Quote from: โอม มหา บารมี เทวา โอม on September 12, 2010, 21:50:58Quote from: กาลปุตรา on September 09, 2010, 13:02:54
จริงๆ แล้วขนมสีเหลืองแสนอร่อยนี้ถ้าเขียนเป็นอักษรไทยจะเขียนว่า "ลัฑฑู" เพราะมาจากคำว่า "लड्डू" และจะออกเสียงตามภาษาฮินดีว่า "ลัดดู" แต่คนไทยเรามักเรียกขนมนี้ว่า "ลาดูป" แล้วเรียกติดปากกันมาจนแขกที่ขายเอง เวลาเราไปซื้อแล้วบอกเอาขนมลาดูป เขาก็จะทราบเองว่าคนไทยหมายถึงขนมลัดดู
ขนมลัฑฑูและโมฑกะ (โมดะคะ - मोडक) ที่ใช้บูชาเทพเจ้านั้น หลายท่านมักจะเข้าใจว่าเป้นขนมชนิดเดียวกัน ซึ่งก็ถือว่าถูก แล้วก็ถือว่าผิดด้วยไปในตัว
เพราะจริงๆ แล้วขนมทั้ง 2 ชนิดนี้ทำขึ้นมากันคนละอย่างและคนละกรรมวิธี แล้วทั้ง 2 ชนิดนี้ยังมีรูปแบบการทำที่ถูกดัดแปลงออกไปอีกมากมาย ทั้งรูปร่างและเครื่องผสม
โดยจากการอ้างอิงจากผู้รู้สายพระคเณศว่า ขนมลัฑฑูนี้เป็นขนมที่พระศรีอุมาเทวีได้ทำขึ้นให้พระคเณศเจ้าเสวย และเป้นขนมโปรดของพระคเณศในเวลาต่อมา ส่วนขนมโมฑกะก็เป็นขนมที่ชาวบ้านทำถวายพระคเณศ แล้วก็เป็นขนมที่พระคเณศทรงโปรดปราณเช่นกัน จึงถือว่าขนมทั้ง 2 ชนิดนี้เป็นขนมชั้นเลิศในการบูชาพระผู้เป็นเจ้า
บางคนก็เรียกขนมลัฑฑูว่าเป็นขนมโมฑกะคนรวย แล้วเรียกขนมโมฑกะว่าเป็นขนมโมฑกะของคนจนก็มี เรื่องนี้เล่าแล้วยาว ซึ่งเป็นเรื่องของหญิงสาว 2 พี่น้อง ที่คนพี่แต่งงานกับเศรษฐี คนน้องแต่งงานกับคนจน แล้วพอถึงวันคเณศจตุรถีอันเป็นวันคล้ายวันประสูติของพระคเณศ พี่น้องสองคนนี้ก็คิดที่จะทำขนมถวายพระคเณศ
คนพี่เนื่องจากมีฐานะดี จึงสามารถซื้อเครื่องปรุงขนมที่มีราคาสูงได้ แล้วทำเป็นขนมลัฑฑูถวายพระคเณศ ส่วนคนน้องนั้นมีฐานะยากจนจึงไม่ค่อยมีทรัพย์ในการหาซื้อเครื่องปรุงขนมมาได้มากมายนัก แต่ด้วยความภักดีและความศรัทธาอย่างมากของเธอที่จะทำขนมนี้ถวาย เธอจึงได้คิดดัดแปลงทำขนมขึ้นมาใหม่เพื่อถวายพระคเณศ แล้วนำแป้งชนิดหนึ่งมาห่อไส้ขนม แล้วให้ชื่อว่าขนมโมฑกะ เพื่อถวายพระคเณศ
พอคนน้องนำขนมโมฑกะไปบูชาพระคเณศในเวลากลางคืนของงานฉลองพิธีคเณศจตุรถีแล้วก็หลับไป พอเธอตื่นขึ้นมาก็พบว่าขนมโมฆกะที่เธอนำมาถวายนั้นกลายเป็นทองคำทั้งหมด นับแต่นั้นมาเธอจึงมีฐานะร่ำรวยขึ้น จากนั้นมาถึงเรียกว่า "ขนมโมฑกะหรือลัฑฑูของคนจน" เพราะจะรวยหรือจนนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ความสำคัญอยู่ที่จิตใจมากกว่า พระเป็นเจ้าจึงพร้อมที่จะรับถวายนั้นจากสาวกของพระองค์ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะมีค่ามากหรือน้อยสักเพียงใด พระองค์ก็ไม่เคยปฏิเสธความปรารถนาที่ดีและจะทรงคอยให้ความช่วยเหลือสาวกของพระองค์ตลอดไป
นับแต่นั้นมาขนมทั้ง 2 ชนิดนี้จึงถือว่าเป็นสุดยอดของขนมบูชาพระผู้เป็นเจ้า จากเรื่องเล่านี้นั่นเอง (โปรดใช้วิจารณญาณ เด็กต่ำกว่า 12 ปีควรได้รับคำชี้แนะจากผู้ใหญ่)
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ คุณกาลปุตรา
ตำนานขนมโมฑกะ แบบนี้ก็เคยดียินมาเหมือนกันครับ แต่แตกต่างไปนิสนึง ตรงตอนถวายของนี้แหละครับ
คือคนน้องที่ยากจน ทำขนมด้วยแป้งอย่างดีห่อใส้มาอย่างดีเพราะเขาไม่ใช่คนที่ตระหนี่ถี่เหนี่ยว เธอบรรจงทำอย่างปราณีต เมื่อเธอทำเสร็จแล้วนำจึงไปบูชาพระคเณศในเวลากลางคืนของเทศกาลคเณศจตุรถี แล้วหลับไปพอตื่นมาตอนเช้ากลับพบ กองขนมโมฑะกะ ที่กลายเป็นทองคำเต็มบ้านไปหมด เธอผู้นั้นจึงมีกลายเป็นเศรษฐีร่ำรวยไปที่สุด พอเรื่องนี้รู้ถึงหูของคนพี่ ด้วยความโลภไม่รู้จักพอ เธอจึงอยากได้ทองแบบคนน้องบ้าง เลยนำวิธีนี้ไปทำบ้าง แต่ด้วยที่ว่าคนพี่เป็นคนที่มีความตระหนี่ถี่เหนี่ยว เขาจึงไปซื้อแป้งที่ไม่ค่อยดี ทำก็ทำแบบส่งๆไม่ปราณีต ทำไปแบบนั้นหล่ะ แล้วก็นำไปถวายพระคเณสในเวลากลางคืนเหมือนกัน แล้วเขาก็นอนรอจนหลับไป พอรุ่งเช้า เขาก็ต้องตกใจในสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ขนมกลายเป็นทอง แต่กลายเป็นกองมูลที่มากมาย ที่ส่งกลิ่นเหม็น ล้างก็ไม่ออก ทำยังก็ไม่ออก แต่ที่ต้องตกใจไปกว่านั้น เงินที่มีอยู่ทั้งหมดกลายเป็นมูลซะหมดเลย
อนุโมทนาทั้งสองท่าน ล้วนรู้จริง ขอพรจงอยู่กับท่านตลอดไปนะครับ
