทวรูปนั้น   จะจุดธูป  3  ดอก  5 ดอก หรือ  8  ดอกก็ได้  แต่ไม่ควรเกินกว่า 9  ดอกครับ  ....   

เนื่องจากชาวพุทธถือว่า  จุดธูป  3  ดอกเป็นเพื่อบูชาพระรัตนตรัยจึงไม่เป็นที่นิยม   ดังนั้นการจุดธูปบูชาเทพมักจะจุดตั้งแต่  5  ดอกขึ้นไปครับ...
#44
ถึง  คุณโอมมหาปารมีเทวา  ครับ !!

คือถ้าลองสังเกตดีๆ ตามเทวสถานจะมีเป็นเชิงเทียน หรือตะเกียงน้ำมันใหญ่ๆ  ที่ตั้งเป็นคู่อยู่เเล้วครับ  และเป็นคู่หลักที่มักจะมีไฟติดตลอดเวลา   ดังนั้นการจุดเทียนเพื่อบูชาหรือจุดตะเกียงน้ำมันเฉพาะองค์ก็สามารถทำเพียงดวงเดียวได้ครับ


ส่วนแท่นบูชาที่บ้านก็ควรมีเป็นคู่เช่นกัน...สำหรับผมจะมีเชิงเทียน 1 คู่ครับ  และก็มีตะเกียงน้ำมัน 1 ดวงสำหรับจุดถวายประจำวัน  แต่ผมก็ไม่ได้จุดเทียนคู่นั้น ทุกวันเหมือนกันครับ  จะจุดเฉพาะวันถวายเครื่องสังเวยประจำสัปดาห์  ถ้าเป็นการบูชาประจำวัน  ก็จุดกำยาน 1 ดอก  กับตะเกียงน้ำมัน 1 ดวงครับ !!
#45
อนุโมทนาสาธุ  !!  กับคุณเจ้าชาย ฯ  หากตกลงปลงใจแน่วแน่แล้วไซร้  อย่าลืมมาบอกบุญกันนะ  กระผมขอร่วมบุญด้วยคน  อิอิ !!
#46
เสริมจาก  คุณหริทาส  ครับ !!

ทั้งสองคำ  แสดงถึงคุณสมบัติ  และทิพยภาวะของพระลักษมีในฐานะ  เทวีแห่งความงาม  ความอุดมสมบูรณ์  และสิริมงคลทั้งปวง  ครับ !!
#47
   พระสรัสวดี  ไม่มีแบ่งออกเป็นชื่อปางอย่างชัดเจนน่ะครับ  แต่จะแบ่งเป็นลักษณะตามศิลปะมากกว่า  ซึ่งโดยจะพบเป็น  2 คติใหญ่ๆ  คือฮินดู  กับมหายาน

ในคติฮินดู -  ปรากฎเป็นเทพนารีสวยสง่า  มีเมตตา และเคร่งครัด อย่างครูใจดี  โดยมากมักปรากฎ 2-4  พระกร  ถือ  อักษมาลา  คัมภีร์  และวีณา  ซึ่งถือเป็นของสำคัญประจำพระองค์ มักทรงชุดสีขาว  ไม่โปรดเครื่องทรงที่ประดับเพชรนิลจินดาอย่างอลังการ มีทั้งประทับนั่งและประทับยืน  ตามแต่ศิลปะและลีลา  มักปรากฎนกยูงและหงส์อยู่ใกล้เป็นสัญลักษณ์แห่งเทพพาหนะ  หรือบางครั้งอาจประทับบนหลังเทพพาหนะอย่างใดอย่างหนึ่ง  ในคติฮินดูยกย่องท่านเป็นเทวีแห่งปราชญ์ อุปถัมภ์ งานอักษรศาสตร์  สื่อสารมวลชน  ศิลปะและความรู้ทั้งมวล
 
รูป  พระสรัสวดี




ในคติมหายาน - ทรงเป็นพระโพธิสัตว์ฝ่ายหญิง  ทรงฐานะเป็นเทพธิดาแห่งมนตราและปัญญา กล่าวว่าเป็นพระชายาของพระโพธิสัตว์มัชชุศรี (แต่บางตำราก็กล่าวว่าพระนางเป็นชายาของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร )  เทวลักษณะทรงเป็นเทพธิดาประทับนั่งบนฐานบัว  ทรงมุทราประทานพร  และอภัยมุทรา   ถือช่อดอกไม้  หรือดอกบัว  บางครั้งปรากฎทรงถือพิณ (หรือ ผีผา) 
#48
พอเห็นคุณ โอมมหาปารมีเทวา  กับ คุณGifzy_69  พูดถึงร่างทรง  ผมก็อดไม่ได้  ขอแจมด้วย.....

.....ล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ผ่านไปที่ศาลแห่งหนึ่ง  เห็นว่ามีงานใหญ่โต  เหมือนจะเป็นงานเทวาภิเษกอะไรซักอย่าง  ก็เลยชวนเพื่อนเข้าไปดู ปรากฎผมก็สนุกสนาน  และตื่นตาตื่นใจกว่าที่คิด  เจอผู้ชายคนหนึ่งในชุดขาว  เป็นร่างทรงพระคเนศ กับ อีก 3 คนในชุดลายเสือ  เป็นร่างทรงพระฤษี  ผู้คนต่อแถวรอเป่ากระหม่อมกันยาวเหยียด  เอาเงินใส่ซองยกพานดอกไม้ ธูป เทียนกันให้วุ่นวาย  ในใจก็คิดว่า  เค้าจะรู้ไหมนะว่าที่กราบๆ กันอยู่น่ะ ผี ทั้งนั้น... (ได้แต่คิดในใจนะครับ...พูดไม่ได้ 5555+  ขำตัวเองเหมือนกัน )

    แต่คนที่ดูตื่นเต้นสุดๆ  น่าจะเป็นเพื่อนของผม  ถามผมว่านั่นเค้าเป็นร่างทรงเทพองค์ไหน ?  ผมก็เลยกระซิบเบาตอบว่า  "น่าจะเป็นผีแถวนี้แหละ"  เพื่อนก็ทำหน้า งง  สุดชีวิต ผมก็เลยบอกว่าตอนนี้เราไปดูพระคเณศแสดงอภินิหารกันก่อนเถอะ  เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังที่หลัง (...พอเล่าให้เพื่อนฟัง  เจ้านั่นอึ้งไปเลยแล้วบอกกับผมว่า  เดชะบุญวันนั้นมันเกือบจะเข้าไปร่วมวงยกพานขอพรพระคเณศ (ปลอม)อยู่แล้ว  แต่เห็นผมพูดแปลกๆเลยไม่ทำ  5555+ )


     น่าสมเพชนะครับ  คนพวกนี้อ้างเป็นร่างบารมีพระแม่องค์นี้เพื่อสร้างบุญบ้าง  รับบัญชาจากพระคเณศให้เป็นร่างทรงเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์บ้าง 

      ที่หนักกว่า...เดี๋ยวนี้เป็นตำหนักทรงออนไลน์  มีการอัพโหลดเป็นคลิปวิดิโอขึ้น Youtube  แสดงอภินิหารผ่าน internet 4 Mb  เค้าตั้งตำหนักทรงของพระแม่องค์หนึ่ง  มีศิษยานุศิษย์มากมาย  ปากบ่นบริกรรมคาถาภาษามั่ว  พิธีกรรมก็เหมือนจะถูกต้องแต่ผิดหมด  มีปลุกเสกของทิพย์  หิ้งบูชาเห็นแล้วประหนึ่งว่าอยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้า  เทพเจ้าทุกองค์มาประชุมรวมกันวันสัมมนาโลกหรือเปล่า จัดหิ้งได้มั่วสุดๆ  บางเทศกาลมีการสรงน้ำพระหัตถ์พระแม่  ด้วยการสรงน้ำผ่านมือร่างทรงคนนั้น - -' คิดได้ไงเนี่ย  !!  ยังจะกล้าเอามาประจานตัวเองบนโลกออนไลน์อีก  เห้อ...!!  สงสารก็แต่คนที่ตกเป็นเหยื่อ

      พูดซะยาวเลย....สรุปง่ายๆก็คือ  ผมไม่ชอบร่างทรง (ส่วนตัวมากๆ  อิอิ) ไม่ชอบคนที่อ้างตัวเป็นเทพเจ้า  ไม่มีเทพชั้นสูงที่ไหนมาประทับร่างมนุษย์หรอก  มีแต่มนุษย์นั่นแหละที่สวมรอยประทับทรงเป็นเทพเจ้า  ..... จบ !!!  (555+)

      
#49
นี่คือสำนวน..ที่ผม  พยายามสัญนิษฐานครับ !!  ( ยกมือซ้าย ขยับแว่น 2 ครั้ง )

ศิลปะเท่าที่ดู....ไม่น่าจะเป็นแบบธิเบตนะครับ   เพราะถ้าเป็นศิลปะธิเบตและมหายาน จะนิยมเครื่องทรงที่ดูเรียบร้อย  แต่เทวรูปองค์นี้กลับมีเครื่องทรงแต่น้อย

ถ้าเป็นศิลปะแบบธิเบตผมว่าเค้าน่าจะทำออกมาในรูปลักษณ์ของ  เทพธิดาตารา  มากกว่า  ซึ่งก็คือพระสรัสวดีในฝ่ายมหายาน  และมักปรากฎพิณเหมือนกัน  แต่ถ้าไม่มีพิณก็จะถือดอกบัวไปเลย...

.....แต่ก็อาจจะเป็น  พระสรัสวดี  ก็ได้เหมือนกัน  เพราะข้อมูลเดียวที่อ้างอิงได้  คือ  สิ่งของที่ถืออยู่ในพระหัตถ์  อาจจะเป็น อักษมาลา กับ คัมภีร์  แต่ของสำคัญอย่างพิณนี่ซิ  ไม่มี  ผมเลยไม่กล้า ฟันเฟริส์ม เลยครับ   


เชิญท่านต่อไปยื่นสำนวนครับ.... !!!!
#50
ถึง   คุณเจ้าชายรองเท้าแตะ ...!!

ชอบตรง...นั่งสวดมนต์แล้วบังเกิดแสงสว่าง  555+  ชอบตรงนี้  !!! 

...ซึ่งขอแนะนำว่า ต้องนำวิธีปักธูปตามตำแหน่งของคุณกษิติ  ไปใช้แล้วหล่ะครับ   

ยิ้มๆ ( แอบขโมยมาใช้นิสนึง  อิอิ )
#51
ขอบคุณคุณ กษิติ  ครับ !!  ความรู้ใหม่สำหรับผมครับ เพิ่งทราบเหมือนกันว่าตำแหน่งการปักธูปก็มีความหมายด้วย 
ปลาบปลี้ม !!
#52
สวัสดี และยินดีที่ได้รู้จักครับคุณ เอก !!
#53
คุณ กาลิทัส  แก้ไขด่วนเลยคร้าบ....บบบ  พี่น้องคร้าบ.. !!   

พราย คำนี้  แปลว่า  ภูติน้ำชนิตหนึ่ง  นะขอรับ ท่าน  55555+
แต่ถ้า  พาย  คำนี้  แปลว่า  สายลม   ครับ...


พระพาย = เทพแห่งลม   
พระพราย = เทพแห่งปีศาจน้ำ


รีบเปลี่ยนเร็วๆ  ยังไม่มีใครรู้หรอกครับ  อิอิ .......
#54
         สำหรับหลายๆคนคงสงสัยว่า  ทำไมเวลาเราไหว้พระ หรือบูชาเทพ  เราต้องจุดธูปเที่ยน ?  สวดมนต์อย่างเดียวไม่ได้หรือ ?

         การจุดกำยาน ธูป และประทีป  เป็นการถวายกลิ่นหอม  และแสงสว่างเป็นเครื่องบูชาแก่เทพเจ้า  ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่า  แทบทุกศาสนา  ทุกลัทธิ  ให้ความสำคัญกับกำยาน ธูป และประทีปมากพอสมควร

         กำยานและธูป   ควันกำยาน และควันธูป มีอานุภาพในการชำระกระแสพลังอัปมงคลบริเวณแท่นบูชา  หรือเทวลัยให้บริสุทธ์อยู่เสมอ  และช่วยรักษาพลังที่แผ่ออกมาจากเทวรูปให้คงที่อีกด้วย  กลิ่นหอมจากกำยานทำให้จิตใจสงบ มีสมาธิ  มีผลในด้านของการบำบัดสุขภาพ ( กรณีเป็นกำยาน  และน้ำมันหอมระเหย ที่มีส่วนผสมของธรรมชาติแท้ๆ หรือที่เรียกว่า ธรรมชาติบำบัด - Aromatherapy)  และควันมีสภาวะธาตุ เป็นธาตุลม  นำมนต์และคำอธิฐานของเราไปสู่เทพเจ้าได้เร็วขึ้น   


          ประทีป  อาจจะเป็นเทียน  หรือน้ำมันตะเกียงก็ได้  เป็นตัวแทนของแสงสว่าง  และความรู้แจ้ง  มีสภาวะธาตุ เป็น ธาตุไฟ  โดยปกติจะจุด 2 ดวง  ขนาบซ้ายขวา  ไม่นิยมจุดดวงเดียว   เนื่องจากการจุดประทีปดวงเดียว ใช้ในงานอวมงคล  หากใช้ตะกียงน้ำมันควรใช้น้ำมันที่ทำจากพืชเป็นเชื้อเพลิง  เช่น  น้ำมันดอกทานตะวัน  น้ำมันถั่วเหลือง  เป็นต้น  (เหมือนผมจะเคยอ่านเจอ ว่ามีน้ำมันสำหรับใช้เติมตะเกียงไฟโดยเฉพาะเรียกว่าอะไรไม่ทราบ ? ... รบกวนข้อมูลจากผู้รู้ท่านอื่นๆ หน่อยนะครับ)
...
          ข้อแนะแนะนำในการบูชาประจำวัน  ควรจุดประทีปและกำยานทุกวัน  อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง (หรือกำยาน 1 ดอก/วัน) หรือตามความเหมาะสม   เพื่อเป็นการชำระบริเวณแท่นบูชาให้บริสุทธ์  และเป็นการสร้างมณฑลให้กับแท่นบูชา  ส่วนธูปนั้นไม่จำเป็นต้องจุดทุกวัน (ถ้าคุณมีทั้งธูปและกำยาน) แต่ใช้จุดในวันที่มีการถวายเครื่องสังเวย  ก็จุดธูปเพิ่มเติมจากกำยานได้

        ส่วนประทีปนั้น  ถ้าใช้เทียนก็สามารถดับเทียนกรณีที่กำยานหมดดอก  และสามารถจุดเทียนเล่มเดิมใช้ได้จนหมด  ถ้าเป็นตะเกียงน้ำมันต้องหมั่นตรวจปริมาณน้ำมัน ให้เพียงพอในการจุดแต่ละครั้งด้วย

.....ปัจจุบันมีการการใช้เตาน้ำมันหอมระเหย (แบบที่ใช้เทียนชาทรงเตี้ย  ต้มน้ำในเตาเล็ก  แล้วหยดหัวน้ำหอมลงไปต้มให้กลิ่นระเหยขึ้นมา ) มาใช้ในการบูชาเทพด้วย  ซึ่งช่วยให้จิตใจสงบ  และมีผลดีต่อสุขภาพด้วยครับ .....
อ้างอิงจาก  :  งานเขียนของ  อาจารย์กิตติ  วัฒนะมหาตม์  และ www.aromamodaka.com

[/SIZE][/FONT]
รูป  เตาน้ำมันหอมระเหย
#55
พระสร้สวดีองค์นี้  ท่านดูดุดันจังเลยนะครับ  แต่ก็ดูสง่างาม และทรงอำนาจมากเช่นกัน

..... โอม ชยะ ศรี สรัสวตี  มา ฯ

ขอบคุณ  คุณอักษรชนนี  สำหรับภาพสวยๆ ครับ

( ป.ล. โหยังไม่จุใจเลยครับคุณอักษรชนนี  น่าจะเอาภาพเทพเจ้า มาให้ชมกันซักครึ่งอุทยาน  555+ )
#56
นั่นๆ ฝากบ้านก่อนไปเที่ยวปีใหม่   5555+ 

...ข้าเจ้าจะช่วยดูแลบ้าน  และช่วยทำความสะอาดบ้านให้ด้วยนะขอรับ  ขอให้ไปเที่ยวปีใหม่ให้สนุกนะครับ  อิอิ ...   
#57
ใช่แล้ว...ครับตำนานนั้นเป็น  ตำนานอธิบายกำเนิดพญานาคและพญาครุฑ  และสาเหตุแห่งการเป็นศัตรูกันของนาคกับครุฑด้วยครับ
#58
คุณ เทวาเหนือเกล้า ครับ  นาคในคติของฮินดูนั้น คล้ายๆของคติไทย  คือเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีความเกี่ยวข้องกับเทพเจ้า  โดยเฉพาะพระศิวะครับ  ในอินเดียเรียกนาคว่า Naga หรือ  นาคา    แต่ลักษณะของนาคฮินดูจะออกเป็นลักษณะของงูใหญ่ที่ชัดเจนมาก  เหมือนงูเห่า  หรืองูจงอาง  มีตั้งแต่ 1 เศียร  7 เศียร  หรือพญาเศษะนาคผู้เป็นบัลลังก์ให้พระนารายณ์  ที่บางตำรากล่าวไว้ว่ามีถึง 1,000 เศียรทีเดียว   ซึ่งงูเห่า  หรืองูจงอาง  ที่ตัวใหญ่มากๆ  คนอินเดียก็เรียกว่า นาคา  เช่นกัน

คนอินเดีย  โดยเฉพาะไศวนิกายนับถืองูมากๆ  เพราะเชื่อว่าเป็นเผ่าพันธุ์ของเหล่านาค  พวกเค้าจะไม่ทำร้าย  หรือฆ่างูเลยเพราะถือว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้า

เทพอีกองค์หนึ่งที่เกี่ยวข้องกับนาคโดยตรงก็คือ  พระนางมนสาเทวี  ผู้เป็นเทวีแห่งนาค บางตำราบอกว่าพระนางเป็นน้องสาวของพญาเศษะนาค หรือพญาอนัตนาคราชด้วย (เหมือนเคยเห็นว่ามีผู้เอาประวัติของพระนางมาลงแล้ว  จึงไม่ขอกล่าวซ้ำนะครับ) พระนางมีพาหนะเป็นเป็ด  และมีงูเห่า 8 ตัวคอยตามอารักขาเสมอๆ  และจะมีเทศกาลสำหรับบูชาพระนางโดยเฉพาะ  เรียกว่า  นาคปัญจมี  ในวันนี้ชาวอินเดียจะงดการไถนา  หรือขุดดินเพราะเกรงว่าจะไปถูกงูหรือไข่ของงูที่อยูใต้ดินเข้า  นอกจากนี้ยังมีการบูชาพญานาค โดยน้ำนมให้งูและพญานาคกิน เชื่อว่า ถ้างูกินนมของผู้ใด งูจะไม่ทำอันตรายใดๆแก่คนในครอบครัวนั้นๆตลอด 1 ปี และในวันนี้จะมีการแสดงศิลปะทางกายและอาวุธ เช่น มวยปล้ำ ฟันดาบ เป็นต้น

..... แต่อินเดียก็ยังเป็นประเทศที่มีคนตายเพราะถูกงูกัดมากที่สุดในโลก  อยู่ดีครับ !!
#59
คุณเจ้าของกระทู้ครับ  ถ้าคุณได้สัญญากันท่านเอาไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะ  และมันเป็นสิ่งที่ไม่ได้ทำให้คุณเดือดร้อน  คุณก็ควรทำนะครับ  ถึงแม้ว่าท่านจะไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเราเลย  แต่ถ้าเราได้ไปสัญญาแล้ว  เท่ากับเราต้องรักษา สัจจะ  ที่ให้ไว้ครับ  เพราะเทพท่านจะถือสัจจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุด .....
#60
ยินดีที่ได้รู้จัก  เหมือนกันครับ  !!  
#61
ยินดีด้วยอีกคนครับ  555+
#62
เลื่อมใสๆ  สมชื่อ  ท่านโหราน้อย จริงๆ  ( คิดภาพตามนะครับ...ตอนนี้ผมกำลังยกมือคารวะ  คุณโหราน้อย  แบบในหนังจีนกำลังภายใน  555+)


...คุณสิรวีย์ ครับ  ถ้าจะตั้งเทวรูปคู่กัน  ต้องคำนึงถึง ...   

1.  ควรเป็นเทวรูปที่มี ศิลปะเหมือนกัน หรือคล้ายๆกัน จะดีกว่าครับ
2.  วัสดุที่ใช้ทำเทวรูป ก็ควรเหมือนหรือคล้ายกันด้วยครับ  เช่น  ถ้าเทวรูปพระสรัสวดีเป็นงานทองเหลือง  เทวรูปพระพรหมก็ควรเป็นทองเหลืองเช่นกัน   
3.  ขนาดเทวรูป  ควรมีขนาดเท่ากันหรือไล่เลี่ยกัน ครับ !!
#63
ผมก็เคยอ่านเจอเหมือน คุณกษิติ เหมือนกันครับ ( คิดว่าน่าจะเป็นเล่มเดียวกัน  555+)  เรื่องที่ต้องให้คเกิดนวันอังคารเชิญ  คนเกิดวันเสาร์รับเข้าบ้าน  น่าจะเป็นเคล็ดทางโหราศาสตร์มากกว่า เพราะ  อังคาร กับเสาร์  เป็นมิตรกัน 

แต่ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า  ทำไมต้องเจาะจง เป็นคนเกิดวันอังคารกับวันเสาร์ ( ผมไม่มีความรู้เรื่องโหราศาสตร์เลยครับ... )  ซึ่่งผมคิดว่าเป็นรายละเอียดที่เยอะเกินไป  สำหรับประดิษฐานเทวรูปในบ้านคนธรรมดา  อย่างเราๆ

เรื่องทิศนั้น  สายวิชาผมแนะนำทิศใดก็ได้ตามความเหมาะสมของสถานที่  แต่ทิศที่ดีที่สุดคือ ทิศ ตะวันออก   เว้นไว้เสียแต่เพียงทิศตะวันตกเท่านั้น !!

และการตั้งเทวรูป  ต่อให้เทวรูปมีเพียงพระพักตร์เดียว  เราก็ไม่ควรตั้งให้เทวรูปติดผนังเกินไปอยู่แล้ว  ต้องเว้นระยะจากผนังให้เหมาะสม  ดังนั้นเทวรูปท้าวมหาพรหมปกติจะตั้งในเทวาลัยเปิดสี่ด้าน  เพราะท่านมี 4 พักตร์   แต่กรณีเป็นองค์ขนาดบูชาในบ้านนั้น  คุณกษิติ  ก็ขยับท่านออกมาให้ห่างจากผนังก็ใช้ได้แล้วครับ ....



คุณสิรวีย์  ครับ  ผมเคยเห็นเทวรูปพระพรหม  ปางยืนเหมือนกัน  ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งแถวๆรัชดา  เทวลักษณะเหมือนพระพรหมนั่งทุกอย่าง  เพียงแต่ทรงประทับยืนเท่านั้นเอง  ตอนแรกผมเข้าใจว่าเป็นเทวรูปพระภูมิเสียอีก  พอได้เข้าไปดูใกล้ๆ ถึงได้รู้ว่าเป็นพระพรหมประทับยืน  เป็นศิลปะแบบไทยเรานี่แหละครับ  เทวลักษณะก็งดงามพอสมควร .....

แล้วก็ต้องขอแสดงความเสียใจกับบ้านที่เป็นเจ้าของพระพรหมใน ซอยบ้านคุณสิรวีย์  ที่ถูกขโมยไปด้วยนะครับ .... เฮ้อ..อ  จิตใจคนเราตอนนี้แย่ลงทุกวันนะครับ  สิ่งที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวเป็นที่เคารพนับถือ  อย่างพระพุทธรูปหรือเทวรูป  ก็ยังคิดขโมยไป เพียงเพื่อแลกกับเงินเล็กๆน้อย  ที่มีค่าไม่ได้เศษเสี้ยวหนึ่งของคุณค่าทางจิตวิญญาณที่ ผู้เป็นเจ้าของจะได้รับจากเทวรูปนั้นเลยแม้แต่น้อย .... ก็คงต้องพึงผลกรรมที่คนเหล่านี้ได้กระทำไว้  ตามสนองในเร็ววันเท่านั้นเอง  !!!
#64
ที่คุณตรีศังกุ  ว่าก็มีส่วนถูกนะครับ  ...  แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า  รามเกียรติ์  มีที่มาจาก  รามายณะของอินเดีย  ดังนั้นเทวลักษณะของพรหมพุทธ  ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าเป็นการยืมมาจาก  พรหมฮินดู  ครับ  !!
#65
ผมก็เคยได้ยินมาเช่นนั้นว่า .... ในสมัยก่อนเราไม่ได้นับถือพระคเณศในฐานะเทพแห่งศิลปะ และวิทยาการมาก่อน  แต่เรานับถือพระสรัสวดีมากกว่า   ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6  เมื่อครั้งที่พระองค์ท่านเสด็จไปชวา  มีผู้ทูลถวายพระคเณศศิลปะแบบชวา ( เทวลักษณะคล้ายๆกับ  พระคเณศ ของกรมศิลปากร )  พระองค์ทรงเลื่่อมใสและนับถือพระคเณศมาก  จึงมีพระดำริห์  ให้สร้างเทวาลัยพระคเณศ  ไว้ที่พระราชวังสนามจันทร์  เพื่อเป็นเทพอารักษ์ด้วย  ทำให้การนับถือพระคเณศเป็นที่นิยม  และแพร่หลายขึ้น  และเนื่องจากรัชกาลที่ 6  ทรงโปรด  งานประพันธ์ และ วรรณคดี  พระคเณศจึงถูกยกฐานะให้เป็นเทพแห่งศิลปะ  และวิทยาการ  ตั้งแต่นั้นมา  ในสมัยนั้นจึงนิยมสร้างพระคเณศที่ถือ  วัชระ   คล้ายๆที่พระอินทร์ทรงถือ   เพื่อเป็นการยกย่องล้นเกล้ารัชกาลที่ 6   เพราะพระองค์มีพระนามเดิมว่า  วชิราวุธ  นั่นเอง   ช่างศิลปินในยุคต่อมา  จึงถือเป็นต้นแบบ   ดังนั้นพระคเณศที่สร้างเป็น ศิลปะแบบไทย จึงมักถึอวัชระ  หรือ  วชิราวุธ  นั่นเอง ....
#66
ที่ผมเขียนไว้ว่าพระพรหมแบบฮินดู  มีทีเดียวในเมืองไทยคือ วัดแขก สีลม นั้น  ผมหมายความว่า  เทวสถานของฮินดูในประเทศไทย  ที่มีการสร้างเทวาลัยถวาย พระพรหมฮินดู เป็นการเฉพาะ  นั้นมีแค่แห่งเดียวก็คือ  วัดพระศรีมหาอุมาเทวี  ครับ  ( ขออภัย...ที่อาจทำให้เข้าใจผิดนะครับ  รีบพิมพ์ไปหน่อย  เลยอาจมีข้อความตกหล่น )

ส่วนพระพรหมถือจักรเป็นอาวุธนั้น  เป็นจินตนาการของช่างศิลปินในสมัยนั้นครับ  เนื่องจากไม่เคยมีการสร้างท่านท้าวมหาพรหมในคติพุทธมาก่อน  จึงจำเป็นต้องยืมเทวลักษณะของ พระพรหมฮินดู  มาใช้ครับ  แต่ว่ารายละเอียดต่างๆ  เช่นเทพอาวุธ  ลีลาทาทาง  ก็ปรับให้อ่อนช้อยอย่างศิลปะแบบไทย  หรืออย่างเทวดาไทยตามความนิยมของช่างศิลปินในสมัยนั้นครับ  เพื่อให้แตกต่างไปจากพระพรหมของฮินดู....


ส่วนพระพรหมทรงช้างเอราวัณนั้น  เป็นคติใหม่  เพราะทางเทววิทยายอมรับว่า  พระพรหมมีหงส์เป็นพาหนะครับ...


...ขอบคุณคุณสิวรีย์ ครับสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม  เป็นอย่างที่คุณสิวรีย์บอก  คุณหลวงฯ ท่านมีความเคารพนับถือ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเป็นการส่วนตัวครับ   และยกย่องท่านเป็นพรหมองค์หนึ่ง  ทรงพระนามว่า  ท้าวเกศโร  แต่ก็อย่างที่บอกไปแล้วครับ  ว่าเป็นการนับถือเป็นการส่วนตัวของคุณหลวง ฯ  เพราะท้าวมหาพรหมเอราวัณ อาจจะเป็นพระพรหมองค์อื่นๆก็ได้  เช่นกัน

พระพรหมองค์นี้เป็นคติพุทธแนวผีเล็กๆไหม ?  ถ้าอิงจากประวัติการตั้งเทวาลัยแห่งนี้ ก็อาจจะ  ใช่  แต่โดยทิพย์ภาวะจริงๆ  ของคำว่า  พรหม ในคติของชาวพุทธ นั้น  ก็คือ  มหาเทพ  ที่ยิ่งใหญกว่าเทพทั่วไป  ครับ  !!!
#67
หากใครได้ผ่านไปย่านสี่แยกราชประสงค์ ย่อมต้องคุ้ยเคยกับควันธูป กลิ่นเทียน  จากศาลเทพเจ้าศักดิ์ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย  ตรงหัวมุมถนนด้านโรงแรม แกรนด์ ไฮแอท เอราวัน นั่นคือ   ศาลพระพรหมเอราวัณ

ความศักสิทธิ์ของศาลพระพรหมเอราวัณแห่งนี้เป็นที่เลื่องลือไปทั้วโลก   พลังศรัทธาของคนจากทั่วสารทิศ  ถึงขนาดชาวต่างชาติต้องข้ามน้ำข้ามทะเล  เพื่อมากันเลยทีเดียว  ผู้ึคนแวะเวียนมาสักกการะตลอดทั้งวันไม่ขาดสาย  ตั้งแต่เปิดจนถึงปิดศาล  แต่จะมีซักกี่คนที่รู้ว่า  ศาลพระพรหมอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เป็นพระพรหมใน  คติพุทธ


รูป : พระพรหมเอราวัณองค์ใหม่ (คติพุทธ)

ความคิดในการสถาปนาเทวาลัยพระพรหมเอรวัณแห่งนี้เป็นการแนะนำ ของ  คุณหลวงสุวิชาญแพทย์  ผู้เชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุคนั้น  เพื่อขจัดอาถรรพ์บริเวณพื้นที่ดังกล่าว  โดยคุณหลวงสุวิชาญแพทย์นั้น  ท่านได้ติดต่อทางจิตกับท่านท้าวมหาพรหมโดยตรง

.....
พรหมโลกมีทั้งหมด 20 ชั้น แบ่งเป็น รูปพรหม 16 ชั้น และ อรูปพรหม 4 ชั้น   บุคคลได้กระทำความดีมีผลบุญสูงจะได้เกิด เป็นพรหม  พระพรหมในคติของพุทธ  มีอยู่มากมายหลายองค์  เช่น  ท้าวสหับดีพรหม  ท้าวผกาพรหม  เป็นต้น... 

เนื่องจากในสมัยนั้นไม่มีการสร้างเทวรูปพระพรหมในคติพุทธมาก่อน  ช่างศิลปินในสมัยนั้น จึงมีการยืมเทวลักษณะพระพรหมฮินดูมาประยุกต์จนออกมาเป็น  เทวรูปเทวดาที่มี 4 พระพักตร์   มีพระกร  8  พระกร ประทับนั่งบนบัลลังก์สง่างามมาก  หล่อจากปูนปาสเตอร์ปิดทอง

ส่วนเทวาลัยก็เช่นกันช่างศิลปินในสมัยนั้น  ออกแบบเห็นหอจตุรมุขเปิด 4 ด้าน  ประดับลวดลายอย่างงดงามอลังการ  และกลายมาเป็นต้นแบบของศาลพระพรหมในปัจจุบัน

....อาจจะกล่าวได้ว่าศาลพระพรหมจตุรมุขเปิดสี่ด้าน  กับเทวรูปพระพรหมองค์ดังกล่าว   เป็นต้นแบบของศาลพระพรหมทั่วเมืองไทย  หรืออาจจะเป็นทั่วโลกเลยก็ว่าได้ ....

เมื่อตัวศาลจตุรมุขสร้างเสร็จ  คุณหลวงสุวิชาญแพทย์  ก็รับเป็นเจ้าพิธี  อัญเชิญเทวรูปท่านท้าวมหาพรหมประดิษฐานบนหอจตุรมุข  ซึ่งเป็นพระพรหมในคติพุทธ  องค์แรกของเมืองไทย  แต่ทิพย์ภาวะที่แท้จริงของพระพรหมองค์นี้ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ถึงปัจจุบันว่า  เป็นพระพรหมองค์ใด


และเมื่อไม่นานมานี้....คนไทยก็ต้องสลดใจกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน  เมื่อมีชายวิกลจริตบุกทุบทำลายเทวรูปพระพรหมองค์เดิมจนเสียหาย  แต่ชายคนนั้นก็ได้รับผลกรรมที่บังอาจล่วงละเมิด  มหาเทพที่ศักดิ์สิืทิธิ์ที่สุด ทรงเทวานุภาพที่สุดของเมืองไทย  อย่างสาสมที่สุดเช่นกัน

ซึ่งก็ได้มีการรีบเร่งบูรณะองค์เทวรูปองค์ใหม่ให้กลับมาประดิษฐาน เพื่อเป็นมิ่งขวัญของชาวไทยและชาวต่างชาติให้เร็วที่สุด  โดยใช้ชิ้นส่วนเดิมของเทวรูปองค์เก่าผสมลงไปด้วย

และในที่สุดคนไทยก็ได้เทวรูปพระพรหมองค์ใหม่ที่สวยงามกว่า กลับมาประดิษฐานในเทวาลัย  เป็นที่พึงทางจิตใจของคนไทย และชาวต่างชาติเหมือนเิดิม....

จึงอาจสรุปได้ว่า...ท่านท้าวมหาพรหมเอราวัณ ทรงเป็น พระพรหมในคติพุทธ  นั่นเอง




.....ส่วนคนที่อยากไปสักการะเทวาลัยพระพรหมแบบฮินดู  ในประเทศไทย ก็มีอยู่เพียงที่เดียว  ที่มีการสร้างเทวาลัยถวายเป็นการเฉพาะ  นั่นคือ  ที่วัดพระศรีมหาอุมาเทวี หรือ วัดแขก สีลม นั่นเอง





รูป
เทวาลัยพระพรหมฮินดู  วัดแขก สีลม

ที่มา : www.siamganesh.com/lordbrahma.html

ที่มาข้อมูล    :   http://th.wikipedia.org/wiki/ศาลท่านท้าวมหาพรหม_โรงแรมเอราวัณ
#68
พญานาค  ตามหลักมายาศาสตร์ถือเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์  เช่นเดียวกับ  มังกร ครุฑ  เป็นต้น ครับ .... บางภูมิภาคบอกว่าพญานาคเป็นมังกรชนิดหนึ่ง  แต่ถ้าพิจารณาตามลักษณะแล้ว  พญานาคจะมีลักษณะค่อนไปทางงูใหญ่มากกว่า

พญานาคเป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์  เห็นได้จากเป็นผู้ทำให้ฝนตก  และเป็นพาหนะของพระพิรุณ  ส่วนพญานาคที่มีบทบาทมากในทางเทวปกรณ์ก็ได้แก่  พญาอนันตนาคราช (เศษะนาค)  ผู้เป็นบัลลังก์ให้พระนารายณ์   พญามุจลินนาคราชผู้ขดตัวป้องกันแดดฝนให้กับพระพุทธเจ้า  พญาวาสุกรีนาคราชผู้ใช้ตัวควั่นเขาพระสุเมรุตอนกวนเกษียรสมุทร  เป็นต้น

พญานาคมีบทบาทสำคัญในทางศาสนาพุทธ  หนึ่งในสี่ท้าวจาตุมหาราชิกา ที่ชื่อ  ท้าววิรูปักษ์  ผู้เป็นใหญ่แห่งนาคราชทั้งปวง  ก็ทรงมีฐานะเป็นผู้พิทักษ์พระพุทธศาสนา  ทำให้พญานาคเป็นสัญลักษณ์ของผู้พิทักษ์รักษาพระพุทธศาสนาไปด้วย  สังเกตได้จากบันไดโบสถ์มักจะทำเป็นรูปพญานาคนั่นเอง

รูปเคารพ  :
  โดยทั่วไปผู้มีความรู้ด้านมายาศาสตร์ ไม่แนะนำให้ใครก็ตามบูชา พญานาคแบบเดี่ยว  หรือพญานาคขนาดบูชา  เนื่องจากเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีอานุภาพมากเกินกว่าที่คนธรรมดาจะสามารถบูชาได้  นอกจากบางคนที่มีคุรุ  หรือผู้รู้แนะนำเป็นพิเศษอย่างเคร่งครัดเท่านั้น  หรือนอกจากเป็นพาหนะของเทวรูปเทพเจ้า เช่น  เทวรูปพระนารายณ์ทรงนาค  หรือพระพิรุณทรงนาค  เป็นต้น  ( พูดง่ายๆก็คือ...ต้องมีเทพคอยควบคุมนั่นเอง )


....แต่สำหรับคนที่ชื่นชอบพญานาค  ก็สามารถพกเครื่องรางพญานาคเพื่อความสิริมงคลได้   แต่ควรเป็นเพียง ขนาดเล็กๆ พกติดตัว  ก็เพียงพอแล้ว  !!


 
#69
แต่ถ้าอยากชื่นชมเทวาลัยสมัยใหม่  ที่เป็นศิลปะสุโขทัยประยุกต์  อย่าลืมแวะไป  เทวาลัยพระแม่ย่า  จ.สุโขทัย นะครับ  !!!!


รูป  เทวาลัยพระแม่ย่า
ที่มา  :  www.palungdham.com/t451.html
#70
คุณสิรวีย์  อย่ากังวลเรื่องสีพระกายของพระองค์เลยครับ   ความหมายของสีพระวรกายของพระคเณศนั้นเป็นคติที่ผูกขึ้นมาใหม่  ไม่ได้มีอะไรตายตัวเลยครับ  และช่างที่ออกแบบนั้นก็ใช้จินตนาการของตน ในการเสริมเติมแต่งเทวรูปตามที่เห็นเหมาะสมควร

แต่ที่คุณ สิรวีย์ ควรระวังมากกว่า  สีพระวรกายของพระคเณศ  ก็คือ  ท่าทางและเทพอาวุธที่ไม่ตรงกับทิพยภาวะของเทพแต่ละองค์ครับ  ซึ่งมักจะปรากฏกับช่างไทยบางคนที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับเทววิทยาพื้นฐานของเทพแต่ละองค์  โดยคิดอยากจะให้เทพองค์นี้ถืออะไร  ก็ใส่ๆเข้าไปโดยไม่ค้นคว้าให้ดี หรือนำชิ้นส่วนของเทพองค์อื่นมาใส่สลับกันไปมา   เช่น   เอาแขนของพระสกันท์มาต่อเป็นแขนพระคเณศ  กลายเป็นพระคเณศถือหอกแบบพระสกันท์ไป  แบบนี้เป็นต้น

ถ้าคุณสิรวีย์  จะหาเทวรูปมาบูชาลองใช้ใจเลือกดูครับ  ถ้าไม่ชอบอย่ารับมา  อย่าเชื่อแรงยุผู้ให้เช่า  เลือกองค์ที่ชอบจริงๆ เห็นแล้วมีความสุข  และเราไม่เดือดร้อน  องค์นั้นแหละเป็นองค์ที่เหมาะกับคุณ

......เพราะไม่ว่าพระคเณศปางไหน  แบบไหน  สีอะไร  ท่านก็ทรงเป็นพระคเณศองค์เดียวกัน...... !!
#71
ผมเคยไปพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครครั้งหนึ่ง  แต่ก็เมื่อนามมาแล้วครับ...ตอนแรกผมก็คิดเหมือนคุณสิราวีย์ครับ  ว่าทำไมนำเทวรูปองค์จริงมาตั้งให้แห้งแล้งเช่นนี้ ?? แต่พอได้สอบถามผู้ใหญ่ท่านนึงท่านก็อธิบายให้ฟังว่า...

...เนื่องจากเทวรูปองค์จริงนั้นเป็นที่ต้องการของนักสะสมของเก่า  เพื่อป้องกันการโจรกรรมจึงย้ายไปเก็บรักษาที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร เพราะทางเทวสถานนั้น มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ไม่เข็มงวดนัก ( ล่าสุดผมได้ดูข่าว...โจรใจบาปก็ยังพยายามไปขโมยเทวรูปเก่าแก่  และทรงคุณค่า ในพิพิธภััณฑ์แห่งชาติขอนแก่น ก็ยังสามารถรอดพ้นระบบรักษาความปลอดภัยอันเข้มงวดออกไปได้อยู่ดี - - )

ทางศาสนสถานนั้นๆ  จึงต้องสถาปณาองค์จำลองขึ้นมาประดิษฐาน  ไว้ในศาสนสถานแทนเพื่อให้ประชาชนได้สักการะ  ซึ่งในการเทวาภิเษก ก็สามารถทำได้ถูกต้อง ทำให้องค์จำลองนั้น  มีความศักดิ์เช่นเดียวกับองค์จริงทีเดียว ....


แต่ในความคิดของผม  เห็นว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุมากกว่า  ตราบใดที่คนไทยหรือคนที่มีบารมีบางคน ยังคงเสาะหาเทวรูปเก่าแก่  อันเป็นสมบัติของชาติ  เพื่อเก็บไว้เป็นคอลเล็กชั่นส่วนตัวกันอยู่แบบนี้  โดยไม่สนใจว่าสิ่งนั้นมีคุณค่าทางจิตใจต่อส่วนร่วมมากน้อยแค่ไหน !!
#72
เด็กใหม่  งั้นต้องรับน้อง....55555+

ผม Naga  ขอฝากตัวด้วยครับ  คุณ  ม้าเขาเดียว  อิอิ  !!  
#73
แหม....คุณกาลปุตรา  ก็ใช้  สวัสดี  ก็ได้นะครับ...  นมัสการ  จะดูไม่ค่อยดีนะ  55555+

สวัสดีครับ  คุณกาลปุตรา  ผม Naga ขอฝากตัวด้วยครับ !!!  
#74
....มาเลยครับผมจะลดราคาให้คุณ  กาลิทัส  ซัก 50 % เลยล่ะ ...... แต่เสียอย่างเดียว  ตรงที่ผมไม่ได้เป็นเจ้าของร้านที่พาหุรัด เนี่ยซิ  55555555+

ไม่ได้เป็นเจ้าของร้านอะไรเลยครับ  เป็นคนธรรมด๊า  ธรรมดา  ที่สนใจศึกษาเทววิทยาเท่านั้นเองครับ  พอมีความรู้นิดๆหน่อยๆ  ต้องรบกวนพี่น้องชาว hindumeeting  แนะนำอีกเยอะครับ !!   
#75
ถึง  :  คุณเจ้าชายรองเท้าแตะ   ผมมาตอบให้แล้วนะครับ....... !!!

      คืออย่างนี้ครับ...นักเทววิทยาจะเชื่อว่าเทพเจ้าสายฮินดู  แต่ละองค์ท่านอยู่เป็นเอกเทศครับ  แต่สมัยต่อมาเมื่อเกิดศาสนาพราห์ม-ฮินดูขึ้น  มีการแต่งเทพนิยาย  และมีการอวตารของเทพเกิดขึ้น  สมัยก่อนประเทศอินเดียมีหลายชนเผ่า  แต่ละชนเผ่ามีความเชื่อ  และเทพเจ้าเป็นของตนเองซึ่งเรียกว่า  "เทพพื้นเมือง"  ครับ  โดยเทพเจ้าของแต่ละชนเผ่านั้น  อาจจะเคยเป็นหัวหน้าเผ่า   ผู้ชำนาญเวทมนต์  หรือบุคคลที่ได้รับการนับถือเมื่อสมัยยังมีชีวิตอยู่  และเมื่อบุคคลเหล่านั้นตายไป  สมาชิกในเผ่าก็ยังให้ความเคารพนับถือกราบไหว้ดวงวิญญาณนั้นเรื่อยมา  จากสิบปี  เป็นร้อยปี  เป็นพันปี  จนวิญญาณนั้นได้เลื่อนฐานะจาก  ผี  กลายเป็น  ผีชั้นสูง  และเป็นเทพ  ตามลำดับ  ซึ่งพระทุรคา  ก็เคยเป็นเทพพื้นเมืององค์หนึ่ง

      เมื่อศาสนาพราห์ม-ฮินดู เกิดขึ้นในสมัยแรกๆ  หรือกล่าวง่ายๆว่าเป็นเผ่าที่ใหญ่มากๆ จึงมีการเผยแพร่ไปยังเผ่าเล็กๆ ตามภูมิภาคต่างๆ  แต่เนื่องจากเผ่าเล็กๆเหล่านั้นก็มีเทพพื้นเมืองเป็นของตัวเองเหมือนกัน  หากใช้อำนาจบังคับให้เผ่าเล็กเปลี่ยนมานับถือเทพเจ้าของเผ่าใหญ่  ก็อาจทำให้เกิดการต่อต้านขึ้นได้  และเพื่อให้การปกครองชนเผ่าเล็กๆเหล่านี้ง่ายขึ้น  จึงเกิดวิธีที่เรียกว่า  อวตาร ขึ้น  หมายถึง  การเป็นภาคหนึ่งของเทพเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง มีศักดิและฐานะเท่าเทียมกันกับเทพเจ้าองค์นั้น  เช่น

       .....ศักตินิกายที่นับถือ  พระอุมา เป็นใหญ่   ต้องการเผยแผ่ลัทธิของตนไปยังชนเผ่าแห่งหนึ่ง  แต่ชนเผ่านี้นับถือ  พระทุรคา  เป็นเทพประจำเผ่าอยู่ก่อนแล้ว   แต่เนื่องจากนิกายที่นับถือพระอุมา  ไม่ต้องการให้เกิดการต่อต้านขึ้นในภายหลัง จึงนำพระทุรคา  เข้ามาเป็นอวตารภาคหนึ่งของ พระอุมา  ซึ่งดีกว่าการบังคับให้ชนเผ่าดังกล่าวเลิกนับถือพระทุรคา  แล้วมานับถือพระอุมาแทน  เพราะคติอวตาร  คือการที่พระทุรคามาเป็นภาคหนึ่งของพระอุมา  ที่มีศักดิ์  มีสิทธิ์  และฐานะเทียบเท่ากับพระอุมานั่นเอง......

      ดังนั้นในสมัยต่อมา  ผู้คนที่นับถือพระอุมาจึงถือว่า  พระทุรคาเป็นภาคหนึ่งของของพระอุมา  และจึงทำเทวรูปพระทุรคาเป็นเทพนารีที่งดงามอย่างพระอุมาประทับนั่งบนหลังเสือหรือสิงโต  และก็มีการผูกเป็นเทพนิยายขึ้นมาในภายหลัง ครับ

       แต่นักเทววิทยาหลายสำนัก  ก็ลงความเห็นว่า  พระอุมา  กับ  พระทุรคา  น่าจะ  เป็นเทพองค์เดียวกัน  หรืออาจจะเป็นสองลัทธิที่เกิดจากเทพองค์เดียวกันครับ
      
      ส่วนประวัติหรือตำนานเกี่ยวกับพระทุรคา.....มีเพื่อนๆ พี่น้อง  ท่านอื่นๆ  เอามาโพสให้อ่านเยอะเลยครับ น่าสนใจมาก ผมเลยไม่ขอกล่าวซ้ำนะ...!!



ป.ล. คุณเจ้าชายฯ  ไม่ต้องตามไปทวงแล้วนะครับ ผมตอบให้แว้ว... 55555+
#76
ฝากเนื้อฝากตัวดัวยนะครับ คุณคิม !!  
(ชื่อ คิม ท่าทางจะเป็นคนเกาหลี  อิอิ  แซวเล่นนะครับอย่าโกรธกัน...)
#77
แยกแท่นบูชาตามคติของแต่ละศาสนา ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย  เหมาะสมสวยงาม  สะอาดสะอ้านดีจังเลยครับ  !!
#78
ขอร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยคนนะครับคุณเจ้าของกระทู้....

ในสายวิชาที่ผมศึกษามา  ผู้ใหญ่ท่านแนะนำว่า ควร  แยกพระพุทธรูป กับเทวรูป ออกจากกัน  ถ้าคติเดียวกันสามารถจัดตั้งบนแท่นบูชาเดียวกันได้ครับ  ด้วยเหตุผล...

1. พระพุทธรูปไม่ต้องถวายเครื่องสังเวย  แต่เทวรูป ต้องถวายอย่างสม่ำเสมอ
2. ถ้าแยกแท่นบูชา  จะไม่ต้องคำนึงเรื่องความสูงต่ำ  เพราะจะอยู่ในระดับที่เท่ากัน  ดูเป็นสัดส่วนชัดเจน  และสวยงามเหมาะสม ครับ

...ผมก็เข้าใจเหมือนกับ คุณ Oam  ว่าคุณเจ้าของกระทู้  นับถือพระนารายณ์มากที่สุด (หรือเปล่า ?? )  จึงได้ตั้งเป็นองค์ประธาน  ในส่วนของเทวรูปสายฮินดู  ให้คุณเจ้าของกระทู้ตั้งเทวรูปที่นับถือที่สุดเป็นองค์ประธาน  หรือออาจจะใช้เทวรูปองค์ใหญ่ที่สุดเป็นประธานก็ได้ครับ  แล้วตั้งเทวรูปองค์อื่นๆ ขนาบซ้ายขวา  เยื้องมาข้างหน้า  ให้ดูสมดุลกันเป็นอันใช้ได้ครับ...

....ส่วนเทวรูปพระโพธิ์สัตว์กวนอิม  เป็นพุทธมหายาน  คนจีนนิยมบูชาต่างหาก  เป็นเอกเทศ  มากกว่าตั้งรวมกับพระพุทธรูปครับ...

(ป.ล. ผมตอบกระทู้ด้วยเหตุผล ในสายวิชาที่ผมศึกษามาน่ะครับ...อาจจะไม่ตรงกับสายวิชาของท่านอื่นๆ ก็อย่าว่ากันนะครับ  เพียงแต่เอาความรู้มาแลกเปลี่ยน  แบ่งปันกันเท่านั่นเอง  )
#79
ผมเคยแวะไปสักการะท่านครั้งหนึ่งครับ.....เป็นเทวาลัยที่สวยงามแห่งหนึ่งก็ว่าได้  บริเวณเทวาลัยจัดเป็นสัดส่วน เหมาะสม  หอเทวาลัยสร้างด้วยศิลปะแบบประยุกต์  ฐานบุหินอ่อนสีขาว  และมีกำแพงแบ่งเขตชัดเจน  ถัดไปมีศาลาหลังหนึ่ง  สำหรับประดิษฐานเทวรูปพระทุรคา

ส่วนเทวรูปพระศิวะก็สร้างได้งดงามไม่แพ้กัน  เป็นเทวรูปพระศิวะ 4 พระกร  ทรงตรีศูลคาดด้วยบัณเฑาะ  และหม้อน้ำ  ประทับนนั่งบนแท่นประดับกระจกเลียนแบบเขาไกรลาส  สวยงามแปลกตา  เทวรูปสร้างได้ดูอิ่มเอิบ เปี่ยมไปด้วยพระเมตตา

นอกจากนั้น....ยังมีเทวรูปพระคเณศ  และพระทุรคา  ประดิษฐานอยู่ในศาลาภายในบริเวณศาลอีกด้วย

พี่น้อง ชาว hindumeeting คนใดที่นับถือพระศิวะ ควรหาโอกาสไปสักการะท่านซักครั้ง  ที่เทวาลัยแห่งนี้นะครับ !!
#80
สวัสดีครับ !! เพื่อน พี่ น้อง ชาว hindumeeting  ทุกคนครับ  ผมนาย Naga  รายงานตัวครับ ...ยังไงต้องขอให้ เพื่อนๆ พี่ น้องท่านอื่นๆ แนะนำด้วยนะครับ  ขอบคุณครับ

( ขอสารภาพผิดนิดนึง.....จริงๆ แอบมาตอบกระทู้ไป 3-4 กระทู้แล้ว  แต่เพิ่งมาแนะนำตัวอย่างเป็นทางการก็วันนี้เองครับ - - ' อิอิ )