Loader
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - ศรีเคารีปุตรายะ

#201
อ่อ  อาจจะเป็นจินตนาการของผู้ปั้นนะคับ ว่าอยากให้พระคเณศท่านออกมาในรูปแบบใด ทรงอะไรเป็นพาหนะ ก็อย่างเช่น พระคเณศปางเปิดโลกที่เปิดโลกเหมือนกับพระวิษณุไงคับ
#202
เท่าที่ผมทราบ น่าจะเป็นน้ำผสมกับผงกุมกุม หรือหญ้าฟรั่นแดงบดผสม แล้วทาหรือป่าวคับ

รอผู้รู้ท่านอื่นมาเพิ่มเติมนะคับ
#203
งดงามทุกองค์เลยคับ ขอบคุณคับที่นำมาให้ได้ชมกัน

ขอพรแห่ง "พระเคารีนันทัน" จงมีแก่เจ้าของกระทู้นะคับ
#204
Quote from: มหาศักติ on June 13, 2011, 07:58:16


ไม่ใช่พระแม่อุมานะคับ นี่พระแม่ธัีญญลักษมีคับ ปางหนึ่งของพระลักษมีคับผม 
#205
ผมเองก็เคยดูนะคับ แต่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะใช่ตามตำนานหรือป่าว

มีเืพอยู่เจ็ดองค์ที่สถิตอยู่ที่ภูเขานี้ ผมเรียงชื่อตามที่พอรู้นะคับ

1. Seshadri  เขานี้ พญาเศษะนาค บัลลังก์ของพระนารายณ์ สถิตอยู่คับ
2. Vedadri    เขานี้
3. Garudadri  เขานี้ พญาครุฑ พาหนะของพระนารายณ์ สถิตอยู่คับ
4. Anjandri   เขานี้ หนุมาน ทหารเอกของพระราม นารายณ์อวตารปางที่เจ็ดสถิตอยู่คับ
5. Vrishabhadri  เขานี้ สาวถของพระนารายณ์ นาม วริสภาสูร สถิตอยู่
6.Narayandri 
เขานี้
7.Venkatadri   เขานี้ พระนารายณ์ปาง ศรีนิวาส หรือ บาลาจี สถิตอยู่

อีกสองอันผมไม่แน่ใจนะ ไงรอผุ้รู้เพิ่มเติมนะคับ
#206
ก็พระแม่มารีอัมมัน นั่นแหละคับ แต่ถ้ามีแปดกร ก็จะเรียกว่า สยามาปุรัม มารีอัมมันคับ
#207
คับผม ไม่เป็นไรคับ ช่วยได้ช่วยกัน อิอิ
#208
ขอบคุณนะคับที่เปลี่ยนสีอักษรให้ ผมยินดีที่จะแบ่งปันความรู้ดีๆเสมอคับ
#209
สวัสดีคับ เป็นครั้งแรกนะเนี่ยที่มาโพสที่ห้องนี้ อิอิ

วันนี้ขอเล่าเรื่องที่มาของการห้ามมองพระจันทร์ในวันคเณศจตุรถีึคับ ซึ่งที่มาก็มีดังนี้


วันหนึ่ง พระพิฆเนศทรงหนูพาหนะกลับจากงานฉลองคเณศจตุรถี ระหว่างทางนั้น เกิดมางูตัวหนึ่งเลื้อยผ่านหน้า ทำให้หนูตกใจ หยุดกระทันหัน ทำให้พระคเณศทรงตกจากหลังหนู ขนมที่พระองค์เสวยเข้าไปมากมายทะลักออกมาจากท้องของพระองค์ พระองค์นึกเสียดายขนมเหล่านั้นจึงโกยเอาขนมนั้นใส่ไว้ในท้องดังเดิม และเอางูนั้นมารัดแทนเข็มขัดนับแต่นั้น เหตุการณ์นั้น พระจันทร์ผ่านมาเห็นเข้าพอดี เลยหัวเราะเยาะพระคเณศดังสนั่นไปทั่ว พระคเณศทรงเห็นเข้าก็พิโรธ จึงสาปพระจันทร์ว่า ให้พระจันทร์หมดรัศมี กลายเป็นสิ่งอัปมงคลต่อผู้ที่มองพระจันทร์ หากมองพระจันทร์ในวันบูชาของพระองค์ ผู้นั้นจะต้องคำสาปพระองค์ให้่เกิดแต่อุปสรรค ไม่สำเร็จในสิ่งที่หวัง และกลายเป็นจัณฑาล พระจันทร์ตกใจกลัวคำสาปของพระคเณศ จึงอ้อนวอนขอให้พระคเณศอภัยให้ พระคเณศสงสาร จึงให้พรว่า ให้พระจันทร์นั้นมีรัศมีค่อยๆสว่าง จนเต็มดวง และค่อยๆมืดลงจนไม่เห็นพระจันทร์ เป็นเช่นนี้ตลอดไป



ซึ่งการมองพระจันทร์ในวันคเณศจตุรถีนั้น เป็นสิ่งอัปมงคล ใครมองเข้าด้วยความบังเอิญก็ตามแต่ ผู้นั้นจะต้องคำสาปของพระคเณศดังที่ได้กล่าวไปแล้วในเรื่อง ซึ่งก็มีวิธีที่แสนง่ายในการแก้คำสาป ก็คือ ให้ผู้คนในครอบครัว รุมด่าประจานต่างๆนานา จึงจะพ้นคำสาปพระคเณศได้่


#210
 
Quote from: ศรีมหามารตี on May 17, 2010, 12:05:48
เป็นเทวรูปหินอ่อนได้ไหมค่ะ ... ที่เป็นเทวรูปนี่ขาดพระไศลบุตรีไปองค์นึงนะค่ะ จึงจะครบเก้าปาง

ขาดพระแม่พรัหมาจารินีึคับผม
#211
Quote from: tonhaatit on May 20, 2011, 19:17:21


ทำไมองค์สุริยเทพถึงดูคล้ายกับพระวิษณุละคะ แล้วพระวิษณุเกี่ยวข้องยังไงกับสุริยเทพคะ


ในสมัยพระเวท เขาเชื่อกันว่า พระวิษณุ กับ พระสุริยะเทพ เป็นองค์เดียวกัน และพระวิษณุก็เคยอวตารมาเกิดใน ตระกูลสุริยะวงศ์ ด้วย เป็นพระรามไงคับ จึงมีความเกี่ยวข้องกันประมาณนี้คับผม รอผู้รู้มาเพิ่มเติมนะคับ
#212
แปลให้แล้วนะคับสำหรับบท 108 พระนามพระศิวะ ตั้งใจแปลอยู่่เกือบชม. อิอิ

108 Names of Shiva   

Om Shivaya namahaa                         โอม ศิวายะ นะมะฮะ
Om Mahe-shwaraya namahaa                  โอม มเหศวรายะ นะมะฮะ
Om Shambhave namahaa                     โอม ศัมภเว นะมะฮะ
Om Pinaakine namaha                         โอม พินาคิเน นะมะฮะ
Om Sasi-shekha-raya namaha                  โอม ศะศิ เสขะรายะ นะมะฮะ
Om Vama-devaya namaha             โอม วามา เทวายะ นะมะฮะ
Om Virupakshaya namaha             โอม วิรูปากษายะ นะมะฮะ
Om Kapardhine namaha                โอม กปาละธิเน นะมะฮะ
Om Nila-lohitaya namaha             โอม นิละ โลหิตายะ นะมะฮะ
Om Shankaraya namaha                โอม สังกรายะ นะมะฮะ
Om Shula-panine namaha             โอม ศุลา ปานิเน นะมะฮะ
Om Khatvamgene namaha             โอม เกตวามะเกเน นะมะฮะ
Om Vishnu-vallabhaya namaha          โอม วิษณุ วัลลภายะ นะมะฮะ
Om Sipi-vistaya namaha                โอม ศิพิ วิศตะยะ นะมะฮะ
Om Ambika nadhaya namaha             โอม อัมพิกา นาธยะ นะมะฮะ
Om Srikantaya namaha                โอม ศรีกัณฑายะ นะมะฮะ
Om Bhakta-vastalaya namaha          โอม ภักติ วัสตรายะ นะมะฮะ
Om Bhavaya namaha                โอม ภวายะ นะมะฮะ
Om Sharwaya namaha                โอม ศารวยะ นะมะฮะ
Om Trilo-keshaya namaha             โอม ตรีโล เกศายะ นะมะฮะ
Om Siti-kantaya namaha                โอม สิติ กันฑายะ นะมะฮะ
Om Siva-priyaya namaha               โอม ศิวา ปรียายะ นะมะฮะ
Om Ugraya namaha                โอม อัครายะ นะมะฮะ
Om Kapaline namaha                โอม กปาลิเน นะมะฮะ
Om Kaomarine namaha                โอม เกามาริเน นะมะฮะ
Om Amdha-kasura-sudanaya namaha       โอม อัมธะ กาสูระ สุธะนายะ นะมะฮะ
Om Ganga-dharaya namaha             โอม คงคา ธรายะ นะมะฮะ
Om Lalaa-takshaya namaha             โอม ลลา ทักษายะ นะมะฮะ
Om Kaala-kalaya namaha             โอม กาละ กาลยะ นะมะฮะ
Om Kripa-nidhaye namaha             โอม กริปา นิตเย นะมะฮะ
Om Bheemaya namaha                โอม ภีมายะ นะมะฮะ
Om Parashu-hastaya namaha          โอม ปรศุ หัสตายะ นะมะฮะั
Om Mruga-panine namaha             โอม มรูกา ปานิเน นะมะฮะ
Om Jata-dharaaya namaha             โอม จฏา ธรายะ นะมะฮะ
Om Kailasa-vasine namaha             โอม ไกลาศะ วาศิเน นะมะฮะ
Om Kavachine namaha                โอม กวาชิเน นะมะฮะ
Om Katoraya namaha               โอม กาโตรายะ นะมะฮะ
Om Tripuran-takaya namaha             โอม ตรีปุรัน ฑากายะ นะมะฮะ   
Om Vrushankaya namaha             โอม วรุสันกายะ นะมะฮะ   
Om Vrusha-bharudaya namaha          โอม วรุสะ ภารุทายะ นะมะฮะ
Om Bhasmo-dhulitha vigrahaya namaha    โอม ภัสโม ฑุลิธา วิกราหยะ นะมะฮะ
Om Sama-priyaaya namaha             โอม สามา ปรียายะ นะมะฮะ
Om Sarwamayaaya namaha             โอม สรวามายายะ นะมะฮะ
Om Trimurthaye namaha                โอม ตรี มูรธายะ นะมะฮะ
Om Anishwaraya namaha             โอม อนิศวรายะ นะมะฮะ
Om Sarwagnyaya namaha             โอม สรวักนยายะ นะมะฮะ
Om Paramatmane namaha             โอม ปรมาตมะเน นะมะฮะ
Om Soma-suryagni-lochanaya namaha       โอม สุมา สูรยาคนิ โลชนายะ นะมะฮะ
Om Havishe namaha                โอม หวิเศ นะมะฮะ
Om Yagnya-mayaaya namaha          โอม อัคนยา มายายะ นะมะฮะ   
Om Somaya namaha               โอม โสมายะ นะมะฮะ
Om Pancha-vaktraya namaha             โอม ปัญจะ วักตรายะ นะมะฮะ
Om Sada-shivaya namaha             โอม สดา ศิวายะ นะมะฮะ
Om Vishveshwa-raya namaha          โอม วิศเวศวรายะ นะมะฮะ
Om Virabhadraya namaha             โอม วิราภาฑรายะ นะมะฮะ
Om Gana-nadhaya namaha             โอม คณ นฑายะ นะมะฮะ
Om Praja-pataye namaha             โอม ประชา ปัตเย นะมะฮะ
Om Hiranya-retaya namaha             โอม หิรัญะ ริเตยะ นะมะฮะ
Om Durdharshaya namaha             โอม ทุรธาสายะ นะมะฮะ
Om Girishaya namaha                โอม คิริสายะ นะมะฮะ   
Om Giree-shaya namaha             โอม คิรี ศายะ นะมะฮะ
Om Anaghaya namaha                โอม อนาคายะ นะมะฮะ
Om Bhujanga-bhusha-naya namaha       โอม ภูจันกะ ภูสะนายะ นะมะฮะ   
Om Bhargaya namaha                โอม ภารกายะ นะมะฮะ   
Om Giri-dhanvine namaha             โอม คิริ ฑันวิเน นะมะฮะ
Om Giri-priyaaya namaha             โอม คิริ ปรียายะ นะมะฮะ
Om Krutti-vasaya namaha             โอม กรุตติ วสายะ นะมะฮะ
Om Pura-rataye namaha                โอม ปุรา รตยะ นะมะฮะ   
Om Bhagavaye namaha                โอม ภัควายะ นะมะฮะ
Om Pramadha-dipaya namaha          โอม ปรามาธะ ธิปายะ นะมะฮะ
Om Mrutyumjayaya namaha             โอม มรุธยัม จยายะ นะมะฮะ
Om Shukshma-tanave namaha          โอม สุขสมะ ธานะเว นะมะฮะ         
Om Jagadvayapine namaha             โอม จักกะ ทวายะพิเน นะมะฮะ
Om Jagad-gurave namaha             โอม จกัท กุระเว นะมะฮะ   
Om Vyoma-keshaya namaha             โอม วโยมะ เกศายะ นะมะฮะ
Om Mahasena-janakaya namaha          โอม มหาเสนา จานะกายะ นะมะฮะ
Om Charu-vikramaya namaha             โอม ครุ วิกระมายะ นะมะฮะ
Om Rudraya namaha                โอม รุทรายะ นะมะฮะ
Om Bhuta-pataye namaha             โอม ภูตะ ปตเย นะมะฮะ
Om Sthanane namaha                โอม สธินาเน นะมะฮะ
Om Ahirbhudnyaya namaha             โอม อหิภูตนยายะ นะมะฮะ
Om Digamba-raya namaha             โอม ดิกัมบา รายะ นะมะฮะ
Om Ashta-murthaye namaha             โอม อัสตะ มูรธาเย นะมะฮะ
Om Anekat-maya namaha             โอม อเนกัต มายะ นะมะฮะ
Om Satvikaya namaha                โอม สาตวิกายะ นะมะฮะ   
Om Shudha-vigrahaya namaha          โอม ศุธะ วิกราหายะ นะมะฮะ
Om Shashwataya namaha             โอม ศาสวาตายะ นะมะฮะ
Om Khanda-parashave namaha          โอม กันฑา ปรศาเว นะมะฮะ
Om Ajaaya namaha                   โอม อชยา นะมะฮะ   
Om Pashavimo-chakaya namaha          โอม ปาศวิโม ชกายะ นะมะฮะ
Om Mrudaya namaha               โอม มรุธายะ นะมะฮะ
Om Pashu-pataye namaha             โอม ปาศุ ปตเย นะมะฮะ
Om Devaya namaha                โอม เทวายะ นะมะฮะ
Om Maha-devaya namaha             โอม มหาเทวายะ นะมะฮะ
Om Avya-yaya namaha                โอม อวยา ยายะ นะมะฮะ
Om Haraye namaha                โอม หะราเย นะมะฮะ
Om Pusha-damta-bhethre namaha          โอม ปุศะ ทามตา เภเตร นะมะฮะ
Om Avya-graya namaha                โอม อวยา กรายะ นะมะฮะ
Om Dakshadwara-haraaya namaha       โอม ทักษะทวรา หะรายะ นะมะฮะ   
Om Haraya namaha                โอม หะรายะ นะมะฮะ
Om Bhaganetrabhitre namaha            โอม ภักเนตระภิเตร นะมะฮะ
Om Avya-ktaya namaha                โอม อวยา กทายะ นะมะฮะ
Om Saha-srakshaya namaha             โอม สหะ สรักศายะ นะมะฮะ      
Om Saha-srapadave namaha             โอม สหะ สราปทเว นะมะฮะ
Om Apavarga-pradaya namaha          โอม อปาวารกะ ปราทายะ นะมะฮะ
Om Anantaya namaha               โอม อนันตายะ นะมะฮะ
Om Tarakaya namaha                โอม ตารกายะ นะมะฮะ
Om Para-meshwaraya namaha         โอม ปรเมศวรายะ นะมะฮะ

โอเคนะคับ หวังว่าคงจะสวดกันง่ายขึ้น ขอให้มีีความสุขนะคับ

โอม ศรีเคารีปุตรายะ นะมะ
#213
Quote from: tonhaatit on May 20, 2011, 19:09:45


นี่เป็นปางของพระแม่กาลีด้วยหรอ นี่เป็นพระแม่ลักษมีไม่ใช่หรอ!!

พระแม่กมลา ก็คือ พระแม่ลักษมี นั่นแหละคับ แต่ที่รวมอยู่กับทศมหาวิทยานี่ไม่แน่ใจเหมือนกัน รอผุ้รู้มาเพิ่มเติมละกันคับ
#214
แก้ไขวีดิโอไม่ขึ้นคับ
http://www.youtube.com/v/4UqEp3CBzd0

คลิปกำเนิด นางอุรวศี คับ
#215
Quote from: Vasudeva on December 10, 2009, 12:57:57
การที่มีนางอัปสร และมีนกแก้วเกาะอยู่ไม่จำเป็น ต้องเป็นจะต้องเป็น มีนาคชี เสมอไป

อาจจะเป็น นางอัลดาล นางราทา นางกามัคชาลิตตา นางแกมบอลลู นางมาตันกี นางโจกูลัมบา และอื่นๆอีกมากมายที่สร้างในรูปลักษณ์และยิ่งเป็นไปไม่ได้ และนางอัปสรศิลปะขอม ไม่ใช่กษัตย์เพราะ ดูจากเครื่องยศแล้วไม่ใช่ครับเป็นแนงอัปสร




*** นางอุรวาศีเป็นหัวหน้าเหล่านางอัปสร จึงมีความคิดอ่านที่พิเศษมากกว่านางใด***
Quote from: กาลิทัส on December 10, 2009, 09:28:00
คนยังมีข้อยกเว้น อัปสราก็คงต้องมีบ้างหล่ะ


จริงๆ แล้วนางอัปสรก็มีสิทธิสตรีเหมือนกันครับ ก็คงมีรักโลภโกรธหลง เหมือนกันนี่แหละ แต่ด้วยภาวะหน้าที่ เลยทำให้จำใจต้องไม่มีความรัก

เพราะนางอัปสรเป็นชายะของเทวดาหลายองค์เหมือนกันครับ แต่ไม่มีใครรับนางเป็นชายาจริงๆ ซักที ส่วนใหญ๋ก็ใช้งานนาง เหมือนที่เรียกว่านางบำเรอน่ะครับลงไปโลกมนุษย์ทำลายตบะฤาษีบ้าง อะไรบ้าง เพราะเห็นว่านางเป็นของสาธารนะ ((ได้แล้วทิ้งปล่อยลอยเท้งเต้งอยู่อย่างนั้น)) เพราะนางกำเนิดจากการกวนเกษียรสมุทรแต่ไม่มีใครรับนางไม่ว่าจะเป็นอสูรหรือเทวดาก็ตามทีครับ

ตามหนังสือเลยบัญญัติมั้งครับว่านางไม่มีหัวใจ

ปล. อรชุนเห็นนางอุรวศีเป็นแค่แม่ เลยโดนสาปให้เป็นกระเทย แต่ตัวนางก็พอใจในอรชุนอยู่ดีจริงๆ 555+

นางอุรวศีมะใช่นางอัปสรที่เกิดมาพร้อมกับนางอัปสรอื่นๆตอนกวนเกษียรสมุทรนะคับ 

นางอุรวศีเกิดขึ้นมาตอนที่พระอินทร์ส่งนางอัปสรรัมภากับเมนกา ไปทำลายตบะของพระฤาษี นระ กับ นารายณ์ สองฝาแฝด

แต่พระฤาษีทั้งสองไม่ได้สนใจ และคิดจะสั่งสอนพระอินทร์ด้วย พระฤาษีนารายณ์แฝดผู้พี่จึงลูบที่ต้นขาของตน ก็เปิดเป็นนางอัปสรขึ้นมา

มีชื่อว่า อุรวศี แปลว่า นางผู้เกิดจากต้นขา นั่นเอง เมื่อนางรัมภากับเมนกาพ่ายแพ้ในการร่ายรำแข่งกับนางอุรวศี ฤาษีนารายณ์จึง

ให้นางอุรวศีไปถวายตัวกับพระอินทร์เป็นหัวหน้านางอัปสรอยู่บนสวรรค์นับแต่นั้น

<iframe width="425" height="349" src="http://www.youtube.com/embed/4UqEp3CBzd0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

คลิปกำเนิด นางอุรวศี คับ 
#216
ศรีสะเกษ มาที่มาจากที่เจ้าหญิงขอมองค์หนึ่งมาสระผมที่เมืองนี้ จึงขนานนามเมื่องนี้ว่า ศรีสะเกษ

ศรี = หญิงงาม
สะ = อาจจะหมายถึงคำว่าสระผม
เกษ = ผม

แปลรวมกันก็คือ หญิงสระผมอ่ะคับ

อ่านมาจากหนังสือเล่มหนึ่ง นานและคับ ได้ประมาณนี้อ่ะ
#217
Quote from: panjamin on May 11, 2011, 15:31:54
&nbsp;&nbsp;เป็นการละเล่นที่เรียกว่า ราสลีลา(Raas Leela) ครับ เป็นการละเล่นที่ตีไม้ตามจังหวะแล้วเดินเป็นวงกลม ซึ่งในตำนาน พระกฤษณะกับนางราธาและเหล่าหญิงเลี้ยงโคที่เรียกว่า นางโคปีก้ร่ายรำราสลีลาริมฝั่งแม่น้ำยมุนาครับ

นอกจากนี้เรียกได้อีกอย่างนึงว่า "กัลบาร์" ในงานพิธีเฉลิมฉลองสำคัญๆก็จะมีการละเล่นแบบนี้อยู่เหมือนกันคับ
#219
การจุดดวงประทีป ส่วนตัวผมแล้วผมว่าเป็นการบูชาพระเป็นเจ้า ผมเองจุดถวายตลอดวันตลอดคืนเลย เพราะยังไงก็ถือว่าเป็นการจุดเพื่อให้บ้านของเรามีความสว่างไสวในครอบครัวเหมือนดวงประทีป และขจัดความมึดมนออกไปจากบ้านของเรา และรับพรจากพระเป็นเจ้านั่นเองคับ
#220
ผมก็ไม่แน่ใจนะคับ เพราะแต่ละร้านจะกำหนดราคาต่างกันตามแต่ลักษณะงาน ถ้าเราไม่แน่ใจก้ลองเดินถามราคาหลายๆร้าน แล้วค่อยตัดสินใจอีทีก็ได้คับผม

ปล. ไม่ทราบว่าตรอกแขกนี่ ใช่ซอยที่อยู่ข้างตึกอินเดียอิมพิเรียลหรือป่าวอ่ะคับ
#221
ถ้าเปลี่ยนจากกริช เป็นคทา ก็น่าจะเป็นพระแม่นารายณีคับ
#222
ขอบคุณคับผม สำหรับคำติชม ไงก็ขอให้ทุกคนที่เข้ามาดูได้รับพรจากพระแม่ พระกรรติเกยะ พระคเณศ ทุกๆคนนะคับ
#223
ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัว HM คับผม
#224
สวยงามคับผม

ว่าแต่พรบูชาเทวรูปพระตรีศักติมาจากไหนหรอคับ

ผมไม่ค่อยเห็นงานแบบนี้เลย 

อยากได้บ้างอ่ะ แนะนำทีคับ
#225
พอดีพี่อักษรชนนีเปลี่ยนชื่อเป็นภาษาไทยให้ ก็เลยมาขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยคับผม ผมเองก็อยากจะแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องเทววิทยา กับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ชาว HM ทุกคนคับ ผมคิดว่าพอจะตอบได้ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคับ

ปล.พอเปลี่ยนชื่อเหมือนเราเกิดใหม่ในเว็บนี้เป็นครั้งที่สองเลย อิอิ

โอม ศรีเคารีปุตรายะ นะมะ  (พระผู้เป็นโอรสของพระเคารีเทวีจงเจริญ)
#226
ขอบคุณมากคับผม
#228
เวรกำ กำเวร

กลายเป็นเรื่องลิขสิทธิ์ไปเสียแล้ว หุหุ
#229
ถ้าเปลี่ยนได้ ผมคงไม่ขอร้องให้พี่เว็บมาสเตอร์เปลี่ยนให้หรอกคับ ระบบเขาล๊อกเอาไว้อ่ะ

ผมเปลี่ยนไม่ได้อ่ะ
#230
แงๆๆๆ

อยากได้ชื่อใหม่

พี่ๆเว็บมาสเตอร์เปลี่ยนให้ผมที

#231
พอดีมีรูปที่วาดเอาไว้ อยากแบ่งปันให้เพื่อนๆได้ชมกันบ้าง เลยเอามาลงให้ชมกันคับผม

















เป็นไงบ้างคับผม ส่วน 5 รูปสุดท้ายผมวาดเองเมื่อวาน ก็ได้ต้นแบบจากพระคเณศปางมยุเรศวรที่บ้านผมเองคับ

หวังว่าคงได้รับคำแนะนำจากเพื่อนๆ กันบ้างนะคับ
#232
เนื่องจากพี่ได้ปิดระบบ PM ไปแล้ว แล้วผมก็เพิ่งเข้ามาอ่านกระทู้ที่ผมโพสแจ้งปัญหาด้วย ยังไงพี่กาลิทัสช่วยเปลี่ยนชื่อที่ใช้ในห้องให้ผมทีคับ

จาก rama19920 เป็น ศรีเคารีปุตรายะ ให้ผมทีคับ ขอบพระคุณล่วงหน้าคับผม
#233
คับผม ถ้ามีโอกาสจะเอามาลงให้ได้อ่านกันอีกคับ
#234
คงไม่เป็นไรมั้งคับ เท่าที่อ่านดูนะ

ส่วนบทสวดผมลองให้ไปคร่าวๆนะคับ เป็นบทที่ผมใช้อยู่เป็นประจำ

พระลักษมี
   โอม ศรี มหาลักษมี มาตา นะมะ เจ มา วิษณุปรียายะ มาตา กี นะมะ
พระคเณศ
   โอม เจ คเณศายะ คณาธิปติ เคารีนันทัน คณะปัตเย นะมะ
พระกฤษณะ
   โอม ศรี ฮาเร กฤษณายะ นะมะ วาสุเทวายะ จักรธารี นะมะ

รอผู้ีรู้มาเพิ่มเติมนะคับ  หวงัว่าบทสวดนี้พอจะเอาไปใช้่ได้นะคับ

โอม ศรีเคารีปุตรายะ นะมะ
#236
พอดีผมไปโพสไว้ที่ห้องแห่งตำนานนิทานภารตะ แต่ไม่รู้จะมีใครได้อ่านบ้างหรือป่าว ผมเลยเอามาโพสใหม่ เผื่อจะมีคนสนใจอ่านกันบ้างคับ
มหาสตรีสาวิตรี เทวีผู้นำสามีพ้นจากความตาย
      

   กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีกษัตริย์พระองค์หนึ่ง นามว่า อัชวาปตี กับพระชายาคือ พระนางมัลลาวี ทั้งสองไม่มีโอรสธิดา จึงทรงทำพิธีบูชาพระแม่มาเตศวรี(กายาตรี) ขอพรให้มีบุตร ทั้งสองทำพิธีอยู่ถึง19ปีจึงสัมฤทธิ์ผล พระแม่มาเตศวรีทรงปรากฏและได้ให้คำมั่นว่า ทั้งสองจะให้กำเนิดพระธิดาที่ทรงสติปัญญา และกล้าหาญ รวมถึงจะทำให้ชื่อของธิดาองค์นี้ปรากฏอยู่ในโลกชั่วกาลนาน
      
      จากนั้นไม่นาน ทั้งสองก็ให้กำเนิดพระธิดาองค์หนึ่ง โดยเทวฤาษีนารัท มาตั้งนามให้ ชื่อว่า สาวิตรี เจ้าหญิงสาวิตรีได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจากพระบิดาและพระมารดา จนวันหนึ่งมาถึง เมื่อเจ้าหญิงสาวิตรีมีอายุได้ 19ปี ราชาอัชวาปตีกับพระชายาทรงกังวลว่าจะหาคู่ครองให้พระธิดาได้ยังไรดี จึงไปปรึกษากับเทวฤาษีนารัท จึงตกลงกันว่า ให้เจ้าหญิงสาวิตรีไปหาคู่ครองด้วยตนเอง
      เมื่อเจ้าหญิงทราบความประสงค์ของพระบิดาและพระมารดาแล้ว ก็ทรงเสด็จไปหาคู่ครองตามแว่นแคว้นต่างๆ จนได้เจอกับชายคนหนึ่งนามว่า สัตยวาน เป็นโอรสของกษัตริย์เมืองหนึ่ง แต่โดนแย่งบัลลังก์ไป และบิดามารดาของสัตยวานทั้งสองก็ตาบอดด้วย เวลานั้นทั้งสามพ่อแม่ลูกอาศัยอยู่ในกระท่อมกลางป่า สาเหตุที่ได้เจอกันสัตยวานนั้นก็เนื่องมาจาก เจ้าหญิงสาวิตรี ทรงออกล่าสัตว์ แต่กลับโดนเสือโคร่งไล่หมายจะเอาชีวิต สัตยวานไปพบโดยบังเอิญ จึงช่วยเจ้าหญิงให้พ้นจากอันตราย และเหตุการณ์นี้เองทำให้เจ้าหญิงหลงรักสัตยวานอย่างจิงใจ เพราะเนื่องจากจะช่วยนางให้พ้นจากเสือแล้ว สัตยวานยังมีความเป็นสุภาพบุรุษ และมีธรรมะเป็นอย่างมากด้วยนั่นเอง  เจ้าหญิงสาวิตรีจึงทรงกลับไปกราบทูลพระบิดาและพระมารดาให้ทราบว่า จะทรงเข้าพิธีแต่งงานกับสัตยวาน
      เมื่อกษัตริย์อัชวาปตี และพระชายาทราบเรื่อง กลับไม่พอใจที่เจ้าหญิงสาวิตรีทรงเลือกคู่ครองที่ไม่มีอนาคต จะพาเจ้าหญิงไปตกระกำลำบากในพงไพร แต่เจ้าหญิงทรงตั้งพระทัยแน่วแน่แล้วว่า จะทรงแต่งงานกับสัตยวาน จึงทรงดื้อดึงไม่ยอมท่าเดียว จนเทวฤาษีนารัททรงมาช่วยพูด และพยากรณ์ว่า จากนี้ไปอีก 1 ปี สัตยวานจะถึงแต่ความตาย นั่นหมายความว่า สาวิตรีจะมีความสุขกับสัตยวานได้เพียงปีเดียวเท่านั้น แต่เจ้าหญิงสาวิตรีทรงมีพระทัยมั่นคง ไม่เปลี่ยนแปลง จึงได้เข้าพิธีแต่งงานกับสัตยวาน ทั้งสองได้ใช้ชีวิตคู่อย่างมีความสุขในพงไพร ในระหว่างที่อยู่ด้วยกัน สาวิตรีได้ทำพิธีอาคานโซบาวตี(พิธีประกอบบุญอันยิ่งใหญ่) ตลอดทุกวัน มาจนกระทั่ง.........
      เหลือเวลาอีก 4 วัน ก็จะถึงวันที่สัตยวานต้องจากโลกนี้ไป สาวิตรีรู้เรื่องนี้ดี แต่ไม่รู้จะทำประการใดได้ จึงบูชาพระแม่มาเตศวรีให้ช่วยชี้แนะ พระแม่ทรงพอพระทัยและมาปรากฏ พระแม่ได้ทรงแนะนำว่า ให้สาวิตรีทำพิธีบูชากูณฑ์เป็นเวลาสามวัน ในสามวันนั้นต้องไม่ทานอะไรเลย หากทำได้สัตยวานจะสามารถกลับฟื้นคืนได้ สาวิตรีได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของพระแม่ทุกประการ จนถึงวันสุดท้ายของสัตยวาน ในเย็นวันนั้น ทุกๆวันสัตยวานจะต้องไปตัดฟืนในป่า แต่วันนี้มีแต่ลางร้าย สาวิตรีจึงขอตามสามีของนางไปด้วย จนกระทั่งกลางป่าในเวลาพลบค่ำ สัตยวานโดนงูกัดจนตาย สาวิตรีเห็นสามีตายไปต่อหน้าต่อตาก็เสียใจ นางเอาศีรษะของสัตยวานมาหนุนตักของนางไว้ เมื่อพระธรรมราช(ยม)จะมาเอาวิญญาณของสัตยวาน ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะนางมีอำนาจตบะจากการที่นางได้สั่งสมบุญไว้ตลอดเวลาที่อยู่กับสามีของนาง จึงไม่สามารถทำอะไรนางได้ พระธรรมราชจึงบันดาลให้สัตยวานรู้สึกตัวและกระหายน้ำ สาวิตรีหลงกลเลยไปหาน้ำมาให้ พระธรรมราชจึงเอาวิญญาณของสัตยวานไปได้
      พอสาวิตรีกลับมา เธอรู้ว่าโดนหลอกเสียแล้ว และนางเห็นพระธรรมราชกำลังนำดวงวิญญาณของสามีนางไป นางจึงอ้อนวอนด้วยถ้อยคำที่ไพเราะและมีความหมายสรรเสริญพระธรรมราช จนพระองค์พอใจ และให้นางขอพรได้ข้อหนึ่ง เว้นแต่อย่าขอชีวิตของสัตยวาน นางจึงขอให้บิดาของสัตยวานได้บัลลังก์คืน เมื่อพระธรรมราชจะทรงกลับยมโลก สาวิตรีก็ได้ตามพระธรรมราชและกล่าวสรรเสริญพระองค์ไปตลอดทาง จนพระธรรมราชพอพระทัย และให้พรนางอีกสามข้อ นางขอว่า ให้บิดามารดาของสัตยวานได้กลับมามีดวงตามองเห็นได้อีกครั้งหนึ่ง , ขอให้พระบิดามารดาของนางมีโอรส100คนเพื่อสืบสันตติวงศ์ และขอให้นางมีบุตร 100 คน พระธรรมราชก็ได้ให้พรตามนั้น แต่สุดท้ายก็ต้องยอมจำนนต่อนาง เพราะพรข้อสุดท้ายจะเป็นผลไปไม่ได้ถ้านางไม่ได้สามีนางกลับคืนไป พระธรรมราชจึงให้สัตยวานฟื้นคืนชีวิตอีกครั้ง นางจึงกลับไปอยู่กับสัตยวานอย่างมีความสุขอีกครั้ง
      ด้วยเหตุนี้ ผู้คนทั่วไปจึงขนานนามให้นางว่า

มหาสตรีสาวิตรี
[/FONT][/COLOR]
#238
เอามาให้ชมกันคับ

เป็นงานของสุขสมบัตินะคับ

ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 1800-2200 บาทคับ ที่วัดราชนัดดา เราต่อราคาได้






เป็นไงคับ งดงามไหม ลองไปหาดูนะคับ มีเยอะแยะ
#239
ชื่อของผม rama ก็มาจากพระนามของพระราม ผู้ทรงคุณธรรมและความกล้าหาญคับ และมีความซื่อสัตย์ในรักเดียวด้วย ผมชื่นชมท่านมากเลยคับ

ส่วน 19920 ตัด0ออก ก็มาจากปีค.ศ.เกิดผมเองคับ
#240
ผมไม่แน่ใจนะคับ 

แต่เท่าที่พอจะสรุปคือ น่าจะเป็นปางของพระแม่ที่แสดงอานุภาพ เพราะคำว่า ตรีปุราสุนทรี แปลได้ประมาณว่า พระแม่ผู้ทำให้สามโลกมีแต่ความสงบสุข

ปางนี้อาจจะดูยิ่งใหญ่กว่ามหาเทพองค์อื่นๆ เขาเลยจับเอาเทพต่างๆมาเป็นฐานบัลลังก์พระแม่ก็เป็นได้นะคับ

ถูกผิดอย่างไรก็ขออภัยด้วยนะคับ