Loader
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - chai

#41
Quote from: บุตรมาเตศวรีศรีมหาอุมาเทวี on December 11, 2010, 21:12:19
ตอบตามหนังละกันนะคับ  เอาไว้อ่านเล่นๆแก้เครียด

    ครั้งหนึ่งมีฤาษีท่านหนึ่งบูชาแต่เทพฝ่ายบุรุษ  ไม่เคยเลยที่จะบูชาฝ่ายสตรี
ท่านมุนีนารทไปก่อกวนจนการบูชาของท่านจนท่านโกรธกล่าวจะทำลายพระเทวีให้หมดสิ้น
พระแม่ทั้ง3โกรธมาก  พระลักษมีขอพระให้ดวงใจของพระวิษณุคือพระนาง  แนะดึงพลังออกจากใจของฤาษีผู้นั้น
พระสรัสวดี  ขอพระให้ลิ้น วาจา  และคำพูดของพระพรหม  คือพระนาง  แล้วดึงคำมนต์บูชาออกจากปากของฤาษี
พระอุมาปารวตี  ขอพรให้ครึ่งหนึ่งของพระศิวะคือพระนาง  และดึงเอาพลังของฤาษีออก 
ก่อนสิ้นลมฤาษีได้สร้างอสูรมา 1 ตน  พระเทวีลักษมี  และพระสรัสวตีกลัวมาก  ขอให้พระปารวตีช่วย
พระนางด้วยความโกรธทรงกลืนเอาอสูรเข้าไป

ด้วยผลจากการที่พระนางใช้อำนาจมากเกินไป  ทั้งที่อสูรไม่มีอำนาจมากพอที่จะทำอะไรพระนางทั้ง3ได้เลย
เหมือนผลกรรมนั้นทำให้ผิวกายของพระปารวตีหมดหมองลง  กลายเป็นสีดำ

อ่านเล่นๆเพลินๆนะครับ  อย่าคิดมาก  อย่ายึดติด  อย่าหลงในมายา
คนเห็นจริงอาจไม่พูด  คนพูดอาจเห็นไม่จริง  หรือไม่ก็จินตนาการเอาครับ^^

http://www.youtube.com/v/iwUREfoAqM0

บังเอิญเจอหนังเรื่องนี้พอดี
ฤๅษีตนนั้นคือฤๅษีภฤคุ
#42
พระศิวะท่านร่ายรำมาตั้งนานแล้วนิครับ

เพราะท่านโปรดการร่ายรำ
#43
1.เรื่องพระพรหม ก็องค์เดียวกันนี่แหละ
2.ฤษีที่คุณว่า มีบ้างไม่มีบ้าง จะฤษษีตนไหนก็ฤๅษีเหมือนกัน
แต่คงไม่ได้รับการเคารพเท่า ฤๅษี7ตน และฤๅษีดังๆ เช่น ฤๅษีนารถมุนี ฤๅษีวยาส ฤๅษีกบิล ฤๅษีทุรวาส ฤๅษีศุกราจารย์ ฤๅษีพฤหัสบดี ฤๅษีกัศยปะ ฤๅษีปุลัสตยะ เพราะฤๅษีกลุ่มนี้เป็นฤๅษีอาวุโส อยู่ตั้งแต่เกิดเทพและอสูร
#44
ท้าวกุเวรมีบริเวรเป็นยักษ์ครับ
ตัวท่านเองเป็นยักษ์ และเป็นพี่ชายทศกัณฐ์

ส่วนคติถือพังพอนมีมาทีหลัง
#45
การเป็นมังสวิรัติของคนฮินดู มาจากพระเจ้าอโศกซึ่งเป็นต้นแบบการทานมังสวิรัติในอินเดีย
ในมโหสถชาดกก็มีกล่าวถึงว่าชนชั้นสูงชอบทานเนื้อแพะ ในพระสูตรพระพุทธเจ้าเสด็จไปหมู่บ้านชาวประมง
#46
สายเซียน.....จริงๆอาจมะเกี่ยวกับเซียนก็ได้ ได้ยินว่าปฐมกษัตริย์ราชวงศ์หมิงจูหยวนจาง สั่งห้ามประชาชนกินเนื้อวัว ให้เลี้ยงวัวสำหรับการเกษตร

แต่พวกชนชั้นสูง เชื้อพระวงศ์ เสวยเนื้อวัวได้
#47
พระชคันนาถ 3องค์คือ พระกฤษณะ พระพลราม และนางสุภัทรา

อันนี้เรื่องเล่าในหนังสือ

เมื่อหลายร้อยปีก่อน พระเจ้าอินทรัทยุมนะอยากเห็นรูปลักษณ์พระเจ้า สักพักก็มีท่อนซุงจำนวนหนึ่งเกยตื่นมา และมีชายคนนึงอาสาว่าสามารถสร้างรูปพระเจ้าได้ แต่มีเงื่อนไขว่าระหว่างที่สร้างห้ามใครมากวน และห้ามเข้า พอแรกๆก็มีเสียงแกะสลัก แต่พอนานๆเข้าเสียงเงียบไป และนานผิดปกติ เลยเปิดเข้าไปดู ก็เห็นท่อนไมเไม่มีมือ ไม่มีขา มีตาโต พูดง่ายๆคือเป็นลักษณะผิดปกติกว่าเทวรูปทั่วไป

แล้วแกเสียใจมากๆที่ไม่ได้เห็นรูปพระเจ้า แล้วฤๅษีนารทบอกว่าเพราะท่านดีใจที่สาวกรักท่าน จนมือหดหายไป และมีตาโต
#48
ขออภัยนะครับ

ผมแค่อยากทราบว่าทำไมพระแม่ปารวตีแบบทมิฬมีกายสีเขียว อยากทราบเหตุผลแค่นี้แหละครับ

ขอบคุณครับ
#49
รู้จักพระแม่สตีไหม???
ไม่สงสัยมั่งหรอ ว่าเทพองค์อื่นมีเยอะแยะ ที่มีรูปหล่อ เช่น พระจันทร์ พระพาย พระพุธ หรือมหาเทพอย่างพระวิษณุ ทำไมพระแม่สตีท่านไม่ขอเป็นภรรยาบ้างละ???
ทั้งที่ลักษณะภายนอกของพระศิวะ ไม่มีอะไรน่าพิศวาส แม้พระทักษะพ่อนางเองยังไม่อยากให้พระศิวะมาร่วมงานพิธี
พระแม่สตีท่ายก็ไม่ได้ยึดติดในรูปร่างของพระศิวะ
จนท่านมาเกิดใหม่เป็นพระแม่ปารวตี ท่านก็เฝ้าบำเพ็ญถึงพระศิวะ ไม่ได้นึกถึงภาพลักษณ์ภายนอกของพระศิวะแม้แต่น้อย
และสาวกทั้งหลายก็บูชาพระศิวะในรูปลักษณ์ของศิวลึงค์
#50
ไม่รู้รายละเอียดเหมือนกันครับ

ก็เป็นพระแม่องค์นึงที่ชาวอินเดียใต้นับถือ
#51
พระแม่ภควตี รัฐเกรล่า
#52
ไม่รู้สิ
แต่พระแม่ที่สวมส่าหรีสีแดงมีหลายองค์ครับ
#53
อีกสักรอบ

อยากทราบว่าทำไมพระแม่ปารวตีแบบทมิฬ มีกายสีเขียว

ตามเข้าของกระทู้คับ^^
#54
Quote from: Kaaliamman on December 08, 2010, 10:19:11
สีแดงกุมกุม แล้ว กุมกุมัม คือผงอะไรล่ะคะ

อย่างเดียวกันครับ
#55
พระนารายณ์เปิดโลก เอามาจากเรื่องมหาภารตะครับ
#56
ขอโทษนะครับผม
#57
พระศิวะท่านสังหารพระกามเทพ โดยใช้ตาที่3เผาร่างท่านครับ
พระกามเทพท่านเลยมีแต่จิต ไม่มีรูปร่างอะครับ

และในตำนาน พระศิวะท่านพิโรธหลายครั้ง ปางดุก็มีหลายปาง
ปางวีรภัทรก็ดุเหมือนกัน อวตารเพื่อมาทำลายพิธีของพระทักษะ ภายหลังก็ตัดเศียรพระทักษะ แล้วเศียรบังเอิญตกลงกองไฟ

ปางตัดเศียรพระพรหม ก็มีชื่อเรียกอีกปางนึง คือ ปางพรหมศีรัจเฉท ปางนี้ต้องทำเป็นเรื่องราวนะ มีรูปพระพรหมข้างๆ กำลังตัดเศัยรพระพรหม

ถ้าเป็นปางโดดๆ มีพระศิวะองค์เดียว มีลักษณะเปลือยกาย มีหัวคนหรือถ้วยกปาละในมือ มีสุนัข องค์นี้คือพระไภรพ
#58
ถ้าอสูรมันยุแยง มันจะยุแยงใครละครับ???

อสูรจะโกรธแค้นพระพรหมเรื่องอะไรละครับ???

ในเรื่องต่างๆ ที่อสูรมันมีฤทธิ์เดชอาละวาดสวรรค์ ทศกัณฐ์ที่มีฤทธิ์มาก หิรัณยกศิปุที่ท้าทายพระเจ้า ล้วนได้รับพรจากพระพรหมทั้งนั้น

เราเป็นคนธรรมดา มีหน้าที่แค่นับถือ ไม่ควรไปคิดเองเออเองแทนคนส่วนใหญ่ที่เขาปฏิบัติมานาน ไม่มีสิทธิ์ไปคิดแทนคนอื่น หรือไปตำหนิปุราณะ มันไม่ใช่เรื่องของสาวกที่ต้องไปวุ่นวายกับปุราณะ หรือไปตำหนิคนเขียนปุราณะ

.........

สมมติว่า ถ้าพระพรหมท่านจะถูกสาปให้เป็นคนเลี้ยงโค

ความเป็นคนเลี้ยงโคก็ไม่ได้ลดค่า คนก็ยังมองท่านเป็นมหาเทพวันยังค่ำ เป็นผู้ให้กำเนิดระบบวรรณะ เป็นบิดาของพระมนูองค์นึง

ถ้ามองโดยรวม สิ่งที่ท่านได้รับ ไม่ว่าการบูชา หรือเทศกาล ไม่ได้หมายความว่าท่าน"ไร้ค่า"ในสายตาคนที่นับถือ หรือในสายตาเทพองค์อื่น

สิ่งที่ท่านถูกสาป เป็นเรื่องเล็กๆ ไม่ระคายท่านหรอก
ก็แค่คนบนนับถือน้อยบนโลก หรือมีเทวสถานน้อยมากๆบนโลก
แต่ความเป็นมหาเทพไม่ได้หายไปไหน

แต่เป็นเทพที่ใครๆก็รู้จัก เทพทุกองค์ รวมไปถึงอสูร ให้ความเคารพมากๆ......นี่ขนาดท่านโดนสาปนะเนี่ย แต่เวลาอยากมีฤทธิ์เดช ก็บูชาพระพรหม

ถ้ามองอีกแง่

ถือว่าท่านเป็นเทพที่โชคดีนะ และโชคดีกว่าองค์อื่น

-มีวิมานทั้งบนโลก และบนสวรรค์
-มีฐานะเท่าเทียมมหาเทพ2องค์
-ได้รับหน้าที่สำคัญ และสำคัญมากๆ เช่น ทำลายโลก(ท่านให้น้ำท่วมโลก)
-ถ่ายทอดพระเวท
-เป็นบิดาพระมนูองค์หนึ่ง
-ให้กำเนิดวรรณะ
ฯลฯ
#59
keshar เทวนาครีเขียนว่า केसर เกสร

केसर คือ หญ้าฝรั่น

เป็นเครื่องเทศที่ราคาแพงมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ได้ยินว่าแพงที่สุดในโลก
เพราะได้มาจากดอกไม้ และเกสรดอกไม้ชนิดนี้มีแค่2อันเท่านั้น

Kumkum Tilak
^
^
ที่กล่องเขียนว่า Kumkun Tika นะครับ
#60
ผงจันทรา???
ผมว่าคือผงจันทน์นะครับ
#61
อัคนีวีรับ กับ ซับทระกรรณี
อัคนีวีรั่นไม่ทราบประวัติ

แต่ซับทระกรรมณี คือ พระแม่7องค์ หรือ สัปตมาตฤกา
#62
ที่สำคัญ ไม่มีพระพรหม ก็ไม่มีระบบบวรรณะ
#64
ภาควัตปุราณะ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องพระวิษณุไม่ใช่หรอครับ นิกายภักติยึดคัมภีร์นี้เป็นหลัก
#65
การกระทำของพระพรหมที่ถูกพระแม่สรัสวดีสาปมันเป็นเรื่องสมควรมากๆ

พระพรหมเป็นเทพแห่งพระเวท ผู้สร้างโลก แต่กลับทำผิดซะเอง เอาหญิงชาวบ้านมาแต่งตั้งเป็นเทพ เป็นใครก็โมโหอยู่แล้วครับ
เพราะถือว่าทำอะไรไม่ไว้หน้ากัน ยิ่งตนเป็นเทพชั้นผู้ใหญ่ เทพองค์อื่นก็เกรงใจ และพระพรหมท่านก็รับคำสาปด้วยความเต็มใจ แล้วคนที่เป็นธุระนำสาวเลี้ยงวัวมาให้พระพรหมคือพระวิษณุ

สรุปว่ากรณีมีการรู้เป็นเป็นใจอยู่ พระวิษณุเลยถูกสาปให้ไปเกิดเป็นเด็กเลี้ยงโค เป็นที่มาของพระกฤษณะไงครับ

ส่วนตำนานไภรพ พระพรหมท่านถูกพระศิวะตัดเศียรเหลือ4เศียร และโดนสาปด้วย
พระศิวะก็โดนเพราะไปตัดเศียรพระพรหมนี่แหละ เพราะเศียรพระพรหมท่านติดมือพระไภรพเอาไม่ออก พระพรหมบอกว่าการฆ่าพราหมณ์เป็นบาป พระศิวะต้องลงไปใช้ชีวิตแบบนักบวชบนโลก รับของจากการการบิณฑบาต เพื่อล้างบาป และกลุ่มที่นับถือพระไภรพคือพวกนักบวช"อโฆรี" และภายหลังรูปพระไภรพถือด้วย"กปาละ"แทนเศียรพระพรหมที่ถูกตัด ลักษณะของพระไภรพคือ"เปลือย" ซึ่งเป็นลักษณะของพวกอโฆรี

แต่ยังไงพระพรหมก็ยังได้รับการบูชา เพียงแต่บูชาไม่เหมือนกับเทพองค์อื่นเท่านั้นเอง ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของ"กรรม"

แต่ถึงจะไม่ได้รับการบูชามากมาย แต่ก็ได้รับสิทธิ์ในการบูชาเท่ากับมหาเทพ เพราะมหาเทพยังไงก็เป็นมหาเทพอยู่แล้ว
ในอินเดียมีวัด"ตรีมูรติ"หลายที่ ที่อินโดนีเซียมีวัดพรัมบะนัน เป็นวัดตรีมูรติขนาดใหญ่

ถ้ามองอีกมุม เทพองค์อื่นๆเองก้ไม่ได้รับการบูชาเท่าพระพิฆเนศ เพราะบูชาเทพก็ต้องบูชาพระพิฆเนศก่อนเป็นอันดับแรก......เทพองค์อื่นไม่พอใจเท่าไรนะครับ

และการบูชาพระพรหม จะขออะไรละครับ???
ในปุราณะ คนส่วนใหญ่ที่ขอพรพระพรหมก็ขอให้ไม่ตาย ขอให้มีอิทธิฤทธิ์บ้างอะไรบ้าง อสูรส่วนใหญ่ก็ได้รับพรจากพระพรหมนี่แหละ
แต่มนุษย์ธรรมจะจะขออะไรละ? ขอให้มีสติปัญญา ก็ขอจากพระพิฆเนศ ขอให้รวยก็ขอพระลักษมี ถ้าขอเรื่องอื่นๆ เรื่องทางโลก ก็ไปขอพระแม่ปารวตี พระแม่กาลี พระแม่สุรัสวดี หรือขอพระศิวะ พระวิษณุ ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องทางโลกทั้งนั้น ขอให้รวย เก่ง ฉลาด การงานราบรื่น ปลอดภัย ส่วนใหญ่ก็บูชาพระพิฆเนศ พระลักษมี พระศิวะ ฯลฯ

ผมแค่มองว่าพระพรหมจะได้รับการบูชามากน้อยบนโลก ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องน่าเสียดาย และไม่ควรไปซีเรียสแทนท่าน ว่าทำไมท่านถูกกดขี่ ไม่ได้รับความเป็นธรรม  หรือไปโทษคัมภีร์ว่าเขียนใส่สีตีไข่

เพราะยังไงพระพรหมจะถูกสาป ก็ยังมีฐานะเป็นมหาเทพ มีวิมานของพระองค์อยู่บนสวรรค์คือสัตยโลก วิมานบนโลก็มีความสวยงาม มีทะเลสาบกว้างใหญ่........นี่คือมองในแง่ดีนะครับ

พระศิวะมีวิมานอยู่บนโลกนี้(ตามความเชื่อทางศาสนา) แต่ท่านก็ไปใช้ชีวิตแบบนักบวช เข้าป่าบ้างอะไรบ้างให้พวกชีเปลือยบูชา ตามเงื่อนไขของพระพรหมที่ไปตัดเศียรท่าน

ป.ล.ขอใช้ภาษาธรรมดา เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นนะครับ
#66
ตำรับปุราณะ โบราณของจริง

คำว่าโบราณ เป็นคำวิเศษณ์ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ให้ความหมายว่า มีมาแล้วช้านาน เก่าก่อน ใช้ประกอบกับคำอื่นๆอีกมากมายหลายคำ เช่น โบราณคดี โบราณวัตถุ โบราณสถาน

ส่วนคำว่า ปุราณ เป็นคำเดียวกับ โบราณ ประพัฒน์ ตรีณรงค์ และสงวน อั้นคง อธิบายว่า เป็นนาม ใช้เรียกหนังสือหนึ่งในสามพวก ที่พราหมณ์รวบรวมแต่งไว้ แบ่งเป็นสามยุค ตามลักษณะแห่งหนังสือ

1. ยุคไตรเพท เป็นยุคที่แต่งตำรับที่ออกนามว่า พระเวท พร้อมตำรับอื่นอันเป็นบริวาร มีข้อความกล่าวด้วยการบูชายัญ สรรเสริญพระเป็นเจ้าด้วยวิธีอย่างเก่าที่สุด ไม่ใคร่จะมีเรื่องราวเล่าอย่างเป็นนิยายหรือประวัติพิสดาร

เพราะในสมัยนั้น ยังมิได้มีเวลาคิดประดิด ประดอยเรื่องราว

2. ยุคอิติหาส เป็นยุคที่เกิดมีวีรบุรุษขึ้นแล้ว จึงมีผู้คิดรวบรวมเรื่องราวอันเป็นตำนานเนื่องด้วยวีรบุรุษ รจนาเป็นกาพย์เพื่อให้จำง่าย สอนให้ศิษย์สาธยายในกาลอันควร  แล้วก็จำกันต่อๆมา  มีเรื่องรามายณะ(รามเกียรติ์) และมหาภารตะ เป็นอาทิ แต่ยังไม่มีผู้จดลงเป็นลายลักษณ์อักษร

ภายหลังอีกหลายร้อยปี จนมีผู้จดเป็นหนังสือ เพราะฉะนั้น หนังสืออิติหาสจึงมักมีข้อผนวกหรือแก้ไขเกินไปกว่าเรื่องเดิม

3. ยุคปุราณะ เมื่อยกยอวีรบุรุษต่างๆมากขึ้นๆ ในที่สุดวีรบุรุษก็กลายเป็นผู้วิเศษหรือเทวดา เกิดตำรับชุดปุราณะขึ้นเป็นพยานหลักฐานว่า พระเป็นเจ้า หรือเทวดาองค์นั้นๆ ได้ทรงอภินิหารอย่างนี้ ยิ่งแต่งยิ่งเพลินขึ้นทุกที

ข้างฝ่ายไสยศาสตร์ก็เกิดตำรับปุราณะ อ้างว่ารวบรวมจากเรื่องเก่าขึ้นมาบ้าง

หนังสือตำรับเหล่านี้ เมื่อเป็นที่ถูกใจนักศึกษาก็มีผู้จำได้มาก จนในที่สุด ทั้งพราหมณ์ และชนสามัญที่ถือไสยศาสตร์ก็เริ่มไม่รู้จักไตรเพทที่แท้จริง ยึดตำรับหนังสือชุดปุราณะ เป็นตำรับสำคัญของลัทธิไสยศาสตร์ไปเลยทีเดียว

หนังสืออมรโกษ หนังสืออภิธานภาษา สันสกฤตที่เก่าที่สุด แต่งโดยพราหมณ์อมรสิงห์ รัตนกวีผู้หนึ่ง ในราชสำนักพระเจ้าวิกรมาทิตย์ กรุงอุชยินี(อุชเชนี) อธิบายคุณลักษณะ หนังสือปุราณะไว้ว่า ควรมีลักษณะพร้อมด้วยองค์ 5 กล่าวคือ

1. กล่าวด้วยการสร้างโลก
2. กล่าวด้วยการล้างโลกและกลับสถาปนาขึ้น
3. กล่าวด้วยกำเนิดแห่งพระเจ้า และพระบิดาทั้งหลาย
4. กล่าวด้วยกัลป์แห่งพระมนูทั้งหลาย ผู้บันดาลให้กาลแบ่งเป็นมันวันตระ
5.กล่าวด้วยพงศาวดารกษัตริย์ สุริยวงศ์ และจันทรวงศ์

พราหมณ์อมรสิงห์ระบุว่า หนังสือใดบริบูรณ์ด้วยเนื้อหาเช่นนี้ จึงเรียกว่า บริบูรณ์ ด้วยเบญจลักษณ์แห่งปุราณคัมภีร์ หรือคัมภีร์ปุราณะที่แท้จริง

หนังสือปุราณทุกฉบับแต่งเป็นกาพย์ มีฉันท์กับโศลกคละกัน รูปแบบหนังสือมักเป็นปุจฉาวิสัชนา และมีคนอื่นๆพูดบ้างบางแห่ง

อายุหนังสือปุราณะไม่ใช่สมัยเดียวกันหมด แม้ในเล่มเดียวกัน ข้อความบางตอนชี้ให้เห็นว่า มีผู้แต้มเติมเข้าใหม่ ภายหลังเชื่อมหัวต่อไม่สนิท

หนังสือปุราณทุกคัมภีร์ มักอ้างว่าเป็นของมุนีตนใดตนหนึ่ง รับมาจากพระเป็นเจ้า มาสอนให้ศิษย์นามว่าอย่างนั้นๆ

เช่น วิษณุปุราณะ พระปุลัสตยมุนีรับมาจากพระพรหม แล้วมาบอกเล่าให้ศิษย์ชื่อปราศร และปราศรบอกให้แก่ศิษย์ชื่อไมเตรยะอีกชั้นหนึ่ง

ตำรับปุราณะ มี 18 คัมภีร์ แบ่งเป็น 3 นิกาย ตามลักษณะแห่งเรื่อง ดังต่อไปนี้

ก. สาตตวิกนิกาย  มีลักษณะเต็มไปด้วยความเที่ยงธรรม  หรืออีกนัยหนึ่ง เรียกว่าไวษณพนิกาย  กล่าวด้วยพระวิษณุเจ้า  มี  6  คัมภีร์ 
1.วิษณุปุราณะ 
2.นารท หรือนารทียปุราณะ
3. ภาควัตปุราณะ
4. ครุฑปุราณะ
5. ปัทมปุราณะ
6. วราหปุราณะ

ข.ตามัสนิกาย กล่าวด้วยสมัยที่โลกยังขุ่นเป็นน้ำตม อีกนัยหนึ่ง ไศวนิกาย กล่าวด้วยพระศิวะเป็นเจ้า มี 6 คัมภีร์
1. มัตสยปุราณะ
2. กูรมปุราณะ
3. ลิงคปุราณะ
4. ศิวปุราณะ
5 สกันทปุราณะ
6. อัคนิปุราณะ หรือวายุปุราณะ(หลังๆแยกออกเป็น2ปุราณะ)

ค. ราชัสนิกาย กล่าวด้วยสมัยเมื่อโลกเต็มไปด้วยความมืด และกล่าวด้วยพระพรหม สมมติว่าพระพรหมมาเป็นผู้แสดงบ้างในบางเรื่อง มี 6 คัมภีร์ 1. พรหมปุราณะ
2. พรหมาณฑปุราณะ
3. พรหมไววรรตปุราณะ
4. มารกัณเฑยปุราณะ
5. ภวิษยปุราณะ
6. วามนปุราณะ

ข้อมูลหนังสือปุราณเหล่านี้ ผู้ เรียบเรียงบอกว่าได้มาจากอภิธานศกุนตลา พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 6. (อ่านรายละเอียดใน บ่อเกิดรามเกียรติ์ และ ศกุนตลา)

Oบาราย O

http://www.thairath.co.th/column/pol/kumpee/52476

บางปุราณะ มีเรื่องคลายในคัมภีร์พันธสัญญา เช่าน มนุษย์คู่แรก เรื่องบุตรเกิดจากสาวพรหมจรรย์ เรือในน้ำท่วมโลก เรื่องในคัมภีร์อัลกุรอานก็มีในปุราณะ
#67
พระพรหมมีเทศกาลบูชาอยู่ที่ทะเลสาบบุษกร และอยู่ในเทศกาลอูฐของแคว้นราชสถานเมืองบุษกร
และที่ว่าเทศกาลพระพรหมมีปีละครั้งก็ไม่แปลก แต่จัดกี่วันรึเปล่าไม่รู้ครับ

เพราะเทศกาลอื่นๆ เช่น ศิวราตรี วันเกิดพระราม วันเกิดพระกฤษณะ วันวิสาขบูชา ฯลฯ ก็จัดปีละครั้ง(ครั้งนึงจะจัดกี่วันก็อีกเรื่อง)

หรือมองอีกเหตุผลนึง เทพที่คนพุทธนับถือหรือปรากฎในพระพุทธศาสนา ชาวฮินดูจะไม่ให้ความสำคัญ พวกคุรุเลยตัดออกจากสารบบเทพสำคัญๆ

พระพรหมท่านก็เคยช่วยพระศิวะรบ(ตอนอื่นไม่รู้) ตอนปราบอสูร3คนคืออสูรตรีปุระ เลยมีพระศิวะปางตรีปุรานตกะ
พระศิวะเอาเขาพระสุเมรุเป็นธนู พระวิษณุเป็นลูกศร นาคราชเป็นสายธนู พระแม่ธรณีเป็นราชรถ พระอาทิตย์ พระจันทร์เป็นล้อ พระเวท4เป็นม้า พระพรหมเป็นสารถี ภายหลังธนูนี้กลายปรากฎในตอนพระรามในพิธีเลือกคู่ ธนูมันหนักจนกษัตริย์ที่มาร่วมงานท่านอื่นไม่มีใครยกขึ้น
#68
เพราะได้ยินมานี่แหละครับ

เล่าเยอะเดี๋ยวพลาด
#69
เทพบางองค์ปรากฎในเฉพาะคัมภีร์ ไม่ได้รู้จักกันแพร่หลาย
เทพบางองค์อยู่ในปุราณะ แต่ปุราณะนั้นก็เป็นของแต่งยุคหลังมากๆ
เพราะปุราณะเองมี18เล่ม แต่ละเล่มก็เล่าไม่เหมือนกัน

ก็ต้องพิจารณาเอาเองครับ
#70
ตำนานอินเดีย ผม"ได้ยินว่า"
นางอัญชนา เดิมเป็นนางอัปสรา แต่เผลอตัวไปลบหลู่ฤๅษีท่าน เลยโดนสาปให้เป็นลิง ภายหลังก็แต่งงานอยู่ราชาลิงอยู่กินกันจนมีลูก พระศิวะประทานลูกให้ พลังหนุมานส่วนใหญ่ได้รับจากเทพแห่งลมหรือพระวายุ หนุมานถึงมีพละกำลังมาก จนสามารถแบกภูเขามหึมาได้
#71
เรื่องกล้วยไม่รู้นะ
แต่ในพิธีกรรมฮินดูส่วนใหญ่ ก็มีการเอาต้นกล้วยมาวางในพิธี อาจเป็นความเชื่อ

รอท่านต่อไปครับ
#72
เทพในพระพุทธศาสนาส่วนใหญ่ ฮินดูไม่นิยทนับถือทั่วไป
สังเกตว่าเทพที่คนฮินดูไม่ค่อยให่ความสำคัญ ส่วนใหญ่เป็นเทพปรากฎในพระพุทธศาสนา ท้าวกุเวรท่านก็เป็นยักษ์
แต่ในปุราณะ พระพรหมท่านก็ไม่ได้ทำอะไรมาก แทบไม่มีบทบาทอะไร สร้างโลกเสร็จ รอน้ำท่วมโลก แล้วท่านก็หลับ
และกลุ่มคนที่นับถือพระพรหมก็คือพวกพราหมณ์ หรือพวกที่เป็นวรรณะพราหมณ์โดยกำเนิก พราหมณ์ แปลว่า เกิดจากพรหม
#73

พระรามมาโปรดนางศพรี
นางศพรีคือหญิงชาวบ้าน พอแก่ชราก็ใช้ชีวิต"วนวาสี"ตามหลักฮินดู และอยู่ที่อาศรมฤๅษีมาตังคะ นางทราบจากฤๅษีว่าพระรามผู้เป็นอวตารพระวิษณุจะเดินทางมาที่นี่ นางมีความยินดี และหาดอกไม้รอบๆมาปูทางเดินให้พระรามเดินเข้ามาในอาศรม แล้วนางก็ออกไปหาผลไม้หวานออกมาต้องรับพระรามและพระลักษมณ์ พอพระรามมาถึง นางร้องไห้ น้ำตารดลงพระบาทพระราม
http://www.youtube.com/v/FZnBfo1ZD5w
http://www.youtube.com/v/7iWUDaM2_-o


พระรามถอนคำสาปนางกาลอัจนาหรืออหลยา
นางอหลยาคือเมียฤๅษีโคดมหรือเคาตมะ นางมีความสวยงาม และงามของนางเป็นที่ต้องตาต้องใจของพระอินทร์ พระอินทร์แปลงกายเป็นฤๅษีโคตม แน่นางก็รู้ว่าคือพระอินทร์แปลงมา แล้วมีอะไรกันกับนาง แล้วฤๅษีทราบเลยกลับมาที่อาศรม พระอินทร์มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ฤๅษีสาปให้มี"โยนี"ผุดขึ้นตามตัว(ภายหลังกลายเป็นดวงตา) และสาปนางว่ารู้ทั้งรู้ก็ยังทำ สาปให้กลายเป็นหิน จะพ้นคำสาปต่อเมื่อพระรามเสด็จมาและเอาพระบาทเหยียบก้อนหิน และนางกลับบริสุทธิ์เหมือนเดิม ขึ้นสวรรค์ไปอยู่กับฤๅษีโคดม....ฤๅษีที่พาพระรามมาที่นี่ คือฤๅษีสวามิตรหรือวิศวามิตร
http://www.youtube.com/v/GCKYQTfHHG4
http://www.youtube.com/v/1THk5dBri6Y
#74
ปกติพระแม่กาลีหลายๆปางก็ถือตรีศูลอยู่แล้วนิครับ

ซูลัมกาลี คือ พระแม่กาลีถือตรีศูล
#75
เป็นแนวคิดเรื่องศักติ เรื่องพระแม่ต่างๆ เป็นแนวคิดที่เกิดในยุคหลังๆอะครับ ไม่แน่อาจไม่มีในปุราณะด้วย
#76
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
บอกก่อนว่าข้อมูลข้างบน คือประวัติหนุมานแบบไทย อ้างอิงจากรามเกียรติ์

ตำนานอินเดียว่าพระศิวะอวตารเป็นหนุมาน

ส่วนภูเขาที่หนุมานแบกไปตอนพระลักษมณ์ถูกศรพิษ มีหลายชื่อเรียก เช่น เขาคันธมาทน์ เขาทูนะ เขาโทรณะ เขาสัญชีวินี

ส่วนเมียท้าวทศรถ3คน เกาสุริยา(เกาศัลยา) สุมิตรา ไกยเกษี(ไกเกยี) ฉบับอินเดียว่าขณะทำพิธีโหมกรรม พระอัคนีโผล่จากกองไฟมอบน้ำทิพย์น้ำทิพย์ให้ท้าวทศรถ และท้าวทศรถนำไปให้เมีย3คนดื่ม และคนที่ดื่มมากที่สุดคือนางสุมิตรา เพราะดื่มแล้วมันเหลือ เลยยกให้นางสุมิตราอีกส่วน นางถึงมีลูกสองคน คือ พระลักษมณ์ และ พระสัตรุด(ศัตรุฆณ์) นางไกเกษีมีลูกคือพระภรต นางเกาสุริยามีลูกคือพระราม
#77
เทพอินเดียใต้ส่วนมากก็ถือดาบและคทาเป็นอาวุธอยู่แล้ว

แต่กัตตรายัน(ทมิฬสะกดว่า กาตฺตวรายนฺ) ในอินเดียใต้ก็ไม่ได้มีทุกวัด
#78
ปกติ ตรีศูล ก็เป็นอาวุธประจำตัวของเทพครอบครัวพระศิวะอยู่แล้วนิครับ
พระศิวะก็ถือตรีศูล พระแม่ทุรคาก็ถือตรีศูล
พระพิฆเนศบางทีก้ถือตรีศูล

ถ้าพระแม่กาลีจะถือตรีศูลคงไม่แปลกอะไร เพราะตรีศูลก็เป็นอาวุธคู่กายของเทพครอบครัวไศวะนิกาย เหอๆ

และพระแม่กาลีอินเดียใต้หลายที่ก็ถือตรีศูลเหมือนกัน.......จะเรียก ซูลัมกาลี คงไม่ผิดเท่าไร

เพราะ ซูลัมกาลี ความหมายมันชัดเจนอยู่แล้ว คือ พระแม่กาลีถือตรีศูล
#79
ขออนุญาตเพิ่มเติมนะครับ

Quote from: rama19920 on October 07, 2010, 16:15:49
พอดีผมไปเจอมาจากเว็บนึงคับ เลยเอามาฝากให้กับสาวกของพระแม่ลักษมีคับ เป็นพระนามทั้ง 108 พระนาม พร้อมความหมายของแต่ละพระนามด้วยคับ



มีพระนามและความหมายดังนี้

1.ปรากรุตี                      เทวีผู้เป็นธรรมชาติ
ผมว่าจริงๆคือ ปรากฤตี นะครับ

2.
วิกรุตี                        เทวีผู้งามดังรัตนชาติ

3.
วิทยา                       เทวีผู้ทรงภูมิปัญญา

4.
สรวาภูทาหิตาประดา          เทวีผู้ไม่ได้กำเนิดจากบิดามารดา

5.
ศรัทธา                     เทวีแห่งความภักดี

6.
วิภูติ                         เทวีแห่งความมั่งคั่ง

7.
สุรภี                         เทวีผู้เป็นท้องฟ้า

8.
ปรมัตมิกา                   เทวีผู้อยู่ในทุกหนทุกแห่ง

9.
วาจี                        เทวีผู้มีวาทะดังน้ำอมฤต                        

10.
ปัทมาลา                   เทวีผู้สถิตบนดอกบัว

11.
ปัทมา                     เทวีแห่งดอกบัว

12.
ศูชิ                         เทวีผู้บริสุทธิ์

13.
สวาหะ                     เทวีผู้มีรูปร่างอันเป็นมงคล

14.
สวาทา                             "

15.
สุตา                       เทวีผู้เป็นดังน้ำทิพย์

16.
ธัญญา                     เทวีแห่งความกตัญญู

17.
หิรัญมายี                  เทวีผู้บันดาลให้ปรากฏแห่งทอง

18.
ลักษมี                      เทวีแห่งความมั่งคั่ง

19.
นิตยาพูศตา                เทวีผู้ทรงกำลัง

20.
วิภา                       เทวีผู้งดงาม

21.
กัณฑา                     เทวีผู้เป็นชายาของพระวิษณุ

22.
กามัคชี                     เทวีผู้มีดวงตาอันงดงาม.....จริงๆสะกดว่า กามากษี

23.
กมลาสัมภวา               เทวีผู้สถิตอยู่ในทุกอนูของดอกบัว

24.อนุกราประฑา               เทวีผู้ปรารถนาดีต่อปวงชน

25.
พุทธิ                      เทวีผู้ทรงปัญญา

26.
อนากา                     เทวีผู้ไร้มลทินทั้งปวง

27.
นวทุรกา                    เทวีผู้เป็นนวทุรกา (รูปศักติทั้งเก้า)

28.
หริวัลลาภี                   เทวีผู้เป็นชายาของพระหริ (วิษณุ)

29.
อโศกา                      เทวีผู้ไร้ซึ่งความโศกเศร้า

30.
อมฤตา                     เทวีผู้เป็นอมตะ

31.
ทีปา                       เทวีแห่งประทีป

32.
ลากาโศกาวินาสินี            เทวีผู้ทำลายความทุกข์โศก

33.
ธมานิลายา                 เทวีผู้เป็นนิรันดร์

34.
กรุณา                     เทวีผู้ทรงไว้ซึ่งความกรุณา

35.
โลกามาตรี                  เทวีแห่งจักรวาล

36.
ปัทมาปรียา                 เทวีผู้เป็นที่รักแห่งดอกบัวทั้งหลาย

37.
ปัทมาหัสตรา               เทวีผู้มีหัตถ์(มือ)เหมือนดอกบัว....ผมว่าเป็น ปัทมหัสตา นะครับ

38.
ปัทมาสยา                   เทวีผู้มีตางดงามเหมือนดอกบัว

39.
ปัทมาสุนทรี                เทวีผู้งดงามเหมือนดอกบัว

40.
ปัทโมภวา                   เทวีผู้เกิดจากดอกบัว

41.
ปัทมามุขี                  เทวีผู้ผุดขึ้นจากดอกบัวกลางพิธีเกษียรสมุทร

42.
ปัทมานาภาปรียา             เทวีผู้เป็นที่รักของ ปัทมานาภา(พระวิษณุ)

43.
รามา                      เทวีแห่งพระราม
44.
ปัทมามาลาธรา             เทวีผู้สวมมาลัยดอกบัว

45.
เทวี                        เทวีของปวงเทพ

46.
ปัทมินี                      เทวีแห่งดอกบัว

47.
ปัทมากันธินี                เทวีผู้มีกลิ่นกายหอมเหมือนดอกบัว....ผมว่าเป็น ปัทมาคันธิณี
คันธะ แปลว่า หอม
48.
ปัญญกัณฑา               เทวีผู้มีกลิ่นกายหอมของปัญญา

49.
สุปราสันนา                 เทวีผู้ร่าเริงและสดใสเสมอ

50.
ปราสดาภิมุขี               เทวีผู้ให้กำเนิดใหม่

51.
ประภา                     เทวีผู้มีรัศมีดังดวงอาทิตย์

52.
จันทราวทนา               เทวีผู้มีใบหน้ากลมงามดังดวงจันทร์

53.
จันทรา                     เทวีผู้งามดังดวงจันทร์

54.
จันทราสโฮดารี              เทวีผู้เป็นพี่สาวของพระจันทร์

55.
จตุรภุช                     เทวีผู้มี 4 กร

56.
จันทรรูป                   เทวีผู้มีรูปดังพระจันทร์

57.
อินทิรา                     เทวีผู้งดงาม

58.
อินทุศีตาลา                เทวีผู้มีพระทัยเย็นดุจดวงจันทร์

59.
อลาทาชนนี                 เทวีผู้เป็นมารดาแห่งความสุข

60.
พุทธิ                      เทวีแห่งสุขภาพ

61.
ศิวา                       เทวีแห่งความเป็นมงคล

62.
ศิวาการี                    เทวีแห่งสิ่งมงคลทั้งหลาย

63.
สัตยา                     เทวีแห่งความสัตย์จริง

64.
วิมาลา                     เทวีผู้มีวรกายงดงาม

65.
วิศวาชนนี                   เทวีผู้เป็นมารดาของจักรวาล

66.
พุทธิ                      เทวีผู้เป็นอำนาจของพุทธิ(สุขภาพ)

67.
ธาริทิยานาสินี               เทวีผู้ขจัดความยากจน

68.
ปรีตา ภุชการินี               เทวีแห่งความรื่นรมย์

69.
สัณฑา                     เทวีแห่งความสงบสุข....ผมว่าเป็น ศานตา นะครับ

70.สุกลามาลามพรา             เทวีผู้แต่งกายและสวมมาลัยสีขาว

71.
ภาสการี                    เทวีแห่งแสงอาทิตย์

72.
พิลวานิลายา               เทวีผู้อยู่ภายในจิตใจของปวงชน

73.
วารารูฮา                   เทวีผู้ประทานพร

74.
วาสาสวินี                   เทวีแห่งชื่อเสียงเกียรติยศ

75.
วสุนทรา                   เทวีผู้เป็นบุตรีของพระแม่ธรณี (คราวที่ทรงอวตารเป็นสีดา)

76.
อุทารังกา                  เทวีผู้มีวรกายงดงาม

77.
ฮารินี                      เทวีผู้เยื้องกรายงดงามดังกวาง

78.
เฮมามาลินี                  เทวีผู้มีมาลัยดอกไม้สีทองอยู่บนพระศอ(เหมมาลินี แปลว่า ดอกไม้สีทอง เหม แปลว่า ทอง)

79.
ธนาธัญญากี               เทวีผู้ประทานความั่งคั่ง

80.
สิทธิ                       เทวีแห่งความสำเร็จ

81.
โสมยา                      เทวีแห่งการสรงสนาน

82.
สุภาประทา                 เทวีผู้ประทานสิ่งมงคลทั้งหลาย

83.
นรุปาเวศวากาธันญา          เทวีผู้สถิตอยู่ในพระราชวัง

84.
วราลักษมี                   เทวีผู้โปรดปรานความมั่งคั่ง

85.
วาสุประทา                  เทวีผู้ประทานปัญญา

86.
สุภา                       เทวีผู้เป็นมงคล

87.
หิรัญญาประกา              เทวีผู้มีรัศมีเป็นทอง

88.
สมุทราธันญา               เทวีผู้เป็นธิดาของพระสมุทร (คราวที่กำเนิดจากพิธีกวนเกษียรสมุทร)

89.
ชยา                       เทวีแห่งชัยชนะ

90.
มังคลา                     เทวีแห่งความเป็นมหามงคล

91.
เทวี                        เทวีแห่งปวงเทพ

92.
วิษณุวาคสา                เทวีผู้สถิตในพระทัยของพระวิษณุ

93.
วิษณุปัตนี                   เทวีผู้เป็นชายาของพระวิษณุ

94.
ปราสันนากษี               เทวีผู้มีดวงตางดงาม

95.
นารายณา สามัสริตา          เทวีผู้สถิตอยู่ในพระนารายณ์ (วิษณุ)

96.
ทาริทตียา                   เทวีผู้ทำลายความยากจน

97.
เทวี                        เทวีแห่งปวงเทพ

98.
สรวาปาทราวานิวารีนี         เทวีผู้สถิตในสรวงสวรรค์

99.
มหากาลี                   เทวีผู้ปราบอสูรในรูปดุร้าย

100.
พรัหมา วิษณุ ศิวัตมิกา       เทวีผู้เป็นที่รักของพระพรัหมา พระวิษณุ พระศิวะ
101.
ตรีกาลา                  เทวีผู้อยู่ในภพทั้งสาม

102.
ภูวเนศวรา                 เทวีผู้เป็นใหญ่ในจักรวาล....บางทีเรียก ภูวเนศวรี
103.โลกมาตา                  เทวีผู้เป็นมารดาของโลก
104.กษิราธิธัญญา             เทวีผู้เป็นธิดาของพระสมุทร
105.ปัทมาวตี                   เทวีผู้ทรงไว้ซึ่งดอกบัว
106.เคารี                     เทวีผู้มีกายสีทอง
107.วิษณุปรียา                เทวีผู้เป็นที่รักของพระวิษณ
108.ศังกรีลักษมี               เทวีผู้ประทานโชคลาภอันยิ่งใหญ่
ถ้ามีข้อผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคับ หวังว่าคงจะถูกใจสาวกของพระแม่ทุกคนนะคับ

ขอให้มีความสุข ให้พรของพระแม่อยู่กับสาวกของท่านตลอดไปคับ

โอม ศรี มหาลักษมี กีเจ นะมะ


#80
จันทิเกศวร ครับ

ขออภัยคับ ตอบผิดกระทู้