Loader
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - ลองภูมิ

#121
  พอมีเรื่องปราสาทก็คิดได้ว่าเราก็เคยไปเที่ยวมาเหมือนกัน  ไม่ได้ไปตั้งนานแล้ว ช่วงที่เขาทวงทับหลังกันใหม่ จนพี่แอ็ดได้เอาไปแต่งเป็นเพลง ทับหลัง ปราสาทที่ว่านี้ก็คือ ปราสาทเขาพนมรุ้ง ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนักจากปราสาทเมืองต่ำ สมัยนั้น บริเวณด้านหน้ายังเป็นดินแดงอยู่เลย แต่ไปครั้งนั้นมีเรื่องที่ประทับใจไม่ลืม คือเราไปเที่ยวในครั้งนี้ ก็อยากจะขอพรขอหวยจากเทวสถานแห่งนี้ ครั้งนี้เลยเตรียมเอาน้ำนมและดอกดาวเรืองไปด้วย ก่อนจะเดินขึ้นเขาไป ก็ตั้งจิตอธิฐานว่า ถ้าลูกมีบุญวาสนาและองค์เทพเทวาต้องการประทานโชคให้ ก็ขอให้ลูกนี้ได้เห็นนิมิตรเป็นเลขเป็นหวยด้วยเถิด .... ว่าแล้วก็เดินๆๆๆๆๆๆๆขึ้นไป สายตาก็กวาดไปเจอตัวเลขที่เขียนอยู่ตามก้อนหิน อะจ้ากๆๆๆ ทำไม มันเยอะแบบนี้วะ เอาละซิ แล้วข้าพเจ้าจะเอาหวยตัวไปไปแทงละเนี้ย    ว่าแล้วก็เดินไปดูไปพรางๆ จนไปถึงตัวปราสาทชั้นใน ซึ่งมีศิวลิงค์ ตั้งเด่นอยู่ ณ กลางปราสาท ก็เลยรีบเอาน้ำนมราดแล้วก็ล้างด้วยน้ำเปล่า ต่อด้วยเอาดอกดาวเรืองคล้ององค์ท่าน เสร็จแล้วก็ขอพร (แต่ต้องรีบทำเพราะเขาเขียนไว้ว่าห้ามราดนมประมาณนี้ละ) แล้วก็เดินออกมาไปดู ทางน้ำซึ่งเป็นร่องน้ำของโยนี ซึ่งชี้ไปทางทิศเหนือ ก็สำรวจไปเรื่อย ใจก็ท้อเหลือเกินว่า เอ่อ ....หวยหนอ ทำไมจะได้วะเนี้ย พอเดินมาด้านที่มี เทวรูปตั้งอยู่ (นายทวาร)ทิศใต้ก็แลเห็นคนกลุ่มหนึ่งแต่งชุดขาว กำลังบวงสรวงศิวลึงค์อยู่เช่นกัน แต่ไหง ไปนั่งบูชากันด้านหลังวะ (คือทางด้านทิศตะวันตก) เราก็เดินเข้าไปด้วยความหวังดี ว่า ถ้าจะบูชาก็ต้องด้านหน้าสิ สงสัยเขาจะไม่รู้ ก็เดินไปบอกเขาว่า พี่ด้านนั้นด้านหลัง ต้องด้านนี้ครับ พระพักตร์ขององค์พ่ออยู่ด้านนี้ ว่าแล้วเขาก็รีบขยับมา แล้วก็ร้องเพลงเป็นทำนองสารภัญญะ ตามทำนองทางอีสาน แล้วก็เอาแป้งมานั่งถูๆๆๆๆเพื่อจะเอาเลข ผมก็เลยบอกว่าพี่จะถูอะไรยากละ ก็นี้ไงเลข (ตอนนั้นตาเหลือบไปเห็นรอยคราบน้ำนมที่ผมเอาไปราด แต่ล้างไม่หมด ขึ้นเป็นเลขลางๆ เราก็ดู เขาก็ดู เขาเห็นเป็นอีกแบบ เราก็เห็นเป็นอีกแบบ เขาก็ถามเราว่า น้องเห็นเป็นเลขอะไร ผมก็บอกไป พอเสร็จแล้ว ผมก็เดินออกมา มาด้านทิศใต้ มานั่งอยู่ริมกำแพง ในใจก็บ่นว่า เอ่อ....ใช่เลขตัวนี้เปล่าวะ ดูยากชมัด ...พ่อหนอพ่อ จะให้กันหน่อยก็ไม่ได้ ...ร้อนก็ร้อน คราวนี้ ผมก็ถ่มน้ำลายลงพื้น ตอนก้มลงไป ก็พบว่า มีแสงสะท้อนขึ้นมาจากพื้นดิน ก็เพ่งมองดู ปรากฏว่าเป็นกระดุมกางเกงยีน ก็หยิบขึ้นมา พลิกไปพลิกมา ก็พบว่ามีเลขอยู่ด้านหลัง จำได้ว่าเป็น 08 ก็เลย เก็บไว้ในกระเป๋า เพื่อไปพิจารณาต่อที่บ้าน พอกลับบ้านมาก็ เลยเอาเลขนี้มาเสี่ยงทายที่บ้านอีกครั้งหนึ่ง ก็ฝันดี เลยเอาไปแทงหวย จำได้ว่า เลขล่างออก 08 ผมได้มาห้าหมื่น แล้วก็เลขที่ผมไปนั่งดูที่ศิวลึงค์ ก็ออกเป็นเลขบน ตัวนั้นออกผมก็ได้อีก สองหมื่น สรุปงวดนั้นได้ เจ็ดหมื่น 5555555 สบายแฮ่เลยครับพี่น้อง ก็เลยเอามาเล่าสู่กันฟัง เผื่อใครไปเที่ยวหรือจะไปบูชาศิวลึงค์ที่ปราสาทเขาพนมรุ้ง ก็จะลองแบบผมก็ได้นะครับ เผื่อจะได้มีโชคแบบผมครับ  
#122
ครับๆ ไม่ต้องห่วงน้อง กระบี้น้อย พี่เซฟเก็บไว้แล้ว และก็  ยังมีอีกหลายบท พวกบทอวตารก็มี แต่ยังขี้เกลียดพิมพ์อะ



ส่วนน้อง Amrit_Phakti เป่งไงบ้างซำบายดีปะ พี่ว่าจะแวะไปเยี่ยมที่บ้านก็ไม่ได้ไปซักกะที ผ่านก็บ่อยนะ แต่ก็พลาดจนได้ เดี๋ยวเดือนหน้าอาจจะได้ผ่านอีก คราวนี้จะไม่พลาดเลย จะให้ดูไพ่ให้พี่หน่อยว่าตอนนี้ชะตากรรมเป็นไง อิอิ


มีอยู่คนเดียวจริงๆที่เรียกเราป๋า แหม่ ถ้าเป็นผู้หญิงจะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี้เป็นผู้ชาย ฟังดูจักกะจี้ยังไงก็ไม่รู้ .........ท่านนะท่าน  ทำไปได้  
#123
โปรดติดตามตอนต่อไปในเรื่องราวของพระทัตตะเตรยะ ตอน ตามพระมรกันเทยะปุราณะ แต่ขอเวลาสักพักครับ  
#124
ตำนานแห่งพระทัตตะเตรยะ(ตอนทำลายล้างอสูร ยัมภะ)





อสูร ยัมภะ (JAMBHA) ผู้เป็นปีศาจที่อวดหยิ่งทรนงตน

....... ได้บังเกิดมีอสูรร้ายตนหนึ่งมีนามว่า อสูร ยังภะ อสูรตนนี้มีกองทัพมหึมา ได้ยกทัพมาก่อกวนพวกเทพและมีชัยชนะต่อพวกเทพ ได้เข้ายึดครองสวรรค์ บรรดาเทวะและนางอัปสร ต่างพากันเดือดร้อน ต้องหลบหนีออกจากแคว้นสวรรค์ ต่างแต่กระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง และก่อให้เกิดความสับสนอลม่านไปทั่วโลกทั้งหมด


พระอินทร์ผู้เป็นกษัตริย์แห่งเทวะและนางอัปสรทั้งหลาย จึงปรึกษาหารือกับพระอาจารย์ เทพฤษี พฤหัสบดี (BRIHASPATA) เพื่อที่จะช่วยเหลือพวกเทพให้คืนตำแหน่งดังเดิม ฤษีพฤหัสบดี ทรงได้พิจารณาอยู่ชั่วขณะ จึงให้คำแนะนำต่อพระอินทร์ว่า ให้ไปขอความช่วยเหลือจาก พระสัทคุรุ ทัตตะเตรยะ โดยกล่าวว่า...

"ขอจงรีบเสด็จไปเฝ้าเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ด้วยความนอบน้อมเคารพบูชา และปรนิบัติรับใช้พระองค์ด้วยจิตใจที่ไร้มายา ข้าขอรับประกันว่า พระทัตตะเตรยะ จะนำชัยชนะกลับมาสู่พวกเทพและบังลังค์ของพระองค์ก็จะอยู่เหมือนเดิม"





ด้วยคำแนะนำแห่งพระอาจารย์ พระอินทร์จึงได้ออกเดินทางไปสู่ยังเทือกเขา สหยะหริ ทันที แต่ก่อนจากไป พระอาจารย์ ฤษีพฤหัสบดี ได้ทูลเตือนพระองค์ไว้ว่า "ข้าแต่พระอินทร์ , พระทัตตะเตรยะนั้นยากมากที่จะเข้าใจได้และเข้าถึงพระองค์ได้ , พระองค์ทรงแปลงได้หลายรูปร่างและทำความสับสนต่อสาวกของพระองค์ตลอดมา พระองค์ทรงมีเรื่องทดสอบต่างๆนาๆ ขอจงระมัดระวังให้จงดี ไม่มีอะไรที่พระองค์ทรงได้กระทำลงไป ขอให้รับทราบไว้ว่าพระองค์ทรงเป็นเพียงรูปร่างแห่งความสัตย์จริงและด้วยพระองค์ทรงมั่นคงตลอดกาลบริสุทธิ์ดั่งพระเพลิง ขอจงโชคดีเถิด"






ด้วยการจดจำทุกคำของพระอาจารย์ พระอินทร์ได้ไปถึงยังเทือกเขา สหยะทริ , พระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นความสัตย์ทั้งหลายตามที่พระอาจารย์ได้กราบทูลไว้ พระองค์ทรงเห็นพระทัตตะเตรยะ กำลังสนุกสำราญต่อการชมดนตรีแห่งสวรรค์ บรรดานางอัปสรแห่งสวรรค์ที่สวยงามที่มีฝีเท้าเต้นรำประมาณ 1,000 คู่ อยู่ใต้เบื้องบาทของพระองค์ นางเทพธิดาบางนางเปลือยเปล่าล่อนจ้อน กำลังเทเหล้าผลไม้ลงในถ้วยเหล้าของพระองค์ และพระอินทร์ทรงทอดพระเนตรเห็นพระทัตตระเตรยะ กำลังดื่มเหล้าผลไม้และทรงเล่นรักอยู่กับเหล่านางอัปสรทั้งหลายนี้

" มันเป็นเรื่องที่ดีซึ่งพระอาจารย์ได้ให้คำแนะนำข้าเอาไว้ก่อน มิฉะนั้นแล้วข้าอาจจะหมิ่นประมาทพระทัตตะเตรยะก็ได้ ซึ่งจะเป็นผลให้พระองค์ทรงพิโรธ อย่ากระนั้นเลย ขอให้จิตใจของข้าอย่าได้หลงเข้าใจผิด ในการแทรกแซงอยู่ทั่วไปและความบริสุทธิ์ของพระองค์" ด้วยความคิดเช่นนี้ พระอินทร์จึงทรงได้เข้าร่วมกับพวกเขาในการรับใช้พระทัตตระเตรยะด้วยการถวายอาหารและสุรา

ในขณะเดียวกัน พระทัตตะเตรยะทรงทอดพระเนตรที่พระพักตร์ของพระอินทร์ เพื่อที่จะทรงทดสอบพระอินทร์ แต่ว่าพระอินทร์ทรงยืนให้ทดสอบและด้วยความเคารพไม่สะดุ้งสะเทือนแต่อย่างใด คอยรับใช้พระทัตตะเตรยะต่อไป

ด้วยทรงโปรดต่อผู้เคารพบูชาของพระองค์ พระทัตตะเตรยะทรงเริ่มหัวเราะต่อพระอินทร์และทรงตรัสแบบขำขันว่า "พระอินทร์ ท่านมีความสามารถอย่างไร หวังว่าจะเอาคนเมาเหล้าไปช่วยท่านในการทำลายล้างปีศาจร้ายแห่งความอวดหยิ่งหรือ? ท่านไม่เห็นหรือว่าอ่อนแอของข้าในการกินเหล้ายาและนารีหรือ? 5555555









พระอินทร์ทรงทูลตอบว่า " ข้าแต่เทพเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าทราบถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ด้วยว่าพระองค์คือ พระตรีมูรติ (TRIMURTI) เป็นภาคอวตาร ของ 3 โลก แห่งศาสนา บรรดาเหล่านางงามทั้งหลายนี้บังเกิดจากพลังอำนาจแห่งดวงจิตของพระองค์ อันเป็นน้ำอมฤตแห่งมนตรา อาหารที่ทรงรับประทานนั้นก็คือความสัตย์แห่งดวงวิญญาณพระองค์ทรงเป็น พระชคัฑคุรุ (JAGADGURU) พระอาจารย์แห่งโลก พระองค์ทรงเป็นที่รวมร่างแห่งความฉลาดทั้งหมด พระองค์คือแสงสว่างนำทาง พระองค์ทรงเสด็จมาโปรดมนุษย์ชาติทั้งปวง ขอทรงได้โปรดช่วยเหลือข้าพเจ้าด้วยเถิด โดยทรงนำบังลังค์ของข้าพเจ้ากลับคืนมาจากพวกอสูรร้ายและทรงทำลายล้างปีศาจแห่งความอวดหยิ่งทรนงตนด้วยเถิด"

พระทัตตะเตรยะ ทรงรับสั่งว่า "ถ้าหากว่าเจ้ามั่นใจในตัวข้าเช่นนี้ อย่างแน่นอนข้าจะนำชัยชนะมาให้ ขอให้ไปเรียกปีศาจร้ายให้มา ณ ที่นี้มาเจอกับข้า ขอให้ข้าได้เห็นมันว่าจะสามารถทำอะไรได้" พระอินทร์ทรงน้อมรับบัญชาและแสดงความเคารพต่อพระคุรุ และทรงเสด็จไปเชิญพวกปีศาจให้ออกมาต่อสู้อย่างกล้าหาญในเทือกเขา สหยะทริ

เมื่อปีศาจได้มา โดยมีดวงตาแดงกล่ำอย่างโกรธแค้น พระทัตตะเตรยะทรงได้แสดงอภินิหารขึ้นมาอย่างหนึ่ง

พระทัตตะเตรยะทรงแปลงร่างใหญ่โตมากที่มีพักตร์น่าเกียดน่ากลัว พระองค์ทรงสร้างอำนาจ ศักติ(SHAKTI) เรียกว่า อันฆะเทวี (ANAGHA DEVI) ทรงแปลงร่างอันล่อลวงขึ้นมา











ในขณะนั้น ปีศาจร้ายพร้อมด้วยบริวาร ได้มาถึงเทือกเขา สยะทริ พวกปีศาจทั้งหลายต่างตกตะลึงหลงด้วยความงามแห่งอำนาจ ( อันฆะเทวี) และลืมเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับการต่อสู้ในสนามรบ พวกปีศาจร้ายทั้งหมดได้วิ่งติดตามนางและไม่ยอมมองหน้าคนที่มีหน้าตาน่าเกียดที่นิ่งอยู่ข้างนางงามนี้เลย พวกปีศาจไม่รู้ว่าเป็นมายาของพระทัตตะเตรยะที่ให้บังเกิดขึ้นเช่นนั้น พวกปีศาจได้ร้องเรียกพระแม่อันฆะเทวีในเสลี่ยงทองคำ ต่างคนต่างทะเลาะต่อสู้กันเพื่อให้ได้สิทธิพิเศษที่จะได้นางมา เช่นเดียวกัน พวกปีศาจทั้งหลายได้จากที่แห่งนั้นไป พระทัตตะเตรยะ ทรงหัวเราะด้วยเสียงอันดังและทรงตรัสต่อพวกเทพว่า " โอ่ พระอินทร์และประชากรแห่งสวรรค์ ขออย่าได้วิตกต่อไปเลย พวกท่านจะได้รับอาณาจักรของพวกท่านกลับคืนมาในเวลาไม่ช้านี้ "

เมื่อได้ทราบข่าวนี้ เทวะทั้งหลายต่างดีอกดีใจร่าเริงเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังแปลกใจว่า ทำอย่างไรพวกเขาจะได้รับชัยชนะและได้รับอำนาจอาณาจักรของพวกเขากลับคืนมา

พระทัตตะเตรยะทรงกล่าวและเทศน์สั่งสอนพวกเทวะเกี่ยวกับพระวินัยการกระทำแห่งพระแม่แห่งทรัพย์สมบัติ ( พระแม่ลักษมี)

พระทัตตะเตรยะทรงได้ตรัสว่า " โอ่ เทวะแห่งสวรรค์ ถ้าพระแม่ลักษมี ทรงประทับอยู่กับผู้ใดแล้วนับว่าผู้นั้นจะมีความผาสุขเหมือนได้อยู่ในพระราชวัง ถ้าพระนางทรงประทับอยู่กับเขา ดังนั้นความอุดมสมบูรณ์ด้วยธัญญาหาร และทองคำจะบังเกิดขึ้น พระนางทรงเป็นความงดงามบนปาก ดั่งนั้นทุกสิ่งทุกอย่างของการชิมรสอาหาร ความอัศจรรย์แห่งเสนห์แห่งปากและความเชี่ยวชาญในการแต่งกลอน บทความจะบังเกิดขึ้น ทั้งหมดนี้จะเป็นปรากฏที่ดีมีคุณประโยชน์ แต่ว่า......ถ้าหากพระนางได้ทรงประทับอยู่เหนือเกล้าของผู้ใดแล้ว การทำลายล้างจะบังเกิดขึ้น พวกท่านได้เห็นแล้วมิใช่หรือว่า พระนางทรงประทับนั่งบนศีรษะของพวกปีศาจในแคร่ของพวกเขาอย่างไร ?













โดยการทำลายล้างปีศาจ พระนางจะไม่เสด็จไปปรากฏองค์ต่อพวกปีศาจ บัดนี้เป็นเวลาที่ดีต่อพวกเทวะแล้ว เทวะทั้งหลาย ขอให้เตรียมตัวและอาวุธให้พร้อม ที่จะไปต่อสู้กับเหล่าปีศาจเพื่อช่วงชิงเอาอำนาจกลับคืนมาจากปีศาจได้แล้ว ขอให้พรแห่งความสำเร็จจงบังเกิดแก่เทวะและจงมีชัยชนะต่อพวกปีศาจโดยง่ายเถิด

ตามที่พระทัตตะเตรยะ ทรงสั่งสอนด้วยคำดำรัสนี้ พวกปีศาจยังคงทะเลาะต่อสู้กันเอง เพื่อแย่งชิงนางงามนี้มาเป็นของตน

เมื่อเทวะทั้งหลายได้ยกทัพมาถึงในเวลาเดียวกัน ด้วยพรวิเศษของพระทัตตะเตรยะ พวกเทพเทวะจึงได้รับชัยชนะต่ออสูรได้อย่างง่ายดาย พระแม่แห่งทรัพย์สมบัติทรงแสดงความยิ่งใหญ่ของพระนางให้พวกเทพได้เห็น เรื่องนี้จึงเป็นเหตุให้สวรรค์ได้กลับคืนมาสู่พระอินทร์และเทวะทั้งหลายตามเดิม เหล่าเทวะทั้งหลายได้มีการเป่าสังข์ ตีกลอง ร้องเพลงและบรรดานางฟ้านางอัปสรก็ได้ร่ายรำอยู่เหนือก้อนเมฆ และโปรยดอกไม้บนร่างของพระทัตตะเตรยะ และต่างร้องคำว่า "ทัตตะเตรยะ ภัควาน กี แย " "ขอทรงพระเจริญ"

จบ
#125
ขอบคุณครับท่านตาแว่นบ้านดาบ ในคำอวยพร ถ้าชะตาฟ้าสั่งวันไหนคงมีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมบารมีท่านถึงเรือนแน่ๆเลย ครับ   
#126
Quote from: white rose. on March 03, 2009, 17:47:48
ใส่เสื้อสีอะไรอ่ะ...สีเหลืองหรือสีแดง...   

ผมว่าคงไม่ได้ใส่เสื้อละมั๊ง ถ้าอาการออกแบบนี้ อะครับ แบบว่าอากาศร้อน คงใกล้.......เต็มทน  
#127
คุณ Purple_Tulip  ติดต่อผมด่วนครับ คุณได้รับรางวัลจากเว็บเจ้าที่ครับ ดูรายละเอียดจากเว็บบอร์ดได้ครับ
#128
  เข้าใจนะคนที่เป็นครูบาอาจารย์เนี้ย เพราะคนใกล้ตัวก็เป็น แต่ถ้าได้รับเงินสนับสนุนมากๆเท่าเอกชนก็ดี แต่ในกรณีของหลวงก็ลำบากหน่อย แต่ก็ทำไปเถอะ เป็นแม่พิมพ์ของชาติครับ เหนื่อยหน่อยแต่ก็ภูมิใจ จิงปะน้องเชค
#129
ขอบคุณเพื่อนๆอีกครั้งครับ ที่ได้เข้ามาอวยพร ทำให้หลังจากวันคล้ายวันเกิดได้ผ่านพ้นไปแล้ว งานเข้ามาเยอะมาก มึนไปเลยครับ  
#130
Quote from: หริทาส on February 17, 2009, 20:45:28



สวัสดีครับทุกท่าน ผมมีข่าวจะนำมาแจ้งบอกครับ
ในวันที่ 23 ก.พ. 52 นี้ ตรงกับวันมหาศิวราตรี ครับ

ใน 1 ปีจะมีมหาศิวราตรีเพียงวันเดียว คือวัน แรม 14 ค่ำของเดือน ผาลคุน ตามปฏิทินฮินดู ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 23 ก.พ. ของประเทศไทย

ถือเป็นวันมหาพรตวันหนึ่ง




ทางไสยศาสตร์ ก็ถือว่าวันนี้เป็นวันพระดับครับ ถือว่าตรงกันวันแรม 14 ค่ำ ซึ่งวันรุ่งขึ้นตรงกับวัน ขึ้น 1 ค่ำ ซึ่งนานๆจะมีสักครั้ง ฉนั้น คนที่เล่นไสย์ส่วนมาก จะเอาวันนี้เป็นวันปลุกเสกของ หรือถอนของ ปลุกวิชา สารพัดในการทำพิธีที่เกี่ยวกับไสยศาสตร์ และยึดว่า พระศิวะก้เป็นเจ้าแห่งภูติผีปีศาจ จึงทำให้วันนี้สำคัญยิ่งกับ นักเล่นไสย์ครับ  
#131
ข้อมูลกำลังอัพไปเรื่อยๆครับ น้องกระบี้น้อย แต่ตอนนี้เบรกไว้ก่อนเนื่องจากติดงานครับ มะค่อยมีเวลาได้เข้ามาเลย  
#132
  เย้........... ครบรอบวันเกิดแย้ว 55555 แก่ขึ้นอีกปี วันนี้มีแต่คนยินดี มีแต่คนรักกัน ของเราก็สุขๆๆๆๆเพราะอยากให้คนรักกัน และรักพระผู้เป็นเจ้าด้วย แบบนี้ละดีแล้ว รักกันมากๆ อย่าทะเลาะกันน่า รักด้วยความจริงใจ รักกันทุกวัน อย่ารอแต่วันนี้นะทุกคน  สุขสันต์วันวาเลนไทน์ทุกคนครับ ใครมีคู่ก็พาคนรักไปเที่ยว ไปทานข้าว ดูหนังฟังเพลง หวานๆต่อกันมากๆ ส่วนคนยังไม่มีแฟนก็ยังมีครอบครัวที่รักเราตั้งแต่เกิด อย่าลืมเอาดอกไม้ให้คุณพ่อคุณแม่ กราบท่าน ท่านรักเรา เราก็ควรรักท่านมากๆครับ  
#133
Quote from: อักษรชนนี on February 12, 2009, 23:24:42
ขอให้พระเป็นเจ้าคุ้มครองนะครับพี่

ขอบคุณครับคุณน้องอักษร เช่นกันครับ วาเลนไทน์นี้ รับไปเลย ขอให้สาวๆมารุมให้ดอกไม้สัก 20 คน แถมหอมแก้มน้องอักษรคนละฟอดสองฟอดนะครับ ...^^!
#134
   ก็วัยรุ่นนิ จายมันร้อนอะ เลยมองไม่เห็นอยากฮู้ละก้า นึกว่าตั้งหลายวันแย้วอะดิ  
#135
ด้วยความยินดีและขอบคุณม๊ากๆครับ น้องลางสังหรณ์ ยังไงก็ยังไม่ถึงวันเกิด วันมะรืนถึงจะใช่ ส่วนสาวๆ 55555 มีเยอะแต่เขาไม่ยักกะชอบเราแบบหนุ่มสาวนะสิ จะเรียกเราเป็นน้าบ้างเป็นปู่บ้าง ก้ากกกก ไปเลย จ๋อยสนิท....อิอิ 
#136
เห็นตั้งไว้หลายวันแล้ว ใจคอจะไม่มีใครตอบคุณ ramadas  เลยหรือ ผมก็อยากรู้นะเนี้ย จะว่าไปตามธรรมเนียมฮินดูแท้ เราก็ไม่สันทัดซะด้วย ไอ้จะหาภรรยาเป้นคนอินเดีย ก็ต้องให้ฝ่ายหญิงมาขอ แล้วอย่างเราเนี้ย ถือว่าต่างพันธุ์เขาก็ไม่สนใจ เพราะเราไปเข้าทางละม้ายคล้ายทางเกาหลีญี่ปุ่นมากกว่า แหม่ถ้ามีเมียเป็นคนอินเดียนิดนึงนะ จะเจาะตำนานให้ชัดเจนไปเลย 55555(เนี้ย ถ้าผ่านพาหุรัด เจอแขกสวยๆจะเอาน้ำมันพรายป้ายเลย อิอิ)

แต่จะให้เดาคำตอบที่เจ้าของกระทู้เขาถามมานะ ก็ไม่รู้จะตอบไง ครั้นไปวัดแขกหรือเทพมณเฑียรตอนไหน ก้คุยกะเขาไม่ค่อยรู้เรื่อง จะล่อภาษาเทพปนแขก ก็กลัวเขายันตกกะได เลยต้องนั่งมองหน้ากันกับเพื่อนที่ไปกัน ...   ก็ดูๆไป ไม่รู้จะถามใคร ถ้าท่านหริทาสอยุ่ก็พอลุ้น เพราะเป็นถิ่นเขา ถ้าถิ่นเราก็ต้องเข้าป่า เอ่อ แบบนี้จะหาคำตอบได้ง่ายกว่า


จากคำถามสองข้อ เป็นผมนะ เรื่องสังข์ ถ้าเอาตามที่เห็นมา สังข์เขาจะแยกกัน ตัวเล็กจะเอาไว้รดน้ำ ตัวใหญ่เอาไว้เป่า ส่วนจะเป็นสังข์แบบทักษิณาวัตรหรือเปล่าอันนี้ต้องไปสืบค้นเอา แต่เห็นเขามีคลิบลายสีทองนะตัวที่เอาไว้รดน้ำ ตัวเล้กๆยาวๆรีๆ มีชื่อเรียกอยุ่เหมือนกัน แต่จำไม่ได้ว่าไปอ่านที่ไหน เรื่องสังข์นี้ละ

ส่วนข้อสอง อันนี้ตามความคิดผมนะ คงเป็นน้ำมนต์ที่ผ่านพิธีมาแล้ว พรมเพื่อให้เกิดความบริสุทธิ์ คงตามธรรมเนียมของฮินดูนั้นแหละ ถ้าเป็นผมไม่ได้เป็นพราหมณ์ ก็ล้างๆให้สะอาด แล้วถวายเลย จบข่าว...... 

งานนี้เดาตลอดศก  
#137
  อื้ม แบบนี้ต้องไปสืบค้น คนที่อัญเชิญมาครั้งแรกเลยว่า เชิญองค์เทพองค์ใดลงมาสถิตย์ ณ เทวรูปองค์นี้ แบบนี้ต้องถามคนในครับ ใครรู้จักคนในบ้างหาข้อมูลก้ดีเหมือนกัน จะได้ชัดเจนไปเลยว่าเป็นองค์ตรีมูรติหรือเปล่า เหมือนอย่างท้าวมหาพรหมที่อยู่แยกเอราวัณ ก็หาสงสัยแล้วว่าไม่ใช่พระพรหมธาดา แต่เป็นพรหมคนละองค์ ว่ากันว่าเชิญญาณของสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวลงสถิตย์ เขาว่าอย่างนั้นข้อมูลถูกต้องมั๊ยครับ  
#138
ข้อมูลดี ภาพสวยครับ ดีครับเอามาลงอีกครับ ชอบบบบบบชอบ 
#139
Quote from: สัตตเทวบุตร on February 12, 2009, 10:47:52
Quote from: ลองภูมิ on February 12, 2009, 10:21:22
ขอบคุณทุกๆคนเลยครับ ซาบซึ้งตรึงใจมาก........แต่เอ่อ คนสุดท้าย เนี้ย เอาดอกไม้มาให้ ....??????? มันทะแม่งๆ น่า อ้า จะเปลี่ยนรสนิยมอะเหรอ ก้ากกกก มะได้นะ คุณน้องขา แฟนคุณพี่เขาจะแพ้นกระดานเอา นะขาตะเอง  


เง้อ อ่านะ แหม๋ ดอกไม้นี่ให้ผุ้ชาย ก็ได้ครับ ผมซื้อดอกไม้สวยให้ปู่ประจำ นี่ผมก็คงคิดอะไรกับปู่(พ่อแก่) ด้วยอ่ะน้อ คิคิ อิอิ แหม๋ ของดีๆๆ ก็อยากจะให้พี่ๆ อะเนาะ

ไม่อยากให้ขนมเค๊ก เพราะว่า เด๋วพี่ตี๋ไม่พาผมไปเที่ยวด้วยอ่ะ เพราะกินมาก เด๋วจะน้ำหนักบรรทุกเกิน นะคร๊าบ...


5555555 แหม่ รับมุกซะ ก้ากกกกก เล่นเอาปู่(พ่อแก่)มาผสมโรง จ้ากกกกก ไม่เอาดีกว่า อะรับก็รับ ดอกไม้อะไรก็ได้ เอิ้กๆๆๆๆๆ เออ....พอพูดถึงเรื่องปู่ อะเมื่ออาทิตย์ก่อน พี่ได้คุยกะฤษีตนหนึ่ง แถวฝั่งโขง เห็นว่าพึ่งออกจากป่ามานะ พอดีได้คุยทางโทรศัพท์ผ่านทางพระอาจารย์มา เอ่อ....น่าสนใจ ท่านบอกอยากเรียนก็มา แต่จะไหวหรือเปล่า อันนี้ต้องมาดูเอง เห็นว่าวิชาของฤษีตนนี้ก็เก่งไม่เบานะ อยากไปพิสูจน์จัง ติดแต่ว่าช่วงนี้ งานยังไม่ลงตัว อยากไปอะ ชวนธรรมแจ็ค ยิ่งอยากไปใหญ่ สนใจไปปะ เผื่อมีวิชา นารายณ์แปลงรูป จะได้แปลงเป็นเทพบุตรสุดหล่อให้สมใจเลย เอาน่าตาคล้าย มาริโอ้(ดารานะไม่ใช่เกมส์)ก็พอใจแล้ว   เอิ้กกกกกก
#140
ขอบคุณทุกๆคนเลยครับ ซาบซึ้งตรึงใจมาก........แต่เอ่อ คนสุดท้าย เนี้ย เอาดอกไม้มาให้ ....??????? มันทะแม่งๆ น่า อ้า จะเปลี่ยนรสนิยมอะเหรอ ก้ากกกก มะได้นะ คุณน้องขา แฟนคุณพี่เขาจะแพ้นกระดานเอา นะขาตะเอง  
#141
โห้ มาก่อนเพื่อนเลย ขอบคุณครับ ด้วยนามของกามเทพ ขอให้คุณ Purple_Tulip พบแต่คู่แท้ๆ คู่สร้างคู่สมนะครับ
#142
ดีคับ คุณกุหลาบขาว ก็แหม่ตามธรรมเนียมของผู้ที่แข็งแรงกว่าย่อมต้องปกป้องผู้ที่อ่อนแอกว่า ก็เลยฝากเฉพาะสาว อิอิ แต่ว่า.......เอ่อ ในเว็บนี้สิ ส่วนมากจะ เอ่อ.........  ส่วนมากจะแตกสาวและสาวแตกนะสิ   แต่ก็ชอบครับ จะแบบไหนก็น่ารักดีเป้นเพื่อนกันได้ไม่มีปัญหา จริงมะพี่น้องครับ ขอเสียงหน่อย   
#143
เพื่อการแก้ไขความโง่เขลานี้ พระองค์ทรงเสด็จไปยังเทือกเขา สหยะทริและ ณ ที่นี้ทรงทำสมาธิถึงพระแม่เรนุกาเทวี ( RENUKAADEVI) เมื่อพระแม่ทรงปรากฏพระองค์ขึ้น พระพรหมจึงทูลถามพระแม่ว่า พระองค์ทรงตกอยู่ภายใต้มายาแห่งการสร้าง

พระแม่ทรงตรัสบอกพระพรหมว่า พระวิษณุเทพ เทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่พระผู้ทรงรักษาเอาพระเวททั้งหลายในกาลโบราณนั้น บันนี้ทรงอวตารมาในรูปแห่งพระทัตตะเตรยะ ด้วยมีพระศิวะ และพรพรหมทรงรวมโดยรอบพระทัตตเตรยะ ปัญหาของท่านจะหมดสิ้นไปได้

ด้วยคำแนะนำทั้งหลายของพระแม่นี้ พระพรหมจึงทำสมาธิถึงพระตันตะเตรยะ ต่อมาพระทันตะทรงปรากฏต่อพระพักตร์พระพรหมด้วยอำนาจศักดิ์อันฆะเทวี (ANAGHADEVI)

พระทันตะเตรยะทรงหัวเราะพระพรหมด้วยเสียงอันลึกลับ "โอม" ซึ่งเป็นพื้นฐานแห่งมนตร์ทั้งหลาย และบังเกิดเป็นพระเวททั้งหลายกลายคืนออกมาจากคำว่า "โอม" ด้วยพรอันยิ่งใหญ๋ของพระทัตตะเตรยะ พระพรหมทรงเป็นอิสระภาพจากความหลงผิดโง่เขลา และต่อมาเหล่าพระเวททั้งหลายก็ได้กลับเข้ามาเป็นของพระพรหมตามเดิม พระพรหมทรงแสดงคาราวะต่อพระทัตตะครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่จะเสด็จคืนสู่ยังพรหมโลกของพระองค์


จบภาค1

ต่อไป เป็นภาคปราบอสูร ยัมภะ
#144

โดยพระองค์ทรงไปสู่ยังเทือกเขา สหะยทริ ทรงเข้าอยู่ในถ้ำอันยิ่งใหญ่แห่งหนึ่ง และทรงเริ่มต้นประกอบสมาธิ โดยทำสมาธิถึงพระองค์เอง เป็นเวลายาวนาน ทรงได้เสด็จไปทั่ว 14 โลกทั้งหมด อันพรของพระคุรุนั้นละเอียดเร้นลับมาก เปลี่ยนจากหัวใจและดวงวิญญาณของปวงชนซึ่งทำลายล้างความโง่เขลาเบาปัญญาของพวกเขาให้หมดสิ้นไป

พระองค์ทรงเปลี่ยนรูปร่างบ่อยๆครั้ง ตามฤดูต่างๆ ครั้งหนึ่งพระองค์ทรงประทับนั่ง ทำสมาธิสำรวมอย่างสงบนิ่ง ในรูปร่างแห่งนักพรต ในเวลานั้น พระองค์ทรงอยู่ในรูปร่างที่ใหญ่กว่าธรรมดา ดูน่าสพึงกลัว แต่ถ้าอยู่ในเวลาอื่นๆ พระองค์จะแปลงรูปเป็นพระกุมารน้อยนั่งเล่นอยู่ ไม่เป็นปัญหาใดเลย ที่พระองค์ทรงแสดงเช่นนี้ ภายในพระองค์ยังคงเป็นเทพเจ้า ผู้ประทานแสงสว่างแห่งความสัตย์ อย่างไรก็ตามก็ทรงสามารถทำลายก้อนเมฆให้หายไปจากท้องฟ้า เพื่อให้แสงสว่างของพระอาทิตย์ได้ส่งลงมา ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงชั่วขณะก็ตาม

มันอาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาอื่น ภายหลังพระพรหมพระผู้สร้างทรงได้สร้างจักวาลขึ้นมา และสร้างสิ่งมีชีวิตทั้งหมด พระโอรสที่เกิดจากดวงจิตของพระองค์ทั้งหลาย อธิ เช่น ฤษีสนัก (SANAKA) ฤษีสนันทัน (SANANDANA) และองค์อื่นๆต่างก็ได้เข้าสู่ในห้วงสมาธิกรรมฐานอย่างลึกซึ้ง พระพรหมทรงปรารถที่ทรงให้โลกได้ดำเนินอยู่ต่อไป ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงทรงสร้างด้วยความโง่เขลา ด้วยความหลง ความติดพันธุ์อย่างลึกซึ้ง ความมืดมิด ความหลงลืมตน ความดีและความซื่อแห่งโลก ตามแนวทางปฏิบัตินี้ พระพรหม พระองค์เองทรงปรกคลุมล้อมด้วยความโง่เขลา พระองค์ทรงลืมมนตร์ คายะตรี (GAYATRI MAANTRA) และพระเวททั้งหลาย

#145
เมื่อได้รับข่าวนี้ เหมือนหนึ่งโดนฟ้าผ่าลงกลางใจของพระนางผู้เป็นมารดา ที่จะต้องจำพรากจากโอรสอันเป็นเวลายาวนาน แม้ว่าจะเป็นเพียงบุตรธรรมคนหนึ่ง ที่จะต้องพรากจากกันนั้น มันยากลำบากต่อผู้เป็นมารดา มันยากยิ่งที่จะต้องจากกันต่อนางอันสุยะ ถึงแม้ว่านางจะตระหนักใจ ฐานะเป็นมารดา ที่จะต้องจากบุตรผู้เป้นเทพเจ้า นางจึงมีคำพูดขึ้นว่า


"ลูกทัตตะ แม่รู้ดีว่าเจ้าเป็นเทพแห่งโยคะ แม่รู้ว่าผู้หญิงใหญ่ทั้งหลายนั้นเป็นสาวกของลูก แต่อย่าลืมว่า สำหรับแม่นั้น ลูกเป็นลูกชายที่รักยิ่งของแม่ ลูกเป็นที่คาดหมายเพื่อคอยดูแลรับใช้แม่ในยามชราภาพ ถ้าลูกตั้งใจที่จะเดินทางไปจากแม่แล้ว ดังนั้นของจงคืนร่างนี้ซึ่งแม่ได้มอบให้แก่ลุกเอาไว้" เมื่อกล่าวดังนี้แล้ว นางก็สะอื้นร่ำไห้ออกมา


ในทันทีทันใด พระทัตตะเตรยะ ก็ทรงปรากฏร่างของพระองค์ในรูปเดิมและยืนปรากฏองค์อยู่ตรงพักตร์ของนางและตรัสว่า " นี้คือร่างกายที่นางมอบให้แก่ข้าพเจ้า "

เหมือนดั่งเช่นชายธรรมดาที่ได้ถอดเสื้อผ้าออกเรียบร้อย พระทัตตะเตรยะ ได้ถอดร่างของพระองค์ออก นางอันสุยะได้เห็นดังนี้ด้วยพระเนตรของนาง พระทัตตะทรงแสดงปาฏิหารย์อีกครั้ง

ด้วยการกล่าวคำอย่างสบายๆต่อพระมารดาว่า

"พระมารดา พระแม่ พระองค์ไม่ได้เป็นร่างกายของตนเอง หรือมีดวงจิต หรือมีอาตมันเป็นของตนเอง พระองค์ทรงเป็นพระองค์เองเท่านั้น "

อีกชั่วอึดใจหนึ่ง พระทัตตะเตรยะ ทรงได้ตรัสคำเหล่านี้ออกมา นางพราหมณีผู้มีความเชี่ยงชาญในโรคอย่างแท้จริงได้ ทั้งกาย วาจา และใจ บัดนี้ด้วยความร่าเริงยิ่งใหญ่ นางจึงทูลว่า ..

"ข้าแต่พระสัทคุรุทัตตะ พระองค์นั้นทรงเป็นพระอาจารย์แห่งจักรวาล ทรงอวตารเพื่อทรงช่วยเหลือให้มนุษย์ชาติพบแสงสว่าง พระองค์ทรงเป็นทั้งพระบิดาและมารดาแห่งจักรวาล พระองค์ไม่มีวันเกิดหรือวันดับสูญ พระองค์ทรงเป็นพระผู้มีสำนึกอันบริสุทธิ์ พระองค์ทรงเปิดเผยองค์ในวันนี้ ต่อข้าพเจ้าก็ด้วยพระเมตตากรุณาของพระองค์ ขอให้พระองค์เป็นอิสระจากการเป็นบุตรของข้าพเจ้า และของทรงเสด็จไปสู่ยังเทือกเขา สหะยหริ และทำตามพระประสงค์ของพระองค์เถิด ของทรงโปรดได้ปรากฏองค์ต่อข้าพเจ้าตลอดไป จนกระทั้งข้าพเจ้าจะไม่อาจอยู่ในพระมายาเหล่านั้น "

" ตะตัสตุ(TATASTU) ขอให้เป็นไปตามที่ท่านต้องการ " พระตันตะเตรยะทรงตรัสให้พร และได้หายองค์ไปจากที่นั้นทันที
#146
ด้วยการกล่าวคำสรรเสริญต่างๆจากเหล่าสาวกทั้งหลายดังนี้ พระทัตตะเตรยะทรงปรากฏคืนร่างที่แท้จริงในรูปของพระวิษณุเทพ ส่วนหญิงที่เสด็จมาด้วยก็คืนร่างไม่ใช่ใครอื่น นอกจากเสียพระแม่มหาลักษมีเทพธิดาแห่งทรัพย์สมบัตินั่นเอง และเหล้าที่ทรงถือขึ้นมานั้นก็กลายเป็นน้ำอมฤตแห่งอมตะยิ่งใหญ่


เมื่อทั้งหมดได้เปลี่ยนเป็นสิ่งดีขึ้นเช่นนั้น พระทัตตะเตรยะ ทรงได้ประกอบกิจกรรมต่างๆที่เป็นบททดสอบผู้เคารพบูชาพระองค์ว่ามีความมั่นคงเพียงใด ไม่เป็นไรอย่างไรก็ตามที่พระองค์ทรงได้ทดสอบสานุศิษย์ พวกเขาทั้งหลายผู้มีความจริงใจได้ตระหนักในพระองค์ ไม่เคยเกิดความคลุมเครือสับสนแต่อย่างใดและเขาทั้งหลาย ก็ได้รับพรแห่งความสุขอันสูงสุดจากพระองค์


ภายหลังที่ทรงให้พรต่างๆแก่เหล่าบริวาลของพระองค์แล้วพระทัตตะทรงหายพระองค์จากที่แห่งนั้นไปและปรากฏพระองค์ต่อพระพักตร์แห่งพระแม่อันสุยะ เป็นเวลาอันยาวนาน พระมารดาอันสุยะที่ไม่ได้พบเห็นพระโอรส นางทรงพิศดูราวกับจะกลืนด้วยการบูชาต่อพระองค์ หลังจาก 2-3 ชั่วโมงต่อมา พระทัตตะทรงตรัสว่า " โอ้..พระมารดาแห่งสวรรค์ การอวตารของข้าพเจ้าก็เพื่อผู้กราบไหว้บูชาข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่สามารถพำนักอยู่กับท่านเป็นเวลานานได้ และจำเป็นต้องขอลา ไปยังเทือกเขาสหะยทริ(SAHAYADRI) ขอจงโปรดให้พรแก่ข้าพเจ้าด้วย "
#147
"การมีจิตใจอันต่ำช้า ซึ่งพวกมนุษย์เป็นอยู่กันในโลกนี้ พวกเราพยายามที่จะต้องไปเกี่ยวพันด้วย พระองค์ด้วยปรัชญาและความรู้ทางศาสนาที่จะเกิดผลต่อเราในโลกนี้ มันเหมือนดั่งคนโง่ที่พยายามมัดสิงห์โตด้วยด้านป่านเส้นเล็กๆ ด้วยพระเมตตาแห่งพระองค์ พวกเราได้รับทราบว่าพระองค์คือผู้ใดและดังนั้น ข้าแต่เทวะ ขอทรงอย่าพยายามที่จะหลอกลวงพระเราด้วยธรรมะแห่งน้ำเหล้าและผู้หญิงเลย พวกเราทราบดีว่าน้ำอมฤตแห่งความเลวร้ายที่แสดงออกมาเป็นน้ำเหล้า และพระแม่มหาลักษมีที่ทรงแปลงเป็นหญิงสาวนี้ ข้าแต่พระมหาสมุทรแห่งความเมตตา ขอทรงปกป้องคุ้มครองพวกเราด้วย ทรงประทานความรู้อันบริสุทธิ์และการเคารพบูชาอย่างมั่นคงที่มีต่อพระบาทดอกบัวของพระองค์"
#148
" ข้าแต่พระทัตตะเตรยะ พระอาจารย์แห่งจักรวาล ด้วยพระเมตตาแห่งพระองค์ พวกเราได้รับทราบว่าพระองค์ทรงเป็นเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ และก็รับทราบว่าผู้หญิงผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเสียพระแม่ลักษมี ด้วยว่าพระองค์นั้นก็คือพระวิษณุเทพนั่นเอง"

"ดั่งเช่นอากาศเดียวกันซึ่งสัมผัสเปลวแห่งพระเพลิง ณ แท่นบูชาไฟเช่นเดียวกัน สัมผัสพระเพลิงในการเผาศพ ซึ่งทำลายร่างกายให้เป็นเถ้าถ่านและดั่งเช่นอากาศซึ่งสัมผัสนักพรตผู้หนึ่ง สัมผัสความบาปของคนเคราะห์ร้าย เช่นเดียวกับการยังคงสัมผัสด้วยเสมอโดยคุณลักษณะของพวกเขา ในทำนองเดียวกัน ข้าแต่ท่านคุรุเทพ พระองค์ยังคงไม่เป็นผลโดยบาปและกรรม สำหรับพระองค์ทรงเป็นความสำนึกที่บริสุทธิ์ สำคัญไม่ใช่อื่นใดนอกจากพระลีลา(การกระทำ) พระองค์ทรงปฏิบัติอยู่เป็นประจำเสมอมา"
#149

พระองค์ทรงประทับอยู่ในดวงจิตอย่างมั่นคง ทรงปรากฏพระองค์ในความนึกฝันแห่งสภาวะของพระองค์ทั้งหลาย ทรงให้การช่วยเหลือต่อเทวะทั้งหลาย ช่วยส่งเสริมดวงจิตวิญญาณทั้งหลายและทรงทำลายล้างความอยุติธรรมให้หมดสิ้นไป พระฤษีสัทคุรุ ทัตตะเตรยะทรงโปรดเมตตาต่อจักรวาลทั้งหมด

บรรดาสาวกสานุศิษย์ของพระองค์ต่างพากันพึ่งพาบารมีของพระองค์ ด้วยว่าพระองค์ทรงปราถนาที่จะทรงทดสอบความจริงใจซื่อสัตย์และความเข้าใจซึ้งที่ดีต่อพระองค์ของพวกเขา ดังนั้น ครั้งหนึ่งในตอนรุ่งเช้า ทุกผู้ทุกคนต่างตกตะลึงด้วยว่าพระองค์ทรงดำลงสู่ทะเลสาปแห่งหนึ่ง และทรงอยู่ใต้น้ำเป็นเวลายาวนาน โดยทรงเข้ามาสมาธิอย่างลึกน้ำในน้ำ คนทั้งหลายต่างตกใจอย่างมาก พระองค์ทรงพยายามหลีกเลี่ยงต่อฝูงชน แต่ว่ายังมีคนมากมายมายืนดูรอบทะเลสาปเอาไว้โดยการสวดมนตร์บูชาต่อพระองค์อย่างรวดเร็วและพร้อมเพรียงกันสวดมนตร์ ฝูงชนต่างยืนดูรอบทะเลสาปนั้นอยู่ โดยรอคอยที่จะให้ฤษีทัตตะเตรยะทรงโผล่ขึ้นมาจากน้ำ ในที่สุด พระวิษณุทัตตะเตรยะ ทรงโผล่ขึ้นมาพร้อมด้วยพระชายา ของพระองค์เอง นั้นก็คือพระแม่มหาลักษมี (พระชายาของพระวิษณุมหาเทพ) พระแม่ทรงเสด็จมาในรูปร่างแห่งหญิงสาวธรรมดาทั่วไป พระองค์ทรงจูงพระหัตต์พระแม่ในมือข้างหนึ่ง อีกพระหัตต์ข้างหนึ่งทรงถือหม้อน้ำที่เต็มไปด้วยเหล้าผลไม้ พระองค์ทรงโผล่ขึ้นมาจากก้นทะเลสาป ตามปกติทั่วไป ครั้งนี้จะเป็นการกระทำที่มากกว่าการจะลองใจเหล่าบริวาลของพระองค์ แต่ทว่าเรื่องในครั้งนี้ พระบริวาลของพระองค์ได้ทราบเรื่องเป็นอย่างดีว่าพระองค์คือผู้ใด ดั่งนั้นยิ่งเป็นการเพิ่มพูนความเคารพบูชาต่อพระองค์ให้มากยิ่งขึ้นเป็นพันๆเท่า เรื่องต่างๆยังมีอีกมากที่พระองค์ทรงได้ทดสอบพวกสานุศิษย์เป็นการอ้างอิงถึงพระธรรมดั่ง เช่น "ทัตตะ-ลีลา" (DATTA-LEELA) หรือการแสดงแห่งสวรรค์แห่งท่านฤษีทัตตะเตรยะ และคนทั้งหลายต่างได้กล่าวคำสรรเสริญพระองค์ดังนี้

#150
ฤษีอัตริ (Atri)และนางพราหมณี อันสุยะ (Anasuya) มีความยินดีต่อการได้บุตร 3 องค์ อันมีพระพรหม พระผู้สร้าง ได้กลายมาเป็นพระโสม (Soma) เทพเจ้าเจ้าประทานเทพเหนือพระจันทร์ ,พระศิวะ ต่อมาทรงเป็นฤษีทรุวาส (Durvaasa) ทรงเป็นหนึ่งในเทพเจ้าเหนือนักพรตที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย , พระวิษณุเทพ ต่อมาได้ทรงเป็น พระทัตตะเตรยะ , พระผู้ถือกำเนิดเป็นพระโอรสแห่งฤษีอัตริ

พระโสมทรงได้รับพรอันยิ่งใหญ่จากพระบิดามารดา และทรงมีอำนาจเหนือพระจันทร์ ทรงประทับอยู่ ณ ที่นั้น โดยทรงเป็นประธานเทพเหนือพระจันทร์

ฤษีทรุวาส(ฤษีผู้สาปแช่งเทวดา) ทรงได้รับพรและคำสั่งจากพระบิดามารดา โดยทรงเสด็จไปสู่ยังเขาหิมาลัย เพื่อการดำเนินกิจกรรมกรรมฐานติดต่อกันเป็นเวลายาวนาน ทรงท่องเที่ยวดูแลทุกข์สุขให้พรต่อมนุษย์ชาติ และต่อเทวะทั้งหลายทั่วจักรวาล

ฤษีทัตตะเตยะ หรือพระวิษณุทัตตะ ทรงยังประทับอยู่กับพระบิดาพระมารดาของพระองค์เป็นเวลาช่วงหนึ่ง ทรงอวตาลมาในรูปแห่ง 3 พระองค์ ด้วยทรงมี 3 พระเศียรแห่งพระพรหม พระวิษณุเทพ พระศิวะเทพ โดยทรงมีร่างกายเดียวกันและ 6 พระกร ที่ทรงถืออาวุธของแห่งเทวะทั้งสามพระองค์ พระทัตตะเตรยะ ทรงได้ปรากฏพระองค์เองขึ้นเพื่อ สั่งสอนและให้พรต่อเทวะทั้งหลายและต่อเหล่ามนุษย์ชาติด้วย
#151
ขอเกริ่นก่อนนะครับ ว่าบทที่คัดลอกมานี้เป็นการคัดลอกจากตำราของทางพราหมณ์ชาวอินเดีย ฉนั้น สำนวนอาจจะแปลกๆไปบ้าง ผมจะพยายามไม่แก้ไขหรือดัดแปลงถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เพื่อจะได้อ่านตามเนื้อหาตามต้นฉบับ ของอินเดียครับ

บทที่หนึ่งจะเป็นเรื่องราวต่อจากการถือกำเนิดที่พระทัตตะเตรยะทรงได้ถือกำเนิดแล้วนะครับ อาจจะลัดคั้นตอนไปบ้าง ซึ่งจะนำตอนกำเนิดมาลงให้อ่านในภายหลัง ซึ่งบทนี้จะมีตอนปราบอสูร และการอวตารของพระทัตตเตรยะที่มีมากถึง 16 ตอนครับ จะค่อยๆเอามาให้ได้อ่านกันครับ 

ส่วนท่านใดจะคัดลอกไปลงลิงค์ของตนเองก็ขอเครดิตด้วยนะครับ
#152
ก็น่าเสียดายนะที่ไม่ได้ถ่ายรูปมา อินเดียมีตั้งหลายนิกาย เดายากเพราะไม่เคยไปซักกะที การห่มคล้ายท่านมหาตมะนะ เพียงแต่มีสายยัญโยปวีตครับ คาดไว้ อื้ม ผมมวยแบบพราหมณ์ แต่ไม่นุ่งผ้าแบบพราหมณ์ ผ้าไม่มีลายใดๆเลย ใส่รองเท้าแตะ สะพายย่ามขาว สรุป ไม่เคยเห็นแบบนี้ครับ นิกายไรเนี้ย
#153
มีโปรโมชั่นด้วย แนะนำ แจกไปเลย 99 องค์ องค์เดียวมะมันเด่อ เดี๋ยวฝนตกไม่ทั่วฟ้า  
#154
เอาเรื่องจริงๆจากตำนานเลยนะ ไม่อิงพุทธ ไม่อิงไทย เรื่องมีอยู่ว่า คุรุท่านหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ท่านคุรุท่านนี้ก็คงได้ไปอยู่ในรวมกับพระผู้เป้นเจ้าแล้ว(ปรมาตมัน) ท่านมีนามว่า บรมหงษ์ โยคะ นันทะ หลายๆท่านคงรู้จัก ในหนังสือประวัติการเดินทางจาริกของท่านนั้นล้วนแล้วแต่ทำให้จิตของผู้แสวงหาได้สว่างขึ้น ใครได้อ่านจะเข้าใจในตนเองมากขึ้น มีอยู่ตอนหนึ่งที่ท่านกล่าวว่า ท่านได้เดินทางไป ณ เทวาลัยแห่งหนึ่ง เพื่อไปกราบนมัสการ พระแม่กาลี แต่ครั้งท่านไปถึงในวิหาร ท่านกลับไม่พบเทวรูปใดๆเลย เจอแต่ก้อนหินสีดำๆ แต่ท่านก็ไม่ได้สนใจอะไร คงเดินค้นหาต่อไปเรื่อยแถมไม่เจอผู้ใด จนเหนื่อยท้อ ท่านเลยออกมานั่งนอกวิหาร ในใจก็ท้อต่อว่าพระองค์ว่าทรงกลั่นแกล้ง หิวก็หิว เหนื่อยก็เหนื่อย ใจมันท้อ เพียงเท่านั้น พระแม่กาลีก็ทรงปรากฏกายขึ้น ท่านได้กล่าวกับ คุรุโยคะนันทะว่า ทำไมไม่ใช้ใจมองหาพระองค์ละ ก้อนหินสีดำที่อยูในวิหาร นั้นแหละที่เราสถิตย์ และเราก็สถิตย์อยู่ในทุกหนแห่ง ที่บริวาลเราบูชา และสรรพสัตว์ทั้งหลายนี้ก็คือเรา ครั้นพระแม่ทรงตรัสจบ คุรุโยคะนันทะ ก็มีดวงตาเห็นสรรพสิ่งทันที และลงก้มกราบแทบธรณี พอเงยหน้าขึ้นมา พระแม่ก็ท่านหายไปจาก ณ แห่งนั้นแล้ว แต่มีนักบวชของวิหารนั้น ได้เดินออกมาจากวิหาร และเข้ามาเชื้อเชิญ ท่านคุรุ เข้าไปรับประทานอาหาร และได้กล่าวว่า เชิญท่าน ......พระแม่ทรงทราบดี และพระองค์ ทรงให้ข้าพเจ้าได้จัดเตรียมอาหารไว้รองรับท่านแล้ว เชิญท่านเข้าข้างใน......


คำตอบนี้คงเป็นคำตอบได้ดีนะครับ
#155
[HIGHLIGHT=#f4f4f4]พอดีเมื่ออาทิตย์ก่อนได้ไปกรมกงศุลแถวแจ้งวัฒนะ ได้ไปพบนักบวชท่านหนึ่ง คงจะมาทำพาสปอร์ตหรือยังไงไม่ทราบได้ เพราะไม่ได้ไปคุยกะเขา แต่เห็นใส่ผ้านุ่งห่ม จีวรสีขาวหมด ห่มเหมือนท่านมหาตมะคานที มัดมวยผมขึ้นเป็นกระจุก มีสายยัญโยปวีต ได้ยินจากคนที่เขานั่งแถวนั้นเขาบอกว่า เป็นฤษีอินเดีย อื้ม ..... เหรอ ไม่รู้สิ ไม่แน่ใจเลยมาถามเพื่อนๆครับ[/HIGHLIGHT]
#156
ท่านหริทาส โอ้ย คิดถึง พ่อพราหมณ์หมีสุดหล่อ คนอะไรไม่รู้เท่มาก  
#157
ครับผม คุณทิวลิป ก็แซวเล่นเห็นกันบ่อยๆในเว็บ(อย่าโกรธกันนะ ถ้าไม่คุ้นคงไม่กล้าแซว) แต่ก็พึ่งรู้นะเนี้ยว่าชื่อเปิ้ล โห้..ยินดีมากมาย ผมก็ชอบไปสมัครตามเว็บอื่นที่ชอบเหมือนกัน แต่บางครั้งเปลี่ยนชื่อไปเรื่อย จะมีใช้ชื่อคงเดิมก็ไม่กี่เว็บ เฉพาะเว็บเพื่อนๆกันเท่านั้น กันการถูกชำแหละ อิอิ เพราะบางที่ก็ไปกวนเขาเหมือนกัน เหมือนอย่างน้องผมเนี้ย ทั้งสองเว็บมาสเตอร์ ก็เปลี่ยนชื่ออีกแล้ะ ถ้าไม่บอกกัน ก็จำบ่ได้ เปลี่ยนที ต้องรีบบอกว่า พี่ผมเอง หรือบางทีไปเจอกันที่อื่นมีอำซะ ก้ากกกไปเลย ครับ  
#158
55555เห็นหิ้งอะรู้เลยว่าผู้ใด๋ 55555 
#159
อย่าเป็นลางสังหารก็พอครับ ยินดีด้วยครับ  อิอิ