Loader
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - โอม มหา บารมี เทวา โอม

#1
องค์นี้ถูกใจจัง  ถ้าครอบตู้ด้วยจะดีครับ ฝุ่นเกาะแล้วทำความสะอาดยากงานนี้ ยิ่งถ้าเป็นองค์ที่มีการเสริมเส้นผมยิ่งยาก
#2
ขอตอบหน่อยล่ะกัน เป็นความเห็นส่วนตัวหน่ะ
<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:office:office" /><o:p> </o:p>
ชาวภาระตะจริงๆเขาไม่สนใจหรอกว่า เทวรูปจะผ่านพิธีเบิกพระเนตรที่ไหน เห็นเขาทำขึ้นมาก็เอาขึ้นแท่นบูชากันเลย เคยถามเจ้าของร้ายเทวรูปที่เป็นชาวอินเดียแถวพาหุรัดอยู่หลายคน เขาก็บอกว่าไม่จำเป็นต้องทำอยู่ที่ใจมากกว่า เทวรูปที่เขาขายๆเขาก็สวดมนต์ตราทุกวันอารตีทุกวัน (เคยเห็นเขาทำก่อนปิดร้าน)
แต่ถ้าถามว่า เทวรูปที่เบิกพระเนตรกับที่ไม่ได้เบอกพระเนตร อันไหนดีกว่า
ตอบ...เทวรูปที่ผ่านพิธีกรรมการเบิกพระเนตร การเทวาภิเษกการพุทธาภิเสกโดยถูกต้อง เวลาการทำพิธีต่างๆเขาจะเชิญพลังของเทวะเชิญมนตราต่างๆ ประจุธาตุต่างๆ เช่น ดิน น้ำ ลม ไฟ ประจุอาการทั้ง32ประการ และมนต์ตราเป็นมงคลมากมากมาย ทำให้เทวรูปมี บุญฤทธิ์และอิธิฤทธิ์ต่างๆครับ ดังนั้นเทวรูปที่ผ่านการเบิกพระเนตรย่อมดีกว่าอยู่แล้ว

เพราะผู้บูชาจะได้สบายใจและมีกำลังใจมากขึ้นด้วย  ส่วนทำไมเทวรูปที่ไม่ได้เบิกพระเนตรถึงดีน้อยกว่า เพราะเทวรูปที่ไม่ได้ผ่านพิธีกรรมใดๆเลย อาจเป็นสื่อให้อย่างอื่นแทนสื่อพลังเทพเจ้าน่ะสิครับ เช่น สัมภเวสีต่างๆ และต้องอาถรรพ์ได้ ทางที่ดีน่าจะนำเทวรูปไปเบิกพระเนตรจะดีกว่า แต่ห้ามนำไปให้ตามตำหนักต่างๆทำเด็จขาดครับ
<o:p> </o:p>
ในความคิดส่วนตัวเอง จะพิถีพิถันในเรื่องนี้มาก เทวรูปของผมจะผ่านการเบิกเนตรโดยพราหมณ์ก่อนทุกองค์แล้วจึงไปผ่านพิธีอื่นๆอีก มีพิธีเทวาภืเษกที่ไหนที่อยากจะไปก็จะข่นไปหมด เพราะชอบเน้นเรื่องขลังด้วยครับ( เป็นความคิดเห็นและความเชื่อส่วนบุคคล)<o:p></o:p>
#3
Quote from: ฟู_Alone(O.o) on January 12, 2011, 13:57:51


แล้วกุมารแบบนี้ จัดอยู่ในประเภทไหนครับ 
บ้านผมมีอยู่องค์ นั้งบนสังข์  แต่มี 4 กรอ่ะคับ ถืออาวุธครบเลย
เลยอยากรูปว่าอยู่ในกลุ่มไหน


พวกกลุ่มแปดกรสี่กรนั้นผมว่า กลุ่ม ศิลปะมากกว่านะ เพราะกุมารทองจริงๆไม่ทำแบบนั้นหรอกครับ   มันแค่ทำให้คนตาม.....ซื้อไปประดับตกแต่งให้ดูขลังเท่านั้นหล่ะ  ส่วนพวกกุมารเซลิก้าธรรมดา จัดในกลุ่มกุมารที่ไม่ใช่เทพและพราย คือ ผีเด็กธรรมดาล่ะครับ ทำไมถึงจัดว่าเป็นแบบนั้น เพราะกุมารพวกนี้แค่เจิมเรียกจิตมาสิงสู่เพียงอย่างเดี่ยว ไม่ได้ผ่านพิธีกรรมตามต้นฉบับของกุมารทอง เช่นการใส่มวลสาร การปลุกเสกตั้งธาตุทั้ง4 การปลุกเสกเรียกอาการทั้ง32 และมนต์ตราอื่นๆอีก ง่ายๆกุมารที่เข้าพิธีปลุกเสกจริงเหมือนกับเขาเกิดขึ้นมาใหม่ มีฤทธิ์เดชอำนาจบารมี มีศีลมีธรรมอยู่ในศีลในธรรม ส่วนกุมารที่เป็นพวกเซลิก้าธรรมดาที่ให้ตาม...เปิดเนตรเรียกจิตมาสิงสู่แทบไม่มีพลังอะไรเลยถึงมีแต่อ่อนมาก ส่วนสายพรายอาจจะแตกต่างกับสายเทพนิดหน่อย จะแรงกว่าทางด้านการแสดงอธิฤทธิ์เดชอำนาจไม่ค่อยเงียบสงบและก้าวร้าวกว่า(แต่ก็ชอบ)แต่ก็ยังอยู่ในศีลในธรรมอยู่ถ้าผู้เลี้ยงปฏิบัติดีเลี้ยงดี คือ ห้ามให้กุมารทำสิ่งที่ผิดนั้นเอง สายเทพแทบจะไม่ทำเลยแต่ถ้าจำเป็นจริงๆจะทำ สายพรายยังไงก็ได้แต่อย่ามากไป หมั่นทำบุญให้เขาด้วยก็ดี

จะเทพจะพราย จะกึ่งเทพกึ่งพราย จะพรายขาวพรายดำ จะกุมารเรียกจิตเซลิก้า  เขาก็มีจิตใจแบบคนแบบเด็กๆทั่วไปครับ
#4
Quote from: ohm on January 11, 2011, 18:08:14
เรียนทุกท่านนะครับ       กุมารเทพในที่นี้  กระผมไม่ได้หมายถึงกุมารทองแม้แต่อย่างใดเลย

เทพก็จะอยู่ส่วนเทพ   ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับ  ผีหรือสัมเวสี เลยยย

ดังนั้นที่กระผมตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา  เพื่อจะถามเกี่ยวกับ  กุมารเทพ   ซึ่งไม่ใช่กุมารทองเลยครับบบ

ซึ่งในกระทู้หลัก กระผมถามว่า เค้าไม่ให้ตั้งกุมารเทพ  รวมกับพระหรอ  แค่นี้ครับบ  ซึ่งไม่เกี่ยวกับกุมารทองเลยครับ

เพรราะมีคนบอกว่า  เค้าไม่ให้ตั้งกุมารเทพรวมกับกุมารทอง  ซึ่งกระผมไม่เข้าใจเลยครับบ 

งงกับเจ้าของกระดูทู้ครับ  หมายถึง กุมารที่สายเทพ สายพรายหรือป่าวอ่ะ
#5
Quote from: มาตาศรี มารีอัมมัน on January 09, 2011, 10:46:43
ถ้ากุมารทอง ความคิดตัวหนูเองคือห้ามตั้งไว้ในหิ้งเทพเด็ดขาดค่ะ ควรจะแยกมาอีกหิ้ง และต้องเตี้ยกว่าหิ้งพระและหิ้งเทพ

บ้านหนูไม่มีการเลี้ยงกุมารทองอย่างเด็ดขาดค่ะ ตัวหนูเองดูมวลสารก็ขยะแขยง อีกอย่าง รอบๆหมู่บ้านก็มีอยู่เยอะแล้ว ไม่จำเป็นต้องนำมาเพิ่ม(0-0)!!!



เรียนคุณ มาตาศรี มารีอัมมา มวลสารที่คุณบอกว่าขยะแขยง มันเป็นสิ่งสำคัญที่ใช่ในการสร้างกุมารทองครับ เป็นหัวเชื้อชักนำกุมารให้มาสถิตในรูปกาย มวลสารที่ว่านี้อาจจะเป็นซากกุมารน้อย  ดิน7ป่าช้า 7โป่ง 7ไร่นา 7สวน 7ขุย 7จอมปลวก 7ท่า 7ตลาด ผงลูกกรอก ผงลูกกรอกแมว ผงกระดูกเด็กต่างๆที่เสียชีวิตในวัดแรงๆเช่นตายวันเสาร์เผาวันอังคาร โลหะอาถรพ์ต่างๆ จำพวกเหล็กพลิกศพ ตะปูโลงศพ ซึ่งของพวกนี้จะเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างทำกุมารทอง ทำให้กุมารมีฤทธิ์มาก แตกต่างจากกุมารเซริก้าที่ทำกาเรียกจิตเฉยๆ

ข้อมูลที่ยกมาให้อ่านอาจจะสยองหน่อยนะครับ
#6
Quote from: มาตาศรี มารีอัมมัน on January 09, 2011, 15:20:09
รมดำนี่ ถ้าเองมะขามเปียกขัดจะลอกเปล่านิ สงสัย

จะขัดให้เงาหรอครับ สงสัยกล้ามขึ้นแน่ๆเลย
#7
ครับกุมารไม่ใช่สิ่งที่นำไปสู่การบรรลุเข้าสู่โมกษะธรรมอย่างที่พี่กิฟบอก  แต่กุมารเป็นเหมือนเป็นกำลังใจเป็นเครื่องเนี่ยวจิตใจ

แหมอ่านท้ายๆแล้วจะหัวเราะให้ดังลั่นปฐพี วะ555555555+เอิ๊ก มรดกนี้ที่เบนพูดถึงคือ มรดกความเชื่อครับ ความเชื่อที่มีมาแต่สมัยโบราณและควรรักษาไว้ กุมารนี้เขาก็เป็นหน้าตาให้ประเทศแล้วนะเดี่ยวนี้ ชาวต่างชาติก็ให้ความสนใจไม่น้อยไปจะทั่วโลกล่ะ โดยเฉพาะฮินดูชนที่ดินอดนฮาระตะแท้ๆยังมีไว้บูชากันแล้ว 55555+ช็อคทำไมอ่ะพี่กิฟ5555+เบนแค่พูดตรงไปตรงมาเองอ่ะ  นี้ถ้าองค์กรยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกก็ดีสิ555+
#8
เพิ่มเติมครับ พอดีนึกขึ้นได้ คำสอนของหลวงพี่น้ำฝน วัดไผ่ล้อม
วัตถุมงคลสร้างไว้เป็นที่ระลึก
เป็นที่ยึดเหนียวจิตใจ
  อิทธิปฏิหาริย์นั้นเกิดจากแรงศรัทธา
มิใช่ให้หลงงมงาย

#9
ในส่วนตัวผมเองก็เลี้ยงนะกุมารทอง เลี้ยงอยู่4องค์ ทุกองค์ก็จะถูกจัดแยกออกจากโต๊ะบูชาเทพ และโต๊ะของเด็กๆจะต่ำกว่า เวลาวันพระก็จะต้องบูชาเทพก่อน ง่ายๆเทพมาก่อนกุมารทอง ไม่ใช่แค่แยกโต๊ะหรือลดให้ระดับโต๊ะกุมารนะครับ แต่ทุกสิ่งจะต้องมาก่อนกุมารเสมอ

และขอพูดไว้ตรงนี้เลยว่า คนไทยที่บูชาเทพฮินดูอยู่แล้วอยากเลี้ยงกุมารขึ้นมาหรือเลี้ยงไว้อยู่แล้ว  สามารถเลี้ยงได้โดยปกติไม่มีข้อห้ามอะไรทั้งนั้น ใครจะพูดว่า กุมารทองเป็ของต่ำ สกปรก ชั้นผี ไม่สมควรบูชา  ไม่ต้องไปสนใจครับและผมก็ไม่สนใจในคำพูดนั้น  หรือคนบอกว่าบูชากุมารแล้วเทพหนีเทพไม่มาประทานพร อันนี้ยิ่งไร้สาระเลยครับ  เพราะเทพท่านไม่สนใจหรอกว่า ผู้บูชาจะเอาอะไรมาเลี้ยงมาบูชา  ตราบใดที่เรายังรักและศัทธาพระองค์ต่อให้เอากุมารพรายแรงๆมาเลี้ยงท่านก็ไม่หนีเราไปไหน ในพระเวทก็ไม่มีบอกว่าห้ามเลี้ยงกุมารทองด้วย  แต่คุณเลี้ยงกุมารน่ะคุณบอกท่านยังว่าเอาอะไรมา ขอท่านยัง ท่านก็เหมือนกับคนในบ้านในครอบครัวเราแหละครับ ถ้าคุณไม่บอกไม่ขอแน่นอนกุมารปิวหายไปแน่ๆ

ฉะนั้น สบายใจได้ครับ กุมารเลี้ยงได้แต่ต้องเลี้ยงให้ถูกที่ถูกทาง เลี้ยงให้ถูกวิธีก็ปลอดภัย กุมารก็เหมือนกับดาบ2คมล่ะครับ

เพิ่มเติมสำหรับคนที่ค้างคาใจ  http://www.facebook.com/profile.php?id=1739510134#!/permalink.php?story_fbid=160000490712378&id=1739510134

(อย่าให้วัฒนธรรมอื่นมาทำลายมรดกของไทย)

ปล. ตอนนี้มองหาพรายคู่ เล่นแรงๆหน่อย5555555+เอิ๊ก
#10
ควรให้หลวงพ่อหรือหลวงปู่ที่ทำพิธีบวชให้ หาฤกษ์ให้ดีกว่าครับ  จะได้สบายใจ เพราะต้องดูเวลาดูนาทีด้วย เวลาสึกเขาจะให้อธิฐานขอพรได้1ข้อครับเวลาฤกษ์สึกนี้ก็สำคัญมากๆครับไม่ควรมองละลเย เพราะอาจจะได้ดวงตายโหงก็ได้  และยังมีเวลาฤกษ์ออกจากวัดด้วยครับ
#11
โอ๊ะ! พระแม่แบบเดี่ยวกันเลย








ของพี่แต่งองค์เพิ่มเติมแบบเล็กๆน้อยๆเบาๆ
#12
ไม่แน่ใจว่า เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ทำได้ป่าวนะครับ แต่ผมว่าได้ ลองไปดูครับ
#13
Quote from: mahadeva on December 09, 2010, 20:18:44

นำภาพหม้อกลาซัมของผมมาให้ชมครับ

สวยดีครับ

เคยเห็นเขาทำขายที่พาหุรัดมีหน้ากากมีหมอไว้เลยมีชุดด้วย
#14
Quote from: chai on December 12, 2010, 15:07:08
ขออภัยนะครับ

ผมแค่อยากทราบว่าทำไมพระแม่ปารวตีแบบทมิฬมีกายสีเขียว อยากทราบเหตุผลแค่นี้แหละครับ

ขอบคุณครับ

เหตุผลมันมีมากมายครับ ต่างคนก็ต่างเหตุผล ต่างตำราห็ต่างเหตุผล

เหอๆผมก็เคยหาอยู่เหตุผลหลายๆเรื่อง เจอมากมายงงไปหมด เลยไม่หามันซะเลย

บูชาท่านให้ถึงที่สุด บูชาด้วยจิตใจตั้งมั่นดีกว่า
#15
ลองเอาไปแปลใน googleแปลออกมาสะเปะสะปะไปหมด แต่ก็ลองๆเรียงใจความ รู้สึกข้อมูลขาดหายไปเยอะมากไม่ครบถ้วนใจความ

รอผู้เชี่ยวชาญทางใต้ตัวแม่เข้ามาแถลงไข
#16
ปิดวาวร์แก๊ซซะหน่อยนะครับ เดี่ยวไฟมันจะลุกกระทู้เป็นจุล

พระแม่ปารวตี มหาเทวีแห่งความผาสุข ชายาแห่งมหาศิวะเทพมหาเทพแห่งการทำลาย  พระวรกายพระแม่นี้เปลี่ยบเหมือนดั่งเลือดเนื้อของลูกๆทุกคนครับ
#17
Quote from: ศรีมหามารตี on December 10, 2010, 17:47:43
พีชมนต์กาลี นี่  กรีง เหรอค่ะ ไม่เคยได้ยิน ส่วนบทที่สองกาลีอินเดียใต้เหรอค่ะ

งงแบบเดี่ยวกับพี่กิฟ ตรงคำว่า กริง ครับ

โอม "กลีม" กาลิไย นะมะฮา อันนี้ไม่ใช่หรอ


อันนี้เป็นเสียงสวด
http://www.youtube.com/watch?v=DP0_trK_8oU&feature=player_embedded
#18
วัดวิษณุก็พึ่งไปมาวันนี้ เอาพระแม่มารีอัมมาไปเบิกพระเนตรอีกครับ พราหมณ์เขากทำคล้ายๆกับวัดเทพมณเฑียรล่ะครับ  แต่ถวายบทสวดนานหน่อย พรมน้ำเทพมนต์ซะมูรติชุ่มเลย แต่ครั้งนี้ไม่ได้ถวายผลไม้ครับถวายแต่กำยาน ทำให้เสร็จประมาณ 15 นาที  อ่อ มีการผู้ข้อมือองค์พระด้วยครับ


เทวรูปถ้าจะแต่งพระพักต์ด้วยสีโปสเตอร์ อย่าพึ่งแต่งนะครับ เพราะเดี่ยวสีเละ
#19
การปิดตาเทวรูปยังสามารถกันสิ่งอัปมงคล พลังวิญญาณมาสถิตได้ด้วยนะครับผ้าที่ใช้ก็ควรเป็นผ้าที่มีการผ่านพิธี เช่นผ้ายันต์ก็ได้  หรือ  ถ้าไม่มีก็ผ้าแดงธรรมดา แล้วเอาน้ำพุทธมนต์หรือน้ำเทพมนต์พรมหน่อยครับ  จะปิดอย่างเดี่ยวหรือคลุมทั้งองค์ด้วยก็ได้ครับ  -(สำหรับเทวรูปที่ยังไม่ได้เบิกพระเนตร)-

ความรู้เล็กๆนี้ได้มาจากการเบิกพระเนตรพระกิมซิ้นครับ
#20
ลองไปดูในตู้หนังสือหลังพระแม่ทุรคาดูครับอาจจะมี  พี่หิริทาสทำไว้ครับ  ผมไปทีไรก็ไปเปิดอ่านนั้งอ่านอยู่หลังพระแม่อ่ะ
#22
ไปทีไรก็มีความรู้สึกแปลกๆตลอดล่ะครับ ทั้งน้ำตาคล่อ  หนาวๆเย็นๆ ฮึกเหิม อีกทั้งเวลาได้กราบพระประธานยิ่งรู้สึกดีมาก พอออกจากวัดขึ้นรถแท๊กซี่ก็รู้สึกสงบจิตอารมณ์ดีแบบอยากอยู่ในวัดต่อ รถวิ่งออกไปแล้วยังมองวัดจนลับสายตาไปเลย กลับถึงบ้านก็ทำงานได้เต็มที่ แถมสมความปราถนาในสิ่งที่ขอครับ
#23
จริงๆแล้วของเดิมเขาทำมาอย่างดีอยู่แล้ว ถูกต้องตามแบบ ไม่ควรนำมาทำใหม่ให้เพี้ยนไปหรอกครับ

เพลงพวกนี้ลองเอาไปเปิดในโบสถ์เทวสถานต่างๆคงโดนไล่แน่ๆ เพราะมันเป็นของพวก.......
#24
ให้คะแนนเกรด A+ เลยครับ เลิศ
#25
แหวกแนวครับ รู้สึกจะเอามาร่วมกัน แขกกับญี่ปุ่น ดวงตาวาดให้คมๆจะสวยมาก แต่จริงๆแล้วภาพพระเป็นเจ้าไม่ควรนำมาวาดเพื่อความสนุกนะครับ
#26
สำหรับองค์ อรรถนารีศวรงานไทยนี้แต่งยากนิดนึงครับ  มงกุฏซื้อแบบงานอินเดียใต้มาเลยครับ อันล่ะ 600-800สำหรับขนาดของคุณ แต่ไม่ได้แบ่งนะครับ ใส่ไปเลยไม่ต้องห่วง เพราะเคยเห็นรูปองค์พระศิวะงานอินเดียใต้ใส่มงกุฏครับ ส่วนผ้าอาจจะต้องซื้อสองสีมาออกแบบเองครับ ถ้ามีพื้นฐานในการแต่งพระนะครับ จะทำได้ง่ายมาก

ส่วนองค์สามนิ้ว ก็ซื้อเป็นชุดที่เขาตัดไว้แล้วครับ ราคาก็ประมาณ 300ครับ มงกุฏ100-150


(องค์พระลงมะขามเปียกแล้วขัดด้วยฝอยเหล็กจะสวยมากครับ )
#27
รูปนี้นาน เป็นปีแล้วมั้งเนี่ย ยังขุดหุหุ  มงกุฏได้มาจากพาหุรัด เท่าไหร่ก็ไมรู้เท่าไหร่จำไม่ได้ นานจัด
#28
พี่ว่าถ้าอยากจะเจิมองค์พระให้สบายใจ  ใช้ผงจันหล่ะดีล่ะ แต่จริงๆแล้ว เจิมแต่ผงแดงอย่างเดี่ยวก็ได้

ส่วนมากพี่จะเจิมผงจัน ก่ะ ผงกุมกุม  ผงจันพี่ใช้ของไรก็ไม่รู้เพราะมันแพ็คใส่ถุงไว้  แต่กุมกุมพี่ใช้ของ Ambar ซึ่งมีกลิ่นหอมมาก กลิ่นเหมือนขมิ้น

แต่ผงของ Ambar มีสีแดงๆออกส้มๆนิดๆ น่าจะเอาไว้เจิมกับผงจันจะดีกว่า ผสมน้ำเจิมเพราะสีไม่ติด
#29
ผงจันดราครับ ไม่รู้พิมพ์ถูกป่าวนะ แต่สามารถนำขมิ้นมาเจิมได้ครับ พอกพระพักต์พระแม่แล้วแต่งก็ได้ครับ

เรื่องเจิมที่วัดพี่ไม่ได้สังเกตุนะ  แต่พี่ไปทีไรเดี่ยวก็เจิมแดง เดี่ยวก็เจิมทั้งขาวทั้งแดง ขาวล่างแดงบนอ่ะ

#30
ฉีกอย่างเดี่ยวไม่พอล่ะมั้งครับ เดี่ยวเอาเทปกาวมาแปะก็อ่านได้ล่ะ  เผาเลย


ในความคิดของเบนเอง ไม่ค่อยจะเชื่อพวกตำนานไรมากครับ เพราะส่วนมากแต่งขึ้นมาข่มกันมากกว่า เป็นจริงอยู่แค่ 20 % หรือ น้อยกว่านั้น

อย่าไปคิดมากเรื่องตำนาน  ตำนานอ่านคร่าวๆก็พอครับ ไม่ใช่อ่านแล้วเอามาคิดเพ้อเจ๋อเป็นตุเป็นตะ เคร่งครัดซะมากเกิน  พอเคร่งอันนี้แล้วพอไปเจออันนู้นก็เคร่งอันนู้นต่อ พออันนั้นอันนี้อันนู้นมาเจอกัน ก็เละอย่างเดี่ยวครับ

เชื่อในองค์พระเป็นเจ้าทุกๆพระองค์ครับผม.......................
#31
ขอบคุณครับพี่โด่ง ภาพสวยจัง  แต่คนถ่าย ก่ะ  คนที่ถูกถ่ายสวยกว่านะ
#32
เห็นภาพคุณทิวแอ๊บได้ใจมากเลยล่ะ 55555+
#33
ชอบโต๊ะนี้จังเลย

ว่าแต่อานเนี้ยข้างพระแม่สรัสวตี แยกหิ้งได้จะดีมากครับ ถ้าคุณเจ้าของกระทู้กลัวแยกเดี่ยวแล้วไม่เด่น  ก็ลองหาอาเนี้ย แบบงานกังไสขนาด 2 ฟุตมาวางเป็นประธานในโต๊ะพระโพธิสัตว์จะเลิศมาก แล้วถวายน้ำชา5ถ้วยทุกๆวันด้วยนะครับ
#35
เคยใช่มะนาวขัดเหมือนกันครับ พอดี มะขามเปียกหมดเลยลองเอามะนาวแทนอิอิเปรี้ยวเหมือนกันเลยลองดู แต่รู้สึกว่าขัดได้เงาเร็วกว่ามะขามเปียกแต่ดำเร็วกว่าขัดด้วยมะขามเปียกอ่ะ  อิอิ เฉพาะส่วนตัวติดใจขัดด้วยมพขามเปียก

ปล. ขัดองค์พระไปมะขามมันกัดเซล์ผิวหนังเก่าที่มือให้ลอกออก มือนิ่มเลย

ปล.2 ฝอยเหล็กบาดมือตอนขัด เวลาโดนมะขามเปียกแสบจี้ด สะใจ 0v0 (ซาดิสป่าวเนี่ยหุหุหุ)
#36
Quote from: mahakali_2009 on November 02, 2010, 18:59:14
ที่ผมมีอยู่ก็จะเป็น 108 พระนามของพระแม่อาดิปาราศักติมารีอัมมา ซึ่งได้มาจากพราหมณ์ที่อยู่วัดพระแม่มารีอัมมา ป.มาเลเซียครับ
ผมเลยแกะออกมาเป็นภาษาไทยแล้ว ถ้าอยากได้ลองโทรมาคุยกันครับ จะได้ส่งไปให้ ที่ผมมีอยู่ก็จะมี ลักษมี สโตตรัม 108 พระนาม
สรัสวตี สโตตรัม 108 พระนามเหมือนกัน แล้วก็ มหากาลี สหัสนาม ครับผม ลองโทรมาคุยกันครับ 0832632701

โห้ ดีจังเลย

ช่วยนำมาลงไว้ในนี้ให้ผมด้วยนะครับ ขอบคุณมากๆเลย
เพื่อหลายท่านที่อยากได้ก็จะได้นำไปสวดถวายพระแม่ด้วยครับ

เดี่ยวว่างๆผมจะโทรไปคุยครับ
#37
Quote from: thiti on November 02, 2010, 20:55:48
ถ้าผมคิดแบบคุณมหากาลี 2009 ผมจะไม่ใช้มะนาวครับเพราะเดี๋ยวน้ำมะนาวเผลอไปเข้าพระเนตรองค์ท่านเดี๋ยวท่านก็คงแสบตาแย่เลยครับ  ผมจะนำองค์ท่านไปเข้าร้านสปาดีกว่าเยอะเลยครับ ให้ทางร้านขัดผิวให้อย่างดี อบไอน้ำสมุนไพร นวดน้ำมันอโรม่าเพื่อผ่อนคลาย เปิดเพลงเบาๆ สบายๆ เพราะบางทีท่านทรงยืนหรือว่านั่งอยู่ในท่าเดียวเป็นเวลานานท่านอาจจะเมื่อยได้ ยิ่งเป็นเทวรูปพระศิวะนาฎราชท่านทรงยืนขาเดียวแล้ว ต้องให้ทางร้านนวดให้เป็นพิเศษเลย เปรียบได้ว่าเราได้ดูแลผิวพรรณ ขัดผิวถวายท่าน และ ทำให้ท่านผ่อนคลายไม่เมื่อยล้าด้วยครับ

อ่านแล้ว นึกถึงร้านทำผมตุ๊กตาบลายธ์อ่ะคุณ
#38
ของแบบที่ ลงท้ายด้วย โปตรี  น่ะครับ

หรือ 108 โปตรี  (คำนี้เอาพี่กิฟ มาจากกระทู้นึง)  ขอบคุณล่วงหน้าเลยครับ
#39
Quote from: โอม มหา บารมี เทวา   โอม on October 30, 2010, 20:17:52
ขอบคุณสำหรับกำลังใจ และ คำแนะนำนะครับทุกท่าน

คิดไว้ตั้งนานแล้วว่าจะทำโต๊ะใหม่ เพราะองค์พระเยอะแล้ว และก็จะมีเพิ่มมาอีก อิอิอิ มีแล้วไม่รู้จักพอไงครับ อิอิ

อาจจะต้องเพิ่มโต๊ะบูชาอีกโต๊ะนึงครับ  ส่วนตัวเองอาจจะต้องนอนกลางห้องหรือบ้านก็ไม่รู้สิ เพราะอาจจะต้องเอาเตียงเอาโทรทัศน์และเฟอร์นิเจอร์อื่นๆออกไปหมด ทำห้องพระอีกห้องเลย

ปล. ในใจตอนนี้ เหมือนกับว่ากำลังจะได้อัญเชิญพระแม่มารีอัมา มาไว้ที่ห้องครับ ไม่ช้าก็เร็ว
#40
มะขามเปียก็ง่ายๆครับ ลงแล้วทิ้งไว้ 10 นาที แล้วขัดๆๆๆๆๆ