Loader
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - พิษประจิม

#401
ได้ยินว่าสมัยก่อน จารเป็นอักษรขอมครับ
#402
ไม่เหมือนหรอกครับ

ปลักขิด มันมีไว้ห้อย ไว้โชว์ ให้คุณด้านเมตตามหานิยม

ส่วนศิวลึงค์ เป็นสิ่งแทนองค์พระศิวะ ต้องจัดหาที่วาง สรงน้ำ หาดอกไม้มาบูชา
#403
Quote from: สิรวีย์ on January 03, 2010, 13:10:58
ดิฉันกลับอยากเห็ฯเพียงหน้าตาน่ะค่ะ ว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร (หน้าในนะคะ ไม่ใช่หน้าปก)
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเล่มสมุดไทยที่พราหมณ์หลวงใช้ แค่อยากทราบว่าจารในลักษณะไหน
ส่วนอันที่แปล ถ้าเป็ฯไปได้อยากเห็ฯสารบัญอ่ะค่ะ ถ้าอยู่ในสมุดไทยก็ขอดูแค่บานแผนกก็พอ

ปล. แค่อยากรู้น่ะค่ะ
ได้ยินว่า ใช้อักษรคฤนถ์ครับ
#404
พระเวท ฉบับแปลอังกฤษ ก็แปลไม่หมดหรอก

บางบท บางตอน สงวนให้พราหมณ์(จริงๆ)อ่านเท่านั้น
#405
Quote from: mahavate on December 28, 2009, 21:34:08
สวัสดีทุกท่านครับผม

วันนี้รบกวนสอบถามเกี่ยวกับสถานที่บูชาศิวลึงค์ขนาดที่พอจะพกพาได้นะครับ ว่าจะพอหาได้ที่ไหน

แล้วก็จะรบกวนขอความเห็นเกี่ยวกับการพกพาศิวลึงค์ ว่าควรไว้ที่ส่วนไหนของร่างกาย (เช่น ห้อยคอ คาดเอว ฯลฯ) นะครับ


ขอบคุณมากครับผม

ถ้ากรณีนี้ ผมแนะนำ"ปลัดขิก"ดีกว่าครับ

ศิวลึงค์ ไม่มีใครเขาเอาติดร่างกายหรอก กระเป๋ากางเกงก็ไม่มี เอามาห้อยคอ คาดเอว ก็เปนการใช้ผิดวัตถุประสงค์

ถ้าต้องการห้อยคอ คาดเอว แนะนำปลัดขิกนั่นแหละ

ปกติศิวลึงค์เขาเอาไว้บูชาที่บ้านหน่ะครับ

...

ป.ล.
ค.ห.ข้างบนเป็นมุกนะครับ อย่าเอามาทูนหัว หรือสวมคอเลยครับ

ป.ล.2
ผมแนะนำให้ถามพราหมณ์ที่โบสถ์พราหมณ์ หรือที่โบสถ์เทพมณเฑียร หรือไม่ก้อวัดแขก ถามเลยว่าห้อยคอ คาดเอว ได้หรือไม่
จะได้คำแนะนำที่ถูกต้องครับ
#406
Quote from: เทวาเหนือเกล้า on January 02, 2010, 21:59:12
การที่เราเชิญเทวรูปมาองค์หนึ่ง แต่ไม่ถูกต้องตามเทวลักษณะนั้น ภูษาเครื่องทรงไม่ตรงตามปุราณะ จะผิดไหม

รบกวนขอดูรูปได้ไหมครับ

พวกภาพเทพต่างๆ เขียนด้วยความรู้สึก ความศรัทธา ไม่ได้อ้างอิงตามปุราณะเหมือนกัน

แต่เขาเขียนตามความเข้าใจ ตามศิลปะไทย

เช่นสมุดข่อย สมุดดำ หนังสือไทย เรียกไม่ถูกครับ ก็ไม่ได้อิงปุราณะทั้งหมด

....

ถ้าไม่ถูกตามเทวลักษณะสุดๆ เช่น พระพิฆเนศปางหมอหยอง(ที่เรียกสั้นๆว่าปางซิกแพ็ก บอกว่าสร้างเลียนแบบศิลปะคันธาระ) อันนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาครับ
#407
กระจกนั่น พระพรหมที่โบสถ์เทพมณเฑียรก้อมี แต่เขาวาดเป็นหน้าปัดนาฬิกาครับ

55555+
#408
ที่ผมจำได้ และเห็นผ่านๆ มี

ฤๅษีวาลมีกิ
ฤๅษีเวทวยาส
มีราพาอี
ศรี รามกฤษณะ ปรมหังสะ
โคสวามี ตุลสีทาส
คุรุนานักเทพ

มีองค์ไหนอีกครับ

ขอบคุณครับ
#409
เรื่องนิมิต ผมบอกแค่ว่า"จิตปรุงแต่ง"ครับ
อย่าไปยึดติดอะไรกับนิมิต

.....

เคยได้ยินว่า ที่พระแม่ปารวตีมีร่างสีดำ เพราะชาติก่อนเปนนางสตี เผาไฟจนตัวไหม้เกรียม ชาติต่อมาเลยมีกายสีดำ

เคยได้ยินมาแบบนี้
#410
ศาลีคราม หรือ สาลิคราม
http://en.wikipedia.org/wiki/Sila_(murti)
#411
ร่างทรง เป็นวัฒนธรรมของกลุ่มคนที่นับถือเทพบนดิน อย่างเผ่าทมิฬ เทพทมิฬส่วนใหญ่เป็นเทพดินทั้งนั้น ในขณะที่เทพอารยันเป็นเทพบนฟ้า

และวัฒนธรรมการทรง พบในกลุ่มคนที่นับถือผีสางเทวดา เจ้าป่าเจ้าเขา รวมไปถึงบรรพบุรุษ เช่น ลัทธิเต๋า ขงจื๊อ ก็มีเรื่องการทรง

พม่ามีผีนาถ(นัต)30กว่าตน เป็นบุคคนในตำนาน ไม่ก็คนในประวัติศาสตร์ และมีร่างทรง ปัจจุบันในพม่าก็มีร่างทรงนัตหลายที่ครับ
#412
अजं निर्विकल्पं निराहारमेकं निरानन्दमानंदमद्वैतपूर्णम् ।
परं निर्गुणं निर्विशेषं निरीहं परब्रह्मरूपं गणेशं भजेम् ॥१॥

อ่านว่า
อชํ นิรฺวิกลฺปํ นิราหารเมกํ นิรานนฺทมานนฺทมไทฺวตปูรฺณมฺ
ปรํ นิรฺคุณํ นิรฺวิเศษํ นิรีหํ  ปรพฺรหฺมรูปํ คเณศํ ภเชมฺ

อ่านได้นะคับ แต่แปลมะได้ หุหุ
#413
ที่ผมเคยเห็นนะครับ
ปางนั่ง ปางยืน ปางทรงพิณ ปางไม่ทรงพิณ
ล้อเล่นนะครับ มะได้ตั้งใจ อิอิ

ผมมะทราบจริงๆ

แต่ผมสังเกตว่า

ที่มะมีปางเยอะๆ เพราะคนส่วนใหญ่มะค่อยนับถือ

และเทพต่างๆที่มีเรื่องคติอวตารองค์นั้นองค์นี้ ก็เป็นเทพที่นับถือแพร่หลายหน่ะครับ

เทพ หรือพระแม่ที่มีปางเยอะๆ ส่วนมากเป็นเทพที่ชาวบ้าน คนทั่วไปนับถือ เช่น พระวิษณุ พระศิวะ พระลักษมี พระแม่ปารวตี พระพิฆเนศ พระสกันทะ เทพเหล่านี้เป็นเทพที่นับถือแพร่หลาย นับถือเยอะครับ
#414
Quote from: Aladdin on December 29, 2009, 15:01:01
แต่ประเด็ดที่ว่า ท่านเหยียบอยู่บนดอกบัวนั้นน่า จะมีแต่มหาเทพมหาเทวี เท่านั้นก็น่าดิดว่าเป็ฯพระแม่สรัสวดี เหมือนกันนะงับ


เทพผู้ชายก็เหยียบดอกบัวครับ....พบในบางปางหน่ะ

พระพรหม ก็ประทับบนดอกบัว
#415
ผมคิดว่า สวดในบ้าน สวดปกติ สวดธรรมดาไม่เสียหายอะไรครับ

คือว่า มะได้ไปสวดนอกสถานที่ หรือสวดในงานต่างๆ ถ้าแบบนี้ก็ออกเสียงให้ชัด ก็ไม่มีปัญหาครับ

...

อย่าลืมว่าสวดในบ้าน สวดกันเอง เข้าใจเอง

สวดมนต์ก่อนนอน ก็มะเหนมีใครนึกแปลกๆ ไปสวดมนต์ก่อนนอน ทำนองสรภัญญะ
#416
คำว่า อาสาฬหะ สันสกฤตเรียกว่า อาษาฒะ ของไทยว่าคือเดือน8

ปีอธิกมาส คือปีที่มีเดือนแปด2หน ดาวฤกา์อาสาฬหะมี2ดวง อุตตราษาฒะ(อุตตราสาฬหะ) และ ปูรฺวาษาฒะ(บุพพาสาฬหะ) อาจเป็นเพราะเหตุผลนี้

เพราะ12เดือน มีเดือนเดียวที่ดาวฤกษ์แยกเป็น2กลุ่ม คือ ดาวอาสาฬหะ อาสาฬหบูชา คือ พิธีบูชาในเดือนอาสาฬหะ เป็นเดือนที่ดาวฤกษ์อาสาฬหะเสวยฤกษ์

อาสาฬหะ อ่านว่า อาสาน-หะ
#417
ผมไม่มีความรู้หรอก

เพียงแต่ผมเป็นคนชอบสังเกต ชอบสงสัยหน่ะครับ
#418
ถ้าเป็นสายทิเบต ท่ารำแบบนี้ เป็นบริวาร อย่างเช่น วัชรโยคินี หรือพวก ฑากินี ก็ยืนท่าแบบนี้ เพียงแต่หน้าตาดุๆ และของทิเบตจะเกือบเปลือยๆ

ถ้าอินเดียใต้ ส่วนมากนุ่งสั่นๆ ผ้าบางๆ โชว์หุ่น เอวบาง อกโตๆ

...

ถ้ามองแง่ศิลปะ เป็นพระแม่สุรัสวดีนั่นแหละ

เพราะศิลปะสมัยใหม่ สร้างเทวรูปไม่ต้องอิงพระเวทก็ได้ มีปางใหม่ๆเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ดครับ
#419
เวลาทำบุญ นึกถึงเขา แผ่เมตตาให้เพื่อน

และกรวดน้ำ ให้ถูกต้องกรวดน้ำต้องกรวดลงดิน หมายถึงการทำบุญให้ผู้ล่วงลับ

จริงๆการกรวดน้ำ มันคือคือการยืนยันการสร้างทานบารมี อย่างในชาติสุดท้าย ตอนมารผจญ พระพุทธเจ้าเอานิ้วชี้ที่ผืนดิน จนเทวีผืนดินผุดขึ้นมา และยืนยันว่าในชาติก่อนๆสร้างทานบารมีมานับไม่ถ้วน มีหลักฐานคือน้ำที่กรวดลงดิน และนางบีบมวยผมที่บรรจุน้ำทั้งหมด สามารถพัดพามารเหล่านั้นไปได้ครับ 
#420
สงสัยเรื่องดาวนักษัตร ของเดิมมี27ดวง หรือ 28ดวงครับ

ที่ผมจำได้ มี27ดวง

28ดวง ทางจีน ญี่ปุ่น รับมาเพิ่ม
#422
เข้าใจแล้ว

ขอบคุณมากครับ

...

นึกออกแระ ผมลืมนึกอย่างนึง

ในคัมภีร์พุทธเรียกทิศตะวันออกว่า ทิศเบื้องหน้า
เรียกทิศเหนือว่า ทิศเบื้องซ้าย
ทิศใต้ว่า ทิศเบื้องขวา

ขอบคุณครับ
#424
ท้าวกุเวร ประจำทิศเหนือมะใช่หรอครับ
ส่วนพระอินทร์ ประจำทิศตะวันออก
ทิศใต้ คือพระยม
ทิศตะวันตก คือพระวรุณ

ส่วนพระอีศาน คือพระศิวะครับ

คุรุ คือ พระพฤหัสบดี
มังคละ คือ พระอังคาร
#425
สุขสันต์วันเกิดนะครับ
#426
ผมคิดว่าพระแม่สุรัสวดี แต่เดิมอาจไม่ทรงพิณก็ได้ คติทรงพิณอาจมีมาทีหลังก็ได้นะครับ

ผมคิดว่าหน่ะ
#427
พระแม่สุรัสวดีไม่ทรงพิณก็มีครับ
#428
Quote from: โหราน้อย on December 28, 2009, 22:10:46
Quote from: ตรีศังกุ on December 28, 2009, 06:47:13
Quote from: โหราน้อย on December 27, 2009, 21:46:55
ผมก็ทราบมาทำนองเดียวกับท่าน nai 3 ครับ  เพราะสอบถามไปยังเพื่อนที่เคยบวชเป็นพระจีนจากวัดโพธิ์แมนคุณาราม  คำตอบที่ได้คือพระที่เดินทางมาจากเมืองจีนบอกว่า  ไม่เฉพาะพระสงฆ์ที่ทานเจเท่านั้นที่ไม่ทานพวกผักฉุน  ฆราวาสที่ทานเจเองก็ไม่ทานพวกผักฉุนเช่นกันครับ

ฆราวาสนี่ ฆราวาสไหนครับ

ผักฉุนที่คนจีนถือ มันมีผักอะไรบ้าง???

ฆราวาสที่หลวงพี่บอกคุณ เพราะไม่กินหรือไม่ชอบครับ???

ผมว่าท่านกาลิทัสน่าจะตักเตือนบุคคลนี้อีกสักรอบนะครับ  เพราะจากที่ผมสังเกตุมาหลายๆกระทู้เค้าไม่ได้ต้องการเข้ามาเพื่อแสวงหาความรู้  หรือถ่ายทอดความรู้ของตนเองให้แก่ผู้อื่นอย่างแท้จริง  ในทางตรงกันข้ามเข้ามาเพื่อก่อความวุ่นวายเสียมากกว่า  และพยายามป่วนความเห็นของเพื่อนสมาชิกไปทั่ว  หากยังปล่อยไว้ให้มีพฤติกรรมอยู่เช่นนี้ผมคิดว่ารังแต่จะก่อให้เกิดความเบื่อหน่ายต่อบุคคลอื่นครับ

ปล.สรรพนามที่ใช้เรียกพระจีนคือ ซือเฮีย นะครับท่านผู้รอบรู้ หาใช่คำว่า หลวงพี่แต่ประการใด


รู้ครับ

ผมไปวัดจีน ก็เรียกหลวงพ่อ หลวงพี่ ไม่เห็นมีปัญหาอะไรครับ
#429

พระหริหระ หรือ ศังกรนารายณ์ ศิลปะเขมรก่อนพระนคร
#430
เทวรูปแบบทิเบตรึป่าวคับ

ถ้าใช่ อาจเป็นพระแม่สุรัสวดีก็ได้ ทิเบตชอบทำปางแปลกๆอยู่แล้วหนิครับ

.....

หรืออาจเป็นศิลปะแบบอินเดียใต้ ก็น่าจะใช่

จะศิลปะอะไรก็แล้ว ปางแบบนี้ ไม่เก่า และคิดว่าเป็นทางที่ทำสวยงาม ไม่ได้อิงพระเวทครับ
#431
แสดงว่าเทพมาประทับในไทย ท่านฟังสำเนียงอื่นไม่รู้เรื่องงั้นสิ คนที่สวดมนต์ต้องสวดตามสำเนียงต้นฉบับเป๊ะๆงั้นหรอ

เพื่อนเคยมาถามผมว่าเวลาสวดมนต์ ต้องสวดสำเนียงยังไง....ผมตอบแค่ว่า "สวดตามที่ตัวเองถนัด ศรัทธาอยู่ที่ใจ ไม่ใช่ที่ปาก..." ตอบแค่นี้แหละ สั้นๆ ผมไม่ชอบพูดอะไรยืดยาวครับ

ผมสวดอิติปิโสฯ ไม่เห็นต้องมาเคร่งสำเนียงเสียงสวด ยังไงผมก็เป็นฆราวาสหน่ะ รู้ตัวเองดีครับ

สวดบ้านก็สวดสำเนียงธรรมดา ไม่เสียหายอะไรหรอกครับ
#432
การสวดเป็นสำเนียงเขา มันมีประโยชน์อะไรหรอครับ
หรือถ้าสวดเป็นสำเนียงอื่น เทพท่านฟังไม่เข้าใจหรอครับ???

อยากให้อธิบายเป็นรูปธรรมหน่อย

ทั้งๆที่แต่โบราณมา เขาก็สวดแบบไทย ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร แสดงว่าคนสมัยก่อนเขาทำไม่ถูกหรอครับ???

ชาวทมิฬที่นับถือฮินดู เขาก็สวดเป็นภาษาทมิฬ ทำไมไม่สวดเป็นสันสกฤตล่ะครับ???

นักบวชโคสวามี ตุลสีทาส ท่านก็ไม่ได้บันทึกรามายณะเป็นภาษาสันสกฤต เป็นเพราะท่านไม่ศรัทธาในพระเวทงั้นหรอ ไม่ศรัทธาในภาษาอันศักดิ์สิทธิ์หรอครับ???

ไปมัวแต่เน้นเรื่องสำเนียง เน้นมากๆ กลายเป็นว่าของไทย สิ่งที่บรรพบุรุษไทยปฏิบัติมามันไม่ถูก ไม่ดี เลยไม่ปฏิบัติ
กลายเป็นว่าสิ่งที่คนไทยทำมานาน ไม่เหมาะแก่การนำไปใช้บูชาเทพงั้นหรอครับ???

บูชาแบบไทยเปนไง แนะนำให้ดูที่โบสถ์พราหมณ์.....จะบอกว่าพราหมณ์เขาทำผิด ทำไม่ดี งั้นหรอ???
#433
http://en.wikipedia.org/wiki/Incense#Cultural_variations

http://en.wikipedia.org/wiki/Joss_stick

ธูป คือ ไม้อะไรก้ได้ที่จุดแล้วหอม เรียกว่า ธูป
#434
ผักต้องห้ามในประเพณีกินเจ
<!-- Main -->[SIZE=-1]ผักต้องห้ามในประเพณีกินเจ

ความเชื่อเกี่ยวกับชนิดของผักต้องห้ามในอาหารเจนั้นมีความเชื่อแตกต่างกันไป ขึ้นกับคำสอนหรือคำภีร์ที่แต่ละสำนักจะยึดถือเป็นสรณะ

คัมภีร์หลิงซู่ ( 靈樞經 ) เรียกผักต้องห้ามว่า อู่ไช่ ( 五菜 ) ประกอบด้วย

1.ผักพิมเสน
2.ผักกูฉ่าย
3.หอม
4.หอมปรัง (หลักเกี๋ยว,หลักเกียว)
5.ทานตะวัน

หอมปรัง (หลักเกี๋ยว) มีลักษณะคล้ายหัวหอม ใบกลวง แต่มีขนาดของหัวและใบเล็กกว่า ส่วนหัวมีสีขาวเจือชมพู กลิ่นและรสชาดฉุนจัดกว่าหอม เวลาเคี้ยวจะรู้สึกกรุบกรอบ
[/SIZE]
[SIZE=-1]คัมภีร์ไท่ชิงวี่เช่อ ( 太清玉冊 ) เรียกผักต้องห้ามว่า อู่ฮุน ( 五葷 ) ประกอบด้วย

1.หอม
2.กระเทียม
3.หอมปรัง (หลักเกี๋ยว)
4.ผักกูฉ่าย
5.ผักชี

คัมภีร์จินซูเจิ้นจี่ ( 金書真記 ) เรียกผักต้องห้ามว่า อู่ซิน ( 五辛 ) ประกอบด้วย

1.หอม
2.กระเทียม
3.หอมปรัง (หลักเกี๋ยว)
4.ผักกูฉ่าย
5.มหาหิงคุ์ (เฮงกื๋อ)

เฮงกื๋อ  興渠 เป็นพืชตระกูลเดียวกันกับผักชี แต่มีลำตันสูงใหญ่แบบไม้พุ่ม ทางจีนตะวันตก อินเดีย และอาหรับ จะขุดดินส่วนรากเป็นโพรงและกรีดเอายางจากรากเฮงกื๋อมาใช้เป็นยารักษาระบบการย่อยอาหาร ไทยเราใช้ยางไม้นี้ละลายกับเหล้าเป็นยามหาหิงคุ์ทาท้องเด็กเล็กแก้จุกเสียด อืดเฟ้อ

คัมภีร์เออหย่า ( 爾雅 ) เรียกผักต้องห้ามว่า อู่ฮุน ( 五葷 ) ประกอบด้วย

1.กูฉ่าย 韭菜
2.หอมปรัง (หลักเกี๋ยว) 六藠
3.กระเทียม 大蒜
4.ผักชี 香菜
5.ผักมัสตาร์ด ( หุ่งไท้ 蕓薹 ) [/SIZE]
[SIZE=-1][/SIZE]
[SIZE=-1]ดอกมัสตาร์ดจะอยู่ตรงส่วนยอด เมื่อแก่จะให้เมล็ดสำหรับสะกัดน้ำมัน และผงมัสตาร์ด


ในประเทศจีนผักมัสตาร์ดนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า ผักน้ำมัน ( 油菜 ) เพราะเมล็ดแก่ของผักชนิดนี้สามารถนำไปหีบเป็นน้ำมันพืชเพื่อใช้ปรุงอาหารในครัวเรือนและในอุตสาหกรรม ทั้งเมล็ดยังใช้ในการสกัดผงมัสตาร์ดที่เผ็ดร้อนซ่านจมูก ดังนั้นกินเจของคนจีนบางถิ่น(จีนแคะ)จึงหมายรวมถึงการห้ามใช้น้ำมันในการปรุงอาหารเจด้วย

ท่านจะเห็นได้ว่า คัมภีร์ที่กำหนดชนิดผักต้องห้ามที่ยกมากล่าวข้างต้นไม่มีฉบับใดเลยกล่าวถึงยาสูบ ที่มักปรากฎในเอกสารเกี่ยวกับเรื่องกินเจของไทย ทั้งนี้เพราะในวัฒนธรรมจีนเดิมถือยาสูบหรือบุหรี่เป็นสิ่งเสพติด อันเป็นของต้องห้ามในศีลห้าของฝ่ายมหายานอยู่แล้ว อีกทั้งใบยาสูบก็หาใช่พืชผักที่รับประทานในชีวิตประจำวัน

การระบุยาสูบเป็นผักต้องห้ามน่าจะเกิดจากความผิดหลงของผู้แปลในศัพท์คำว่า หุ่งไท้ ( 蕓薹 ) ซึ่งออกเสียงใกล้กับคำว่า “ฮุง” ในภาษาถิ่นแต้จิ๋วที่แปลว่า บุหรี่

อ้างธาตุห้า พาสับสน

ผู้เขียนบางท่านยกเอาหลักธาตุห้าของจีน ( 五行 ) ขึ้นอ้างเป็นเหตุผลเกี่ยวกับการห้ามรับประทานผักต้องห้ามอย่างดูน่าเชื่อถือ แต่ไม่ชอบด้วยหลักหลักการแพทย์แผนจีน เช่น

ห้ามรับประทานใบยาสูบ เพราะทำลายการทำงานของปอดและกระทบธาตุโลหะในร่างกาย หรือ

ห้ามรับประทานหัวหอม เพราะทำลายการทำงานของไต และกระทบธาตุน้ำในร่างกาย และอื่นๆ

การกล่าวอ้างดังนี้ไม่ชอบ เพราะ ใบยาสูบมิใช่ผักเพื่อการรับประทานดังกล่าวแล้วข้างต้น ทั้งการอ้างก็ผิดและแย้งกับหลักการแพทย์แผนจีน เพราะคัมภีร์การแพทย์จีนถือว่า หัวหอม หรือต้นหอม มีรสเจือเผ็ด ถูกจัดเป็นธาตุน้ำ ซึ่งเป็นธาตุที่ส่งเสริมการทำงานของตับ ที่ตามความเชื่อในลัทธิธาตุห้าถือว่าเป็นธาตุไม้ ที่ต้องมีน้ำมาส่งเสริม

ดังนั้นหากจะอ้างเอาความเชื่อในธาตุห้าแล้ว เรากลับจะต้องรับประทานหัวหอมให้พอเหมาะกับความต้องการของร่างกาย ทั้งตัวหอมเองก็มีผลในการบำรุงการทำงานของตับ

การอ้างหลักธาตุห้าจึงรังแต่จะสร้างความสับสนสำหรับการเรียนรู้ในระยะยาว



สาเหตุที่ห้ามรับประทานผักต้องห้าม
เหตุที่ห้ามรับประทานผักบางชนิดปรากฏในพระสูตรเหลิ่งเอี๋ยน ( 楞嚴經 ) ซึ่งกล่าวว่า ผักต้องห้ามที่ยกขึ้นกล่าวในพระสูตรนั้น หากรับประทานเมื่อปรุงสุกแล้วจะมีผลกระตุ้นความทุรนอยากในกาม หากรับประทานเมื่อยังดิบก็จะทำให้อารมณ์วู่วาม ด่วนกระทำการก่อนใคร่ครวญ ผู้ที่รับประทานเป็นประจำจะส่งกลิ่นขับมงคลเทพให้ไกลห่าง แต่กลับเป็นที่ยั่วยวนให้เหล่าอสูรหลงใหลและเข้ามาพัวพัน



http://plaengnam.bloggang.com[/SIZE]
[SIZE=-1][/SIZE]
[SIZE=-1]...[/SIZE]
[SIZE=-1][/SIZE]
[SIZE=-1]พระสูตรเหลิ่งเอี๋ยน คือ ศูรางคมสูตร[/SIZE]
[SIZE=-1][/SIZE]
[SIZE=-1]http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=plaengnam&month=05-2007&date=19&group=3&gblog=11[/SIZE]
[SIZE=-1]เรื่องนุ่งขาวห่มขาว[/SIZE]
[SIZE=-1][/SIZE]
[SIZE=-1]แต่ผมว่านุ่งขาวห่มขาว เป็นชุดสวมในขณะถือศีล อันนี้เข้าเค้าอยู่ครับ<!-- End main-->[/SIZE]
#435
Quote from: IMFAO on December 24, 2009, 21:52:33
คนที่มีหน้าที่ทำพิธีไม่จำเป็นต้องเป็นพราหมณ์โดยกำเนิด เพราะมันเรียนรู้และสามารถบวชเข้านิกาย เข้าวรรณะได้

ฉนั้น ดิฉันเลยจะแนะนำว่า เซิซ ภาษอังกฤษอ่านในกูเกิ้ล ดีกว่า เพราะว่า จะได้ความรู้จากหลายแหล่ง + ฝึกภาษาอังกฤษไปในตัว ได้ฝึกการเทียบเสียง ของมนต์ด้วยค่ะ

บวชเข้านิกาย เป็นไงหรอครับ???

สำเนียงมนต์มันจำเป็นด้วยหรอครับ???

ผมคิดว่าถ้าสวดเป็นสำเนียงไทย ไม่มีปัญหาหรอกครับ
#436
ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ

พระแม่ลักษมีเป็นเทวีที่มีความบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่มีมลทิน เกิดจากฟองคลื่น แล้วมีดอกบัวผุดขึ้น มีเทวีประทับกลางตัวดอกบัว

ถ้าสร้างเทวาลัย นั่นหมายถึงรอบๆตัวต้องบริสุทธิ์ รอบๆบ้านต้องบริสุทธิ์
#437
แนะนำครับ



หนังสือปวงปรัชญาอินเดีย ของอ.ฟื้น ดอกบัว

...

ถ้าชอบแนวนิทาน แนะนำให้อ่าน หิโตปเทศ ครับ
#438
Quote from: โหราน้อย on December 27, 2009, 21:46:55
ผมก็ทราบมาทำนองเดียวกับท่าน nai 3 ครับ  เพราะสอบถามไปยังเพื่อนที่เคยบวชเป็นพระจีนจากวัดโพธิ์แมนคุณาราม  คำตอบที่ได้คือพระที่เดินทางมาจากเมืองจีนบอกว่า  ไม่เฉพาะพระสงฆ์ที่ทานเจเท่านั้นที่ไม่ทานพวกผักฉุน  ฆราวาสที่ทานเจเองก็ไม่ทานพวกผักฉุนเช่นกันครับ

ฆราวาสนี่ ฆราวาสไหนครับ

ผักฉุนที่คนจีนถือ มันมีผักอะไรบ้าง???

ฆราวาสที่หลวงพี่บอกคุณ เพราะไม่กินหรือไม่ชอบครับ???

เรื่องผักฉุนในวัฒนธรรมจีน มันไม่เหมือนกัน แต่ละท้องที่ไม่เหมือนกัน บางแห่งมันมีหัวหอม บางแห่งก็ว่าคึ่นช่ายเป็นผักฉน บางแห่งก็ว่าผักชีเป็นผักฉุน

ซึ่งแนวคิดผักฉุนในลัทธเต๋าที่รับมาจากอินเดีย เอามาดัดแปลง และเรื่องผักฉุนก็ไม่เหมือนกัน แต่หลักๆมันมีกระเทียม เพราะกลิ่นมันแรง สวดมนต์แล้วกลิ่นมันรบกวนผู้อื่น เหตุผลนี้พอฟังขึ้น แล้วบอกว่างดเพื่อชำระจิตใจให้สงบ......ก็เปนเรื่องของนักบวช

......

อาหารจีนในจีนเอง มันมีสักกี่ชนิดมันใส่ผักฉุน??? หมายถึงอาหารจีนในจีนนะครับ

http://www.trang2.go.th/kmc/modules.php?name=News&file=print&sid=811

เหตุผลง่ายๆ

ที่เขาห้ามกินผักฉุน เพราะสมัยก่อนโน้นมันไม่มีน้ำยาดับกลิ่นปาก ไม่มียาสีฟัน เกรงถ้าถ้าทานผักฉุน แล้วพระสวดมนต์ ทำให้เหม็นตลบอบอวลทั้งวัดเวลาสวดมนต์.....กลิ่นปากไม่ใช่เรื่องตลกครับ

เหตุผลมันเป็นเรื่องกลิ่นปากมากกว่านะครับ เห่ๆ

ผักฉุน เช่น กระเทียม ในความเชื่อศาสนาฮินดู กินแล้วเกิดความกำหนัด อันนี้มันพอฟังขึ้นอยู่ครับ

และที่ผมจำได้ ในความเชื่อฮินดู ผักที่ว่ากินแล้วกำหนัด ห้ามกิน มี กระเทียม หัวหอม ต้นหอม
#440
ผมสงสัยหน่ะครับ และคงมะว่าถ้าผมจะตั้งกระทู้ถามตรงๆ ชัดๆ

การไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของไทย ต้องมีการบนบานต่างๆ และมีมานานแล้ว เพราะแต่ก่อนคนไทยนับถือผีธรรมชาติ เช่น ผีบ้านผีเรือน พระภูมิเจ้าที่ เจ้าป่าเจ้าเขา รุกขเทวา ใกล้ตัวสุดๆก็ผีบรรพบุรุษ คนสมัยก่อนบนบานกับสิ่งพวกนี้

แต่พอวัฒนธรรมศาสนาเข้ามา วัฒนธรรมอินเดียเข้ามา แรกๆไม่มีการบนบานเท่าไร และสมัยก่อนชาวบ้านก็นับถือเรื่องเปื่อย จะบนบานอะไรก็บนกับผีบ้านผีเรือน

แต่พอหลังๆผมก็สังเกต คนไทยนิยมบน จะไหว้อะไรขออะไรบนไว้ก่อน เป็นธรรมเนียมอะไรรึเปล่าครับ???

เหมือนกับว่าเรามีศรัทธาไม่พอ ศรัทธาไม่เต็มเปี่ยม จะไหว้อะไรต้องตั้ง"เงื่อนไข"หรือไม่ก็ให้"สินบน"กับสิ่งศักดิ์ระดับสูงๆ เช่น เทพฮินดู ซึ่งผมมองว่าไม่ดีเท่าไร และถ้าบ่อยๆทำให้ในอนาคตคนมองเทพฮินดูว่า...ต้องบนถึงได้ ไม่บนไม่ได้ ต้องบนด้วยของดีๆแพงๆ ฯลฯ ผมไม่อยากให้คนรุ่นต่อไป นับถือเทพฮินดูทำนองนี้หน่ะ แบบว่า บนแล้วได้ง่ายๆ

เราไม่ควรเอาพฤติกรรมการนับถือผีมาใช้กับการนับถือเทพต่างๆ โดยเฉพาะเทพฮินดู ท่านเป็นเทพระดับสูง

การบนบาน เป็นธรรมเนียมของการนับถือผีบ้านผีเรือน ผีบรรพบุรุษ ที่เชื่อว่าสามารถให้คุณโทษได้ง่าย คนเลยต้องบนบาน เช่น ผีไม่มีศาลแต่มันให้เลขถูก ก็ซื้อศาลมาให้ หรือขอว่าถ้าถูกก็จะซื้อผ้าสวยๆมาถวาย แบบนี้ถวายได้ ไม่ผิด เป็นความเชื่อดั้งเดิมของคนไทย

แต่สำหรับการบูชาเทพฮินดู การบนบานเหมือนไม่เหมะสมเท่าไร เป็นการทำอะไรโดยไม่ศรัทธา มีความอยากนำหน้าความศรัทธา แล้วการบนบานเป็นธรรมเนียมไหวผี เราไม่ควรเอาธรรมเนียมไหว้ผีมาใช้กับการนับถือเทพฮินดู

แม้แต่ศาสนาคริสต์ก็มองว่าไม่เหมาะสม

บางทีการนับถือแล้วต้องการขออะไรจากท่าน ถ้าไหว้ท่านด้วยใจบริสุทธิ์ ท่านรู้ใจผู้ที่นับถืออยู่แล้ว และรู้ว่าต้องการอะไร จากที่ขอ1ท่านอาจให้2หรือให้มากกว่านั้น เพราะบูชาด้วยใจศรัทธา ย่อมมีค่ามากกว่าบานบนบาน หรือให้สินบนกับท่าน

ถ้าต้องการขออะไร ก็ขอได้ แต่ผมไม่อยากให้ถึงขั้นบนบาน หรือบอกว่าถ้าได้จะถวายนั่นถวายนี่.....ผมคิดการที่บอกว่าถ้าได้จะถวายนั่นถวายนี่ ท่านอาจเปลี่ยนแล้วก็ได้นะครับ

ผมมองว่าการนับถือเทพเป็นสิ่งดี ไม่ผิด เป็นความหลากหลายทางความเชื่อ แต่ก็ควรเข้าใจในบางเรื่องด้วย

และผมไม่อยากให้ในอนาคต เทพทั้งหลาย ต้องถูกพวกนักวิชาการ หรือพวกไม่นับถือ มาพูดเสียๆหายๆ ซึ่งปัจจุบันก็พบเห็นได้เยอะ ในหนังสือบางสำนักพิมพ์ ที่วิจารณ์เก่งๆ.......ต้นเหตุมาจากคนที่นับถือนั่นแหละ เทพท่านไม่ได้ผิด แต่คนที่นับถือเข้าใจเอง ทำเอง ปฏิบัติเอง จนทำผิดๆ

อย่างฤๅษีวยาสต้องการรจนาเรื่องมหาภารตะ เชิญพระพิฆเนศมาบันทึก พระพิฆเนศบอกว่าต้องบอกโศลกเรื่อยๆอย่าหยุด ถ้าต้องการพักให้คิดโศลกยากๆๆๆ เพื่อให้ท่านคิดนานๆ จะได้มีเวลาพัก

ฤๅษีวยาสก็บอกว่า สิ่งที่ตนบอก พระพิฆเนศเองก็ต้องเข้าใจเรื่องที่ตนกล่าว ถึงจะบันทึกเรื่องได้ถูกต้อง