Loader
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Putthanan

#41
ดีปาวลี สวัสดีปีใหม่ทุกท่านเช่นกันครับ

#42
ขอบคุณนะครับที่นำมาให้ชม
#44
ขอบคุณมากนะครับที่นำภาพสวยๆมาฝากให้คนในครอบครัวHMได้ชมกัน เหนื่อยมากมั้ยครับ นี่ก็เสร็จงานแล้ว พักผ่อนเยอะๆดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะครับ เป็นห่วง



// โอม ขอพระบารมีแห่งองค์ศักติอวตารเทวีปราวตี และมหาเทพ มหาเทวีทั้งปวง โปรดประทานพรให้คุณอักษรชนนีและครอบครัวHM ทุกคนมีความสุข สมหวัง ตลอดทิวารุ่งราตรีนิรันตร์เถิด โอม ศักติ โอม
#46
ขอบคุณนะครับที่นำภาพวันงานที่มาเลเซียมาให้ชม ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ
#47
วันนั้นผมเองก็ตามหาซุ้มของเหล่าครอบครัว HM อยู่ แต่ไม่รู้ซุ้มไหนบ้าง พอจะเดินชมอีกรอบ คนก็กรูกันมาแบบมืดฟ้ามัวดิน เบียดกันจนเดินไม่ได้ เลยยอมแพ้กลับบ้านก่อน

//ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ซุ้มสวยมากเลยครับ แสดงถึงศรัทธาที่แรงกล้าอย่างแท้จริง

Thanks: เกมส์ทําอาหารเกมส์ต่อสู้เกมส์ปลูกผักเกมส์มันๆของขวัญ

//โอม ขอพระบารมีแห่งองค์ศักติอวตารเทวีปราวตี บันดาลให้คุณPatchaและชาว HM ทุกท่าน มีความสุข สมหวัง มั่งคั่ง สมปรารถนา ทุกทิวาราตรีเถิด โอม ศักติ โอม
#48












หมดแล้วครับ ใครมีภาพสามารถนำมาเพิ่มเติมได้นะครับ



//โอม ขอพระบารมีแห่งองค์ศักติอวตารเทวีปราวตี บันดาลให้ชาว HM ทุกท่าน มีความสุข สมหวัง มั่งคั่ง สมปรารถนา ทุกทิวาราตรีเถิด โอม ศักติ โอม



#50
ถ่ายด้วยมือถือภาพอาจไม่ค่อยชัดนะครับ ภาพมีไม่เยอะ เอามาให้ชมก่อน















#51
ที่ร้านขนมอินเดียที่พาหุรัดนะครับ ตกลูกละ 12-15บาท

#52
พี่ไปมาแล้วครับตอนประมาณบ่ายสามโมง อยู่ได้แค่ทุ่มกว่าๆก็ต้องยอมแพ้ คนมหาศาลจริงๆ
#53
สวัสดีครับ น้องบอลลูน พี่ก็ชอบทานเหมือนกันครับ อีกอย่างที่อยากจะแนะนำนะครับคือ ราสมาลัย ทานเย็นๆหอมนมสดชื่นมากเลยครับ



แนะนำที่พาหุรัดเลยครับ อร่อยจริงๆ
#54


ลองดูอีกทีครับ
#55
<iframe src=http://www.mypicza.com/iframe.php frameBorder=0 width=390 scrolling=no height=100 allowTransparency></iframe>
#56


ท่านมิลาเรปะ
#57
                                 

    ท่าน มิลาเรปะ ถือกำเนิดในปี ค.ศ. 1052 และดับขันธ์นิพพานในปี ค.ศ. 1135 ชีวิตในวัยหนุ่มหลังจากมรณะกรรมของบิดา เต็มไปด้วยความขมขื่น ท่านและมารดาถูกคดโกงมรดกมหาศาลที่บิดามอบให้จนหมดสิ้น ท่านเผชิญกับความยากไร้และต่ำต้อย ซึ่งสร้างความทุกข์ทรมานแก่ท่านอย่างสาหัส ในที่สุดท่านได้คบคิดกับมารดาหาทางแก้แค้น โดยท่านมิลาเรปะ ได้ยอมอุทิศตนเข้าศึกษาวิชาไสยศาสตร์อย่างจริงจัง พลังอำนาจจากเวทย์มนต์คาถาที่ท่านได้ร่ำเรียนมา ทำให้ท่านสามารถบันดาลให้เกิดพายุลูกเห็บ ตกลงมาถล่มบ้านของป้าและลุง ซึ่งได้พลอยทำอันตรายชีวิตและทรัพย์สินของเพื่อนบ้านข้างเคียงไปด้วยโดยที่ท่านไม่ได้เจตนา ท่านสังเวชสลดใจกับบาปกรรมที่ได้ก่อขึ้นในครั้งนี้มาก จึงได้ตัดสินใจ อุทิศชีวิตที่เหลือของท่านให้กับพระศาสนา เพื่อมุ่งหวังจะลบล้างบาปกรรมที่ท่านได้ก่อเอาไว้ ความเจริญก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมของท่านเต็มไปด้วยอุปสรรคมากมาย ท่านถูกส่งตัวมาศึกษากับท่านอาจารย์ มาระปะ ซึ่งเพิ่งกลับมาจากประเทศอินเดีย ท่านอาจารย์ มาระปะ ได้รับคำพยากรณ์จากเทพธิดาว่าจะได้พบกับสานุศิษย์องค์สำคัญ ซึ่งจะเป็นผู้แผ่ขยายธรรมานุภาพของพระศาสดาไปทั่วสารทิศ ท่านอาจารย์ มาระปะ ได้ทรมานท่าน มิลาเรปะ ด้วยอุบายวิธีต่างๆมากมาย เพื่อผ่อนคลายอิทธิพลของอกุศลวิบากกรรม อันเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติธรรมของท่าน มิลาเรปะ อยู่หลายปี .
สิบเอ็ดเดือนเต็มสำหรับการได้เริ่มต้นลงมือปฏิบัติธรรมที่เข้าสู่เนื้อหาสาระอันแท้จริง การบำเพ็ญอย่างอุกฤษฏ์โดยต่อเนื่องในถ้ำแต่ผู้เดียว ทำให้เกิดธรรมจักษุต่อมรรคาที่จะบรรลุสู่พระโพธิญาณ ในระหว่างนี้ ท่านได้กลับมาเยี่ยมบ้าน มรณกรรมของมารดา และสภาพแร้นแค้นของบรรดาพี่น้องของท่าน ก่อให้เกิดความสลดสังเวชใจอย่างล้ำลึก แรงบันดาลใจที่จะสละโลกทั้งปวง ดำเนินไปอย่างรุนแรงเด็ดเดี่ยว ท่านได้อธิษฐานจิต ที่จะปฏิบัติบำเพ็ญอย่างต่อเนื่องในหุบเขาที่เงียบสงัด จนกว่าจะบรรลุถึงความวิมุติหลุดพ้นอย่างแท้จริง .
สิบสองปีเต็มกับการกระทำตามคำอธิษฐาน ท่านได้บรรลุถึงบรมธรรมขั้นสูงสุด การออกเผยแพร่ธรรมเป็นไปอย่างกว้างขวางมาก จนท่านมิลาเรปะ ได้ถูกจารึกว่าเป็นพระภิกษุองค์สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของชนชาวทิเบต .
ลีลาในการแสดงธรรมของท่านมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนผู้ใด ธรรมบรรยายที่หลั่งไหลออกจากการบรรลุอมตธรรมของท่าน มิลาเรปะ มีลักษณะแห่งการอุปมาเปรียบเปรยกับธรรมชาติรอบๆตัวด้วยอรรถอันวิจิตรพิสดาร ก่อให้เกิดแนวทางอันวิเศษที่จะปฏิบัติบำเพ็ญตาม ท่านมิลาเรปะ แตกต่างจากพระภิกษุรูปอื่นซึ่งเป็นผู้นำทางศาสนาในยุคนั้น ท่านไม่ยุ่งเกี่ยวกับงานก่อสร้างถาวรวัตถุ ท่านไม่รวมกลุ่มกับใคร เพื่อเน้นลัทธินิกายใดๆ ท่านชอบใช้ชีวิตที่โดดเดี่ยวอยู่ในป่าเขาโดยไม่ติดยึดสถานที่ ท่านออกจาริกธุดงค์ไปพบกับผู้คนโดยไม่มีข้อกำหนดว่าจะเป็นสถานที่เช่นไร เพื่อแสดงธรรมตามแบบฉบับของท่าน ไม่มีการท่องบ่นสวดมนต์อันเป็นรูปแบบที่กระทำกันทั่วไป ท่านชักนำผู้คนให้เริ่มปฏิบัติธรรมในทันทีทันใด โดยไม่รั้งรอต่อการศึกษาจากตำรับตำรามากมายเหมือนที่นิยมทำกันในหมู่ภิกษุผู้คงแก่เรียน ประสบการณ์เรียนรู้สภาวะธรรมจริงที่เกิดขึ้นในจิตใจเป็นสิ่งที่ท่านแนะนำต่อพุทธศาสนิกชนให้พากเพียรปฏิบัติ ท่าน มิลาเรปะ ไม่ได้ร่วมในการยอมรับว่าพุทธศาสนานิกาย เถรวาท มหายาน หรือวัชรยาน อย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นสิ่งถูกต้องมากกว่ากัน แต่ท่านจะเน้นหนักถึงความเป็นมายาของปรากฏการณ์ทั้งหลายทั้งปวง เพื่อให้พุทธศาสนิกชนเดินลัดตรงไปสู่ความสิ้นอุปาทานยึดมั่นถือมั่นในบรรดาสรรพสิ่งโดยสิ้นเชิง .
ท่าน มิลาเรปะ นับได้ว่าเป็นคุรุผู้สามารถทำให้สานุศิษย์เป็นจำนวนมากบรรลุ มรรคผลนิพพาน ท่านฮุยเหน็ง ( ท่าน เหวยหล่าง ) ผู้ก่อตั้งวิถีทางบรรลุฉับพลันอันได้แก่ลัทธิเซนในประเทศจีน ก็เป็นพระภิกษุอีกรูปหนึ่ง ที่พอจะเทียบเทียมกับท่านมิลาเรปะได้ ในแง่ที่ว่าท่านทั้งสองไม่อ้อมค้อมเสียเวลาอยู่กับเปลือกนอกของพระศาสนา แต่สำหรับความสามารถในด้านก่อแรงบันดาลใจ ให้ผู้คนหันมาประพฤติธรรมโดยใช้ถ้อยคำอุปมาอันชาญฉลาดนั้น ต้องถือได้ว่าท่าน มิลาเรปะ มีเอกลักษณ์ที่สมบูรณ์มากกว่า .
เพื่อให้ง่ายยิ่งขึ้นสำหรับการทำความเข้าใจกับข้อความในหนังสือเล่มนี้ หลักคำสอนอันเป็นส่วนสำคัญสำหรับพุทธศาสนาในทิเบตยุคนั้น อันมิใช่เป็นเพียงปรัชญาอย่างตรรกศาสตร์ หากเป็นแนวทางปฏิบัติเพื่อก่อให้เกิดความตระหนักชัดขึ้นในภายในจริงๆ สามารถรวบรวมโดยย่นย่อที่สุดได้เป็นข้อๆดังต่อไปนี้ .
•  การดำรงอยู่ของรูปลักษณะสภาวะทั้งหลายทั้งปวง ล้วนเป็นเพียงการบังเกิดขึ้นในความกำหนดหมายเอาเองของปุถุชนจิต ทิฐิความเห็นโดยการกำหนดหมายแยกแยะคุณค่าของสรรพสิ่งให้แตกต่างกันออกไป โดยทึกทักเข้าใจเอาเองภายในจิตใจของแต่ละบุคคลนี้เอง คือต้นกำเนิดอันแท้จริงของบรรดาสรรพสิ่ง .
•  ธรรมชาติของความเห็นภายในดวงจิตของแต่ละบุคคลดังได้กล่าวมาแล้วนั้น ย่อมมีนัยยะมากมาย เกิดแต่เหตุปัจจัยอันเร้นลับเพราะสับสนอยู่ด้วยอวิชชา ความหลากหลายแห่งรูปแบบของความเข้าใจที่ผิดพลาดอันมีนัยยะเป็นอนันตภาพนี้ ย่อมพ้นวิสัยของการคำนึงคำนวณด้วยเหตุผล ถึงการเริ่มต้นของมัน .
•  บุคคลผู้เข้าถึงความตระหนักชัดต่อธรรมชาติภายในจิตของตนเองอย่างแท้จริงคือพุทธะ ส่วนผู้ที่ยังไม่อาจบรรลุถึงความตระหนักชัดดังกล่าวได้ ก็ คือปุถุชนผู้หมกจมอยู่ในความมืดบอด .
•  ปุถุชนกับพุทธะนั้น โดยแท้ที่จริงก็เป็นเอกสภาวะเดียว พุทธะก็คือปุถุชนที่บรรลุถึงการตรัสรู้ ส่วนปุถุชนก็คือพุทธะที่ยังไม่เข้าถึงการตรัสรู้ .
•  อนันตภาวะแห่งจิตที่เข้าถึงความเป็นพุทธะ ย่อมอยู่เหนือขอบเขตคำอธิบายด้วยเหตุผลโดยการเพียงสื่อความหมายด้วยภาษาที่มนุษย์สมมุติบัญญัติขึ้นมา คำจำกัดความที่น่าจะสื่อความหมายได้มากที่สุดอาจแสดงได้ว่า พุทธจิต คือความสว่างไสวอันไม่มีประมาณแห่งความว่างเปล่าที่สมบูรณ์พร้อมอยู่ด้วยสติ .
•  สติของปุถุชนนั้นถือได้ว่ามีขอบเขตที่จำกัดมาก ส่วนสติของผู้ปฏิบัติบำเพ็ญย่อมเริ่มสว่างไสวสำหรับพระโพธิสัตว์ผู้บรรลุสู่โพธิญาณย่อมมีความสว่างไสวแห่งความว่างเปล่าอันสมบูรณ์ด้วยสติ และท้ายที่สุดอันหมายถึงพุทธภาวะ ก็คือความสว่างไสวอันไม่มีประมาณแห่งสุญญตภาวะที่สมบูรณ์พร้อมด้วยสติ .
•  คำสอนในพระพุทธศาสนา ก็เป็นเพียงการชี้ทิศทางดำเนินสู่ธรรมชาติของความสว่างไสวอันไม่มีประมาณแห่งความว่างเปล่าที่สมบูรณ์อยู่ด้วยสตินั่นเอง .
•  ความเมตตากรุณาอันไม่มีประมาณ บุญกุศลทั้งปวง และความหยั่งรู้ถึงความจริงแท้ของธรรมชาติย่อมจะบังเกิดขึ้นเอง เมื่อพุทธภาวะได้เปิดเผยออกมา .
•  เพื่อบรรลุถึงพุทธภาวะ อาจแบ่งลักษณะสำคัญของทางดำเนินออกเป็นสองส่วน อันได้แก่การหลุดพ้นทางสมาธิจิต และการหลุดพ้นด้วยปัญญา การเน้นหนักในการปฏิบัติบำเพ็ญของแต่ละบุคคล อาจให้ความสำคัญของทางดำเนินทั้งสองนี้ อย่างละไม่เท่ากัน ภาษาทางศาสนาเรียกว่า เจโตวิมุติ และปัญญาวิมุติ การปฏิบัติที่เน้นหนักทางด้านเจโตวิมุติถือเป็นการปฏิบัติที่อาศัยรูปธรรม ส่วนการปฏิบัติที่เน้นหนักทางปัญญาวิมุตินั้นไม่อาศัยรูปธรรม และถือกันว่าเป็นการปฏิบัติที่ลัดสั้นที่สุดสู่การบรรลุพระโพธิญาณ อย่างไรก็ตามการแบ่งแยกทางดำเนินในการปฏิบัติบำเพ็ญออกเป็นสองส่วนตามที่กล่าวมานี้ ย่อมปรากฏเด่นชัดในผู้ปฏิบัติที่ยังไม่เข้าถึงบรมธรรมสูงสุดเท่านั้น สำหรับผลสุดท้าย บุคคลย่อมตระหนักชัดว่าไม่อาจแยกทางดำเนินออกเป็นสองส่วนได้ ผู้เข้าถึงพุทธภาวะย่อมมีทั้งเจโตวิมุติและปัญญาวิมุติ อันหมายถึงอุภโตภาควิมุติ ซึ่งเป็นเอกสภาวะเดียว .
#58
ขอบคุณครับที่นำสิ่งดีๆมาให้ชม อีกเวอร์ชั่นที่ผมติดตามตั้งแต่ต้นจนจบคือ ฉบับการ์ตูนของคุณ เฟน สตูดิโอ



ตอนแรกผมไม่ได้สนใจเรื่องนี้เท่าที่ควร ด้วยเข้าใจว่าอ่านยาก พอได้อ่านในฉบับการ์ตูนทำให้เข้าใจเรื่องราวในศึกมหาภารตะมากยิ่งขึ้น
#59
สวยงามมาก อยากได้สุดใจ
#60
แกลอรี่ / ตอบ: trishakti
October 02, 2010, 02:50:17
สวยมากครับ
#62
สนุกจริงๆครับ ขอบคุณมากที่นำมาให้ชมกันครับ

#63
ทานเจ คือการงดรับประทานเนื้อสัตว์ทุกประเภท ผลิตภัณท์จากสัตว์เช่น ไข่นมเนยฯลฯ ทานแต่ผัก ผลไม้นานาชนิด งดผัก5ชนิดได้แก่
กระเทียม[COLOR=#555555 lang=TH] ([/SIZE][/FONT][/SIZE]หมายรวมไปถึงหัวกระเทียมต้นกระเทียม)[/COLOR]
หัวหอม    (หมายรวมไปถึงต้นหอม ใบหอม[COLOR=#555555 lang=TH] หอมแดง หอมขาว หอมหัวใหญ่)[/COLOR]
หลักเกียว (คือกระเทียมโทนจีน[COLOR=#555555 lang=TH] ลักษณะคล้ายหัวกระเทียม ในประเทศไทยไม่พบว่าปลูกแพร่หลาย)[/COLOR]
กุ้ยฉ่าย     (ใบคล้ายใบหอม แต่แบนและเล็กกว่า)
ใบยาสูบ   (บุหรี่ ยาเส้น[COLOR=#555555 lang=TH] ของเสพติดมึนเมา) [/COLOR]
ผักดังกล่าวนี้ เป็นผักที่มีรสหนัก[COLOR=#555555 lang=TH] กลิ่นเหม็นคาวรุนแรง นอกจากนี้ยังมีพิษคอยทำลายพลังธาตุทั้ง 5 ในร่างกาย[COLOR=#555555 lang=TH] [/COLOR]เป็นมูลเหตุให้อวัยวะหลักสำคัญภายในทั้ง 5 ทำงานไม่ปกติ[/COLOR]
ส่วนแบบอินเดีย เรียกว่า การทานมังสวิรัติ ไม่ใช่เจ  งดทานเนื้อสัตว์ทุกชนิด แต่ผักทานได้ทุกอย่าง สามารถรับประทาน นมเนยชีส ได้แต่ทานไข่ไม่ได้นะครับ
#64
ขอบคุณนะครับที่นำมาให้ชม

#65


องค์อินทราเทวราช อธิบดีแห่งสวรรค์



เอราวัณเทพบุตร



ท้าวเวสสุวัณ

#66
ภาพเทวรูปงดงามมากครับ
#67
สวยสุดใจทุกภาพเลยครับ ขอบคุณครับที่นำมาให้ชม
#68
สุดยอดครับ งดงามมากจริงๆ ขอบคุณนะครับที่นำมาให้ชม
#69
ภาพสวยงามจริงๆครับผม
#72
แกง-Ban-Word-ไก่แบบอินเดีย โดย... รามกะริน

สิ่งที่ต้องเตรียม


◊ อกไก่หั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า ๑ ปอนด์
◊ มะเขือเทศกระป๋อง (Crushed tomato) ๑ กระป๋อง ในรูปมี ๒ กระป๋องแต่ใช้จริงแค่ ๑ กระป๋องค่ะ
◊ หัวหอมใหญ่หั่นละเอียด ๑ ลูกใหญ่
◊ มันฝรั่งต้มบดละเอียด ๑ ถ้วย ประมาณว่า ๑ ลูกค่ะ
◊ ผักชีหั่นละเอียด ๕-๖ ต้น
◊ พริกแกงของอินเดีย ๑-๒ ช้อนแกง ถ้าไม่แน่ใจใส่ ๑ ช้อนก่อนนะคะ ถ้าไม่พอแล้วค่อยเติม
◊ กระเทียมและขิงบด ๑/๒ ช้อนชา ถ้าไม่มีไม่ต้องใส่
◊ ยี่หร่า (cumin seeds) ๑/๒ ช้อนชา
◊ เกลือ ๑ ช้อนชา
◊ น้ำมันพืชหรือน้ำมันมะกอก ๑ ช้อนโต๊ะ + ๑ ช้อนโต๊ะ
◊ นมสด ๓/๔ ถ้วย ในรูปไม่มี
◊ โยเกิร์ตรสจืด ๑/๒ - ๑ ถ้วย ตามชอบ วันนี้ไม่มีเลยไม่ได้ใส่ จริงๆแล้วอาหารอินเดียต้องมีโยเกิร์ตด้วยนะคะ
◊ น้ำตาล ๑ ช้อนชา ตามชอบ

วิธีทำ

◊ เริ่มจากตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมัน ๑ ช้อนโต๊ะ ผัดหัวหอมให้สุกจนเหลืองหอม ตักขึ้นพักใส่ถ้วยไว้
◊ ใช้กระทะใบเดิม ใส่น้ำมันลงไปอีก ๑ ช้อนโต๊ะ รอให้ร้อน นำไก่และเกลือลงไปผัดจนสุก ไม่ต้องคนมากค่ะ เรียงไก่ลงไปให้ทั่วกระทะ รอจนไก่สุกเหลืองดีแล้วจึงกลับทอดอีกข้าง
◊ ใส่ยี่หร่า และพริกแกงใส่ลงไปผัดให้เข้ากัน ลดไฟลงให้อ่อนด้วยค่ะ
◊ ใส่ผักชี หัวหอม ปรับไฟขึ้นมาหน่อยระดับกลาง ผัดต่อ
◊ ใส่มะเขือเทศ กระเทียม และขิงบดลงไป คนให้เข้ากัน
◊ ใส่นมสดลงไปคนให้เข้ากัน ชิมรส เติมน้ำตาลถ้ามะเขือเทศออกเปรี้ยวไป เติมเกลือถ้าชอบออกเค็มหน่อย
◊ ใส่มันฝรั่งบดคนให้เข้ากัน ปรับไฟให้อ่อน ทิ้งไว้ ๑๐ นาที
◊ โยเกิร์ตนี่จะใส่ในกระทะตอนที่เสร็จแล้ว หรือจะเอาไว้หยอดหน้าก่อนรับประทานก็ได้ค่ะ

จากกระทู้ ครัวไกลบ้าน

#73
ขอบคุณ คุณกาลปุตราที่ช่วยแก้ไขให้นะครับ
#74
เรียกว่าขนมลาดูปครับ

#75
ขอให้พี่กาลิทัสมีความสุขมากๆนะครับ สุขสันต์วันเกิดครับ

Thanks: เกมส์ทําอาหารเกมส์ต่อสู้เกมส์ปลูกผักเกมส์มันๆของขวัญ
#76
สวยงามจริงๆครับ แต่ภาพที่สองแปลกๆนะครับ
#77
สวยงามมากเลยครับ ขอบคุณครับที่นำมาให้ชม
#78
สวยงามมากครับ ดูแล้วสบายตาจริงๆ
#79


พระศรีหริวิษณุมหาเทพ
#80


ภาพสวยมากครับ