Loader
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - sacred avatar

#41
ไม่รู้ ไม่ผิด ค่ะ  ไม่มีใคร เป็น ผู้รู้ ตั้งแต่ อุแว้ แรก โน๊ะ อิอิ
#42
*** หมายเหตุ ขอโทษ คุณ กาลิทัส ที่ โพส เมื่อกี้ ลืม ใส่คำว่า " คุณ " ขอโทษ ณ.ที่นี้  นะค่ะ พิมพ์ไวไปนิด นึง อิอิ
#43
ใช่ค่ะ อย่างที่ กาลิทัส พูด แล้ว นิ้วนาง ยัง มีความเชื่อว่า เป็น นิ้วที่ สื่อ สำผัส กับ หัวใจเราที่สุด ส่วนนิ้วชี้ ไม่นิยม และ ถึงใช้คำว่า ไม่ใช้กันเลยค่ะ เพราะ ถึงไม่ต้องเจิม แต่ แค่ เอา นิ้วชี้ ชี้ไปทาง เทวรูป รูป สัญลักษณ์ แห่ง ศรัทธา ทั้งหลาย ก็ไม่ควรค่ะ เพราะ ถือ ว่า เป็นการดูถูก เหยียบหยาม พระองค์ อย่างรุนแรง ค่ะ
#44
ส่วนใหญ่แล้วการเจิมเทวรูป จะใช้นิ้ว นาง ในการเจิม ส่วน หน้า ระหว่างคิ้วก็ดี หรือ หน้าผาก และ จะใช้ นิ้วโป้ง เจิมเสย ช่วงเสกพระเกศาหรือส่วนกลางด้านบนสุด ของ พระเทวี ที่มี สวามีี แล้วเท่านั้น ค่ะ

**หมายเหตุ แต่บางที่ บางนิกาย ก็จะมีการเจิม โดยใช้นิ้ว ซึ่ง ต่างไปอีกค่ะ
#45
**** หมายเหตุ การเจิม นั้น ก็ ควรใช้ นิ้วให้ถูก ต้อง เพราะ แต่ ละนิ้ว มีความหมาย ของ การใช้ และ จุด ประสงค์ในการ เจิม ที่ แตกต่างกัน
#46
ค่ะ แต่ถ้าจะให้ดี ต้อง ใช้น้ำที่ที่มีกลิ่น เช่น น้ำเครื่องหอม น้ำปรุง จาก กุหลาบ หรืออื่นๆ เพราะ ถึงแม้ ผง kum kum  จะมีกลิ่นหอมอยู่แล้วก็ตา แต่ถ้าเราใช้น้ำ ที่มีกลิ่นจากธรรมชาติ หมายถึงการที่เรา ใส่ใจรายระเอียด แม้กระทั่งน้ำ ที่ ใช้ ค่ะ
#47
ภาพไม่ขึ้นอ่ะ ไง จะมาลงให้ดูใหม่นะค่ะ
#48
พระแม่ ในกลุ่ม นิตยา นี้ มี ถึง 16 องค์ ค่ะ เพราะ ต้องรวมองค์หลัก ไปด้วย คือ liata tripurasundari

ประวัติ เยอะ และ ยาว มาก และ แต่ ละองค์ งามๆ ทั้งนั้นค่ะ
#49
พระแม่ที่ คุณ โหราน้อย ถาม คือ พระแม่ ชื่อ มาตันกา(กี) กันยา มีอยู่บนกำแพงวัดแขกแต่คนไม่สังเกตุจะไม่รู้ค่ะ ของวัดแขกจะมี2มือ มีนกแก้วเกาะไหล่
#50
ขอเพื่มเติมค่ะ ที่บอกถึง ทวารบาล ที่  ข้อความโดย: shakthi_avataram กล่าวถึง  (ถ้าพระแม่ปางสวยๆจะชื่อ ชายา กับ วิชายา )

อันนี้ อาจไม่ถูกต้อง จริงๆแล้ว ท่าน มีนามว่า จัยยา และ วิจัยยา (ชัยยะ และ วิชัยยะ ) ซึ่งเป็น เทพฝ่ายชาย ทวารบาล ของ พระศรีหริ ค่ะ (นี่ คือ ทวารบาลหลักๆ เลย ค่ะ)

ทวารบาล ยังมี ดังต่อไปนี้ค่ะ ตามทิศ ของ ศรีหริ



ทวารบาล  ประจำทิศใต้  องค์ พราดัน  และ  องค์ สุพราดัน



ทวารบาล  ประจำทิศเหนือ  องค์ ทาตัน  และ องค์ วิทาตัน



ทวารบาล  ประจำทิศตะวันออก  องค์ จันดัน  และ  องค์ ประจันดัน



ทวารบาล  ประจำทิศตะวันตก องค์จัยยา และ องค์ วิจัยยา


***ส่วน ทวารบาล ของ วัดแขก สีลม  ของประเทศไทย ท่านมีนามว่า พระอังสุมาร  และ  พระกังสุมาร  ค่ะ 
#51
เจ มาตา กี ถ้า จำไม่ผิดนะค่ะ หมายถึง การสรรเสริญพระมารดาแห่งพลัง

ถ้าพูดถึง พระทุรคา หรือ พระอุมา หรือแม้แต่พระกาลี ก็ล้วนแล้ว กำเนิด จาก ปารวตี เช่นกันโน๊ะ

ถึงจะแตกต่าง แต่ มนต์ ที่ท่อง มาด้วยศรัทธา ออกมา จาก ช่วงข้างใน พระองค์ก็ ทรง เป็นพระมารดสา องค์ เดียวกัน ที่ไม่สามารถ แยกกันได้

พระมารดาประทานพร ค่ะ

อิอิ
#52
ใช่ค่ะ เทวรูป หินน้ำนม ร้านนี้ มีความสวยพอดู และ ที่สำคัญ เทวรูปที่บูชาอยู่ หรือ แม้ แต่ อุปกรณ์ บูชา ตอนนี้ ที่บ้าน ก็เป็นของร้านนี้ 80 เปอร์เซน

อิ อิ

แต่ ก็ลองเดินดูได้ หลายๆร้านค่ะ ไม่อยากให้เอา ตัวเงินไปเปรียบเทียบ กับ สิ่งแทนวัตถุเทพเจ้า ค่ะ


จะ รวย จะ จน ขอ แค่ ศรัทธา ทุกอย่าง ก็ จบ ค่ะ


ขอเปงกำลังใจ นะค่ะ ขอให้ได้ เทวรูป ในลักษณะที่ใจต้องการนะค่ะ
#53
เดี๋ยว นี้ ลงภาพไม่ติดเลยอ่ะ งง อิอิ ต้องหาโปรเกรม ลง รูป ใหม่แล้ว เพราะ ไรไม่รู้ อิอิ หาทางลงรูปก่อน
#54
เท่าที่เห็นรูป ส่วนใหญ่ จะเป็น แบบตรันตระ และ ก็ แบบ กามสูตร ทั้งนั้นเลย อิอิ เปงศิลปะ ที่สวยและั แฝง แนวคิดไปอีกแบบ

แต่ เห็นด้วย ว่า ภาพแรก ว่า ดูแว๊ปแรก ก็ ไม่มีความเมตตาแห่งความเปงแม่ ไม่มีความสง่างาม ดั่งพระกาลีมี พระกาลี ถึง รูปแบบอาจ ดุดัน และน่ากลัว แต่ แม่พระองค์นี้ มีความสวย งาม สง่าที่ลึกลับ เปรียบเสมือนกัน ค้นหา แห่ง เทพ แห่ง มายา

ถ้าบอกนำไปห้อยคอ ถ้าอยากเสนอ ความคิด เห็น อาจ บอกว่า ไม่งามเท่าไหร่ เพราะ รูปแรกมีความเป็นมนุษย์ สูง ตาเศร้า ลิ้นตวัด ผิวไฟไหม้ ซึ่งอาจไม่มีความคล้ายพระกาลี เลย

*** แค่ความเห็นนะค่ะ ....คุง วาสุเดวา อาจพูดแรงไป แต่คงต้องการสื่อ คล้ายว่า มี บุคคลิก และ โครง แบบ ไม่ใช่พระกาลี
#55
sacred avatar  ซีแคลด อวตาร อ่ะ อิอิ แปลว่า อวตารแห่งความลับ อวตารที่ลึกลับ

ไง ดีแล้ว หลายความคิดเห็นที่เสนอ แค่ เราเข้าใจ กับมัน เรียนรู้กับมัน และเราจะได้หลายแง่มุม ความคิดคน หลายแง่มุม ในหลักการณ์ แต่ละแบบ

นี่คือ ครูที่ดีที่สุด ของ ความเป็นมนุษย์
#56
ค่ะ แค่ ต่าง คนต่างเสนอความคิด อิอิ

ทุกคนมาแลกเปลียน และ รับฟัง เท่านี้ สังคมก็จะงาม
#57
บาง คน เขา ถ้า เราได้ ศึกษา เรื่องวัฒนธรรม และ อรยธรรม เรา จะรู้ได้เลย ว่า คนไทย บางส่วน หลีก หนี ความ เป็นไทย

คนบางกลุ่ม ชอบเป็นน้ำ  ชอบไหลไปเรื่อย ทั้งๆที่สายน้ำนั้น แตกต่าง ต่าง สถานที่ แต่ ที่จริงก็คือ น้ำ

บางครั้ง ความเป็นไทย อาจมี อะไรที่สวยงาม การบูชา แบบ วัฒนธรรม ของที่นั้นๆ ก็ไม่ผิด

ถ้า่ เรา ศึกษา คำว่า พหุนิยม ซึ่ง ทางอินเดียเหนือ มีข้อนี้ไว้ ความหมายง่ายๆ บางครั้ง ถ้า ต้องมีการเปลี่ยนแปลง ลักษณะ ของ ตัวแทนพระเจ้า หรือ แม้ แต่การบูชา บางครั้ง ก็ต้องทำตาม วัฒนะธรรม ของที่นั้นๆ (คำว่า ที่ นั้นๆ เปรียบเหมือน ทำตาม วัฒนธรรม ประเทศนั้นๆ)

** แต่คนไทย ชอบ เปรียบบอกว่า คนไทยชอบบูชา ผี สาง เจ้าป่า แต่ อยากถาม ย้อนกลับไปว่า แผ่นดินที่ยืนอยู่ ทุกวันนี้ได้ ไม่ใช่เพราะ ปู่ย่าตายาย บรรพบรุษ หรา ที่เขาบูชา แบบนี้มา แต่ เรายังว่ากัน ว่า คนไทย งมงายในสิ่งนี้ ต้องแบ่ง คน หลายจำพวกค่ะ

**คนไทยบางกลุ่ม ชอบจำกัดความ ว่า พระองค์ ทรงเป็น อินเดีย พระองค์ไม่ใช่ไทย คนไทยบางกลุ่มนี้ ไม่ยอมคิดว่า พระองค์ ทรงเป็นพระเป็นเจ้า ของทุกๆคนไม่ว่าชาติไหน ยกตัวอย่าง อย่างนี้ เราขอพร สายฮินดู ไม่ต้องพูด ภาษา ฮินดี หรา ขอพรพระ เยซู ก็ต้อง ภาษาอังกฤษ หรา เราต้องแบ่งให้ถูก


บางคน ไฝ่หา แต่ เทวรูปอินเดีย ( นี่ไม่ผิด ) แต่ บางคน ไม่แม้แต่ยอมรับ เทวรูป ที่มีความเป็นไทย ตัวอย่างเช่น เทวรูปพระนารายณ์ ของไทย กับ อินเดีย ถามหน่อย ท่านไม่ใช่พระนารายณ์หรา เพราะเคยเห็นมากนัก ที่ ต้อง อินเดียจ๋า  อยากบอกว่า ให้เงยหน้าดู ดูตรงกระหม่อม หัวตัวเองฟ้า อยู่ใต้ฟ้าเมืองไหน ต้นตะกูล เกิดมาคนอะไร ไม่อยากให้ลืม ความเป็นตนเอง

และ พวกที่ กลุ่มบางกลุ่ม ที่ บอกไม่ยอมรับอะไรบางอย่าง ตัวอย่าง กฏในนี้ ห้ามพูดถึงเรื่องร่างทรง ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะเจตนาเวป คือ หาความรู้ ที่แท้จริง ไม่ใช่ แรก เปลียนประสบการ สั่น แต่ อยากให้ ย้อนคิด ว่า บุคคลในเวปนี้ หลายคน ที่ บอกว่า บูชาแบบอินเดีย หรือบูชาแบบอะไรก็ตาม แต่บางทีอยากให้ย้อนดูคนข้างๆ หรือ ตัวตนของตัวเอง จิงๆ ว่า ยังทำตัว สั่น ให้ขันธ์ เก็บค่าครู คนอื่นอยู่หรือป่าว แต่ บางที ชอบ หลอกตัวตนตัวเอง เพื่อให้เข้ากลุ่มชน ก็เท่านั้น

(อาจจะมีบางคำ ไม่เสนาะหู คนฟัง ไม่ไพเราะ คนอ่าน ขอโทษ ณ.ที่นี้ )

แต่ สิ่งนึง ที่อยากฝากไว้ จะบูชา แบบไหน  ถ้า ทำด้วยใจบริสุทธิ์ ทำไป ถ้าไม่ผิดเเปลก จน เกินงาม นะ การบูชา แบบไทย แบบ อิเดีย แบบ ศรัทธา ถ้าสสรุป จุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ บูชา สิ่งที่ตน ศรัทธา และ เคารพ คน ก็ยัง เป็น คน วัฒนธรรม ก็ยังเป็นวัฒนธรรม จารีต คือ ข้อ บังคับ การทำตามได้ คือสิ่งดี แต่ ถ้าทำแล้ว มันยุ่งยาก หรือ ไม่พร้อม ก็ต้องคิด หา ทาง การบูชาอย่างไร ให้ ดีที่สุด เท่าที่ทำได้ )

*** แค่ คสวามคิดเห็นนะค่ะ
#58
ที่บอกค่ะ นานาสจิตตัง แค่ บอกนี่คือการบลูชา ของเรา ไม่ได้บังคับใครมาทำตาม เพราะเชื่อว่าทุกคน มีความคิด และ สิ่งที่เป็นส่วนตัว

จารีต มีไว้ ดีแล้ว ธรรมเนียม มีไว้ ดีแล้ว แต่  ..............ของเรา มี ความคิดไว้ ก็ดีเช่นกัน อิอิ

ไม่ผิดถุกในการบูชา เพราะยังไม่มีใครเคยบอกว่า พระเป็นเจ้า เช่น พระแม่ หรือ องค์ใดก็ตาม ลงมาบอกด้วยตัวเอง ว่า เธอผิด ฉันถูก ส่วนใหญ่ ก็มีแต่ ตำรา และ สิ่งที่คน ทั้งนั้น บัณญัติไว้ค่ะ

คงเข้าใจ การบูชาที่บอก ใครทำด้วยใจ ไม่เสื่อมเสีย ท่านไม่เหงลงมาบอก แสดงว่า ไม่เฉลย ว่าผิดถูก อิอิ
#59
เท่าที่เห็นก็คือพื้นที่บ้าน แต่ไม่ใช่ตัวเรือน ค่ะ เช่นที่เพื่อนตั้งก็ พื้นที่ ลานหน้าบ้านค่ะ

และเท่าที่ตามหลักความคิดส่วนตัว สาเหตุ หรือ อาจเป็น คำสอนแฝง ที่ไม่ให้ตั้งในบ้าน ใช้ได้ 2 หลัก 1 หลักของสี 2 หลักของธาตุ หิน เพราะ หินที่สีดำ หรือ วัตถุที่มีพลังงานสีดำ จะดูด ความร้อน ทำให้สถานที่ ที่ไม่ใช่ สถานที่เปิดโล่ง อาจ อยู่แล้วไม่สบาย อึดอัด ร้อน อันนี้ ตามหลัก ศิลปะ ว่า ด้วยเรื่องสี และ ธรณีวิทยา นะค่ะ

แต่ แล้วแต่ความคิดค่ะ การทำ ตามแบบแผนก็ดี นั่นคือสิ่งที่ถูก แต่ ทำตามศรัทธาและ ความคิด ถ้าไม่ล่วงเกิน หรือไม่กระทบอะไรใคร ก็ไม่น่าเป็นอะไร นะค่ะ

ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความพร้อม และ ความรัก ความศรัทธา แต่ ห้าม ทำตาม สังคมนิยม เพราะ อย่างนั้น จะไม่ใช่ศรัทธา กลายเป็นแค่ ความอยากค่ะ

อิอิ ....เราจงบูชา ด้วยใจรัก บูชาตามกำลัง ไม่หลอกลวงใคร เท่านั้นก็สบายใจ
#60
[HIGHLIGHT=#ffff00]
อันนนี้ต้องแล้วแต่ความคิดความเชื่ออ่ะค่ะ

บางคนที่เป็นเพื่อนกัน ก็มี แต่ จะนำท่าน บูชาแยก โดย ไม่ได้ให้ อยู่ในเรือนบ้าน แต่ จะสร้างโบรถ์เล็ก อาจจะ เมตร  คูณเมตร สูง 1 เมตรกว่าๆ เปงห้อง อยู่ นอกร่มเงาบ้าน เช่นคนไทยก็มีศาลไช่ไหมค่ะ ที่ไม่ได้อยู่ในตัวบ้านแต่อยู่บริเวณบ้านอ่ะค่ะ

เช่นที่

[HIGHLIGHT=#ff0000]ตัวดิฉัน บูชา ก็ไม่ได้บูชา แบบ พราหม์บูชาเทพ แต่ บูชาเหมือน คนๆนึงที่บูชาพระ  คนๆนึงที่บูชา พ่อแม่  คนๆนึงที่หาสิ่งที่หาสิ่างที่ดีที่สุดในการบูชาเท่าที่ทำได้ ตามกำลังมาบูชา[/HIGHLIGHT]



ตัวอย่าง

ไม่มีใคร คงไม่อยากให้ พ่อแม่เรา กินข้าวไม่ดี กินอาหารไม่ครบ 5 หมู่ ฉันใด เรา ศรัทธาเทพ ศรัทธาพระ เวลาถวายผลไม้ หรือ ธัญยัม หรือแม้แต่ข้าว หุงน้ำนม ปยาซัม เราก็ต้องเลือกข้าวที่ดีที่สุด (สำหรับคนมีกำลัง และมีเวลานะค่ะ) เราก็ดูข้าวที่ เม็ดสวย ไม่แตกหัก ผลไม้เราก็ล้างให้สอาด น้ำถวายก็ต้องสะอาด จิงไหมค่ะ ใจเขาใจเรา ถ้าน้ำไม่สอาด ผลไม้ไม่ล้าง บางทีเรากินเองยัง ต้องล้างเลย

***แต่ ถ้า คนที่ไม่พร้อมอันนี้ให้ใช้ศรัทธาเป็นหลักคิดตามความคิดตน


แต่ละคนมีการบูชาที่ต่าง แรงกำลังที่ต่าง ก็เป็นคำตอบที่ยาก นานาจิตตัง

คิดแบบง่ายๆ เวลาคนอินเดีย ถวายของถวายดอกไม้ ถ้าพูดกันตรงๆ ความปราณีต ในการกระทำ กับ  คนไทยจะนอบน้อมกว่าแต่เราก็คิดว่านั่นคือธรรมเนียมปฏิบัติของฮินดู แต่ พอมาเป็นเรา เราจะถวายอะไร มัน  ก้อ เหมือนมีข้อคิดอยู่ในใจ ว่า เราไม่เคยโยนข้าว ถวายพระ   โยนของถวายพระ เราไม่เคย ผสมๆของถวายให้ดูแปลกตาจนไม่ทาน ขนาดเราบางทียังดูไม่สวยดูไม่น่าทาน เรายัง ยี้ ไม่ทานนเลย  แล้ว เราถวายแบบนั้น ใจเขาใจเรา เป็นที่ตั้ง เห็นไหมค่ะ แต่ละคนจะมีการบูชา ธรรมเนียมที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับ เจตนา และ ความคิด ของคนๆนั้น


ที่ต้องขอพูดเพราะ บางคนมีความคิดต่าง ที่เขา จะมีเทวรูปแบบไหน อาจไม่ใช่แบบทำตามวัด หรือแบบสังคมนิยม

**แต่หลีกหนีไม่ได้ที่จะมีคนมีความคิดแบบนี้


เพราะดิฉันเองที่บอกแล้วตั้งแต่ต้น บูชาแบบ คนๆนึงที่บูชาเทิดทูน กับสิ่งนึง ด้วยความรัก เลย หาสิ่งที่ดีที่สุดมา เช่น ดิฉันเป็นคนบูชาพระลักษมี เป็นประธานหลัก ก็จะมีเทวรูปพระลักษมี ที่ดิฉันคิดว่า สิ่งใดบ้างเป็นสิ่งดี ที่สุด ของแต่หล่ะอย่าง

ดิฉันเลยบูชา พระลักษมี ที่ทำจาก

1.ทองเหลือง(แร่ทองเหลือง)

2.พระลักษมีที่ทำจากหินน้ำนม(ดิฉันคิดว่าคือสิ่งที่ดีที่สุดในอินเดียตอนเหนือ)

3.พระลักษมีที่ทำจากหินดำ (ดิฉันคิดว่าเป็น สิ่งที่ดีที่สุดและเป็นสัญลักษณ์ของอินเดียตอนใต้)

(*** ทำไม อินเดียเหนือ เทวรูป หินจึงขาว อินเดียใต้หินจะดำ  เรามาเรียน รู้ หลักง่ายๆ คนอินเดียเหนือ ส่วนใหญ่ คือ แขกขาว คนอินเดียใต้ ส่วนใหญ เป็นเกษตรกรรม อยู่ในย่านที่อาจ ไม่ใช่ชุมชนเมืองมากนัก เทวรูปเลยมีรูปลักษณ์ ที่เป็นแบบนั้น) เช่น พระ ของไทย ทำไม พระพุทธรูปสุโขทัย จึง หน้ายาว พระโอถฐ์ยิ้ม เพราะ ยุค นั่นคือยุคทอง ยุคเจริญช่วงนึง แบบ พ่อปกครองลูก ทำไม่ พระสมัยอยุทยา ถึงสร้างมา หน้า ตึง พระเนตรนิ่ง ทรงหน้าดุ เพราะ ช่วงนั้น ช่วงสงครามค่ะ นี่คือ การสร้างการคิดที่ฉลาดของคนสมัยก่อน)

ทำไมคนอินเดียถึงบอกว่า ไม่สบายเปงโรคระบาท ต้องกินใบนิม ของ พระแม่ ง่ายๆ เลย ใบนิม มัน ขม มันเป็นตัวยาจากธรรมชาติ ทำไม พระแม่ ถึง มีมะนาว ในการบูชา มะนาว มีสรรพคุณ ว่า ถ้ามีพิษ สีมันจะเปลี่ยน บีบใส่ของ มันจะดูรู้ว่าบูดหรือเสีย ทำไม ถึงปลูกตุลสีไว้กลางบ้าน ตุลสีคือกระเพราแดง กลิ่น มัน ไล่สัตย์ ที่จะมากัด มาต่อย มาตอม นี่ แหละ คือ ความฉลาดของคนโบราณ ที่เอาพระเจ้า มาแฝงกับชวิต โดยเราไม่ขัดขืน นี่คือเหตุ ที่ดิฉันบูชาเทพ อินเดีย อีกเหตุผลหนึ่ง คือ ฉลาด คิดได้ ความเชื่อ มาผสม ความเป็นอยู่ จึง ปกป้อง ศาสนาฮินดูได้ เพราะ เขานำพระเจ้า มาอยู่ในชีวิตประจำวัน ในการดำเนินงาน ตลอด บางคนเชื่อว่า ถ้าคนจน จะไม่มีทางพระลักษมี จะ รับการบูชาในบ้านนั้น ที่จิงไม่ใช่ เขา สอนให้คนขยันทำงาน ถ้าขยัน พระเจ้าองค์นั้นก็จะอยู่ากับเขา ) ยังมีอีกมากมายในการแฝงคำสอน



4.พระลักษมีที่ทำมาจาก การเจรไนของแก้ว   

5.พระลักษมีที่ทำจากเนื้อเงิน   

6.พระลักษมีที่ทำจากทองคำ(อาจองค์เล็กหน่อย เพราะแพง อิอิ)

7.พระลักษมีที่ทำจากธาตุโลหะ

8.พระลักษมีที่ทำจากสัมฤทธิ์

9.พระลักษมีที่ทำจากดิน(ดินเมืองไทย)   เพราะ ดิฉันเกิดเมืองไทยคนไทย แม่ฉันคือคนไทย เทพก็เปรียบเหมือนแม่ ดิฉันเลยไม่ลืมแผ่นดินเกิด โดยสั่งทำจากดินเมืองไทย)

10.พระลักษมีที่ทำจากหิน ที่เป็นหินของเมืองไทย ไม่ใช่หินพม่า หินจีน  (เพราะดิฉันต้องการธาตุแข็ง หินของเมืองไทย ความแข็งเกร่งของคนไทยที่สร้างสมมา)

11พระลักษมีที่ทำจากไม้หอม

12.องค์นี้สำคัญสุด คือ พระลักษมี ที่ทำโดยศรัทธา  แม่ในความคิด รูปลักษณ์ แห่งมารดา

*ถึงทุกวันนี้ดิฉันยังมีไม่ครบ 12 อย่าง แต่ ดิฉัน บูชา มา 4 ปี ดิฉัน ก็ทำ และหามาตลอด จนเกิน ครึ่งทาง แห่งศรัทธาในสิ่งที่ต้องการหาสิ่งที่ดี นี่ คือ ศรัทธา ของคน จึงบอกว่า นานาจิตตัง แต่ เราต้องบูชา โดยมีสติ ไม่ตึงจนสุด ไม่หย่อนจนยา บูชาให้ เข้ากับสังคมที่อาจเปลี่ยนแปลง  เข้ากับอารยธรรม แห่งแต่ละเมือง นี่จึงมีคำนึงที่เรียกว่า พหุนิยม ซึ่งทางสายไวษณพ ได้มีข้อนี้

**ความเห็นส่วนตัวนะค่ะ   
[/HIGHLIGHT]
#62
[HIGHLIGHT=#ffff00]

องค์นี้คือ พระวิษณุกรรม หรือ ถ้าอ่านตามภาษาอังกฤษ คือ  พระวิษวา กามา
[/HIGHLIGHT]
#63

[HIGHLIGHT=#ffff00]ขอนำรูปมาเพิ่มเติมความสวยงามและรักอันนิรันดร[/HIGHLIGHT]















#65

1. เข้ามาทางรถไฟ เหนื่อยหน่อย แต่ ที่รู้มา การตรวจไม่เคร่งคัด มาก

2. จ้างคนที่มาเล หิ้วเข้ามา ยอมเสียภาษีหน่อย แต่คุ้ม แต่ต้องดูดีๆเดี๋ยวโดนหลอก อิอิ

3.รู้จัก คนที่นั่น ถ้าให้ดี คนที่สามารถเข้าออกบ่อย เช่น มาเล - หาดใหญ่ เราให้เค้าเอาของมาพักที่หาดใหญ่ได้ เพราะถ้าคนที่เข้าออกประจำ จะไม่ตรวจมาก ซึ่งข้อนี้ กะทำอยู่ อิอิ เพราะ ปีหน้า จะไป เหมือนกันค่ะ

*เห็นด้วยมาก นำของที่เราศรัทธามาขาย บางที ชิ้นเดียว รวย 555+ ของบางอย่าง ราคาแค่ ที่นั่นขาย 100 เงินไทย แต่ คนไทยขาย 900 บ. โอ้แม่เจ้า ขายเอา สร้างบ้านเลย อิอิ

แต่ถ้าไป แบบซื้อของมาบูชาเอง ก็สบายค่ะไม่ต้องคิดมาก เพื่อนแนะนำมาว่า ถ้าเทวรูป เราก็ถือมาเลย ยอมภาษี แต่คุ้มกว่ามาก ส่วนของอื่นๆ ไม่หนักอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ของพวกนี้ ถอดได้ ประกอบได้เกือบหมด ค่ะ .....
#66

[HIGHLIGHT=#ffff00]ถ้าเรา ซื้อมาเยอะ เกิน น้ำหนัก ก็เอาเข้ามาไม่ได้ ทางเครื่องบิน ถ้าจำไม่ผิด ให้ขน คนละ 20 กิโล แล้ว บวกภาษี ค่ะ แต่ไงก็ถูกกว่าเมืองไทยอยู่ดี เท่าที่เพื่อนได้ไปกันมา

บางที อาจโดนตรวจที่ด่าน ก็ต้องตอบดี ๆ เพราะ เขากลัวเรา นำมาขาย อ่ะค่ะ แต่ ถ้า ซื้อดี แล้ว รู้จักคนที่นั่น จะง่ายกว่า ในการนำเข้ามา และ สามารถนำเข้ามาได้เยอะโดยไม่ต้องกลัว ด่านด้วย

ที่เข้ามาไม่ได้ คนรู้จัก เคยซื้อมา แต่ โดน ยึดหมด ไว้ที่ด่าน การนำเข้า การนำของเข้า ในทุกประเทศ จะมีกฏระเบียบค่ะ

แต่ถ้ารู้ช่องทางก็ง่ายมาก อิอิ
[/HIGHLIGHT]
#67
[HIGHLIGHT=#b2a2c7]

หนึ่งในการไหว้ของฮินดู คือ การไหว้ แบบ ประนัม หรือ ปรานัม (pranam) การพนมมือ เหนือ ศรีษะ ที่กล่าวกันว่า เทียบเท่ากับการกราบเทียบเท้า องค์พระเป็นเจ้า

การไหว้ แบบนี้ คือ การไหว้แบบ โกปุระดาชรัน ปาปาวิโมชนามีความหมายถึง การสวดบูชาพระเจ้า การอ้อนวอน ต่อเทพ ขอพรจากสวรรค์

นมัสเตการไหว้แบบสากลการนอบน้อมเช่นกันคล้ายกับสวัสดีอ่ะค่ะ อิแต่ความหมายกคำเหมือน ก็ คือ ปรานัม หรือ นมัสกา (นมัสการ ค่ะ)

[/HIGHLIGHT]




[HIGHLIGHT=#ffff00]จะมีบท สรรเสริญทำนอง อยู่ 1 บท ที่กล่าวถึง การ ปรานัม หรือ ประนัม ต่อ อวตาร ทั้งหมด ต่อ ศรีหริวิษณุนารายณ์

ยกตัวอย่าง ย่อๆ

โอม ประนัม วิษณุ อวตาร หริ อวตาร หริ อวตาร

โอม ประนัม วราหิ ว - อวตาร หริ อวตาร หริ อวตาร

โอม ประนัม นรสิง หะ อวตาร หริ อวตาร หริ อวตาร

จน ครบอวตารค่ะ
[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#b2a2c7]

[/HIGHLIGHT]
#68
ปีนัง  กับ  โกลาลัมปา

แต่ ปีนังถูกกว่า แต่การเอาเข้าก็ ต้องระวัง นะค่ะ เพราะ บางครั้ง อาจไม่ได้กลับมา เสียดายเงิน เลย อิอิ
#69

[HIGHLIGHT=#ffff00]ขออธิบาย ความแตกต่างเล็กๆน้อย ๆ นะค่ะ[/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#00b0f0]พระแม่กามมัคชี ยังแบ่งออก อีกประมาน 2 องค์ ที่มีรูปลักษณ์ที่คล้ายกัน คือ [/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#00b0f0]พระแม่กามมัคชี จะทรงถือ ขอ  ถือ  บ่วง  ถือ อ้อย และ ถือ ดอกไม้ 5 อย่าง นกแก้วเกาะ  คือ [/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#00b0f0]1 . พุ่ม ดาวเรือง ความหมาย คือ ความรัก ที่มีต่อเทพฝ่ายชาย[/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#00b0f0]2.  พุ่ม มะลิซ้อน  ความหมาย คือ ความรักต่อเทพฝ่ายหญิง[/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#00b0f0]3.  พุ่ม กล้วยไม้ ความหมาย คือ ความรักที่มีต่อองค์พระสมณะ หรือ บรุชดา ในรูปแบบของ เดวาตัส[/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#00b0f0]4.  พุ่มกุหลาบ ความหมาย คือ ความรัก แบบเพื่อนมนุษย์[/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#00b0f0]5.  พุ่มดอกบัว ความหมาย คือ ความรักต่อเทพฝ่าย นิตยา ศรีจักรา ซึ่งมีพระลักษมีฐานกำลังทั้งองค์จักรา[/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#00b0f0]นั่งฐานบันลังค์ธรรมดา พระจันทร์ บนหัว[/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#00b0f0]ส่วนอีกพระองค์ คือ พระปัทมัคชี (แต่ส่วนใหญ่ คนที่เห็นก็รวบตึง บอกว่าเป็นพระกามมัคชี) เพราะทุกอย่างเหมือนกัน ต่างแค่ พระองค์นี้ถือดอกบัวใหญ่ดอกเดียว และมีนกแก้วเกาะ  นั่งบันลังค์ดอกบัว[/HIGHLIGHT]


[HIGHLIGHT=#92d050]พระแม่ลลิตา จะทรงถือ ขอ  ถือ  บ่วง  ถือ อ้อย และ ถือ ดอกไม้ 5 อย่าง แต่ไม่มีนกแก้วเกาะ  ถือ [/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#92d050]1. พุ่ม กุหลาบ ความหมาย คือ ความรัก แบบเพื่อนมนุษย์[/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#92d050]2. พุ่ม ดอกบัว ความหมาย คือ ความรักต่อเทพฝ่าย นิตยา ศรีจักรา ซึ่งมีพระลักษมีฐานกำลังทั้งองค์จักรา[/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#92d050]3. พุ่ม ดาวเรือง ความหมาย คือ ความรัก ที่มีต่อเทพฝ่ายชาย[/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#92d050]4. พุ่ม มะลิซ้อน  ความหมาย คือ ความรักต่อเทพฝ่ายหญิง[/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#92d050]5. พุ่มดอกเข็ม ความหมาย คือ ความรักต่อเทพพระเจ้ามากมาย ( ข้อนี้ คือดอกที่ต่างจาก พระแม่กามมัคชี)[/HIGHLIGHT]



[HIGHLIGHT=#ff0000]พระราจาราเจสวารี จะทรงถือ ขอ  ถือ  บ่วง  ถือ อ้อย และ ถือ ดอกไม้ 5 อย่าง แต่ไม่มีนกแก้วเกาะ [/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#ff0000]1. พุ่ม ดอกอัญชัน ความหมาย ความรักต่อพระศิวะ[/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#ff0000]2. พุ่ม ดอกปีบ  ความหมาย ความรักในภาค พระนางสตี[/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#ff0000]3. พุ่ม ดอกมะม่วง ความหมาย ความรักต่อการ ทำพิธีกรรม ต่อการบูชายัญ พลีกรรม[/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#ff0000]4. พุ่ม ดอกจำปา ความหมาย ความรักอันเป็นปฐมต่อพระคเณศ[/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#ff0000]5. พุ่ม ดอกบลูเบว ( อันนี้ สีฟ้า แต่ไม่ทราบภาษาไทย เรียกว่าดอกอะไร ) ความหมาย ความรักต่อ กัลยานัม การสืบทอดสายโลหิตเทพ ( ทางสายไศว พระโลหิต จะไม่ใช่สีแดง แต่ เป็นสีฟ้า )[/HIGHLIGHT]


[HIGHLIGHT=#b8cce4]พระตรีปุระสุนทรี จะทรงถือ ขอ  ถือ  บ่วง  ถือ อ้อย และ ถือ ดอกไม้ 5 อย่าง แต่ไม่มีนกแก้วเกาะ นั่งบนองค์พระศิวะ [/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#b8cce4]1. พุ่ม ดอกอัญชัน ความหมาย ความรักต่อพระศิวะ[/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#b8cce4]2. พุ่ม ดอกซ่อนกลิ่น ความหมาย ความลับแห่งมายา ความลับแห่งเวท ความต้องห้าม[/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#b8cce4]3. พุ่ม ดอกงิ้ว  ความหมาย ความรักต่อ เทพ และ ทุกสิ่งในไกลาส[/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#b8cce4]4. พุ่ม ดอกชบา ความหมาย ความรักความพอใจในอำนาจตน ในภาค ดุ[/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#b8cce4]5. พุ่ม ดอกทานตะวัน ความหมาย ความรักในความตาย การเห็นใน วัตรสงสาร การดับ การปลง  ความรักใน ภาษามนต์[/HIGHLIGHT]



[HIGHLIGHT=#ffff00]ขอขอบคุณ เนื้อหาบางส่วน สาระข้อมูลร่วมแปล ค้นคว้า จาก คุณ vasudeva และ  หอ พระศรีปรมาตมันไวกูรฐ์ธรรม[/HIGHLIGHT]
#70
 


ถ้าเป็นความเห็นส่วนตัว ก็คงไม่มีอะไรแตกต่าง เพราะล้วนแล้วก็คือ พระแม่


ถ้ามองในแง่ ศิลปะ คือ ความสวยงามที่แฝงความเป็นอยู่ และ การนับถือของท้องถิ่น คติความเชื่อ


แต่ ถ้า มองอีก แง่มุม คำอาจดูแรง ก็ขอ อภัย คือ การประโคม ระหว่างการนับถือ หรือ ลัทธิ เพื่อ ให้รูปลักษณ์ ในเทพองค์นั้น ดูยิ่งใหญ่ ที่สุด อันนี้ ใช้หลัก ตรรกะวิทยา และ ความหน้าจะเป็นนะค่ะ

ดิฉัน ก็ นับถือพระมารดาเป็นใหญ่ เช่นกัน แต่ จะไม่นิยม รูปลักษณ์ ที่มีการ ลดหลั่น ชนชั้น ใน วรรณะ ของเทพ มาก นัก

อิอิ

**ความเห็นส่วนตัวนะค่ะ แต่ การศึกษาเป็นสิ่งที่ดี ไม่มีใคร ถูก หรือ ผิด ในการศึกษา แต่มีแค่ การ เรียนรู้ ในความต่าง ที่มากขึ้น
#71
[HIGHLIGHT=#ffff00]
555 งามค่ะ คุง ลูกกัล พระแม่ ประทานพร รวย อมตะ น๊าส์

ของบูชาเปงแค่ อามิสบูชา ขอแค่ใจบริสุทธิ์ในศรัทธา นั่น คือ คำตอบ แห่ง ความจริง

ต่อให้มีเพียงนึงประทีป  แสงหนึ่งดวงที่จุด ต่อให้ประทีปนั้น มิใช่แสงสว่างประทีปจากตะเกียงน้ำมัน

แต่

ถ้าประทีปนั้น จุดโดยศรัทธาในใจ แสงสว่างนั้น ย่อมมีความสว่าง มากกว่า แสง ชะนวน นับ 1000 เส้น แสงตะเกียง นับ 1000 ดวง

เหมือนดั่งพระมารดา เพราะ พระองค์ คือ เเสง สว่าง  ที่นำพาสู่ความสุข นำพาสู่สติปัญญา นำพาสู่จุดหมายอันยิ่งใหญ่ ดังนั้น ไม่มีแสงใด ยิ่งใหญ่ไปกว่าแสงศรัทธา ไม่มี ชะนวนเส้นใด จุดแล้วไม่มีวันหมด จงจุด ด้วยชะนวนแห่งศรัทธา เพราะ ชะนวนเส้นนี้ไม่มีวันหมดแน่นอน ตราบใดที่ใจเราคงมั่น เพราะ ชะนวนเส้นนี้ คือ ตัวตน ของเราเอง

จงรักษาศรัทธา รักษาความเชื่อ รักษาคติ ไม่มีสิ่งใดผิดหรือถูก ตราบใด ที่จุดมุ่งหมาย ความหมาย คือ คำว่า แม่ เหมือนกัน

พระมารดา คุ้มครองค่ะ คุงลูก และ ทุกคน ค่ะ
[/HIGHLIGHT]
#72
บทความอ้างอิง ต้นฉบับ ของ
บทความโดย  ดร.ไพศาล มะระพฤกษ์วรรณ  ผู้อำนวยการสำนักงานพาณิชย์ฯ ณ เมืองเจนไน

ขอขอบคุง Vasudeva                         ที่มาใช้คำที่เข้าใจง่าย เพื่อ ศึกษา
#73
ขอขอบคุณ บทความ อ้างอิง ด้วย ขอขอบคุง ที่เผยแพร่และใช้ภาษาเพื่อให้เข้าใจง่าย ขี้นโน๊ะ อิอิ
#74
[HIGHLIGHT=#b2a2c7]รวมดีปาวาลีที่บ้าน คนบ้านใกล้เรือนเคียง นะ อิอิ รวย รวย อมตะ พระมารดา ประทานพร สิ่งใดแห่งการภัคดี พร นั้น คือ ยิ้ม แห่งมารดา ก็ปลื้มใจ[/HIGHLIGHT]

















>
#75
พระนรซิม ที่บ้านค่ะ

>
#76
บ้านหลังนี้คุ้นๆจัง อิอิ
#77
[HIGHLIGHT=#ff0000]ที่จริงเปงช้อนตักน้ำในการถวายบูชาค่ะแต่บางคนนำไปตัก กี แต่ที่จริง[/HIGHLIGHT][HIGHLIGHT=#ff0000]จะมีแบบ ด้ามยาว หรือรูปลักษณ์ที่คล้ายกันอันนั้น จะไว้ตัก กี (น้ำมันเนย )ในการประกอบพิธีบูชาไฟ ค่ะ[/HIGHLIGHT]









>
#79
ช่วงนี้ ไม่ได้ลงรูปเลย ติดใกล้งาน ฉลอง ยังไง จะนำมาฝากนะค่ะ ขอให้ศรัทธา คุ้มครอง
#80
ขอเพิ่มเติมหน่อยนะคะ ไม่ว่ากันน๊าส์

ตรง ตำนานพิพากษา พระพรหมา

ยังมีอีกตำนานนึง ที่ว่าพระศิวะต้องการทดสอบพระผู้สร้างและพระผู้รักษา โดย การแปลงพระวรกายเป็นมหาศึวลึงค์ที่สูงใหญ่

และ พระวิษณุก็แปลงเป็น พระวราหะ ขุดลงไปเพื่อหาฐานขององค์ศิวลึงค์(การเริ่มต้น) พระพรหมแปลงเป็นหงส์บินขึ้นไปเพื่อหายอดองค์ศิวลึงค์(จุดสิ้นสุด)

แต่ทั้งสองพระองค์ก็ไม่สามารถหาจุดเริ้มต้นและจุดสิ้นสุดได้ แต่พระพรหมได้เจอดอกเกตุอันร่วงมาจากยอดของศึวลึงค์และจึงให้โกหกว่าพระองค์ได้มาถึงยอดองค์ศึวลึงค์แล้ว ทันใดนั้นองค์พระศิวะ ก็ได้แหวกออกมาจากศิวลึงค์อันใหญ่โตแล้วจึงบอกพระผู้สร้างและพระผู้รักษาให้หยุดการค้นหาได้แล้วพร้อมตรัสว่า

เป็นดั่งสัจธรรมมีเกิดย่อมมีตาย ท่านทั้งสองก็ได้เห็นแล้ว เราไม่มีการเริ่มต้น(การเกิด)และ เราไม่มีการสิ้นสุด (การตาย) เราคือพระอนันตะ(ผู้ไม่มีวันตาย)

พวกท่านก็เช่นกัน แต่สำหรับองค์พรหมา โทษฐาณที่ท่านไม่ซื่อสัตย์ องค์พรหม เราขอสาปท่านไม่ให้มีเทวสถานเป็นของตนเอง


ค่ะนี่คือปางหนึ่งของพระศิวะ ชื่อว่า พระลินโกตาบาลาหรือ พระลินโกตาบาวัร ปางสอนสัจธรรม

ต้องการสักการะพระองค์ ที่วัดแขกก็มีค่ะ ที่หอศึวลึงค์ส่วนด้านหลังค่ะ หากสังเกตใกล้ๆ จะมีหมูป่าและหงษ์อยู่นะคะ




****สำหรับ พระสดาศิวะ เป็นปาง ที่สร้าง พระมหิษาสุรมรรทินี






และพระมหาสดาศิวะก็เช่นเดียวกัน