Loader
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - ลองภูมิ

#81
เป็นกระทู้แรกที่ถูกใจในรอบหลายๆปี โหวตให้เป็นกระทู้ดีเด่นสำหรับปีเลยครับ  
#82
เรื่องการเบิกเนตรหรือการอัญเชิญเทวรูป หรือบางคนเรียกว่าสถาปนา ก็ดี ถ้าไม่เป็นการเดือดร้อนและสบายใจ ก็ควรนำไปเจิมที่วัด จะเป็นผลดีกับผู้บูชาเองครับ จงอย่านำเทวรูปที่คนทิ้งไว้ข้างถนนหรือรูปปั้นที่ลอยมาโดยไม่รู้ต้นตอ ก็จะเป็นอันตรายได้ แต่ขอยกเว้นพระพุทธรูปหลวงพ่อโสธร และเหล่าพี่น้องอีก 4 องค์ที่ลอยตามน้ำมานะ นั้นเป็นกรณีน่าศึกษา

ที่เขียนมานี้ผมมีเรื่องจะเล่าให้ฟังที่น่าสนใจ ลองฟังดูนะครับ มีหญิงท่านหนึ่ง บังเอิญไปพบรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมทำด้วยกระเบื้องเซรามิก ลอยตามน้ำมา ในใจก็ไม่ได้คิดอะไร เลยนำมาล้างทำความสะอาดแล้วก็นำมาบูชา แต่เป็นที่น่าสังเกตุว่า ใต้ฐานมีรอยปูนอุดพื้นล่างไว้ (ถ้าใครเคยสังเกตุดูจะพบว่าส่วนมากเขาจะเป็นรูไว้ใต้ฐาน) หลังจากที่นำมาบูชาที่บ้าน ก็พบกับเรื่องราวเดือดร้อนต่างๆนาๆ ยังความสงสัยกับหญิงผู้นี้นัก ว่าเอ่..ทำไมช่วงนี้บ้านที่เคยสงบ กลับมีแต่เรื่องวุ่นวายไม่เว้นแต่ละวัน ครั้นพอมีคนทักว่า นำสิ่งที่ไม่ดีเข้าบ้านหรือเปล่า ก็พลันคิดได้ว่า ตนได้เก็บเทวรูปเจ้าแม่กวนอิมมาบูชาที่บ้าน แต่ไม่นึกว่าจะไม่ดี เป็นเห็นเป็นเทวรูปเทพ หญิงผู้นั้นเลยตัดสินใจ นำเทวรูปนี้ไปที่วัด ก็เดินทางไป แต่พอไปถึงวัดก็มีเหตุที่ทำให้รู้ว่าสิ่งที่ตนนำมานั้นมีสิ่งใดแอบปลอมปนมา รู้ได้อย่างไร เรื่องเป็นอย่างนี้ครับจะเล่าต่อ พอหญิงท่านนี้ไปที่วัด ก็จะเข้าไปหาหลวงพ่อที่กุฏิ แต่ท่านไม่อยู่ที่กุฏิ สอบถามเณรที่อยู่แถวนั้น พี่เณรบอกว่า หลวงพ่ออยู่ในโบสถ์ หญิงผู้นี้เลยนำเทวรูปนี้ตามไปที่โบสถ์ พอครั้งไปถึงโบสถ์ ก็จะเดินข้ามประตูโบสถ์ ในจังหวะนั้นเอง หญิงผู้นี้ได้สะดุดกับขอบประตูโบสถ์ จึงทำให้เทวรูปที่นำมาด้วยนั้น หลุดจากมือและหล่นลงพื้น....เพล้ง....เทวรูปแตกกระจาย เธอตกใจเป็นอย่างมาก หญิงผู้นี้รีบก้มเก็บชิ้นส่วนทันที เพื่อทำความสะอาด กลัวว่าหลวงพ่อที่จะดุเอา..... แต่แล้วเธอก็ต้องสะดุ้งสุดขีดเพราะเธอพบว่า มีเศษเส้นผมและเศษเหมือนอะไรแห้งๆอยู่เป็นกระจุกรวมกัน และมีกลิ่นสาบๆ เธอรีบเก็บกวาดทันที และได้เข้าไปกราบหลวงพ่อ แล้วได้เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้หลวงพ่อฟัง หลังจากนั้น หลวงพ่อเข้าสมาธิเพื่อพิจารณา...........แล้วท่านก็ได้คำตอบว่า อ๋อ ...สิ่งที่เป็นเหมือนเศษผมและสิ่งต่างนี้ เป็นของผู้หญิงคนหนึ่งที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่ด้วยญาติของผู้ตายอยากจะให้ผู้ตายได้ไปอยู่กับเจ้าแม่กวนอิม เพราะเห็นว่าผู้ตายนี้เป็นคนชอบกราบไหว้เจ้าแม่กวนอิมอยู่เสมอ เลยนำชิ้นส่วนมาบรรจุไว้ แล้วก็อุดฐานองค์เทวรูปไว้ ซึ่งก็ไม่ทราบว่า ใครนำเทวรูปองค์นี้มาทิ้งให้ลอยตามน้ำมา ก็ถือว่า เป็นคราวเคราะห์ของโยมไป แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวหลวงพ่อจะนำไปเผาเอง และทำบุญส่งวิญญาณให้ไปสู่สุขคติ เรื่องก็จบลงแล้วครับ ....ลองพิจารณาดูนะครับ
#83
Quote from: โหราน้อย on December 26, 2009, 12:32:46
เย็นไว้ครับท่านชาย ขันติๆครับ


เห็นด้วยนะท่านชายฯ ขันแตกครับ เฮ้ย ขันติ ....เอ่อ ว่าแต่ว่าสำนวนโคตะระคุ้นเลย คริคริ
#84
ขอแจมด้วยคนครับ ขอนำเสนอรูปจิตรกรรมฝาผนัง พระพรหมและทวยเทพตามแบบจินตนาการแบบโบราณครับ (ร.4)

















#85
ถ้าจำไม่ผิด เคยสนทนากับชาวอินเดียเรื่องการบูชา องค์พระแม่ซันโตชิ ชาวอินเดียจะไม่นิยมถวายของเปรี๊ยว เช่นมะนาว และน้ำเปรี๊ยว ครับผม
#86
เคยขับรถผ่านเส้นถนนแจ้งวัฒนะ ก่อนจะเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสามัคคี จะมีเทวลัยเล็กของบริษัทหนึ่ง(ที่ใช้ชื่อขององค์พระนารายณ์) ถ้ามองเข้าไปจะเห็นองค์พระนารายณ์และองค์แม่ลักษมี ประทับนั่งคู่กัน องค์สีทอง งามมาก ได้ข่าวว่า เจ้าของบริษัทนี้ศรัทธามาก และกิจการก็ดี ทำธุรกิจขายกระเป๋าส่งนอก รู้สึกว่าจะขายดีทางต่างประเทศนะ .....


ก็เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้อีกคนครับ ....ร่วมแจม  
#87
Quote from: กาลิทัส on December 24, 2009, 11:14:22
แก้ไขข้อความพี่ตี๋ไปแล้วครับ อิๆๆๆ

แต่ภาษี ณ ที่จ่าย น้องขอเป็นศิวลึงค์หินดำซักองค์ คริๆๆ


อะนะ น้องเราจะเล่นของดีไปซะแล้ว แหม่ๆเกรงใจ ถ้าเป็นไปได้อยากตั้งซักกระทู้เพื่อแลกเปลี่ยนของบูชากัน จะได้มั้ยเนี้ย อิอิ (โยนหินถามทาง) 
#88
[HIGHLIGHT=#f4f4f4]ผมมีสังข์ มีบัณเฑาะ มีศิวลิงหินสีดำ(จากประเทศอินเดีย) ยินดีเปลี่ยนมือให้ผู้ศรัทธาเป็นเจ้าของครับ คุยในเมล์ได้ครับ
ant1900@windowslive.com[HIGHLIGHT=#ffffff]  (ผิดกฏมั้ยเนี้ย ถ้าผิดกฏลบข้อความนี้ออกเลยนะน้องยีนส์) [/HIGHLIGHT][/HIGHLIGHT]
#89
   จิงๆด้วย นายยีนส์ พี่ตามน้องเขาไปดู พบภาพที่ไม่เหมาะสม สงสัยจะมีคนแกล้งเว็บซะแล้ว แต่เก่งนะที่เขาสามารถเข้ามาเปลี่ยนรูปได้ โดยชื่อนั้นเป็นตัวนาย สงสัยงานนี้ต้องตามแก้ไขอย่างด่วนแล้วละ

ปล. ถ้าจำไม่ผิด รูปในกระทู้นั้น เป็นรูปกระดิ่งและบัณเฑาะว์ นะ แสดงว่า โดน Hack แย้วพี่น้อง
#90
Quote from: iloooksong on October 29, 2009, 14:49:41
ถ้าเทพเทวามีจริง  ไม่เคยสัมผัสได้  ไหนตอบหน่อย  ที่บอกว่า  เทพมีจริง  อยู่ที่ไหน  ทิศไหน  เเห่งหนตำบลได  เเล้วเขาใช้อะไรบอกว่ามี  ช่วตอบเป็นรูปธรรมหน่อย  อย่ากว้างน่ะ  เกรงว่   คนอ่านจะงมงาย

มามะจะตอบให้ จะตอบให้เป็นข้อๆเลย

ในคำถามที่ถามว่า .... เทพมีจริง อยู่ที่ไหน แห่งหนตำบลใด แล้วเขาใช้อะไรบอกว่ามี ?? ok


ตอบ .... เทพมีจริงหรือไม่ คนที่ตอบได้ไม่ใช่ใครอื่นไกล คนที่จะตอบได้ อย่างถูกต้องที่สุดก็คือตัวคุณไงครับ ถ้าถามว่า ให้ทำอย่างไร ไม่ยาก ลองนับถือท่านเล่นๆ สวดบทสรรเสริญท่านสัก 2-3 เดือน ดูสิ ถ้าสวดไปสัก 2-3 เดือน ยังไม่แน่ใจ คงจะดูเหมือนจะใช่ แต่ยังไม่มั่นใจ ก็ลองต่อเวลาไปอีกสักปี คงไม่เสียเวลามาก แต่คราวนี้อยากจะให้ลองจริงๆจังๆดูบ้าง ดูสิว่าท่านจะพบเทพเจ้าหรือเปล่า แต่สำหรับผมแล้ว ผมใช้เวลาถึง 20 ปี กว่าผมจะได้พบเทพเจ้า ผมทราบดีว่าท่านอยู่ไหน อยู่ที่ว่าคุณอดทนได้เหมือนผมหรือเปล่า ผมต่อให้คุณไม่กี่เดือนเอง ลองดูสิว่าจะพบมั๊ย ผมพบท่านทุกวันตั้งแต่เช้าจรดเย็น เผลอๆต่อยามนอน ก็ได้พบพระองค์ครับ ...........ทุกอย่างในโลกนี้ไม่มีคำว่าบังเอิญ ทุกอย่างลิขิตมาแล้วทั้งสิ้น ครับ ....สวัสดี
#91
เพื่อนท่านใดพอจะแนะนำที่จอดรถใกล้ๆในวันงานแห่พระแม่ วัดแขกสีลมบ้างครับ เผื่อเพื่อนจากต่างจังหวัดจะได้หาที่จอดได้ง่ายๆ ครับ แท้งกิ้วครับ
#92
ชักห่างไปนาน เดี๋ยวต้องหาเวลามาลงให้อ่านต่อซะแล้ว  
#93
คชานนํ ภูตคณาทิเสวิตํ กปิตฺถชมฺพูผลจารุภกฺษณมฺ I

อุมาสุตํ โศกวินาศการกํ นมามิ วิฆเนศฺวรปาทปงฺกชมฺ II


ข้าฯ ขอไหว้โอรสพระอุมา ผู้มีพระพักตร์เป็นช้าง ที่พวกหมู่ภูติเป็นต้น คอยถวายการรับใช้ อาหารที่พระองค์ชื่นชอบคือผลมะวิดและหว้า พระองค์เป็นผู้ทำลายความทุกข์ความโศก ข้าฯขอไหว้พระบาทที่เหมือนดอกบัวของเทพเป็นผู้มีอำนาจเหนืออุปสรรค องค์นั้น


แหล่งที่มา เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ เสาชิงช้า
#94
เอ๋ๆ เตรียมประชุมเพลิง ด่วน งานนี้ได้เผาแล้ว 555555 
#95
[HIGHLIGHT=#f4f4f4]รีบกลับมาเปิดเน็ต นึกว่าจะได้คำตอบ แต่ไหง ดันมีคนจะมาขอซะนี้ มายได้ แต่เอ่ ไม่แน่นะ ถ้ายกน้องสาวให้อะ   [/HIGHLIGHT]
#96
[HIGHLIGHT=#f4f4f4]มีรูปประกอบกั้บผม[/HIGHLIGHT]

#97
แล้วๆๆๆๆๆ ถามมั่งดิ อา........พระคเณศองค์ที่ผมบูชา งวงท่านยกเชิดไปด้านหน้าครับ แปลว่าอะหยังครับ ใคร่อยากฮู้คับ  พี่น้อง...
#98
หินกินน้ำเป่งไงอะ อยากรู้คับ พี่ยีนส์  
#99
  ก็ว่าไป จะว๊าบไปไง แต่ถ้าว๊าบไปอาบน้ำแร่แช่น้ำนมแถวรัชดา ละอันนี้ไม่แน่ครับ    จิงอะปล่าว กาลิทัส ให้พี่เอ๋เป็นคนออกเงิน น้องพร้อม พี่ก็พร้อมครับ  
#100
  รู้ดีจริงหนอ กาลิทัศ 555555 ตามจริงอะนะ พูดแบบตามความจริงเลย ก็เป็นแบบที่น้องคิดนั้นแหละ กะว่าจะหลอนผีอีกที 555555 แต่ยังเล่าไม่จบเลย คือ ต่อมาอีกคืน เธอก็มาอีก 55555 แต่คราวนี้มา พี่ฝันว่า พี่ไปคุยกะผู้หญิงคนหนึ่ง หน้าตาก็อื้ม ก็อื้ม....สวยน้อยกว่ายายทิปนิดนึง เขามาชวนไปเที่ยวบ้านเขา เขาบอกว่าพึ่งย้ายไปอยู่ ก็เลยเดินตามไป แล้วพี่ก็คุยกะเขาว่า ....... เอ่อ โลกของผีนี้ มันมัวๆเนอะ ไม่สว่างเหมือนโลกมนุษย์เลย โลกมนุษย์เนี้ยดีกว่า มีทั้งกลางวันและกลางคืน แต่โลกของผีนี้มีแต่ สลัวๆเนอะ บรรยากาศไม่น่าอยู่เลย ว่าแล้วพี่ก็เลยเดินกลับ ไม่เอาละไม่ค่อยชอบ พอเดินกลับก็ตื่นเลย ...   ทุกวันนี้ ก็ยังไม่ฝันและโดนอำอีกเลย แต่ก็เดินไปดูโกฐที่อยู่รั่ววัดนะ ตอนกลางคืนสามารถมองออกจากระเบียงได้ สังเกตุว่า มีช่องเก็บกระดูกที่ตบแต่งใหม่ และเจ้าของนั้นก็เป็นผู้หญิง ยังเป็นนางสาวอยู่เลย ดูจากรูปที่ติดก็คล้ายกัน พี่ก็เลย    ไม่เอาดีกว่า ยังไม่อยากไปอยู่กะผี 555555555
#101
  31 นี้เหรอ ยังไม่แน่ใจเลยว่า จะอยู่ไหน ระหว่ากรุงเทพหรือพิษณุโลก เพราะอาจจะต้องไปช่วงงานของ ททท ของเพื่อนครับ แต่ก็อาจจะไปได้ไปงานเจ้นมนะ แล้วงานเจ้นมนี้เขามีอะไรละ ยังไม่เห็นเจ้าตัวเชิญเลย งานอะไรเหรอ หรือว่างานสีชมพู มีเจ้าบ่าวแล้วหรือ   ต้องรอดูอีกทีไม่รับปากครับ อิอิ


เสียงที่ได้ยินมานั้น เป็นเสียงดังมาจากทิศหัวนอน ซึ่งหิ้งเทพก็อยู่ทิศเดียวกัน โดยมีรูปองค์พระศิวะ รูปใหญ่ตั้งอยู่ ก็น่าจะมาจากท่านละมั่ง พี่คิดว่าเป็นเช่นนั้นนะ ตอนนี้ก็เลยหันกลับมาภาวนาถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนเดิม ครับ  
#102
อยากจะเล่าอะไรให้ฟัง เมื่อไม่นานมานี้ถอยหลังไปซัก 2 - 3 เดือน มีคืนหนึ่ง ผมโดนผีอำ กลางดึก จำได้ประมาณ ตี 4 ครึ่ง แต่กว่าจะหลุดได้ รายละเอียดเป็นยังไงจะเล่าให้ฟังครับ

คืนนั้น ผมนอนๆอยู่ก็รู้สึกว่า ตัวเราพลิกไปไม่ได้ ปกติผมจะรู้สึกตัวบ่อยๆช่วงกลางดึก แต่พอมารู้สึกอีกทีกลับพลิกตัวไม่ได้ เหมือนโดนสะกดไว้ ในใจก็เดาว่า เอาแล้วตู โดนมันเล่นอีกแล้ว เนื่องจาก คืนก่อนพึ่งเดินผ่านเมรุ และผ่านโกฐที่เก็บกระดูก ตอนนั้นได้เห็นเงาคล้ายผู้หญิงยืนอยู่  ก็ตกใจเหมือนกัน แต่ก็เห็นเพียงแว็บเดียว ใจก็คิดว่า ภาพหลอนเฉยๆ พอตกดึกของคืนต่อมา แหม่เล่นเราซะแล้ว ในขณะนั้นถามว่ากลัวมั๊ย ก็ตอบว่าไม่กลัวครับ เพราะโดนมาเยอะแล้ว รู้สึกไม่ค่อยพอใจอย่างมาก แต่ไม่ได้ท่องอะไร พยายามสะกดใจตัวเองไว้ และพยายามดิ้นให้หลุด ก็โดนอยู่นาน จนเริ่มอึดอัดเพราะหายใจลำบาก ...... ทันใดนั้น ผมก็ได้ยินเสียงดังขึ้น ไม่ไกลตัวนักว่า " โอม นมัส ศิ วาย " เสียงดังทุ้ม มีพลังอำนาจมาก เสียงนี้ดังอยู่ 5 ครั้ง ผมก็หลุดจากการโดนอำทันที แต่พอหลุดได้ ก็เปิดระเบียงดูที่รั้วที่พัก เพราะติดกับเมรุ ก็พยายามมองดู ว่าใครช่างกล้า มาเล่นกะเรา แหม่ล้วงคองูเห่าซะแล้ว 5555 ในใจคิดในขณะนั้น ช่วงโดยอำ ก็พอรู้นะว่าเป็นผู้หญิง แต่ก็ไม่อยากจะสวดหรือว่าอะไร เพราะพยายามจะให้ร่างเราหลุดเอง แต่ไม่ได้ไหว จนได้ยินเสียงนี้แหละ ถึงหลุดครับ ถ้าไม่ได้เสียงสวดนี้ คงแย่เหมือนกัน  ...................จบ เอามาเล่าให้ฟังเฉยๆครับ
#103
Quote from: กาลิทัส on May 15, 2009, 14:54:19
  ไปกะพี่ตี๋ระวังนะ พี่ตี๋ชอบใช้วิทยายุทธ์

สงสัยมีประตูโดเรมอน เดี๋ยวไปโผล่ทางโน้นที เดี๋ยวไปโผล่ทางนี้ที

ไม่รู้แกทำได้ยังไงนี่ดิ ฮ่าๆๆๆ

  ไม่ใช่ประตูโดเรมอน แต่เป็นเกทของสตาร์เทค ไปยืมพี่สป๊อกเขามา   จะว่าไปจับท่านสฺวสฺติ มาใส่หูแหลมๆแล้วใส่วิกหน้าม้า คงดูคล้ายสป๊อก เอ่อ เข้าท่าแฮะ  
#104
Quote from: สฺวสฺติ on May 12, 2009, 10:38:26
Quote from: กาลิทัส on May 12, 2009, 08:32:34
   พี่ท่านก็ไปกะพี่ตี๋ ท่านแจ็ค แล้วก็พี่เอกดิ

สามท่านนี้เค้าขาลุยอยู่แล้ว ปีที่แล้วตอนส่งพระเข้าวัด ผมยังเห็นพวกพี่เค้ารอส่งเลย

แปลว่า แฟนพันธุ์แท้ เหมือนกันครับ

ไอ้คนนี้ ถ้าไปไม่ชวน จะแช่ง ซะเลย คราวนี้ไม่โดนแค่ไม่เท้า อาจจะโดนแจกันดอกไม้ก็ได้นะ อิอิ


มาเลยปีนี้จะอยู่จนกว่า จะเช้าอีกเช่นเคย มาสิครับ มาร่วมเดินกับพวกเราสิครับ หนุกหนานมากๆกั๊บ





#105
[HIGHLIGHT=#00b0f0]ใจเย็นๆ เบากันหน่อย กฏเขามีนะ น้อง[/HIGHLIGHT]
#106
  เต็มเหนี่ยวไปเลยพี่ เวลานี้ต้องเต็มเหนี่ยว (เพลงครับ เห็นกระทู้แล้วอยากร้องเพลงนี้จัง )  
#107
[HIGHLIGHT=#f4f4f4]ผู้รู้ไปไหนหมด มาตอบเขาหน่อยเร็ว ตอบผิดตอบถูกไม่ต้องกลัว ตอบไปก่อน ไม่ต้องเกรงใจ ไม่มีใครถูกต้องเสมอไปหรอกครับ ไม่ต้องกลัว [/HIGHLIGHT]
#108
ค่าฝากวันละ 250 บาท 3 วันก็ 750 แต่ถ้าจ่ายก่อนล่วงหน้าลดให้ เหลือเพียง 300 บาท แต่เดี๋ยวก่อน ถ้าจะโอนมาเดี๋ยวนี้ เรามีของสมน้ำหน้าคุณให้ เป็น ผ้าปิดปากกันไข้หวัดหมู ทันที 1 ชิ้น ...โอนเลยนะตอนนี้ โอกาสนี้มีเพียงจำนวนจำกัด .... 
#109
[HIGHLIGHT=#f4f4f4]โห้ยไม่ต้องชมกันขนาดนั้นก็ได้ ผมก็ไปก็อปเขามาเหมือนกันครับ   [/HIGHLIGHT]
#110
คิดไปคิดมา ผมว่าผมหยุดเขียนต่อดีกว่า เดี๋ยวจะคนว่าผมโม้เกินไป เพราะเรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้มันแสนจะพิศดาร หรือจะเรียกตามสายพุทธว่า เป็นเรื่องปัจจัตตัง เป็นเรื่องรู้ด้วยบุคคล และอีกอย่างการเล่าก็อาจจะเฉไฉนอกเรื่องบ้าง ซึ่งดูแล้วไม่ตรงกับหัวข้อกระทู้สักเท่าไร อีกอย่างเพื่อเป็นการรักษากฏด้วย เดี๋ยวจะแหกกฏไป คนชอบมีคนเกียดเรามี งั้นผมขอหยุดเรื่องเล่าต่อครับ

เรื่องของไหว้ ให้ผู้รู้เขามาถกกันต่อ ส่วนของผมการบูชา แรกๆก็นิยมไหว้ถวายผลไม้ ถวายนม ถวายไฟ มีการอารตี ทุกวัน ในช่วงต้น แต่หลังๆมา ก็ไม่ได้ทำแบบที่ว่าเลย เพียงวันไหนสะดวกก็อาจจะซื้อผลไม้มาไหว้ จุดตะเกียง จุดกำยาน สวดมนต์ แล้วสิ้นสุดที่นั่งสมาธิ ....สุดท้าย ก็ทำแบบง่ายๆไม่ยุ่งยาก เพราะยิ่งทำก็ยิ่งเหมือนยึดติด แต่เรามาเร่งในการทำสมาธิเพื่อปล่อยวางให้ได้ในชาตินี้ครับ (วางจริตเดิม สันดานเดิม กิเลสเดิม ให้ได้ ก่อนกลับสู่แหล่งเดิมที่เรามา ) จบ
#111
งั้นมาต่ออีกสักตอนดีกว่า .... หลังจากที่หลับไปก็ฝันว่า ........ผมนั่งอยู่ในห้องพระ แล้วก็ปรากฏมีแสงสว่างมากสีทองอร่าม เปล่งแสงจากองค์เทวรูปองค์หนึ่ง จำได้ว่าคุณแม่ไปเอามาจาก บ้านนอก พอดีชาวบ้านเขาขุดได้ ก็เลยเอามาให้ เป็นองค์นั่งถือจักร แสงสว่างมากจ้าจนแสบตา พอหรี่ตาดูอีกทีก็พบว่าตัวเองมายืนอยู่ที่หน้าบ้านของตนเอง ขณะนั้นก็มีน้าสาวคนหนึ่งได้เดินมาแล้วบอกว่า ตี๋ๆเลขออกแล้ว (ผมชื่อตี๋นะ) ผมเลยถามว่าเลขออกอะไร น้าสาวที่อยู่ในฝันก็บอกออกมา 7 ตัวเลย (สมัยนั้นรางวัลที่ 1 เจ็ดตัวครับ) พอพูดจบก็สะดุ่งตื่น พอจำได้ว่า ขณะนั้นจะรุ่งเช้าแล้ว ก็เลยจดเลขไว้ แต่จำเลขหลักสุดท้ายไม่ได้ เลยจดแค่หกตัว กะว่าตื่นมาอีกทีค่อยมานั่งนึก หลังจากนั้นก็นอนต่อจนมาตื่นอีกทีก็ตอนสายๆ เลยรีบลงมาช่วยทางบ้านเช็คหวย เพราะแต่ก่อนที่บ้านขายหวย แต่ก็ไม่ลืมที่จะเอาเลขที่เราฝันไปให้คุณพ่อ ท่านก็จดไว้ บอกว่าเราฝันกินบ้านกินเมือง คนอะไรจะฝันได้เจ็ดตัว แต่หลักสุดท้ายจำไม่ได้จริงๆ พอครั้นหวยออก ปรากฏว่าหวยออกตามที่เราฝันทุกตัว ตั้งแต่หลักล้านจนถึงหลักสิบ แต่หลักหน่วยเราจำไม่ได้ ก็เลยคิดว่า 5555 ได้รางวัลละเรา แต่ผลปรากฏว่าอดครับ เพราะคุณพ่อไม่ได้ซื้อ ท่านไม่เชื่อ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ถ้าวันใกล้ๆหวยออก คุณพ่อก็จะพยายามให้เรานอนตั้งแต่หัวค่ำ เพื่อเราจะได้ฝันหวย และก็ไม่พลาดครับ หลายครั้งต่อหลายครั้ง เรามักฝันได้ไม่สองตัวก็สามตัวเรื่อย ในใจตอนนั้นก็คิดว่าถ้ามีโอกาส เราจะต้องเอาเทวรูปองค์นี้เป็นของเราให้ได้ หลังจากผมก็เริ่มศึกษาว่าประวัติเทพองค์นี้มีพระนามว่าอะไร ก็มารู้ว่าท่านคือพระนารายณ์นั้นเอง เป็นองค์ปฐมบรมครู ในการบูชาและภาวนาถึงท่านตั้งแต่นั้นเรื่อยมา มีครั้งหนึ่ง ผมได้หนังสือเกี่ยวกับ โยคะเล่มหนึ่ง ในหนังสือเล่มนั้น ได้วิธีปฏิบัติบูชาด้วยการภาวนา (ภักติโยคะ) ผมก็เริ่มศึกษา จนผมนั่งสมาธิแน่วนิ่งไปกับสมาธิ จนอยู่มาวันหนึ่งได้เกิดเรื่องมหัศจรรย์ทางจิตเป็นครั้งแรกกับผมก็ได้เริ่มเกิดขึ้น ...............ตอนนี้เริ่มง่วงแล้ว ค่อยมาต่อพรุ่งนี้ครับ
#112
ย่องมาดึกๆเพราะนอนไม่หลับ โห้...ยังมีคนนอนไม่หลับแบบเราอีกตั้งหนึ่ง คน โอ้ มายก๊อตตตตตตตตตต
#113
เห็นกระทู้นี้อยู่หลายวัน ว่าจะออกความคิดเห็นบ้าง แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มยัง แต่ไหนๆได้เขียนมาตั้งหลายกระทู้แล้ว ต่ออีกสักหน่อยนะ อื้ม .....ขออนุญาตเว็บมาสเตอร์ก่อนว่าอาจจะมีการกล่าวถึงเรื่องเจ้าเรื่องทรงผสมบ้างเล็กน้อย แต่จะเป็นการเล่าที่มาที่ไปให้ฟัง ก็คงไม่เป็นไรนะ จะพยายามเลี่ยงให้ถึงที่สุด ขอบอกก่อนว่าอันนี้เล่าให้ฟังนะ

เอาละเล่าให้ฟัง ว่าผมเริ่มบูชามายังไงไปยังไง จนทุกวันนี้ทำอย่างไร ขอย้อนกลับไปสัก 22 ปีที่แล้ว สมัยนั้น การบูชาเทพฮินดูยังไม่เป็นที่นิยมกันนั้น เท่าที่สังเกตุ จะหนักไปทางสายจีนมากกว่า สมัยนั้นคนบูชา ร.5 ก็ไม่มากนั้น ผมเป็นคนต่างจังหวัด แต่ก็เรียนรู้การไหว้พระไหว้เทพมาตั้งแต่เด็ก เพราะที่บ้านเขาชอบไปศาลเจ้า ก็เข้าออกบ่อยๆจนรู้พิธีกรรม แล้วก็โดนเรียกให้ไปเป็นมือช่วยผู้ถือไม้กี ต่อมาวันหนึ่ง มีคนเอาพระคเนศมาให้ทางบ้าน ที่บ้านก็ตั้งบูชา(ตอนนั้นผมเรียกเทพช้าง) แต่ด้วยเป็นคนต่างจังหวัดก็ไม่ทราบขั้นตอนในการบูชา ต่อมามีครูท่านหนึ่งเป็นผู้ที่สนใจและคาดว่าสนใจเป็นพิเศษเพราะเห็นพี่แก่มาที่บ้านที่ไร คุณเธอก็จะบิดมือบิดไม้ไปมาแล้วก็ร่ายภาษาอะไรก็ไม่รู้ ไอ้เราก็เป็นเด็ก(ตอนนั้นน่าจะสัก 19) ก็สงสัย???? แต่ไม่รู้จะถามใคร ถามผู้เป็นพ่อ ท่านก็ไม่รู้ จนต่อมา ก็มีคนเอาหนังสือเกี่ยวกับการบูชาเทพมาให้ แต่สมัยก่อนเขาจะแปลเป็นแบบไทยๆ พวกอ่านโองการประมาณนี้ ก็ศึกษาไป คำสวดก็พื้นๆ เช่น โอมนะโม นารายะ นะมะภะวันตุเม ทุติยัมปิ นะโม นารายะ นะมะ......ฯ ประมาณนี้ ก็เอาละวะ อ่านๆๆๆ ตามประสาคนอยากรู้ จนวันหนึ่ง มีข่าวว่า พระคเณศที่กรุงเทพ ดื่มนม??? เราก็ดูข่าว ยิ่งเรื่องแปลกแบบนี้ชอบ ก็ตามดู จนกระทั้ง อยากลองบ้าง ก็แอบหยิบเอาพระคเณศมาลองแบบในทีวีบ้าง สรุปเป็นไง 55555 นมไหลลงพื้นหมดเลย ก็ผมเล่นกรอกปากท่านอะครับ ในใจก็คิดว่า โห้ย ขี้หก..สร้างเรื่อง ก็เลยไม่สนใจ จนมาอายุประมาณ 20 ตอนนั้นผมเกเรมาก ประเภท ไม่อยู่โต๊ะสนุ๊ก ก็อยู่ร้านเหล้า(ดองยา) แล้วสุดท้ายก็ไปนอนตาม.....วัยรุ่นต้องเดานะ อิอิ ผมไม่เคยอยู่ติดบ้านเลย เพราะตอนนั้น บ้าสนุ๊กมาก ยิ่งตอนนั้นได้ไปเจอรุ่นพี่ที่เขาเป็นมืออาชีพแข่งขันประเภท ค. เขาเรียกกันแบบนั้น ก็ยิ่งบ้าหนักเลยหนักๆเข้าที่บ้านคงทนพฤติกรรมอันสุดเจ๋งของเราไม่ได้ ก็เลยหาเรื่อง บอกว่า เอ่อ..นี้ ป๋าเอาดวงมึงไปดู ดวงมึงไม่ดี ต้องกลับมานอนบ้านที่ห้องพระทุกคืน ไม่งั้นไม่ต้องมาเรียกกูพ่อนะ แต่เราก็ไม่สน ท่านก็เลยใช้ไม้เด็ด ว่าถ้าอยู่นอนบ้าน จะจ่ายเงินให้คืนละ 200 เออ แบบนี้เข้าท่า เลยจำใจนอน พอนอนได้ประมาณสัก 2 อาทิตย์ มันก็เหมือนคนขาดยา เพราะไม่อยากอยู่แล้ว ก็วางแผนว่าคืนนั้น จะแอบปีนหลังคาออกมา แต่ด้วยว่า ไม่เห็นเพื่อนมันขับรถผ่านมา ก็เลย คิดว่าพรุ่งนี้จะนัดเพื่อนมารับ สรุปเลยทนนอนอีกคืน คืนนี้ละที่พลิกชีวิตของคนที่ไม่เคยอยากจะบูชาเทพ ก็ต้องบูชามาจนถึงทุกวันนี้ ....เรื่องจะเป็นเช่นไรต่อไป ถ้าไม่เบื่อก่อนจะเล่าให้ฟังต่อ .....โหวตครับ
#114
ตามความเห็นผมนะ ตามที่ดูจากเทวรูปปั้น กับภาพที่ คุณน้องกาลิทัส ได้แสดงมา ความคล้าย จะคล้าย พระแม่ลลิตามากกว่า ไม่ว่าจะเป็นท่านั่ง หรือถืออาวุธ แต่ที่แตกต่างที่ไม่เห็นก็คือ นกแก้ว รูปปั้นไม่มีนกแก้ว ประกอบด้วย ขอโน้มเอียงไปทางแม่ลลิตามากกว่า ตามความคิด คิดว่า โรงหล่อ คงได้แบบจากรูป และพยายามหล่อถอดแบบออกมา(ตัวอย่างที่เห็นถือเป็นตะบองแต่ไม่ใช่ เขาหล่อให้เป็นดอกบัว เพราะถ้าเป็นตะบองจะหัวใหญ่กว่านี้ ) แต่โรงหล่อเองก็ไม่รู้หรอกว่า เป็นพระแม่องค์ใดแน่ชัด แต่คงคิดว่า น่าจะส่งจำหน่ายได้ในท้องตลอด เนื่องจาก เทวรูปที่มาจากอินเดียแพง เพราะค่านำเข้าเขาคิดจากค่าน้ำหนักทองเหลือง ราคาถึงได้แพง แต่ถ้าเป็นตลาดในไทย ก็น่าจะมีคนซื้อ คนไทยชอบของถูก อันนี้ลองคิดแทนโรงหล่อนะครับ
#115
อ้าว ครบแล้วเหรอ ครบรอบเท่าไรละเนี้ย ก็อวยพร ขอให้ทุกอย่างสำเร็จ ขอให้ รวยสำเร็จ สวยสำเร็จ แล้วก็เสร็จ...ผู้ชายนะ  
#116
การแสดงความรัก ความนับถือต่อพระเจ้าอย่างลึกซึ้งรุนแรง ที่เรียกว่า "ภักติโยคะ" นั้นจะนำผู้ปฏิบัติไปพบกับพระพรหม (ภควาน) ในศาสนาฮินดู "ภักติโยคะ" นั้นสามารถจำแนกออกได้ 9 ประการคือ
1. ศรวณ ได้แก่การฟังหมายถึงหากประสงค์จะทราบเรื่องราวใด ๆ อันเป็นความรู้ ก็ควรที่จะสดับตรับฟังเกี่ยวกับสิ่งนั้นให้มาก ๆ การ ศึกษาเล่าเรียนก็จัดอยู่ในข้อนี้ด้วย
2. กีรตน เป็นการย่อยในลำดับต่อมา คือหลังจากฟังแล้วก็ไปบอกกล่าว ประกาศให้ทราบโดยทั่วไปหรือไม่ก็สังคายนาสิ่งที่ได้ฟังมาให้เข้าใจกันอย่างแจ่มแจ้ง โดยปราศจากข้อสงสัย
3. สมรณ คือการหมั่นคิด หมั่นพิจารณาในสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา และจดจำโดยใช้จินตนาการ เพื่อให้ความรู้ความคิดนั้นแตกฉานยิ่งขึ้น
4. จรณเสวา บางครั้งเรียกสั้น ๆ ว่า "เสวา" แปลว่า การรับใช้ "จรณ" แปลว่า เท้าหรือฝ่าเท้า หมายถึงการรับใช้อยู่แทบเท้าของพระเจ้า
5. ปูชา คือกระทำสักการบูชาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น พระพรหม หรือกระทำการใด ๆ ก็ได้ที่ตั้งใจไว้แล้วด้วย ความนับถือและความเคารพบูชา
6. วันทนา คือการนอบน้อมกราบไหว้
7. ทาสย คือ ภาวะแห่งความเป็นทาส คนเราควรถือว่าตนเป็นทาสของพระเจ้าเสมอ ดังนั้นควรปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพรหมไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกลขนาดไหนก็ตาม ก็ไม่ควรขัดคำสั่งของพระเจ้า
8. สขย คือ ภาวะแห่งความเป็นเพื่อน หมายความว่าให้ถือว่าพระพรหมเป็นมิตรที่ดีที่สุด มนุษย์ควรปฏิบัติต่อพระพรหมเสมือนเป็นมิตรที่ดี และเป็นเพื่อนที่อยู่ใกล้ชิดอยู่ตลอดเวลา ด้วยเหตุที่พระพรหมอยู่ใกล้ชิดนี่เอง มนุษย์จึงควรปฏิบัติแต่ความดี หากทำชั่วก็จะเป็นเหตุให้มิตรจากไปได้
9. อาตมสมรปณ คือ ภาวะอันมีแล้วหรือเจริญแล้วเป็นของตน ได้แก่ กาย ทรัพย์ ลูกหลาน (ที่เชื่อว่าเป็นของตน) สิ่งทั้งปวงนี้ถือว่าเป็นของพระพรหม ท่านย่อมมีสิทธิ์เต็มที่ หากพระพรหมต้องการจะเอาคืนก็ย่อมคืนให้ได้ หรือหากพระพรหมต้องการยกให้คนอื่นท่านก็ย่อมยกให้ได้ ตัวมนุษย์ (ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของ) ก็ไม่ต้องวิตกหรือเศร้าหมอง หากควรจะแสดงความยินดีที่พระพรหมได้ช่วยให้ภาระของเราลดน้อยลง โดยสรุปก็คือให้เข้าใจว่าสิ่งทั้งหมดเป็นของพรหมไม่ถือเป็นของเราเลย

แหล่งที่มา http://www.thaigoodview.com/node/13520
#117
[HIGHLIGHT=#f4f4f4]ผมว่ายังมีคนอ่านไม่เข้าอีกหลายคนนะเนี้ย 5555555 ต้องแปลไทยเป็นไทย หรือต้องเอาไปตีความ อย่างซี้ต้องถอน ^^![/HIGHLIGHT]
#118
Quote from: Purple_Tulip on January 30, 2009, 14:06:29
กราบเรียนถามนิดนึงค่ะ คำถามอาจจะดูโง่ๆ
แต่ก็อยากทราบ เพื่อจะได้ทำให้ถูกต้องและเหมาะสมอ่ะค่ะ

เวลาเราไปร่วมตามพิธ๊ของทางวัด ควรจะแต่งกายอย่างไร
ส่วนใหญ่คนไทย มักจะใส่สีขาวอ่ะค่ะ

(อ้างอิงจาก  ---ยกตัวอย่างเช่น ใส่สาหรี่สีขาว  เขาเกือบจะเดินเข้าไปด่าแล้วเพราะการใส่สีขาว คือการไว้ทุกข์ มีคนตายในบ้าน เขาจะเข้าไปกระชากออกแล้วถามว่า งานนี้ พอแม่ คุณ ตายเหรอ ถึงใส่สีนี้มาลุงผม เม้าส์แรงมั๊กๆ  เอิ๊ก....)


เห็นเขาเถียงกันหลายบอร์ดแล้วเรื่องใส่ผ้าขาวไปวัดแขก เนี้ย ก็เลยชักคันมือคันไม้ อยากจะแสดงความคิดเห็นบ้าง คือว่า เราต้องดูก่อนว่าเราเป็นคนชาติใด เป็นคนไทยหรือคนอินเดีย แล้วจะไปวัดแขกหรือเทวสถานประเทศใด ประเทศอินเดียหรือประเทศไทย เอานะ ฟังเป็นข้อๆแล้วคิดตามนะ แต่ไม่ต้องเชื่อผมไปทั้งหมด ก็ได้

คนอินเดียถือมากเรื่องใส่สาหรี่สีขาว ก็เป็นขนบธรรมเนียมของชาวอินเดีย ว่าถ้าสามีเสียชีวิต ก็จะเปลี่ยนเป็นนุ่งสาหรี่สีขาว คราวนี้ คนไทยก็ไปนึกตามว่า เอ่อ...ถ้าเราเข้าวัดแขกหรือเทวสถานของอินเดียแล้ว ก็คงไม่ควรไปใส่ชุดขาวกระมั๊ง ? อันนี้น่าจะเข้าใจผิด คนไทยจริงๆนิยมนุ่งโจงเสื้อขาวลายดอกไปวัดไทยในสมัยก่อนหรือถ้าเป็นหญิงสาวรุ่นๆก็มักจะแต่งให้สวยสีสดๆ แต่ถ้าเป็นผู้จะไปถือศีลก็จะนุ่งเสื้อดอกขาวหรือปักฉลุขาว(ไม่รู้เรียกถูกอะเปล่า)มีผ้าขาวพาดไหล่ แต่ต่อมาได้มีการเปลี่ยนการนุ่งโจงในสมัย จอมพล ป. ก็มีการสั่งให้เลิกนุ่งโจง ต่อมาก็มีการตัดกางเกงแบบสากล กลายเป็นการผนวกผสมผสานการแต่งกาย จนมาในยุคปัจจุบัน คราวนี้ย้อนกลับไปถึงคำถามว่า คนอินเดียเขาถืออะไร เขาถือว่าผู้หญิงใดใส่สาหรี่สีขาวแสดงให้รู้ว่า สามีคนนั้นเสียชีวิต เราเป็นคนไทยเมื่อรู้แบบก็อย่าไปใส่สาหรี่สีขาว แต่ไม่ได้หมายรวมไปถึงชุดสีขาว เสื้อขาว กางเกงขาว ผมคิดว่า คนอินเดียเขาแยกแยะออกว่าอะไรคือสาหรี่ อะไรคือ ชุดธรรมดา และที่นี้คือประเทศไทย ธรรมเนียมคนไทยเขาก็เข้าใจ เลยไม่แปลกอะไรที่จะใส่สีขาวไปวัดของชาวอินเดียครับ ว่าแต่อย่าไปใส่สาหรี่สีขาวไปวัดก็พอนะครับ  (ที่เล่ามานี้เป็นการแต่งกายของสตรีนะครับผู้ชายไม่เกี่ยว ยกเว้นกระเทยครับ 555555 
#119
ใช่องค์เดียวกะ มานสาเทวีอะปล่าวคับ ท่าน 
#120
  แหม่ๆ ก็อะนะ อิอิ เรื่องโบราณสถาน เคยคุยกับเจ้าหน้ากรมศิลป์ฯ หลายคน ส่วนมาก จะบอกว่าเขาอยากจะให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ไม่อยากจะให้เป็นสถานที่ศักดิสิทธิ์ เพราะจะทำให้โบราณสถานนั้นถูกทำลาย เนื้อผิวจะเสีย และอีกอย่างเจ้าหน้าพวกนี้ก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องแนวนี้เท่าไร มีตัวอย่างจะเล่าให้ฟัง เคยมีนักศึกษาของศิลปากร ยกคณะไปภาคสนามที่โบราณสถานเมืองสุโขทัย ก็เป็นอันที่รู้กันว่า เมืองนี้เขาเป็นเมืองเก่า เรื่องเฮี้ยนนะไม่ต้องพูดถึง พอหลังจากคณะนักศึกษากลุ่มนี้ ทำงานเสร็จแล้วในช่วงเย็น ก็ตั้งวงเหล้าเป็นเรื่องปกติของเด็กศิลป์ ก็อาศัยข้างๆวัดแถวโบราณสถานนั้นแหละ เพียงแต่วัดนี้มีพระสงฆ์ท่านจำพรรษาอยู่ เริ่มดึกก็ยิ่งเริ่มเมา เสียงเพลงก็บรรเลงอย่างเมามัน ชามกะลังไห  เคาะกันสนั่นเมือง คนไหนปวดฉี่ก็แถวๆนั้นแหละ ยกมือไหว้ก้ไม่มี เพราะความคะนองและสนุกด้วยสุรา พอชักหนักๆเข้า ก็มีคนบางคนที่เป็นนักศึกษาหญิง ก็ห้ามปรามว่าเบาๆหน่อย เกรงใจพระท่าน แต่ด้วยความเมาและไม่เชื่อเรื่องพรรณนี้อยู่แล้วก็ ยิ่งส่งเสียงท้าทายไป ......ทันใดนั้นก็มีก้อนหินปลิวมาจากไหนก็ไม่รู้ ลงมากลางวงเหล้า วงก็แตก พร้อมมองไปรอบๆ ปากก็ตะโกนไปว่า ใครวะ ใครปาวะ แต่ไม่มีเสียงตอบ แถมมีก้อนหินอีกนับหลายสิบลูกปลิวมาอีก คราวนี้วงกระเจิง เพราะรอบไม่มีใครอยู่แถวนั้นเลย สรุปวงเหล้าเลยถูกยกเลิกไปโดย ปริยาย พอรุ่งเช้า นักศึกษาก็จะไปร่ำลาท่านเจ้าอาวาส เพื่อจะย้ายฐานไปที่อื่น ท่านเจ้าอาวาสก็เอ่ยปากขึ้นว่า ....เป็นยังไงบ้างละโยม เมื่อคืนนี้ พวกเปรตเขามาฟ้อง อาตมาว่า พวกโยมไปทำความเดือดร้อนให้เขา เขาเลยจัดการไป อาตมาเลยอยากถามดูว่า พวกโยมมีใครเจ็บตัวกันบ้าง .....พอสิ้นเสียงเจ้าอาวาส ทุกคนที่นั้นต่างไม่พูดอะไร และก้มหน้าเหมือนสำนึกผิด และรีบกราบลาเจ้าอาวาส ออกจากวัดนั้นอย่างรวดเร็ว ....... ในกลุ่มนักศึกษาคนหนึ่งพูดขึ้นว่า เห็นมั้ยละว่า อย่าไปเล่นกับสิ่งที่มองไม่เห็น ...บรื้อ เข็ดจนตายละคราวนี้ ....