Messages

กรณีเศียรครู ทั้ง 3 องค์นั้น ควรให้ครูผู้ทำพิธีไหว้ครูดนตรีไทย หรือโขนละคร ที่ได้รับสืบทอดอย่างถูกต้อง
เป็นผู้เบิกเนตรเห็นจะเหมาะกว่าครับ เพราะทั้ง 3 ท่านเป็นครูเทวดาทางดนตรีและนาฎศิลป์ไทย ดังนั้น
ก็ควรจะให้ครูซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรง เป็นผู้เบิก จะดีกว่าครับ

เป็นข่าวที่น่าสนใจนะคับ แต่ว่างอค์ประกอบของการโล้ชิงช้า ไม่ได้มีแต่การโล้ชิงช้าเพียงอย่างเดียว
กระบวนการเริ่มตั้งแต่การแห่เทวรูป แห่พระยายืนชิงช้า ฯลฯ ที่เป็นองค์ประกอบอีกมาก ทั้งนี้ถ้าเอากันครบจริงๆ
ก็รวมไปถึงการตรียัมปวายที่พระอุโบสถวัดพระแก้วด้วย

แต่สำคัญที่สุด จะรื้อฟื้น"พระราชพิธี"อย่างไร ให้เป็น "พระราชพิธี" และไม่กลายเป็น"งมงาย"
ถ้าแก่นของพระราชพิธีนี้คือ "ความไม่ประมาท" จะรื้อฟื้นอย่างไรให้คนเข้าใจได้ว่า
พระราชพิธีนี้มีจุดมุ่งหมายอย่างไร นอกไปจากการสักการะบูชาพระเป็นเจ้าเพื่อความ
สวัสดิมงคลแต่อย่างที่เข้าใจกันทุกวันนี้

ดิดิฉันเข้าร่วมพิธีมิซซาอยู่บ่อยๆ แพยงแต่ไม่ได้ร่วมรับประทานแผ่นศีลกับเขาเลยเท่านั้น ไม่ได้อะไรมากนะคะ แต่ไม่อยากจะไปรบกวนคนที่เขาเข้าคิวด้วยศรัทธาตรงๆมากกว่าดิฉันเท่านั้นเอง

ขอเรียนให้ทราบว่า การรับแผ่นศีล หรือ ศีลมหาสนิทนั้น เป็นเรื่องเฉพาะของ"คริสตชนที่ได้รับศีลล้างบาป(แบบที่พระศาสนจักรคาทอลิกรับรอง) และเตรียมตัวมาอย่างดีแล้ว"เท่านั้นครับ
เพราะไม่ใช่ว่าคริสตชนทุกคนที่ได้รับศีลล้างบาปแล้ว จะรับได้อย่างถูกต้อง หากมีบาปติดตัว โดยเฉพาะบาปหนัก และยังไม่ได้รับศีลอภัยบาป ก้ไม่สามารถรับได้เช่นกัน ดังนั้น ผู้ที่ไม่ได้รับศีลล้างบาป หรือมีบาปติดตัว ก็รับแผ่นปังไม่ได้เช่นกันครับ เพราะจะถือว่าเป็นการทุราจาร(ดูหมิ่น)ศีลมหาสนิท ซึ่งถือว่า เป็นพระกายของพระคริสตเจ้า นักบุญเปาโลกล่าวว่า เมื่ือใดที่เรารับศีลมหาสนิท ก็เท่ากับว่าตัดสินลงโทษตัวเองไปแล้ว หมายถึง ถ้าเรารับด้วยความบริสุทธิ์ตามกำหนดของพระศาสนจักร ก็ย่อมส่งผลดีต่อเรา เป็นอาหารฝ่ายวิญญาณของเรา แต่ถ้าเราไม่ได้เตรียมตัวอย่างดี และรับศีลเข้าสู่ตน เท่ากับว่าตัดสินตนเองแล้วว่ามิได้ถวายพระเกียรติต่อพระกายของพระคริสตเจ้า

ดังนั้น ผู้ที่ไม่ได้รับศีลล้างบาป และมีความศรัทธาในพระคริสตเจ้า การไปร่วมพิธีมิสซา เป็นการเพียงพอแล้วครับ ไม่ต้องถึงกับรับศีลมหาสนิท

ขอชี้แจงให้ทราบตามนี้ครับ

การบูชาไฟ เขาเรียกว่า โหมกุณฑ์ คับ

ถือเป็นการบูชาสำคัญอย่างนึ่ง รากเดิมก็คือการบูชาแต่โบราณของพราหมร์ตั้งแต่ยุคพระเวท
ในไทยเอง มักจะทำแต่ในพระราชพิธีสำคัญเท่านั้น พระราชพิธีครั้งหลังสุด เท่าที่ทราบ คือ
พระราชพิธีสมโภชสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ที่เหนว่าพระราชครูเชิญใบไม้ 3 ช่อ ที่เรียกว่า ใบสมิต
ไปถวายพระเจ้าอยู่หัวเพื่อทรงปัดพระองค์ เพื่อให้โรคภัยต่างๆลงสู่ใบสมิตให้พ้นพระองค์
เมื่อเสร็จพิธีแล้ว จึงเชิญกลับมาทำพิธีโหมกุณฑ์ที่เทวสถาน เพื่อให้พระอัคนีทรงทำลายทิ้งเสีย นี่ก็เป็นการบูชากุณฑ์อย่างหนึ่ง

รายละเอียดลองหาอ่านในศิลปวัฒนธรรม หรือหนังสือพลอยแกมเพชร เล่มธันวาคม ช่วยพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครับ

ลองหาหนังสือ รัตนเทวีปกรณ์ มาอ่านดูนะคับ ละเอียดทีเดียวเกี่ยวกับประวัติ ความเป็นมา รวมถึงการบูชาพระธรณีคับ

ตราบัวแก้วนั้น ยังไม่มีผู้ใดชี้ชดว่าเป็นเป็นเทพยดาผู้ชาย หรือเทพยดาผู้หญิง
เพราะก็คงจะคล้ายๆกับพระสุรัสวดี ที่ตำราเดิมเป็นสตรี ต่อมากลายเป็นบุรุษ

ส่วนตราของสถาบันการพลศึกษานั้น ไม่ใช่พระอินทร์ทรงช้างคับ แต่เป็น พระพลบดีทรงช้าง
เป็นเทวดาใหม่ที่ผูกขึ้น ความต่างของพระอินทร์กับพระพลบดีคือพระพลบดีทรงพระขรรค์
ส่วนพระอินทร์ทรงพระแสงขอช้าง

ตราเทพยดาทรงพระนนทิการ เทพยดานั้นก็คือ พระอิศวร พระนนธิการก็คือ โคนันทิ ในรัชกาลที่ 6
ทรงโปรดให้เขียนตราใหม่ เปลี่ยนชื่อให้ตรงว่า พระมหาเทพทรงพระนนทิการ สมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมพระยานริศฯ ทรงเขียนตามแบบอินเดียเต็มที่

ส่วนตราของชุมนุมประวัติศาสนตร์ฯนั้น ก็คือตราเดียวกันกับตราของครุสภาครับ

เทวรุปที่เชิญเข้าพระราชพิธีตรียมัปวาย ตรีปวาย เป็นคนละชุดกับที่ประดิษฐานที่พระที่นั่งไพศาลทักษิณครับ
ชุดที่พระที่นั่งไพศาลทักษิณนั้น พระอิศวรองค์ใหญ่มาก ประมาณหน้าตัด 5 นิ้วขึ้นไป ส่วนพระสรัสสวดี ขนาดประมาณ 3 นิ้ว
เทวรูปอื่นๆ ล้วนมีขนาดใหญ่กว่าที่เชิญไปในพระราชพิธีทั้งสิ้น นี่ตอบตามตาที่เหนนะครับ ส่วนรูปภาพ ลองค้นดูในหลังสือต่างๆ
อาจจะเจอครับ

หอที่เก็บรักษาพระพุทธรูป เทวรุป วัตถุอันควรเคารพในพระบรมมหาราชวังนั้น กระจัดกระจายอยู่ทั่วไปในบริเวณครับ
จุดสำคัญ ก็เช่น หอพระสุลาลัยพิมาน หอแก้วพระภูมิ พระที่นั่งราชกรัณยสภา ฯลฯ

ส่วนเทวรูปหลวงในพระราชพิธีตรียัมปวาย ตรีปวายนั้น คงต้องถามผู้เกี่ยวข้องคงจะได้ทราบครับ