Loader
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - พิษประจิม

#441
เพราะในร้านอาหารเขาไม่ได้บอกส่วนผสมหน่ะ
แต่ผมเคยอ่านตั้งแต่เมนู วิธีทำอาหาร นม เนย เขายังใส่เลยครับ
#442
ภาพล่างสุด ชื่อว่า ตรีวิกรมสวามี




ตรีวิกรม หรือ ปางสามขุม

...

ปางนี้น่าสังเกตอย่างนึงว่า ตอนนั้นท้าวมหาพลีประทับที่ไหน พราหมณ์ไปหาท้าวพลีที่ไหน เมืองอสูร? โลกมนุษย์? หรือเมืองมหาพลีปุรัม??

เพราะในปุราณะว่าก้าวแรกเหยียบโลก ก้าวที่สองเหยียบถึงสวรรค์ พระพรหมทำการรดน้ำพระบาทที่ก้าวถึงสวรรค์ จนถึงก้าวที่สาม ท้าวพลีขอให้เอาพระบาทอันศักดิ์สิทธิ์มาวางบนหัวท้าวพลี

เนื่องจากท้าวพลีทำความดี และมีความเป็นธรรม พระวิษณุให้สัญญาว่าจะให้มาเป็นใหญ่อีกครั้ง และให้อยู่เมืองบาดาลชั้นที่สวยงาม จำไม่ได้ว่าเมืองบาดาลชื่ออะไร......ในลิลิตนารายณ์สิบปาง พระแม่ลักษมีขอพระวิษณุ ให้ช่วยท้าวพลี

http://en.wikipedia.org/wiki/Vamana

#443


อีกชื่อของท่าน คือ มันมถะ แปลว่า ผู้ก่อกวน
#444
ชื่อ สหัมปติ หรือ สหัมบดี ครับ
#445
ท้าวพลีรู้แต่แรกแล้ว ก่อนที่เทน้ำใส่มือพราหมณ์ พระศุกร์บอกว่านี่ไม่ใช่พราหมณ์ธรรมดา แต่คือพระวิษณุ ถ้ายกแผ่นดิน3ก้าว อาจไม่มีที่อยู่

พอท้าวพลีรู้แบบนี้ เลยยอมยกให้ง่ายๆ และขอให้วางพระบาทบนหัวตัวเองไงครับ
#446
Quote from: nai 3 on December 25, 2009, 20:36:53
มีจิตเมตตาไม่อยากเบียดเบียน
ก็ถือว่าโพธิจิตได้บังเกิดแล้วคัฟ
ที่คุณตรีศังกุบอกว่าอาหารเจที่ไต้หวันใส่หัวหอม ต้นหอม
ผมยังไม่เคยเจอเลย
อาหารเจไต้หวันกับอาหารเจในจีน มันไม่ต่างกับอาหารเจไทยเลยนะคัฟ
ว่างๆคุณนั่งเครื่องบินไปกินเล่นๆตามวัดต่างๆก็จะรู้นะคัฟ
ที่คุณIMFAO บอกว่ามันไร้สาระมันไร้สาระตรงไหนคัฟ
เราทั่งหมดที่มาคุยกันนะตรงนี้ต่างก็ต้องการหาความรุ้
ถ้าเกิดแต่ละคนมาเพื่อที่จะกอบโกยโดยที่ไม่เผยแพร่
แล้วปัญญามันจะเกิดไหมอะคัฟ
ความรู้จะแพร่ขยายเหมือนดั่งเทียนที่จุดต่อเพื่อยังความสว่างไหมอะคัฟ

เพราะที่นั่นเขาไม่เคร่งไงครับ

ก็อาหารเจที่ไม่ใส่ผักฉุน มันเป็นอาหารกินในวัดนิครับ

แต่อาหารเจแบบเหลา ฮ่องเต้ ก็ใส่ผักฉุน ใส่นม เนย ไข่ก็มีครับ......เคยเห็นอยู่
#447
ชื่อฤๅษีกไลโกฏ เป็นภาษาทมิฬ கலைக்கோட்டு เขียนว่า กไลกฺโกฏฺฏุ kalaikkotu

...

เป็นเรื่องใน อลัมพุสาชาดก ภาษาบาลีเรียกว่า อิสิสิงคะ สันสกฤตเรียกว่า ฤษยศฤงคะ

http://www.dharma-gateway.com/buddha/chadok-14-22/chadok-170103.htm


ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัต เสวยราชสมบัติอยู่ในพระนคร พาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ ณ กาสิกรัฐ เจริญวัยแล้ว ถึงความสำเร็จในสรรพศิลปศาสตร์แล้วบวชเป็นฤๅษี มีมูลผลาผลในป่าเป็นอาหาร ยังอัตภาพให้เป็นไปในป่ากว้าง


ครั้งนั้น แม่เนื้อตัวหนึ่ง เคี้ยวกินหญ้าอันเจือด้วยน้ำเชื้อ ในสถานที่ปัสสาวะของพระดาบสนั้นแล้วดื่มน้ำ และด้วยเหตุเพียงเท่านี้เอง มันมีจิตปฏิพัทธ์รักใคร่ในพระดาบส จนตั้งครรภ์ นับแต่นั้นมาก็ไม่ยอมไปไหน เที่ยวอยู่ใกล้ ๆ อาศรมนั่นเอง พระมหาสัตว์กำหนดดูก็รู้เหตุนั้นทั่วถึง ต่อมาแม่เนื้อคลอดบุตรเป็นมนุษย์ พระมหาสัตว์จึงเลี้ยงทารกนั้นไว้ด้วยความรักใคร่ว่าเป็นบุตร ตั้งชื่อให้ว่า อิสิสิงคกุมาร


ในเวลาต่อมา พระมหาสัตว์จึงให้อิสิสิงคกุมารผู้รู้เดียงสาแล้วบวช ในเวลาตนชราลงได้พาดาบสกุมารนั้นไปสู่นารีวัน กล่าวสอนว่า ลูกรัก ขึ้นชื่อว่าสตรีเช่นกับดอกไม้เหล่านี้ มีอยู่ในป่าหิมพานต์นี้ สตรีเหล่านั้นย่อมยังชนผู้ตกอยู่ในอำนาจตน ให้ถึงความพินาศอย่างใหญ่หลวงได้ ไม่ควรที่เจ้าจะไปสู่อำนาจของสตรี เหล่านั้นดังนี้

ครั้นในเวลาต่อมา ท่านก็ทำกาลกิริยาไปบังเกิดเป็นในพรหมโลก ฝ่ายอิสิสิงคดาบส เมื่อประลองฌานกีฬาก็พักอยู่ในหิมวันตประเทศ ได้เป็นผู้มีตบะกล้า


ครั้งนั้น พิภพของท้าวสักกเทวราชหวั่นไหว ด้วยเดชแห่งศีลของพระดาบส ท้าวสักกเทวราชทรงใคร่ครวญดูก็ทราบเหตุนั้น ทรงพระดำริว่า พระดาบสนี้จะพึงทำเราให้พ้นจากความเป็นท้าวสักกะ เราจักต้องส่งนางอัปสรคนหนึ่งให้ไปทำลายศีลของเธอ ดังนี้แล้ว ทรงพิจารณาเทวโลกทั้งสิ้น ในท่ามกลางเหล่าเทพบริจาริกาจำนวนสองโกฏิครึ่งของพระองค์ มิได้ทรงเห็นใครอื่นซึ่งสามารถที่จะทำลายศีลของพระอิสิสิงคดาบสได้ นอกจากนางเทพอัปสรชื่ออลัมพุสาผู้เดียว จึงรับสั่งให้นางมาเฝ้าแล้วทรงบัญชาให้ทำลายศีลของพระอิสิสิงคดาบสนั้น.โดยตรัสว่า

ดูก่อนนางอลัมพุสา ผู้เจือปนด้วยกิเลส เจ้าเป็นผู้สามารถจะเล้าโลมฤๅษีได้ เทวดาชั้นดาวดึงส์พร้อมด้วยพระอินทร์ขอร้องเจ้า เจ้าจงไปหาอิสิสิงคดาบสเถิด.


พระดาบสนี้ เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยวัตร และประพฤติพรหมจรรย์ อนึ่ง พระดาบสนั้นแลยินดียิ่งแล้ว ในมรรคคือพระนิพพาน และเจริญแล้วด้วยคุณวุฒิ เพราะความเป็นผู้มีอายุยืน เจ้าจงทำโดยประการที่ดาบสนั้นจะมาในที่นี้เพื่อเป็นท้าวสักกเทวราชแทนเราไม่ได้ เจ้าจงห้ามมรรคของเธอเสีย.

นางอลัมพุสาเทพกัญญาได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวว่า

ข้าแต่พระเทวราช พระองค์ทรงทำอะไร เหตุใดจึงทรงมุ่งหมายแต่หม่อมฉันเท่านั้น จึงรับสั่งว่า แนะเจ้าผู้อาจจะเล้าโลมฤๅษีได้ เจ้าจงไปเถิด ดังนี้ นางเทพอัปสรผู้ทัดเทียมหม่อมฉันหรือประเสริฐกว่าหม่อมฉัน ก็มีอยู่ในนันทนวัน การไปจงมีแก่นางเทพอัปสรเหล่านั้น แม้นางเทพอัปสรเหล่านั้น จงไปประเล้าประโลมเถิด

ในบรรดาบทเหล่านั้น ด้วยพระองค์ทรงกระทำสิ่งนี้ชื่ออะไรกัน ด้วยนางเทพธิดาผู้ยิ่งกว่าหม่อมฉัน ยังมีอยู่


ลำดับนั้น ท้าวสักกเทวราชได้ตรัสว่า


เจ้าพูดจริงโดยแท้แล นางเทพอัปสรอื่นๆ ที่ทัดเทียมกับเจ้า แลยิ่งกว่าเจ้า มีอยู่ในนันทนวันอันหาความโศกมิได้.

ดูก่อนนางผู้มีอวัยวะงามทุกส่วน ก็แต่ว่า นางเทพอัปสรเหล่านั้น เมื่อไปถึงชายเข้าแล้ว ย่อมไม่รู้จักการบำเรออย่างที่เจ้ารู้.


ดูก่อนโฉมงาม เจ้านั่นแหละจงไป เพราะว่าเจ้าเป็นผู้ประเสริฐกว่าหญิงทั้งหลาย เจ้าจักนำดาบสนั้นมาสู่อำนาจได้ ด้วยผิวพรรณและรูปร่างของเจ้าเอง.

นางอลัมพุสาเทพกัญญาได้สดับดังนั้น ได้กล่าวว่า

หม่อมฉันอันท้าวเทวราชทรงใช้ จักไม่ไปหาได้ไม่ แต่หม่อมฉันกลัวที่จะเบียดเบียนพระดาบสนั้นเพราะท่านเป็นพราหมณ์ มีเดชฟุ้งเฟื่อง.

ชนทั้งหลายมิใช่น้อย เบียดเบียนพระฤๅษีแล้วต้องตกนรก ถึงสังสารวัฏเพราะความหลง เพราะเหตุนั้นหม่อมฉันจึงต้องขนลุกขนพอง.


นางอลัมพุสาเทพอัปสร ครั้นกราบทูลอย่างนี้แล้วก็ไปสู่อาศรมของอิสิสิงคดาบส อันดาดาษไปด้วยเถาตำลึงโดยรอบประมาณกึ่งโยชน์.ในเวลาเช้า ใกล้เวลาพระอาทิตย์ขึ้นนั่นเอง


ขณะนั้น อิสิสิงคดาบสนั้น ซึ่งประกอบความเพียรในกลางคืนแล้ว สรงน้ำแต่เช้าตรู่ ทำอุทกกิจเสร็จแล้ว ยับยั้งอยู่ด้วยฌานสุขในบรรณศาลาหน่อยหนึ่ง แล้วจึงออกมากวาดโรงไฟอยู่ นางยืนแสดงความงามของหญิงอยู่ข้างหน้าของพระอิสิสิงคดาบสนั้น.


ลำดับนั้น พระดาบสเมื่อจะถามนางจึงกล่าวว่า


เธอเป็นใครหนอ มีรัศมีเหมือนสายฟ้า หรืองามดังดาวประกายพรึก มีเครื่องประดับแขนงามวิจิตรล้วนแก้วมุกดา แก้วมณี และกุณฑล.ประหนึ่งแสงอาทิตย์ มีกลิ่นจุรณจันทน์ ผิวพรรณดุจทองคำ ลำขางามดี มีมารยาทมากมาย กำลังแรกรุ่นสะคราญโฉม น่าดูน่าชม.เท้าของเธอไม่เว้ากลาง เมื่อเหยียบต้องแผ่น ดิน ก็เรียบเสมอ อ่อนละมุน แสนสะอาดตั้งลงด้วยดี การเยื้องกายของเธอน่ารักใคร่ ทำใจของเราให้วาบหวามได้ทีเดียว.

อนึ่ง ลำขาของเธอเรียวงาม เปรียบเสมอด้วยงวงช้าง โดยลำดับ ตะโพกของเธอผึ่งผาย เกลี้ยงเกลาดังแผ่นทองคำ.


นาภีของเธอตั้งลงเป็นอย่างดี เหมือนฝักดอกอุบล ย่อมปรากฏแต่ที่ไกล คล้ายเกสรดอกอัญชันเขียว.

ถันทั้งคู่เกิดที่ทรวงอก ทรงไว้ซึ่งขีรรส ไม่หดเหี่ยว เต่งตึงทั้งสองข้าง เสมอด้วยน้ำเต้าครึ่งซีก.


คอของเธอประดุจเนื้อทราย เรียบงามดุจพื้นสุวรรณเภรี มีริมฝีปากเรียบงดงาม เป็นที่ตั้งแห่งมนะที่ ๔ คือ ชิวหา.


ฟันของเธอทั้งข้างบน ข้างล่าง ขัดสีแล้วด้วยไม้ชำระฟัน เกิดสองคราวเป็นของหาโทษมิได้ ดูงามดี.นัยน์ตาทั้งสองข้างของเธอดำขลับ มีสีแดงเป็นที่สุด สีดังเม็ดมะกล่ำ ทั้งยาวทั้งกว้าง ดูงามนัก.


ผมที่งอกบนศีรษะ ของเธอไม่ยาวนักเกลี้ยงเกลาดี หวีด้วยหวีทองคำ มีกลิ่นหอมฟุ้งด้วยกลิ่นจันทน์.ในบรรดาผู้ทำกสิกรรม และเลี้ยงสัตว์ พ่อค้า และหมู่ฤๅษีทั้งหลาย ผู้สำรวมดีด้วยตบะ มีประมาณเท่าใด เราไม่เห็นบุคคลใดในปฐพีมณฑลนี้ จะเสมอเหมือนกับเธอ เธอเป็นใครหรือเป็นบุตรของใคร เราจะรู้จักเธอได้อย่างไร ?


เมื่อพระดาบสกล่าวชมตน ตั้งแต่เท้าจนถึงผมอย่างนี้ นางอลัมพุสาเทพกัญญานั้นก็นิ่งเสีย เมื่อนางพิจารณาตามลำดับของคำนั้นแล้วก็รู้ว่า พระดาบสนั้นเป็นผู้หลงใหลในความงามของตน จึงกล่าวว่า


ดูก่อนท่านกัสสปะผู้เจริญ เมื่อจิตของท่านเป็นอย่างนี้แล้ว ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา มาเถิดท่านที่รัก เราทั้งสองจักรื่นรมย์กัน ในอาสนะของเรา มาเถิดท่าน ฉันจักเคล้าคลึงท่าน ท่านจงเป็นผู้ฉลาดในกระบวนความยินดีด้วยกามคุณ.


นางอลัมพุสาเทพกัญญา กล่าวอย่างนี้แล้วก็คิดว่า เมื่อเรายืนเฉยอยู่อย่างนี้ พระดาบสนี้ ก็จักไม่ยอมเข้าอ้อมแขนเรา เราจักเดิน ทำท่าทีเหมือนจะไปเสีย นางจึงเข้าไปหาพระดาบส เพราะตนเป็นผู้ฉลาดในมารยาหญิง จึงเดินบ่ายหน้ากลับไปตามทางที่มาแล้ว.


ลำดับนั้น พระดาบสเห็นดังนั้นก็คิดว่านางจะไปเสีย จึงสลัดความเฉื่อยชา ล่าช้าของตนเสียแล้ว วิ่งไปโดยเร็ว เมื่อมาทันนางแล้วก็เอามือลูบคลำที่เรือนผมของนาง.


นางเทพอัปสร ผู้สะคราญโฉม ก็หมุนตัวกลับมาสวมกอดพระดาบสไว้ ทันใดนั้นเอง ฌานของอิสิสิงคดาบสก็อันตรธานไป ดาบสก็เคลื่อนจากพรหมจรรย์ ตามที่ท้าวสักกเทวราชทรงปรารถนา


ลำดับนั้น เมื่อนางเทพกัญญารู้ว่าความปรารถนาของท้าวสักกเทวราชสำเร็จแล้ว ก็เกิดปีติปราโมทย์ นางก็มีจิตประหวัดถึงพระอินทร์ผู้ประทับอยู่ในนันทนวัน อย่างนี้ว่า โอ! ท้าวสักกะควรส่งบัลลังก์มา


ท้าวมฆวานเทพกุญชรทรงทราบความดำริของนางแล้วจึงทรงส่งบัลลังก์ทอง พร้อมทั้งเครื่องบริวารมาโดยพลัน.ทั้งผ้าปิดทรวง ๕๐ ผืน เครื่องลาด ๑
,
๐๐๐ ผืน นางอลัมพุสาเทพอัปสร กอดพระดาบสไว้แนบทรวงอกอยู่บนบัลลังก์นั้น.

นางกอดพระอิสิสิงคดาบสให้นอนแนบอก นั่งอุ้มอยู่บนบัลลังก์นั้น สิ้นเวลา ๓ ปี โดยการนับเวลาแห่งมนุษย์ ประดุจครู่เดียว


เมื่อพราหมณ์ดาบสได้สมปฤดีตื่นขึ้น เวลาก็ล่วงไป๓ ปีแล้ว.ขณะที่พระดาบสกำลังจะตื่นขึ้น นางอลัมพุสาเห็นอาการกระดิกมือเป็นต้นแล้ว ทราบว่าพระดาบสกำลังจะตื่นขึ้น จึงบันดาลให้บัลลังก์อันตรธานไป แม้ตนเองก็ได้อันตรธานไปยืนซ่อนอยู่.

พระดาบสนั้นตรวจตราดูอาศรมแล้ว คิดว่า ใครกันหนอ ทำให้เราถึงสีลวิบัติ แล้วปริเทวนาการด้วยเสียงอันดัง เธอได้มองไปโดยรอบ ได้เห็นหมู่ไม้เขียวชอุ่มโดยรอบเรือนไฟ ผลัดใบใหม่ดอกบาน อึงคะนึงด้วยเสียงแห่งนกดุเหว่าแล้ว ร้องไห้น้ำตาไหลรินปริเทวนาการว่า เรามิได้บูชาไฟ มิได้ร่ายมนต์ อะไรบันดาลให้การบูชาไฟต้องเสื่อมลง.

ผู้ใดใครหนอ มาประเล้าประโลมจิตของเราด้วยการบำเรอในก่อน ยังฌานอันเกิดพร้อมกับเดชของเรา ผู้อยู่ในป่าให้พินาศ ดุจบุคคลยึดเรืออันเต็มด้วยรัตนะต่าง ๆ ในห้วงอรรณพ ฉะนั้น.


อลัมพุสาเทพกัญญาได้ยิน
ดังนั้น
ก็คิดว่า ถ้าเราไม่บอก ดาบสนี้จักสาบแช่งเรา เอาเถอะเราจักบอกให้ท่านทราบ จึงยืนปรากฏกายกล่าวว่า

ท้าวเทวราชทรงใช้ดิฉันมาเพื่อบำเรอท่าน ทำฌานของท่านให้เสื่อม เคลื่อนจากพรหมจรรย์ จึงได้ครอบงำจิตของท่านด้วยจิตของดิฉัน ท่านไม่รู้สึกตัว เพราะประมาท.

พระอิสิสิงคดาบสได้ฟังถ้อยคำของนางแล้ว ระลึกถึงโอวาทที่บิดาให้ไว้ ก็ปริเทวนาการว่า เพราะเรามิได้ทำตามคำบิดา จึงถึงความพินาศอย่างใหญ่หลวง ดังนี้แล้ว ได้กล่าวว่า


เดิมที ท่านกัสสปะผู้บิดา ได้พร่ำสอนเราถึงสิ่งเหล่านี้ว่า ดูก่อนมาณพ สตรีอันเสมอด้วยนารีผลมีอยู่ เจ้าจงรู้จักสตรีเหล่านั้น.ดูก่อนมาณพ เจ้าควรรู้ว่า หญิงเหล่านั้น ย่อมยังผู้ตกอยู่ในอำนาจตนให้พินาศ.

เรามิได้ทำตามคำสอนของบิดาผู้รู้นั้น วันนี้เราซบเซา ปริเทวนาการอยู่แต่ผู้เดียว ในป่าอันหามนุษย์มิได้.เราจักเป็นเช่นเดิมอีก คือจักยังฌานที่เสื่อมแล้วให้เกิดขึ้น เป็นผู้ปราศจากราคะ ด้วยประการใด จักกระทำด้วยประการนั้นหรือ หรือว่าเราจักตายเสีย.ชีวิตของเราน่าตำหนิติเตียน ประโยชน์อะไรด้วยการที่เราจะมีชีวิตอยู่

ท่านอิสิสิงคดาบสนั้น เมื่อละกามราคะแล้วก็ยังฌานให้เกิดได้อีก ลำดับนั้น นางอลัมพุสาเทพกัญญา เห็นเดชแห่งสมณะของพระดาบสนั้นด้วย และรู้ว่าท่านบำเพ็ญฌานให้เกิดได้แล้วด้วย ก็ตกใจกลัว ก็ซบศีรษะลงที่เท้าของพระอิสิสิงคดาบสแล้วจึงขอให้ท่านอดโทษตน.โดยกล่าวว่า

ข้าแต่ท่านมหาวีระ ขอท่านอย่าได้โกรธดิฉันเลย ข้าแต่ท่านผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ ขอท่านอย่าได้โกรธดิฉันเลย ดิฉันได้บำเพ็ญประโยชน์อันใหญ่แล้วเพื่อเทวดาชั้นไตรทศผู้มียศ เพราะว่า ในคราวนั้น ท่านได้ทำให้เทพบุรีทั้งหมดหวั่นไหวแล้วด้วยเดชแห่งศีลของท่าน


ลำดับนั้น พระอิสิสิงคดาบสตอบว่า ดูก่อนนางผู้เจริญ เราอดโทษให้เธอ เธอจงไปตามสบายเถิด เมื่อจะปล่อยนางไป จึงกล่าวว่า

ดูก่อนนางผู้เจริญ ขอทวยเทพชั้นดาวดึงส์ ท้าววาสวะจอมไตรทศและเธอจงมีความสุขเถิด ดูก่อนนางเทพกัญญา เชิญเธอไปตามสบายเถิด.

นางอลัมพุสาเทพกัญญา ซบศีรษะลงแทบเท้าแห่งอิสิสิงคดาบส และทำประทักษิณแล้ว ประคองอัญชลีหลีกออกไปจากที่นั้น.นางขึ้นสู่บัลลังก์ทอง พร้อมด้วยเครื่องบริวารเครื่องปิดทรวง ๕๐ ผืน และเครื่องลาด ๑,๐๐๐

ผืนแล้วกลับไปในสำนักแห่งเทวดาทั้งหลาย.

ท้าวสักกเทวราชทรงยินดี ได้ประทานพรให้แก่นาง อลัมพุสาเทพกัญญา ผู้มาถวายบังคมแล้วยืนอยู่.นางอลัมพุสาเทพกัญญา เมื่อจะรับพรในสำนักของท้าวสักกเทวราช จึงกล่าวว่า


ข้าแต่ท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่กว่าภูตทั้งปวง ถ้าพระองค์จะทรงประทานพรแก่หม่อมฉันไซร้ ขออย่าให้หม่อมฉันต้องไปเล้าโลมพระฤๅษีอีกเลย ข้าแต่ท้าวสักกะหม่อมฉันขอพรข้อนี้.



พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้ มาแสดงแก่ภิกษุนั้นแล้ว ทรงประกาศอริยสัจจธรรม ในที่สุดแห่งอริยสัจจกถา ภิกษุนั้น ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล แล้วทรงประชุมชาดกว่า นางอลัมพุสา ในครั้งนั้น ได้มาเป็นนางปุราณทุติยิกา อิสิสิงคดาบส ได้มาเป็นภิกษุผู้กระสัน ส่วนมหาฤๅษีผู้บิดา ได้มาเป็นเราผู้ตถาคตฉะนี้แล.


จบอลัมพุสาชาดก
...



ป.ล.สังเกตว่า ชื่อกษัตริย์พาราณสี เรียก พรหมทัต ทุกองค์
#448
สังข์ในตำนานที่2 คือสังข์ สังข์นั้นอาจจะสวยมากๆ พระวิษณุเลยรับไว้ครับ
จำไม่ได้ว่าสังข์นั้ชื่ออะไร แต่มีชื่อครับ
#449
คำว่าหอยสังข์ Conch Shell 
หมายถึง หอยอะไรก็ได้ที่มันต้องดูเรียบๆ ไม่มีรูปร่างพิศดาร หรือมีสีอื่นมาแซม เพราะหอยสังข์ ต้องเป็นหอยขาว หอยใหญ่ และลายก้นหอยต้องเวียนขวาเท่านั้น

เอามาขัดสีฉวีวรรณนิดหน่อย ใช้ได้แล้วครับ
#450
ถ้าห้อยคอ คนทำตาเขาก็จะเจาะรูสำหรับร้อยเชือก แสดงว่าแขวนคอได้

เขาไม่ได้เจาะรูด้านบน ก็ไม่ต้องเอาไปแขวนคอ เป็นการใช้ผิดวัตถุประสงค์ครับ เหอๆ
#451
คนจีนเขาไม่ได้พูดว่าถือศีลกินเจ แต่เขาพูดว่า ถือเจกินอาหารบริสุทธิ์ 持斋吃素

การงดผักฉุน เป็นการกินในวัด และอาหารเจแบบนี้ ก็ไม่ไดเป็นอาหารรสเลิศ อาจเป็นข้าวต้ม กินกับเต้าหู้ใส่เต้าเจี้ยว

......

ร้านอาหารเจในไต้หวัน และในโทรทัศน์ที่ทำอาหารเจ ผมยังเห็เขาใส่นม เนย หัวหอม ต้นหอม ในอาหารเลยครับ
#452
Quote from: โหราน้อย on December 24, 2009, 16:32:57
Quote from: ตรีศังกุ on December 24, 2009, 13:15:27

วัฒนธรรมจีนไม่มีเทศกาลกินเจครับ ย้ำว่าไม่มี ไต้หวัน ฮ่องกง ก็ไม่มี











นั่นมันแค่เป็นที่มาเฉยๆ เขาสันนิษฐานครับ
ประวัติศาสตร์จีน ไม่มีเทศกาลกินเจครับ

.......

การงดผักฉุน มันไม่ใช่ประเพณีจีนหนิครับ

ที่ไต้หวัน เมนูอาหารเจ ยังเห็นหัวหอม ต้นหอม มาปรุงอาหารอยู่เลยครับ
#453
คนไทยเรียก รามสูร ครับ
เพราะพฤติกรรมชอบระรานไปทั่ว

ปรากฎในเรื่องรามายณะ และในเรื่องมหาภารตะ เป็นอาจารย์ของศานตนพ(ภีษมะ) และฤๅษีกฤปะ หรือ กฤปาจารย์ และเคยสอนวิชากรรณะ ครั้งนึงแกอยากนอน นอนหนุนตักกรรณะ แล้วแมงมุมมันกัด ก็ทนๆกลัวแกตื่น จนเลือดมันหยดไปโดนปรศุราม ซึ่งตอนนั้นกรรณะปลอมตัวเป็นพราหมณ์ไปเรียน จนปรศุรามบอกให้สารภาพ และบอกว่าถ้าเป็นวรรณะอื่นไม่ทนขนาดนี้ กรรณะเลยบอกว่าเป็นลูกของสารถี......แกรังเกียจวรรณะกษัตริย์

แกเลยด่า ว่าไม่ชอบโกหก และบอกว่าสิ่งที่สอนให้ไปเลี้ยงชีวิต แต่แกไม่ชอบการโกหก เลยแช่งว่าเมื่อใดจะใช้มนต์ขอให้ลืมมนต์.....กรรณะเพลี่ยงพล้ำเพราะลืมมนต์ไงครับ

http://en.wikipedia.org/wiki/Parashurama




ญ ที่คอขาด คือนางเรณุกา


ปางนี้โหดครับ

โหดกว่าปางอื่น เพราะเล่นล้างผลาญกษัตริย์หมดแผ่นดิน จนพวกนั้นต้องไปหลบ ถ้าทราบว่าที่ไหนมีกษัตริยซ่อนตัว แกจะตามไปล้างผลาญ

จนพวกนางกษัตริย์ และนักบวช เหนว่าบ้านเมืองขาดกษัตริย์ไม่ได้ นักบวช และวรรณะพราหมณ์ ต้องพึ่งวรรณะกษัตริย์.......คิดว่า พวกนักบวช เลยมีอะไรกับนางกษัตริย์แก้ขัด...เดาเอานะครับ^^

นางสัตยวดี ยังมีอะไรกับฤๅษีปราศรได้.....คิดว่านักบวชจะมีอะไรกับนางกษัตริย์เพื่อสืบวรรณะกษัตริย์ คงไม่ผิดอะไรครับ
#454
Quote from: ลองภูมิ on December 25, 2009, 01:52:42
ขอแจมด้วยคนครับ ขอนำเสนอรูปจิตรกรรมฝาผนัง พระพรหมและทวยเทพตามแบบจินตนาการแบบโบราณครับ (ร.4)


พระนารทมุนี คนธรรพ์


พระลักษมี???


พระสกันทะ หรือ พระขันทกุมาร(มี6เศียร12กร) และ พระกัลกี


พระพรหม???


พระกฤษณะ พระวิษณุ


พระอาทิตย์??? พระวิษณุ


??? พระศิวะ(พวกอสูรมันชอบไปขอพร บางตนขึ้นไปหาถึงเขาไกรลาศ)




พระขันทกุมาร??? พระศิวะ
#455
เรื่องผักฉุน ก็เพราะคนเราคิดไปเอง อุปาทานไปเอง

ทั้งๆที่วัฒนธรรมการกินเจของคนจีน กินในวันพระธรรมดา เหมือนที่คนไทยถือศีล8ในวันพระนั่นแหละครับ

.....

คืองี้ ชื่อพิธีนี้ คนจีนไม่ได้เรียกพิธีกินเจ แต่เขาเรียกว่า งานชุมนุมเจ้า9องค์ ซึ่งหมายถึงเทพดาวเหนือ9ดวง

ผมเคยอ่านบทความเรื่องกินเจ เป็นบทความที่เขียนโดยนักวิชาการชาวจีนที่เดินทางไปสัมผัสเทศกาลนี้ในมาเลย์ และสิงคโปร์ และไปถามชาวบ้าน และมีเมนูอาหารเจอร่อยๆมาเสนอ ผมเคยอ่าน และจำได้ว่าเครื่องปรุงอาหารเจมันมีต้นหอม???? จะบอกว่าคนจีนที่กินเจในสิงคโปร์ เขาไม่เคร่ง หรือเคร่งครัดน้อยกว่าไทย งั้นหรอครับ????

ชื่อพิธี พิธีกินเจ ของไทย เราเอาภาษาอังกฤษมาแปลอีกทีครับ
#456
เรื่องปางต่างๆสารพัดปาง เป็นคติอินเดียใต้ครับ
#457
Quote from: เทวาเหนือเกล้า on December 24, 2009, 13:10:54
โอ้ ท่านโหราน้อย อย่างนี้แนทก็ผิดสิคะหรือเปล่าเอ่ย เพราะว่าละเว้นเนื้อสัตว์แต่ก็ยังทานไข่ ทานนมอยู่ ยังไงรบกวนท่านโหราน้อยแจ้ง

ให้เข้าใจด้วยเถอะค่ะ  สับสนแล้วตอนนี้  เพราะเพื่อน ๆ ทั้งกลุ่ม เป็นมังสวิรัติ กันหมด ไม่ทานเนื้อสัตว์แต่ทานไข่กัน นมก็ทานกันด้วย

จุดประสงค์ที่เราทานแบบนี้กัน เพราะเรามีความรู้สึกกันว่า เราไม่อยากทำร้ายสัตว์กันค่ะ เพียงเท่านั้นเองค่ะ 


ไม่ผิดครับ

การปฏิบัติธรรม เป็นไปเพื่อละกิเลส และโปรตีนบางอย่างมันมีเฉพาะเนื้อสัตว์ ก็ต้องกินนม ไข่ ทดแทนบ้างครับ

บางทีไม่จำเป็นต้องซีเรียสเรื่องอาหาร ถ้ามัวแต่ซีเรียส ไม่ต้องปฏิบัติธรรมกันพอดีครับ

ผมก็ทานมังสวิรัติ ทานบ้างไม่ทานบ้าง แต่วันพระก็ทานครับ
#458
คิดง่ายๆนะครับ

เทศกาลกินเจ มันเป็นวัฒนธรรมจีนที่ผสมกับพระพุทธศาสนาและศาสนาเม่งก่า จนสมัยราชวงศ์หมิง ศาสนาเม่งก่าถูกสั่งห้าม เลยย้ายหนีมาอยู่ไทย มาเลย์ สิงคโปร์ ซึ่งตอนนั้นก็มีศาสนาอื่นอยู่ พุทธ และฮินดู

.......

วัฒนธรรมจีนไม่มีเทศกาลกินเจครับ ย้ำว่าไม่มี ไต้หวัน ฮ่องกง ก็ไม่มี

ศาลเจ้าเก้าอ๊วงเจ เก่าสุดอายุ140กว่าปี แสดงว่าการกินเจดั้งเดิม มันไม่ได้กินในเทศกาลกินเจ แต่กินในวันพระธรรมดา และพุทธศาสนิกชนชาวจีนที่ถือศีลในวันพระ ก็กินอาหารเจ แต่ไม่ได้เคร่งครัดมากมาย ถึงขนาดต้องงดผักฉุน5ชนิด

ผมอธิบายตามเหตุผล เหมือนคนถือศีล8ในวันพระ ทำไมต้องไปยึดหลักแบบพระ แบบนักบวช หรือทำตัวให้เคร่งๆ

แล้ววัฒนธรรมจีนแต่เดิม ไม่มีเทศกาลกินเจ มีแต่กินเจในวันพระ และชาวบ้านที่กินเจก็แค่งดเนื้อสัตว์ แล้วจำเป็นอะไรที่ต้องงดผักฉุนตามบทบัญญัติในศีลพระโพธิสัตว์???

ไม่ใช่เรื่องของฆราวาสครับ

ก็ประเพณีกินเจ มันเป็นวัฒนธรรมจีนในไทย มาเลย์ สิงคโปร์ และเป็นประเพณีไม่เก่า และประเพณีกินเจเก่าจริงๆมันก็ไม่ใช่ของคนจีน และไม่ใช่ประเพณีจีน

http://zh.wikipedia.org/wiki/%E8%91%B7%E8%8F%9C

六藠 คือ หลักเกียว

在佛家另稱為五辛,五種辛味之菜。根據《楞嚴經》記載,佛家五葷大蒜小蒜興渠慈蔥茖蔥;五葷生啖增恚,使人易怒;熟食發淫,令人多慾。[1]
本草備要》註解云:「慈蔥,冬蔥也;茖蔥,山蔥也;興渠,西域菜,云即中國之荽。」
興渠另說為洋蔥

ในศูรางคมสูตร ปรากฎเรื่องผักฉุน5ชนิด มี กระเทียมเล็ก กระเทียมใหญ่ มหาหิงคุ์ หัวหอม และหลักเกียว เป็นบทบัญญัติในวินัยสงฆ์ ทำให้มีความกำหนัด เกิดกิเลส และเมื่อเข้ามาในจีน ตำรายาจีน ก็เปลี่ยนเป็นพืชของจีน และมีกล่าวถึงมหาหิงคุ์ บอกว่าเป็น"ผักไซฮก"ไซฮก หมายถึงดินแดนทางตะวันตก รวมไปถึงชมพูทวีฟ

根據《爾雅翼》記載,道家五葷蕓薹胡荽蕓薹為現在油菜一類。
本草綱目》中則記載為:「鍊形家小蒜大蒜蕓薹胡荽為五葷。」所謂鍊形家,應屬道家一派。

อันนี้สำนักเต๋า ก็รับเรื่องผักฉุนมาเหมือนกัน แต่ไม่มีมหาหิงคุ์หรือใบยาสูบ แต่มีกระเทียม กุยช่าย ผักชี หลักเกียว อีกอันคือผักชนิดนึงในจีน ไทยไม่มีครับ

และนักพรตเต๋าก็ถือเหมือนกันครับ
#459
พระพรหมประทับยืน เคยเหนที่โบสถ์พราหมณ์ครับ

....

เทวรูปพระพรหมเขมร ก็มีปางยืนครับ
#460
ก็กินเจ มันไม่มีเรื่องผักฉุนนิครับ เม่งก่าก็ไม่มี

มันเป็นศีลพระโพธิสัตว์ และเป็นเรื่องของนักบวช

.....

กินผักฉุนไม่ผิดหรอก

แต่ของเดิมมันไม่มีผักฉุน และฝากไปบอกทางศาลเจ้าว่า ผักฉุน เป็นเรื่องของบทบัญญัติศีลพระโพธิสัตว์ และนักบวชฝ่ายมหายาน จีนนิกาย ก็ถืออย่างเคร่งครัด.......ไม่ใช่แค่เทศกาลกินเจ จะต้องงดผักฉุนนิครับ

เพราะผักฉุนของเดิม ไม่มี ใบยาสูบ มีแต่"มหาหิงคุ์"ครับ

.....

ผักฉุน เป็นวัฒนธรรมอินเดีย นักบวชอินเดียก็คืออย่างเคร่งครัดครับ
#461
ผมตื่นตี5ทุกวันครับ ออกมาวิ่ง และเช็คไรนิดหน่อยในเมลครับ
#462
ไม่จริงหรอกครับ

เชิญท่านประดิษฐานที่บ้าน แค่รักษาศีล ประพฤติดี ก็พอแล้วแหละครับ
#463
Quote from: om on December 24, 2009, 10:29:16
เพิ่มนิดครับ บันเฑาะมีแบบไทย ที่อาจจะเคยเห็นทางโบถพราหมณ์ใช้จะมีเสากระโดงขึ้นมาด้วย อันนี้แพงมากครับ บางอันราคาหลายพันบาทครับพราหมณ์ที่หลังโบถพราหมณ์ท่านบอกให้ฟังครับ สวนบันเพาะแบบในหนังแขก หาซื้อได้ที่พาหุรัดครับ เป็นของอินเดียครับ ไม่มีกระโดง ราคาไม่แพง แค่สามร้อยกว่า ๆ ก็มีครับ เวลาเลือกต้องฟังเสียงครับเพราะหนังวัวที่ขึงจาตึงไม่เท่ากันครับ แล้วแต่ชอบครับ  เพิ่มอีกนิดสงสัยจังครับ พราหมณ์ที่วัดแขกสีลมไม่เห็นใช้บัณเพาะเลยครับ เห็นใช้แต่กระดิ่ง หรือว่าใช้กับไศวะนิกายเท่านั้นหรือเปล่า  ส่วนประเด็นอื่น ๆ ที่มีข้อพิพาทกัน ไม่มีความเห็นนะครับผม  โอม  ศานติ ศานติ ศานติ 

ของไศวะนิกายครับ
#464
ง่ายๆนะ

ห้ามกินผักฉุน เป็นหลักในศีลพระโพธิสัตว์ แล้วชาวบ้านที่กินเจ เพราะกินเจในความหมายเดิม ก็คือการทานมังสวิรัติ และมีเหตุผลอะไรที่ต้องถือศีลพระโพธิสัตว์???

ผักฉุนจริงๆคือหลักปฏิบัติของนักบวชครับ
#465
ได้ครับ
http://www.bullogger.com/blogs/baozuitun/archives/193570.aspx

东南亚的九皇爷信仰可能源于明教
ความเชื่อเรื่องเก้าอ๊วงเจในเอเชียอาคเนย์มาจากศาสนาเม่งก่า

明教教规是出家修行者必须白衣白帽,吃素,每日仅食一餐,早晚礼拜太阳月亮。
ศาสนาเม่งก่าสอนว่าให้ออกบวชนุ่งขาวและสวมหมวกขาว ทานมังสวิรัติทุกวัน นมัสการพระอาทิตย์พระจันทร์เวลาเช้าค่ำ

อีกย่อหน้านึง
东南亚的九皇爷信仰非常盛行,但是在中国大陆却很少有人知道。迄今位置,关于九皇爷的传说有几十种,但是没有一种能够真正在中国大陆找到信仰传承。马来西亚吉隆坡的安邦南天宫有一百四十多年的历史,是东南亚最有名的九王爷庙之一。该宫的执委为了考证九皇爷的出处,不惜数次到中国寻根探源,因而发觉九皇爷其实是从中国福建莆田发源的。跟其他的一些传说类似,莆田也传说九皇爷来源于反清复明之类的故事,据说九个被砍掉头颅的反清复明义士和明朝皇室后裔,头颅被放在瓮中密封,在海上漂流,被渔民捞到。明朝皇室被杀是一件大事,但是没有任何史实可以证明清朝政府干过这样的事情,可见这种传说纯属附会。
ผมสรุปแบบนี้แล้วกัน ผมแปลไม่เก่งหน่ะ แต่อ่านแล้วเข้าใจ

เทศกาลกินเจ เป็นเทศกาลของชาวฮกเกี้ยนจากมณฑลฉวนโจวที่อพยพมา และมีวัดที่มีชื่อเสียงในงานกินเจอยู่ที่กัวลัมเปอร์ เมืองลัมปัง ศาลเจ้าน่ำเทียนเก็ง มีอายุ140กว่าปี มีชื่อเสียงที่สุดในเอเชียอาคเนย์......เมืองฉวนโจวก็เป็นเมืองที่พวกนับถือเม่งก่าครับ

และศาสนานี้ถูกห้ามสมัยหมิง ให้นับถือพุทธ เต๋า แทน และคิดว่าพวกนี้คงหนีลงมาไทย มาเลย์ สิงคโปร์

ในเมืองจีน คงไม่มีปัญหาอะไร เพราะพุทธศาสนิกชนจีนก็กินเจวันพระ
#466
การงดผักฉุน เป็นบทบัญญัติของภิกษุฝ่ายมหายาน และเป็นข้อบังคับของศีลพระโพธสัตว์

เพราะคนถูกสอนมาผิดๆ ว่ากินเจห้ามกินผักฉุน ทั้งที่จริงแล้ว การงดผักฉุนเป็นข้อบัญญัติในศีลพระโพธิสัตว์ และของเดิมก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องผักฉุน

และการงดผักฉุน มันมีในบทบัญญัติของนักบวชฮินดู

...

และของเดิม บูชา9อ๊วงเจ ก็ไม่มีการกินมังสวิรัติแต่อย่างใดครับ

...

หลักปฏิบัติ8ข้อในวันถือศีลกินเจ

มันก็พื้นๆอยู่แล้ว แต่ข้อ1-4ผมอยากได้หลักฐานอ้างอิงและมีเหตุผล และคิดว่าไม่เกี่ยวอะไรกับกินเจ เพราะคนจีนสมัยก่อนกินเจวันพระ ถือศีล5 หรือศีล8 ในหนังจีนไม่มีเทศกาลกินเจครับ

ถ้าบอกว่าการกินเจ แนวคิดเต๋ารับมา ก็รับได้ แต่.....
บอกว่ากินผักฉุนแล้วไม่ดีต่อสุขภาพ ทำให้ระบบการทำงานของร่างกายผิดปกติ....เรื่องนี้ดูเป็นการกล่าวลอยๆ เพราะของเดิม ผักฉุนมี"ต้นมหาหิงคุ์"นี่แหละของเดิม แจ่จีนไม่มีมหาหิงคุ์ เลยเอาอย่างอื่นใส่แทน เช่น ใบยาสูบ คึ่นช่าย

ถ้าบอกว่าผักพวกนี้กลิ่นแรง ทำให้ปากเหม็น เวลาพระสวดมนต์แล้วกลิ่นผักฉุนมันตลบอบอวล มันพอฟังขึ้นนะครับ
#467
บูชา9อ๊วงเจห้ามกินผักฉุนหรอครับ???
มีหลักฐานอ้างอิงไหมครับ???

เพราะกินเจ9วัน แท้จริงคือพิธีบูชาดาวเหนือ9ดวง ถ้าเป็นคติพุทธ ก็ว่าเป็นพระพุทธเจ้า7องค์ และพระโพธสัตว์2องค์

คำว่ากินเจ เจ หมายถึงการถือศีล กินเจ คือการกินอาหารอย่างคนถือศีล

และในประเพณีจีนไม่มีเทศกาลกินเจ มีแต่เทศกาลบูชาพระแม่มาริจี(เต้าบ๊อ) หรือพระแม่แห่งดาวเหนือ9ดวง(เชื่อว่าพระแม่มีลูก9คน บางตำราว่า7คน)

และปกติคนจีนก็กินเจทุกวันพระ หรือวันสำคัญทางศาสนา และคนจีนที่ถือศีลก็ไม่ได้เคร่งครัดเรื่องผักฉุน5ชนิด
#468
http://en.wikipedia.org/wiki/N%C4%81ga

.....

อย่างนาคที่ปรากฎในพระไตรปิฎกอะ ถ้ามองในแง่ของเผ่าพันธุ์ หมายถึงพวกคนเปลือย พวกนุ่งห่มใบไม้ ล้วขอบวชพระพุทธเจ้าแล้วไม่ให้บวช......อาจเป็นเหตุนี้มากกว่า
#469
กินเจยังไงผมไม่รู้

แต่กินเจ จุดประสงค์มันเพื่อละกิเลสนิครับ
#470
ผมไม่ได้ห้าม

...

แต่เพราะผมเคยไปบ้านเพื่อนคนนึง เขาบูชาพระศิวะ ผมไม่ว่า แต่ครั้งนึงผมแกล้งถามว่า"ไอ้กลองนี่มันไว้ทำอะไรหรอ"เขาตอบว่า เอาไว้เขย่าในการสวด"โอม นมหะ ศิวายะ"ซึ่งจริงๆผมรู้แต่แรกคืออะไร แต่ผมฟังคำตอบของเพื่อน ผมรู้สึกอนาถใจ.......หลังจากนั้นไม่นาน ผมซื้อหนังสือ ภารตวิทยา ของ อ.กรุณา กุศลาศัย กะจะให้เปิดโลกใบใหม่เลยแหละ และบอกทิ้งท้ายแบบที่ผมบอกในกระทู้ เรื่องบัณเฑาะว์ เหอๆ

และเคยเจอคนนึง คนไทยนี่แหละ ผมรู้จัก เขาสวมสายธุรำ ผมถามว่าเอามาจากไหน เขาบอกว่าพราหมณ์ทำให้ ผมฟังแล้วปรี๊ดดด ของขึ้นในใจ พราหมณ์ที่ไหนทำให้ เพราะสายธุรำ ไว้สำหรับคนที่เข้ารีตเป็นฮินดู และบอกถึงระบบวรรณะที่มีมาแต่กำเนิด.....พราหมณ์เป็นโดยกำเนิด ไม่ใช่สวมแล้วเป็นพราหมณ์

มันยังมีเรื่องอีกเยอะครับ ที่ผมไปเจอมา
#471
ขอบคุณมากครับ
#472
ในภาพฝาผนังรามเกียรติ์ ท้าวมาลีวราช ท้าวสหมลิวัน(สุมาลี) ก็ทำเป็นรูปพรหมสี่หน้าเหมือนกัน เพื่อจะสื่อว่าโคตรเหง้าทศกัณฐ์มันไม่ธรรมดา บรรพบุรุษมันเกี่ยวดองกับพวกพรหมฤๅษี ที่สืบเชื้อสายมาโดยตรง มันถึงไม่กลัวใคร และกล้าไปอาละวาดสามโลก เพราะถือตัวว่าเป็นหลานหรือไม่ก็เหลนของพรหม

.......

ที่แน่ๆ เทพที่คนฮินดูไม่ค่อยนับถือ เป็นเทพที่ปรากฏในพระไตรปิฎก ในพุทธประวัติ และในคัมภีร์พระพุทธศาสนาต่างๆ เช่น พระอินทร์ พระพรหม ท้าวเวสสุวัณ พวกนักบวชอาจพากันลงความเห็นว่าเทพเหล่านี้ คนพุทธนับถือ และชอบไปปรากฎในพุทธประวัติบ่อยๆ เลยให้ความสำคัญกับพวกท่านๆน้อยลง

ทั้งๆที่แต่ก่อน คนให้ความนับถือพระอินทร์ พระพรหม มากพอสมควร
#473
บัณเฑาะว์ มันของนักบวชใช้ ไม่ใช่หรือครับ

แยกให้ออกกับเครื่องใช้สำหรับบูชาเทพ กับเครื่องใช้ของนักบวช ไว้สำหรับประกอบพิธีกรรม
#474
พระพรหมไทย เอาแบบมาจากท้าวมาลีวราช หรือ ท้าวมาลีวัน ตาของทศกัณฐ์
ในภาพฝาผนัง ทรงเครื่องกษัตริย์ ทำเป็นพระพรหม4หน้าเหมือนกันครับ
#475
ไม่ผิดครับ

ก็ใช้ของไทยๆ ไม่เสียหายอะไรครับ

อินเดีย มีผงกุมกุม
ไทย มีดินสอพอง ก็ใช้ดินสอพองนั่นแหละครับ
#477
วัชระ ของฮินดู มันไม่ใช่แบบวัชระของไทยนะครับ
#478
ผมสะดุดคำว่า เทวาลัย หน่ะครับ
แสดงว่าบางคนยังไม่เข้าใจคำว่า เทวาลัย
เทวาลัย เป็นลักษณะศาลา อาจสร้างเป็นบ้านขนาดเล็ก

ถ้าเป็นศาลเล็กๆ เขาเรียกมณฑป

.....

ผมตกใจที่ท่านจขกท.บอกจะสร้างเทวาลัยนี่แหละครับ
#480
ช้าเร็วไม่มีปัญหาครับ

แต่ปัญหาอยู่ที่่เมื่อคนสมหวัง แล้วลืมว่าสิ่งนั้นท่านช่วยไว้

ผมไม่ได้ว่าอะไรหรอก แต่อยากแนะนำว่าอย่าพยายามเร่งตัวเอง ถึงขั้นกลัดกลุุ้ม ว่ากลัวหาไม่ได้ กลัวพระแม่ไม่โปรด กลัวนั่นกลัวนี่ และกลายเป็นว่าความศรัทธาทำให้ว้าวุ่นใจ

การสร้างเทวาลัยขนาดเล็ก ต้องนึกถึงหลักฮวงจุ้ยด้วย

ซึ่งรายละเอียดเกี่ยวกับพระแม่ลักษมี ต้องหาหนังสือค้นคว้าอ่านเพิ่มเติมครับ