Loader
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - อินทุศีตาลา

#361
ลายอุบะที่ปลายเสาค่ะ



บางคนเรียกลายมาลัยดอกรักเข้าไปนั่น แต่เห็นภาพชัดดีนะคะ มาลัยดอกรักแท้ๆเลย
#362
ด้านหนึ่งของเสา ถัดจากหงส์คู่ออกมา มีตุ๊กตาผู้หญิงจีน ทำท่าคารวะตั้งอยู่ หันหน้าเข้าหาพระอุโบสถ คนนิยมกันว่าเป็นเจ้าแม่กวนอิม ด้านหน้ารูปสลักนี้มีรูปแกะหินเป็นหัวหมูวางในจาน น่ารักมากเลยค่ะ

#363
เมื่อวานนี้ทั้งวัน ดิฉันเข้าไปทำธุระที่พระบรมมหาราชวัง มีเวลาว่างนิดหน่อยเลยแวะไปกราบพระแก้วมรกตแล้วถ่ายรูปเสาศิลามาฝากค่ะ
เสานี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก หน้าพระอุโบสถ รายล้อมด้วยเครื่องบูชาที่ทำจากสำริดและศิลาเช่นเดียวกันในภาพจะเห็นกระถางธูปสำริดและตุ๊กตารูปนกหงส์ สันนิษฐานกันว่าเป็นของในรัชกาลที่สามค่ะ แต่จะอยู่ที่นี่มาแต่เดิมหรือย้ายมาจากสวนขวาในรัชกาลที่ 4 คงต้องค้นกันต่อไป
มองดีดีจะเห็นว่ามีร่องรอยของการฉาบปูนที่เสานะคะ แต่ไม่รู้ว่าปูนเก่าแค่ไหน แต่ก็อนุมานได้ว่าครั้งหนึ่งเสานี้เคยถูกหุ้มด้วยปูน ดังนั้นประเด็นเรื่องอาจเป็นเสาจารึกจึงตกไป

#364
ดิฉํนกำลังจะต้องเดินทางไปจังหวัดสุรินทร์ค่ะ โดยหนึ่งในสถานที่ที่จะไปชมนั้นมีพระพุทธบาทศิลาที่อำเภอบัวเชดรวมอยู่ด้วย
พระพุทธบาทรอยนี้เพิ่งพบไม่นานนี้เอง ความน่าสนใจ (สำหรับดิฉัน) ก็คือลายที่สลักอยู่ในรอยพระบาท ซึ่งแบ่งเป็นช่อง ปรกติจะเป็นลายมงคลร้อยแปดประการ ทว่าที่นี่เป็นลายสิงสาราสัตว์ตั้งแต่ ผีเสื้อ แมงมุม ไปจนถึงช้างม้าวัวควาย ทำให้เกิดข้อสงสัยโยงไปถึงเรื่องที่อยากรู้มานานแล้ว อยากจะรบกวนขอความเห้ฯจากท่านผู้รู้ ดังนี่ค่ะ

1. ลายสัตว์ในรอยพระพุทธบาทเช่นนี้ ไม่เคยมีที่ไหนเลยในโลกใช่ไหมคะ
2. เป็นไปได้ไหมว่าอาจเป็นรอยวิษณุบาท
3. วิษณุบาทมีที่ไหนบ้างคะ มีตำนานอย่างไร มีรูปร่างอย่างไรให้แยกแยะว่านี้คือพระวิษณุบาท หากมรูปจะขอบพระคุณมากค่ะ โดยเฉพาะรูปของประติมากรรม
4.ชาวฮินดูมีความเชื่อ และการปฏิบัติบูชาเช่นไรต่อพระวิษณุบาท
5.นอกจากพระวิษณุบาทแล้ว มีรอยพระบาทของใครอีกไหมคะ ยอมรับว่าเห็นรูปสัตว์เยอะๆแล้วนึกถึงพระนามปศุบดี ของพระศิวะค่ะ แต่ไม่ทราบว่าท่านมีรอยพระบาทเป็นรูปเคารพด้วยหรือไม่

ไม่ได้ลบหลู่รอยพระพุทธบาทรอยนี้เลยนะคะ เพียงแต่สงสัยในแง่ของประติมาณวิทยาเฉยๆ

ขอบพระคุณทุกท่านค่ะ และขออภัยที่ช่างถามเหลือเกิน

รูปรอยพระบาทที่อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ค่ะ
#365
คุณเสือขา คุณค่าของศิลปะอยู่ที่ความงามค่ะ และความงามนี้ก็เป็นเรื่องของปัจเจก นะคะ ดังนั้นคนหนึ่งว่าสวยอีกคนอาจจะไม่คิดอย่างนั้นก็ได้
ทว่าสิ่งที่ซ่อนอยู่หลังสีสัน ทีแปรงคือความตั้งใจจริงและเชื่อมั่นในการสร้างสรรค์งาน ซึ่งดิฉันเรียกว่า 'ศรัทธา' ค่ะ

เราสร้างงานขึ้นด้วยความรัก เจตจำนงที่ดีและศรัทธาอันมั่นคง
ศิลปะนั้นเกิดคุณค่าขึ้นแล้วค่ะ อยู่ที่ว่าใครจะเปิดใจรับคุณค่านั้นเข้าไปสู่จิตวิญญาณได้เท่านั้นเอง

คุณเสือสำเร็จกิจอันตั้งใจทำแล้ว เกิดผลงานที่มีคุณค่าต่อจิตใจของคุณเองและผู้คนอีกมากที่สัมผัสคุณค่านี้ได้
อย่าหวั่นไหวกับบางคนที่ไม่สามารถสัมผัสคุณค่านั้นได้เลยค่ะ

อาจจะฟังดูงงๆนะคะ แต่โดยสรุปแล้วขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ
#366
รีบใช้ไหมคะ เสาร์ที่ 30 ดิฉันจะไปร้านแถวนั้นพอดี จะซื้อส่งไปให้ดีไหมคะ
#367
ทุกท่านขา

หินน้ำนมกับหินอ่อนต่างกันยังไงคะ ราคาประมาณกันหรือเปล่า นอกจากที่ชัยปุระแล้ว มีที่ไหนมีหินชนิดนี้อีกคะ บ้านเรามีไหม ขอบคุณค่ะ
#368
ยินดีช่วยเต็มที่เลยค่ะ ขอเพียงบัญชามา
แต่ดิฉันสมองเล็กนะคะ
#369
เห็นด้วยกับคุณลองภูมิว่าเสาที่หน้าพระอุโบสถเป็นสิ่งน่าสนใจค่ะ

ดังที่เรียนว่าเป็นเสาหินทราย รูป 6 เหลี่ยม ส่วนปลายสลักเป็นลายพวงอุบะหรือมาลัยร้อยระยางลงมา ด้านบนเป็นรูปบัวคลี่กลีบทำจากสำริด ประมาณกันว่าอายุราวสมัยทวาราวดี จากลายพวงอุบะที่หัวเสา ในสมัยหลังจึงมีการหล่อบัวประดับที่หัวเสาค่ะ ยังเป็ฯที่ถกเถียงกันว่าเป็นเสาอะไร อาจจะทำขึ้นเพื่อเป็นศิลาจารึก หรือเสาศาสนสถาน หรืออาจเป็นเสาแสดงจุดสำคัญแบบเสาอโศก

ถ้าจำไม่ผิดจะเป็นด้วยพระบรมราชโองการของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 โปรดฯให้นำมาตั้งที่หน้าโบสถ์ถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระแก้วมรกต นัยว่าเป็นเสาประทีป ดิฉันเห้ฯว่าน่าสนใจเพราะเป็นโบราณวัตถุที่สมบูรณ์มากชิ้นหนึ่งของสมัยทวาราวดี ซึ่งตั้งอยู่ในสถานที่ที่มิใช่พิพิธภัณฑ์ ส่วนจะเป็นเสาที่พบจากที่ไหน เคลื่อนย้ายมาจากไหน เวลานี้ดิฉันยังค้นไม่พบเลยค่ะ จะพยายามค้นอีกทีหนึ่ง ข้อมูลเหล่านี้ยังค่าวๆนะคะ อาจจะผิดอยู่บ้าง เดาว่าเคยอ่านพบในหนังสือศิลปะทวาราวดีของศาสตราจารย์หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล แต่เล่มนี้ของดิฉันดันอยู่ต่างจังหวัดค่ะ กำลังให้คนที่นั่นค้นข้อมูลให้อยู่

ส่วนจะเป็นศิวลึงก์หรือไม่นั้น โดยส่วนตัวคิดว่าอาจจะไม่ใช่นะคะ เพราะเท่าที่ได้เห็นและฟังเจ้าหน้าที่ที่เคยศึกษาอย่างใกล้ชิด ปรากฎว่าปลายของสิ่งนี้เป็นปลายตัดค่ะ มีคิ้วด้านบน(ดังภาพของคุณอักษรชนนีกรุณานำมาลงไว้) ส่วนที่บัวคลี่กลีบสำริดหุ้มไว้นั้นทำคล้ายลิ่ม สำหรับสอดกับสิ่งอื่น จึงสันนิษฐานกันว่าสิ่งนี้เป็นเสาของสิ่งก่อสร้าง

ดิฉันความรู้น้อย ไม่แน่ใจว่าศิวะลึงก์ที่เป็นเหลี่ยมทั้งองค์นั้นมีหรือเปล่า เพราะเท่าที่เคยเห็นมาเป็นแท่งมนเสียส่วนใหญ่ จะมีก็แต่แบบที่เป็น ตรีมูรติลึงก์เท่านั้นที่ส่วนวิษณุภาคทำเป็นหลายๆเหลี่ยม พรหมภาคทำเป็ฯสี่เหลี่ยมและรุทรภาคทำเป็นแท่งมน แต่ทั้งหมดก็ต่อกันรวมอยู่ในแท่งเดียว ดังนั้นหากท่านใดเคยเห็ฯหรือทราบว่ามีแล้วจะกรุณาเล่าให้ดิฉันฟังจะเป็นพระคุณสูงสุดค่ะ

ดังนั้นในส่วนตัว ย้ำว่าส่วนตัวนะคะ ดิฉันจึงเห็นด้วยกับนักวิชาการทั้งหลายว่า สิ่งนี้เป็นเสาศาสนสถานหรือเสาที่เตรียมไว้สลักจารึก ไม่ใช่ศิวลึงก์ค่ะ

คนในเอเชียเรามีรสนิยมถวาย ของแปลก แก่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ค่ะ นอกจากถือว่าได้บุญแล้ว ยังเป็นการเสริมบารมี ประกาศแสนยานุภาพ ดังนั้นวัดพระแก้วจึงเต็มไปด้วยโบราณวัตถุศิลปะวัตถุมากมาย อาทิ สิงห์คู่ศิลปะเขมร วัวสำริด หินบดยา ตุ๊กตาโรมัน ภาพเขียนจีน ฯ

ธรรมเนียมนี้ยังมีที่พม่าด้วย ดังวัดพระมหามัยมุนีมีเทวรูปและประติมากรรมศิลปะเขมรอยู่ ซึ่งพม่าได้ไปจากอยุธยา อยุธยาได้ไปจากเขมรอีกต่อ

ในวัดสำคัญๆหลายแห่งจึงมีของน่าดูมากมาย เช่นตุ๊กตาแกะสลักจากหินอ่อนสวยๆ แจกันหินอ่อน ดังบริเวณบันไดทางขึ้นพระอุโบสถพระแก้วเคยมีตุ๊กตาหินอ่อนรูปเทพเจ้าแห่งลมหนาว และเทวีแห่งฤดูใบไม้ผลิ ประดับอยู่ เป็ฯของบรรณาการจากเนเธอร์แลนด์ ปัจจุบันตุ๊กตาสองชิ้นนี้แสดงอยู่ ณ พระที่นั่งจันทรพิศาล พระนารายณ์ราชนิเวศน์ จังหวัดลพบุรีค่ะ ขนาดใหญ่เท่าคนจริงๆเลย ใครว่างๆเชิญแวะเที่ยวชมนะคะ


#370
ตามที่ได้ยินได้ฟังมา เสาหินด้านหน้าพระอุโบสถวัดพระแก้วนั้น นักวิชาการทั้งหลายจัดให้เป็นศิลปะกรรมในยุคทวารวดี ต่อยุคลพบุรีซึ่งเวลานี้เปลี่ยนชื่อเป็นยุคศิลปะเขมรในประเทศไทยค่ะ อนุมานเอาจากลายพวงอุบะที่ห้อยมาจากปลายเสา สันนิษฐานว่าอาจเป็นเสาที่เตริยมไว้สำหรับทำจารึกหรือเพื่อประกอบสถาปัตยกรรม ต่อมาในสมัยหลังจึงได้เพิ่มบัวสำริดที่หัวเสาเข้าไป แล้วนำมาตั้งอย่างที่เห็น
เอาไว้ค้นเจอรายละเอียดจัเอามาเล่าให้ฟังอย่างละเอียดอีกครั้งค่ะ
#371
เทวรูปหินน้ำนมเนี่ยราคาประมาณเท่าไรคะ ที่ไหนมีเยอะๆบ้างเอ่ย
#372
เห็นด้วยกับคุณ Oam และคุณเทวาเหนือเกล้านะคะ และอนุโมทนาบุญกับคุณเสือด้วย
ในหลายๆวัฒนธรรมและความเชื่อ ดนตรีถือเป็นสื่อศักดิ์สิทธิ์สำหรับติดต่อกับทวยเทพนะคะ
ในเมื่อคุณเสือเปี่ยมไปด้วยศรัทธา เชื่อมั่น และแน่นอนว่ามีฝีมือ การแสดงออกดังที่คุณเสือเล่าไว้ย่อมไม่มีอะไรต้องกังขา
เป็นกิริยาบุญที่ทำให้ใจผู้ทำเป็นสุข แม้ผู้ได้ยินข่าวก็อิ่มเอมใจไปด้วย

อนุโมทนาบุญนะคะ
#373
พี่แนทขา สวยๆทั้งนั้นเลยค่ะ อยากได้ๆๆๆๆๆๆๆๆ
#375
ว้าว รูปนี้สวยมากเลยค่ะคุณบาส
#376
เย้ สวัสดีค่ะคุณ Kento ดีใจจังที่มีเพื่อนคุยมากขึ้น

เป็นความรู้ใหม่อีกเช่นกันค่ะ เพื่งทราบว่าตราสถาบันพละศึกษาไม่ใช่พระอินทร์

ส่วนเรื่องตราบัวแก้วนี้ ดิฉันอ้างอิงว่าเป็นเทพยดา ตามหนังสือทำเนียบตราตำแหน่งและพระราชลัญจกร ที่รวบรวมเป็นหนังสือขึ้นมาตั้งแต่รัชกาลที่ 1 และพิมพ์ใหม่โดยสำนักงานคณะอนุกรรมการอนุรักษ์วัฒนธรรมแห่งชาติ ปี 2544 ค่ะ กับตามหนังสือฉลอง 131 ปีการสถาปนากระทรวงการต่างประเทศ  ซึ่งกระทรวงต่างประเทศพิมพ์ขึ้นค่ะ ในหนังสือทั้งสองบรรยายว่าเป็น เทพยดา ตราประทับและตรากระทรวงสมัยหลังๆก็ทำโน้มใอยงไปทางเทพยดา โยส่วนตัวดิฉันก้ไม่กล้าชี้เฉพาะว่าตรานี้ผู้ชายหรือผู้หญิง แต่คิดเอาเองว่าเพราะชื่อตราบัวแก้ว คนจึงเข้าใจว่าเป็นพระลักษมี ซึ่งเป็นผู้หญิง

ตราคุรุสภานี่สวยมากค่ะ เห็นคุรุสภาลาดพร้าวตรงทางเข้ามีศาลท่านอยู่ แต่ถ้าตาไม่ฝาด เขาติดป้ายว่า พระธาดาพรหม

งงเลยค่ะ

สนุกกับกระทู้นี้มากเลยค่ะ รู้อันที่ยังไม่รู้ เข้าใจถูกอันที่เคยเข้าใจผิด

ขอบพระคุณคุณ Kento นะคะ




#378
โอ หลายคนเข้าใจเช่นคุณตรีศังกุนะคะ แต่ในทำเนียบตราตำแหน่ง ซึ่งบันทึกในสมัยรัชกาลที่ 1 บอกว่าเป็น เทพยดาประทับบนดอกบัว พระหัตถ์ซ้ายถือวัชระ พระหัตถ์ขวาถือดอกบัว ค่ะ

ตราบัวแก้วที่ประทับบนกฎหมายตราสามดวง ฉบับ 2347 ค่ะ จะเห็นว่าพระหัตถ์ขวาถือลายกนกเปลว แบบเดียวกับบนพัดรอง น่าจะกลายมาจากวัชระ

#379
ในงานพระราชพิธีหมื่นวันนี้ มีพัดตราประจำพระองค์ด้วยค่ะ หนึ่งในนั้นคือของพระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าอุรุพงศ์รัชสมโภช พระโอรสองค์ที่ 75 ของรัชกาลที่ 5 กับเจ้าจอมมารดาเลื่อน (นิยะวานน์) รัชกาลที่ 5 ท่านทรงรักมาก ไม่ส่งเรียนเมืองนอกเหมือนพระเชษฐาทั้งหลาย แต่รับสั่งว่าจะเก็บไว้เป็น " ธารพระกร" เสียดายท่านสิ้นพระชนม์อายุแค่ 20 เอง ในวันพระราชสมภพรัชกาลที่ 5 พอดี วันที่ 20 กันยายน 2452 วังท่านยังอยู่ถึงเวลานี้ ตั้งชื่อซอยที่วังตั้งอยู่ว่าอุรุพงศ์ ใกล้แยกอุรุพงศ์นี่เอง

ตราของท่านเป็ฯเทพยดาถือแพนหางมยุรา ฝีพระหัตถ์สมเด็จครูทรงออกแบบ งามน่าประทับใจมากค่ะ

#380
ตราบัวแก้วอันเป็นเครื่องหมายของกระทรวงการต่างประเทศนั้น
น่าสนใจตรงที่ ไม่ใช่พระเทวี ซึ่งหลายคนเข้าใจว่าเป็นพระลักษมีนะคะ

ตราบัวแก้วซึ่งเก่าที่สุดพบในกฎหมายตราสามดวง ที่รัชกาลที่ 1 ทรงชำระใหม่ในปี 2347
ตราบัวแก้วดวงนั้นเป้นรูปเทพยดาประทับบนดอกบัวพระหัตถ์ขวาทรงดอกบัว พระหัตถ์ซ้ายทรงวัชระ

หนังสือฉลอง 131 ปีการสถาปนากระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงตราบัวแก้วว่า ตราบัวแก้วที่ถูกต้องตามราชการในอดีตนั้น หัตถ์ขวาและซ้ายต้องถือสองสิ่งนี้เท่านั้น

หนังสือเล่มเดียวกันนี้ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคระอนุกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติจัดพิมพ์นั้น ยังวิเคราะห์ว่าตราบัวแก้วนี้อาจเป็นไปได้ว่าช่างผู้ผูกตราในสมัยอยุธยาได้รับแรงบันดาลใจมาจากรูปพระโพธิสัตว์พระองค์ใดพระองค์หนึ่งก็ได้ หรืออาจมาจากการรวมกันระหว่างพระโพธิสัตว์ปัทมปาณีกับวัชระปาณี

ตราที่หน้าพัดซึ่งดิฉันนำมาให้ชมนี้ เผอิญไม่ชัดเท่าไร แต่ถ้าชัดเจนจะพบว่าพระหัตถ์ซ้ายทรงดอกบัว พระหัตถ์ขวาทรงลายกนกเปลว อาจเพี้ยนมาจากวัชระ ดังนั้นจะเห็นว่าลายละเอียดของตราบัวแก้วเริ่มเพี้ยนไปจากเดิมแล้ว

ตราบัวแก้วที่เป็นรูปเทพยาดา ถือดอกบัวทั้งสองพระหัตถ์นั้น เพิ่งมีปรากฎเมื่อสร้างกระทรวงการต่างประเทศบริเวณใกล้โรงพยาบาลสงฆ์ปัจจุบันนี่เองค่ะ เข้าใจว่าใช้เป็นตราประจำกระทรวงในสมัยหลังมากๆ แต่ไม่น่าจะใช่พระศรีนะคะ

ปล.ท่านที่สนใจพัดเหล่านี้และอื่นๆอีกมากมาย ขอเชิญที่หมู่พระมณเฑียร พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครค่ะ สวยมากๆแต่บันไดทางขึ้นชันไปหน่อย และบรรยากาศในห้องสลัวลาง ได้อารมณืเหลือเกินค่ะ



#381
ตราพระเพลิงทรงระมาด กระทรวงธรรมการ



ตราพระรามทรงรถ กระทรวงโยธาธิการ



ตราพระพรหมนั่งแท่น กระทรวงมุรธาธร



ตราพระนารายณ์ทรงราหู สภานายกรัฐมนตรี



ตรานารายณ์เกษียรสมุทร กระยุทธนาธิการ

#388
ตราบัวแก้ว กระทรวงการต่างประเทศ ตราสามดวงต้นนี้เป็นตราเก่าแก่ที่สุดตราหนึ่งของไทยก็ว่าได้ ปรากฎประทับบนปกกฎหมายฉบับแรกๆของไทย เราเรียกกฎหมายนั้นว่า กฎหมายตราสามดวง

#390
วันที่ 28 มีนาคม 2439 เป็นวันเสด็จเถลิงราชครบ 10000 วันของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ประกอบพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลสมโภชพระราชลัญจกรซึ่งใช้อยู่ในราชการ ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม การนี้โปรดเกล้าฯให้หน่วยงานที่ถือตราประจำตำแหน่ง นำดวงตรามาฉลองด้วย โดยพระราชลัญจกรประดิษฐานอยู่บนโต๊ะลายมักรห้าเล็บ ตราตำแหน่งตั้งบนโต๊ะลายคราม

และได้โปรดเกล้าฯให้ปักพัดรองตราตำแหน่งถวายแด่พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ที่มาเจริญพระพุทธมนตร์ในงาน
ตราประจำตำแหน่งทั้ง 13 ดวงบนพัดหน้านาง สวยงามและน่าสนใจมาก มีดังนี้ค่ะ

ตราพระราชสีห์ กระทรวงมหาดไทย

#392
คุณมีศรัทธาเต็มเปี่ยม พระคเณชจะทรงคุ้มครองคุณค่ะ
#393
สำหรับหนูนะคะ อาจารย์หริทาส คเณศวิทยาเป็ฯหนึ่งสือเล่มแรกๆเมื่อนึกถึงหนังสือเกี่ยวกับพระคเณศ ซึ่งรวบรวมองค์ความรู้ไว้ได้อย่างครบถ้วน กระชับ อ่านง่าย และใช้เป็ฯแผนที่ในการศึกษาคนคว้าเรื่องราวของพระคเณศต่อไปได้อีกมากมาย ที่สำคัญที่สุด เป็นหนังสือภาษาไทยหนึ่งในไม่กี่เล่มที่รวบรวมเรื่องเทพเจ้าไว้ในฐานะตำรา โดยไม่มีความคิดเห็ฯส่วนตัวของผู้ทำเจืออยู่เลย นี่เองคือที่มาของคุณสมบัติที่หนูเรียนไว้ข้างต้น เป็ฯหนังสือดีที่น่าอ่านอีกเล่มหนึ่งค่ะ

#394
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคงจะถูกใจทุกท่านบ้างไม่มากก็น้อย

นอกจากอาจารย์จักรพันธุ์แล้ว ศิลปินที่ดิฉันชื่นชมผลงานมาโดยตลอดก็คืออาจารย์สุวัฒน์ แสนขัติยรัตน์ท่านนี้ค่ะ

เทวรูปพระคเณศที่โต๊ะบูชาบ้านดิฉันอาจารย์ก็กรุณาปั้นให้อย่างงดงามโดยไม่คิดมูลค่าใดใด

ดิฉันจึงแบ่งปันภาพเหล่านี้เพื่อจรรโลงจิตใจท่านทั้งหลายให้ซาบซึ้งเป็ฯสุขเมื่อได้ชมเช่นที่ดิฉันรู้สึก

ขอพระผู้เป็นเจ้าและทวยเทวดาทรงคุ้มครองทุกท่านค่ะ