Loader

อยากให้ชาวพุทธทุกท่านได้มีโอกาสไปกราบสักการะครับ

Started by Neosiris, March 09, 2010, 17:23:56

Previous topic - Next topic

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

พระพุทธบาท 4 รอย ดินแดนแห่งพุทธะ

เหตุที่ควรไปสักการะพระพุทธบาท 4 รอย มีหลายประการมากมาย แต่ปีนี้ มันอาจเป็นปีของการเริ่มต้น ของการสิ้นสุดหลายๆอย่าง โดยเฉพาะคนไม่มีศีลธรรม ภาษาวัยรุ่นเรียกว่า เช็คบิล อย่านึกว่าทำบุญเยอะแล้วจะรอด เคยสังเกตไหม ทำไมคนทำบุญแล้วยังโดนวิบากกรรมเล่นซะอ่วมเลย เพราะเรายังไม่รู้ว่าในชาตินี้ ชาติก่อนๆ เราทำบาปอะไรไว้บ้าง ดังนั้น การไปขอขมาและปฏิบัติบูชาพระพุทธเจ้าที่พระพุทธบาท 4 รอย จะเป็นการลดทอนกรรมได้ดีที่สุด และ มีผลทำให้การปฎิบัติธรรมก้าวหน้าอย่างเร็วโดยที่เรานึกไม่ถึงเลย อันนี้เรื่องจริงแต้ๆเลย
ขนาดหลวงปู่สิม หลวงปู่ดู่ หลวงพ่อเปลี่ยน หลวงตาม้า ท่านยังให้ความสำคัญกับพระพุทธ 4 รอยเป็นอันมากครับ สำหรับพระพุทธบาทสี่รอยแห่งนี้นับเป็นมหาปูชนียสถานพิเศษที่ทรงไว้ซึ่งความสำคัญและความศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่งยวดด้วยเป็นที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้เสด็จอุบัติขึ้นมาแล้วถึง 4 พระองค์คือ



1. พระกกุสันธพุทธเจ้า
2. พระโกนาคมนพุทธเจ้า
3. พระกัสสปพุทธเจ้า
4. พระโคตมพุทธเจ้า(พระองค์ปัจจุบัน)
หรือแม้แต่ หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโมพระอริยเจ้าผู้ทรงฤทธิ์อย่างยวดยิ่งแห่งวัดป่าอรัญญวิเวก จ.นครพนมเมื่อครั้งยังเที่ยวธุดงค์อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ก็ได้กล่าวรับรองไว้ด้วยเช่นกันว่า “พระพุทธบาทสี่รอยนี้เป็นสัญลักษณ์แห่งมหาภัทรกัป ที่มีความสำคัญที่สุดในจักรวาล...”
พระผู้ที่พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตพระบุพพาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐานแห่งยุคก็ยังได้เคยพยากรณ์ไว้เมื่อครั้งที่หลวงปู่สิมยังเป็นสามเณรอยู่ว่า “เณรสิมนี้ยังเป็นดอกบัวที่ยังตูมอยู่ ถ้าเบ่งบานเมื่อได้ จะหอมกว่าหมู่” เมื่อได้เล็งญาณพิจารณาการทั้งสิ้นแล้วจึงได้กล่าวสรุปปิดท้ายไว้ก่อนละสังขารไม่นานว่า
“พระบาทสี่รอยนี้เป็นที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาเหยียบรอยพระบาทไว้เองจริงๆ....”
“รอยพระบาทที่จังหวัดสระบุรีเป็นรอยพระบาทของพระพุทธเจ้าโคดมเพียงพระองค์เดียว แต่ที่พระบาทสี่รอยนั้นเป็นรอยพระบาทของพระพุทธเจ้าถึง 4 พระองค์ ไหว้พระบาทสี่รอยครั้งหนึ่งก็เท่ากับได้ไหว้พระพุทธเจ้ารวดเดียวถึง 4 พระองค์นั่นแหละ....”
“การที่ได้ไปกราบไปไหว้ไปทำบุญ นั่งสมาธิ สวดมนต์ภาวนาที่พระบาทสี่รอยนี้จะทำให้ได้บุญเพิ่มมากขึ้นถึง 4 เท่าเลยทีเดียวนะ..!!!!!”



เดินทางสักการะพระพุทะบาท 4 รอย

รูปขนาดเล็ก      

ประวัติ  ต้องเริ่มจากตำนานความเป็นมาของพระพุทธบาทสี่รอยเสียก่อน  สมัยพุทธกาลองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในศาสนาปัจจุบัน  ได้เสด็จาริกประกาศธรรมมายังปัจจันตประเทศ (ประเทศไทยในปัจจุบัน) ได้เสด็จมาถึงทางตอนเหนือของประเทศ ชื่อเขา "เวภารบรรพต"  ได้เสด็จมาพร้อมกับพุทธสาวก ๕๐๐ องค์  และได้แวะฉันจังหันอยู่บนเขาเวภารบรรพตแห่งนี้  เมื่อฉันจังหันแล้วก็ทราบด้วยญานสมบัติว่าบนเทือกเขาแห่งนี้  มีรอยพระพุทธบาทเจ้าประทับอยู่แล้วถึง ๓ พระองค์  พระสารีบุตรได้ทูลถามว่า  พระพุทธองค์ทรงเล็งดูด้วยเหตุใด  จึงตรัสตอบว่า ในอดีตกาลมีพระพุทธเจ้าประทับรอยพระบาทไว้แล้วในที่เดียวกัน ๓ พระองค์  ดังนั้นพระองค์จะประทับไว้เป็นรอยที่สี่  และต่อไปแม้นว่าพระพุทธเจ้าศรีอารยเมตไตรย์จักเสด็จมาอีก  จะมาประทับรอยพระบาทไว้ ณ สถานที่แห่งนี้อีก  แต่จะประทับแล้วจะลบรอยทั้ง ๔ รวมทั้งรอยที่ ๕ ลบให้เหลือเพียงรอยเดียว  เมื่อตรัสแล้วพระพุทธองค์ก็เสด็จไปประทับรอยพระบาทซ้อนรอยพระบาทที่ประทับอยู่แล้ว ๓ รอยนั้นรวมเป็นสี่รอยด้วยกัน
        รอยพระพุทธบาททั้ง ๔ รอย  ต้องถือว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์  เพราะประทับอยู่บนแผ่นศิลาซึ่งโผล่พ้นดินขึ้นมาสูงทีเดียว  ดั้งเดิมต้องปีนขึ้นไปดู  แต่ปัจจุบันมีบันไดขึ้น  มีวิหารสร้างครอบเอาไว้เรียบร้อยแล้ว  พระพุทธบาทนั้นไม่ใช่สักแต่ว่ามีรอยพระบาท จะต้องมีรูปธรรมจักรปรากฏด้วย  ไม่ใช่ไปเจอหินที่ไหนมีหลุมลึกยุบลงไปก็โมเมว่าเป็นรอยพระพุทธบาทหมด  ส่วนว่าจะเสด็จมาได้อย่างไรจากอินเดียนั้นคงต้องคุยกันนาน  ให้นึกถึงคนแบกตู้เย็นแบกโอ่งมีน้ำหนีไฟไหม้ได้ก็แล้วกัน  ไฟดับแล้วบอกให้แบกกลับแบกไม่ไหวหรอก  เพราะเอาพลังกายในที่แฝงอยู่ในร่างกายออกมาใช้โดยไม่รู้ตัว  แต่หากมีการฝึกแล้วก็จะเอาออกมาใช้ได้ตลอดเวลา  เหมือนวิชาตัวเบาก็เช่นกัน
        รอยพระพุทธบาทสี่รอย ประกอบด้วย
        พระพุทธบาทของพระพุทธเจ้ากกุลันธะ  ยาว ๑๒ ศอก  (ยาว ๖ เมตร )
        พระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าโกนาคมนะ  ยาว ๙ ศอก
        พระพุทธเจ้ากัสสปะ  ยาว ๗ ศอก และ
        พระพุทธเจ้าโคตะมะ รอยที่ ๔ ยาว ๔ ศอก
        พระพุทธเจ้าได้ทรงอธิษฐานว่า  เมื่อเราคถาคตนิพพานไปแล้ว  เทวดาทั้งหลายจักนำเอาพระธาตุของเราตถาคตมาบรรจุไว้ที่รอยพระพุทธบาทนี้  และเมื่อเราตถาคตนิพพานไปแล้ว ๒๐๐๐ ปี  พระพุทธบาทสี่รอยนี้จักปรากฏแก่ปวงชนและเทวดาทั้งหลาย  ก็จักได้มากราบไหว้บูชา  เมื่อทรงอธิษฐานแล้ว ก็เสด็จไปยังเชตวันอาราม ในเมืองสาวัตถี
        ๒,๐๐๐ ปีล่วงไป  เทวดาประสงค์ให้พระพุทธบาทปรากฏแก่ตาปวงชน  จึงนิมิตพญาเหยี่ยวบินลงมาจากภูเขาเวภารบรรพต อันเป็นที่ตั้งของพระพุทธบาทสี่รอย  ให้ลงไปเอาลูกไก่ของชาวบ้านที่อยู่เชิงเขาแล้วบินกลับขึ้นไปบนภูเขา พรานประจำหมู่บ้านโกรธมาก จึงตามขึ้นไปบนเขาเพื่อฆ่าเหยี่ยวแต่หาไม่พบ  แต่กลับไปพบรอยพระพุทธบาทสี่รอย อยู่บนพื้นหินใต้การปกคลุมของพืชพันธุ์ไม้  พรานเชื่อว่าเป็นรอยพระพุทธบาทจึงทำการสัการะบูชาแล้วกลับลงมาจากเขามาบอกชาวบ้าน  ชาวบ้านก็พากันไปกราบไหว้บูชาและได้ชื่อว่า "พระบาทรังรุ้ง" (รังเหยี่ยว)

จากสานส์สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงบันทึกไว้ว่า  "พระพุทธบาทสี่รอยแห่งนี้เป็นพระพุทธบาทที่เก่าแก่ที่สุดของไทย"  ครูบาอาจารย์  พระธุดงค์กรรมฐานสายพระอาจารย์มั่นภูริทัตโต  หลวงปู่แหวน  หลวงปู่ชอบ  หลวงปู่สิม เป็นต้น  ล้วนแต่ขึ้นไปนมัสการมาแล้วทั้งสิ้น
        ความสำเร็จในการพัฒนาให้ปรากฏอยู่ในปัจจุบันนี้มาจากพระภิกษุหนุ่มที่ถือว่าต้องทรงวิทยาคุณเป็นอย่างสูงคือพระพรชัย ปิยวัณโณ  ซึ่งท่านเกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๐ นี่เอง นับถึงวันที่ผมเขียนก็มีอายุเพียง ๓๔ ปี  นับว่าหนุ่มมากสำหรับพระที่กล้าไปอยู่องค์เดียว  ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมแบบนี้ และอยู่เป็นเวลานานถึง ๙ ปี คือเป็นเณร ๑ ปี  เป็นพระอีก ๑๘ ปี  ท่านบรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ ๑๓ ปี  พออายุ ๑๖ ปี ก็สอบนักธรรมเอกได้  ธุดงค์มาพักอยู่ที่วัดรางสันป่าตึง  วัดพระเจ้าตนหลวง ตำบลสันป่ายาง  ที่เชิงเขาพระพุทธบาทสี่รอย ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๐  อยู่ได้สัก ๒ เดือน  ได้นิมิตเห็นปราสาทหลังใหญ่โตงดงามมากอยู่บนเขาสูง  ได้ขึ้นบันไดไปก็พบรอยพระพุทธบาทอยู่ในปราสาท  เมื่อวันรุ่งขึ้นออกบิณฑบาตเล่าให้โยม ๆ  ฟังก็บอกว่าบนเขามีรอยพระพุทธบาท มีวัดแต่มักจะเป็นวัดร้าง  เพราะพระเณรมักอยู่อาศัยไม่ได้ท่านจะขึ้นไปชาวบ้านก็ห้าม  สุดท้ายพอเวลาตีสองท่านก็ขึ้นไปยังพระพุทธบาทสี่รอย  เดินไปเป็นระยะทางประมาณ ๒๒ กม.  และไปอยู่ประจำองค์เดียว ๑ ปี  เป็นเณร ๘ ปี เป็นพระจนปีที่ ๘ จึงเริ่มมีพระมาจำพรรษาด้วยมากถึง ๑๑ รูป  ต่อจากนั้นท่านก็เลยเริ่มบูรณะวัด  เริ่มตั้งแต่วิหารเจ้าดารารัศมี  เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๖ สร้างกุฏิทรงล้านนา  สร้างมหาเจดีย์  สร้างอุโบสถที่งดงามหลังโตเหมือนปราสาทที่ท่านนิมิตนั่นแหละ
        ท่านต้องต่อสู้กับความวิเวก  กับสัตว์ป่าด้วยการแผ่เมตตา  สู้กับความอดอยากสารพัดที่จะสู้ทุกรูปแบบ  ถ้าไม่ไปเห็นกับตาคงไม่เชื่อว่าพระภิกษุอายุเพียงเท่านี้จะทำได้ขนาดนี้  และท่านถือว่าไม่ต้องไปบอกบุญใคร  อาศัยพระบารมีของพระพุทธบาท  อธิษฐานขอจากปวงเทพเทวาว่าจะสร้างโบสถ์ ให้เป็นไปตามหน้าบุญ  "มีก็ฉัน ไม่มีก็ไม่ฉัน มีก็เอา ไม่มีก็ไม่เอา  ใครจะมาทำบุญก็มา"  แล้วอธิษฐานขอจากครูบาศรีวิลัย เทพเทวา ไม่วุ่นวาย ไม่ยึดติด
การเดินทางมาวัดพระบาทสี่รอย
จากตัวเมืองใช้เส้นทางสายเชียงใหม่ แม่ริม ระหว่างกิโลเมตรที่ 20-21 จะมีป้ายบอกทางไปวัดอีก 31 กิโลเมตร
(ถนนดีมากๆครับ)