Messages

บันไดทางขึ้นลงของเทวาลัยอยู่ทางทิศตะวันออกค่ะ มีส่วนของระเบียงเหลืออยู่
ภาพอาจจะสีแปลกๆนะคะ ถ่ายมามันมืด ใช้โฟโต้ช้อปเพิ่มแสงค่ะ



มีประตูเข้าเทวาลัยสองประตู ภายในมีแท่นที่เคยประดิษฐานเทวรูป


รูที่เสานั้น สันนิษฐานว่าใช้สำหรับสอดคานไม้สำหรับทำผนังและเพดานค่ะ

วันที่ไปอากาศดีมากค่ะ แดดเต้นยิบๆเลย แต่เพราะบ่ายคล้อยแล้ว ประกอบกับกล้องไม่ใช่ดีนักหนาอะไร แถมคนถ่ายยังเป็ฯแรงงานด้อยฝีมือ เลยออกมาเดี้ยงๆค่ะ

ต้องขับรถออกจากเมืองเก่าไปทางตะวันตก ผ่านประตูเมืองโบราณชื่อประตูอ้อ แล้วจะพบกับเทวาลัยค่ะ



ภาพนี้ถ่ายจากด้านหลังค่ะ เห็นเสาทั้ง 8 สันนิษฐานว่าเดิมน่าจะเป็นอาคารทรงมณฑป

เทวรูปขนาดใหญ่ที่สุดที่หล่อขึ้นคราวนั้นสูงถึงสามเมตรกว่า งดงามด้วยรูปลักษณ์และแสดงออกถึงความก้าวหน้าในเชิงช่างหล่อโลหะของผู้คนในยุคนั้น
หลักฐานจากจารึกวัดป่ามะม่วง ระบุว่าพระยาลิไททรงหล่อรูปพระอิศวร พระนารายณ์ พระพรหม พระอุมาและพระคเณศ



พระพิฆเณศที่โบสถ์พราหมณ์

สิ่งที่น่าเสียดายคือ เทวรูปอันหาค่ามิได้เหล่านี้ ตกทอดมาเป็ฯสมบัติของโบสถ์พรามหณืจนถึงปัจจุบันเพียงไม่กี่องค์ ส่วนหนึ่งกลายไปเป็น 'ของ' ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร ซึ่งตั้งไว้ให้ดูกันแห้งๆ ทั้งๆที่เป็นของควรค่าแก่การสักการะบูชา แม้ว่าครั้งหนึ่งเทวรุปเหล่านี้จะเคยอยู่ถูกที่ถูกทาง แต่รัฐบาลสมัยหนึ่งดำริว่าถ้าอยู่ที่โบสถ์พราหมณ์เกรงจะเป็นอันตราย ทั้งจากน้ำท่วมและการเสียหายจากการอื่นเป็นต้น จึงย้ายไป อ้างว่าเพื่อหนีน้ำ แต่จนถึงเวลานี้ เทวรูปสำคัญของพระยาลิไทยก็ไม่เคยกลับมาที่โบสถ์พราหมณือีกเลย

ดิฉันขอเชิญทุกท่านที่มีเวลาแวะไปสักการะท่านที่ห้องศิลปะสุโขทัย อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์ ชั้นสอง
(ดีใจจัง อัพรูปเป็นสักที)

หนึ่งในเทวรูปที่เคยประดิษฐานอยู่ ณ หอเทวาลัยมหาเกษตร

[[COLOR=#NaNNaNNaN][HIGHLIGHT=#99ff99]เทวาลัย[/HIGHLIGHT][/COLOR]]

เมื่อสุดสัปดาห์กลับบ้านมาค่ะ ว่างๆเลยไปเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยมา

คนที่เคยไปที่นั่น น้อยคนจะได้เห็นเทวาลัยมหาเกษตรพิมาน ซึ่งตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองด้านทิศตะวันตก ในปัจจุบันเหลือเพียงซากของฐานอาคารรูปเกือบจตุรัส ยกพื้นสองชั้น ชั้นบนมีเสาอิฐผสมศิลาแลง 8 ต้นตั้งอยู่ ภายยังปรากฎแท่นวางเทวรูป เทวาลัยหันหน้าไปทางตะวันออก มีประตูสองประตูอยู่ทางด้านหน้า ด้านหน้ามีบันไดลงทางเดียว และยังเหลือลูกกรงระเบียงเล็กน้อย เทวาลัยตั้งอยู่ท่ามกลางต้นมะม่วงป่า โพ ไทรและไร่นาป่าอ้อยของชาวบ้านค่ะ มีทวเขาเป็นฉากหลัง สวยสงบอย่าบอกใครเลย

ปรากฏหลักฐานกล่าวอ้างถึงในศิลาจารึกวัดป่ามะม่วง ภาษาเขมร พุทธศักราช ๑๙๐๔ (ด้านที่ ๑ บรรทัด ๕๑-๕๔) ใจความว่า
“(ปี) ฉลู วันศุกร์ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๘ ปุรวาษาฒ นักษัตรฤกษ์...เวลารุ่งเช้า เมื่อเสด็จประดิษฐานรูปพระมเหศวรรูปพระวิษณุ...ในหอ[COLOR=#NaNNaNNaN][HIGHLIGHT=#99ff99]เทวาลัย[/HIGHLIGHT][/COLOR][COLOR=#NaNNaNNaN][HIGHLIGHT=#ffff66]มหา[/HIGHLIGHT][/COLOR][COLOR=#NaNNaNNaN][HIGHLIGHT=#a0ffff]เกษตร[/HIGHLIGHT][/COLOR]ในป่ามะม่วงนี้...ดาบส พราหมณ์ทั้งหลายบูชาเป็นนิตย์...”

เทวรูปที่ศิลาจารึกเล่าว่าพระยาลิไททรงสร้างนี้ปัจจุบันอยู่ที่วังหน้ากับเทวสถานโบสถ์พราหมณ์ค่ะ องค์ไหนเก่าจริง องค์ไหนจำลองก็คงทราบแล้ว จารึกยังให้รายละเอียดว่ามีเทวรูปพระอิศวร พระนารายณ์ พระอุมา พระพรหมและพระคเณศ

เสียดายยังอัพรูปไม่เป็นค่ะ ถ้าทำเป็นเมื่อไรจะนำมาให้ชมกัน
ว่างๆผ่านไปแถวนั้นลองแวะไปชมนะคะ

คุณ Naga เคยไปพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครไหมคะ อาคารใหม่ด้านทิศเหนือ ห้องศิลปะอยุธยาและสุโขทัย

ทุกครั้งที่ไปที่นั่น หรือไปสถานพระนารายณ์ที่โบสถ์พราหมณ์ จะรู้สึกเศร้าใจเรื่อยไป

เทวรูปพระศรีที่สถานพระนารายณ์ฝีมือหยาบจะอยากร้องไห้ เพราะเป็นองค์จำลอง ส่วนองค์จริงตั้งแสดงไว้ที่วังหน้า แห้งแล้ง

ดิฉันนำมาลัยไปกราบท่านที่วังหน้าเสมอ เช่นเดียวกับเทวรูปในห้องสุโขทัยที่ครั้งหนึ่งเคยตั้งอยู่ในโบสถ์พราหมณ์

ทุกครั้งก็จะรำพึงเงียบๆว่า ทำไมต้องเอาท่านมาทิ้งไว้อย่างนี้ด้วย

และขอบพระคุณมากนะคะสำหรับความเห็นเรื่องพระคงคา

เทวรูปพระศิวะศิลปะสุโขทัย แบบที่เป็นเทวรูปประธานในเทวสถานโบสถ์พราหมณ์ก็ทรงเครื่องนะคะ งดงามมาก และเท่าที่ทราบยังไม่มีใครกังขาเรื่องนี้เลยแม้แต่คนเดียว

โยส่วนตัวเห็นด้วยกับแนวคิดที่ว่าการสร้างเทวรูปโบราณเกิดขึ้นจากหลากหลายคติด้วยกัน เทวรูปพระตรีมูรติองค์ที่กล่าวถึงกันนี้ สร้างประมาณรัชกาลพระชัยราชาธิราช ซึ่งเป็นเวลาที่คติเทวราชากับพุทธราชากำลังเริ่มแพร่หลายในดินแดนแถบนี้ ช่างผู้ออกแบบหรือผู้ทรงสั่งให้สร้างอาจจะทรงประสมแนวคิดต่างๆเข้าด้วยกันก็ได้ค่ะ แต่ต้องยอมรับว่า 'ของเก่า' ในบ้านเรา บางครั้งก็ขาดการศึกษาถึงที่มาที่ไป ก็อาจจะเพี้ยนกันบ้าง สมเด็จเจ้าฟ้าจุฑาธุชฯท่านอาจจะทรงวินิจฉัยมาแล้วว่านี่คือพระตรีมุรติ คนจึงเชื่อต่อๆกันมา

เรื่องประติมานวิทยานี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก แต่ก็มีอิทธิพลต่อความเชื่อความศรัทธามากเช่นกันค่ะ

กระทู้นี้เริ่มต้นจากดิฉันเอง ด้วยความไม่แน่ใจในหลักการบางอย่างในการสร้างเทวรูปด้วยความศรัทธา
แต่ไม่มีเจตนาจะหลบหลู่เทวรูปองค์นั้นเลย

สำหรับดิฉัน เทวรูปจะสร้างอย่างไรหากเราเชื่อมั่นในองค์เทพ พลังก็จะมาเองค่ะ คงทราบกันแล้วว่าแม้ก้อนหินที่คล้ายเทวรูป ผู้คนก็บูชาและเกิดศักดิ์ศิทธิ์ได้เช่นกัน

เรื่องศาสตราวุธนี้ เข้าใจว่าน่าจะเกิดจากความต้องการจะแบ่งแยกรูปเคารพเทพเจ้าออกจากกันก่อนเป็นปฐม ต่อมาก็เชื่อถือกันในเรื่องพลังอำนาจ ซึ่งเป็นแนวคิดของฝ่ายพรามหณ์และพุทธมหายาน โดยส่วนตัวคิดว่าเรื่องพระพุทธรูปปางอุ้มบาตรเป็นเรื่องนอกประเด็นไกลมากนะคะ ปางพระพุทธรูปนี้ เสด็จพระท่านทรงผูกแบบตามพระราชประสงค์ของรัชกาลที่ 3 เพื่อจำลองเหตุการณ์ในพุทธประวัติ ไม่มีเรื่องอานุภาพของอาวุธของบริขารที่ถือมาเกี่ยวข้องเลยค่ะ เราเติมกันเองในภายหลังทั้งนั้น

นั่นนะสิคะ แล้วทำไมชอบโฆษณากันว่าพระตรีมุรติเป็นเทพแห่งความรัก ต้องมาขแพรวันพฤหัสตอนสามทุ่ม ว่าเข้าไปนั่น

ขอบคุณทุกท่านค่ะ

ตำราว่ามีตอนขึ้น 5 ค่ำเดือนสาม แล้วถ้าปีหน้าเป็นอธิกสุรทิน ต้องเลื่อนไหมคะ ตรงกับวันไหนเอ่ย มีงานที่ไหนบ้างไหมคะ
แล้วปีจันทรคติอินเดียมีอธิกสุรทินด้วยใช่ไหมคะ

มีแต่คำถามๆๆๆๆๆๆๆๆตลอดเลยค่ะ กลัวถูกหาว่าเป็นตัวป่วนจัง แต่ที่ถามก็เพราะอยากรู้ทั้งนั้นเลยนะคะ แม้ว่าบางคำถามจะดูไร้สาระก็ตาม

เมื่อไม่นานมานี้ ไปเดินเล่นที่ท่าพระจันทร์มาค่ะ เจอร้านหนึ่งเขาขายเครื่องประดับ มีแหวนและกำไลทำเป็นรูปนาค มีสีต่างๆกัน ตอนแรกก็แค่ดูว่าสวย คุยไปคุยมาถึงรู้ว่าเขาทาสีตามตำราจำแนกนาคทั้ง 4 ตระกูลคือ
    ๑. ตระกูลวิรูปักข์ มีผิวกายเป็นสีทองคำ
    ๒. ตระกูลเอราปัถ มีผิวสีเขียว
    ๓. ตระกูลฉัพยาปุตต์ มีผิวหลายสีเลื่อมลาย
    ๔. ตระกูลกัณหาโคตม์ มีผิวสีดำ

ส.พลายน้อยบอกว่านาคทั้งสี่ตระกูลนี้เท่าเทียมกันโดยศักดิ์และสิทธิ์ แต่เดาว่านี่จะเข้ามาทางคติพุทธค่ะ เพราะเขาว่านาคทั้ง 4 ตะกูลเป็นบริวารท้าววิรูปักข์ มีที่อยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา และเกิดเป็นนาคเพราะทำบุญเจือด้วยราคะ

ศิลปะไทยทำนาคเป็นรูปคล้ายงูมีหงอน แต่ศิลปะลังกาจำทำรูปนาคเป็นรูปมนุษย์สองมือ โดยอาจจะทูนหม้อน้ำไว้บนศรีษะหรือถือหม้อน้ำไว้ในหมือค่ะ บางครั้งทำเป็ฯครึ่งบนเป็นมนุษย์โสภาครึ่งล่างเป็นงู

นาคในทางประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์หมายถึงคนพื้นถิ่นที่ยังไม่มีอารยะ เช่นบอกว่า ต้นวงศ์กษัตริย์เขมรซึ่งเป็นพราหมณ์อพยพมาจากชมพูทวีปแต่งงานกับนางนาค อาจแปลได้ว่าพรามหณือินเดียลี้ภัยมาแต่งงานกับคนพื้นถิ่น

ไตรภูมิบอกว่านาคมีกำเนิด 4 แบบ

แบบโอปปาติกะ เกิดแล้วโตทันที อันนี้เฉพาะนาคชั้นสูงค่ะ
แบบชลาพุชะ เกิดจากครรภ์
แบบอัณฑชะ เกิดจากฟองไข่
แบบสังเสทชะ เกิดจากเหงื่อไคล สิ่งหมักหมม

นาคมีที่อยู่ใน นาคพิภพ มีปราสาทแก้ว ปราสาททองที่งดงาม มีแก้ว ๗ ประการเป็นแผ่นดิน มีสระใหญ่น้ำใสดุจแผ่นแก้ว ในสระมีฝูงปลา และบัวทั้ง ๕ มีดอกบานอยู่ตลอดเวลา บัวแต่ละดอกใหญ่เท่าล้อเกวียน เมื่อนาคมีครรภ์แก่จะดำน้ำไปโผล่ที่ป่าหิมพานต์ คลอดลูกและอยู่เลี้ยงลูกจนโตจึงพาลงไปอยู่ในนาคพิภพ นาคมี ๒ พวก พวกหนึ่งเรียกว่า ถลชะ สามารถเนรมิตตนได้ตามปรารถนาเฉพาะเมื่ออยู่บนบก อีกพวกหนึ่งเรียกว่า ชลชะ สามารถเนรมิตตนได้เฉพาะเมื่ออยู่ในน้ำ นาคสามารถเนรมิตตนได้งามดังเทวดาหรือเนรมิตเป็นสัตว์อื่นก็ได้

กิรดังได้สดับมาเช่นนี้ค่ะ

โดยส่วนตัวโด่งเห็นว่าเทวรูปพระตรีมุรติที่เซนทรัลเวิร์ดงดงามน่าประทบใจมากเลยค่ะ เพียงแต่เห็นท่านไม่มีอาวุธเลยรู้สึกเหมือนยังไม่สมบูรณ์
คนชอบพูว่าท่านเป็นเทพแห่งความรักเลยไม่จำเป็นต้องมีอาวุธ หรือไม่ก็ว่าท่านปลดอาวุธแล้ว

ขอบคุณทุกท่านค่ะ

ขอบคุณคุณ กาลิทัสมากเลยค่ะ
กระทู้ที่ยกมาน่าสนใจมากค่ะ แต่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงสังข์แบบที่ใช้หลั่งน้ำน่ะค่ะ

รบกวนสอบถามเรื่องสังข์ที่ใช้รดน้ำ
ไม่ทราบว่าปรกติเขาซื้อหากันที่ไหน และราคาเท่าไรคะ
แล้วปรกติเขาจะนำหอยมาตัดแต่งให้ได้รูปทรงก่อนวางขายใช่หรือไม่คะ หรือว่าจะเป็นรุปทรงอย่างนั้นเลย แค่เอามาขัดสีแล้วตกแต่ง

ถามประดับความรู้ค่ะ

ขอบคุณค่ะ
คุณเจ้าชายรองเท่าแตะให้ปรัชญาไว้น่าฟังดีจัง

ความอ่อนโยนที่เข้มแข็ง

ใช่แล้วค่ะ แต่โด่งหมายถึง
เมื่อคราวที่ไปนั้นหลายปีมาแล้ว ยังพากันแปลกใจที่ชื่อปราสาทกับชื่ออำเภอ ซึ่งเขียนไว้ที่หน้าทางเข้าปราสาท เขียนไม่เหมือนกัน ปลัดอำเภอไปกับเราด้วยก็เล่าว่าเป็นมานานแล้ว เพราะคนทั่วไปคุ้นคำว่า ศรี มากกว่า ศี


ชื่อปราสาท ศรีขรภูมิ
แต่อยู่ที่อำเภอ ศีขรภูมิ

จึงเขียนไม่เหมือนกัน

แต่รู้สึกว่าเมื่อไม่นานมานี้จะแก้ทั้งสองชื่อตรงกันว่า ศีขรภูมิ ตามนามที่พบในจารึกแล้วค่ะ

ขอบพระคุณค่ะคุณ plawan22

เป็นหนังอินเดียที่ฉากอลังการ สมจริง และนักแสดงหล่อแบบร่วมสมัยมากที่สุดเรื่องหนึ่งที่เคยดูมาในชีวิตเลยค่ะ พระรามทรงพระหล่อจริงๆ

อุ๊ยตาย ขอประทานโทษอย่างสูงยิ่ง ไม่รู้ว่าความเห็นของดิฉันข้างบน ประโยค "แต่ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่า" มันมาได้ไงอ่ะค่ะ
อาจเป็ฯเพราะพิมพ์งานใน word ไปด้วย สลับหน้าไปสลับหน้ามา เลยมาโผล่ตรงนี้
ขอประทานโทษทุกท่าน
และขอประทานโทษคุณ plawan22 อย่างสูงยิ่ง ไม่ได้เจตนาจะลบหลู่เลยค่ะ หากไม่ชอบใจจะให้แก้ตัวอย่างไรก็ยอม
ขอประทานโทษอีกล้านๆๆๆๆๆครั้ง

ใช่ค่ะ น่าสนใจมาก สงสัยแบบคุณ plawan22 มาตั้งนานแล้วว่าใช่พระมินากษีหรือเปล่า
ตอยที่ไปเที่ยวชม อาจารย์สุริยวุฒิ สุขสวัสดิ์ อธิบายว่า อาจจะใช่ และอาจจะไม่ใช่

อาจจะใช่เพราะมีนกแก้วเกาะที่พระพาหาแบบเดียวกับเทวรูปพระมินากษีจริง แต่สังเกตให้ดีจะเห็นว่านกที่เกาะนั้น เกาะที่เครือเถาว์บ้าง เกาะที่ดอกไม้ที่นางอัปสร (?) ถือบ้าง และมีเพียงตัวเดียวค่ะ รูปสลักนี้มีเพียงสองรูปตรงซุ้มประตูทางเข้าปราสาทประธาน ซึ่งสองรูปไม่เหมือนกันนะคะ รูปหนึ่งนกแก้วเกาะที่ลายเครือเถาว์ อีกรูปเกาะที่ดอกไม้ที่นางอัปสรถือ สำหรับรูปหลังนี้สังเกตให้ดีด้านซ้ายของรุปมีสัตว์ (อาจเป็นกระรอก) เกาะที่ลายเครือเถาว์ด้วยค่ะ

ปราสาทศรีขรภูมิ อำเภอศีขรภูมิ (ทำไมต้องเขียนไม่เหมือนกันด้วยเนอะ) สร้างสมัยบาปวนผสมนครวัดค่ะ ประมาณรัชกาลพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ซึ่งศาสนาพราหมณ์ฮินดูสมัยนี้เรื้อจากอินเดียใต้มาค่อนข้างนานแล้ว ดังจะเห็นได้ว่าเหล่าเทวรูปพระเป็นเจ้าต่างๆเริ่มคลี่คลายจนมีรูปลักษณ์แบบขอมเอง และมีเยอะมากที่อินเดียใต้ไม่มี ดังนั้นลัทธิบูชาเทวีประจำถิ่น เช่น พระมินากษี อาจจะยังมาไม่ถึง รูปนี้จึงอาจจะเป็นรูปนางอัปสรแต่บังเอิญช่างแกะนกใส่ไปด้วยเลยดูคล้ายพระเทวีพระองค์นั้น ก็เป็นได้

แต่สิ่งที่งามอลังการของปราสาทแห่งนี้คือทับหลังซึ่งอยู่เหนือบานประตูของอัปสรสองนางนี้ขึ้นไปค่ะ เป็นรูปพระศิวะนาฏราช 10 กร ซึ่งปรกติจะเป็ฯลายบนหน้าบัน แต่ที่นี่อยู่ที่ทับหลังเลย และพี่พิเศษคือ ด้านล่างถัดจากพระศิวะนาฏราชลงมา สลักเป็นรูปทวยเทพทรงดนตรีประกอบการฟ้อนรับ มี พระนารายณ์ พระอุมา พระพรหมและพระคเณศ มีเทวดาฟ้อนรำตามเสด็จพระมหาเทพ และรูปฤษีนมัสการด้วย สวยสุดๆค่ะ

ส่วนนางอัปสร เคยอ่านงานของอาจารย์กรุณา กุศลาศัย เล่าว่า นางอัปสรนี้เป็นชื่อกลางๆใช้เรียกนางฟ้าค่ะ เหมือนเรียกพนักงานรับใช้บนเครื่องบินว่าแอร์โฮสเตส อะไรประมาณนี้ นางอัปสรหลายสิบล้านนางเกิดมาคราวกวนเกษียรสมุทร เปนของกลางของสวรรค์ แต่ก็มีนางอัปสรหรือนางฟ้าพวกหนึ่งที่มีเจ้าของ เช่น นางอุรวศี นางเมนกา ฯ ซึ่งนิทานหลายเรื่องเล่าว่าเป็นบาทบริจาริกาของพระอินทร์ ลองอ่านเรื่องภารตนิยายของอาจารย์กรุณานะคะ สนุกมาก

กิรดังข้าพเจ้าได้สดับมาเช่นนี้แล

ปล.ชอบอ่านกระทู้คุณ plawan22 มากเลยค่ะ นับถืออย่างสูง

แต่ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่า

เคยมีคนพูดว่าเทวรูปที่ไม่มีอาวุธก็เท่ากับท่านลดพลังลงไป
อาทิ เทวรูปพระตรีมูรติที่หน้าเซนทรัลเวิลด์ เป็นต้น
โดยส่วนตัวชอบลักษณะของเทวรูปองค์นั้นมากค่ะ แต่ยังค้างคาใจกับคำพูดนี้อยู่ ทุกท่านคิดว่าอย่างไรคะ

ปล. กำลังสร้างเทวรูปพระอุมาเทวีอยู่ค่ะ สงสัยว่าถ้าไม่ได้ให้ท่านทรงถือตรีศูล จะถือว่าไม่ถูกต้องหรือเปล่า

ลิงค์ที่คุณกาลิทัสแจ้งไว้น่าสนใจมากค่ะ ตามปรกติเรามักพบว่าพระภูเทวีจะปรากฎพระองค์ร่วมกับพระวิษณุและพระศรี
แต่ที่เทวสถานโบสถ์พราหมณื ดิฉันเข้าใจว่าเป็นพระศรีกับพระมเหศวรีค่ะ
มีผู้รู้หลายท่านอธิบายตรงกันว่า เพราะช่างโบราณของไทยเข้าใจผิดว่าพระศรีกับพระมเหศวรีเป็นคนละองค์กัน

เวลาไปร้านเทวรูปหรือเทวสถานจะเห็นพระศีกับพระนางภูเทวีมากกว่า
บางทีก็นึกถึงพระวิษณุบางปางนะคะ ที่ท่านถือก้อนดิน (ภู) ไว้ในพระหัตถ์ด้วย

โดยส่วนตัวนับถือพระศรีมากค่ะ

ดิฉันบูชาพระเป็นเจ้ามานานมากแล้วค่ะ ตั้งแต่เด็กมากๆ แต่เพิ่งจะมีเทวรูปเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง (เพราะเรียนจบ ได้งานทำ ก็เลยมีกำลังพอจะหา) พอดีกับช่วงนี้ได้รู้จักกับประติมากรท่านหนึ่งค่ะ ชอบงานของเขา ประกอบกับเป็นคนชอบเทวรูปที่ไม่ค่อยเหมือนใครเลยขอให้เขาช่วยปั้นเป็ฯพิเศษให้ค่ะ ตอนนี้มีพระนารายณ์และพระลักษมี กำลังทำพระศิวะและพระนางปารวตี และมีแผนว่าจะปั้นพระคงคาเทวีกับภูเทวี ช่วงนี้เลยกำลังหาข้อมูลประติมากรรมของท่านที่ถูกต้องอยู่น่ะค่ะ
มีสองสามองค์ที่ไปหาบูชาแถวพาหุรัดและวัดราชนัดดามีพระสรัสวดี กับพระลักษมี
โดยส่วนตัวชอบศิลปะทมิฬค่ะ ก็จะมีแนวนั้นเยอะ

ดังนั้นจึงมารบกวนพี่ๆน้องในบอร์ดนี้ ขอข้อมูล

ไม่ผิดหวังจริงๆด้วยค่ะ

ขอพระผู้เป็นเจ้าทรงรักษาทุกๆท่านนะคะ

ขอบพระคุณทุกท่านค่ะ

สวัสดีค่ะ

ดิฉันกำลังเริ่มบูชาเทวรุปอยู่ค่ะ
ตอนนี้สนใจเทวรูปของพระคงคา ไม่ทราบว่ามีที่ไหนบ้าง และที่ถูกต้องท่านควรมีเทวลักษณะอย่างไร ราคาเท่าไร
และไม่ทราบมีใครรู้จักภูเทวี ไหมคะ ท่านคือใคร เทวรูปท่านมีไหม ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะทุกๆท่าน
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ โด่งนับถือพระเป็นเจ้ามาตั้งแต่เด็กๆแล้ว แต่ไม่เคยฝากตัวเป็นศิษย์ใครเลย แต่โชคดีหน่อยที่เคยพบผู้ใหญ่หลายท่านให้ความรู้ ให้คำแนะนำ ดีใจมากๆค่ะ ที่ได้เป็นสมาชิกของเว็บนี้

ขอบคุณค่ะ