Loader
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - พิษประจิม

#561

คือพระแม่คายตรีครับ gayatri goddess

ส่วนพระแม่ในศาสนาเชน สร้างเลียนแบบพระโพธิสัตว์ ที่รูปพระพุทธเจ้าที่มวยผมครับ
#564
เคยคุยกับอ.ศิลปากรท่านนึง ผมรู้จักท่าน เพิ่งกลับจากพาราณสี

ท่านบอกว่าคนอินเดียเองที่นับถือไม่ใส่ ดาราอินเดียก็ไม่ใส่แบบนี้

และบอกว่าของพวกนี้ ขายให้คนต่างชาติ.......ที่ท่านพูดแบบนี้ เพราะท่านอยู่อินเดียมาหลายปี เพราะพ่อท่านบวชที่พุทธคยา



#565
ถ้าจำไม่ผิด การเจิมอะไรต่างๆ เป็นหน้าที่ของวรรณะพราหมณ์ม่ะใช่หรอครับ

หรือผมเข้าใจผิด???
#567
http://shakthinesaa.blogspot.com/2009/03/blog-post_5610.html

http://en.wikipedia.org/wiki/Abirami_Pattar
Abirami Amman
is both powerful and merciful. The devotees are blessed with prosperity, marriage alliances etc. She blesses them with children and wisdom. The Kalasamharamurthy blesses the devotees with longevity; health, remedy from ailments and the devotees will be free from the fear of death. Thirukadayur is a place noted for remedies from many problems in life. Abirami Amman is both powerful and merciful. The devotees are blessed with prosperity, marriage alliances etc. She blesses them with children and wisdom. The Kalasamharamurthy blesses the devotees with longevity; health, remedy from ailments and the devotees will be free from the fear of death. Thirukadayur is a place noted for remedies from many problems in life.

http://www.subamlodge.com/holy_2.htm

http://www.hindumeeting.com/forum/index.php?topic=266.0
#568
แยกหิ้งดีรึเปล่าผมไม่รู้

ถ้าคิดว่าพระพุทธเจ้าเป็นอวตารปางนึงของมหาเทพ เอาวางรวมคงไม่ผิดอะไรหรอก
เพราะพราหมณ์มองพระพุทธว่าลงมาหลอกลวงอสูรให้ละทิ้งพระเวท
#569
ที่ผมนึกออกและเดาเอา และจำได้นะครับ(หนังสือคืนเขาไปหน่ะ)
อ้างอิงจากพระราชนิพนธ์ร.6 ลิลิตนารายณ์สิบปาง และบ่อเกิดรามเกียรติ์


ฤๅษีวาลมีกิ หรือ วาลมิกี-ฤๅษีวัชมฤคี
ฤๅษีอังคต-ฤๅษีอคัสตยะ
ฤๅษีสุติกษณะ-ฤๅษีสุทัศน์
ฤๅษีโคดม-ฤๅษีเคาตมะ
*ฤๅษีฤษยศฤงคะ-ฤๅษีกไลโกฏ
ฤๅษีปรศุราม-รามสูร(รามสูรมีอีกชื่อว่า นยักษะ)
*ฤๅษีวิศวามิตร-ฤๅษีสวามิตร์
ฤๅษีศตานนทะ-ฤๅษีสุธามันตัน เป็นปุโรหิตท้าวชนก และเป็นลูกฤๅษีโคดมกับนางอหลยา
ท้าวมาลียวัน หรือ มาลยวาน maliyavan or malyavan (ภาษาทมิฬ)-ท้าวมาลีวราช เป็นปู่ทศกัณฐ์ เป็นวงศ์พรหม
ท้าวสุมาลี-ท้าวสหมลิวัน เป็นลูกของท้าวสุเกศ แกมีลูก3คน คือท้าวมาลีวราช ท้าวสุมาลี และท้าวมาลี
ท้าวโรมพัต-ท้าวโลมบาท เจ้าเมืองโรมพัตตัน(อังคะ)
อชะ-ท้าวอัชบาล
*วิสรวะ-ท้าวลัสเตียน
ท้าวชนกจักรวรรดิ-ท้าวชนก ชื่อจริงของท่านคือ ศีรธวัช
ท้าวกุเปรัน-ท้าวกุเวร
พระลักษมณ์-พระลักษณ์
พระศัตรุฆณ์-พระสัตรุด
พระภรต-พระพรต
นางอหลยา-นางกาลอัจนา
นางเกาศัลยา-นางเกาสุริยา
นางไกเกยี-นางไกยเกษี
นางสุมิตรา-นางสมุทรชา
นางมัณโฑทรี-นางมณโฑ
นางไกกะษี-นางรัชฎา
ยักขมูขี-ยักษ์อโยมุขี
ยักษ์วิราธ-พระพิราพ
พระไภรพ-พระพิราพ
ยักษ์กพันธะ-ยักษ์กุมพล 
ยักษ์อกัมปัน-อสุรกัมปั่น
mayilliravanan or mahiravana-ยักษ์ไมยราพณ์
maccakarppan(matsyagarbha)-มัจฉานุ
tooratantikai-พิรากวน(พี่สาวไมยราพณ์)
neelamekan-ไวยวิก
timiti-นางสุวรรณมัจฉา
อักษกุมาร-สหัสสกุมาร
มกรากษะ-มังกรกัณฐ์
สุพาหุ-สวาหุ
ตริศิระ-ตรีเศียร
ทูษณ์-ทูต(ที่มาของสำนวน กลิ้งทูต)
วิทยุชชิหวา-ชิวหา
ศูรปนขา-สำมะนักขา
ตารกาสูร-กากนาสูร
วิภีษณะ(วิภีษณ์)-พิเภก
ยักษ์สุรสา-ผีเสื้อสมุทร? อากาศตะไล? ไม่แน่ใจ
*ชามพูวาน-ชามพูวราช
วาลี-พาลี
นิล-นิลพัท
นล-นิลนนท์
อังคัท-องคต
นกชฏายู-นกสดายุ
นกสัมปาติ-นกสัมพาที
เมืองอโยยา-เมืองอยุธยา
*เขาสัญชีวนี-เขาสรรพยา
เมืองกีษกินธะ-เมืองขีดขินธ์
เมืองลังกา-เมืองลงกา

นึกออก เดี๋ยวมาเพิ่มต่อ

*ฤๅษีกไลโกฏ ในรามเกียรติ์บอกว่าพ่อคือฤๅษีอิสีสิงค์ ความจริงคือ อิสีสิงห์ คือภาษาบาลี คำว่า ฤษยศฤงคะ เป็นภาษาสันสกฤต ในรามายณะคือองค์เดียวกัน

*ฤๅษีสวามิตร แต่ก่อนเป็นกษัตริย์ และไม่ถูกกับฤๅษีวสิษฐ์ แล้วฤๅษีวสิษฐ์เป็นพรหมฤๅษี มีเรื่องวิวาทกัน แล้วท้าวสวามิตรแพ้ เลยบำเพ็ญตบะ ก็เป็นมุนี แล้วไม่พอใจ ก็บำเพ็ญจนได้เป็นมหาฤๅษี และไม่พอใจ ก็บำเพ็ญต่อไปจนได้เป็นพรหมฤๅษี และขอให้คืนดีกับฤๅษีวสิษฐ์ และทำความเคารพเพราะมีอายุมากกว่า
และฤๅษีสวามิตรมีฤทธิ์มาก และให้ท้าวตรีศังกุที่อยากขึ้นสวรรค์ทั้งเป็น ไปขอให้ลูกวสิษฐ์100คนทำพิธีให้ แต่ลูก100คนไม่ทำให้ ท้าวตรีศังกุปากดีไง พวกนั้นเลยสาปให้เป็นจัณฑาล พวกอำมาตย์ มนตรี ไปหมดเลย และไปหาฤๅษีสวามิตร ซึ่งตอนนั้นแกเป็นราชฤๅษี แต่แกใจดีทำให้ แกเลยจัดปะรำพิธี และให้ท้าวตรีศังกุเชิญพราหมณ์คนอื่นๆมา ใครมีปัญหา เรื่องมาก ไปบอกได้เลย พราหมณ์อื่นกลัวมาก เลยจำใจมา ยกเว้นลูกวสิษฐ์100คนที่ไม่มี ฤๅษีสวามิตรเลยสาปให้ลูก100ตาย และเกิดเป็นจัณฑาล700ชาติ(คิดว่าไม่ตายหรอก ฤๅษีวสิษฐ์คงหาทางช่วย) และฤๅษีสวามิตรทำพิธี จนท้าวตรีสังกุลอยขึ้นสวรรค์ พวกพระอินทร์เทวดาเห็นท้าวตรีศังกุลอย เลยไล่ให้ลงไป ท้าวตรีศังกุก็ร่วงลงไป และร้องเรียกฤๅษีสวามิตร ฤๅษีเลยให้ท้าวตรีศังกุลอยขึ้นไปใหม่ และลอยค้างอยู่อย่างงั้น และแกเห็นว่าพวกเทวดาและพระอินทร์ลองดีกับแก แกเลยสร้างดาวใต้(ดาวเหนือ คือดาวหมีใหญ่) แกสร้างดาวสัปตฤๅษีอีก7ดวง และสร้างดาวดวงอื่นๆทางทิศใต้ และจะสร้างพระอินทร์ เทพ อสูร เพิ่มขึ้นอีก พวกเทวดาและพระอินทร์ขอร้องว่าอย่าทำ แกบอกว่าให้รับท้าวตรีศังกุขึ้นสวรรค์ และให้ดาวที่สร้างใหม่อยู่บนฟ้า เทพตกลง แต่ท้าวตรีศังกุให้ขึ้นสวรรค์ไม่ได้เพราะเปนจัณฑาล เลยให้อยู่บนฟ้า ท่ามกลางดาวที่สร้างใหม่...อ่านในพระราชนิพนธ์ บ่อเกิดรามเกียรติ์

*ลัสเตียน มาจาก เปาลัสตยัน แปลว่า เกิดจาก ปุลัสตยะ

*ในรามายณะ ชาวพูวราช ชมพูพาน คือตัวเดียวกัน และชมพูพานคือหมี เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องยา

*ในรามายณะบอกว่าพระลักษมณ์ถูกหอกวิเศษ ชมพูพานบอกว่าต้องสมุนไพร4ตัว จากเขาโทฺรณคีรี บางทีเรียกว่า เขามโหทัย หรือเขาสัญชีวนี
สมุนไพร4ตัว คือ วิศัลยกรณี สวรรณกรณี สัญชีวกรณี(สัญชีวนี) และ สันธยนี แต่หนุมานไปหา สมุนไพรมันวิ่งหนี หนุมานเลยยกมาทั้งภูเขา พวกที่โดนอาวุธได้กลิ่นยาเลยฟื้น แต่ในรามเกียรติ์บอกว่าไปเขาสรรพยา เอาสมุนไพร2ตัวชื่อ สังกรณี และ ตรีชวา
#570
พระพุทธรูป ต้องแยกหิ้งครับ
#571
Quote from: Neosiris on November 28, 2009, 15:30:58
      
ลังกาทวีปอยู่ที่ไหนกันแน่
ทำไมต้องทำให้ความจริงกระจ่าง ก็เพราะเหตุว่า พระอรรถกถา ได้กล่าวว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เคยเสด็จมายังลังกาทวีป เมื่อครั้งยังทรงมีพระชนม์อยู่ ถึง ๓ วาระ ดังนั้น การที่เกิดความเข้าใจผิดว่า ลังกาทวีป คือ ประเทศศรีลังกา ในปัจจุบัน แล้ว ไปกล่าวตู่ว่า พระพุทธเจ้าเคยเสด็จไปยัง “ ประเทศศรีลังกา ” จึงเป็นการบิดเบือน เป็นบาปอย่างยิ่ง โดยในเบื้องต้น จะขอยกอรรถกถา ที่กล่าวถึงการเสด็จไป ลังกาทวีป ของพระพุทธองค์ ดังนี้ ว่า
                  
ได้ทราบว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เสด็จไปสู่เกาะนี้ (เกาะลังกา) ถึง ๓ ครั้ง แม้ในคราวยังทรงพระชนม์อยู่ คือ คราวแรกเสด็จมาพระองค์เดียวเท่านั้น เพื่อทรมานยักษ์ ครั้นทรมานยักษ์แล้ว ทรงตั้งอารักขาที่เกาะตัมพปัณณิทวีป เสด็จรอบเกาะ ๓ รอบ ตั้งพระทัยว่า เมื่อเราปรินิพพาแล้ว ศาสนาของเรา จักประดิษฐานอยู่บนเกาะนี้.
รั้งที่สอง เสด็จมาพระองค์เดียวเหมือนกัน เพื่อต้องการทรมาน พญานาคผู้เป็นลุงและหลานกัน ครั้นทรมานนาคเหล่านั้นแล้ว ได้เสด็จไป. ครั้งที่สาม เสด็จมามีภิกษุ ๕๐๐ รูปเป็นบริวาร ประทับนั่งเข้านิโรธสมาบัติ ณ ที่ตั้งมหาเจดีย์ ที่ตั้งถูปารามเจดีย์ ที่ประดิษฐานต้นมหาโพธิ์ ที่ตั้งมุติงคณ-
เจดีย์ ที่ตั้งทีฆวาปีเจดีย์ และที่ตั้งกัลยาณิยเจดีย์.


อรรถกถาเป็นไงผมไม่ทราบ

แต่ในพระสูตรมหายานมีพระสูตรนึง พระพุทธเจ้าเสด็จไปลังกา ไปโปรดยักษ์ราวณะ

ภาษาจีนข้อความว่า
如是我聞:一時婆伽婆住大海畔摩羅耶山頂上楞伽城中...
ข้าพเจ้าสดับฟังมาดังนี้ สมัยหนึ่งพระภควันประทับที่มาลัยคีรีริมฝั่งทะเล ในเมืองลังกา....

มาลัยคีรี ไม่รู้มันอยู่ไหน โอริสสา ลังหา หรือคือ"เขามาลายา(มาลัยกูฏ)"
#573
การทำพิธีโหมกรรม เป็นหน้าที่ของวรรณะพราหมณ์เท่านั้นครับ

เคยได้ยินว่าคนอื่นที่ไม่ใช่พราหมณ์ทำพิธี ทำให้พิธีเสื่อม จารีตเสื่อม เพราะพิธีแบบนี้สงวนให้พราหมณ์ทำพิธีเท่านั้น

ขออนุญาตพูดนะครับ
ในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าในวรรณคดี ในปุราณะ ที่อสูรมันมีอิทธิฤทธิ์ มันทำพิธี อสูรบางตัวมันอยู่ป่า เป็นฤๅษี เป็นพราหมณ์อสูรก็มี มาช่วยกันทำพิธี และอ่านพระเวท ท่องมนต์ จนเทพต้องมาหาและ"จำใจ"ประทานพรให้มัน และมันก็มีอิทธิฤทธิ์มากขึ้น ป่วนโลกมนุษย์ สวรรค์ และภพอื่นๆ

คนอื่นเลยองว่าพระเวท มนต์ เป็นของศักดิ์สิทธิ์ อสูรมันอยากได้และทำสำเร็จ เพราะเรื่องมันเกิดตั้งแต่อวตารปางที่1

เพราะพระเวท วรรณะอื่นก็เรียนได้ แม้แต่วรรณะกษัตริย์เองก็เรียนจนชำนาญ แต่พระเวทบางเรื่องก็ไม่ได้สอน สงวนให้วรรณะพราหมณ์เท่านั้น

ตั้งแต่นั้นพวกอสูรมันเลยทำพิธีต่างๆได้ อสูรมันชำนาญพระเวท สามารถก่อกองกูณฑ์ทำพิธีโหมกรรม และขอพรพระเจ้า......เลยเป็นที่มาของอวตารปาง9 เพื่อหลอกลวงอสูรให้ทิ้งพระเวท
#574
พระสรัสวดีก็ทรงหงส์เหมือนกัน บางทีก็ทรงนกยูงครับ
#575
 









คนพม่าเรียกว่า Thuyathadi ถือเป็น"นัต"องค์นึง ที่นอกเหนือจากนัก37ตน ซึ่งนัตองค์แรกคือ"พระอินทร์"

Thuyathadi คนพม่าเชื่อว่าเป็นเทพีแห่งการศึกษาเล่าเรียก เทพีแห่งความรู้

ก็คือพระแม่สรัสวดีนั่นเอง คนไทยเรียกว่า สุรัสวดี
#576
Quote from: โหราน้อย on November 26, 2009, 11:20:53
พระนามของฤาษีพระผู้มีเศียรเป็นกวางนี่ที่ถูกต้องคืออะไรครับ  เพราะบางที่เรียกว่าฤาษีกไลโกฎิ  แต่ในโองการไทยจะเรียกท่านว่าฤาษีประสัยโกฎิ  หรือคนไทยเรียกเพี้ยนไป  

ในรามเกียรติ์ ฤๅษีที่ทำพิธีขอบุตร มีหัวเป็นกวาง คือฤๅษีกไลโกฏครับ
คนไทยเรียกเพี้ยนไปเองครับ

แต่ชื่อ กไลโกฏ เป็นชื่อภาษาทมิฬ ตัวละครในรามเกียรติ์หลายตัว ก็มีชื่อเป็นภาษาทมิฬ เช่น กุเปรัน(กุเวร) ไมยราพณ์(มายิลลิราวณะ) เป็นต้น
#577
ทำพิธีอะไร ผมไม่แน่ใจนะครับ

แต่ที่แน่ๆ เป็นพิธีที่ต้องเชิญเทพ3องค์ แต่ไม่เชิญพระศิวะ เทพอีก2องค์ท่านไม่ช่วย เพราะเห็นว่าพระทักษะทำผิดครับ

ผมคิดว่าพิธีนี้ มันต้องเป็นพิธีใหญ่ แต่ไม่รู้ว่าพิธีอะไรครับ
#578
ผมมะได้ลบหลู่นะครับ

แต่ผมเคยศึกษาข้อมูลเทพหรือฤๅษีต่างๆในปุราณะต่างๆ แล้วลองเทียบเหตุการณ์ เทียบกาลเวลา ผมจับต้นชนปลายไม่ถูกจริงๆ

แต่ผมงงที่ว่า เรื่องนางอนะสูยากับบุตร3คน เป็นเหตุการณ์ช่วงไหน อวตารพระวิษณุปางที่เท่าไร????
#579
เรื่องพระทักษะ จำได้ตอนเกิดเรื่องไม่ใช่พิธีสยุมพร เพราะนางสตีเลือกพระศิวะเรียบร้อยแล้ว แล้วนางสตีไปอยู่กับพระศิวะ จนพระทักษะทำพิธีอะไรไม่ทราบ ไม่แน่ใจว่าพิธีอัศวเมธหรือทำพิธีกวนข้าวทิพย์ แล้วพระทักษะไม่เชิญพระศิวะ นางสตีโกรธมาก เลยเผาตัวเองประชดพ่อ

แล้วตอนนี้แปลกมาก ตอนที่พระศิวะโกรธพระทักษะ พระศิวะเสกอสูรวีรภัทรจากปอยผมแล้วเอาดาบตัดศีรษะ หรือพระศิวะเสด็จลงไปแล้วเอาธนูยิงกราดในพิธี........ธนูนั่น ปรากฎในตอน"พระรามยกศร"หรือนางสีดาสยุมพร
#580
ฤๅษีที่คนไทยนับถือ ที่ผมนึกออกก็มี...

ฤๅษีกไลโกฏ-มาจากภาษาทมิฬคือ kalaikkottu หรือ kalaikottu
ภาษาสันสกฤตคือฤๅษี"ฤษยศฤงคะ" เป็นรูปหัวโขนฤๅษี มีหัวเป็นกวางมีเขา หรือบางครั้งทำเป็นรูปหน้าฤๅษีมี1เขาบนหน้าผาก  คือฤๅษีที่ทำพิธีขอบุตรให้ท้าวทศรถเพื่อให้เมีย3คนมีลูก นางเกาสุริยา(เกาศัลยา) ไกยเกษี(ไกเกยี) สุมิตรา(สมุทรเทวี)

ฤๅษีโคบุตร-พระอาจารย์ทศกัณฐ์ ไม่แน่ใจว่ารามายณะเรียกอะไร
แต่ที่แน่ๆ ฝ่ายยักษ์มี"ศุกราจารย์"เป็นอาจารย์ ชื่อฤๅษีโคบุตร ผมไม่ทราบครับ

ฤๅษีตาไฟ-ฤๅษีกบิล ที่ปรากฎในเรื่องอัญเชิญพระแม่คงคาลงมาโลกมนุษย์ ที่นั่งสมาธิแล้วเจอเจ้าชายกลุ่มนึงตามหาม้าอัศวเมธแล้วเห็นฤๅษีกบิลนั่งสมาธิ พวกเจ้าชายเลยพูดจาแหย่จนท่านโมโหลืมตามองพวกเจ้าชาย แล้วร่างเจ้าชายพวกนั้นกลายเป็นขี้เถ้าในพริบตา

ฤๅษีนารอด-นารทมุนี ที่ชอบพูดว่า นาร๊าย นารายณ์

ฤๅษีอังคต-พระอคัสตยะมุนี ในเรื่องรามายณะ ในรามเกียรติ์เรียกว่า"อังคท"

ฤๅษีโคดม-ฤๅษีเคาตมะ หรือโคตมะ ในเรื่องรามายณะ ที่สาปนางอหลยาเป็นขี้เถ้า จนพระรามมาแก้คำสาปให้

ฤๅษีพ่อแก่-ภรตมุนี ผู้เขียนตำรานาฏยศาสตร์


พอนึกชื่ออื่นๆออกไหมครับ ลองมาแชร์กันหน่อย


พอนึกฤๅษีตนอื่นๆออกไหมคับ ที่คนไทยนับถือกับ
จะได้ลองมาเทียบชื่อในวรรณคดีดู
#582
ผมเดาๆนะ

การนับถือ3องค์แบบนี้ พวกพ่อค้า นักเดินทาง นับถือรึเปล่า

เพราะว่า

พระลักษมี ให้ผลด้านโชคลาภความร่ำรวย
พระคเณศ ให้ผลด้านขจัดอุปสรรค และสติปัญญา
พระสรัสวดี ให้ผลเรื่องการพูด และสติปัญญาเหมือนกัน
#583


จริงๆจะวางพระลักษมีตรงกลาง ก็ไม่ผิดนะครับ
#584
Quote from: กาลิทัส on November 25, 2009, 16:51:02
แต่ผมคิดว่าใช่นะครับ เพราะว่าฤาษีทุรวาสที่เกิดแต่นางอนสูยา ตามประวัตินั้น เป็นองค์เดียวกับองค์ที่สาปพระอินทร์ แล้วก็ไม่ยอมใคร คือองค์นี้แหละครับ แหะๆๆ

อ้างอิง :

http://images.google.co.th/imgres?imgurl=http://archives.chennaionline.com/columns/LifeHistory/images/Durvasa-01.jpg&imgrefurl=http://archives.chennaionline.com/columns/LifeHistory/history29.asp&usg=__Fy3y_Fg8UfokuVr9OM6FWFl8nL4=&h=200&w=150&sz=9&hl=th&start=4&um=1&tbnid=P6JzPCCatgTbAM:&tbnh=104&tbnw=78&prev=/images%3Fq%3DDurvasa%26hl%3Dth%26sa%3DN%26um%3D1

......

ปางที่8คือกฤษณาวตารครับ(ในเรื่องมหาภารตะ มีอ้างถึงพระราม-นางสีดา) รามาวตารคือปางที่7 เพราะในรามายณะ พระรามเคยพบปรศุราม(ปรศุราม แกอยู่มาถึงปางที่8)

งั้นฤๅษีทุรวาสคืออวตารพระศิวะ ที่ในช่วงอวตารปางที่6หรือปางปรศุราม???
เพราะอรชุนองค์ที่ปรศุรามฆ่าตาย เรียนกับฤๅษี"ทัตตเตรยะ"
ในลิลิตนารายณ์สิบปาง ปางที่6บรรยายว่า
....แถลงเรื่องประวัติ แห่งกษัตริย์ทรงยศ ปรากฎนามอรชุน สุนทรราชฦๅชัย จอมไหหัยชนบท โอรสกฤตะวีรยะ พระจึงมีฉายา การตะวีรยะ คราเมื่อพระยังเยาว์ เอาใจใส่พากเพียร  เรียนศิลปวิทยา ณ อาศรมสำนัก ที่พักพระมุนี มีนามทัตตะไตรย ผู้บุตร์ไท้อัตรี...

แล้วฤๅษีอัตริและนางอนะสูยา ปรากฏในรามายณะ
ในลิลิตฯบรรยายว่า
....ชวนเทวีสีดา อีกอนุชาคู่ใจ ไปเสียจากกุฎี จรลีดั้นดง ตรงไปยังกุฏิ แห่งอัตริมหา พราหมณ์ประชาบดี ไหว้โยคีองค์ขลัง ทั้งอนะสูยา ผู้โสภามหิษี มุนีและชายา เปรมปรีดาไม่น้อย กล่าวถ้อยคำสั่งสอน อีกอวยพรศรีสวัสดิ์ สามกษัตริย์ลาจร เข้าดงดอนเดินไป.....

.......

ฤๅษีทุรวาสที่ด่าเก่งๆหรือขี้โมโห มีตั้งแต่ปางที่2 และปรากฎในเรื่องศกุนตลา และปรากฎในเรื่องมหาภารตะในช่วงอวตารปางที่7

แต่ฤๅษีอัตริกับนางอนะสูยา ปรากฎตั้งแต่เรื่องปรศุราม ท้าวอรชุนฝึกวิชากับฤๅษีทัตตะไตรย และพระรามพระลักษมณ์นางสีดาเคยพบฤๅษีอัตริและนางอนะสูยา

...

ถ้าฤๅษีทุรวาสที่เป๋นอวตารพระศิวะองค์เดียวกับที่แช่งพระอินทร์จริงๆ แสดงว่าเรื่องนางอนะสูยาให้กำเนิดบุตรชาย3คน1ในนั้นชื่อทุรวาส ต้องเป็นเหตุการณ์ก่อนอวตารปางที่8จะเกิดขึ้น
#585
นึกถึงเรื่อง "สิงหาสนะ ทวาตริงศิกะ"หรือ วิกรมจริต

มีนักบวชท่านนึงบูชาพระแม่มานาน หวังให้ท่านปรากฎตัว แต่บูชามานาน จนขี้เถ้าที่บูชากองเป็นภูเขา ท่านก็ไม่ปรากฎตัวมา จนพระเจ้าวิกรมาทิตย์เสด็จผ่าน ทราบว่านักบวชท่านบูชามานาน ท่านเลยจะสละชีพบูชาพระแม่เอง พระแม่เสด็จมาและห้าม และบอกว่ามีความศรัทธาเลยปรากฎตัว พระเจ้าวิกรมาทิตย์ถามว่า เหตุใดนักบวชท่านนี้บูชามานาน ท่านไม่ปรากฎตัวให้เห็นและประทานพรให้เขา พระแม่บอกพระเจ้าวิกรมาทิตย์ สรุปได้ว่า"ไม่มีศรัทธา"บอกว่า แค่เอามือมาประสานกัน ไม่มีศรัทธา ท่านไม่ปรากฎตัว ท่านเลยให้พระเจ้าวิกรมาทิตย์ขอพร ท่านขอพรว่าให้ประทานพรให้นักบวชผู้นั้น

แม้แต่ทศกัณฐ์หรือราวณะบำเพ็ญ มีสิบตัว ตั้งใจบำเพ็ญเพียร1หมื่นปี ทุก1000ปีมันตัดหัวตัวเองลงกองไฟ ทำแบบนี้จนถึง9000ปี เหลือ1หัว มันจะตัดหัวสุดท้ายลงกองไฟ มหาเทพเลยปรากฎตัวและให้พรกับราวณะ และท่านเมตตาประทานหัวทั้ง9ที่ลงกองไฟคืนให้ราวณะ
#586
ฤๅษีทุรวาส ปรากฎเรื่องตั้งแต่อวตารของพระวิษณุปางที่2คือ"กูรมาวตาร" พระอินทร์ถูกฤๅษีทุรวาสสาปให้ต่อไปเทวดารบแพ้อสูร เลยต้องทำพิธีกวนน้ำอมฤต 

แล้วเรื่องฤๅษีทุรวาสมียาวถึง"กฤษณาวตาร"
นางกุนตีดูแลฤๅษีทุรวาสอย่างดี ท่านเลยให้พรว่าถ้าอยากมีลูกกับเทพองค์ไหนสามารถเชิญมาได้......ฤๅษีตนนี้มีอายุยืน มาถึงปางที่6-7ก็ไม่แปลกอะไร

แต่คิดว่าฤๅษีทุรวาสที่เป็นฤๅษีปากจัด ไม่ได้เกิดจากนางอนะสูยาแน่ๆ เพราะเรื่องนางอนะสูยาปรากฎตั้งแต่พระปรศุราม(ปางที่6)และต่อมาถึงปางที่7

ฤๅษีสมัยก่อนชื่อเหมือนๆกันก็มี ฤๅษีเคาตมะ(โคตมะ) ฤๅษีนารท(ในชาดก) ฤๅษีภารทวาชะ  ฯลฯ

ฤๅษี"ทุรวาส"ที่เกิดจากนางอนะสูยา อาจไม่ใช่องค์ที่ปากจัดๆอย่างที่ปรากฎในตำนานกวนเกษียรสมุทร และเรื่องศกุนตลา.......รึเปล่า???
#587
เจอแระครับ
อยู่ในปรศุรามาวตาร
....แถลงเรื่องประวัติ แห่งกษัตริย์ทรงยศ ปรากฎนามอรชุน สุนทรราชฦๅชัย จอมไหหัยชนบท โอรสกฤตะวีรยะ พระจึงมีฉายา การตะวีรยะ คราเมื่อพระยังเยาว์ เอาใจใส่พากเพียร  เรียนศิลปวิทยา ณ อาศรมสำนัก ที่พักพระมุนี มีนามทัตตะไตรย ผู้บุตร์ไท้อัตรี...
#588
ในพระราชนิพนธ์"ลิลิตนารายณ์สิบปาง"มีรายละเอียดเกี่ยวกับฤๅษีอัตรีและนางอนะสูยาครับ

อัตริ
พรหมฤษีและประชาบดี เปนมานสาบุตร์ของพระพรหมา เปนผัวนางอนะสูยา และมีหลานชื่อทุรวาส ในรามายณะว่าพระรามได้ไปเยี่ยมเมื่อเดินดง

อนสูยา
ธิดาพระทักษะประชาบดี และมเหษีของพระอัตริประชาบดี

ทัตตะไตรย
ฤษี โอรสพระอัตริประชาบดีกับนางอนะสูยา และบิดาทุรวาส

---

ในลิลิตนารายณ์สิบปาง รามจันทราวตาร

....ชวนเทวีสีดา อีกอนุชาคู่ใจ ไปเสียจากกุฎี จรลีดั้นดง ตรงไปยังกุฏิ แห่งอัตริมหา พราหมณ์ประชาบดี ไหว้โยคีองค์ขลัง ทั้งอนะสูยา ผู้โสภามหิษี มุนีและชายา เปรมปรีดาไม่น้อย กล่าวถ้อยคำสั่งสอน อีกอวยพรศรีสวัสดิ์ สามกษัตริย์ลาจร เข้าดงดอนเดินไป.....
#590
Quote from: Neosiris on November 22, 2009, 11:53:25
         
ประเทศอินเดียปัจจุบัน และที่เมือง Taxila แคว้นปัญจาป ประเทศปากีสถาน
เหตุผลที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะว่า ทั้งที่ เมืองราชคฤห์ ประเทศอินเดียปัจจุบัน และที่เมือง Taxila แคว้นปัญจาป ประเทศปากีสถาน ไม่ใช่ เมืองราชคฤห์ และเมืองตักศิลา ในสมัยพุทธกาล ดังที่ได้มีการศึกษา และค้นคว้า ในบทก่อนหน้านี้แล้วว่า
เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ ในสมัยพุทธกาล ไม่ได้อยู่ที่ประเทศอินเดียในปัจจุบัน แต่อยู่ในประเทศไทย หรืออาจจะบอกได้ว่าอยู่ในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิและขอนแก่นนี่เอง และนั่นก็อาจหมายถึงว่า เมืองตักศิลา ก็อาจจะอยู่ในประเทศไทยของเรานี่เอง นี่กระมัง ท่านหมอชีวกโกมารภัจจ์ จึงได้ชิ่อว่า บรมครูแห่งการแพทย์แผนไทย


แคว้นปัญจาบ มันกินอาณาเขตถึงปากีสถาน เป็นเมืองในปากีสถาน ส่วนในอินเดียคือแคว้นปัญจาบ

แล้วเมืองตักษศิลา หรือ ตักกสิลา เป็นเมืองหลวงของแคว้นคันธาระในสมัยก่อน พุทธศิลป์คันธาระก็พบแถวๆนั้นครับ
#591
ผมไม่แน่ใจนะครับ ที่นางราธาไม่ได้เป็นภรรยา เพราะนางมีสามีอยู่แล้วด้วยรึเปล่านะครับ
ผมบอกก่อนว่านางราธามีสามีแล้ว เป็นเด็กชายเลี้ยงวัวชื่อ"อายัณโฆษ"

ในลิลิตนารายณ์สิบปาง พระราชนิพนธ์ร.6 เรื่อง กฤษณาวตาร มีข้อความนึงว่า

พระเก่งทางมายา........หาใครบ่เปรียบไท้
อาจแปลงแบ่งภาคได้....สมดัง จิตฮา
เช่นครั้งหนึ่งราธา.......เมียอายัณโฆษได้
ทูลว่าสามิไซร้............ออกหึงส์
พระจึงออกอุบาย.........แด่โฉมฉายล่วงรู้
บ่ต้องวิตกผู้...............ผัวเลย

ส่วนเรื่องพระกฤษณะ ร.6ท่านไม่โปรดครับ แถมด่าด้วย ต้องอ่านรายละเอียดในท้ายๆเล่ม ร.6ท่านด่าพระกฤษณะแรงนะครับ
#592
ใครที่สำเร็จอภิญญา6 ก็มีตาทิพย์ได้ครับ
#593
Quote from: กาลิทัส on November 20, 2009, 09:30:10
และที่สำคัญท้าวอิราวัตรได้ชื่อว่า เป็นสามีแห่งพระวิษณุซะด้วยครับ แต่ในภาคของอิสตรี คือนาง โมหิณีครับ

อ่านสองบรรทัดแรกตกใจ แต่พออ่านบรรทัดต่อมา......เฮ้อออ แล้วไป โล่งอกไปที
#594
ที่เป็นเพศที่สาม เพราะท้าวอิราวัตถูกสาปหรือยังไงครับ???



สงสัยว่า ทำไมท้าวอิราวัต มีแต่ศีรษะครับ

ขอบคุณครับ
#595
พระวิษณุที่ว่า ปางนี้ป่าวคับ





Shiva and Vishnu combined

Sri Vallabhavardhana is a relatively little-known hermaphrodite form of Lord Vishnu and Laksmi-devi combined.  Lord Vishnu is a transcendental manifestation of God who resides in the spiritual world known as Vaikuntha (literally, “beyond all anxiety”).  Vishnu maintains both the spiritual and material cosmos simply by His own sweet will—He is depicted as being completely aloof, lying peacefully on His serpent bed (Ananta-Sesa), attended by the Goddess Laksmi (His spiritual shakti), and served in awe and reverence by His devotees.  The demigods often call upon Sri Vishnu as a last resort for deliverance from their calamities.
Like many other deities, Lord Vishnu manifests Himself in all three genders—male, female (Mohini) and hermaphrodite (Sri Vallabhavardhana).  The Vallabhavardhana form of the Lord is literally split down the middle with the right half represented by Vishnu and the left half by Laksmi.  In the image shown above (from Kashmir), Sri Vallabhavardhana is seated and has an eight-armed form.  Most of the known carvings and sculptures of this Deity are from North India.  Sri Vallabhavardhana (literally, “half Vallabha or Vishnu”) is mentioned briefly in the Bhavisya Purana, but otherwise little else is known about this rare and unusual form.  There appears to be no prevalent worship of Sri Vallabhavardhana in India today.
#596



ท้าวอิราวัต เป็นลูกของอรชุน กับนางนาคอุลูปี

ทำไมสาวประเภทสองในอินเดียนับถือ ขอบคุณครับ
#597
ขออนุญาตนะครับ

แล้วพระพุทธเจ้าม่ะใช่คนอินเดียหรอครับ หรือผมยึดติดไปเอง เห็นปกติไหว้แต่ธูปเทียน

ทั้งๆที่หลักฐานในพระไตรปิฎกบอกว่า ถวายประทีปแก่สมณะพราหมณ์ นักบวช เช่น ก่อกองไฟ จุดตะเกียง ได้อานิสงส์คือ มีดวงตาสวยงาม จนถึงได้ทิพยจักษุ พระอนุรุทธะในชาติสุดท้ายเป็นเลิศด้านทิพยจักษุหรือมีตาทิพย์เพราะอดีตชาติมีจิตศรัทธาแรง ถวายประทีปพร้อมจานรองสำริดขนาดใหญ่กว่าจานรองประทีปทั้งหมดเพื่อบูชาพระบรมศพพระพุทธเจ้า ในชาติสุดท้ายจึงได้ตาทิพย์ครับ

ซึ่งจริงๆตาทิพย์เป็นอภิญญาพิเศษในอภิญญา6 แต่พระอนุรุทธะเป็นเลิศด้านตาทิพย์มากกว่าองค์อื่น

ในพระไตรปิฎกเล่าว่าพระพุทธเจ้าเสด็จตอนกลางคืน ชาวบ้านผู้ศรัทธาคนนึงเห็น ก่อกองไปถวายเป็นพุทธบูชา

...

ส่วนเทพอินเดีย ถ้าจุดเทียนบูชาท่าน ไม่ผิดอะไร และไม่ใช่เรื่องแปลก

แค่ตะเกียงอารตีตั้งโต๊ะขนาดเล็กก็พอแล้ว เพราะตะเกียง หรือการจุดน้ำมันต่างๆ เป็นเรื่องของความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน หรือใช้ในพิธีกรรม เช่น อ่านพระเวท บูชาเทพ

ถ้าจุดในบ้าน ไม่จำเป็นต้องใช้ตะเกียงอันใหญ่ๆ แพงๆ เพราะเป็นบ้านไม่ใช่วัด

---

ถวายน้ำมันหอม คือการถวายเครื่องหอม ได้อานิสงส์คือ มีกลิ่นกายหอม
#598
แล้วเชื่อไหมครับ ชมพูทวีปมันมีอาณาเขตไปถึงจีน

ใน"อวตังสกสูตร"กล่าวถึงภูเขาที่ประทับพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ เป็นภูเขา5ยอด ตอนนั้นพระอินเดียท่านแปลพระพระสูตร ไม่รู้แปลยังไง ตอนหลังหาภูเขา5ยอดที่ปรากฎในอวตังสกสูตร หาไปหามา เขาลูกนี้คือ"เขาอู่ไถซาน"五台山 ที่ประทับพระมัญชุศรี..........เป็นเพราะนักบวชท่านนี้ ท่านไม่แตกฉานในธรรม หรือเข้าใจผิด หรือเดาเอาเอง รึเปล่าถึง แทนที่เขาลูกนี้มันจะอยู่อินเดีย

แล้วในพระสูตรพระอวโลกิเตศวร ขึ้นต้นว่า"ข้าเจ้าสดังฟังมาดังนี้ สมัยหนึ่งพระพุทธเจ้าประทับที่เขาโปตลกบรรพต...."
เขาโปตลกะ อยู่ที่เกาะมลกูฏ ไม่มีใครทราบหรือยืนยันแน่ชัดว่า"มลกูฏ"อยู่ที่ไหนกันแน่ แรกๆสันนิษฐานว่าอยู่ในเขตอินเดียใต้(อ้างจากบันทึกพระถังฯ) แต่ในอินเดียใต้มันไม่มีเขาชื่อนี้ หรือจะเป็น"มาลัยกูฏ"หรือภูเขามาลายา ที่มาเลย์???........แต่ทำไมหาไปหามา เขาโปตลกะ มันไปอยู่เมืองจีน กลายเป็นเขาผู่ถัวซาน 普陀山

........

คำถามคือ

ชมพูทวีป อยู่ที่ไทย
แล้วสุวรรณภูมิอยู่ไหน????

นี่คือคำถามที่เจ้าของทฤษฎีต้องตอบครับ
#599
พระศิวะม่ะใช่หรอ

เรียกว่าปาง อรรถนารีศวร

.....

ถามหน่อยนะ ซื้อมาบูชาทำไม???

อะไรดลใจให้ซื้อปางนี้
#600
jai mata di
jai mata ki
มนต์ของพระแม่ทุรคาครับ